ผมลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังให้ฟังแบบคร่าวๆ (แต่ยาวนิดหน่อย) แล้วคุณลองถามตัวเองว่าการที่โครงการแจกเงินของพรรคอึ่งไข่เดินมาถึงทางตันวันนี้ เกิดจากใคร
- พรรคอึ่งไข่เริ่มงัดเงินดิจิตอลขึ้นมาหาเสียงน่าจะราวๆต้นเดือนเมษา 2023 ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งเดือนพฤษภา ตอนนั้นพรรคส้มคะแนนกำลังหายใจรดต้นคอ พรรคอึ่งไข่ถึงกับเหงื่อตกเพราะไม่คิดว่าพรรคส้มจะมาแรงขนาดนั้น เลยงัดเอาโครงการแจกเงินดิจิตอล blockchain ของสถาบันต้นไม้ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการสัพเพเหระฟิลด์ (ถ้าจำไม่ผิดมีทั้งรัฐศาสตร์ นิเทศน์ศาสตร์ การละคร ฯลฯ) เป็นผู้เขียนขึ้นมาจากจินตนาการบนแผ่นกระดาษ เอามาชูเป็นนโยบายเรือธงในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อเร่งสปีดหนีและตอกฝาโลงเพื่อไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ 300
- โครงการเงินดิจิตอลของสถาบันต้นไม้ที่เขียนขึ้นมาโดยนักวิชาการที่ไม่เคยทำธุรกิจอะไรมาก่อนเหล่านี้ เป็นเพียงเอกสารไม่กี่สิบหน้าที่ไม่มีรายละเอียดอะไรในการ implement ไอ้ระบบที่ว่านี้เลย เป็นเพียงเอกสารแสดงคอนเซ็ปต์ว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะเสกเงินดิจิตอลที่อยู่บน blockchain ขึ้นมาจากอากาศ โดยที่ไม่ต้องมีเงินจริงหนุนหลัง เป็นเหมือนคูปองแจกฟรีให้คนเอาไปใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันภายใน 4 กม. เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเป็นวงรอบเล็กๆ นับพันนับหมื่นวงทั่วประเทศ (คนในพรรคอึ่งไข่ใช้คำว่าพายุหมุน) หลังจากผ่านไป 6 เดือน คนสุดท้ายที่ถือคูปองอากาศที่ว่านี้ จะสามารถนำไปแลกเป็นเงินสดได้ ในขณะที่รัฐบาลสามารถเก็บภาษีจากการซื้อขายที่เกิดในพายุหมุนแต่ละลูก 5-7 รอบในช่วง 6 เดือน เอามาจ่ายให้คนที่ถือคูปองคนสุดท้ายโดยที่รัฐไม่ต้องมีเงินอยู่จริงเลย คือเรียกว่าเป็นไอเดียจับเสือมือเปล่าที่จีเนียสสุดๆ (ตอนนั้นถึงกับมีคนที่ได้ฟังกลุ่มบ้านบางแคร์พูดในคลับเฮาส์ ถึงกับตบเข่าฉาด)
- แต่ปรากฎว่าแนวความคิดในการจับเสือมือเปล่านี้ถูกแบงค์ชาติออกมาเบรกว่า เฮ๊ย นี่พวกเอ็งกำลังเลี่ยงบาลีพิมพ์เงินออกมาใช้โดยไม่ผ่านแบงค์ชาติและโดยไม่ต้องมีทรัพย์สินอะไรหนุนหลังอยู่นี่หว่า มันผิดกฎหมายนะโว๊ย
- คราวนี้พรรคอึ่งไข่เริ่มงง เอาไงดีวะ หาเสียงไปแล้ว ลงจากหลังเสือไม่ได้แล้ว จึงต้องเปลี่ยนมาบอกว่านี่ไม่ใช่เงินอากาศครับท่าน แต่เป็นเงินดิจิตอลทีมีเงินบาทหนุนหลังเต็มมูลค่า และเรามีวิธีบริหารจัดการโดยไม่มีการกู้เงินสักบาท
- มาถึงตอนนี้ ศิริกัญญาจึงเริ่มออกมาสะกิดว่า เฮ่ย พวกเอ็งจะเอาเงินจากไหนมาหนุนหลังเงินดิจิตอลของพวกเอ็งวะ ชั้นบวกลบคูณหารงบประมาณแล้ว ยังไงมันก็ไม่พอ ต้องกู้แน่ๆ บอกชาวบ้านเขาไปตรงๆสิวะ อย่าไปหลอกเขา
- คนในพรรคอึ่งไข่ได้ยินก็ควันออกหู ดาหน้าออกมาด่าศิริกัญญากันใหญ่ว่าเป็นเด็กน้อย เจ้าไม่รู้จักวิธีหาเงินโดยไม่ต้องกู้หรอก เดี๋ยวดูผู้ใหญ่พรรคอั๊วแสดงฝีมือให้ดูว่าเอาเงินมาจากไหนโดยไม่ต้องกู้
- ศิริกัญญาตัวแสบออกมาสวนทันควันว่า ทำไมชั้นจะไม่รู้หล่ะ พวกเอ็งจะทำเป็นศรีธนนชัยว่าไม่กู้ แต่จะใช้คำว่ายืมแทนใช่มั๊ยหล่ะ ไปกู้หน่วยงานของรัฐอย่างแบงค์ออมสินโดยเลี่ยงไปใช้คำว่า “ยืม” แทน แต่หน่วยงานเหล่านั้นเขาคงไม่มีให้พวกเอ็ง “ยืม” มากขนาดนั้นหรอกนะ ชั้นดูมาหมดแล้ว
- สุดท้าย หลังจากพบความจริงว่า แบงค์ออมสินก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้จริงๆ เหมือนที่ศิริกัญญาดักคอไว้ พรรคอึ่งไข่จึงพยายามเฮือกสุดท้ายบอกว่างั้นกูจะไปรวบรวม “เงินเย็น” ที่หน่วยงานราชการต่างๆ เก็บสำรองเอาไว้ไม่ได้ใช้งาน เอามารวมเป็นก้อน แค่นี้ก็จบ โคตรจีเนียสสัดๆ เลยกู
- ศิริกัญญาได้ยินก็หัวเราะก๊ากกับความไม่ประสีประสาของคนในในพรรคอึ่งไข่ บอกว่า มันจะไปพอได้ยังไง มันไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปเอาเงินเขามาใช้ได้อย่างนั้นหรอก พวกเอ็งฝันไปเหรอ
- พรรคอึ่งไข่หลังพบความจริงอันเจ็บปวดว่าทุกอย่างเป็นจริงตามที่ศิริกัญญาดักทางไว้อีกแล้ว ก็ออกมายืนคอตก สารภาพกับชาวบ้านว่า “เอ่อ เรามีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อชาติครับ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ แต่เราจะพยายามรักษาวินัยการคลังให้มากที่สุด”
- หลังจากนั้น คนในพรรคอึ่งไข่บางคนคงหลับฝันเห็นบุญทรง อดีตรัฐมนตรีจำนำข้าวมาเข้าฝัน ตื่นขึ้นมาเหงื่อแตกซิกๆ รีบประชุมกันว่าเอาไงดีวะ สุดท้ายก็มีคนเสนอว่าเอางี้ เตะลูกไปให้กฤษฎีกาตีความดีกว่า เผื่อฟลุก กฤษฎีกาเผลอบอกว่าทำได้ เราจะได้เอาไว้ใช้เป็นยันต์ป้องกันตัวไม่ให้ติดคุก
- แต่ปรากฎว่ากฤษฎีกาไม่หลงกล ตอบกลับมาว่ามึงจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้ผิดกฎหมายแล้วกัน แล้วก็เล่ากฎหมายให้ฟังเป็นข้อๆ
- อึ่งไทยยังไม่ทันหายงง อยู่ดีๆ ปปช ก็ส่งเอกสารนับร้อยหน้ามาให้ดูอีก บอกว่ามึงจะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าทำผิดตามนี้นะ พร้อมกับเฉลยข้อสอบมาให้เลยว่ารอเล่นข้อนี้ข้อนี้อยู่ มึงจะลงก็รีบลง
ทั้งหมดเป็นสรุปลำดับเหตุการณ์ก่อนจะมาถึงวันนี้
ปล. ผมเขียนขึ้นจากความจำ อาจมีรายละเอียดคลาดเคลื่อนไปบ้างเล็กน้อย ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนะครับ 😂