>>138 >>139 โทษที กุเลือกคำไม่ดีเอง อธิบายเพิ่มหน่อย
คือกุมองว่า คนเราสนใจวัฒนธรรมชาติอื่นนี่จริง แต่มันไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้หนัง "ดัง" ได้
ฉลาดเกมโกงเล่นเรื่องความกดดันของการสอบ ความพังของระะบบการศึกษา ซึ่งมันเป็นอะไรที่ประเทศเอเชียหลายประเทศรีเลทได้มากๆๆ (การสอบแบบในเรื่องไม่ได้มีแค่ในไทยที่เดียวนะ) บวกกับหนังทำสนุก ถ่ายแบบมีสไตล์ นักแสดงเล่นดีหน้าตาดี มันเลยเปรี้ยง ส่วน "ความเป็นไทย" ทั้งเรื่องเครื่องแบบ บ้านเมือง โรงเรียน มันแทรกไปในเรื่องได้แบบลงตัว คนอินกับเนื้อเรื่องแล้วก็จะค่อยๆ ซึมซับตรงนี้อีกที
กุมองว่าอย่างแรกที่จะดึงคนให้ชอบได้ คือเนื้อเรื่องกับโปรดัคชั่นอะ อย่างซีรี่ส์ญี่ปุ่น มึงลองไปอ่านงานวิจัยได้ว่าทำไมพวกนี้ถึงดังในไทย (มีในกุเกิล เป็นภาษาอังกฤษ กุเคยอ่านเพราะใช้เรียน) หลักๆ คือ 1) ซีรีส์พวกนี้เล่าเรื่องการ struggle ของวัยรุ่นหรือคนธรรมดา ซึ่งละครไทยไม่ค่อยเล่น และ 2) งานโปรดัคชั่นมันดีกว่าของท้องถิ่น พอคนเริ่มดูๆ ไป ก็ค่อยๆ อินกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปในตัวด้วย (หรืออย่างกรณีย้อนยุค คนก็ดูแล้วติดเพราะเนื้อเรื่องกับความเนี้ยบของงาน ไม่ใช่ว่ามีกิโมโนแล้วจะฮิตทันที)
หรือดูวงการหนังเกาหลี หนังเกาหลีที่ดังๆ ในระดับนานาชาติ มันก็เล่าเรื่องที่คนต่างชาติเอ็นจอยได้ง่าย (สัตว์ประหลาด ซอมบี้ เรื่องรัก เรื่องผี) ส่วนความเกาหลีมันปนอยู่ในเนื้องานแบบเนียนๆ มันไม่ได้ขายต่างชาติด้วยการบอกว่า เห้ยมาดูดิๆๆๆ เรื่องนีี้มีศิลปะเกาหลี มีสัตว์ในตำนานเกาหลีนะ
กลับมาที่เรื่องครุฑ จากตัวอย่างมันคือหนังแอคชั่นแฟนตาซีตัวประหลาดสู้กัน ซึ่งไม่ได้ดูแตกต่างจากภาพในหนังหรือเกมอีกหลายๆ เรื่องขนาดนั้น เนื้อเรื่องยังบอกอะไรไม่ได้ ส่วนอนิเมชั่น ถ้ามึงอยากให้ต่างชาติสนใจ งานก็ต้องสวยในระดับใกล้เคียงกับที่ฉายบ้านเขา ไม่งั้นก็ขายสไตล์ที่แตกต่าง เป็นเมะญี่ปุ่นหรืออาร์ตๆ แหวกแนวแบบยุโรปไปเลย ซึ่งจากที่ดูมากุก็ไม่เห็นอะไรแบบนั้น
กุถึงได้บอกว่าถ้าขายในบ้านตัวเองมันก็คงพอขายได้ แต่การจะบอกว่า "ต้องเอาวัฒนธรรมมาโชว์เยอะๆ เพราะจะขายต่างชาติ" กุว่ามันไม่เวิร์คว่ะ ไม่งั้นหนังนเรศวร หรือก้านกล้วยเราดังไปถึงไหนต่อไหนแล้ว