>>514 >>515 ห้ามซ้ำชั้นจริงๆ ยังไม่ใช่ปัญหานะ อย่างรุ่นกู (สัก 20 ปี+ ก่อนอะนะ) ก็เป็นแบบนี้แล้ว แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือสมัยกูการให้ 0 ร มส คือเรื่องปกติมาก ใครได้พวกนี้ก็ต้องไปสอบซ่อมไม่ก็ต้องทำงานส่งให้ผ่าน (และเอาจริงๆ ครูจะพยายามช่วยด้วยนะ ยิ่งถ้าครูสามารถประสานผู้ปกครองได้ยิ่งช่วย) แบบนี้อย่างน้อยคือเด็กมันยังได้ฝึกความรับผิดชอบ ยิ่งถ้าตกแบบช่วงรอยต่อระหว่างชั้น (ป.6 ไป ม.1 , ม.3 ไป ม.4 , ม.6 ไปมหาลัย) ยิ่งต้องขวนขวาย (กูเคยพลาดได้ 0 ทีนึง แถมแม่งได้ตอนจะจบ ม.3 อีก ทำงานซ่อมแบบไฟลนก้นสุดๆ กลัวต้องดร็อปไปปีนึง) แถมตั้งแต่ยุคกูนี่ ทุกวิชาคะแนนเก็บสัดส่วนมากกว่าสอบทั้งนั้น ไม่ว่า 60-40 70-30 ขอแค่มึงทำงานส่งครบ (จะทำยังไงแล้วแต่ เชื่อว่าหลายคนผ่านชีวิต นร. มาแล้วคงเข้าใจความหมาย) ไม่ขาดเรียนเกินเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ยังไงต่ำๆ ก็เกรด 1 ไม่ตกแน่ๆ คือยุคกูอะเหมือนคนทำระบบการศึกษาเริ่มเข้าใจแล้วละว่าคนแต่ละคนถนัด-ไม่ถนัดแตกต่างกัน แต่มันไม่สามารถออกแบบหลักสูตรให้เหมาะกับทุกคนได้ เลยเปิดช่องแบบแง้มๆ ไว้แบบนี้ วิชาไหนถนัดอยาก 3 อยาก 4 ก็ตามสบาย แต่วิชาไม่ถนัด ฝืนๆ ทนๆ เข้าเรียน+ทำงานส่งให้มันครบๆ มึงก็ยังได้ 1 ได้ 2 ก็ผ่านๆ ไปได้แล้ว ซึ่งก็สะท้อนชีวิตจริงดี เพราะเวลาโตมาทำงาน มึงไม่มีทางได้ทำแต่เรื่องที่ชอบหรือถนัดตลอดชีวิตหรอก มันต้องมีบางช่วงที่ต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบหรือไม่ถนัดกันบ้าง
แต่ระยะหลังๆ (กูเข้าใจว่าน่าจะประมาณ 10-15 ปีล่าสุด) เริ่มมีเกณฑ์ใหม่ออกมา เท่าที่ฟังๆ คนเป็นครูที่รู้จักกัน (รวมถึงไล่อ่านเสียงบ่นทั้งในพันทิปและอีกหลายๆ เว็บบอรฺ์ด-เพจเฟซบุ๊ก) คือไปบอกว่าการให้ 0 ร มส มีผลต่อการประเมินเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งของครูและผู้บริหารโรงเรียน มีเป็นระเบียบจริงๆ หรือเปล่าไม่รู้ แต่เรื่องนี้ได้ยินแบบหนาหูมาก แสดงว่ามันน่าจะมีมูลแหละ อย่างน้อยๆ ก็ระดับดุลพินิจในการพิจารณาแบบไม่เป็นทางการ พอเจอแบบนี้ครุก็เลยปล่อยผานกันเยอะ จะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก็ให้ 1 มันไป เอาตัวเองให้รอดทั้งจากการประเมิน ทั้งจากผู้ปกครองเด็กประเภทพ่อแม่รังแกฉัน การศึกษาในภาพรวมก็เลยเละเทะแบบนี้แหละ
>>516 มันสุดโต่งไปทั้ง 2 ข้างเลย ยุคโซเชียลก็แบบนี้ หาตรงกลางยากจริงๆ ว่ะ ไม่ขวาจัดก็ซ้ายจัดไปเลย