>>563 นั่นน่ะพล็อตหลักหมดเลยมึง 5555
เอาง่ายๆ พล็อตหลักของหนังสือทุกเล่มคือ "การเติบโตของแฮรี่ จากเด็กน้อยๆ ไปเป็นวีรบุรุษที่ชนะจอมมารได้"
พล็อตไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับจุดนี้โดยตรง ก็น่าจะถือเป็นพล็อตรองได้เกือบหมด
ดูอย่างหนังสือเล่มห้าก็ได้ จากหนังสือเล่มหนาสุด กลายมาเป็นหนังภาคที่สั้นสุดได้ เพราะคนเขียนบทตัดน้ำออกหมด เอาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการเติบโตของแฮรี่โดยตรงมาใส่ในหนัง (จากเด็กที่โดนทุกคนออกห่าง กลายเป็นผู้นำกลุ่มวัยรุ่นต้านอำนาจรัฐ)
หนังแฮรี่ทุกภาคก็ใช้หลักการดัดแปลงแบบนี้หมด คือเอาแค่แกนเรื่องที่เกี่ยวกับตัวแฮรี่มาใส่ในหนัง ส่วนที่เหลือก็ตัดออก
ซึ่งก็ทำได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันเวิร์ค เพราะหนังสามารถรักษากลุ่มคนดูทั่วๆ ไปไว้ได้จนภาคสุดท้าย ถึงคนดูทั่วไปจะงงบ้างแต่มันก็ยังมีความอยากตามดูว่าจะเป็นไงต่อ (ส่วนพวกที่ด่าๆ เรื่องตัดฉากก็จะเป็นพวกแฟนเดนตาย ซึ่งด่าขนาดไหนก็ดูอยู่ดี)
ส่วนหนังสัตว์มหัศจรรย์ไม่มีคนช่วยเกลาบทให้ จุดอ่อนเรื่องการเขียนซับพล็อตของป้าเลยออกมาชัดเจนมาก ภาคแรกยังเอาตัวรอดได้เพราะตัวละครกับซับพล็อตยังมีไม่มากเกินไป (จริงๆ กุว่าก็เยอะไปหน่อยแล้ว) ส่วนภาคสองก็สะเปะสะปะอย่างที่เห็น เหมือนป้ามีซับพล้อตที่อยากเขียนเป็นสิบๆ พล็อต แล้วไม่อยากตัดทิ้งซักอย่าง เลยยัดๆๆ เข้ามาจนครบ จุดโฟกัสของเรื่องเลยหาย แล้ว character development ของตัวละครหลายตัว (โดยเฉพาะควีนนี่ ลีตา นากินี) ก็โดนข้ามไปหมดอย่างน่าเสียดาย เอาเวลาองก์สุดท้ายไปเล่าดราม่าตระกูลเลสแตรงก์ ที่ตอนจบดันเฉลยว่าเป็นการสับขาหลอกอีก สรุปคนดูทั่วไปก็เดินออกจากโรงแบบงงๆ ว่าตกลงเรื่องมันคืออะไรกันแน่ 5555
สรุป กุสงสารทีมงานหนังนะที่ดูจะทุ่มกันสุดๆ แต่พอสคริปต์มันมีปัญหามาแต่แรกก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก (โมเมนท์ดีๆ ในหนัง กุยกเครดิตให้นักแสดงกับทีมงานที่ดูแลเรื่องวิช่วลเกือบหมดอะ ส่วนจุดที่พังนี่มาจากบทป้าเกือบหมดเหมือนกัน) ภาคหน้าป้าควรจ้างคนอื่นมาเขียนบทแทน แล้วตัวเองเขียนแค่ร่างแรกสั้นๆ กับรอรับเงินพอ ไม่ใช่หลงคิดว่าตัวเองเขียนนิยายเป็นแล้วจะเขียนบทหนังได้แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้
ปล. เห็นด้วยว่าแฟรนไชส์นิวท์กับดัมเบิลดอร์ควรแยกกัน ทำเป็นสองไตรภาคก็ได้ ของนิวท์ออกแนวผจญภัยสดใสเฮฮา ตัวร้ายจะเป็นพวกนักล่าสัตว์วิเศษหรือนักวิจัยคู่แข่งอะไรก็ว่าไป ส่วนไตรภาค Dumbledore Origin ก็ให้เป็นสงครามอีปิกไปเลย จะออกมาดีกว่านี้เยอะ