ทำไงดี ถึงจะได้สร้างหนังเอง
Last posted
Total of 464 posts
ทำไงดี ถึงจะได้สร้างหนังเอง
เงิน
ถ้ากรูสร้างหนังเองมันต้องสนุกอันดับโลกแน่ๆ เพราะจะเป็นหนังที่ผมดูสนุก ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี
ขอพลอตคร่าวๆหน่อยสิ อย่างรู้จัง
เออ อยากอ่านพล็อต ทำเป็นซีรีย์ก็ได้นะถ้ามันละเอียดเกิน
ทำหนังสั้นก่อนสิ
กูไม่ใช่คนตั้งนะ แต่อยากให้กระทู้นี้แม่งเป็นที่รวมจินตนาการคนคิดอยากทำหนังอ่ะ
กูเคยคิดเรื่องเล่นๆ ตอนที่มีข่าวไปเจอศพเด็กๆ จากคลินิคทำแท้งหลายร้อยศพอ่ะ
เนื้อเรื่องไม่มีเหตุผลนะ แต่ประมาณว่า ศพเด็กทั้งหมดที่เป็นซากรวมเข้ากันเป็นก้อนเนื้อเละๆ สยองๆใหญ่ เกิดจากวิญญาณเด็กที่ตายทั้งหมดรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว ด้วยความไม่ประสีประสา ตายตั้งแต่ไม่ทันลืมตาดูโลก ทำให้วิญญาณสับสนในตัวมันเอง เพราะมีวิญญาณหลายร้อยดวง มันเลยคืบคลานไปอย่างไร้จุดหมาย พบเจอใครก็ฆ่าแบบไม่มีเหตุผล และหลบซ่อนตัวเองได้ตามซอกหลืบตัวตึกในเมืองใหญ่ (คือที่กูจินตนาการอ่ะ มันจะประมาณหนังเกาหลีเรื่อง THE HOST เลยอ่ะ ที่มันซ่อนตัว หลบสายตาคนใต้สะพาน ประมาณนั้น แต่ที่กูคิดคือ ซ่อนตามตัวตึกในกรุงเทพ) ไอ้ก้อนเนื้อนี้มันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากการที่มันฆ่าเหยื่อแล้วดูดกลืนซากศพไปด้วย บ้านไหน ตึกไหนโชคร้ายเป็นทางผ่านมันก็โชคร้ายไป แล้วคดีคนตาย คนหายก็ผุดขึ้นมาจนกรมตำรวจตั้งทีม ตั้งหน่วยสืบ โดยมีแค่คำบอกเล่าจากพยานและภาพวงจรปิด
คือ กูเคยคิดมาประมาณนี้ เขียนเป็นนิยายเลยนะ แต่แม่งหาจุดไปต่อไม่ได้ หาจุดลงไม่เจอ คือไม่รู้จะให้มันจบยังไง จะฆ่ามันวิธีไหน ไรเงี้ย
เคยมีคิดประมาณว่า ก้อนเนื้อมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วคลานไปพบ ผู้หญิงคนนึงที่เคยทำแท้ง เป็นแม่ของ1ในก้อนเนื้อนั้น จนวิญญาณดวงนั้นมันสับสนในตัวมันเองและส่งผลกระทบต่อดวงอื่นๆ จนร่างแตกไปเองแล้ววิญญาณก็ไปสู่สุขคติ แต่แม่งเหี้ยเกินเลยไม่เอาแบบนั้น และไม่ได้แต่งต่อจนจบ
ของกูอยากได้เรื่องเเบบ
ฆาตกรต่อเนื่องติดคุกตลอดชีวิต เเล้วไปฆ่าคนในคุกต่อ (เลือกเเต่คนที่ควรตาย) มีระบบเเนวคิดว่ายังไงทุกคนก็ต้องตายอยูาเเล้วในวันหนึ่ง เขาเเค่เป็นตัวเร่งกระบวนการ เเละการทำให้คนเลวตายไวขึ้นก็เป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก อยู่มาวันหนึ่ง FBI ขอตัวเข้าพบมันเพื่อสอบถามข้อมูลของฆาตกรต่อเนื่องรายใหม่ ที่ฆ่าคนเลียนเเบบอาชญากรรมของฆาตกรรายอื่น หนึ่งในนั้นคือเขา (FBI ไปหาคนอื่นมาเเล้ว) เพราะรายละเอียดการฆาตกรรมมันเหมือนต้นฉบับมากซะนึกว่าเจ้าตัวไปฆ่าเอง เเล้วตัวเอกเเม่งก็อาสาจะออกไปช่วย เเล้วเเม่งก็หนีพวกFBIไปเป็นอิสระ เดินทางเยี่ยมหาเพื่อน หาญาติ สนทนากันประเด็นสำคัญๆ เเล้วก็ไล่จับฆาตกรต่อ
เอาจริงๆกุก็เคบคิดแบบพวกเมิงๆนี้หล่ะ พล็อตโล่ดแล่น ทำซีนขึ้นมาในหัว หาข้อมูลประกอบเรื่องเป็นสตอรี่บอร์ด มาเรืองนึงได้เลย แต่หลังจากกุลองไปเรียนภาพยนต์ดูแล้ว แม่งไม่ง่ายเลย แม่งงานเหนื่อยเหี้ยๆ คุมกอง คุมฉาก ฝ่ายโน้นนี้ฝ่ายนี้เต็มไปหมด เขียนสคิปให้อ่านแล้วสะดวกหรืแน่าสนใจ ใส่จุดผ่อนจุดพีค แม่งเยอะมากๆ กุว่ากระบวนการทำแบบ จริงๆ นี้แม่งยากจริงๆ ถ้าทำแบบเป็นกองถ่ายจริงๆอ่ะนะ ถ้าถ่ายแลบหนังสั้นใช้ dslr ถ่ายก็ไม่น่าเป็นไร
เริ่มจากเด็กชายคนนึงที่เกิดในบ้านหลังโต พ่อเป็นเจ้าของประเทศ แม่เป็นกะหรี่ที่ตัวท้อปได้เพราะมีเชื้อห่างๆของพ่อจากสกุลญาติห่างๆคนละตระกูล เด็กชายคนนั้นเกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่าง อยากได้ของเล่นอะไรพี่เลี้ยงกับแม่นมหาให้ได้หมด แต่วันนึงเด็กคนนั้นได้ลิ้มลองร่องหีของพี่เลี้ยงคนนึงจนนับแต่นั้นมาก็เล่นนมกับหีกลุ่มพี่เลี้ยงมาโดยตลอด และพี่เลี้ยงผญ.ในวังโดนลูกเจ้าของประเทศไล่เล่นแหกหีไปเรื่อยๆจนต้องลาออกเกือบหมดบ้าน แม่นมเอาเรื่องไปฟ้องจนพ่อแม่รู้เข้าเลยส่งไปดัดสันดานที่ออสเตรเลีย ก็ไม่ว่างเว้นจากการล่อลวงสาวฝรั่งไปซุกไซร้จนกลีบหนังแตดเกือบกลืนกินเข้าไปจนแทบจะเอาตัวไม่รอด หนุ่มน้อยร้อยหีได้กลับมาบ้านเกิดผันตัวมาเป็นเสี่ยและพร้อมไล่เย็ดหีหญิงสาวทั่งราชอาณาจักร พ่อแม่มัวแต่ทำงานและเอาแต่ลำเอียงใส่ลูกสาวคนรองและเอือมระอากับความร่านของลูกชายตัวเองเลยปล่อยตามเลย เสี่ยเลยสร้างอาณาจักรหีที่ก้าวเข้ามาในเมืองก็จะเจอกะหรี่ร่อนหีอยู่เต็มเมืองและคละคุ้งไปด้วยกลิ่นเมนส์กับกลิ่นอับของหีทุกตารางนิ้ว
กูนึกว่าพวกโม่งล้มเจ้ามันจะไม่มาห้องหนังนะ
อยากทำหนังมวยไทยให้ออกมาแบบหนังยิปมันว่ะแต่ไม่รู้จะเอาใครเป็นต้นแบบ
มวยไทยมันก็เหมือนกับมวยสากลที่ใช้ในชีวิตจริงได้ เลยไม่รู้จะทำหนังโม้ความเมพยังไง หนังจ่าพนมแม่งก็เล่นตัวละครบ้าพลังทุกเรื่องเพราะไม่รู้จะโม้ให้ต่อยหมัดเดียวกระเด็นไปถึงสวรรค์ยังไง บอยก้าแม่งก็สายบ้าพลังเหมือนกัน
ถ้าจะทำหนังมวยไทยดีๆ ไปทำแบบร็อคกี้กับครีดดิ เรื่องชกเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนพล็อต แต่หัวใจจริงๆอยู่ที่ตัวละคร
>>16 เยอะและcring แต่ในไทยกุยังไม่เห็นมีเรื่องไหนทำแล้วดังได้เลยกลับกันต่างชาติดันทำได้ แล้วก็ใอ้มวยผสมไม่ใช่หรอที่จาพนมทำแล้วสุดท้ายก็ออกมาเป็นแค่หนังโชว์ของไม่มีอะไรเลย ส่วนตัวกุอยากให้มันออกมาอารมย์แบบคนที่รู้วิชาหมัดมวยแตกฉานสายใดสายหนึ่งแล้วมวยไทยมันมีหลายสายกุเลยอยากลองเอาแต่ล่ะสายมาปะมือกัน แล้วต้องแสดงให้เห็นว่าแต่ล่ะอันมันต่างกันยังไง. มีพาร์ทชีวิตเบาๆแต่ไม่หนักมากเหมือนเล่าเสริมเฉยๆบวกอารมย์ขันที่เอาไว้ผ่อนช่วงตึงๆของหนัง ให้ตัวละครมันมิติอื่นดูเป็นคนบ้างไม่ใช่เอะอะวิ่งไล่ต่อยตูมๆ อีกอยางที่กุอยากทำคือซีนแอคชั่นที่ใช้ไม่มีพลังพิเศษเอาCg ไปใช้กับซีนแบบกระดูกหักแตกแทนอะไรอย่างเนี้ย กุเบื่อหนังปล่อยพลังพิเศษ แล้ว
>>21 กุว่ามันแตกต่างอยู่น่ะพวกท่าทาง บางท่ามันก็หนักบางท่ามันก็อ่อน ในมวยไทยก็มีความต่างกันอยู่ตอนนี้กุยังอยู่ในช่วงศึกษาเก็บข้อมูลอยู่ขนาดกุเก็บข้อมูลมาแล้ว2ปียังรวบรวมได้ไม่ครบ กว่าจะเก็บข้อมูลเสร็จคงอีก2-3ปี ยังไม่รวมคิดบทเขียนบทอีกกุว่า8-9ปีอ่ะ เพราะกุต้องไปอยู่ตามค่ายมวยต่างๆด้วย กุไม่กะเขียนพล่อยๆแล้วเอาฉากบู้ยัดๆมันลงไปอย่างเดียวหรอกว่ะ กุอยากให้มันมีอย่างน้อยสัก2ภาคก็ยังดี ให้มันคุ้มกับสิ่งที่ต้องการสร้างหน่อย
พล็อตนี้ของกูอาจเป็นได้เเค่ตอนหนึ่งในซีรีย์สักเรื่อง
พล็อตก็คือ
ผู้ก่อการร้ายตะวันออกกลางได้นักวิชาการด้านหนึ่งมาร่วมงานด้วย เเล้วเเม่งผลิตโรคติดต่อได้โรคนึง เเกร่งเหมือนเอดส์ ติดได้ง่ายผ่านการสัมผัส อากาศ เเละการนำเข้าปาก รักษายากเหมือนมะเร็ง จะค่อยๆออกอาการจากน้อยถึงมากภายใน2อาทิตย์ อึดหน่อยก็1เดือนตาย
ไอ้พวกผู้ก่อการร้ายก็ให้พวกมัน10คนเอาโรคไปเเพร่ในประเทศใหญ่ๆ อินเดีย เมกา(เข้าได้เหรอวะ) จีน
บางคนก็เอาใช้ตัวเองเป็นพาหะนำโรค เดินเนียนกลางฝูงชนในนิวยอร์ค บ้างก็เอาเชื้อไปใส่ในคูลเลอร์น้ำโรงเรียน เด็กกิน>เด็กติด>ติดพ่อเเม่>พ่อเเม่ไปทำงาน ติดเพื่อนร่วมงาน ไปเป็นทอดๆ
พวกCIAจับได้(เมื่อสายไปเเล้ว)เลยต้องให้ปธน.ปิดประเทศ ควบคุมผู้ติดเชื้อ รัฐนี้มีไว้ให้ผู้ติดเชื้อ รัฐนู้นสำหรับคนที่ไม่ติดเชื้อ
รอทำยารักษา
ผู้คนบ้าคลั่ง สติเเตก (ไม่เเดกคน) มีคนที่ติดเชื้อลักลอบออกนอกประเทศตัวเองไป เรื่องเลยยุ่งนิดหน่อย ซีรีย์สัก12ตอนจะพอไหมนะ
กระทู้ตกเเล้ว ดันน
หี เทค 991 แหก บาน
1. ทำหนัง/ละครแบบคนดูแม่งควานหากันชิบหายว่าตัวเอกในเรื่องนี่ชื่ออะไรกันแน่ คนดูรู้ชื่อตัวละครหลัก เสริมทุกตัวแต่ยกเว้นพระเอกของเรื่อง
2.เล่าเรื่องในยุคสมัยแบบเราๆนี่แหละ แล้วเอาข้อ 1. มาใช้ คือ ชื่อพระเอกคนดูไม่รู้ว่าชื่ออะไร
3. ประเภทละคร/หนังจะเป็นแบบไหนแล้วแต่เลย
>>29 น่าสนใจ พูดเรื่องชื่อ คุ้นๆว่ากูเคยดูหนังที่ไม่ได้ระบุว่าตัวละครไหนชื่ออะไรจริงๆนะ เหมือนจะเรียกตัวละครเป็นอาชีพเช่น ตาช่างตัดผมคนนั้น คุณนางพยาบาลคนนี้ อะไรนี่แหละ สรุปว่าทั้งเรื่องไม่มีใครมีชื่อเลย โอ้ย เรื่องอะไรแล้ววะ คาใจ5555 พออ่านพวกมึงถกกันแล้วนึกถึงหนังเรื่องนั้นเลยแหละ แต่เขาจะเล่าเนียนๆไม่ให้เรารู้ตัวว่าเออ สรุปดูมาจนจบเรื่องอิพระเอกนี่ไม่มีชื่อนี่หว่า555
กลับมาประเด็นหนังตามหาชื่อตัวเอกนี่ ถ้าอิงตำนานนิทานขำๆ ก็เรื่องของ Rumpelstiltskin ที่ต้องตามหาชื่อจริงมันเพื่อถอนคำสาป
ถ้าจะเอามาแปลงเป็นแนวดาร์คแฟนตาซีหรือแฟนตาซีไซไฟก็คงได้อยู่แหละมั้ง อาจจะตามหาชื่อเพื่อเอาไปเป็นรหัสปลดล็อค AI ที่กำลังจะทำลายล้างโลกไรงี้
กูนึกออกอีกมุขเกี่ยวกับชื่อ แนวว่าพระเอกความจำเสื่อม มีแต่จม.ทิ้งร่องรอยเมโมเขียนว่าfind john เลยตามสืบตามล่าความทรงจำที่หายไปจากคนชื่อจอห์น ยิ่งสาวไส้ยิ่งเจอเรื่องแก็งค์คนร้ายใหญ่ยักษ์ แล้วจอห์นคือบิ๊กบอสหรือนักฆ่าในตำนานอะไรสักอย่าง(ไม่ใช่นามสกุลวิคนะ555) ตามไปตามมาสุดท้ายก็พระเอกเองนั่นแหละคือจอห์น เมโมที่เจอตอนแรกอาจจะเอามาจากตัวคนที่ตัวเองฆ่าก่อนจะเจออะไรทำให้ความจำเสื่อมไป
เอ๊ะ....พูดไปนี่มันคล้ายพลอตหนังเก่าของผกก.โนแลนเลยนี่หว่า5555555
เอาจริงๆ หนังที่ตัวเอกไม่มีชื่อ / ไม่ถูกเรียกชื่อมีเยอะมากนะมึง
ใครมีแนวอื่นๆบ้างตอนนี้กุเริ่มเบื่อเรื่องชื่อล่ะแซมๆมาหน่อยดิ
เกิดการเเหกคุก ทุกคุกทั่วทั้งประเทศ
(เวอร์ๆหน่อยก็เเหกคุกกันทั้งโลก)
โดยองกรณ์หนึ่งที่ต้องใช้ความวุ่นวายในการทำงาน(เหตุผลพอไหมวะ? ช่วยเสริมหน่อยก็ดี)
ทำให้ตำรวจทั้งประเทศต้องทำงานหนัก เกิดเป็นสงครามหย่อมๆในประเทศ
ประเด็นในหนังก็ ...
ร่างกฎหมายใหม่ ทำให้ผู้ต้องหาโดนผลกระทบ
เเพะที่ติดคุก โดนจับเข้าไปอีก
สงครามผู้ร้าย vs ตำรวจ ทั้งประเทศ
ความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน
ชีวิตประจำวันของประชาชนหลังจากเกิดเหตุการณ์
กลุ่มคนที่ฉวยโอกาส
คุกมีไม่พอขัง
วิสามัญไม่เลือกหน้า
หนัง,ซีรีย์ตลก
คนติดยาเห็นผี
เห็นภาพหลอนบ่อยๆ อยู่มาวันนึงเห็นผี เเยกไม่ออกว่าอันไหนภาพหลอนอันไหนผี
เจอผีพ่อเเม่ ก็นึกว่าเจอภาพหลอน เเม่งก็พูดว่า"ยาเชี่ยนี่เเม่งกากสัส"เเล้วก็ไปเริ่มบำบัด
เคยคิดเรื่องเกี่ยวกับการบูลลี่ ตัวเอกอ่อนแอ ถูกบูลลี่บ่อยแต่มีจิตใจดี เข้มแข็ง อดทน ยอมถูกรังแกเพราะไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากมีปัญหา
จนวันนึงถูกแกล้งด้วยการเอากระเป๋าหนังสือโยนไปกลางถนน ด้วยความรีบร้อนไม่ทันระวัง พุ่งตัวออกไปจะเอากระเป๋า จึงถูกรถรับส่งนักเรียนพุ่งเข้าชน
ภาพไม่เผยให้เห็นว่าถูกรถชนหรือไม่ แต่ตัวเอกไปปรากฏตัวให้อีกโลกนึง แล้วก็เกิดการผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์ ซึ่งมีเรื่องราวของจอมมารที่มุ่งร้ายจะปกครองแผ่นดินมหัศจรรย์นั้น ตัวเอกถูกผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านทำนายว่าเป็นคนที่ถูกเลือก และต้องออกไปตามหาผู้กล้าทั้ง 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ซึ่งถ้าทำให้ผู้กล้าทั้ง 4 กลับมาร่วมมือได้ จะนำพาความสงบสุขกลับมา แล้วตัวเอกก็เดินทางรวบรวมผู้กล้าทั้ง 4 มาได้ และปราบจอมมารลง
จอมมารก่อนสิ้นใจ กลับใจได้ เพราะตัวจอมมารเองก็เป็นอดีตผู้กล้า จึงให้พรกับตัวเอกกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง
ย้อนกลับมาต้นเรื่อง เป็นภาพตัวเอกจะถูกรถรับส่งนักเรียนชน แต่ปรากฏว่าตัวเอกใช้เพียงมือเพียงข้างเดียวปัดรถคันนั้นจนพลิกคว่ำไปไกล สร้างความตกใจให้กับกลุ่มเด็กนักเรียนที่มาบูลลี่ ไอ้พวกนั้นไม่ยอมจึงเข้ารุมทำร้ายตัวเอก แต่ด้วยตัวเอกมีพลังพิเศษติดตัวมาด้วยจึงทำให้พวกเด็กกลุ่มที่มาบูลลี่บาดเจ็บสาหัสไปตามๆกัน ท่ามกลางร่างของกลุ่มเด็กบูลลี่นอนโอดโอยตามพื้นถนน ไกลออกไป รถรับส่งนักเรียนที่พลิกคว่ำจากฝีมือพระเอกก็ระเบิด แต่ในเปลวเพลิงนั้น มีเงาของร่างนึงไม่เป็นอะไร และเดินออกมาจากกองเปลวเพลิง ร่างนั้นก็ทักตัวเอกว่า กลับมาจากอีกโลกนึงเหมือนกันรึ?..
จบภาค เคยคิดเรื่องนี้และวาดเป็นสตอรี่บอร์ดคร่าวๆให้คนในคณะอ่าน ส่วนใหญ่จะชอบกัน และบอกกันว่าชอบการหักมุมตอนท้าย
เสียดายไม่ได้สานต่อ
กุหาหนังตลกที่ดูแล้วตลกแบบขำก๊ากจริงๆไม่ได้เลยว่ะ ส่วนใหญ่ขำแต่ที่มันไม่ใช่มุก ไม่รู้ว่าสมัยนี้มันมีเรื่องให้ขำน้อยลงหรือมุกมันไม่ใหญ่พอให้ขำ ถ้าใครมีหนังที่คิดว่าตลกก็แนะนำกุได้นะ
ตัวเอกมีสัมผัสพิเศษ ได้ยินความคิด มองเห็นอนาคต อ่านคนเหมือนหนังสือ
เเต่ต้องบำบัด เพราะไปพูดเรื่องที่เห็นกับครอบครัว
ตัวเอกเจอกับหมอ เป็นหมอคนเเรกที่ทำให้ตัวเอกเปิดใจพูดอีกครั้ง
ไม่ก็ตัวเอกมีสัมผัสพิเศษดังข้างต้น จึงต้องพยายามใช้ชีวิตอยู่กับมันอย่างปกติ
เห็นเรื่องร้ายเเต่ทำอะไรไม่ได้มันทรมาน
ฆาตกรวัดป่า ฆ่าคนยัดกุฏิ
วัน Apocalypse
ภัยพิบัติ สงคราม ความอดอยาก โรคภัย ทุกอย่างเกิดขึ้นในวันเดียว ผูกเรื่องกับศาสนา เทพจะพยายามช่วยมนุษย์ ปีศาจลงมาตรวจงาน
ตัวเอกเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาๆ
หนังซอมบี้ ซอมบี้ระบาด (กลายพันธุ์บ้างบางชนิด)
ตัวเอกเป็นคนวัยทำงานปกติๆ เห็นข่าวข่างประเทศ คนกัดกัน ติดเชื้อ ไล่กัดคนอื่น ก็เฉยๆ คิดว่าไกลตัว
วันต่อๆมา เริ่มมีการกักกันพื้นที่
วันต่อๆๆมาๆ เกิดข่าวคนกัดกันในประเทศของตัวเอก
ชีวิตประจำวันของคนในประเทศก็ยังปกติเหมือนเดิม
ตัวเอกเริ่มเตรียมตัว ตุนของ เตือนคนในคอนโด , โรงเเรม
วันนั้นก็มาถึง วันที่ตัวเอกเห็นคนกัดกันต่อหน้า ตัวเอกวิ่งเเจ้นขึ้นห้องตัวเองที่อยู่บนตึกสูง
การดำเนินเรื่องก็เเบบ ตัวเอกดูข่าว ดูเฟส เล่นโซเชียลติดตามสถานการณ์ ชะเง้อออกไปนอกหน้าต่างดูอะไรบ้าง
สรุปก็คือ หนังซอมบี้ เเต่ดำเนินเรื่องในโรงเเรมไม่ก็คอนโด
ที่คนในนั้นยังไม่ติดเชื้อกัน
บอร์ดโม่งบอร์ดหนึ่ง มีผู้ใช้ปริศนาตั้งกระทู้ว่าตนจะฆ่าคน
ผ่านไป1อาทิตย์ รูปชิ้นส่วนร่างกายโผล่ขึ้นมา โม่งคนอื่นเอาไป Reverse ก็ไม่เจอที่มา
จขกท.บอกที่ทิ้งศพจำนวน32ที่ทั่วประเทศ
วันต่อมามีข่าวออกว่าเจอชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์
Stalker ที่มีงานอดิเรกเป็นการเฝ้ามองชีวิตคนอื่น เจอคนที่น่าสนใจก็เเอบตามเขาไป จนบังเอิญไปตามจนรู้ว่าคนที่เขาตามคือฆาตกรต่อเนื่อง
ทำเนียบรัฐบาลไทยถูกผู้ก่อการร้ายยึด พระเอกที่จบกบ+รีคอนมาจึงต้องทำภารกิจช่วยนายก
มันจะเวิร์คไหมวะ5555
ตัวเอกเป็นอะไรสักอย่าง เรียกว่ามนุษย์กาฝากก็ได้มั้ง ชอบเเอบงัดเข้าบ้านคนอื่นไป เเล้วก็อยู่ในนั้นเหมือนบ้านตัวเอง พออาหารหมดก็ไปที่อื่น พอเจ้าของบ้านมาเจอก็ฆ่าหมกศพไว้ในบ้าน ไม่ก็หนีไป
กูอยากได้นิยายที่ตัวเอกมีความลับช็อกโลกอะ อย่างเช่น
DEXTER ที่เป็นฆาตกรต่อเนื่องเเฝงตัวกับคนทั่วไป
BREAKING BAD ครูสอนเคมีเป็นเจ้าพ่อค้ายาตัวเป้ง
DARK ถ้ำเเห่งหนึ่งเอาไว้ข้ามเวลา
ไรเงี้ย
>>65 ก็มึงเขียนว่า ตัวเอกเห็นข่าว แล้วมันยังเฉยๆเองอ่ะ
ส่วนเรื่องคนในประเทศอ่ะ มึงจะแถว่าแม่งมัวแต่ทำงาน ไม่สนหีสนแตดอะไรเลยในยุคที่โซเชี่ยลอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างร่องไข่มึง แค่มึงหยิบขึ้นมาดูเลื่อนสไลด์ไปมา คิดจริงๆหรอว่าแม่งจะไม่รู้ห่ารู้แตดอะไร รัฐบาลปิดข่าวมึงก็ต้องเลือกประเทษที่มันปิดประเทศหรือปกครองแบบเด็ดขาดไม่งั้นเป็นไปได้ยาก ขนาดจีนปิดข่าวโคโรน่า ข่าวยังหลุดเลย
>>70 กูขอแนะเพิ่มนะไม่ใช่สับ ถ้าในโลกปกติ มึงเห็นข่าวซอมบี้มึงควรตื่นตระหนกจริงๆนะ มันเหมือนอุกกาบาตจะชนโลก มนุษย์ต่างดาวบุกโลกเลยนะมึง ไม่ว่าจะเกิดในส่วนไหนของโลก เป็นกูก็ต้องเกาะติดข่าวอะ555 นอกจากมึงวางพลอตว่าเป็นโลกที่เคยมีซอมบี้อยู่แล้วเหมือนเป็นไข้หวัดนกอะ นั่นแหละถึงดูข่าวไปชิลๆ พอระบาดหนักค่อยมาเตรียมการกัน
พระเอกเป็นเด็กมัธยมต้นกากๆโง่ๆคนนึงที่ถูกรังแกในโรงเรียนวัดเน่าๆ ชีวิตผกผันเพราะได้ไปรู้จักกับบุคคลลึกลับคนนึง ทำให้มีเงินสะพัดให้พระเอกได้แอบเก็บใช้หลายหมื่นจากการเป็นเด็กเดินวางผงชูรสตามสถานที่ลับสายตาคนทั่วเมือง เงินส่งมาผ่านทางBTCและช่องทางระบบทรูมันนี่และบัญชีpaypalอีกหลายสิบบัญชี พระเอกใช้เงินแก้ปัญหาในชีวิตตัวเองสารพัด แม้กระทั่งใช้เงินทำให้ตัวเองไม่โดนรังแกได้ คนที่ติดต่อพระเอกมาจากองค์กรลับนั้นรู้ว่าพระเอกยังเด็กมากเลยแนะนำให้พระเอกรู้จักใช้เงินในการพัฒนาการศึกษาของตัวเอง บวกกับวิธีเอาเงินไปเก็บในที่ต่างๆให้ไม่โดนสรรพากรจับได้ พยายามเค้นให้เรียนให้เก่งๆควบไปด้วย จนพระเอกสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนดีๆของประเทศได้ตอน ม.ปลาย ช่วงเดียวกับที่มีข่าวการสั่งตรวจสอบร้านอาหารหลายๆแห่งและร้านเชนดังๆทั่วสารขัณฑ์ที่มีการใช้ผงชูรสแบบเดียวกับที่พระเอกเอาไปวางตามจุดต่างๆของเมือง มันคือยาเสพติดชนิดใหม่ที่ผลิตตามชายแดน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรและพระเอกก็ถูกเตือนจากคนลึกลับให้หยุดการวางผงชูรสแบบที่เคยทำออกไปก่อน จากนั้นพระเอกก็รู้จากคนลึกลับอธิบายว่าที่มาของเงินที่ได้มาจากการวางผงชูรสผสมยาเสพติดนี้มันคือส่วนแบ่งน้อยนิดรวมๆกันทั้งในเมืองหลวงและปริมณฑลฝั่งตะวันตกกับภาคตะวันตกของสารขัณฑ์จากยอดขายร้านอาหารเชนที่ขายไม่ค่อยดีช่วงที่ยังไม่ได้ผสมผงชูรส(ยาเสพติด)กับร้านSMEและร้านรายย่อยข้างถนนเจ้าต่างๆ เงินหลายหมื่นที่พระเอกได้คือส่วนแบ่งน้อยมากๆของมากๆเพราะเป็นแค่เด็กวิ่งยาตามเขตเมืองหลวงในประเทศสารขัณฑ์เฉยๆ มีคนหลายๆคนติดการกินจากร้านอาหารใกล้บ้านตัวเองกันงอมแงมมากจนพอรู้ข่าวนี้ต้องไปให้หมอตรวจและบำบัดกันเยอะมาก หลายวันผ่านไปพระเอกก็ได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่เป็นเด็ก ม.ปลายวิ่งส่งยาเสพติดพวกนี้ มีกลุ่มเล็กๆกลุ่มนึงที่พระเอกกำลังจะได้รู้ว่าไอดอลหน้าตาดี วัยรุ่นที่บนโปรไฟล์โวเชียลไลฟ์สไตล์หรูหรา จริงๆแล้วยาเสพติดตัวนี้คือหนึ่งในเบื้องหลัง........................................................... เอาแค่นี้ก่อน กลัวพล็อตเรื่องไม่สนุกไม่ถูกใจโม่ง
ตัวเอกได้เป็นเจ้าของบ้านเเห่งหนึ่ง ที่มีประวัติมาช้านาน
ผีทุกตัว ทุกตน ที่ตายในอนาเขตนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม ตัวเอกเห็นหมด ต้อง Deal กับพวกผีหลายตน เเล้วก็พวกจากมิติคู่ขนานตรงนั้นอีก ผีบางตัวมาทำร้าย บางตัวก็มาช่วย บางตัวก็โผล่มาหาบ่อยซะจนตัวเอกเเม่งเเทบบ้า มีวันหนึ่ง ผีตัวหนึ่งเข้าตัวเอกระหว่างทำงานอยู่ ตัวเอกทำตัวเเปลกๆ พูดเเปลกๆ น่ากลัว เหมือนในหนังผีเข้า พวกเพื่อนร่วมงานเห็นเหตุการณ์หมดก็พากันกลัว
เเต่มีคนนึงที่เเนะนำหมอผีมาให้
>>71 กูไม่ใช่คนที่สับนะ แต่จะบอกว่า ถ้ามึงจะไม่อนุญาตให้คนมาแตะต้องพล็อตบรรเจิดเลิศล้ำของมึง มึงควรไปบ่นใส่เฟส/ทวิตแล้วตั้งค่าเป็น private ว่ะ sensitive เกิ๊น ปญอ เพื่อนไม่คบเหรอ
แล้วพล็อตมึงก็รั่วจริง มึงดูข่าวไวรัสอู่ฮั่นสิไอ้โง่ คนไทยชิลมากมั้งงง ชิลจน mask ขาดตลาด ชิลจนด่ารัฐบาลไม่ยอมแบนนักท่องเที่ยวจีน
ไอ้ทำตัวชิลๆนี้มันล้อ การ์ตูน i am hero มั้ง
สมมุต์ให้ประชาชนญี่ปุ่น แม่งไม่รู้จักซอมบี้กัน
โดนกัดก็นึกว่าไอ้นี่แม่งเป็นบ้าเฉยๆ
>>77 กูไม่ได้คิดว่าจะทำเป็นภาพยนตร์อ่ะ ทำเป็นซีรี่ส์/เอาไปวาดการ์ตูนดีกว่า ถ้าเริ่มเรื่องมาพลอตมันดาดๆไปกูก็ไม่ต่อละ มึงอาจจะไม่อินเพราะกูเปิดเรื่องมาในประเทศในจินตนาการรึเปล่าก็ไม่รู้นะ การปรับบทกูคงต้องเล่าให้คนดูรู้ว่าสารขัณฑ์มันเป็นประเทศยังไงอีกทีนึงชัวร์ๆเลย
จินนี่ซินโดรม
คนคนหนึ่งคิดว่าตัวเองเป็นยักษ์จินนี่ ให้คนอื่นขอพร เเละตนก็จะทำให้พรนั้นสำเร็จ (มีปะวะ กุนั่งเทียนเขียนเอา)
ตัวเอกเป็นจินนี่ซินโดรม เเล้วก็เข้าไปในชีวิตของคนอื่น
ได้ยินเขาคนนั้นขออะไรก็จัดให้ ถ้าเขาคนนั้นบอก 'อยากให้อีนั่นตายๆไปซะ' ตัวเอกก็จัดให้
อันนี้กูไม่ได้แต่งขึ้นมาเองนะ แต่อ่านเจอจากที่ไหนสักที่มันชื่อเรื่องว่า "โจรขโมยรองเท้า" plotholeเยอะแต่เอามาต่อยอดเนื้อเรื่องได้พอสมควร
เรื่องราวเล่าในช่วง2556-2557 เมืองต่างจังหวัดที่กว้างมากและมีทุ่งนากับป่าเขาเกือบทั้งจังหวัด มีอำเภอเมืองเล็กๆที่เจริญมีน้ำไฟ อินเตอร์เน็ตเข้าถึงแต่กลับกลายเป็นว่าอยู่ดีๆเกิดเหตุไฟดับครั้งใหญ่ทั้งเมืองและพอไฟกลับมาใช้งานได้อีกทีอินเตอร์เน็ตกลับใช้งานไม่ได้ ในระยะก่อนเข้าเมืองห่างออกไปไกลพอตัวเน็ตทุกประเภทจะใช้ไม่ได้เลย ถามว่าเป็นข่าวใหญ่โตไหมว่าเมืองนี้ไม่มีเน็ตใช้ บอกเลยว่าไม่ คนเข้าเมืองมา คนขาจรก็ได้แต่บ่นๆไปแต่ไม่มีเทรนด์ในโซเชียลคุยลือกันเลยว่าไม่มีเน็ตใช้ในเมืองนี้ ไม่ออกข่าว นสพ สักแอะ ไม่มีใครใช้เน็ตได้และไม่มีคนไหนลุกขึ้นมาแก้ปัญหานี้ด้วย เน็ตทุกเจ้าเหมือนไม่เคยมีมาก่อนในเมืองนี้ วัยรุ่น พ่อแม่ คนเก่าแก่ และอีกหลายๆคนเลยกลับมาใช้ชีวิตที่คล้ายๆยุคสมัยที่ไม่มีเน็ต วัยรุ่นต้องมาหาที่คุยตามบ้านเพื่อน ไม่ก็ร้านตามสั่งหลังเลิกเรียน แบบสมัยสามสิบปีที่แล้วแทนการแชทกันบนโลกออนไลน์หรือตามเว็บบอร์ด โรงเรียนคือแหล่งสุมหัวคุยกันของเด็กๆ ตลาดสด ตลาดนัด คือที่ๆคนชุกชุมและตลาดวายช้ากว่าเดิมเพราะคนต้องมาคุยๆแลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน ต่อมามีเรื่องราวครึกโครมใหญ่โตที่รุ่นพี่ในโรงเรียนขาขาดแล้วตายเลย สภาพศพคือขาข้างนึงหายไปตอนเล่นกีฬาที่สนามบาสของโรงเรียน และตายจากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันไม่ใช่เสียเลือดมาก เรื่องนี้คุยกันให้แซ่ดทั้งในโรงเรียนและตลาดสดของเมือง หลายวันผ่านไปมีคนบาดเจ็บสาหัสแบบคล้ายๆกับ นร.ในสนามบาส รอบนี้ไม่ตาย เป็นคนสวนที่ขี่มอไซค์ผ่านสวนสาธารณะของเมืองตอนสองสามทุ่มเพื่อออกไปเก็บของจากในสวนมาไว้ที่บ้านตัวเองแล้วเจอสิ่งมีชีวิตแปลกๆตัวนี้มาบอกว่า"ขอรองเท้า" ลักษณะพอสังเขปคือ ตัวสูง3เมตร มีขาเดียว เท้าเปล่า แต่งตัวคือเอากระสอบขนาดยักษ์มากๆมาคลุมตัวแล้วมีแต่แขนสองข้างที่โผล่มาให้เห็นจากกระสอบ ตรงส่วนหัวเหมทอนมีแสงกลมๆสีแดงส่องคล้ายสปอตไลท์(คาดว่าน่าจะเป็นตา และมีตาเดียวแบบยักษ์ไซคลอป)ส่องสะท้อนออกมาผ่านกระสอบที่คลุมหัวสัตว์ประหลาดอยู่ คนสวนตกใจและสวนกลับไปว่าไม่ให้ ฉับพลันขาซ้ายที่ยันมอไซค์ของคนสวนหายไปพริบตาแล้วรถล้มทันที ส่วนสัตว์ประหลาดตัวนั้นเดินจากไปพร้อมกับขาคนสวนในมือ ผ่านไปครึ่ง ชม. มีคนมาช่วยคนสวนไป รพ. พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาเจอเหมือนกันคือคนมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ช่วงเวลาใกล้ๆกัน รอบนี้คือสะพานข้ามคลองของเมืองที่อยู่ใกล้ๆกับสวนสาธารณะ คำถามเดียวกัน เหยื่อรายนี้กลับวิ่งหนีต่อหน้า ขาเลยหายไป คนมาเห็นเพราะตามรอยเลือด เกือบเสียชีวิตจากการเสียเลือดมาก ตอนนี้ข่าวแพร่สะพัดปากต่อคนเริ่มหวาดกลัวกัน พอพลบค่ำสภาพเมืองคือยังกับเมืองร้างไม่มีใครอยู่ ...................................................................ใครเคยอ่านบ้างไหมวะ?
กูอยากให้มีอิสระในการลงเรื่องและวิจารณ์นะ ข้อเสนอของกูคือ
1. เรื่องต้องแต่งเองเท่านั้น คือต่อให้เจ้าของเรื่องไม่ได้เอาไปใช้งานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่ผลงานทุกชิ้นมีลิขสิทธิ์ในตัวมันเองอะ เก็ตเนอะ และพอไม่ใช่เจ้าตัวเอามาลงเอง การวิจารณ์มันก็ดูเหมือนเอาเค้ามานินทาโดยเจ้าตัวไม่เต็มใจด้วย
1.1 แต่ในแง่ "แรงบันดาลใจแรงกล้า" คงบังคับอะไรไม่ได้ ถ้าโดนวิจารณ์ว่าคล้ายกับนู่นนี่ก็ต้องยอมรับผลเองนะ
2. การวิจารณ์อยากให้ไปในเชิงสร้างสรรค์นิดนึง
3. อย่าสวมรอยเป็นเจ้าของพล็อตในเม้นอื่น
>>89 อย่างอันนี้ไม่อยากให้เอามาลงเท่าไร ของใครก็ไม่รู้ ส่วนตัวกูว่าดูมีกลิ่นอาย creepy pasta มากๆ คือเหมือนแปลมาไม่ก็ได้อิทธิพลมาเยอะ ทั้งชื่อเรื่อง, แนวทางการสร้างสถานการณ์ที่ไม่เน้นความสมเหตุสมผลแต่เพื่อใช้เล่าเรื่องสยองที่อยากเล่า, การออกแบบปีศาจ ...แต่ดันระบุปีเป็นพศ?
>>93 กูคือ >>83 กับ >>84 เอง และเป็นคนเขียน >>89 ด้วย กูเห็นเนื้อหามันแปลกๆดี แปลกจนกูต้องมาลองอ่านดูคือมันไม่ให้ความรู้สึกหลอนผีห่าซาตานแบบอื่นๆ เสือกกลายเป็นแนวสัตว์ประหลาดซะงั้น แล้วข้อเสนอมึงเนี่ยใช้อะไรกับโม่งไม่ได้จริงๆหว่ะ ต่อให้SIRNอยู่ก็คงไม่ต่างกัน ถ้ากูไม่บอกว่ากูอ่านเจอมาละมึงจะรู้เหรอว่ากูก๊อปมา คงไม่แน่ๆละ ที่กูถ่ายทอดมาแล้วดูเหมือนแปลมา มันคือการเขียนบอกเล่าสไตล์กูเองล่ะนะ 555+ แสดงว่ากูเขียนบรรยายได้เหี้ยมากนะเนี่ย เขียนยังไงให้เหมือนแปลจากอากู๋55555555+ โอเค ชัดเจนว่าคนแบบกูเขียนนิยายไม่ได้ ที่เอามาลงไม่ใช่ไรหรอก แค่เผื่อว่าใครอยากได้พล๊อตตรงนี้เป็นแรงบันดาลใจไปวาดการ์ตูน ทำCGไรก็ตามแล้วไปตามหาซื้อลิขสิทธิ์ของนามปากกาคนเขียนซะ ก็แค่นั้น
>>90 อยากรู้ตอนจบใช่มะ กูจะเล่าต่อนะ รู้ละว่าเอามาจากนิตยสารtwilight ที่แยกออกมาจากคอลัมน์ผีในนิตยสาร ilike(เจ้าของเดียวกัน) จะเล่ารวบรัดกว่าเดิมละ เรื่องราวที่บอกมาใน >>89 อ่ะ ชาวบ้านแม่งพากันเอารองเท้าแขวนไว้ตามตัวเมืองเชื่อว่าเพื่อให้มันไม่ตามมาราวีคนอื่นๆอีก มันอยากหยิบหยิบที่แขวนๆไป พระเอกของเรื่องก็เอามาจดบันทึกเก็บข้อมูลจากพยานที่เห็นไอสัตว์ประหลาดตัวนี้บ่อยๆ สาเหตุที่ชื่อเรื่องเป็นแบบนี้เพราะเด็กใน รร. พระเอกแม่งตั้งชื่อให้ว่า "โจรขโมยรองเท้า" พระเอกจดพฤติกรรมของ โจรขโมยรองเท้า เอาไว้หลายเคสมากๆ อย่างเคสนึงที่น่าสนใจคือคนใกล้ตัวพระเอกเองก็คือหัวหน้าห้องเพื่อพระเอก มันกำลังจะเข้าบ้าน เจออีโจรขโมยรองเท้าเดินตามมาและมาจอดหน้าบ้านเพื่อนพระเอกพอดี มันก็พูดขอยืมรองเท้าหน่อย เพื่อนพระเอกมันก็ให้ไปดีๆเพราะรู้ว่าขาจะหายถ้าไม่ให้มันแต่ว่ารอบนี้โจรขโมยรองเท้าก็รับมาไม่ทำร้ายอะไร แต่ว่าพอเอามายัดตีนตัวเองละเสือกใส่ไม่ได้ มันเลยคืนให้เพื่อนพระเอกแล้วบอกว่าใส่ไม่ได้ เดินจากไปแบบเงียบๆ สัปดาห์ต่อมาเพื่อนพระเอกเจออุบัติเหตุสาหัส จนต้องตัดขาข้างที่เคยให้รองเท้ากับมันยืมใส่ทิ้งไป พระเอกมันเลยสรุปเรื่องราวได้หลักๆว่า
1.เจอมันแล้วถ้าไปทะเลาะกับมัน ผลคือขาหายและตายสถานเดียว
2.เจอมันละถ้าตอบไปว่าไม่ให้/ไม่มี มันจะเอาขาข้างนึงไป
3.แอบเห็นมันไม่โดนอะไร อย่าให้มันจับได้แล้วถามคำถามประจำตัวมันก็พอ
4.ให้มันยืมรองเท้าละ มันคืนกลับมา จะเจออุบัติเหตุจนขาข้างที่ให้ยืมต้องสูญเสียไป
พระเอกเลยมาสรุปจุดที่โจรขโมยรองเท้ามักจะปรากฎตัวบ่อยๆ ที่ๆดูชัดเจนสุดๆคือ สวนสาธารณะประจำเมือง เลยจัดแจงวางแผนตามที่มันคิดไว้ ช่วงพลบค่ำพระเอกเลยแอบออกจากบ้านปั่นจักรยานมารอมันก่อนสักครึ่งชั่วโมง พอถึงเวลาไม่ถึงชั่วโมง โจรขโมยรองเท้าก็ออกมาในระยะห่างจากพระเอกแค่ราวๆไม่ถึง100เมตรแล้วมองมาที่พระเอก และถามคำถามเดิมใส่พระเอกว่า "ขอยืมรองเท้าหน่อย" พระเอกได้แต่ทำตัวให้นิ่งๆ แล้วเดินถอยหลังเข้าหาจักรยานช้าๆ พอมันเห็นพระเอกเงียบ ดวงตาสปอร์ตไลท์ภายใต้ถุงกระสอบมันแดงเข้มและสว่างกว่าเดิมแล้วถามคำถามเดิมด้วยเสียงหงุดหงิดขึ้นว่า "ขอยืมรองเท้าหน่อย!" พระเอกเลยชี้ไปด้านหลังมันแล้วบอกกับมันว่า "ไปขอยืมคนนู้นสิ คนนู้นเขาให้ยืมนะ" พอมันหันกลับไปตามที่พระเอกบอก พระเอกก็รีบขึ้นจักรยานปั่นหนีไปสุดชีวิตให้ไกลจากมันจนถึงบ้านแล้วเก็บข้าวของ ปิดหน้าต่างประตูปิดไฟเข้านอนคลุมโปงเลย ผ่านไประยะเวลาหลายวันพระเอกก็ไม่ได้พบเหตุอันเป็นไปอะไร พระเอกก็เล่าเรื่องราวนี้ผ่านช่องทางต่างๆที่รับงานเขียนมือสมัครเล่นเพื่อกระจายข่าวว่าถ้าหากเจอไอตัวนี้ให้ลองเอาวิธีการของมันไปใช้
อยากทำหนัง-ซีรีย์เป็นจักรวาลว่ะ
พระเอกคือเด็กกำลังเข้ามหาลัยคนนึงที่สอบติดมหาลัยที่ดีที่สุดของประเทศได้ในใจกลางเขตCBDของเมืองหลวง เป็นมหาลัยรัฐระดับeliteหนึ่งในสามแห่งของเมืองหลวงที่เรียนจบมาการันตีเรื่องการตอบรับเข้าทำงาน มหาลัยนี้สวัสดิการนักศึกษาดีมากสวนทางกับค่าเทอมที่ยังเป็นม.ปิดแห่งเดียวในประเทศซึ่งยังใช้ระบบจ่ายค่าเทอมแบบนับหน่วยหน่วยกิตเหมือนสมัยสามสิบปีก่อน+ให้อิสระเสรีกับ นศ. มากที่สุด ข้าวของทุกอย่างรอบตัวมหาลัยแพงมากๆ ชีวิตพระเอกผกผันเพราะที่บ้านในต่างจังหวัดตกงานทั้งครอบครัว แถมยังเจอครอบครัวบ้านที่สอง(บ้านเมียน้อย)ของปู่ย่าพระเอกมายึดทรัพย์ครอบครัวบ้านพระเอกจนหมดสิ้น พ่อแม่พระเอกฆ่าตัวตายแต่พระเอกไม่รู้ พระเอกตอนนั้นกำลังเรียนจบเทอมแรกและมารู้เรื่องนี้ผ่านทางโทรศัพท์ พระเอกจึงตัดสินใจเอาของที่จำเป็นออกจากคอนโดที่เช่าอยู่ พยายามใช้ชีวิตแบบคนไร้บ้าน+เรียนหนังสือในมหาลัยแบบไม่มีใครรู้ ความท้าทายคือการหาทางพยายามส่งเสียตัวเองให้เรียนจบและหางานทำให้ได้ภายใน4ปี
>>103 พล๊อตหลักๆของเรื่องนี้คือชีวิตของคนที่จังหวะชีวิตโดนขัดแบบจังๆสุดๆและใช้ชีวิตเอาตัวรอดเองในมหาลัยยาวนานถึง4ปีอ่ะ ส่วนเนื้อเรื่องที่ว่าทำไมพระเอกไม่คิดจะแก้แค้น อันนี้ใส่ในตอนท้ายเลยมึง ครอบครัวบ้านเมียน้อย กูยัดให้ว่านิสัยสันดานแย่งชาวบ้านเป็นทุนเดิม ทะเยอทะยานแบบไม่อายสายตาคนอื่นว่าไปแทรกกลางครอบครัวคนอื่นแล้วเบียดเบียน จะเล่าทีหลังว่าแพ้ภัยตัวเองจนล่มจม/พระเอกหาหลักฐานมาแก้ต่างให้ได้มรดกและทรัพย์คืนกลับมา แล้วเบื้องหลังการตายของพ่อแม่พระเอกเกี่ยวกับตัวมหาลัยกูมองว่าค่อนข้างเว่อร์ เพราะจะปูเนื้อเรื่องว่าบ้านพระเอกแม่งก็ครอบครัวเดี่ยวเล็กๆพ่อแม่ลูกสามคนเอง ฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยอู้ฟู่มีอิทธิพลอะไร เป็นแค่คนต่างจังหวัด คนท้องที่เข้าเมืองหลวงไม่กี่ครั้ง ส่วนปิดบังเรื่องคนไร้บ้านเนี่ย มีแน่นอน คนที่รู้ว่าพระเอกมีสถานะเป็นคนไร้บ้านอะไรยังไงจะเป็นคนไม่กี่คนเองและจะเป็นมิตรกับพระเอกในภายหลัง ทำให้พระเอกใช้ชีวิตเป็น นศ.homelessได้นี่แหละ
>>105 ถ้าแบบว่าหิวเงิน แล้วอยากจะเชื่อมไปภาคต่อแบบหนังมาร์เวล ทำซีรี่ส์ภาคแยกได้ไม่น่าเกลียดหรอกมึง 555+ เผลอเล่าประวัติของอีมหาลัยนี้ไปยังได้เลยมั้งว่ามันมีส่วนยังไงให้พระเอกเรื่องนี้มันต้องเจอกับเรื่องราวดังกล่าว กูมองแบบ >>106 อ่ะ ออกแนวsurvivalบนท้องเรื่องสังคมที่มีดูแล้วจะสงบสุข แต่เหมือนสมรภูมิในชีวิตของพระเอกแต่ละวันที่จะต้องเจอมีแค่รอดกับประคองให้ไปต่อได้พร้อมกับการเรียนด้วย
ตัวเอกคิดอยากฆ่าตัวตาย จู่ๆเขาก็คิดอยากจะทำเรื่องที่ค้างคาก่อนตาย
เอาของไปคืน
คืนดีกับเพื่อน
ขอโทษคนบางคน
อะไรเเบบนี้
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1705123413129445&id=1502824140026041
น่าจะทำหนังได้นะ พล็อตเเบบนี้
อยากทำหนังdie hard ว่ะ แต่เปลี่ยนให้ตัวเอกอยู่ในห้าง ที่เกิดเหตุกราดยิง หรือไม่ก็หนังเอาชีวิตรอดในห้างที่เกิดเหตุ
อยากทำหนังคนชั่วเเหกนรก ยึดนรกเป็นบ้าน
ซีรีย์ฆาตกร ที่ไม่ฆ่าคน เเต่ลักพาตัวคนมาผ่าตัด ตัดเเขนตัดขา ควักลูกตา เอาไตออก อะไรเเบบนี้ เเล้วก็ปล่อยไป
ตัวเอกเป็นรุ่นลูกของฆาตกรคนหนึ่ง
>>111 ก็โอเคนะ ที่ควรใส่เพิ่มคือ พวกคนดูอยู่ทางบ้านชอบตัดสินนั่นนี่ ชอบวิพากย์วิจารณ์ ถ้าอยากมีส่วนร่วมมากกว่าแค่นั่งดูเค้าเอากล้องมาถ่ายก็ให้มันมามีส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อเรื่องของหนังไปเลย เอาแบบblack mirrorที่ไม่เส้นทางการจบเนื้อเรื่องแบบเยอะสัสๆอะไรแนวนั้นไปเลย ให้มันดูซิว่าแนวทางที่มันเลือกมันจะเจอดีหรือร้ายสุดๆยังไงบ้าง .......เอาตรงๆคือ ไม่รู้ว่าการไปทำเป็นเกมแบบdetroit become human , beyond two souls อะไรแบบนี้มันจะตรงตัวกว่าไหม
มีใครรู้เรทค่าตัวBnk บ้าง ถ้าอยากได้ตัวมาแสดงหนังแค่คนเดียวต้องติดต่อยังไง อยากรู้ไว้ก่อนจะได้คำนวณค่าใช้จ่ายได้อ่ะ
>>121 งั้นก็ทำแบบnetflix ทุนต้องหนาหน่อยนึงนะ ดีซะอีกพวกสูบลงเถื่อนแม่งน่าจะก้อปอีกเพราะมันต้องเก่งพอจะก้อประบบเลือกเส้นทางเนื้อเรื่องลงไปด้วย ถ้าจะเล่าแบบนั้นไม่อยากให้เล่าแค่ว่าอยู่ๆมาเกิดเหตุกราดยิง มีพระเอก นางเอก ตัวประกอบในที่เกิดเหตุ ทุกทางเลือกส่งผลต่อเนื้อเรื่อง แล้วลากไปจนจบที่ตำรวจยกพวกมาวิสามัญคนร้าย(ไม่มีฉากจบคน้รายหนีรอด) ให้เล่าต่อถึงตอนงานศพของคนก่อเหตุที่มีแค่เพื่อนร่วมรุ่นมาไม่กี่สิบคนกับแม่เค้าที่ได้รับกำลังใจกับเพื่อนบ้านละแวกเดียวกัน แต่ละคนก็เริ่มเล่าเรื่องย้อนไปตรงจุดเริ่มต้นว่าระบบความเน่าเฟะในข้าราชการวงการนี้ของคนชั้นผู้น้อย การคอรัปชั่นเป็นระบบของคนมีอำนาจมากบารมี ตรงนี้คือไม่มีให้คนดูเลือกเส้นทางเนื้อเรื่องนะ เป็นการอธิบายเรื่องเหี้ยๆที่เป็นวงในออกมาแทนไปเลย ส่วนตรงนี้แล้วแต่ว่าจะทำเป็นฉากลับที่คนดูต้องไปเลือกให้ตัวละครทำอะไรสักอย่างจนปลดล๊อคฉากลับตรงนี้ให้ได้ เสมือนกับคนดูส่วนมากที่เอาแต่สนถึงแค่การยิงฆ่ากันตายกับการทำงานวิสามัญของตำรวจซะมากกว่าสิ่งที่คนก่อเหตุเคยเจอมาจนสติแตกได้ขนาดนี้
มีใครสนใจทำอนิเมชัน2ดีไหม
กูพอมีคอนเน็คชันกับคนที่ทำด้านนี้ทั้งในและต่างประเทศ(ญี่ปุ่น+ยุโรป) แต่ไม่รู้จักนายทุน
เมื่อกี๊กูย้อนไปดู intro ของ zombieland ภาคเเรกมา
เท่ดีว่ะ ดูเเล้วอยากทำหนังซอมบี้
>>128 พูดถึงหนังซอมบี้เคยคิดเป็นเรื่องๆนึงอารมณ์ประมาณสงครามนาซีเว้ย ตอนนั้นเล่นเกมสไนเปอร์อีหลี ซอมบี๋ อาหมี แล้วติดจัดๆ
อารมณ์ประมาณสงครามแหละ แต่ตอนแรกสู้กัน ปะทะกันทั้งสองฝั่ง มีตัวละครจากทั้ง 2 ฝ่ายให้ดูให้เห็นปัญหาการสู้รบกับฝ่ายตรงข้าม
หารู้ไม่ ไอ้ที่เห็นว่าสู้กับฝ่ายตรงข้ามนี้ แม่งไม่ใช่เว้ย แม่งคือ ซอมบี้ คือ ทั้งสองฝ่ายแม่งก็คิดว่าเป็นอีกฝ่ายไง ไอ้ห่าทำไมยิงไม่ตายว่ะ
กว่าจะรู้ตัวว่า สิ่งที่สู้ด้วยแม่งเป็นซอมบี้ แถมเกิดมาจากศพจากทั้งสองฝ่ายเอง อ้าว ไอ้ห่า แล้วต้นเหตุมาจากไหน
ก็แบบ บังเอิญกลางสมรภูมิ ท่ามกลางเสียงระเบิด มีอุกกาบาตตรงลงมากลางสมรภูมิ กึ่งกลางทั้งสองฝั่งเลย แต่ด้วยมันช่วงสงครามไง
แม่งไม่มีใครรู้ไงว่าเป็นอุกกาบาตตกมาจากนอกโลก แม่งคิดว่าเป็นอาวุธของฝั่งตรงข้าม แม่งเป็นกึ่งๆสิ่งมีชีวิตนอกโลก สร้างกองทัพจากซากศพ
สุดท้ายแม่งจับมือร่วมกัน ระดมอาวุธ รถถัง สั่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเพื่อทำลายอุกกาบาตนั้น
เอนด์เครดิต มีกลุ่มคนปริศมาเก็บซากอุกกาบาตนั้นไป
คิดเองไง มโนเป็นเรื่องเอาไปเล่าในกลุ่มเพื่อนเป็นฉากๆ ไอ้สัส ตอนนั้นแม่งติดเกมสุดๆ
>>129 กูอยากทำหนังซอมบี้ ที่โลกสามารถควบคุมซอมบี้ได้เเล้ว มนุษย์เเต่ละประเทศเหลือเพียงเเค่1-2% เเต่ทุกคนช่วยทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ
ระหว่างนั้น พวกมนุษย์ที่ยังไม่ตาย ก็มากระจายข่าว ให้มาอยู่รวมๆกัน
อธิบายไงดีวะ กูอยากทำหนัวซอมบี้ที่ทุกอย่างเป็นปกติ เเต่เเค่มีซอมบี้ เเค่นั้นอะ
ตัวเอกเป็นอาชญากร เเต่มีเส้นสายเเละคนรู้จัก เเละตัวเอกต้องเอาชีวิตรอดในโลกอาชญากร โดยที่เป็นศัตรูกับทั้งกรมตำรวจ
ตลค.เอกเป็นโรคร้าย มีเวลาจำกัด ตัวเอกเลยอยากรู้ความลับของเพื่อน คุยกันเล่นๆตามประสาเพื่อน เเล้วจู่ๆเพื่อนก็วกเข้าไปในเรื่องหนึ่ง ที่โหดร้าย ตัวเอกไม่คิดว่าเพื่อนจะปิดบังตนได้นานขนาดนี้
ว่าง่ายๆ ตัวเอกใกล้ๆตาย เลยอยากรู้เรื่องที่คนใกล้ตัวไม่เคยบอก
>>135 ตอนใกล้จบ ตัวเอกดีขึ้น เเต่ตัวเอกไม่ดีใจ โกรธด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับความลับเหล่านั้นได้
ฉากสุดท้าย ตัวเอกนั่งอยู่ในห้อง ตัวเอกจุดไฟเผาห้อง สักระยะนึง ตัวเอกจึงยิงตัวตาย เเล้วไฟก็ไหม้ตัวเอกไป
มีเพลง The Caretaker - it's just a burning memory เล่นคลอๆ
อยากทำหนังแบบฟรีแลนซ์แต่เปลี่ยนจากฟรีแลนเป็นโอตะ
อยากทำหนังแบบฟรีแลนซ์แต่เปลี่ยนจากฟรีแลนเป็นโอตะ
นางเอกของเรื่องเบื้องหน้าคือครูติวเตอร์ในสถาบันกวดวิชา ดีกรีเรียนจบหมอ เบื้องหลังคือลักพาตัวคนบ้า/หลอกล่อขอทานต่างด้าวตามที่ต่างๆไปชำแหละอวัยวะขายส่งออกตลาดมืด
ค้าอวัยวะนี่อะไรวะ สมองเด็ก?
>>146 https://th.wikipedia.org/wiki/การปลูกถ่ายอวัยวะ
ตามนี้เลยมึง
เมื่อพลเมืองดีคนหนึ่งที่เพิ่งช่วยชีวิตคนนับร้อยจากเหตุกราดยิง ถูกกลุ่มคนลึกลับบุกรุกบ้าน
>>141
ประเด็นของหนัง ถ้าเริ่มมาแบบนี้....
1.จิกกัดการแบ่งชนชั้น สะท้อนสันดานคน ระบบกฎหมายที่อ่อนด้อย
2.เมื่อมันเข้าหาอาชญากรรมก็แนวสืบสวน ก็ต้องลุยไปแนวนั้นแล้วเน้นแบบดาร์กสุดๆ
3.คนที่เหี้ยสุดๆไม่ใช่นางเอกของเรื่อง ถึงแม้ว่าลับหลังมันจะชำแหละอวัยวะมนุษย์ไปขายก็ตามที
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.