>>36 เข้าใจคำพูดนี้ไหมครับ อธิบายง่ายๆ คือจริงๆ แรกเลยฉานถูกดูถูกและเหยียดว่าป่าเขา ต่ำต้อยกว่าพม่า เมื่อได้อิสระก็อยากเท่าเทียมภายใต้การปกครองตนเอง แต่ไม่ได้อยากแยกจากพม่า เพราะอยู่กันมานาน ทางออกทะเลก็ไม่มี และที่สำคัญยังล้าหลังและเสียหายจากสงครามมาก แยกไปก็ลำบาก ไม่เคยมีการถามจากอังกฤษว่าจะไปอยู่กับสยามไหม เพราะไม่ใช่ประเด็นเลย ก็สยามไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ์อังกฤษเลย จะมายกให้เราทำไม?
อังกฤษฟังดูก็ถือว่าโอเคนะ แถมบอกด้วยว่าไม่ได้หวังให้ฉานแยกออกจากพม่าอยู่แล้ว การที่ผู้แทนฉานต้องการเช่นนี้ก็ถือว่าตรงใจทุกฝ่าย แต่มันติดที่ทางนายพลอองซานต้องการให้เป็นสหภาพ คือหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยก แต่ฉานต้องการเป็นสหพันธรัฐ คือรัฐอิสระปกครองตนเองภายใต้ประเทศเดียวกัน เอาให้เข้าใจง่าย หรือฉานอยากได้แบบสหรัฐอเมริกา ต่างคนต่างเป็นรัฐอิสระในประเทศเดียวกัน แต่พม่าอยากได้แบบรัสเซียคือคนละแคว้นแต่ขึ้นตรงต่อการปกครองส่วนกลาง ตรงนี้ล่ะที่ไม่จบ
แต่นายพลอองซานชำนาญการประสานอยู่แล้ว ไม่งั้นเข้าไม่ได้กับทั้งญี่ปุ่นและอังกฤษหรอก เลยจัดการประชุมที่เวียงปางหลวงในเขตฉานขึ้น โดยเชิญเจ้าฟ้าที่เป็นที่นับถือ รวมทั้งตัวแทนจากคะฉิ่น ฉิ่นและกระเหรี่ยงมาร่วมประชุม โดยตัวแทนพม่ามีเพียงนายพลอองซานผู้เดียว
การประชุมไม่มีอะไรมาก คือต้องการให้ทุกรัฐร่วมกันเพื่อต่อรองจากอังกฤษให้มีเอกราชทันที โดยข้อแลกเปลี่ยนง่ายๆ 2 ข้อ คือ 1 สัญญาว่าจะเท่าเทียมโดยแท้จริง ถ้าพม่าได้เงิน 1 จัต ไท คะฉิ่น ฉิ่นและกระเหรี่ยงต้องได้ 1 จัตเท่ากัน และ 2 ให้อยู่ร่วมเป็นสหภาพกันไปสัก 10 ปีดูก่อน ถ้าไม่เวิร์คจะกำหนดในรัฐธรรมนูญไว้เลยว่าให้สามารถแยกเอกราชได้ ที่สำคัญยังยื่นข้อเสนอให้ประธานาธิบดีคนแรกหากไม่ใช่ตัวนายพลอองซานก็ให้เป็นตัวแทนจากฉาน คือให้เจ้าฟ้าไทใหญ่เลือกกันมาเลย พม่ารับได้หมดทุกเงื่อนไข แหม่ฟังเงื่อนไขนี้ใครจะไม่เอาด้วย
เมื่อตกลงกันหมด อังกฤษก็เห็นว่าตามกันหมดแล้วนี่ แถมอังกฤษยังมองว่าพม่าเต็มไปด้วยปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ ปกครองยากอยู่แล้ว ดังนั้นปีกว่าหลังจบสงครามจึงมอบเอกราชให้ทันที แถมเหน็บในรัฐธรรมนูญปี 2490 ว่าให้รัฐฉานและรัฐอิสระอื่นๆพิจารณาการแยกตัวเอกราชได้เมื่อผ่าน 10 ปี และการกระทำของพม่าไม่ตัดสิทธิ์ใดๆ ไป โดนใจใช่เลย
น่าเศร้าตรงบิดาสหภาพพม่าอย่างนายพลอองซานถูกลอบสังหารก่อนถึงสิบปี ทำให้คนที่รับประกันความเท่าเทียมไม่อยู่ เมื่อตั้งรัฐบาลแรกเจ้าส่วยไตก์ เจ้าฟ้าหลวงเมืองยองห้วยจึงได้เป็นประธานาธิบดีคนแรก ทั้งนี้ตามที่นายพลอองซานตกลงกับอังกฤษว่าหากไม่ใช่ตนแล้ว ให้คนไท เป็นประธานาธิบดีคนถัดไปเพราะมีประชากรลำดับที่สองนั่นเอง โดยเจ้าส่วยไตก์เป็นผู้มีความสนิทกับข้าหลวงอังกฤษประจำพม่ามาแต่เดิม และยังเป็นเมืองใหญ่ของฉานตะวันตกอีกทั้งเป็นผู้อาวาโสที่เจ้าฟ้าไทใหญ่ให้ความเคารพ
แต่ความที่เป็นประเทศใหม่และเจ้าส่วนไตก์ก็ไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง งบประมาณที่พม่ามีน้อยนิดแล้วยังไปถึงฉานน้อยเข้าไปอีก เอาเป็นว่าสัญญา 1 จัตเท่ากันไม่ต้องพูด เพราะแม้แต่กระเหรี่ยง คะฉิ่นยังได้มากกว่าฉาน
สาเหตุนั้นคนไทเชื่อว่าพม่าไม่พอใจฉานมาแต่เดิม คืออังกฤษชนะพม่าได้ ก็ปลดพระเจ้าสีป่อเนรเทศและไม่ตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ แต่เจ้าฟ้าไทใหญ่กลับได้ปกครองตามเดิม มันเอาเปรียบกันนี่น่า
เมื่อได้งบน้อย การพัฒนาพื้นที่ก็แย่ ทุกโครงการไม่มีอะไรสำเร็จ โรงเรียน โรงพยาบาล ถนน ยิ่งความเจริญเข้ามาตามยุค คนรุ่นใหม่ก็ต่อต้านระบอบเจ้าฟ้า โดยโจมตีว่าไม่พัฒนาเพราะเจ้าฟ้าสนใจแต่เรื่องของตน ไม่สนใจประชาชน โดยไม่ดูว่างบมันไม่มี ภาษีแต่ละเมืองก็น้อยนิด
ตอนนั้นเอง เป็นปี 2500 คือครบ 10 ปีตามรัฐธรรมนูญพอดี พวกฉานเลยขอใช้สิทธิ์แยกการปกครอง สังเกตนะครับ ไม่ใช่สิทธิ์แยกเอกราช แค่แยกปกครองเป็นรัฐ แต่ยังรวมกันในนามสหพันธรัฐพม่า เพื่อแก้ปัญหา แต่อูนุประธานาธิบดีตอนนั้นไม่เห็นด้วย เขาเข้าหานายพลเนวินและให้ทำรัฐประหารรัฐบาลของตนเสีย!!!