คนฉลาดจริงไม่ปล่อยให้ประเทศชาติราบเป็นหน้ากอง
คนฉลาดจริงไม่ปล่อยให้ประเทศชาติราบเป็นหน้ากอง
จุดจบบริษัททหารรับจ้างวากเนอร์
เบื้องต้นเงื่อนไขที่ประธานาธิบดี Alexander Lukashenko ของเบลารุสเป็นคนกลางเจรจากับนาย Yevgeny Prigozhin เจ้าของบริษัททหารรับจ้าง Wagner และต่อมานาย Dmitry Peskov โฆษกเครมลินออกมาแถลงเพิ่มเติม สรุปคร่าวๆได้ประมาณนี้ครับ
1. ทหารรับจ้างวากเนอร์ยอมถอนกำลังกลับที่ตั้ง รัฐบาลรัสเซียจะไม่ดำเนินคดีกับกำลังพลของวากเนอร์ เนื่องจากมีความดีความชอบมาก่อน แต่หลังจากนี้กำลังพลของวากเนอร์ต้องอยู่ภายใต้กลาโหมรัสเซียแล้ว ตรงจุดนี้รายละเอียดยังไม่ชัดเจนว่าแค่ให้เซ็นสัญญากับกลาโหมให้เป็นเรื่องเป็นราว หรือว่าจะยุบบริษัทแล้วดึงกำลังพลของวากเนอร์มาเป็นทหารรัสเซียเลย
2. นาย Yevgeny Prigozhin จะเดินทางออกนอกประเทศไปอยู่เบลารุส (Lukashenko รู้จัก Prigozhin เลยเป็นคนกลางเจรจาได้) โดยปูตินรับรองความปลอดภัยให้ จะไม่มีการดำเนินคดีกับ Prigozhin
3. ระหว่างการเจรจา ไม่มีการตกลงเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายทหารระดับสูงในกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด กล่าวคือปูตินไม่ปลด Shoigu หรือ Gerasimov ตามที่วากเนอร์เรียกร้อง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะไม่มีการโยกย้ายตำแหน่งใดๆเลยนะครับ แต่ "ถ้าจะมี" ปูตินในฐานะประธานาธิบดีและผู้บัญชาการสูงสุดจะเป็นคนสั่งการเอง ไม่ให้ทหารรับจ้างมากดดันได้ ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าจะมีการแต่งตั้ง Surovikin แทน แต่รอดูประกาศเป็นทางการก่อนครับ
4. ปฏิบัติการพิเศษในยูเครนดำเนินต่อไปตามปกติ
สำหรับสาเหตุที่วากเนอร์ยอมถอย ทั้งที่อีกประมาณ 200 กิโลเมตรก็จะถึงกรุงมอสโกแล้ว เท่าที่ผมมีข้อมูลคือกำลังพลของวากเนอร์เกือบครึ่งไม่เห็นด้วยกับการก่อกบฏตั้งแต่แรก และระหว่างที่เหตุการณ์ดำเนินไป ก็มีคนถอนตัวมากขึ้น สุดท้ายกำลังพลจึงไม่พอจะสู้กับฝ่ายรัฐบาลรัสเซียที่มีกำลังพลทั้ง Rosgvardia (National Guard) ตำรวจ กองกำลังเชเชน และหน่วยทหารรัสเซียจากพื้นที่อื่นๆที่ทยอยเดินทางมาสมทบ ปิดล้อมสกัดเส้นทางของวากเนอร์ได้ สุดท้ายจึงมีการเจรจาโดยให้ Lukashenko มาเป็นคนกลาง เปิดทางถอยให้วากเนอร์ เนื่องจากทุกฝ่ายต้องการหลีกเลี่ยงการนองเลือด ด้วยเหตุนี้แม้จะเกิดความสูญเสียบ้างจากการปะทะกันก่อนหน้านี้ แต่เหตุการณ์ก็ไม่บานปลายถึงขนาดเป็นสงครามกลางเมือง
ไม่น่าเชื่อว่าเราได้เห็นประวัติศาสตร์ The Rise and Fall of the Wagner PMC สูงสุดคืนสู่สามัญ ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง
สวัสดี
25.06.2023
ไวรุ่นว๊าคเนอร์ว่าไงครับ
สมัยนี้มันมีดาวเทียม+บ.สอดแนมส่องเห็นหมด ไอ้กลยุทธ์เบียวๆแบบ ล้อมเว่ยช่วยจ้าว หรือ โห่ร้องบูรพาแต่เข้าตีประจิม ไม่น่าจะทำได้แล้ว ไอ้จะหลอกเอาวากเนอร์มาตีเคียฟน่ะ แค่รวมพลแผนก็แตกแล้ว
CIAแม่งเช็คเด้ง วากเนอร์เลยบอกกลับไปนอนเกาไข่ดีกว่า ให้ขึ้นเช็คได้ค่อยออกมาอีกรอบ
ยุคนี้ดาวเทียมไอ้กันจับภาพ 24/7 realtime ความชัดระดับเซนติเมตรครอบคลุมผิวโลกทุกตารางนิ้ว แต่บางคนยังจมอยู่กับยุคสามก๊กอยู่เลย
สรุปสถานการณ์ในรัสเซียวันนี้
อีแร้งมีนาโต้ รัสเซียก็มี CSTO นี่หว่าทำไมไม่เรียกใช้มาสร้างกองกำลังคานอำนาจวะ
ภาพถ่ายปีก่อนเท่ดี
http://en.kremlin.ru/events/president/news/68418
พี่ๆ น้าๆ ลุงๆ
สงคราม มีโอกาสใกล้จบไหมครับ รึจะเกิดอะไรชึ้นต่อไป
เห้อ สงสารติ่งตะวันตกวะ ทั้ง TAF กลุ่มหมา อวยไส้แตกเงิบแบบนี้อายฉิบ โดยเฉพาะ TAF ควายแท้ๆเลย กุว่าเงียบไปนานพอได้จังหวะโชว์กระบือกทันทั
เค้าทวงเบี้ยเลี้ยงที่ค้างจ่ายกันแค่นั้น ปืนลั่นโป้งป้างมีบ้าง ซอยกูแม่มเสือกอม
เคลียร์บิลจบ ก็แยกย้าย เอารถถัง เอาอาวุธคืนคลัง พวกอาสา พวกคนคุก ถ้าอยากรบต่อก็สมัครเข้ากรมกองไป
โกชินกับพวกครูฝึกก็ไปเทรน ทหารให้ลูก้า ที่เบลารุส สร้างทีมน้อง เหมือนวงม่วงที่ส่งปผทไปเทรนเด็กเหนือ
ในซาโปริซเซีย ฝ่ายยูเครนกำลังพยายามจัดตั้งพื้นที่หัวหาดหลายๆ แห่งขึ้นมา ซึ่งถ้าหากประสบความสำเร็จแล้ว เป้าหมายในท้ายที่สุดที่จะเป็นการขยายจากพื้นที่หัวหาดเหล่านี้ เพื่อตัดกองกำลังฝ่ายรัสเซียให้ขาดออกเป็นหลายๆ ส่วน และสามารถสถาปนาที่มั่นริมทะเลอาซอฟ (Sea of Azov) ขึ้นมาสักแห่งหนึ่ง
ฝ่ายยูเครนมีกำลังพลอยู่ราวๆ 12 กองพลน้อย ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากนาโตเพื่อวัตถุประสงค์ในการนี้ ในจำนวนนี้มี 9 กองพลน้อยที่ได้รับการประกอบอาวุธของฝ่ายตะวันตก อาวุธเหล่านี้มีหลายหลากทั้ง รถถัง ยานสู้รบทหารราบ (infantry fighting vehicles หรือ IFVs) รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ (armored personnel carriers หรือ APCs) รถหุ้มเกราะต้านทานทุ่นระเบิดและการซุ่มโจมตี (mine-resistant ambush-protected หรือ MRAP vehicles) และยุทโธปกรณ์อื่นๆ อีกจำนวนมาก
สำหรับแนวรบนั้นจัดว่ายาวเหยียดแนวรบหนึ่งทีเดียว และเวลานี้กำลังมีการสู้รบดำเนินอยู่ในหลายๆ สมรภูมิ ขณะที่ฝ่ายยูเครนกำลังมองหาทางเจาะทะลุทะลวงผ่านกองกำลังรัสเซียซึ่งตั้งรับอย่างเหนียวแน่นโดยมีการจัดทำแนวป้องกันหลายๆ ชั้นซึ่งมีความลึกในระดับสำคัญ
ในสมรภูมิชิงแคว้นเคิร์สก์เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งสองฝ่ายต่างระดมกำลังทางอากาศของพวกเขาออกมาใช้ โดยภาพรวมแล้ว กองทัพอากาศเยอรมนีหรือที่เรียกกันในภาษาเยอรมันว่า ลุฟต์วัฟเฟอ (Luftwaffe) ประสบความสำเร็จอย่างสำคัญในสมรภูมิ ทว่าด้วยค่าใช้จ่ายความสูญเสียที่สูงลิบลิ่ว โดยที่ ลุฟต์วัฟเฟอ นำเอาทั้งเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินโจมตีภาคพื้นดิน และเครื่องบินทิ้งระเบิดมาใช้งาน
ฝ่ายรัสเซียก็มีการทุ่มเทให้แก่การสู้รบเป็นอย่างดี ด้วยการระดมเครื่องบินจำนวนเป็นพันๆ ลำ ในนี้มีทั้งอิลยูชิน อิล-2 สตอร์มโมวิค (Ilyushin IL-2 Stormovik เครื่องบินโจมตีภาคพื้นดิน) และลาวอชคิน แอลเอ-5 (Lavochkin LA-5 เครื่องบินขับไล่) พูดโดยรวม รัสเซียสูญเสียเครื่องบินไป 1,130 ลำ เปรียบเทียบกับฝ่ายเยอรมนีที่สูญเสียไป 711 ลำ แต่ว่าเยอรมนีจะเจอปัญหาใหญ่ๆ ทีเดียวทั้งในเรื่องการหาเครื่องบินทดแทนลำที่สูญเสียไป ตลอดจนการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงมาอย่างเพียงพอสำหรับให้เครื่องบินของตนยังคงขึ้นบินต่อไปได้ เยอรมนียังสูญเสียนักบินชั้นเยี่ยมที่สุดของตนไปจำนวนหนึ่ง โดยในเวลาเดียวกันนั้น พวกนักบินรัสเซียซึ่งอยู่ในระดับ “อ่อนหัด” ได้เรียนรู้เพิ่มประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ จากการสู้รบจริงๆ
การสู้รบช่วงชิงเคิร์สต์ ซึ่งมีชื่อยุทธการว่า “ยุทธการซิทาเดล” (Operation Citadel) ถือว่าเป็นการสู้รบกันด้วยรถถังครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ฝ่ายเยอรมันมีรถถัง 2,700 คันสำหรับการรุกครั้งนี้ ส่วนฝ่ายรัสเซียมี 3,600 คัน รถถังฝ่ายเยอรมันที่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายอย่างหนักมีจำนวน 1,536 คัน สำหรับรถถังฝ่ายรัสเซียที่ถูกทำลายหรือเสียหายมีจำนวน 2,471 คัน รถถังนั้นบ่อยครั้งได้รับการซ่อมแซมและส่งกลับเข้าไปปฏิบัติการในสนามรบได้ใหม่ บางครั้ง 2 รอบหรือ 3 รอบทีเดียว
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.dupuyinstitute.org/blog/2018/12/26/comparative-tank-exchange-ratios-at-kursk/)
ในการสู้รบที่ยูเครนซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ นอกเหนือจากพวกโดรน และพวกอาวุธยิงได้ไกลมีการนำทางอย่างแม่นยำ อย่างเช่น ขีปนาวุธสตอร์ม แชโดว์ (Stormshadow) ของสหราชอาณาจักรแล้ว กองทัพอากาศยูเครนแทบไม่ได้มีส่วนอะไรในสมรภูมิเลย
ตรงกันข้าม ฝ่ายรัสเซียกำลังใช้แสนยานุภาพทางอากาศของพวกตนและโดรนของพวกตนได้อย่างทรงประสิทธิภาพ ที่น่าประทับใจมากที่สุดคือ เฮลิคอปเตอร์ Ka-52 ติดตั้งขีปนาวุธ (ต่อสู้รถถัง) แบบวิคร์ (Vikhr missiles) เฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ยังสามารถประกอบเข้าอย่างเหมาะเจาะกับระบบต่อต้านอาวุธปล่อยนำวิถีด้วยความร้อนแบบยิงในทิศทางตรงๆ (directional infrared countermeasures หรือ DIRCM) นั่นคือ ระบบวิเตบสก์ แอล-370 (Vitebsk L-370)
(เรื่องของเฮลิคอปเตอร์ Ka-52 ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.airforce-technology.com/projects/ka52-alligator-attack-helicopter-russia/)
(เรื่องขีปนาวุธวิคร์ ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.kalashnikovgroup.ru/media/raketno-artileriyskoe-vooruzhenie/kak-rabotaet-protivotankovaya-raketa-vikhr)
(เรื่องระบบวิเตบสก์ แอล-370 ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://theaviationist.com/2020/07/08/lets-talk-about-the-vitebsk-l370-the-russian-new-generation-directional-ir-countermeasure-dircm-system/)
ฝ่ายรัสเซียบอกว่า ระบบวิเตบสก์ ได้สร้างความปราชัยให้แก่พวกระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบประทับบ่ายิงของฝ่ายยูเครนเป็นจำนวนมาก ขณะที่ Ka-52 ก็น็อกเอาต์ทั้งรถถัง IFVs, APCs และ MRAPs มากมายในสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียจึงได้เพิ่มจำนวนเฮลิคอปเตอร์ในการสู้รบคราวนี้
ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังใช้ทุ่นระเบิดชนิดที่โปรยลงมาจากทางอากาศ (บางครั้งจึงเรียกกันว่า ทุ่นระเบิดแบบหว่านโปรยได้ scatterable mines) พวกระบบกวาดทุ่นระเบิด รวมทั้งระบบระดับก้าวหน้าที่จัดส่งให้โดยสหรัฐฯ และชาตินาโตอื่นๆ ตลอดจนประเทศใกล้ชิดนาโต (เช่น สวีเดน) ไม่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับทุ่นระเบิดประเภทนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ฝ่ายยูเครนได้นำเอายานกวาดทุ่นระเบิดอัตโนมัติคันหนึ่งมาใช้ ซึ่งน่าจะเป็นยานกวาดทุ่นระเบิด UR-77 ของรัสเซียที่ยูเครนยึดมาได้
(เรื่องทุ่นระเบิดโปรยจากทางอากาศ ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://man.fas.org/dod-101/sys/land/fascam.htm)
ในสมรภูมิเคิร์สก์ปี 1943 ทุ่นระเบิดก็มีบทบาทที่สำคัญไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ดี อาวุธต่อสู้รถถัง เวห์รมาคท์ (Wehrmacht) และรถถังแพนเซอร์ (Panzer) มีความสำคัญมากกว่า โดยได้สังหารรถถังรัสเซียไปเป็นจำนวนมากมายกว่าที่ฝ่ายรัสเซียสามารถแข่งขันได้จากการทำลายรถถังเยอรมันของพวกเขา
ฝ่ายรัสเซียได้นำเอารถถัง T-34 ของพวกเขาไปซุกซ่อนอำพรางไว้ ซึ่งช่วยปกป้องรถถังเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง ทว่าก็ทำให้พวกมันตกเป็นเป้าหมายที่ทำลายได้ง่ายๆ เมื่อเกิดการสู้รบแบบตะลุมบอน ขณะที่ T-34 ได้รับการยกย่องชมเชยในเวลาต่อมา แต่มันมีจุดอ่อนตรงที่ไม่ได้มีกำลังยิงในระดับรถถังของเยอรมัน รวมทั้งไม่มีทัศนศาสตร์ที่แม่นยำ และทักษะการเติมน้ำมันที่พัฒนามาอย่างดีซึ่งเป็นสิ่งที่การฝึกอบรมแบบเยอรมันผลิตขึ้น
มี T-34 ถูกทำลายไปเป็นจำนวนสูงกว่ารถถังเยอรมันมากมายนัก ทว่าลงท้ายฝ่ายรัสเซียก็ยังคงสามารถทำให้กองทัพเยอรมนีพ่ายแพ้ได้
ลักษณะโดดเด่นอย่างหนึ่งของการรุกที่ฝ่ายเยอรมนีใช้ในการชิงแคว้นเคิร์สก์ ได้แก่การสู้รบอย่างดุเดือดเลือดพล่านรอบๆ เมืองเล็กๆ ชื่อ โปรโครอฟกา (Prokhorovka) –ซึ่งเป็นกิจการที่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูงมาก และมีลักษณะตีได้แล้วก็เสียไปกลับไปกลับมา การโจมตีของฝ่ายเยอรมันนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการโรแลนด์ (Operation Roland) และเป็นส่วนหนึ่งของการรุกที่มีขนาดกว้างขวางกว่านั้นอีกเพื่อช่วงชิงแคว้นเคิร์สก์ ซึ่งเยอรมนีเรียกชื่อว่า ยุทธการซิทาเดล
ในท้ายที่สุดแล้วฝ่ายรัสเซียสูญเสียทหารไป 800,000 คน (ทั้งถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ) เปรียบเทียบกับฝ่ายเยอรมันที่สูญเสียทหาร 200,000 คน –โดยที่ฝ่ายเยอรมันมีความตระหนักถึงความจริงที่ว่า กองทัพรัสเซียซึ่งฝ่ายเยอรมันเขมือบกินอย่างสบายก่อนหน้านี้ ได้สุกงอมกลายเป็นกองกำลังสู้รบที่น่านับถือ โดยมีลักษณะเด่นๆ อยู่ที่การบังคับบัญชาที่ดีขึ้น การร่วมมือประสานงานในสนามรบอยู่ในระดับสูงขึ้น และ –สิ่งสำคัญที่สุด ได้แก่ –ความปรารถนาที่จะยืนหยัดและสู้รบในท่ามกลางผู้บาดเจ็บล้มตายอย่างน่าสยดสยอง
ยุทธการโรแลนด์เกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม ถึง 27 กรกฎาคมปี 1943 ฝ่ายเยอรมันได้ยุติการสู้รบเมื่อความสูญเสียต่างๆ ของพวกเขาบรรลุถึงระดับที่ไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป
กองทัพที่ฝ่ายโซเวียตส่งเข้าสู่สนามรบในปี 1941 และปี 1942 นั้นมีระดับคุณภาพที่แตกต่างไปจากกองทัพโซเวียตในปี 1943 โดยที่ในปี 1943 มันคือกองทัพที่ผ่านการชนะสงครามชิงเมืองสตาลินกราด (Stalingrad) มาแล้ว และยืนหยัดได้อย่างมั่นคงเหนียวแน่นในการต้านทานการรุกครั้งใหม่ของฝ่ายเยอรมนีในแคว้นเคิร์สก์ การบังคับบัญชาของฝ่ายรัสเซียมีการปรับปรุงยกระดับดีขึ้นอย่างชัดเจน ยุทธวิธีต่างๆ มีการปรับปรุงยกระดับ เช่นเดียวกับเรื่องการข่าวกรองในสมรภูมิ
เปรียบเทียบกันแล้ว เมื่อพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในสมรภูมิยูเครนตอนนี้ กองทัพประจำการของรัสเซียซึ่งกำลังสู้รบอยู่ในเวลานี้ มีคุณภาพดีขึ้นอย่างห่างไกลจากสภาพที่มันเคยเป็นในระหว่างช่วงต้นๆ ของ “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของปูติน
ตัว ปูติน เอง เมื่อเร็วๆ นี้ได้พูดจาหารือถึงปัญหาของพวกนายพลนั่งโต๊ะ หรือนายพลไม้ปาร์เกต์ (parquet generals) ซึ่งหมายถึงพวกนายพลที่อยู่แต่ในออฟฟิศของพวกตนโดยไม่ได้ออกมานำทัพในภาคสนามให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ในแง่นี้มันก็มีความเชื่อมโยงกับสงครามเคิร์สก์ปี 1943
สงครามในแคว้นซาโปริซเซียคราวนี้ดูมีความแตกต่างออกไปในหลายๆ ด้าน ฝ่ายรัสเซียขณะนี้กำลังเป็นฝ่ายป้องกัน แต่ก็ต้านทานการบุกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าของฝ่ายยูเครนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราไม่ทราบอะไรมากนักเกี่ยวกับความสูญเสียของฝ่ายรัสเซียไม่ว่าในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์หรือในด้านกำลังพล แต่ดูเหมือนว่าการโจมตีของฝ่ายยูเครนนั้นโดยส่วนใหญ่แล้ว ตอนนี้อยู่ในสภาพล่าถอยกลับไป ขณะที่สร้างค่าใช้จ่ายแพงลิ่วทั้งสำหรับยูเครน และสำหรับพวกซัปพลายเออร์ชาวตะวันตก
ยูเครนได้ใช้กำลังของตนราวๆ 20 ถึง 30% เข้าไปในการสู้รบครั้งนี้ โดยมีทั้งพวกกองพลน้อยที่ผ่านการฝึกอบรมจากฝ่ายตะวันตก และพวกกองพลน้อยสำรองที่ปราศจากพื้นฐานทักษะของกองพลน้อยตามแบบแผนการจัดตั้งของนาโต
มีกองพลน้อยของยูเครนที่ใช้ในการโจมตีบางหน่วยตกอยู่ในสภาพเสียหายแหลกลาญ บางหน่วยก็ถูกสั่งถอยออกมาเนื่องจากไร้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีข้อมูลข่าวสารที่หนักแน่นน่าเชื่อถือใดๆ เกี่ยวกับการบาดเจ็บล้มตายโดยรวมในการบุกของฝ่ายยูเครนคราวนี้ แต่ประมาณกันว่าต้องอยู่ในเรือนพันๆ คน พวกอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายตะวันตกที่ถูกประโคมโฆษณาเอาไว้มากมายนั้น มีบางชิ้นถูกทำลายไปแล้ว เป็นต้นว่า รถถังลีโอพาร์ด (Leopard tank) จากเยอรมนีและโปแลนด์ และยานสู้รบแบรดลีย์ (Bradley fighting vehicle) จากสหรัฐฯ
รถหุ้มเกราะต้านทานทุ่นระเบิดและการซุ่มโจมตี (MRAPs) ของอเมริกันที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในอิรักและอัฟกานิสถาน ก็ถูกฝ่ายรัสเซียทำลายเสียหายหนัก แน่นอนอยู่แล้วว่า MRAPs ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ปกป้องกองทหารจากพวกระเบิดแสวงเครื่อง (improvised explosive devices หรือ IEDs) ยานลำเลียงทหารขนาดหนักเหล่านี้ไม่ได้หุ้มเกราะหนาเพื่อหยุดยั้งพวกอาวุธต่อสู้รถถังสมัยใหม่ หรือพวกอากาศยานไร้นักบินประเภทกามิกาเซ อย่างเช่น โดรน ซาลา แลนสิท (ZALA Lancet) ของรัสเซีย
ในการสู้รบชิงแคว้นเคิร์สก์ ทั้งสองฝ่ายต่างมีการปฏิบัติการเพื่อรวบรวมข่าวกรองจากกันและกัน รวมทั้งการดักฟังวิทยุสื่อสาร ในสมรภูมิซาโปริซเซียปี 2023 ข่าวกรองเป็นสิ่งที่ได้มาจากพวกทรัพยากรซึ่งอยู่เหนือศีรษะ ฝ่ายยูเครนนั้นมีพวกโดรน แล้วพวกเขายังมีเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐฯ และของนาโตที่กำลังเฝ้าจับตาสมรภูมิจากน่านน้ำสากลในทะเลดำ ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงพวกดาวเทียม ฝ่ายรัสเซียก็มีทั้งดาวเทียมทางทหารและอากาศยานไร้นักบินเช่นกัน ฝ่ายรัสเซียยังนำเอาพวกอุปกรณ์รบกวนสัญญาณเข้ามาใช้จนท่วมท้นสมรภูมิ รวมทั้งยังคอยโจมตีเรดาร์และศูนย์บังคับบัญชาสั่งการของข้าศึกอย่างสม่ำเสมอ
จวบจนถึงเวลานี้ ยกเว้นแต่การโจมตีตอบโต้ของฝ่ายรัสเซียในท้องที่บางแห่งซึ่งปกติเกิดขึ้นภายหลังฝ่ายยูเครนสามารถรุกคืบหน้าชิงดินแดนไปได้บางส่วนแล้ว ฝ่ายรัสเซียยังไม่ได้เปิดการรุกตอบโต้ใดๆ ของฝ่ายตนเองเลย มอสโกตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้ต่อไปหรือไม่ในอนาคตยังคงเป็นคำถามปลายเปิด ยุทธศาสตร์ของฝ่ายรัสเซียนั้น --อย่างน้อยที่สุดก็จวบจนถึงเวลานี้ --คือการทำให้กองกำลังของยูเครนอ่อนล้าหมดแรง และลดทอนขวัญกำลังใจในการสู้รบของพวกเขา นี่คือสิ่งที่แตกต่างไปจากสงครามแคว้นเคิร์สก์ ซึ่งฝ่ายรัสเซียมีการหันมาเป็นฝ่ายรุก และมีความปรารถนาที่จะยอมรับความเสียหายอันสุดโหด เพื่อยันการรุกของฝ่ายนาซีกันแบบทื่อๆ ตรงๆ
การรุกของฝ่ายยูเครนเวลานี้ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ทว่าดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างแล้วเช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นการส่อนัยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
^
บางทีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่สุดได้แก่ การที่ยูเครนไม่ได้ใช้ยานเกราะของตนเป็นหัวหอกของการโจมตีใส่แนวป้องกันของฝ่ายรัสเซียอีกต่อไปแล้ว แต่หันมาใช้ทหารราบแทน นี่เองทำให้จำนวนการบาดเจ็บล้มตายของฝ่ายยูเครนพุ่งปรี๊ด และยังกำลังสร้างปัญหาด้านขวัญกำลังใจขึ้นมา เมื่อหน่วยทหารยูเครนบางหน่วยกำลังปฏิเสธไม่ยอมเข้าสู้รบ หรือกำลังทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ของตนเอาดื้อๆ และในบางกรณีกระทั่งยอมจำนนกับฝ่ายรัสเซีย เป็นเรื่องไม่ถูกต้องหากคิดว่าการเสียขวัญหมดกำลังใจเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง แต่หลักฐานที่ปรากฏชี้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่มีปรากฏขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งขวัญกำลังใจในการสู้รบของยูเครนกำลังพังครืน
เป้าหมายของ เซเลนสกี สำหรับการรุกของฝ่ายยูเครนครั้งนี้คือการทำให้นาโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ บังเกิดความมั่นใจในหลายๆ สิ่ง
ประการแรกเลยคือ ยูเครนควรได้เข้าสู่นาโต อย่างเป็นทางการบนพื้นฐานอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นหนทางหนึ่งในการสร้างพันธะผูกพันนาโตว่าจะคอยส่งกำลังบำรุงให้ยูเครนต่อไป ยังมีบางคนบางฝ่ายคิดว่าความคาดหวังอย่างลับๆ ของ เซเลนสกี อยู่ที่การทำให้นาโตส่งกำลังทหารและแสนยานุภาพทางอากาศเข้ามาช่วยเหลือเขาให้หลุดพ้นภาวะล้มละลายด้วยซ้ำไป เซเลนสกี ต้องการอะไรมากกว่าแค่คำรับรองด้านความมั่นคงที่หลวมๆ ไม่ชัดเจนบางอย่างบางประการเท่านั้น ขณะที่พวกชาติสมาชิกนาโตอาจจะไม่สามารถบรรลุฉันทมติสำหรับการให้สิ่งเหล่านี้
เหตุผลประการที่สองสำหรับการรุกครั้งนี้ คือเพื่อสาธิตให้เห็นความสามารถของยูเครน ในการช่วงชิงดินแดนที่รัสเซียครอบครองอยู่กลับคืนมา เซเลนสกี และพวกนายพลของเขาทราบดีว่า นี่คือสิ่งที่นาโต และวอชิงตัน คาดหวัง และเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็นหลังจากการทุ่มเทเงินทองค่าใช้จ่ายไปแล้วมากมาย
มันเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกช็อกสำหรับยูเครน และสำหรับตัว เซเลนสกี เป็นการส่วนตัว จากการประสบความพ่ายแพ้ในการสู้รบชิงเมืองบัคมุต (Bakhmut) ยูเครนยังคงกำลังพยายามหาทางยึดบัคมุตคืน ทว่าแทบไม่ประสบความสำเร็จเอาเลย ยูเครนจำเป็นต้องแสดงให้เห็นความก้าวหน้าอย่างสำคัญในการรุกที่ซาโปริซเซีย ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตครั้งใหญ่ของนาโต ที่กรุงวิลนีอุส, ลิทัวเนีย ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ อย่างไรก็ตาม จากสภาพการสู้รบที่ดำเนินอยู่ในแคว้นดังกล่าวเวลานี้ สิ่งนี้คงไม่อาจจะเกิดขึ้นได้
นาโตยังอาจจำเป็นที่จะต้องขบคิดพิจารณาใหม่เกี่ยวกับแนวพินิจของตนในเรื่องยูเครน และกระทั่งอาจจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะเสี่ยงภัยแค่ไหนกับยูเครน ถึงแม้ตัวเลขาธิการนาโตยังคงเที่ยวพูดจาคุยโตเพื่อเอาอกเอาใจฝ่ายต่างๆ อยู่ก็ตามที หลักฐานเบื้องต้นที่ออกมาเกี่ยวกับการวางแผนของฝ่ายตะวันตกในการรุกของฝ่ายยูเครน และผลงานของอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายตะวันตก กำลังมีผลเป็นการบ่อนทำลายความเชื่อมั่นภายในนาโตเอง
เป็นความจริงที่ว่าอาวุธบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบิน F-16 ยังไม่ได้ถูกนำเข้าสู่การปฏิบัติการในปัจจุบันในยูเครน ทว่าพวกระบบเพื่อการป้องกันของนาโตอย่างอื่นๆ ตั้งแต่พวกระบบป้องกันภัยทางอากาศไปจนถึงยานเกราะระดับก้าวหน้าอย่างเช่นรถถังลีโอพาร์ด ต่างไม่สามารถสร้างผลงานที่ดีเพียงพอ และตกเป็นเหยื่อถูกล่าด้วยการโจมตีตอบโต้กลับของฝ่ายรัสเซีย เรื่องนี้ไม่ใช่ลางดีเลยสำหรับการป้องกันประเทศสมาชิกนาโตเองในอนาคต นาโตที่มองการณ์ตรงความเป็นจริงสมควรที่จะต้องขบคิดแล้วเกี่ยวกับวิธีการในการปกป้องรักษาพื้นที่ซึ่งเป็นใจกลางของตน แทนที่จะเผาผลาญทรัพยากรของตนไปกับประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกนาโตรายหนึ่ง ไม่ว่ามันจะมีโอกาสทางยุทธศาสตร์ดีงามสักเพียงไหนที่นาโตอาจจะได้รับ ถ้าหากสามารถควบคุมยูเครนเอาไว้ได้
ศึกชิงแคว้นเคิร์สก์ เป็นสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่แผนยุทธศาสตร์ของนาซีเยอรมนี และเป็นการกระหน่ำตีอย่างแรงครั้งใหญ่ใส่เหล่านายพลของฮิตเลอร์ รวมทั้งตัวฮิตเลอร์เอง หลังจากสงครามที่เคิร์สก์แล้ว มันก็คือจุดสิ้นสุดการปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ของนาซีเยอรมนีต่อดินแดนโซเวียต นั่นก็คือ การยุติปิดฉากแนวรบด้านตะวันออก ถึงตอนนั้นกองทัพโซเวียตก็สามารถที่จะรวมกลุ่มจัดกำลังใหม่ และไล่ตามโจมตีแนวป้องกันของนาซีในโรมาเนีย โปแลนด์ และฮังการี และเริ่มการเดินหน้ามุ่งสู่กรุงเบอร์ลิน
สำหรับการสู้รบในซาโปริซเซีย เรายังไม่ทราบว่าถึงผลลัพธ์ที่จะออกมา และยังคงต้องเดินกันไปอีกไกลทีเดียว แต่ถ้าหากแบบแผนซึ่งปรากฏให้เห็นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมายังคงดำเนินต่อเนื่องไปในอนาคตแล้ว กองทัพยูเครนและเซเลเนสกี จะตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับที่เหล่านายพลระดับท็อปของกองทัพนาซีเยอรมนีและฮิตเลอร์ ต้องเผชิญภายหลังการล่าถอยออกจากเคิร์สก์
อย่างไรก็ดี ประเด็นปัญหาสำคัญที่สุดจริงๆ แล้ว ก็คือเรื่องอนาคตของนาโต และความสนับสนุนสำหรับการที่นาโตจะออกไปปฏิบัติการต่างๆ นอกพรมแดนของตน การที่นาโตเข้าร่วมในการปฏิบัติการต่างๆ ที่ด้านนอกออกไปจากขอบเขตของกลุ่มพันธมิตรเพื่อการป้องกันแห่งนี้ เป็นสิ่งซึ่งก่อให้เกิดคำถามมานานแล้วเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ขององค์การที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการของนาโต
ยูเครนกำลังก่อให้เกิดคำถามใหญ่ยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา เนื่องจากนาโตกำลังให้สัญญาแก่ ยูเครน ที่จะได้เข้าเป็นสมาชิกนาโตในอนาคตในทันทีที่สงครามคราวนี้ปิดฉากลง เวลานี้กำลังเกิดการขบคิดพิจารณากันใหม่ –โดยล่าสุดคือการส่งเสียงพูดเรื่องนี้ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แน่นอนทีเดียว ไบเดน ไม่ได้ไปถึงข้อสรุปเช่นนี้ด้วยตัวของเขาเองหรอก เขาจำเป็นต้องให้สงครามคราวนี้ดำเนินต่อไปจนกว่าเขาจะชนะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง ทว่ามันดูเหมือนกับว่า เวลานี้วอชิงตันกำลังขบคิดพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการยืนกรานที่จะต้องเดินหน้าไปสู่ชัยชนะของพวกเขา
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.msn.com/en-us/news/world/not-automatic-biden-says-us-wont-support-fast-tracked-path-for-ukraine-into-nato/ar-AA1cGmzb)
ยกเว้นแต่จะได้ชัยชนะซึ่งดูลำบากยากเย็นเหลือเกินแล้ว ความล้มเหลวอย่างเด็ดขาดชัดเจนใดๆ ในยูเครน น่าที่จะส่งผลทำให้ความพยายามที่จะขยายตัวของนาโตต้องหยุดชะงักลง และเปิดโปงให้เห็นจุดอ่อนต่างๆ มากมายที่อาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ในการแก้ไขซ่อมแซม –ถ้าหากว่ามันสามารถแก้ไขซ่อมแซมได้
เซเลนสกี อาจจะต้องพยายามอ่านสัญญาณต่างๆ เพื่อคาดการณ์อนาคตให้ออก และชะลอสงครามลงเพื่อหลีกเลี่ยงความหายนะ ขณะเดียวกับที่เขาต้องใช้ความพยายามต่อไปเพื่อให้ วอชิงตัน ยังคงเข้ามีส่วนร่วม นี่ดูจะเป็นหมากเด็ดที่ดูงดงามเหมาะเจาะทีเดียว ทว่าดูเหมือนว่า เซเลนสกี ไม่ได้เตรียมตัวที่จะนำเอาทางเลือกนี้มาใช้
ฮิตเลอร์เข้าใจดีเมื่อการสู้รบที่เคิร์สก์ประสบความพ่ายแพ้ เขาล่าถอยและยุติยุทธการบาร์บารอสซา (Operation Barbarossa ชื่อรหัสของนาซีเยอรมนีที่ใช้เรียกการรุกรานสหภาพโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่สอง) ยุติการรุกทางแนวรบด้านตะวันออก ถ้าหากการรุกของฝ่ายยูเครนยังคงอยู่ในอาการโซซัดโซเซต่อไปแล้ว เซเลนสกีจะต้องเผชิญทางเลือกทำนองเดียวกัน
สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนเกี่ยวกับสถานการณ์ชิ้นนี้ เผยแพร่ทีแรกสุดอยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน
นี้แหละผลลัพธ์ของการอวยอาวุธตะวันตกไว้มากเกินจริง พอลงสนาม รถถังที่อวยว่าเทพอย่างเสือดาวก็กลายเป็นซาก
ตอนนี้แม่งไปอวย F-16 แล้วนะเว้ยสัด เครื่องบินรุ่นนี้แหละ จะเปลี่ยนกระแสสงคราม เทพๆ
https://youtu.be/7qvFQJEyjwA
https://youtu.be/2m8AtUNzVBk
พริโกซิน โครตหล่อ เลยวะ นึกว่าเป็นตาแก่แรงไม่มี แต่ไม่ใช่
กลศึก ล้อมวุ่ยช่วยเจ้า แวกเนอร์เข้าเบลารุสสามารถตีเคียฟ หรือสกัดกองหนุนที่ยกมาจากโปแลนด์ได้จากอีกทาง การสวนกลับของเคียฟเป็นหมัน เพราะต้องถอนกองกำลังลงมาเพื่อกันเคียฟ ไม่งั้นหลังโล่งแวกเนอร์ตีตลบหลังทีเดียวเคียฟแตก แถมเคียฟส่งคนไปตีไม่ได้ด้วยเพราะเบลารุสไม่ใช่คู่สงครามสงคราม ส่งทหารมาทีนี้เบลารุสมีข้อแ้างส่งทหารไปแระ เยี่ยมจริง ๆ เยี่ยมจริง เยี่ยมจริง ๆ รัสเซียไม่แคร์ว่าเนียนไม่เนียน รู้ไม่รู้แน่จริงส่งมา แวกเนอร์จะลงมาตีเคียฟ หรือกองหนุนแน่นอน
https://youtu.be/lMeEzUSgMKo
ดีใจได้วันเดียว เงียบกริ้บเลย ติ่งไอกัน
>>860 ขู่กี้สินะ ว่าถ้ามึงส่งทหารไปแนวหน้าหมด ว้ากเนอร์ ก็เข้ายึดเคียฟได้ ถ้าโปลจะช่วย เบลารุส ก็จะเป็นคนรับมือ ตอนนี้ มีนุคแล้วด้วย แถมถ้า ว้าเนอร์บุก ก็อ้างได้ว่าโกชินมันสั่งบุกเอง กูไม่เกี่ยว รุสก็ไม่เกี่ยว
กี้ ควรจะเจรจาว่ะ เพราะแนวหน้าก็เจาะไม่เข้า หลังบ้านก็เสียว แต่ก็ขึ้นกับเมกาล่ะ เพราะยังไงก็ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ถ้าศึกนี้แพ้ไล่รุสออกจากยูเครนไม่ได้ ความน่าเกรงขามของเมกาจะเสียหาย กลุ่ม brick จะมีคนกล้าเข้าร่วมมากขึ้น เพราะแข็งแกร่งกว่าทั้งเศรษฐกิจ ทั้งการทหาร แถมจีนมีนโยบายไม่แทรกแซงระบบการเงิน การปกครองด้วย
แผนเหนือเมฆ กลศึกตีล้อมเข้าเคียฟสายฟ้าแล่บ
กี้มันไม่เจรจาหรอก มันจะรบจนคนสุดท้าย วิธีเดียวคือต้องแย่วอำนาจมันและเจรจาแทน มันหน้าด้านจะตายหิวแสงขนาดหนัก บักทุตที่เสียหายไปเยอะก็เพราพแม่งดันทุเรงเอง คนสายทหารก็บอกแล้วถอยเถิด
ปกติไม่อินกับข่าวยูเครนรัสเซีย แต่วันนี้ทำกูขำขันได้ พอข่าวออกมาด่วนๆว่าแวกเนอร์กบฏ พวกกูรู้ผู้เชี่ยวชั้นออกมาอวดฉลาดกันใหญ่เลยว่าในอีกกี่ชั่วโมงจะเกิดอันนี้ๆ ในโม่งก็มี เลื่อนขึ้นไปก็เห็น
แต่พอแวกเนอร์เก็บของกลับแยกย้าย พวกกูรู้แม่งทำเป็นลืมคำทำนายสุดเจ๋งกันหมดเลยห่า ขำจริง555555555
>>865 เมิงไปเชื่อติ่งตะวันตก กุก็บอกอยู่โอกาสละครมันมี >>>/news/17156/701
ทีนี้ใครรักชาติ ยูเครน เมิงลองรัฐประหารกี้ดู พริโกซิน ทำให้เห็นแล้ว 24 ชม รู้ผล
ถ้าแทนที่จะเป็นยูเครนแต่เป็นฟินแลนด์หรือตุรกีที่รุสบุกแทน สมมติว่าสองประเทศนี้ไม่ได้เป็นนาโต้แต่ได้รับการช่วยเหลือแบบยูเครน
ป่านนี้รุสยับหมาถอยกลับบ้านไปหมดแล้ว พวกยูเครนแม่งก็มายด์เซ็ทหัวดื้อดันทุรังเหมือนรุสอะ ผลัดกันพลาดก็เลยได้แค่คาราคาซังอยู่แบบนี้
>>867 ลองดูจากระยะทาง
- kiev (ukraine) to moscow distance = 862km
- kelsinki (poland) to moscow distance = 1090.5km
- ankara (turkey) to moscow distance = 2397.8km
ตุรกีตัดได้เลย นอกจากระยะทางแล้ว ตุรกีเหยียบเรือสองแคมได้ดีมากเลยนะ ทั้ง usa ทั้ง russia ยังไงก็ต้องง้อตุรกี เพราะเป็นประตูจากยุโรป ตอ - ยุโรป ตต. - เอเชียตะวันออก ไม่มีฝ่ายไหนทำอะไรแน่ๆ ตุรกียังไงก็เป็นตาอยู่คอยอยู่ทั้งสองฝั่งเรื่อยๆ
ฟินแลนด์ ชายแดนประชิดจริง แต่ระยะทางก็ห่างจากเมืองหลวงมากกว่ายูเครนแน่ๆ แล้วพอไปดูแผนที่ geo ของฟินแลนด์ ยังไงก็ตั้งฐานทัพยาก รัสเซียคงไม่ไปยุุ่งย่ามอยู่ดี เพราะไม่น่าจะคุ้ม เทียบกับยูเครน พื้นที่ส่วนล่างของฟินแลนด์ที่ติดกับรัสเซียก็แม่น้ำเยอะ
เพจนี้วิเคราะห์ถูกตลอด
อย่ายึดติดกับ Kiev
สืบเนื่องจากมีการปั่นข่าวว่า "เทพเจ้า" วากเนอร์ไปอยู่เบลารุส ห่างกรุง Kiev แค่ 100 กิโลเมตร (วัดจากชายแดนเบลารุส- ยูเครน ตรงป่ากัมมันตรังสี Chernobyl อีกไม่นาน เทพเจ้าวากเนอร์ก็จะยึดเมืองหลวงยูเครนได้เบ็ดเสร็จ Deus vult! ผมเห็นแล้วขำหนักมาก
เรื่องที่ความจริงมีแค่นาย Yevgeny Prigozhin กับแกนนำระดับสูงของวากเนอร์เท่านั้นที่จะลี้ภัยไปอยู่เบลารุส กับเรื่องตัวเลข 100 กิโลเมตรนั่นผมเขียนถึงไปแล้ว วันนี้จะขอเสริมอีกเรื่องว่า "อย่าไปยึดติดกับกรุง Kiev"
ตอนที่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการพิเศษใช้กำลังพล 200,000 นายบุกยูเครนตลอดแนวชายแดนยูเครนกับรัสเซียและเบลารุสยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร (เห็นความเบาบางของกำลังพลที่รัสเซียใช้เทียบกับขนาดแนวรบมั้ยครับ) ทหารรัสเซียที่บุกเข้ามาทาง Chernobyl, Chernihiv และ Sumy ที่มีจุดหมายปลายทางคือกรุง Kiev นั้น มีแค่ประมาณ 50,000 นาย เมื่อหักลบกำลังพลที่ต้องใช้รักษาพื้นที่รายทางไป จำนวนทหารรัสเซียที่สามารถเข้ามาถึงกรุง Kiev ได้มีอย่างมากก็ 30,000 นาย แต่ในกรุง Kiev มีประชากร 3,000,000 คน ต่อให้ไม่มีทหารยูเครนป้องกันเมืองแม้แต่นายเดียว แค่รัฐบาลยูเครนเกณฑ์ชาวบ้านมาสัก 100,000 คน แจกปืน AK ให้คนละกระบอก แค่นี้ทหารรัสเซีย 30,000 นายก็หืดขึ้นคอแล้ว
รัสเซียมีกำลังพลไม่พอ "บุกเข้าตีและยึด" กรุง Kiev ตั้งแต่ต้น
แล้วรัสเซียส่งกำลังทหารมาทาง Kiev ทำไม ?
1. ถ้ายูเครนไม่ต่อต้านปฏิบัติการพิเศษของรัสเซีย รัฐบาลยูเครนยอมแพ้ หนีออกนอกประเทศ หรือคนยูเครนที่สนับสนุนรัสเซียลุกฮือขึ้นมา ทหารรัสเซียก็จะเข้ากรุง Kiev เพื่อรักษาพื้นที่ ไม่ให้เกิดสุญญากาศขึ้นทางภาคตะวันตกของยูเครน ลองคิดดูว่าถ้ารัสเซียบุกเข้าไปเฉพาะในดอนบาส แล้วรัฐบาลยูเครนล่มสลาย เกิดสุญญากาศขึ้นทางตะวันตก แล้วอยู่ๆโปแลนด์หรือ NATO ส่งทหารเข้ามาแบ่งครึ่งยูเครนจะทำอย่างไร
2. เมื่อรัฐบาลยูเครนไม่ยอมแพ้ และจำนวนทหารรัสเซียไม่พอยึด Kiev งั้นก็ล้อมเมืองไว้เฉยๆจนกว่าจะยอมแพ้ก็ได้ ปัญหาคือรัสเซียมีปัญหาการส่งกำลังบำรุง แม้จะยึดสนามบิน Hostomel ได้ แต่ก็ใช้ส่งกำลังบำรุงทางอากาศไม่ได้ เพราะไม่สามารถผลักดันทหารยูเครนออกไปให้สนามบินพ้นจากระยะปืนใหญ่ได้ สุดท้ายเลยต้องจัดขบวนรถบรรทุกยาวหลายสิบกิโลเมตรนั่นเอง
3. เมื่อยูเครนไม่ยอมแพ้ และยังล้อมกรุง Kiev ไม่ได้อีก งั้นก็ให้ทหาร 30,000 นายนี้ดึงความสนใจของกองทัพยูเครน ถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด ให้ทหารรัสเซียในดอนบาสยึดพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะถอนกำลังออกจากกรุง Kiev และภาคเหนือของยูเครน ทุ่มกำลังทั้งหมดไปที่ดอนบาส
จากเป้าหมายเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าแม้รัสเซียจะสูญเสียมากระหว่างการบุก Kiev จากเหตุผลหลายอย่างเช่น มีทหารราบไม่พอคุ้มกันเส้นทางส่งกำลังบำรุง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่า และอยู่ในช่วงฤดู Rasputitsa ที่พื้นดินเป็นโคลนเลน ส่งผลให้ขบวนยานเกราะและคอนวอยต่างๆของรัสเซียต้องแล่นเป็นแถวตอนลึกยาวมาตามถนน ง่ายต่อการถูกซุ่มโจมตี ฯลฯ แต่ก็เป็นปฏิบัติการที่จำเป็น อย่างไรก็ตามเมื่อรัสเซียหันมาทุ่มกำลังที่ดอนบาสจุดเดียวแล้ว กรุง Kiev ก็ยังไม่มีความสำคัญอะไรเพียงพอที่จะไปให้ความสนใจพยายามยึดเมืองทางภาคพื้นดินอีก เป้าหมายของรัสเซียตอนนี้คือการตั้งรับหยุดการรุกฤดูร้อนของยูเครนใน Zaporizhzhia และดอนบาส ละลายกำลังรบของยูเครนให้ได้มากที่สุด แล้วหาโอกาสตีโต้ต่อไป ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องแบ่งกำลังพลไปละลายเล่น เอ้ย เข้าตีกรุง Kiev อีก เป็นภาระให้หน่วยส่งกำลังบำรุงอีก ผมอาจไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้มาสักระยะแล้ว แต่โลจิสติกส์สำคัญนะครับ เวลาเล่นลากแผนที่ก็อย่าเอามันอย่างเดียว คิดถึงโลจิสติกส์ด้วย
สวัสดี
26.06.2023
>>871 >>873 https://www.facebook.com/MilitaryAndDiplomacy/photos/pb.100063443090381.-2207520000./1660563190949013/?type=3
ไหนบอกรัสเซียจะไม่บุก วิเคราะห์เจ๋งจริงๆครับ
>>872 กูว่ามันยังยอมรับนะว่ารัสเซียใช้กองกำลังหลักแล้ว นอกจากนี้ก็ยังไม่ได้เอามาแต่ RT กับ Tass เหมือนพวกสถาบันทิศทางไทย
จนป่านนี้รัสเซียยังไม่ส่งหน่วยรบหลักเข้ายูเครนเลย ... เอาจริงดิ ?!
พูดแบบนี้
กองพลน้อยนาวิกโยธินที่ 155
กองพลพลร่มที่ 76 พิทักษ์รัฐ
กองพลพลร่มที่ 98 พิทักษ์รัฐ
กองพลพลร่มที่ 106 พิทักษ์รัฐ
กองพลน้อยสเปซนาซที่ 45 พิทักษ์รัฐ (สเปซนาซพลร่ม)
กองทัพรถถังที่ 1 พิทักษ์รัฐ
กองเรือทะเลดำเกือบทั้งกองเรือ
และหน่วยทหารอีกหลายหน่วย
กำลังพลในหน่วยเหล่านี้ร้องไห้หมดแล้วมั้ง ถ้าไม่ใช่พวกเขาแล้วหน่วยไหนเป็นหน่วยหลักของกองทัพรัสเซียกัน ?
เรื่องรัสเซียยังไม่ส่งหน่วยหลักเข้ายูเครนนี่มันตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ผมก็เคยเขียนไว้ เรื่องของเรื่องคือสาเหตุที่รัสเซียใช้กำลังพลแค่ 200,000 นายในการบุกยูเครน ทั้งที่มีทหารอาชีพให้ใช้ได้ทันที 400,000 นาย ก็เพราะต้องการสำรองกำลังไว้เผื่อ NATO เข้าแทรกแซง ดังนั้นในช่วงแรกๆนอกจากทหารพลร่มและสเปซนาซที่เป็นหัวหอก กำลังพลที่เข้าร่วมก็จะใช้อาวุธระดับรองลงไปเข้าปฏิบัติการก่อน แต่พอสงครามยืดเยื้อมาจนขณะนี้เกือบจะปีครึ่งแล้ว อาวุธระดับสูงต่างๆเช่นรถถัง T-90M ก็ทยอยถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้นจนแทบจะครบทุกรุ่นแล้ว หน่วยทหารต่างๆก็ส่งกำลังพลอย่างน้อยบางส่วนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาในยูเครนหมดแล้ว ดังนั้นถ้าใครยังปั่นวาทกรรมว่ารัสเซียยังไม่ส่งหน่วยหลักเข้ามาในยูเครนอีกนี่ต้องอัพเดทหน่อย เพราะข้อมูลล้าสมัยมาเป็นปีแล้วครับ
การที่รัสเซียใช้หน่วยหลักในยูเครนแล้วตอนนี้ยังตรึงแนวรบอยู่เฉยๆ ไม่ได้หมายความว่ารัสเซียกระจอก แพ้สงคราม อะไรแบบนั้น แค่เป็นสถานการณ์ ณ ขณะหนึ่งเฉยๆ ดังนั้นการยอมรับความจริงนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แม้รัสเซียจะไม่ได้ย่ำแย่แบบที่ฝ่ายยูเครนและตะวันตกปั่นข่าว แต่ไม่ต้องอวยเป็นเทพเจ้าก็ได้ครับ
สวัสดี
26.06.2023
รัสเซียมีพล 2 แสน แต่ยังไม่เคลื่อนไหว อยู่ตามชายแดนพร้อมรอคำสั่ง มาหลายเดือนแล้วไง
พวกนี้รอบุกเมื่อ ยูเครนเหนื่อยล้าถึงที่สุด ยังมีกุ๊ย วาร์กเนอร์ ที่รอดูสถานการณ์อีกที่ เบลารุส
ไม่แน่ใจเลยว่าใครคือทัพหลักที่ จะไปกุดหัวไอกี้
พริโกซินอาจโดนข้อหากบฏอยู่ดี
โง่ไอ้ควายตายซะมึง
copeเข้าไปครับ ติ่งไอกี้ พริโกซินคือฮีโร่ ไม่ได้ทำเพื่อเงินแต่สู้เพื่อความยุติธรรม
คุณจะไปรบกับใคร สมมติจะมีคนมารุกรานคุณ ผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจะรบชนะด้วย…ประเทศที่อยู่ใกล้ๆ เคยทะเลาะกันก็ไม่ทะเลาะกันแล้ว ทุกวันนี้ลดกองทัพได้ บางประเทศไม่ต้องมีกองทัพด้วยซ้ำ ถ้าผู้นำฉลาดพอ” - เซเลนสกี้
ปูตินเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเกลียดการทรยศที่สุด ต่อให้เหตุการณ์เมื่อวานเป็นเพียงลิเกปูตินก็ปล่อยพริโกซินไปไม่ได้ พริโกซินตายแน่ๆ แต่ต้องดูว่าจะตายจริงหรือตายปลอม ถ้าตายปลอมก็อาจโดนส่งไปใช้ชีวิตเงียบๆในไซบีเรีย
แล้วแต่ ความตายไม่น่ากลัวหรอก แต่การเป็นวีรบุรุษ จะอยู่ในหัวใจของทุกคนตลอดไป
ไม่ใช่ตายแบบ ไอกี้ ทำประเทศล่มจม
https://www.thetimes.co.uk/article/russia-collapse-putin-regime-dissolution-kremlin-2023-36qbsbjrb
"เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหราชอาณาจักร เตือนว่าสหราชอาณาจักรต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่สหพันธรัฐรัสเซียล่มสลายอย่างฉับพลัน แม้ว่าการพยายามรัฐประหารของวากเนอร์จะล้มเหลว"
บอกไอกี้ ก่อนเถอะ เคียฟจะแตกสลายดับพันก่อนอะสิ 5555+
ข้างไข่ปูตินอย่างพรีโกจินยังบอกว่ากองทัพรัสเซียคือกากสัสรัสเซีย แล้วทำไมสยามินสกี้ยังละเมอเพ้อพกว่ากองทัพรัสเซียยอดเยี่ยมไร้เทียมทานอยู่อีกน้อ
555 ควายอังกฤษอีกแล้ว รับมือพ่อแม่มันเถอะ แค่ตาลีบันยังไม่มีปัญญาทำไรได้ ล่าสุดยังโง่ไปโชว์ควายออกจากอียูสุดท้ายกลายเป็นหมา
ไปคว่ำบาตร ติ่งตีปีปรัสเซียไปแน่ ที่ไหนได้เสือกเจ็บเอง ไม่เรียกควายก็ไม่รุ้จะเรียกอะไรแล้ว
ทหารยูเครนเหยียบทุ่นระเบิดและทหารยูเครนก็เริ่มตระหนก ใช่ สงครามเป็นเรื่องน่าเศร้า ฯลฯ แต่สิ่งนี้จำเป็นเพราะทหารยูเครนต้องบุก
ต้องมีคนแลกชีวิตกับทุ่นระเบิด
คงเป็นกรรมของพวกทหารยูเครนแล้ว ที่วางทุ่นระเบิดไว้ที่โดเนส เพื่อสังหารคนบริสุทธิ์ ตอนนี้กรรมตามสนอง
ปูตินมีแถลงการณ์พิเศษ กำลังไลฟ์อยู่ คนแปลภาษา ร้องไห้ไปด้วยแปลไปด้วย ไม่รู้เกี่ยวกับเกณฑ์ทหาร ให้คนรักชาติไหม
(ต่อ) ส่วนที่พิเศษที่สุดของคำปราศรัยของปูตินคือตอนที่เขาเสนอทางเลือกให้กลุ่มติดอาวุธวากเนอร์: เซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหม แล้วกลับบ้านเรา หรือไปที่ เบลารุส. ,เบลารุสถูกใช้เป็นดินแดนรอง ปูตินตัดสินใจว่าจะส่งใครไปที่นั่นหรือไม่
ลูคาเชนโกที่กำลังจะปราศัยต่อจากปูติน เลื่อนแถลงการณ์ ออกไปพรุ่งนี้
บรรยากาศคุกรุ่น และปูตินดูตัวสั่นเทา โกรธอย่างมาก... เดาว่าคงรู้สึกไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ทหารรับจ้างยังจำเป็นใครว่าไม่จำเป็นนี่หลงข่าวปั่นตะวันตกละ
รัสเซียจำเป็นต้องมีทหารรับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นวากเนอร์หรือบริษัทอื่นก็ตาม
จุดกำเนิดของวากเนอร์มาจากการที่รัสเซียต้องการมีกองกำลังติดอาวุธ ที่ไม่ได้สังกัดรัฐบาลรัสเซียอย่างเป็นทางการ สามารถปฏิเสธความเกี่ยวข้องได้ สำหรับปฏิบัติการนอกประเทศในภารกิจที่รัฐบาลหรือกองทัพรัสเซียไม่สะดวกออกหน้าโดยตรง เช่น ในดอนบาสช่วงก่อนเริ่มปฏิบัติการพิเศษ ในบางพื้นที่ของตะวันออกกลางและแอฟริกา เป็นต้น
เมื่อที่ผ่านมารัสเซียต้องทำเสมือนว่าวากเนอร์ไม่มีตัวตน (จะได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องได้) จึงไม่มีการทำสัญญาใดๆกับวากเนอร์อย่างเป็นทางการ แม้แต่ช่วงปฏิบัติการพิเศษที่ผ่านมา ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าเวลากระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงข่าวความคืบหน้าปฏิบัติการพิเศษปกติก็จะไม่เอ่ยชื่อวากเนอร์โดยตรง แต่จะใช้คำอื่นๆเช่น "อาสาสมัคร" หรือไม่ก็เรียกรวมๆเป็นกองทัพรัสเซียไปเลย เพื่อเลี่ยงบาลี
ก่อนหน้านี้แม้จะไม่มีการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับวากเนอร์อย่างเป็นทางการ ก็ไม่มีปัญหามากนัก สาเหตุหนึ่งเพราะฐานปฏิบัติการของวากเนอร์อยู่ต่างประเทศ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้วากเนอร์เข้ามาทำอะไรในรัสเซีย
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อรัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษโดยที่มีกำลังพลไม่พอ เนื่องจากกองทัพรัสเซียเช่นเดียวกับกองทัพของเกือบทุกประเทศทั่วโลก ได้ถูกลดขนาดลงในช่วงหลังสงครามเย็น เป็นกองทัพยามสงบ มีทหารประจำการพอสำหรับป้องกันประเทศเท่านั้น ถ้าจะปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่ จำเป็นต้องระดมพลกองหนุนก่อน แต่ช่วงครึ่งแรกของปฏิบัติการพิเศษ ผู้มีอำนาจของรัสเซียไม่ยอมระดมพล ส่งผลให้กองทัพรัสเซียนอกจากจะไม่มีกองหนุนแล้ว ยังต้องแบ่งกำลังพลไว้ป้องกันชายแดนด้านอื่นๆ รวมถึงสำรองกำลังไว้เผื่อ NATO เข้าแทรกแซงด้วย ขาดแคลนกำลังพลสำหรับใช้ในยูเครน ต้องหากำลังเสริมจากแหล่งอื่น เช่น กองกำลังท้องถิ่นของดอนบาส (DPR และ LPR) กองกำลังเชเชน และทหารรับจ้างวากเนอร์
กองกำลังของ DPR และ LPR นั้นเป็นกองกำลังท้องถิ่นอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว และเมื่อสองแคว้นนี้รวมกับรัสเซีย กองกำลังดอนบาสก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพรัสเซียโดยปริยาย กองกำลังเชเชนเองก็อยู่ในสังกัดของเชชเนีย ซึ่งเป็นเขตปกครองท้องถิ่นหนึ่งของรัสเซียอยู่แล้ว ก็จะมีแค่วากเนอร์และบริษัททหารรับจ้างอื่นๆที่จัดตั้งขึ้นภายหลังเท่านั้นที่ไม่มีสัญญาหรือกฎหมายรองรับ สายการบังคับบัญชาแยกออกจากกองทัพรัสเซีย เมื่อวากเนอร์ไม่ได้อยู่ใต้สายการบังคับบัญชาของนายทหารรัสเซีย รวมถึงรัฐมนตรีกลาโหม ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นก็ไม่มีธรรมเนียมทหารที่จะมาช่วยจัดการระเบียบการติดต่อต่างๆของทั้งสองฝ่ายได้
เมื่อสัญญาณความขัดแย้งชัดเจนขึ้น ก็เป็นธรรมดาที่ต้องจัดการชี้ขาดเรื่องสถานะของวากเนอร์กับกองทัพรัสเซียโดยเร็ว ทีนี้เมื่อกองทัพรัสเซียคือกองกำลังติดอาวุธหลักอย่างเป็นทางการของประเทศรัสเซีย มีสถานะทางกฎหมายชัดเจน การที่วากเนอร์ต้องทำสัญญาไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของกระทรวงกลาโหมก็ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตามถึงแม้หลังจากนี้วากเนอร์จะทำสัญญากับกระทรวงกลาโหม แต่ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วต่อไปภารกิจนอกประเทศที่วากเนอร์ออกหน้าอยู่นั้นจะให้ใครทำแทน เพราะถ้าวากเนอร์ทำสัญญากับกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ก็เท่ากับว่ารัสเซียยอมรับการมีตัวตนของวากเนอร์แล้ว การปฏิเสธความเกี่ยวข้องในทางกฎหมายก็อาจทำได้ยากขึ้น
สำหรับแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ ก็อาจต้องแยกวากเนอร์ที่ช่วยกองทัพรัสเซียรบในยูเครนอยู่ตอนนี้ กับวากเนอร์ที่อยู่ในประเทศอื่นๆ เช่นในแอฟริกาและตะวันออกกลางออกจากกันให้ชัดเจน ที่อยู่ในยูเครนก็ทำสัญญาเข้าสังกัดกองทัพรัสเซียเลย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับวากเนอร์อีก ส่วนวากเนอร์ที่อยู่ในแอฟริกาและตะวันออกกลางก็อยู่นอกประเทศไปตามเดิม ไม่ต้องเข้ามายูเครนแล้ว หรืออาจจะให้บริษัททหารรับจ้างอื่นมาเทกโอเวอร์ในส่วนของแอฟริกาและตะวันออกกลางไป เป็นต้น ต้องติดตามต่อไปว่าจะออกมาในแนวทางไหน
สวัสดี
26.06.2023
ตอนนี้ติ่งตะวันพยายามปั้นเรื่องโง่ๆอย่าง การแตกแยกภายในรัสเซียถ้าปูตินตายขึ้นมา
ขี้ปากปูตินเชื่อถือไม่ได้จริงๆ555 ยังจะอวยกันเข้าไปอยู่ได้นะสลิ่มรัสเซียทั้งหลาย555
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวโลกเป็นแน่แท้แล้วคือความมีเมตตาธรรมของท่านปูตินนั้นถือเป็นที่สุด
ปูตินพูดอย่างชัดเจนในค่ำคืนนี้ว่า "ตั้งแต่ต้น ตามคำสั่งของฉัน เราทำให้สิ่งนี้ปราศจากเลือด"
ดังนั้น รายการแรกในวาระการประชุมสุภาพบุรุษ:
"ใครเป็นคนสั่งให้ Ka52's โจมตี กลุ่ม Wagner ตามคำสั่งของฉัน.. และทำไม?"
เป็นอันรู้กันว่าอาจจะไม่ใช่ละคร ที่วาร์กเนอร์ จะเป็น กบฏปฏิวัติ
แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า วาร์กเนอร์ ไม่ขึ้นตรงต่อรัสเซียอีกแล้ว...
คหสต. ปูตินเมิงผิดเองที่จะยุบ วาร์กเนอร์ ให้อยู่ในอำนาจกลาโหม
ไม่ต่างการจับนกป่า เข้ากรง เราไม่แน่ใจว่า การปฏิวัติครั้งนี้มีใครอยู่ฝ่ายพริโกซินบ้าง อาจทำให้บังลลังก์ของปูตืนสั่นคลอนได้
ส่วนวาร์กเนอร์จะเป็นตายร้ายดีไหม อยู่ที่ ลูก้าเชนโก จะทำอะไรวาร์กเนอร์บ้าง สถานการ์ไม่สามารถคาดเดาได้เลย
ถามจริงไอ้พวกอวยรัสเชียกันในนี้ เคยทำอะไรเพื่อรัสเชียไหม ถ้ารักรัสเชียจริง ทำไหมไม่ออกรบร่วมกับทหารรัสเชียล่ะ จะมาบ่นให้ได้อะไรขึ้นมา
ผลกระทบต่อพลเรือน เทียบปูตินกับไอกี้ก็ชัดเจนละ ใครยึดปชชมาก่อน
คนหนุ่มทั้งสองปท.คงลดไปเยอะ พรี่จีนยิ้มรอเตรียมกลืนชาติ
จะอวยไอ้กี้หรืออวยไอ้ปู ก็เป็นการอวยเผ็ดกลางบ้าอำนาจทั้งคู่
ไอ้ปู ไม่ต้องพูดรู้ๆกัน
ไอ้กี้ ออกกฏหมายปิดปากยุบพรรคฝ่ายค้าน ติดสินบนลูกโจไบเดน คอรัปชั่น etc.
รัสเซียมันยอมถอยวะตอนคนไม่พอและยูเึรนรุกใหญ่แม่งก็ถอนจากคาเคียฟ และตอนหลังเมืองเคอร์ซอนอีก รักษาชีวิตทหาร แต่กี้มีแต่สั่งให้ลุย ดูบักมุตเอาก็ได้
ตอนนี้ถ้ายังบุกโง่ๆเอาแค่ถ่ายรูปชูธง สื่อตะวันตกกับสื่อแดกขี้ตะวันตกบ้านเราตีข่าวชนะครั้งใหญ่ 1 วันเสียพื้นที่สลับไปมา ก็อย่าหวังชนะเลย
ข่าวที่ติ่งตะวันตกปั่นว่ายูเครนรุกคืบได้เป็นพันเมตรไม่เป็นความจริงสักอย่าง
มีรายงานว่า UAV S-70 มีการทดสอบใช้โจมตีเป็นครั้งแรกไปแล้ว
🇷🇺
ในเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (SMO) กองทัพรัสเซียเปิดตัวการทดสอบโดรนโจมตีขนากใหญ่ S-70 "Ohotnik"( Hunter)
• แหล่งข่าวรัสเซียที่มีข้อมูลกล่าวว่า อากาศยานลำนี้ได้รับการทดสอบการบินที่ชายแดนสามประเทศ : ยูเครน เบลารุส และรัสเซียในภูมิภาคซัม (Sum region)
• เป็นอากาศยานที่มีการออกแบบปีก ให้มีลักษณะการล่องหน สันนิษฐานว่านอกเหนือจากโดรนโจมตี S-70 "Ohotnik" แล้ว ยังอาจเป็น Shahed 171 Simorgh ของอิหร่าน (รูป1)
• S-70 "Ohotnik" ตามการประมาณการอาจจะมีน้ำหนักมากถึง 25 ตันซึ่งเป็นสองเท่าของเครื่องบินรบทางยุทธวิธี MiG-29 (รุ่นที่สี่) สามารถทำความเร็วบินได้สูงสุดราว 920 กม./ชม. S-70 ระยะพิสัยบิน 3,500-6,000 กม. และระดับความสูง (เพดานการบิน) ที่มากกว่า 10,000+ เมตร
• ติดตั้งด้วยอาวุธที่มีความแม่นยำสูงเพื่อทำลายเป้าหมายภาคพื้นดินของศัตรู และดำเนินการลาดตระเวนทางอากาศ มีการคาดการณ์ว่า "Ohotnik" จะสามารถบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ได้ตั้งแต่ 2.0-8.0 ตัน
.
• ** ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารอเมริกันเชื่อว่า S-70 "Ohotnik" ของรัสเซียจะสามารถจับคู่กับเครื่องบินขับไล่ Su-57 ได้ รูปแบบทางยุทธวิธีของพวกเขาอาจประกอบด้วยเครื่องบิน 2-3 ลำ (รวมกันเป็น Su-57+ 2 S-70)
• กล่าวคือนักบินของเครื่องบินรบ Su-57 จะสามารถควบคุม "Ohotnik" ของเขาได้ ซึ่งเขาจะส่งไปยังเขตที่มีความเสี่ยงสูงของน่านฟ้า โดยที่พวกมันจะมีหน้าที่ในการเปิดเผยตำแหน่งการป้องกันของศัตรู และรับพิกัดเป้าหมายการโจมตีด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมากในการดำเนินการของการบินขับไล่
เหลืออะไรให้ติ่งตะวันตกล้ออีกวะ ว่ายังไม่ลงสนามจริง
อ่าวพวกกรุข่า ไปเข้าร่วมกับวากเนอร์วะ มีคนอินเดียแห่ไปสมัครเยอะด้วย ทำไงดีวะสมาคมขายตูดให้ยูเครน ต้องแบนอินเดียได้แล้วสัด
>>912 เหลือปูตินยังไม่ถือ ak-47 ไปบู้ไงสัด
เกิดอะไรขึ้นว่า ตอนนี้มีแต่โปรรัสเซียซะใจที่ มีหนวยรบพิเศษตะวันตกถูกถล่มตายไปเยอะ
เกิดที่ไหน เป็นมาไงวะ กุตกข่าวได้ไง
เจอละ
👍 "ทหารมหาภัย"
ผลของการโจมตี Kramatorsk:
✔ ที่ไซต์ที่ถูกโจมตี ทหารรับจ้างต่างชาติหลายคนปรากฏตัวขึ้น ซึ่งไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในยูเครนและแบ่งปันรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของพวกเขาอย่างแข็งขันในโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีคนเห็น Alex Gallant, Arno Dedecker และ Nick Duckworth
✔ ในวิดีโอหนึ่ง สามารถมองเห็นรอยสักของชายที่บาดเจ็บได้อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นของกองพันที่ 3 กรมทหารพรานที่ 75 ของกองทัพสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นผู้สอนหรือทหารรับจ้างหรือพวกเขาอยู่ที่นั่น
✔อีกวิดีโอหนึ่งแสดงให้เห็นชายในเครื่องแบบที่มีตราสัญลักษณ์กองบินที่ 101 ของกองทัพสหรัฐฯ
✔ นักข่าวต่างประเทศและชาวโคลอมเบีย 3 คนก็อยู่ที่สถานที่ดังกล่าวด้วย เช่น นักเขียนเฮกเตอร์ อาบัด นักการเมืองเซอร์จิโอ จารามิลโล และนักข่าวคาตาลีนา โกเมซ
✔ในบรรดาผู้ที่ถูกชำระบัญชียังมีทหารยูเครนด้วย ตัวอย่างเช่น สมาชิกอายุ 22 ปีของ Azov (ถูกแบนในสหพันธรัฐรัสเซีย) Artyom Sukhovey
✔ ในวิดีโอหนึ่งที่มีหลังการโจมตี เสียงที่ได้ยินบอกว่ามีทหารอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
✔อ้างอิงจากกระทรวงกลาโหมของสหพันธรัฐรัสเซีย เป้าหมายของการโจมตีคือฝ่ายบริหารของกองพลที่ 56 และกองบัญชาการระดับสูงอื่นๆ ของกองทัพยูเครนที่รวมตัวกันใน Kramatorsk cafe
อัพเดทเรื่องวากเนอร์ในเบลารุส
ประธานาธิบดี Lukashenko ของเบลารุสเปิดเผยว่าตอนนี้นาย Yevgeny Prigozhin อยู่ในเบลารุสแล้ว
Lukashenko ปฏิเสธข่าวลือที่ว่ามีการสร้างค่ายพักสำหรับกำลังพลของวากเนอร์หลายพันนาย Lukashenko บอกว่าตอนนี้ยังไม่มีการสร้างค่ายสำหรับวากเนอร์โดยเฉพาะ แต่ถ้ามีกำลังพลของวากเนอร์อยากลี้ภัยมาอยู่เบลารุส Lukashenko ก็ยินดีรับไว้ โดยถ้าคนมากก็อาจให้ใช้ค่ายทหารเก่าจากยุคโซเวียตไปพลางก่อน
Lukashenko ต้องการให้วากเนอร์ถ่ายทอดประสบการณ์รบในยูเครนให้กองทัพเบลารุส ดังนั้นเบื้องต้นกำลังพลของวากเนอร์ที่เลือกลี้ภัยตาม Prigozhin ไปก็น่าจะได้เป็นครูฝึกในกองทัพเบลารุสครับ แต่ก็ต้องขึ้นกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแต่ละนายด้วย
สวัสดี
28.06.2023
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0YtsLpDzwkCtTKJxqjSSHkoMasY36G534izuG1AFFoagzDSddPTAtvnCvMQtZ44rMl&id=100068437935718&mibextid=Nif5oz
"ทุกสิ่งเป็นแผนอันแสนชาญฉลาดที่ท่านปูตินวางไว้ทุกย่างก้าว พวกติ่งตะวันตกก็แค่โดนชักจูงจากสื่อทเานั้นหารู้ไม่ว่ารัสเซียเตรียมวางแผนเผด็จศึกไว้อย่างแยบคายอยู่แล้ว" ศาสดาสลิ่มได้กล่าวไว้
ด่วน! กองกำลังของยูเครนเปิดฉากโจมตี Klescheevka ใกล้กับ Bakhmut ในทิศใต้ การต่อสู้อย่างหนักกำลังเกิดขึ้น
• แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายยูเครนจะพยายามบุกทะลวงแนวป้องกันทิศทางนี้เป็นปกติตลอดเวลา และต้องประสบความสูญเสียอย่างหนัก แต่การยิงของวันนี้ตามรายงานจากภาคสนามนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
ยูเครนเละเป็นขี้
ทหารรุสกี้ถอยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว ถ้าเล่นตุกติกซุกระเบิดไว้แล้วบึ้มที่หลังนี่ไม่เหลือแน่
กูมาแนะนำเซิจเอนจิ้นที่ดีกว่าอากู๋
รายงานล่าสุดที่สะพาน Antonovsky
กองทัพรัสเซียสามารถเข้ายึดหัวสะพาน Antonovsky ได้อย่างสมบูรณ์และคืนอำนาจการควบคุมอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากที่ยูเครนข้ามฝั่งมาเมื่อหลายวันก่อน
แม่งสรุปยูเครนทำอะไรได้บ้างวะเนี้ย
🇹🇷 🇷🇺
สื่อตุรกีรายงานว่า เมื่อคืนเป็นอีกครั้ง ที่รัสเซียใช้โดรนขนาดใหญ่ S-70 "Ohotnik" โจมตีเป้าหมายในเขตเคียฟด้วยระเบิดที่มีความแม่นยำสูง
• ตามรายงานดังกล่าว มีเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรงในเมืองเคียฟโดยไม่มีการแจ้งเตือนอันตรายทางอากาศ
• สื่อตุรกียังรายงานอีกว่า รัสเซียใช้โดรนลำนี้ในภารกิจลาดตระเวนเหนือภูมิภาค Sumy ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อทดสอบอุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ที่ไม่สามารถตรวจพบได้
• "ทางการมอสโก" ยังไม่ยืนยันข้อมูลนี้
อีกช่องทางสำนักอินเดีย
https://eurasiantimes.com/russias-s-70-okhotnik-heavy-stealth-drone-starts-bashing/?amp
จะปีครึ่งแล้ว ใครจะไปนึกว่ารัสเซียจะกระจอกขนาดนี้
หางโผล่แล้วว่ะ สังคมนิยม ของแท้
https://www.youtube.com/watch?v=1SnbKjcBtbM&ab_channel=ก้าวหน้าผู้คนและการเดินทาง
>>939 ต่างกันวะ โซเวียตแพ้ถอนกำลังออก แต่รัฐบาลที่โซเวียตตั้งมายังสู้เองได้ นานเป็นปีอยุ่
สหรัฐ นี้นอกจากจะปราบตาลีบันไม่ได้ ที่หรักคือยังเสือกไปเจรจาขอสันติภาพกับคนที่เคยประกาศจะไม่คุย และจำกัดให้สิ้นซาก โดยไม่เห็นหัวรัฐบาลหรือคนอัฟกันเลย
สุดท้ายเจอดักควายคาลีบันบุก สหรัฐทำอะไร แทนที่จะช่วยสู้ เสือกกนีหางจุกตูด ตอนนั้นยังมีกองทัพอยุ่ด้วยนะ นี้แหละมหาอำนาจกำมะลอ
>>940 ยึดทุ่งนาป่าเขา แล้วเอาไปเทียบกับยึดเมืองหลวงได้
จ้ะ อวยเข้าไป เลียเข้าไป ขนหน้าแข้งปูตินมันอร่อยหวานมัน
เมกามันโง่คิดว่ายึดได้ไว้ก่อน แล้วระบบการเมืองเดี๋ยวค่อยว่ากันเลยเป็นแบบที่เห็น
ส่วนรัสเซีย มีสายอยู่ในรัฐบาลยูเครนก็แล้ว จ่ายใต้โต๊ะไปก็แล้ว เทคโอเวอร์ธุรกิจก็แล้ว
แต่พอบุกจริงแม่งแหกกลับมาซะ ยึดเมืองหลวงก็ไม่สำเร็จ ได้แต่เมืองรองแถวๆกบฏที่ตัวเองจ่ายตังค์ให้ แถมเอาไปเอามาโดนตีคืนมาอีก
ไม่กากแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
>>942 ทุ่งน่าเหียไร เมิงควายเปล่าวะ แผนดินที่รัสเซียยึดไปมันคือแหล่ง GDP หลักๆของยูเครนเลย กอ่นจะโชว์โง่ก็ไปหาความรู้ก่อนนะ
นี้เแหละหน่อ โง่แล้วอวดฉลาด กินขี้ตะวันตก จนนึกว่าตัวเองเก่งสุดละ 55555+
https://www.pngwing.com/en/free-png-nzvfu
อันนี้แสดงถึงทรัพยากรสำคัญ แม่งล่ไปฝั่งตะวันออกหมด ทุ่งนาของพ่อเมิงได้แบบนี้คงรวยแล้ว ไม่โง่แบบเมิงหลอก
นาวิกโยธินอเมริกัน David Bramlet และ Troy Offenbacher เล่าว่าได้ต่อสู้ในสงครามที่โหดร้ายกับปูตินอย่างไร
- The Daily Beast - 1 กรกฏาคม 66
ฉันจะไม่กลับมาต่อสู้ สงครามในยูเครนนั้นอันตรายกว่าในอิรักหรืออัฟกานิสถาน นี่เป็นสงครามครั้งที่สามของฉันที่ฉันมีส่วนร่วม และนี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด คุณจะถูกบดขยี้ด้วยปืนใหญ่และรถถัง มีการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินใกล้เรา ห่างออกไป 300 เมตร ห่วยแตกมาก คุณไม่สามารถซ่อนได้ทุกที่ ฉันคิดว่าเราทุกคนจะต้องตาย ไม่มีเฮลิคอปเตอร์จะมาหาคุณ ไม่มีใครช่วยคุณได้เมื่อคุณถูกล้อม เมื่อฉันกลับถึงบ้าน ฉันมีเวลาคิดเกี่ยวกับทุกสิ่ง ฉันได้ข้อสรุปแล้วว่าฉันไม่กลับไป..
เดวิด บรามเล็ตต์
ในช่วงที่มีการก่อสร้างจนถึงการโจมตีของรัสเซีย David Bramlett พบว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องเรียนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กำลังถกเถียงกันว่าในทางทฤษฎีแล้วรัสเซียจะรุกรานหรือไม่ ยูเครน _ เขากำลังได้รับปริญญาโทด้านกิจการระหว่างประเทศจาก Johns Hopkins ในเวลานั้น เขายอมรับว่าเขาคิดว่าการรุกรานของรัสเซียเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง
แต่เมื่อรัสเซียเหนี่ยวไกและรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว เดวิดซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นหน่วยหมวกเบเร่ต์สีเขียวในภารกิจต่อต้านรัสเซียและในฐานะหน่วยลาดตระเวนของกองทัพบกในอิรักและอัฟกานิสถาน รู้สึกว่าถูกบังคับให้ต่อสู้ รัสเซีย .
“มันดีและไม่ดีในใจของฉัน” Bramlett บอกกับ The Daily Beast ในการให้สัมภาษณ์กับ Q ในสัปดาห์นี้
“ฉันนั่งอยู่ในชั้นเรียน และฉันก็ชอบ ฉันสามารถนั่งที่นี่และจบปริญญาและไปทำงานในสำนักงาน และสร้างผลกระทบเล็กๆ น้อยๆ ให้กับโลกได้ด้วยการทำงานในสำนักงานของรัฐ โอเค เป็น?" Bramlett เล่า “ฉันมีความรู้ ทักษะ และความสามารถที่จะช่วยได้ ดังนั้นฉันจึงลางานจากหลักสูตรปริญญาโทและจากไป
ต้นเดือนมีนาคม Bramlett ซึ่งเดินทางโดย “Bam” กำลังเดินทางไปวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ เพื่อตั้งรับก่อนที่จะเข้าร่วมกองกำลังต่างชาติในยูเครน ขณะขึ้นเครื่องบินไปโปแลนด์ Baum กล่าวว่าเขาส่งอีเมลสั้นๆ ถึงพ่อแม่เพื่ออธิบายว่าทำไมเขาถึงต่อสู้เพื่อประเทศอื่น
“ฉันส่งอีเมลถึงพ่อแม่ว่า… นี่เป็นสงครามที่ชอบธรรมที่สุดที่ฉันคิดว่าคนรุ่นฉันจะได้เห็นในช่วงชีวิตของเรา มันแย่มากกว่าดี” Bramlett บอกกับ The Daily Beast “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจากไป ฉันชอบฉันไม่สามารถทนอึนี้
เช่นเดียวกับ Bramlett อดีตนาวิกโยธิน Troy Offenbacher ถูกบังคับให้เข้าร่วมสงครามในช่วงต้นของสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย เขาบอกกับ The Daily Beast ว่าความโหดร้ายของรัสเซียต่อชาวยูเครนในข่าวเป็นส่วนหนึ่งของฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาพร้อมเข้าสู่สงคราม
“เมื่อเดือนมีนาคมที่แล้ว ฉันเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่อฉันได้ยินเกี่ยวกับ International Legion ฉันรู้ว่าฉันกำลังจะมา” Offenbacher กล่าวกับ The Daily Beast ในการสัมภาษณ์จากเคียฟ . “แต่ในตอนนั้นฉันมีหน้าที่รับผิดชอบบางอย่างที่ทำให้ฉันอยู่ที่นั่น ฉันใช้เวลาสองเดือน… ฉันต้องขายบ้าน ขายรถ
ออฟเฟนบาเชอร์ใช้เวลาในการเตรียมตัว ปรับสภาพ และฟิตร่างกายให้พร้อมเพื่อสู้ศึก
เมื่อเขาเห็นภาพหลุมฝังศพจำนวนมากและการประหารชีวิตพลเรือนยูเครนในบุชา Offenbacher โกรธมาก
“ฉันโกรธมากที่คุณทำแบบนี้กับคนที่ไร้เดียงสาขนาดนี้” เธอกล่าว “มันทำให้ฉันเสียใจจริงๆ”
“ฉันมีทักษะที่ฉันได้เรียนรู้ ฉันใช้เวลา 6 ปีในนาวิกโยธิน ฉันสอนนาวิกโยธินคนอื่นๆ ฉันสอนประเทศอื่นๆ ถึงวิธีการต่อสู้ ฉันแค่คิดว่าถ้าฉันนั่งอยู่ที่บ้าน มันจะไม่ถูกต้อง” ออฟเฟนบาเคอร์กล่าว
ความปรารถนาที่จะย้ายไปที่ Bramlet ก็เป็นเรื่องส่วนตัวเช่นกัน
ในปี 2014 รัสเซียผนวกดินแดนอย่างผิดกฎหมายเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ ไครเมียจากยูเครน เขามาถึงสตุตการ์ต เยอรมนีเพื่อทำงานให้กับกลุ่มกองกำลังพิเศษที่ 10 ของกองพันที่ 1 เมื่อรัสเซียย้ายเวลาก็มาถึง
“เมื่อไครเมียแอร์ ความสำคัญทั้งหมดของเราอยู่ที่การป้องกันยุโรปตะวันออกเป็นหลัก ดังนั้น 3 ปีของผมในหน่วยรบพิเศษก็คือ... ทำการฝึกพันธมิตรทั่วยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก และยุโรปตะวันตกด้วย” บามกล่าว “แต่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเราทำมากเกินไป”
และแม้ว่าก่อนหน้านี้ Bramlett จะประจำการรบในอิรักและอัฟกานิสถาน แต่ก็มีสมาชิกหรือทหารผ่านศึกจำนวนมากทั่วโลกที่พร้อมรบในอิรักและอัฟกานิสถาน และไม่ได้เข้าร่วมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จากแพทย์ที่เขาได้เห็นการเตรียมการในยูเครน Baum กล่าวว่า หลายคนรู้สึกถึงแรงดึงที่จะเติมเต็มช่องว่าง
“ไม่มีอะไรน่าผิดหวังไปกว่าการฝึกฝนแล้วฝึกฝน ฝึกฝนเพื่อบางสิ่งบางอย่างมาทั้งชีวิต หรือฝึกฝนเป็นปี ๆ แล้วไม่เคยทดสอบความฉลาดของคุณเลย” เขากล่าว “หลายคน มันเป็นบรรยากาศแบบหนึ่ง”
Offenbacher แบ่งปันความรู้สึกที่คล้ายกัน “ผมเคยเจอผู้ชายบางคนที่อาจมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ พวกเขาเคยเห็นเพื่อนๆ ของพวกเขาผ่านสงครามมา และพวกเขาไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน” เขากล่าว
ทหารผ่านศึกชาวอเมริกันยืนอยู่ในทุ่งทานตะวันในยูเครนระหว่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน
“ฆ่าชาวรัสเซียให้ได้มากที่สุด”
ครั้งหนึ่งในยูเครน การเตรียมการในช่วงสงครามในลวีฟและเคียฟนั้นต้องอาศัยโชคเล็กน้อยและความโกลาหลเล็กน้อย Bramlett กล่าว
ในตอนแรก Bramlett รู้สึกท้อแท้กับจำนวนคนที่ถูกรับตัวไป และไปยูเครนเพื่อช่วยรบโดยไม่มีประสบการณ์ทางทหารเลย
“มีอาสาสมัครโง่ๆ จำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม” เขากล่าว
หลังจากมาถึงโปแลนด์ในต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 เขาขึ้นรถไฟไปยังลวีฟเพื่อพบกับนักสู้อาสาสมัครคนอื่นๆ แต่ระหว่างทางเขาได้พบกับชาวต่างชาติอีกหลายคนที่เขาไม่อยากต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่
“ฉันพบชาวต่างชาติอีกสามคนบนรถไฟ คนหนึ่งเป็นชาวเยอรมันและเขาไม่มีประสบการณ์ทางทหาร เขาเป็นช่างไม้หรืออะไรทำนองนั้น” Bramlett กล่าว “เขายิงปืน—เหมือนเล็กน้อย และมันคือปืนไรเฟิลล่าสัตว์”
ครั้งหนึ่งในยูเครน Bramlett ได้ก่อตั้งกลุ่มอาสาสมัครต่างชาติขึ้นสองสามกลุ่ม แต่พบว่าภูมิหลังทางทหารของเขายังบกพร่องในทำนองเดียวกัน เขา “ไม่พอใจกับคุณภาพของชาวต่างชาติที่นั่นพอๆ กัน” เขากล่าว
ไม่กี่วันต่อมา เขาได้เข้าร่วมกับกรีนเบเร่ต์อีกสองคนเพื่อจัดตั้งหน่วยข้ามชาติที่มีประมาณ 12 คนเพื่อจัดตั้งทีมยุทธวิธีหน่วยเล็กๆ หรือทีมปฏิบัติการพิเศษ
“โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาสั่งให้เราไปที่คาร์คิฟและบอกว่า 'ฆ่าชาวรัสเซียให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้'” เขากล่าว
หลังจากการฝึกซ้อมและการเตรียมการ ปืนและกระสุนจากเสบียงของยูเครนก็ออกเดินทาง
“เราทำการสรรหาทั้งหมดจากชาวต่างชาติที่อยู่ในเคียฟแล้ว และเราลงแรงเองทั้งหมด ทั้งหาทุน เช่น ซื้อรถเอง จัดหาเซฟเฮาส์ของเราเอง” บอมกล่าว .
ในคาร์คิฟ ภารกิจของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นไปโดยอัตโนมัติ รัฐบาลยูเครนไม่ได้เชื่อมโยงพวกเขากับหน่วยอาสาสมัครยูเครนหรือหน่วยอาสาสมัครต่างชาติอื่น ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงระบุตัวเองกับกองกำลังป้องกันภูมิภาค หน่วยกองทัพปกติ หน่วยการบิน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษของยูเครน
หลังจากติดต่อใกล้แนวหน้าแล้ว หน่วยของ Bam จะได้รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับรัสเซีย และกำหนดประเภทของภารกิจที่พวกเขาควรทำเพื่อชาวยูเครน ตั้งแต่การสอดแนมตำแหน่งศัตรูไปจนถึงการขุดเหมือง
ทหารผ่านศึกสหรัฐฯ ไปยูเครนเพื่อต่อสู้กับรัสเซีย แต่บอกว่าเป็นสงครามที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมา
“ระเบียบแย่มาก”
Offenbacher อดีตนาวิกโยธินยังต้องจัดทีมต่อสู้ของเขาทันที เขาได้สมัครเข้าร่วมกองทหารนานาชาติแต่ไม่ได้ยินอะไรเลยเป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ แทนที่จะรอแผนขั้นสุดท้าย เขาบอกสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนสนิทสองสามคน เก็บข้าวของและบินไปยูเครนเอง
“ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย ฉันก็เลยบินไป…อยู่ดี ฉันคิดว่าฉันจะเป็นอาสาสมัครและช่วยเหลือในทางอื่น” ออฟเฟนบาเคอร์กล่าว
ครั้งหนึ่งในยูเครน เขาติดต่อกับคนที่เหมาะสมเพื่อเข้าร่วมกองทหารนานาชาติ และในไม่ช้าก็ต่อสู้เคียงข้างพวกเขาใน Donbass ทางตะวันออกของยูเครน
แม้กระทั่งในช่วงแรก ๆ นั้น เขาเริ่มเห็นอาสาสมัครต่างชาติบางคนที่ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่
“นี่เป็นสงครามครั้งที่สามที่ฉันเคยต่อสู้มา และเป็นสงครามที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมา” ออฟเฟนบาเชอร์บอกกับ The Daily Beast “คุณกำลังถูกทำลายด้วยปืนใหญ่และรถถัง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันทิ้งระเบิดห่างจากเครื่องบิน 300 เมตร มันแย่มาก”
เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เพื่อนของเขาบางคนจากกองทัพก็เริ่มส่งข้อความถึงเขาเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเข้าร่วม แต่เขาไม่สนใจข้อความเป็นเวลาหลายเดือน
“ด้วยความสัตย์จริง มันค่อนข้างแย่ ดังนั้นผมจึงไม่อยากพาใครเข้ามาด้วย” เขากล่าว
Bramlett กล่าวว่าภารกิจนั้นเจ็บปวด ในอิรักหรืออัฟกานิสถาน Bramlett มีการสนับสนุนทางอากาศ หรือการสนับสนุน ISR หรือข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน “วันที่เลวร้ายที่สุดในอัฟกานิสถานและอิรักคือวันที่ดีในยูเครน” เขากล่าว “แม้ในขณะที่เราคิดว่าไม่ใช่ เราก็ควบคุมสถานการณ์ได้เสมอ… เทียบกับในฐานะผู้บัญชาการทีมในยูเครน” ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ทราบ
ในภารกิจสอดแนมในยูเครน คุณต้องรอให้สมาชิกในทีมกลับมา เนื่องจากเสื้อไม่น่าเชื่อถือ “ฉันจะส่งหน่วยสอดแนมก่อนเสมอ… ทันทีที่พวกนั้นจากฉันไป ฉันจะไม่ได้ยินจากพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะกลับมาเห็น และนั่นอาจเป็นอีก 24 ชั่วโมงต่อมาก็ได้ 48 ชั่วโมงต่อมา” เขาอธิบาย และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยากมาก
พวกผู้ชายนอนหลับขณะที่พวกเขาฟื้นตัวจากการสู้รบในยูเครนหลังการรุกรานของรัสเซีย
“คุณซ่อนไม่ได้”
เมื่อฤดูหนาวย่างเข้ามา Bramlett ได้โทรหาสมาชิกในยูนิตเล็กๆ ของเขาเพื่อลากลับบ้าน ลายเซ็นความร้อนของพวกเขาปรากฏขึ้นมากกว่าในฤดูร้อนทำให้ตำแหน่งของพวกเขา มันยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะอยู่ห่างจากสายตาของกองทหารรัสเซีย ในขณะที่ใบไม้กำลังหายไป นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้ว ยานเกราะของหน่วยยังพังอยู่เรื่อยๆ และเงินก็หมด
“เพราะเราเป็นทีมยุทธวิธีหน่วยเล็ก ๆ… คุณวิ่งไปรอบ ๆ… ต่อหน้าแนวยูเครนและแนวหน้าของแนวรัสเซีย คุณไม่มีใบไม้บนต้นไม้ พุ่มไม้เปลือยเปล่า ต้นไม้เปลือยเปล่า และอากาศหนาว… “นั่นเป็นข่าวร้ายจริงๆ” แบรมเล็ตต์กล่าว “คุณไม่สามารถซ่อนได้”
โดยไม่เปลี่ยนแนวทางของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง พวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับความล้มเหลว “ผมแค่กลัวว่าหากเราออกไปทำในสิ่งที่ปกติแล้วเราจะตายกันหมด” เขากล่าวเสริม
และในขณะที่แผนจะกลับมาในเดือนมกราคม แบมก็ทำไม่ได้หลังจากถอนตัวออกจากหมอกแห่งสงคราม
ความจริงทางเลือกของสงครามของปูตินกับชาวรัสเซียที่ร่ำรวยโสโครก
“เมื่อผมกลับมาในเดือนธันวาคม มันทำให้ผมมีระยะห่างพอสมควร เป็นจุดที่ต้องประเมินทุกอย่างอีกครั้ง เพราะถ้าผมรับผิดชอบทั้งทีม คุณจะไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับทุกสิ่ง ," พวกเขาพูดว่า. พูดว่า. “ฉันปิดตัวลงเล็กน้อย แต่มันทำให้ฉันมีพื้นที่ในการคลายการบีบอัดเพื่อประเมินใหม่ ฉันก็เลยได้ข้อสรุปว่าฉันจะไม่กลับไปต่อสู้อีก”
เดียวต้องไปแปลไทยเป็นไทยอีกที ให้อ่านลื่นกว่านี้ แปะไว้ก่อน
>>943 อ่านไม่แตกแแล้วโง่นี่หว่า
ยูเครนมีแหล่งเศรษฐกิจมาจากการเกษตร ที่ยึดๆไปตอนใต้ซัปโปรีเซียกับโซนเซเวโรโนเนสก์ก็คือที่นาทั้งนั้นยังจะมาบอกให้ไปหาอ่านเห้ไรอีก
ประเด็นคือมันเป็นทุ่งนาไงมึง เดินทัพมาเอาเมืองหลักใกล้ๆแล้วก็กวาดได้เลย ไม่เหมือนตอนตีเมืองที่กระจุกตัวกันที่ต้องสู้กันไปทีละถนนทีละเมือง มันเลยยึดได้เร็ว
+ช่วงแรกๆที่ยึดโซนคาร์คีฟได้ ตรงนี้เป็นโซนปลายของเทือกเขาที่ลงมาจากรัสเซีย ภูเขาพอมั้ยมึง แถมโดนแหกกลับมาแล้วอีกต่างหาก
โซนหัวเมืองหลักประชากรเยอะๆที่ยึดได้มีตอนนี้แค่มาลิอุโปลที่เดียว ที่เหลือโดนเอาคืนมาได้หมดแล้ว
https://www.cbc.ca/news/politics/natural-resources-ukraine-war-1.6467039
Roughly 80 per cent of Ukraine's oil, natural gas and coal production reserves can be found in the Dnieper-Donetsk region, which has been the major focus of Russia's military operations to "liberate" the country, the SevDev report noted.
Equally importantly, Ukraine is thought to have the second-largest natural gas deposits in Europe, estimated at 1.2 trillion cubic metres of proven reserves — and possibly up to 5.4 trillion cubic metres, much of it the now-contested offshore Black Sea region.
>>952 ตัวอย่างของความโง่ไม่มีที่สิ้นสุด
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_cities_in_Ukraine
โดเน็ต ลูฮาน Mariupo Sevastopol Simferopol อยุ่ในมือขอทานเมื่อไรวะ กระบือล้วนๆ
>>956 กระบือกว่าคือไม่ได้อ่านที่กุเขียนมาลิอุโปลสินะ
ส่วน Sevastopol Simferopol นี่มึงนับของที่มาจากสงครามยึดไครเมียครั้งที่แล้ว เอามาเคลมว่าเป็นของรอบนี้ เมาไข่ปูตินหรืออะไร
โดเน็ต ลูฮาน นี่ตีกันมาตั้งแต่ก่อนรัสเซียบุกอีก มึงเคลมอะไรดูไทม์ไลน์ดีๆด้วยว่าได้มาจากกองทัพรัสเซียหรืออะไรกันแน่
กดขำซ้ำๆ หาเมืองใหญ่อื่นมายันไม่ได้เลยแถยิบๆ
>>955 มีอยู่ ไม่เท่ากับขุดมาแล้วไงมึง ในลิ้งค์ที่มึงแปะมายังเขียนอยู่เลยว่ายังไม่ได้เริ่มขุดลิเที่ยม = ยังไม่ได้เป็นแหล่งรายได้จริง
แค่เป็นรายได้ทิพย์อยู่ในฝันเฉยๆ
ไม่เขื่อที่กุเขียนมา ไม่เชื่อวิกิ ไม่เชื่อแหล่งข้อมูลตะวันตก มึงไปดูในแผนที่ก็ได้ว่าโซนนั้นแม่งมีแต่ทุ่งนาจริงๆ มองไปตรงไหนก็เห็นที่ทุ่งเขียวๆเหลี่ยมๆ
เห็นแปะวิกิ มึงเอาไปดูเองละกัน เห็นปริมาณการส่งออกข้าวโพด ข้าว น้ำมันพืช ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรนั่นมั้ย
ตอนใต้ซัปโปรีเซียที่รัสเซียพ่อมึงยึดนั่นแหละแหล่งปลูก
https://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_Ukraine#/media/File:Ukraine_Product_Exports_(2019).svg
ไม่มีใครบอกว่าไอ้ที่ยึดๆได้น่ะไม่สำคัญ ประเด็นคือมันยึดง่ายต่างหาก เลยโดนยึดเอาๆ
>>959 กุว่าเมิงพอเถอะ กุอ่านแล้วยังอายแทนเลย มันก็แปะ ข่าวจากเว็ปตะวันตกให้แล้วด้วย เมิงได้เข้าไปอ่านทุกอันเปล่า
ทรัพยากรยังไงมันก็เป็นทรัพยากรจะขุดมาหรือยังมันก็มีมูลค่า หรือเมิงจะแถว่า บ้านเมิงมีน้ำมันแต่กุยังไม่ขายเลยห้ามนับว่าเป็นทรัพยากร ?
ทรัพยากรยูเครนมันกระจายหมดแหละ แต่หลักๆคือน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติมันเสือกไปอัดแถวตะวันออกบริเวณทะเลดำอีก
ประการที่ 3: ทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากพื้นที่ทำการเกษตรอุดมสมบูรณ์แล้ว ยูเครนยังเป็นแหล่งแร่เหล็ก ถ่านหิน แมงกานีส
ซึ่งในปี 2020 ยูเครนส่งออกแร่เหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
การที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ ทำให้ในสมัยสหภาพโซเวียต ยูเครนจึงเป็นเขตอุตสาหกรรมหนักที่สำคัญ มีทั้งโรงงานเหล็ก โรงงานผลิตอาวุธ เครื่องจักร และเคมีภัณฑ์ ซึ่งโรงงานเหล่านี้ล้วนตั้งอยู่ทางตะวันออกและทางใต้ ซึ่งเป็นเขตที่ผู้คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายรัสเซีย
ทำให้เขตตะวันออกและทางใต้เหล่านี้ เป็นเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของยูเครน
เป็นแหล่งสร้าง GDP ให้กับประเทศ และเป็นภูมิภาคที่ผู้คนมี GDP ต่อหัวสูง เมื่อเทียบกับเขตทางเหนือกับตะวันตกที่เป็นเขตเกษตรกรรมยากจน
โดยจุดหมายปลายทางของการส่งออกที่สำคัญของแร่ธาตุและสินค้าอุตสาหกรรมเหล่านี้ จะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจากรัสเซีย
จากลงทุนแมนนะ
https://www.longtunman.com/35598
References:
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=UA-ID-TH
-https://www.worldstopexports.com/wheat-exports-country/
-https://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=228&product=undefined&year=2019&productClass=HS&target=Product&partner=undefined&startYear=undefined
-https://www.nia.go.th/newsnow/almanac-files/pdf/Ukraine.pdf
-https://www.mfa.go.th/th/content/5d5bcc2115e39c306000a1b8?cate=5d5bcb4e15e39c3060006870
>>960 คือกุไม่เคยบอกว่าที่แม่งยึดๆได้น่ะไม่สำคัญ ที่กุบอกอยู่เสมอน่ะคือจุดที่รัสเซียยึดคือจุดที่มึงเอารถถังเดินเข้าไปเฉยๆตอนต้นสงครามก็ยึดได้เลยเพราะไม่มีแนวป้องกันตรงไหนอะไรเลย เมืองอะไรก็แทบไม่มี มีแต่หมู่บ้านกับที่นาซะเยอะ
พอMelitopol Berdyans'k ที่เป็นเมืองขนาดกลางกับ Meriupol ที่เป็นโซนอุตสกหกรรมที่มึงว่าๆมาล้ม ที่ดินทั้งหมดแถวๆนั้นก็โดนแดกเอาง่ายๆ ไม่รู้ว่าจะอวยว่ากองทัพที่บุกเก่งบุกได้เยอะไปทำไม เอารถถังเดินไปจนสุดแม่น้ำก็เอาไปง่ายๆเลยแค่นั้นเอง
ถ้ามาเขียนอวยว่ายึดได้เก่งบุกได้พื้นที่ตอนที่รัสเซียยังมี Kharkiv Kherson กับ Mykolaiv ที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ประชากรเยอะ เป็นจุดที่สามารถใช้เป็นฐานป้องกันสำคัญได้ อันนี้กุไม่ว่าเลย ตอนนั้นกุก็บอกว่ารัสเซียแม่งยึดหัวเมืองได้หมดเลยเหมือนกัน
ตอนนี้เมืองขนาดใหญ่เหล่านั้นที่เป็นศูนย์กลางประชากรก็โดนตีคืนไปหมดแล้ว ถ้าเอาที่เทียบๆกันได้จากตอนต้นสงครามศูนย์กลางประชากรที่เป็นเมือนขนาดใหญที่โดนรัสเซียยึดได้เหลือแค่ Meriupol จริงๆ กับกรรมเก่าที่บุกได้มาจากรอบที่ยึดไครเมียกับที่กลุ่มแยกดินแดนยึดอยู่แล้ว
เห็นสลิ่มรุสชอบอ้างแหล่งข่าวจากตะวันตกไม่น่าเชื่อถือ ยังกะว่าแหล่งข่าวจากรุสพ่อมึงน่าเชื่อถือมากงั้นแหละ ถุย
ทุกคนแปะลิ้งค์ว่าโซนนี้เป็นส่วนทรัพยากรธรรมชาติ+แหล่งการเกษตร
กุบอกว่าโซนนี้มันคือไร่นาป่าเขา
กุกำลังคิดอยู่ว่าไร่นาป่าเขานี่มันไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติตรงไหน หรือมึงขุดแร่เหล็กกับปลูกข้าวโพดกันกลางเมือง
กูรอเพจนี้วิเคราะห์มาสองวันในที่สุดก็กลับมา
ใครเป็นติ่งรัสเซียไม่ว่าจะทำดีมาแค่ไหนกูถือว่าชั่วทุกตัวไม่มีข้อยกเว้น
แต่ว่าติ่งไอ้กันที่เชียร์ให้ยูเครนล่มจมไปกับรัสเซียก็น่าจะเหี้ยไม่ต่างกันนี่ เชียร์ให้ยูเครนจมตามรัสเซีย แต่ เมกา รอด วิกฤต
5555 แยกร่างอวยกันเองอีกแล้ว คงเจ็บใจพ่อ3 นิ้วเสียเก้าอี้ประธานสภา ติ่งส้มกระโปกตะวันตกนี้อาการหนักนะ
เรื่องพื้นที่กุเห็นจนาดแปะลิงค์ ยังโง่มาแถได้
‼️การบรรยายสรุปรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย‼️
- ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน กองทัพยูเครนสูญเสียอาวุธต่าง ๆ ประมาณ 2.5 พันหน่วย
- ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน กองกำลัง RF ได้ทำลายเครื่องบิน 15 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ ยานเกราะ 920 คันของกองทัพยูเครนในทิศทาง Yuzhno-Donetsk, Zaporozhye และ Donetsk
- การป้องกันทางอากาศของรัสเซียสกัดกั้นกระสุน HIMARS 158 ลูก ขีปนาวุธร่อน Storm Shadow 25 ลูก และโดรน UAV 386 ลูกในช่วงเดือนที่ผ่านมา
- RF Armed Forces ทำลายรถถัง Leopard เกือบทั้งหมดที่โปแลนด์และโปรตุเกสส่งมอบให้กับกองทัพยูเครนโดยโปแลนด์และโปรตุเกส - 16 ชิ้น;
- กองทัพยูเครนไม่บรรลุเป้าหมายในทุกทิศทาง ความคาดหวังจากอาวุธตะวันตกที่โอ้อวดนั้นเกินจริงอย่างชัดเจน
- เคียฟ ตามการยืนยันของตะวันตก ต้องการให้กองกำลังของยูเครนดำเนินการโจมตีต่อไป โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียจำนวนมาก
ตั้งใหม่ละนะจ๊ะ อิอิอิ https://fanboi.ch/news/17468/
เอาแล้ว
โทษกันเองแล้ว! ยูเครนโวยตะวันตกต้นตอโจมตีตอบโต้รัสเซียล้มเหลว
🇷🇺🛩🇺🇦
โดรน Geran-2 ของรัสเซียโจมตีอาคารสำนักงาน SBU ใน Sumy
• (3 ก.ค. 2566) จากข้อมูล มีโดรน Geran-2 ทั้งหมด 3 ลำ และในช่วงเวลาของการโจมตี ยังมีเจ้าหน้าที่ SBU จำนวนมากอยู่ในอาคาร
• Zelensky ยืนยันการโจมตีของรัสเซียในครั้งนี้ จากคำปราศรัยตอนเย็นของเขา และแน่นอนที่เขาจะบอกว่า รัสเซียโจมตีไปที่อาคารที่พักของพลเรือน!
ยูเครนจะได้รับรถถัง Leopard 1A5 หลายสิบคันจากเยอรมนีและเดนมาร์กในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
-Pistorius รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมันกล่าว
เห็นลิงก์ข่าวก็รู้ว่าพวกไหน
ครบ 1 เดือนที่กองทัพยูเครนเปิดฉากตีโต้รัสเซีย ภาพรวมคือยูเครนเสียหายหนักเองทุกแนว
ส่วนไอ้ข่าวว่ายูเครนเตรียมเปิดแนวรบใหม่ ก่อนประชุมนาโต้ 12 กรกฎาคมนี้ จริงเท็จประการใดไม่กี่วันคงได้เห็นกัน
แล้วที่รัสเซียเสียพื้นที่เรื่อยๆล่ะคืออะไร?
รัสเซียสอยขีปนาวุธอังกฤษได้วะ สถาพ ok ด้วย
ไม่ใช้เอาปูนซีเมนมาปั่นแล้วโม้ว่าสอยไฮเปอร์โซนิคได้
มีรายงานว่า กองทหารยูเครนทะยอยออกจาก Belogorovka (LPR) และเคลื่อนกำลัง เพื่อไปตั้งแนวรับที่ Seversk
รายงานโดย Dmitry Zimenkin
รุสประกาศอามาเก๊ดดอนว่ะ เยสเขร้ ได้ยินเพลงเลยกู
ทู้หมดแล้วไปใช้ทู้นี้กัน https://fanboi.ch/news/17468/
ขอเม้นสุดท้าย555
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.