"มันแปลกไหมครับว่า ทำไมแม้แต่ผู้นิยมรัฐสวัสดิการรวมถึงระบบสังคมนิยมกลับไม่ได้ยินดีปรีดา หรือกระทั่งเฉลิมฉลองเชิดชูเยอรมนีในฐานะดินแดนต้นกำเนิดรัฐสวัสดิการเลย?
คำตอบเร็วๆ คือ เพราะ ‘รัฐสวัสดิการสมัยใหม่‘ ไม่ได้เกิดจาก ‘รัฐบาลฝ่ายซ้าย‘ แต่เกิดจาก ‘รัฐบาลฝ่ายขวา‘ และนักการเมืองอนุรักษ์นิยมอย่าง ‘ออตโต วอน บิสมาร์ค‘ (Otto Von Bismarck)
หลังบิสมาร์ครวมชาติเยอรมันเสร็จ สิ่งที่สร้างความปวดหัวทันทีคือ ขบวนการสังคมนิยมที่ขยายตัวมากๆ ในยุโรป อันเนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมขยายตัว และมันสร้าง ‘ชนชั้นแรงงาน‘ ที่มีความทุกข์ระทมในชีวิตทุกหย่อมหญ้า และนี่ก็เป็นภัยมากๆ ต่อชาติที่เพิ่งเกิดใหม่อย่างเยอรมนี ซึ่งแน่นอนว่า บิสมาร์คได้ทำการออกกฎหมายต่อต้านสังคมนิยมมาในปี 1878 เพื่อคุมการขยายตัว
ทว่าผลคือ กฎหมายมันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร ขบวนการพวกนี้ลงไปใต้ดิน และขยายตัวไปเรื่อยๆ ส่วนปีกบนดินของขบวนการอย่าง Social Democratic Party (นิยมเรียกย่อจากภาษาเยอรมันว่า SPD) ก็ขยายตัวเรื่อยๆ ในสภา
นี่ทำให้บิสมาร์คมองว่า ต้องทำอะไรสักอย่างให้ ‘แรงงาน‘ มีความพึงพอใจในชีวิตมากขึ้น และไม่ไปฝักไฝ่ขบวนการหัวรุนแรงอย่างสังคมนิยม
และผลที่ตลกร้ายจัดๆ คือ ในทศวรรษ 1880 รัฐบาลของบิสมาร์คก็ผ่านกฎหมายสร้างระบบสวัสดิการสังคม โดยเก็บค่าประกันสังคมจากลูกจ้างและนายจ้างมารัวๆ ซึ่งทำให้เยอรมนีกลายเป็นรัฐสวัสดิการสมัยใหม่แห่งแรกของโลกในที่สุด
อย่างไรก็ดี พวกนักประวัติศาสต์ต่างเห็นตรงกันว่า จริงๆ บิสมาร์คไม่ได้มีความใส่ใจด้านสวัสดิการอะไรทั้งนั้น เค้าแค่ต้องการนโยบายที่จะทำให้เหล่าแรงงานมีชีวิตที่ดีพอที่จะไม่ลุกฮือขึ้นมาก่อความวุ่ยวายในสังคม
และถ้ามองในแง่นี้ บิสมาร์คทำถูกต้อง เพราะเยอรมันไม่ได้มี ‘การปฏิวัติ‘ อะไรจริงๆ แม้ว่าอีกด้านหนึ่ง ถ้ามองจากมุมนักประวัติศาสตร์ฝ่ายซ้ายก็จะบอกว่า โครงการต่างๆ ของบิสมาร์คไม่ได้ทำให้ขบวนการแรงงานอ่อนแอลงเลย แต่จริงๆ กลับแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ ดังเช่นในปี 1890 ที่บิสมาร์คลงจากตำแหน่ง คะแนนเสียงของพรรค SPD ได้เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัวจากการเลือกตั้งในปี 1884 หลังจากกฎหมายประกันสุขภาพฉบับแรกของโลกผ่านมาหมาดๆ
ตลกร้ายทางการเมืองคือ พรรค SPD เสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆ ในช่วงสาธาณรัฐไวมาร์ ก่อนจะโดนแบนไปในยุคนาซี ซึ่งนาซีก็เอาระบบ ‘ประกันสังคมแบบเยอรมนี‘ ที่เกิดในสมัยบิสมาร์ค ไปเผยแพร่ในฝรั่งเศส เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ และประเทศเหล่านี้ก็ใช้ระบบดังกล่าวมาต่อเนื่องจากยุคที่ตกอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลนาซี
และนี่คือตลกร้ายที่แท้จริง เพราะแม้ว่าเยอรมนีจะมีคุณูปการต่อการบุกเกิดรัฐสวัสดิการในยุโรปและของโลกเยอะ แต่ตัวการในการสร้างคุณูปการตรงๆ คือรัฐบาลฝ่ายขวาทั้งนั้น
แน่นอน นักประวัติศาสตร์และขบวนการฝ่ายซ้ายก็จะบอกว่า ถ้าในสมัยบิสมาร์คไม่มีแรงกดดันจากขบวนการแรงงาน และพรรคสังคมนิยม กฎหมายสร้างรัฐสวัสดิการชุดใหญ่ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็เป็นอย่างว่าที่ "ผู้ผลักดันรัฐสวัสดิการออกมาจนสำเร็จ" คือรัฐบาลฝ่ายขวา และนี่เป็นตัวอย่างระดับคลาสสิคที่เค้าบอกว่า รัฐสวัสดิการในภาพใหญ่ไม่ใช่ผลผลิตของฝ่ายซ้าย (หรือฝั่งสังคมนิยม) แต่เป็นผลผลิตของรัฐบาลฝ่ายขวา (ไม่ว่าจะเป็นอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม หรือทุนนิยม) ที่ต้องการสร้างการประนีประนอมไม่ให้เกิดการลุกฮือขึ้น
นี่คือคำอธิบายว่า ทำไมรัฐสวัสดิการถึงดูห่างไกลจากสังคมอุดมคติในแนวสังคมนิยมที่ต้องการให้ ‘ทุกคนเท่ากัน‘ เพราะในเมื่อแก่นสารของรัฐสวัสดิการคือ การสร้างความประนีประนอมไม่ให้คนปฏิวัติ เป้าของสวัสดิการเลยมุ่งไปยังกลุ่มคนที่ถ้าไม่ได้รับสวัสดิการชีวิตจะบัดซบจนลุกขึ้นมาปฏิวัติ หรือพูดอีกแบบคือ สวัสดิการมุ่งไปยังกลุ่มคนที่อ่อนแอสุดในสังคมเป็นหลัก สวัสดิการจะไม่ทำให้คนรู้สึกชีวิตแย่เกินไป เท่านั้นพอ จะไม่ทำอะไรมากกว่านั้น
ทั้งหมดคือ แก่นสารต้นกำเนิดของรัฐสวัสดิการที่นักกิจกรรมรุ่นใหม่ๆ อาจหลงลืมไป และการหลงลืมนี้มันเริ่มจากการไม่มีความจำที่แจ่มชัดว่า รัฐสวัสดิการสมัยใหม่แบบที่เห็นๆ กันทุกวันนี้ เกิดในยุคที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบริหารประเทศด้วยซ้ำ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://theopener.co.th/node/1876"
รอวันชมซ้ายรุ่นใหม่วอร์กับกก. และทอน ความจริงซ้ายจ๋าๆหัวใหม่ที่ไม่ไปร่วมหัวจมท้ายกับส้ม(เช่นกลุ่มดินแดง)ก็เคยเตือนเรื่องนี้ไว้ และความจริงแล้วสาธาณรัฐนิยมขวาน่ะเป็นอันตรายกับซ้ายและอนาคี่มากกว่ารอยัลลิสต์อีกนะจั๊ฟ