>>372 จีนมันพยายามแก้ pain point ที่พวกโลกเสรี (เมกา-ตะวันตก) ล้อคอมมี่ว่าล้มเหลวเพราะระบบนี้จะใช้ได้ดีในสังคมที่ไม่มีความเกียจคร้าน ทุกคนขยันสร้าง productivity กันหมด ซึ่งรัฐก็จะได้ผลผลิตกองกลางเยอะพอจะตีกลับไปเป็น infra หรือสวัสดิการต่างๆ ให้กับประชาชนได้ แต่โลกความจริงคนเรามีทั้งคนขยันและคนขี้เกียจไง ดังนั้นคอมมี่ไม่เวิร์ค คนขยันจะถามว่ากูจะขยันไปทำไมในเมื่อคนข้างๆ แม่งขี้เกียจแล้วยังอยู่สบายเหมือนกูเนี่ย แต่ในขณะที่ตะวันตกใช้วิธีแบบทุนนิยม ให้แข่งขันกันไป ได้รางวัลตามความสามารถ จีนเลือกที่จะทั้งขู่ทั้งปลอบให้ประชาชนทุกคนขยันเหมือนกันให้หมด ผ่านการลงทุนด้าน IT , Digital เพื่อเอามาดัดนิสัยคนนี่ละ พวก social credit , single gateway พวกเทคโนโลยีต้องห้ามหรือควบคุมเข้มๆ อย่าง face recognization ตะวันตกคนต่อต้านเยอะเพราะมองว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่จีนไปถึงขั้นเอามาใช้จับภาพคนเรียนหนังสือ ให้ AI มันวิเคราะห์สีหน้าว่าใครขี้เกียจบ้าง
ทีนี้ธรรมชาติคนอะ ปล่อยเสรีมากๆ มันก็มีพวกอินดี้ๆ นักปรัชญาทั้งหลายแหล่พยายามตั้งคำถามแหละว่าทำไมสังคมเหลื่อมล้ำ ทำไมมีคนรวย-จน แล้วก็ไปปลุกระดมให้เกิดคนคิดต่าง สังคมไม่สงบ รัฐถูกท้าทาย แล้วก็ธรรมชาติคนอีกเหมือนกันที่อยากสบาย มีน้อยคนนะที่ถ้าไม่บังคับแล้วจะเคี่ยวกรำตัวเองอย่างเข้มข้น และนั่นคือคุณสมบัติที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น คือจะมากจะน้อยมึงไปไกลไปสูงกว่าจะเดิมแน่นอน ส่วนใหญ่โทษนั่นนี่แล้วก็เรียกร้องให้รัฐช่วย ซึ่งจริงๆ ก็ถูกที่เป็นหน้าที่รัฐ แต่ถ้ามีคนขอให้ช่วยมากๆ รัฐก็ตึงมือเหมือนกันเพราะทรัพยากรจำกัด จีนเลยสร้างระบบที่กดดันให้คนเคี่ยวกรำตัวเองนั่นละ แล้วรัฐค่อยช่วยในจุดที่ขาดจริงๆ เกินกำลังปัจเจกจะทำเอง ภาพที่ออกมาเลยเป็นแบบที่มึงว่า เพราะตะวันตกปล่อยชีวิตเสรีสบายๆ เลยเกิดพวกสาย woke เรียกร้องให้รีดทรัพยากรจากคนบนๆ มาให้คนล่างๆ อ้างแต่คนล่างๆ เป็นเหยื่อแบบมุมเดียว ส่วนจีนเขาคุมตรงนี้ มันเลยดูเหมือนว่าคนจีนเก่ง ไปแย่งงานแย่งธุรกิจคนที่อื่นหมด