ข้อมูลจาก Statista พบว่า ประเทศที่มีรายได้สูงสุดจากสถานบันเทิงครบวงจร 7 อันดับแรก ได้แก่
1.มาเก๊า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2.ลาสเวกัส 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3.สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
4.เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
5.ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
6.เวียดนาม 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
7.อินโดนีเซีย 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
---สิงคโปร์ นำกาสิโนฟื้นเศรษฐกิจ---
เมื่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป หลายครั้งสิ่งที่เคยมองว่าผิดกฏหมาย อย่าง “กาสิโน” เมื่อถูกนำเข้ามาอยู่ในระบบ และจัดการอย่างถูกต้อง โปร่งใส กลับช่วยสร้างเม็ดเงินให้กับบางประเทศได้อย่างมหาศาล “ลี เซียน ลุง” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ประกาศสนับสนุนการเปิดธุรกิจกาสิโนอย่างเต็มที่ เพื่อตอบรับการแข่งขันทางเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมที่แข่งดุเดือด หลังกาสิโนเป็นสิ่งต้องห้ามภายในประเทศมายาวนานถึง 40 ปี และมองว่า ขัดต่อศีลธรรม
สถานบันเทิงครบวงจรในสิงคโปร์ มีกฎหมายที่ว่าด้วยการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน โดยมีข้อกำหนดต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขในการอนุญาต การควบคุมและกำกับดูแล ตลอดจน มาตรการทางภาษี
สิงคโปร์มีหน่วยงาน Gambling Regulatory Authority of Singapore หรือ GRA ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลและออกใบอนุญาตให้ตั้งกาสิโนได้ ซึ่งจะออกได้ไม่เกิน 2 ใบอนุญาต (1 ใบอนุญาตต่อ 1 ผู้ประกอบการ), ออกมาตรการควบคุมการจ้างงาน ตลอดจนกำหนดวิธีการเล่นเกมส์ และกฎกติกาของเกมส์ที่จะใช้เล่นในกาสิโน
ทั้งนี้ มาตรการในการห้ามหรือจำกัดการเข้าเล่นกาสิโน มีการห้ามผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 21 ปี เข้าใช้บริการกาสิโน โดยพลเมืองสิงคโปร์หรือบุคคลที่มีที่พำนักในสิงคโปร์จะเข้าใช้บริการกาสิโนได้ ก็ต่อเมื่อได้ชำระค่าเข้าในอัตรา 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ ต่อ 24 ชั่วโมง หรือ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับค่าเข้าใช้รายปี
เงินค่าธรรมเนียมที่เก็บได้ต้องนำส่งเข้า Singapore Totalizator Board หรือ กองทุนภาษีและค่าธรรมเนียมการพนัน เพื่อนำไปใช้จ่ายในกิจการเพื่อสังคม
ในการประกอบกิจการ กาสิโนต้องเสียภาษีให้แก่กรมสรรพากรสิงคโปร์ เป็นประจำทุกเดือน ในอัตรา 12% ของรายรับในแต่ละเดือนในส่วนผู้เล่นพรีเมี่ยม และ 22% ของรายรับในแต่ละเดือน สำหรับผู้เล่นอื่นธรรมดา
สถานบันเทิงครบวงจรในสิงคโปร์ สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้กว่า 3 แสนล้านบาท มีการจ้างงานสูงกว่า 2 แสนตำแหน่ง เพิ่มรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวมากถึง 47% และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อ GDP ประมาณ 2% คิดเป็น 2.4 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน ก็มีการจัดตั้งสภาแก้ไขปัญหาการติดพนันแห่งชาติ หรือ NCPG โดยมีอำนาจหน้าที่ในการ ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากรณีสมาชิกในครอบครัวของผู้ติดการพนันมีคำขอให้ออก คำสั่งห้ามหรือจำกัดบุคคลไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน (Family exclusion or visit limit)