>>37 พศ 2501 นายพลเนวินจึงทำรัฐประหารแบบวีรบุรุษ คือเข้ามาแก้ปัญหาชาติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและความแตกแยก ทหารคือมาแบบโคตรเป็นมิตร ใจดี ประชาชนรัก โอ๊ยตาย คุ้นมาก ขอบอก
ในภาพลักษณ์ดีของทหารช่วงนั้น นายพลเนวินที่เกลียดเจ้าฟ้าเป็นทุนเดิม แอบไปสนับสนุนพวกใต้ดินเด็กหนุ่มไทใหญ่ให้ล้มระบอบเจ้าฟ้า จนถึงจุดที่ระบอบเจ้าฟ้าอยู่ไม่ได้ ในที่สุดปี 2502 ตัวแทนเจ้าฟ้าลงนามประกาศคืนอำนาจเจ้าฟ้าแก่สภาแห่งชาติ เป็นอันสิ้นระบอบเจ้าฟ้าในฉาน แม้จะมีประชาชนบางส่วนยังเคารพอยู่เช่นเดิม ก่อนที่จะคืนอำนาจให้อูนุหลังเลือกตั้งภายหลังปฏิวัติไป 2 ปี
แล้วละครบทเดิมก็เริ่ม คือรัฐบาลพลเรือนคุมกันไม่อยู่ การเมืองเศรษฐกิจและความขัดแย้งเพิ่มขึ้น จนในที่สุดทหารที่นำโดยนายพลเนวินเจ้าเดิมก็บุกยึดอำนาจรอบสองในปี 2505 แต่คราวนี้ไม่มีทหารแสนดีขวัญใจประชาชนอีกแล้ว คงเหลือแต่ค้อนเหล็กอันแข็งกร้าวควบคุมประชาชน โดนเฉพาะดินแดนชนกลุ่มน้อย ที่หนักและชัดคือกระเหรี่ยง แม้แต่ฉานเองก็รู้แล้วว่าผิดพลาดที่รวมกับพม่า แถมไปเชื่อทหารพม่าล้มเจ้าตัวเอง ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีอะไรให้ตามคำพูด ทั้งเอกราชแม้แต่อัตลักษณ์ของตนที่พยายามทำลาย ดังที่เผาหอหลวงเมืองเชียงตุงทิ้ง และจับบรรดาเจ้าฟ้าไปขังไว้ที่ย่างกุ้ง จนบางพระองค์สิ้นพระชนม์ยังไม่อนุญาตให้นำพระศพกลับบ้านเกิดเลย
ความกดดันตรงนี้เอง จึงทำให้ในที่สุดก็เกิดกองทัพกู้ชาติรัฐฉานแบบที่เราได้ยินมานั่นล่ะ ซึ่งพม่าก็บอกว่าเป็นกบฎ ก่อการร้าย ส่วนคนไทเขาบอกว่าแค่ต้องการอิสระความมีตัวตน ซึ่งนโยบายพม่าคือ ชาติเดียวคำสั่งเดียว
อันนี้เล่าย่อแล้วนะ ย่อไหม55 แต่หวังว่าใครอ่านมาจนถึงตรงนี้จะพอได้เข้าใจที่มาที่ไปของการเมืองพม่าและรัฐฉานพอสมควร เรื่องที่ฉานไม่เลือกอยู่กับไทยไม่เคยเป็นจริง อังกฤษไม่เคยมีตัวเลือกนี้ให้แต่ไหนแต่ไร และเอาเข้าจริง เจ้าฟ้าเชียงตุงมีบทบาทในการเรียกร้องเอกราชไม่มาก เพราะตอนนั้นเจ้าฟ้าเชียงตุงอายุมากชราภาพ เจ้าจายหลวงรัชทายาทก็เด็กมากเกินไป ส่วนใหญ่อำนาจของฉานช่วงเวลานั้นเป็นของยองห้วยและแสนหวีมากกว่า โดยเฉพาะยองห้วยที่ถือเป็นเมืองใหญ่ เพราะเป็นหน้าด้านติดกับพม่า ที่ทั้งพม่าและอังกฤษให้ความสำคัญ เมื่อรวมกับระบบแต่งงาน ทำให้เจ้าฟ้ายองห้วยได้รับการยอมรับมากที่สุด แต่ทางไทยเราไม่คุ้นเคยเพราะเป็นส่วนในพม่า ต่างกับเชียงตุงที่มีเขตติดกับไทยนั่นเอง ถ้ามีส่วนใดผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ