เจออันนี้มาน่าสนใจมาก
"ไหนๆ เลือกตั้งก็ใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ยังไม่ถูกใจนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมของพรรคไหนสักพรรค งั้นขอนำเสนอเองบ้าง "
งั้นขอลองเสนอเองดีกว่า เอาแบบที่คิดได้
ปัญหา เศรษฐกิจไทยตอนนี้ ลงทุนต่อสัดส่วน GDP น้อยเกินไป และ ไม่มีสวัสดิการทางสังคมที่เพียงพอ ทำให้เศรษฐกิจโตช้า คนไม่ค่อยบริโภค หนี้ครัวเรือนสูง เพราะรายได้โตไม่ทันรายจ่าย ไม่ใช่เพราะใช้จ่ายเกินตัว หรือ ผ่อน 0 % ย้ำว่า คนเป็นหนี้ เพราะ ความเหลื่อมล้ำ 90 %
นโยบายด้านภาษี
- ภาษีนิติบุคคล ภาษีบรรษัทข้ามชาติ 50 %
- ภาษีมรดก 80 % ของมูลค่าทั้งหมด
- ภาษีคนรวย 95 %
- ภาษีที่ดิน ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ 20 % ต่อปี ของมูลค่าประเมินจริงใน ณ ขณะนั้น
- ภาษี carbon credit 5 % เพื่อเอามาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
- ภาษีขายหุ้น 20 %
- ยกเลิก VAT และภาษีบริโภคทั้งหมด ยกเว้นสินค้าฟุ่มเฟิอย เหล้า บุหรี่ เพื่อลดค่าครองชีพ
- เพิ่มฐานเงินเดือนที่เริ่มเก็บภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เป็น 500,000 บาท ต่อปี ให้คนพึ่งทำงานตั้งตัวได้ง่ายขึ้น
-เพิ่มงบประมาณแผ่นดินให้ได้ ถึง 50 % ของ GDP และการใช้จ่ายด้านสวัสดิการ 30 % ของ GDP กล่าวคือ GDP ประเทศเวลานี้น่าจะราวๆ 16 ล้านล้านบาท เราต้องมีงบประมาณแผ่นดิน 8 ล้านล้านบาท ต่อปี และ เฉพาะงบด้านสวัสดิการด้านสังคม อย่างน้อย 5 ล้านล้านบาทต่อปี
สรุปคือ แผนภาษีนี้ ไม่เน้นทำให้ GDP เติบโต แต่เน้น การทำให้ สังคมมีความเท่าเทียมมากที่สุด ซึ่งจะนำมาสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภายหลัง แต่ ทรัพยากรมนุษย์ได้รับการพัฒนา แต่ถ้าต้องการ ให้ GDP เติบโตทันใจ ก็ต้องเปลี่ยนนโยบายด้านการเงินใหม่ ดังนี้
นโยบายด้านการเงิน
-ดอกเบี้ยนโยบาย 0 % ถาวร และใช้ วิธีควบคุมราคา ตั้งเพดานราคา เพื่อไม่ให้เงินเฟ้อสูงเกินไป ซึ่งดอกเบี้ยต่ำๆ จะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และ การเติบโตอื่นๆตามมา รวมถึงช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือนลง
-ยกเลิกระบบค่าเงินแบบลอยตัวเสรี หันมาใช้ระบบ อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ โดยกำหนดไว้ที่ 35 บาท ถาวร ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากกว่าเดิม และควบคุมเงินเฟ้อได้ดีกว่า ทำให้ราคาตลาดถูกบิดเบือนน้อยลง โดย คนรวยแสวงหาความมั่งคั่ง ใน ขณะที่คนจนลำบาก จากค่าเงิน ได้ยากขึ้น
-ควบคุมการไหลเข้าออกของ เงินทุน ทั้งในตลาดหุ้น พันธบัตร bond ให้ทุกอย่างอยู่ในสายตารัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมทุนมากเกินไป เพราะคนรวยสมัยนี้ เลือกที่จะเอาผลกำไรที่หามาได้ ไปกองในตลาดหุ้น หรือ ซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อสะสมความมั่งคั่งให้มากขึ้นไปอีก แทนที่จะไหลลงสู่คนเบื้องล่างหรือ สร้างงานเพิ่ม
-ธนาคารกลาง ต้องขึ้นตรงกับรัฐบาล การตัดสินใจของธนาคารกลาง รัฐบาลต้องเห็นชอบเท่านั้น
สรุปคือ นโยบายทางการเงินนี้ มี เพื่ีอ คนส่วนใหญ่ของประเทศ การบิดเบือนต่างๆ ถ้าเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ ก็ต้องทำ
ส่วนด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือ project โครงสร้างพื้นฐาน นั้น ไม่จำเป็น ถ้าลดช่องว่างทางสังคมไม่ได้ ต่อให้สร้าง รถไฟความเร็วสูง ทั่วประเทศ 10,000 กิโล นิคมอุตสาหกรรม 100 ที่ หรือ มีแบรนด์เทคโนโลยีเป็นของตนเองระดับ samsung 10 แบรนด์ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นขยะ ถ้าความเหลื่อมล้ำยังสูง
( เสริมเล็กน้อย ) ส่วนตัวเชื่อ เงินเฟ้อ นั้น เป็นเพียงมายาคติ และ ไม่ได้มีอยู่จริง สาเหตุของเงินเฟ้อ มาจาก คนรวยนายทุน เพิ่มราคาขาย เพื่อไม่ให้กำไรตัวเองลดลงแม้แต่เสี้ยวเดียว ก็แค่นั้น และรัฐบาลต้องควบคุม ณ จุดๆ นี้ให้ได้ คือ ไม่ให้เศรษฐกิจไหลไปด้วยตัวของมันเอง แต่รัฐบาลต้องควบคุมรับรู้ทุกภาคส่วน