“สาเหตุหลักที่โชว์นี้ล้มเหลวไม่มีชิ้นดีเป็นเพราะว่ามันไม่มีความรู้สึกของความเป็น ‘สตาร์วอร์ส’ เลยแม้แต่นิด แฟนคลับอย่างผม (หรือแฟนๆ เดนตายอย่างพวกเรา) ไม่ซื้ออะไรแบบนี้ มันคือขยะ”
นี่คือประโยควิพากษ์วิจารณ์จากช่อง Echo Base Network บน YouTube โดยเขาแสดงความรู้สึกหลังจากที่ชม ‘The Acolyte’ ซีรีส์ที่เล่าเหตุการณ์ก่อนภาค 1 ของแฟรนไชส์ Star Wars ที่มีทั้งหมด 9 ภาค (แต่แฟนตัวจริงขอนับแค่ 6 ภาคเท่านั้น) กำกับฯ โดย เลสลีย์ เฮดแลนด์ (Leslye Headland) ที่มีกระแสรีวิวในแง่ลบตั้งแต่ยังไม่ออกฉาย ซึ่งตอนนี้บน iMDB ให้คะแนนเพียง 3.4/10 เท่านั้น
สำหรับแฟนๆ สตาร์วอร์ส ที่ถกเถียงกันบนโลกอินเทอร์เน็ต ให้เสียงเดียวกันว่านับตั้งแต่ซีรีส์ The Mandalorian จักรวาลสตาร์วอร์สเริ่มมีคนนิยมชมน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ Ashoka, Obi-Wan Kenobi (กลับมาฮือฮาได้เพราะตอนสุดท้าย) หรือ The Book of Boba Fett เป็นต้น บางคนกล่าวว่า สตาร์วอร์สได้ตายไปแล้วนับตั้งแต่ Disney ตัดสินใจซื้อ Lucasfilm ไป และถูกนำเนื้อหาเพื่อความหลากหลายเพิ่มเข้าไปจนรู้สึก ‘ฝืน’ แบบเดียวกับแฟนๆ เจ้าหญิงดิสนีย์ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฉบับคนแสดง ดิสนีย์ถูกตีตราว่าเป็นค่ายที่ยัดเยียดความหลากหลาย มากกว่านำเสนอความหลากหลายอย่างแนบเนียน
อย่างไรก็ตาม จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ผู้สร้างจักรวาลสตาร์วอร์ส เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สตาร์วอร์ส แทบไม่ต้องเพิ่มความหลากหลายอะไร เพราะมันคือนอกอวกาศ มันมีเอเลี่ยน แค่นี้ยังหลากหลายไม่พออีกหรือ
ทางด้าน เลสลีย์ เฮดแลนด์ ผู้สร้างซีรีส์ The Acolyte แสดงความเห็นว่า เธอไม่ได้คิดว่าซีรีส์นำเสนอความเห็นเควียร์ขนาดนั้น เธอรู้สึกท้อใจที่คนคิดว่า เมื่อไรก็ตามที่เห็นอะไรนำเสนอความเป็นเกย์ มันจะต้องแย่ มันทำให้เธอรู้สึกแย่ที่เห็นคนบนโลกอินเทอร์เน็ตพยายามทำลายสิ่งที่เธอกำลังทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นผลงานศิลปะชิ้นสำคัญ”
.
ทว่าประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความพยายามที่ เฮดแลนด์ กำลังนำเสนอความหลากหลายทางเพศ แต่เป็นการนำเสนอเรื่องดังกล่าวที่ไม่แนบเนียนพอ พร้อมกับทำลายธีมทั้งหมดของความเป็นจักรวาลสตาร์วอร์สทั้งในเรื่องของแคสติ้ง ฝีมือการแสดง ความเอาใจใส่ของเนื้อเรื่อง และรายละเอียดหลายอย่าง
มีผู้ใช้บน Reddit แสดงความเห็นว่าสิ่งที่เขาหรือเธอไม่ชอบเกี่ยวกับ The Acolyte คือ “โปรดักชันราคาถูกที่เหมือนเอานักแสดงมาแต่งคอสเพลย์เล่น มากกว่าจะสวมบทบาทเป็นอัศวินเจได แม้แต่กระบวนท่าต่างๆ ยังขาดเสน่ห์ เราไม่ได้ติดใจอะไรกับสิ่งที่ผู้สร้างกำลังนำเสนอ แต่ขอโทษที ทั้งหมดมันเหมือนซีรีส์เกรดบี”
จากที่กล่าวมาข้างต้น Disney กำลังสูญเสียแฟนคลับสตาร์วอร์สไปเรื่อยๆ และส่อแววถึงอนาคตที่สตาร์วอร์สอาจไม่ใช่ซีรีส์หรือหนังทำกำไรอีกต่อไป ตราบใดที่ Disney ยังไม่สนใจความคิดเห็นของผู้ชม หรือสานต่อมู้ด ธีม หรืออารมณ์ ของความเป็นสตาร์วอร์สได้ (ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของการทำภาพยนตร์แฟรนไชส์)
ถึงกระนั้น เราปฏิเสธไม่ได้ว่า สตาร์วอร์ส กำลังอยู่ในช่วงขาลงไม่ต่างจากแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่อย่าง มาร์เวล (Marvel) เพราะต่างผ่านช่วงจุดสูงสุดกันมาแล้ว ฝั่ง สตาร์วอร์ส กำลังหมดเรื่องที่จะเล่า และวนอยู่กับภาคหลักทั้ง 6 ภาค ส่วนมาร์เวลนั้นกำลังติดหล่มกับการนำเสนอเรื่องที่มีพล็อตเรื่องที่จำเจ ดูเหมือนว่า Disney ต้องพยายามหาทางออกเพื่อให้ธุรกิจความบันเทิงของตัวเองคงอยู่ในระยะยาวต่อไป