>>106 อันนี้คือเก็บเพิ่ม นับจากความมั่งคั่งทั้งหมดของมึง อย่างเจ้าสัวไทยมีแสนล้าน ก็จ่าย 500 ล้านต่อปีตรงๆ เลย แต่ของแบบนี้มันนับตรงๆ ยากมาก ของบางอย่างมึงเก็บไว้แล้วจู่ๆ มูลค่าเพิ่มพรวดพราดหรือในทางกลับกันก็มี แล้วมันจะนับยังไงเวลาไหนละ
แล้วเศรษฐีหลายคนเป็นพวก cashpoor มีแต่มูลค่าไม่มีเงินสด อย่างพวกเศรษฐีหุ้นนี่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเงินสดเก็บกันหรอก เน้นหมุนตามรอบมากกว่า ถ้าให้เก็บพวกนี้ทีก็ลำบากหน่อย
ที่หลายชาติเลิกเก็บไปเพราะมันต้องให้หน่วยงานรัฐเข้าไปตีมูลค่าของ เกิดค่าใช้จ่ายยุบยับเต็มไปหมด แล้วการประเมินแบบนี้คลาดเคลื่อนได้ง่ายมากๆ ต้องใช้ผู้รู้จริงถึงตะมองของออกด้วย อย่างโซฟาไม้บางอันราคาเป็นล้าน แต่ถ้ามองไม่ออกราคาหมื่นเดียวก็แพง ยังไม่นับการตีราคาช่วยกันหรือลงโทษอีกนะ
>>107 มันไม่หนีหรอก เพราะไม่ได้อยู่ในไทยตั้งแต่แรก ไม่ต้องจ่ายภาษีให้ไทย คนที่จะโดนเก็บคือคนไทยเองนี่ละ
>>112 มันมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บที่โคตรมีจุดอ่อนอย่างที่กูเขียนไป ถ้าจะลดความมั่งคั่งจริงมึงเก็บภาษีมรดกดีกว่า ญี่ปุ่นนะมีคำกล่าวว่าคนรวยได้แค่ 3 รุ่นก็เพราะภาษีนี้เลยนะ
>>119 ไม่แปลกหรอก การตัดซื้อจัดจ้างส่วนใหญ่คือบ.ตัวแทนใครซักคนทั้งนั้นละ ขอแค่ของไม่แย่พอทีกฝ่ายก็จะปล่อยผ่านกันไปเอง
แต่พูดเรื่องคอมรร. กูคิดมาตั้งแต่ยุคปูแลเวว่าทำใมไทยไม่เอาดีด้านชิ้นส่วนคอม แบรนด์ของตัวเองนะชั่งเถอะ กูไม่แคร์นัก แต่อย่างน้อยก็อยากให้ไทยมีบ.ใหญ่สายนี้บ้าง เหมือนเรื่อง HDD/SSD นะ ยังไงคอมมันก็ขายได้ตลอดอยู่แล้ว หรือเพราะสู้จีนไม่ได้เลยไม่ทำดีกว่า