หมอเลี้ยบชนะแค่เรื่องความนิ่ง แต่ทั้งคู่มีข้อมูลที่น่าสนใจเหมือนกัน แต่ข้อมูลศิริกัญญาแน่นจริง แค่เรื่องมาตรา 53 หรือ 56 ที่แย้งมา หมอเลี้ยบก็อ้ำอึ้งและเบี่ยงประเด็นแล้ว
ชอบที่ศิริกัญญาพูดถึงปัญหาสภาพคล่องว่าปัจจุบัน ธปท.เจอปัญหาการระดมทุนยากอยู่แล้ว ซึ่งถ้ารัฐบาลออก พรบ.เงินกู้ และไประดมทุน ก็ยิ่งไปแย่งสภาพคล่องกันอีก
หมอเลี้ยบพูดได้ดีเรื่องญี่ปุ่น ที่บอกว่าเขาไม่ต้องรอให้เศรษฐกิจถึงเวลาวิกฤติจริง แต่เมื่อมีสัญญาณบอกมาแล้วว่าจะมีปัญหา ญี่ปุ่นรีบจัดการออกนโยบายทันที
แต่หมอเลี้ยบตอบไม่ได้ถึงเรื่องสัญญาณความวิกฤติของไทย ซึ่งมันโยงไปถึงเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ขนาดศิริกัญญาพูดข้อมูลจาก ธปท. มาแล้ว แต่หมอเลี้ยบแย้งด้วยการยกข้อมูลของนักวิชาการที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก 555
ใดๆ คำพูดที่ศิริกัญญาเอาชนะได้ คือที่บอกว่า ถ้าวิกฤติจริง ทำไมต้องรอถึงเดือนพฤษภาคม อันนี้ชั้นเห็นด้วยกับศิริกัญญามากๆ
(เหมือนที่หลายคนพูดกันแหละว่า ถ้าเร่งด่วนจริง ทำไมรัฐบาลเลือกออกเป็น พ.ร.บ. ไม่ใช่ พ.ร.ก.)
ใดๆก็ตาม ถ้ากฎหมายนี้ผ่านกฤษฎีกาได้ ผ่านสภาได้ และไม่ติดปัญหาเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีใครไปห้ามรัฐบาลในการดำเนินนโยบายได้หรอก แต่คนที่ต้องรับผลดีหรือผลเสียก็คือประชาชนทุกคนค่ะ ทำให้การออกมาโต้ตอบและได้ฟังข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อให้ประชาชนเลือกเชื่อเองนี่จึงดีที่สุด เพราะนโยบายนี้มันอยู่บนพื้นฐานความเชื่อและความมั่นใจล้วนๆ
อีพวกนางแบกที่ต้องการให้คนอวยอย่างเดียว ฟาดงวงฟาดงาคนที่ออกมาวิจารณ์ ด่าสาดเสียเทเสียศิริกัญญาคือสมองบ้งมาก คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจริง เดี๋ยวอีพวกนี้มันก็หายหัวไปหมด คอยดู
ส่วนชั้น ถ้ามันทำแล้วออกมาดีจริงอย่างที่พูด นี่ก็พร้อมชื่นชมค่ะ
#ดิจิทัลวอลเล็ต #ศิริกัญญา #เพื่อไทย #ก้าวไกล