ไปเจอบทวิเคราะห์นึงน่าสนใจในกลุ่มข่าวสารทางทหาร ขอปิดชื่อคนเขียน
ติ่งรัสเซียที่ชอบเอาข่าวด้านเสียของกองทัพอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น ข่าวเรื่องที่อเมริกาผลิตเรือรบไม่ทันจีน, ข่าวเรื่องปัญหาเรื้อรังของ F-35, ข่าวเรื่องพัฒนาอาวุธไฮเปอร์โซนิคล้มเหลว, ข่าวที่อเมริกาส่งอาวุธให้ยูเครนจนในคลังเหลือน้อย ฯลฯ
ติ่งรัสเซียพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่อ่อนด้อยเรื่องการเสพ ข่าวการทหารโลกทั้งนั้น ถ้าใครที่ติดตามข่าวการทหารโลกมานาน จะรู้เลยว่า ข่าวด้านเสียของกองทัพอเมริกา โดยเฉพาะในด้านปัญหาของอาวุธทั้งหลายเนี่ย มีให้เห็นทุกปี
นอกจากนี้อเมริกายังชอบประเมินศัตรูของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลีเหนือ อิหร่าน รัสเซีย ให้ดูน่ากลัวเกินกว่าความเป็นจริงอยู่เสมอ
(จริงๆ สาเหตุที่หลายคนคิดว่ารัสเซียที่น่าเกรงขามส่วนหนึ่งก็เพราะสื่ออเมริกาเอง ทั้งๆที่ความจริงรัสเซียกากสัสหมา)
ทำไมกองทัพอเมริกาถึงต้องทำแบบนั้น ทำไมถึงชอบแสดงด้านที่อ่อนแอของตัวเองมาให้โลกเห็น แล้วชอบสร้างภาพให้ศัตรูดูน่ากลัวจนเวอร์ตลอด ?
บางคนอาจจะบอกเหตุผลว่า ก็เพราะกลาโหมอเมริกาต้องการให้สภาครองเกรสอนุมัติงบประมาณจำนวนมากขึ้น จึงพยายามเปิดปมด้อยของตัวเองและทำให้ศัตรูดูน่ากลัวเกินจริง เพื่อที่ครองเกรสจะได้เพิ่มงบให้กับกลาโหม
แต่สำหรับผม มันมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้น
ต้องเข้าใจว่าแนวคิดของกองทัพอเมริกานั้นต่างจากรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ อย่างสิ้นเชิง
เรามาดูฝั่ง รัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ ก่อน
กองทัพของรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ มีแนวคิดคือการแสดงภาพลักษณ์กองทัพตนเองให้ดูหน้าเกรงขาม เห็นได้จากการสวนสนามของประเทศเหล่านี้ มักจะจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทหารหลักแสน เครื่องบิน รถถัง ขีปนาวุธ ล้วนแล้วแต่ถูกงัดออกมาสวนสนาม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเกรียงไกรของกองทัพ และสร้างความน่าเกรงขามต่อศัตรู อีกทั้งยังพยายามไม่ให้มีข่าวด้านเสียมาด้อยค่ากองทัพของตนเอง
ในขณะที่อเมริกานั้นตรงกันข้าม อเมริกาแทบไม่มีการจัดขบวนสวนสนามทางทหารที่ยิ่งใหญ่แบบ รัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ ต่อให้มีการจัดสวนสนามทางทหาร อเมริกาก็ไม่เคยจัดงานใดเลยที่เทียบเท่าของ รัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และอเมริกาก็มักจะมีการเปิดเผยข่าวด้านเสียของกองทัพตนเองออกมาเสมอ และเปิดเผยหมดว่ากองทัพของตนเองนั้นมีจุดอ่อนอะไรบ้าง
ด้วยแนวคิดที่ต่างกันนี้กลับทำให้อเมริกากลายเป็นกองทัพที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ การที่อเมริกาประเมินศัตรูให้น่ากลัวเกินจริงอยู่ตลอดเวลา กระตุ้นให้เหล่าเสนาธิการทหารนั้นศึกษากองทัพฝ่ายศัตรูอย่างละเอียดรอบครอบอยู่เสมอเพื่อที่จะไม่ให้การรบผิดพลาดและเกิดการสูญเสียของชีวิตกำลังพลเยอะโดยไม่จำเป็น ส่วนการเผยข่าวด้านเสียของกองทัพอเมริกาที่มีบ่อยๆ ก็ทำให้กองทัพอเมริกานั้นยมอรับว่าตนเองมีปัญหาในเรื่องนี้ๆ และต้องรีบแก้ไขปัญหาและจุดอ่อนของตนเอง ก่อนที่สงครามอ่าวเปอร์เซียจะเริ่ม อเมริกาประเมินอิรักไว้สูงมาก ว่าอิรักนั้นมีกองทัพใหญ่อันดับ 4 ของโลก กำลังพล 1ล้าน รถถัง,ยานเกราะหลักหมื่น กองทัพอากาศอันดับ 4 ของโลก และอีกทั้งอิรักก็มีประสบการณ์รบกับอิหร่านมา 8 ปีก่อนหน้านี้ ถ้าอเมริการบกับอิรักจะกลายเป็นสงครามที่นองเลือดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาจะต้องสูญเสียกำลังพลถึง 30,000 นาย สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าทหารของอเมริกานั้นไม่ประมาทอิรักเมื่อสงครามเริ่มขึ้น สุดท้ายอเมริกาก็ได้รับชัยชนะอย่างสวยงามในสงครามอ่าว
ในขณะที่รัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ มักมั่นใจในแสนยานุภาพของตนเอง และมักจะปล่อยข่าวด้านเสีย ของศัตรู ปิดปมด้อยของตนเอง มาเพื่อให้ทหารของตนเองนั้นมีขวัญกำลังใจ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้กองทัพของตัวเองนั้นมองข้ามปัญหาที่มีอยู่ แล้วสุดท้ายปัญหาที่ว่าก็ไปปรากฎตอนที่เริ่มทำสงครามจริงๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นกับรัสเซียแล้วในยูเครน เพราะก่อนหน้าสงครามจะเริ่ม สื่อรัสเซียต่างดูถูกดูแคลนยูเครนว่าเป็นประเทศขี้โรค,อ่อนแอ, เป็นหุ่นเชิดตะวันตก, ประชาชนแตกแยก ฯลฯ จนกองทัพรัสเซียในช่วงแรกบุกเข้ายูเครนด้วยมั่นใจในแสนยานุภาพตัวเอง สุดท้ายก็เจอกับหายนะ ส่วนจีน เกาหลีเหนือ อิหร่าน ยังไม่พบชตากรรมแบบเดียวกับรัสเซีย แต่ด้วยวัฒนธรรมกองทัพที่คล้ายๆ กัน ก็มีโอกาสสูงที่จะเจอชตากรรมแบบรัสเซียหากต้องรบในสงคราม