พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทย ทั้งยุคเก่าและปัจจุบัน
กระทู้เก่า
>>>/movie/2399/ #๑
>>>/movie/6057/ #๒
Last posted
Total of 1000 posts
พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทย ทั้งยุคเก่าและปัจจุบัน
กระทู้เก่า
>>>/movie/2399/ #๑
>>>/movie/6057/ #๒
กระทู้ 3 หายไปไหน นี่ไม่ใช่กระทู้ 3 อันแรกนะ
รีวิวแบบรับตังค์โฆษณา
https://youtu.be/51a9QXcpYwY
รีวิวแบบไม่ได้รับตังค์โฆษณา
https://youtu.be/AD9Fy-9isv4
พวกรีวิวรับตังค์ มีระดับการอวยตามจำนวนเงินมั๊ยวะ 555555555
The Cheese Sisters มีเพจไหนทำรีวิวออกมาบ้างยัง ขอเพจรีวิวที่ไม่ใช่พวกเพจโอตะคุนะ
>>5 เห็นมีออกมารีวิวอวยหลายช่องเลย ช่องยอดวิวไม่เยอะทั้งนั้น มีช่องข่าวด้วยแต่ลบไปละ ตอนแรกแค่ปิดคอมเม้นแต่เหมือนเอาไม่อยู่
>>7 อยากรู้เหมือนกันว่าสนุกไหม ฟังเพลงนี้แล้วอยากไปดูเลย นักแสดงน่ารักดี https://youtu.be/m6svJS9JtD0
หนังเฉพาะกลุ่มอ่ะ สำหรับเรื่องที่มะเดี่ยวเป็นโปรดิวเซอร์ กับอีกเรื่องที่ฉายก่อนหน้านี้ที่เป็นหนังของวง Proxie รายได้ก็พอๆ กัน แต่น้อยกว่า
เป็นไงวะเรื่องนี้ น่าดูไหม
https://youtu.be/FdgYql9Qj2w
หนุมานนี่ไอเดียดีนะ เอาโขนมาใส่ Special effect แต่กูขอเดาว่าคงทำรายได้ไม่เยอะ เพราะดูตัวอย่างหนังแล้ว บทหนังมันคือโขนล้วนๆไม่มีดัดแปลงอะไรเลย เด็กรุ่นใหม่คงไม่สนใจอยู่ดี
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าที่นักแสดงไทยเล่นหนังแล้วเวลาแสดงอารมณ์ไม่ขาดก็เกินเพราะBotox มันทำให้หน้าตึง เวลานักแสดงต่างประเทศแสดงอารมณ์แค่เปลี่ยนสีหน้านิดเดียวนี่แบบอย่างเปลี่ยนอารมณ์
The lake ทำไมเด็กมันอ้วกว่ะ
https://the-e-world.com/talk-with-tuaron-worldwide/
คิดว่ายังไงกับบทความนี้?
แบนไม่ให้พูดถึงภาพยนต์ในประเทศเลยไหม เหมือนที่แบนไอดอลน่ะ ต่อไปก็แบนเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีด้วยนะ ปีหน้า บอค จะไปตีตลาดเดบิ้วที่เกาหลีแล้ว แล้วก็อย่าลืมแบนการเมืองในไทยด้วยล่ะ เด็ก บอค ไปลงการเมืองอยู่พรรคส้ม แล้วก็แบนวงการ esport ด้วย เด็ก บอค 6 คนตอนนี้อยู่ค่าย MiTH
ว่าตามตรงนักแสดงส่วนใหญ่ใช้เส้นกับหน้าตามากกว่าฝีมือ จริงๆ ส่วนตัวกุชอบดูพวกนักแสดงสมทบในหนังมากกว่านักแสดงหลักเพราะคนพวกนี้เล่นดีแบบโคตรถึง กลับกันนักแสดงในหนังหลายเรื่องบางคนที่มีคนอวยว่าเล่นดี พอไปดูจริง แม่งก็แค่หน้าตาดี แหกปากกับทำหน้าเขม่งได้ นอกนั้นไม่มีไรเลย
แต่ไอดอลนักร้องมากฝีมือ ที่มารับงานแสดงนี่ สุดจริง นึกว่านักแสดงสายรางวัล ไม่ได้ครูดี ก็น่าจะพรสวรรค์ประทานมาให้
ไม่ใช่ว่าพวกเฟมทวิตพวกนี้ก็เป็นพวกที่อ่านนิยายวายเกาหลีฉันจะยัดเยียดความเป็นผัวให้นายเองเหรอวะ ทำไมไม่ดิ้นที่อันโน้นขายวัฒนธรรมข่มขืนบ้าง
หนุมาน ภาพดีนะ แต่ข้อเสียมีแค่เรื่องฉากบางฉากควรจะใส่บทพูดบ้างไม่ต้องมาเงียบ ส่วนเนื้อเรื่องก็ตามรามเกียรติ์นั่นแหละเล่าย่อให้มันย่อยง่าย
เห็นหนังสัตว์ประหลาดไทยกันไปแล้ว มาดุของเพื่อนบ้าน สิงคโปร์กันบ้าง
Fast feel love ต่างประเทศชอบ คนไทยด่าหนังไรตรรกะตัวละครป่วย เนื้อหาเหมือนปั้น แย่ๆๆๆ ผู้ชายก็เห็นแก่ตัว กุเขียม
นักวิจารย์ชอบนี่เกี่ยวไรกับรายได้
เรื่องรายได้ สำหรับคนไทยดูหนังเพื่อความบันเทิง ไม่ได้เสพศิลปะเหมือนพวกนักวิจารณ์ หนังที่ถูกจริตนักวิจารณ์มักจะไม่ถูกจริตคนดูทั่วไป
ในไทยมีนักวิจารณ์หนังดีๆไหมอ่ะ
ตีลังกาดูหนัง น่าจะเป็นนักวิจารณ์หนังที่ตรงไปตรงมา และผู้คนให้การยอมรับมากที่สุด
จันเรดดีที่สุด
คนเราเกิดมาพ่อแม่ก็คนละคน ประสบการณ์ก็คนละอย่าง หลอมรวมไปเป็นรสนิยมที่แตกต่างกัน มันไม่มีหรอก นักวิจารณ์ที่ดีที่สุด มีแต่นักวิจารณ์ที่ตรงจริตกับมึงที่สุด มีรศนิยมไกล้เคียงกับมึงที่สุด แล้วคนนั้นแหละที่มึงแม่งจะบอกว่าดี
ไพโรจน์ สังวริบุตร ตัดพ้อ "ผมล้มละลายแน่" หนังวัยอลวน 5 ถูกลดรอบฉาย https://www.thairath.co.th/entertain/movie/2596555
>>67 ใจนึงจะเห็นใจแก แต่ใจนึงอยากถามแกว่า ทำไมแกคิดจะทำหนังแบบนี้มา แถมได้ยินข่าวลือว่าแกไม่ชอบภาค 4 เพราะมีปัญหากับทีมงานหรือนักแสดง เพราะมีคนดูมาแล้วว่าภาคนี้ไม่เชื่อมต่อกับภาคใดเลย พวกลูกของพระนางก็โดนตัดทิ้งหายไป เน้นดันหลานแทน
อีกอย่างหนึ่งหนังพวกนี้มันเน้นกลุ่มเก่า ใครจะไปดูล่ะ เพราะกลุ่มผู้ชมเค้าปรับเปลี่ยนดูอย่างอื่นกันไปหมดแล้ว
เพิ่งรู้ว่าอาไพโรจน์ แกควักเงินทำหนังเอง ตอนแรกคิดว่าเป็นคนอื่นทำ
แต่ก็อย่างว่า แกกับหนังวัยอลวน ประสบความสำเร็จ และโด่งดังมาด้วยกัน
และตัวแกก็ไม่อยากจะทิ้งผลงานคู่บุญอันนี้ อยากจะต่อยอดความสำเร็จนี้ไปเรื่อยๆ
จนลืมว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป หนังของแกมันเชย มันล้าหลัง มันตกยุคหมดแล้ว
อาไพโรจน์แกดังจากละครพื้นบ้านก่อน มาดังก็วัยอลวน ดังจนคนรุ่นนั้นตั้งชื่อลูกว่าตั้มกับโอ๋เกลื่อนหมดในยุคนั้น
เฟรนไชส์วัยอลวนทำแค่ 4 ภาค คือ วัยอลวน (ภาคแรก), รักอุตลุด (ภาค 2), ชื่นชุลมุน (ภาค 3), วัยอลวน 4 ตั้มโอ๋รีเทิร์น (ภาค 4)
ส่วนภาค 5 เห็นว่าถ่ายทำนานแล้วนะ ตอนแรกฉายในปี 2020 แต่เจอโควิด เลยโดนเลื่อนฉายไปเกือบ 3 ปี แต่กว่าจะกลับมาฉายก็ปีนี้ แต่ว่าดันเจอหนังใหญ่เข้ามาชนอย่างอวตาร 2, Puss in Boots 2 the Last Tale. แถมรอบฉายก็โดนตัดเยอะ
อีกอย่างหนึ่ง อาไพโรจน์ทำภาคนี้ เหมือนทำมาให้ไม่ต่อกับภาค 4 คนเลยวิจารณ์ว่าบทมันย่ำอยู่กับที่ เลยเกิดดราม่าขึ้น
ส่วนหนังเก่าพวกนี้ ว่าตามตรงถ้ามันจะขายเฟรนไชส์หนังพวกนี้ควรไปทำแบบเฟรนไชล์หนังเก่าที่กลับไปทำซีรีส์ลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แล้วเอา ผกก มาช่วยเสริมทำให้ แต่อาแกเหมือนติดอีโก้เยอะไปตรงที่แกไม่เอ่ยถึงภาค 4 เพราะเหตุผลบางอย่าง
ยกตัวอย่างหนังฝรั่งยุค 80 แล้วกลับมาดังก็ Karate Kid เมื่อก่อนดัง แล้วดิ่งลงตั้งแต่ภาค 3 และภาค 4 ที่เปลี่ยนตัวเอกเป็นผู้หญิง จนเฟรนไชส์ตายไป กลับมาดังก็ทำ Cobra Kai เพราะปรับมุมมองเนื้อหาให้ตามยุคปัจจุบัน แล้วหาทางลงกับเนื้อหาเก่าได้ดีจนทำซีซั่น 4 ล่าสุดจะประกาศทำหนังโรงใหม่แล้ว
จะให้ช่วยยังไง หนังออกมาเป็นแบบนั้น ดูแล้วไปไม่รอดแน่
ถ้าลง Netflix ยังพอช่วยได้มั้ยวะ
เงิน 30 ล้านที่ทำหนังนี่ งบงานเน้นจากไหนกัน แต่ถ้าเดาคงไม่พ้นเรื่องค่าตัวนักแสดง โดยเฉพาะพวกดารารุ่นใหญ่นี่แหละ แต่รุ่นเล็กอย่างพวกแน็ค ชาลี, พิม พิมประภา ค่าตัวน่าจะอยู่กลางๆ เดี๋ยวว่างๆ ว่าจะไปดูว่าจุดไหนมันขัดใจที่สุด เพราะข้างบนสปอยไปแล้วว่ามันไม่ต่อจาก 4 ที่มีคนลูกเป็นตัวละครนำ
เพิ่งอ่านข่าว ไอทำหนัง30ล้านมา คนทำยังมีสติดีไหมเนี่ย เหมือนติดอีโก้ว่าเคยดังอะ คนเลื่อนตต๊ 2-3นาที
ก็เหมือนดูหนังแล้ว คนเก่งๆทำหนังในช่องทางออนไลน์ให้ดูฟรีด้วยซ้ำ และกุเกิดไม่ทันด้วย ไม่เคยดูภาค 1-4 ดูแต่แกเป็นตัวประกอบช่องหลากสี ก็ไม่ได้แสดงดีอะไร ออกจะดูหงุดหงิด ตามประสาคนแก่ ตกยุค ในละคร
ชีวิตจริงก็ตกยุคหรอวะเนี่ย
>>78 ลุงแกแค่หลงยุค ขาดการตลาดว่าทาร์เก็ตคนดูเค้าจะดูอยู่ในโรงอยู่มั๊ย เพราะหนังเรื่องนี้มันเกือบ 50 ปีแล้ว มีแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ทั้งนัันใครจะไปดูได้
แต่เอาจริงๆ ไอ้หนังเฟรนไชส์พวกนี้ ควรลดสเกลเป็นซีรีส์และควรปรับบทเนื้อหาให้เข้ากับปัจจุบัน ไม่ใช่เล่นวนกลุ่มตลาดเก่าๆ สุดท้ายเฟรนไชล์หนังพวกนีัมันก็ตาย เพราะไม่ปรับตัว
ทุนสร้าง 30 ล้าน ถ้าเทียบเรทหนังต่างประเทศ ก็ระดับ smile , invitation , the menu
แต่ถ้าเอาแบบทื่อ ๆ ก็ระดับ x , pearl แต่สองนี้เรื่องก็น่าทำได้น่าสนใจกว่าหว่ะ
อ่านโพสนึงในเฟสเขาบอกฝั่งคนทำก็ควรศึกษาตลาดด้วยว่าหนังตัวเองจะมีกลุ่มตลาดไหนเข้ามาดู
คนรุ่นเก่ายังคิดแต่การตลาดว่าใส่ genre ให้หนังอย่างหนังผีหนังตลกแล้วให้ดาราดังมาเล่นแล้วคนจะมาดู
สมัยนี้มันทำแบบนั้นยากเพราะคนดูมันตัดสินหนังตั้งแต่เห็นชื่อเรื่องแล้วว่าไม่ใช่แนวที่เขาดู
ประเทศเรานี่เวลาทำธุรกิจไม่ศึกษาตลาดกันเลยจริงๆดิ? เห็นหลายทีล่ะ ไม่ใช่แค่หนังด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร หรือ แม้แต่ร้านซักผ้า เจ้าใหญ่ๆ เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ดราม่าแบบนี้มันเหมือนเรื่อง ศรีธนญชัย 555 เลย
อันนั้นไม่มีคนดูไม่พอ ยังโดนโกงอีก
ทำงานเป็นระบบเครือญาติ หลงคิดว่าญาติไว้ใจได้ สุดท้ายเละ ไม่เหลือ
คนสร้างเกือบต้องฆ่าาตัวตาย ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว
มีเรื่องฟินสุโค่ยอะไรอีกเรื่องป่ะ ที่เอาดารานักแสดงมาเดินขบวนยืนถือป้ายให้ดูหนังไทยๆ
ข่าวดาราถือป้ายเดินขบวน ให้มาช่วยกันดูหนัง ฟินสุโค่ย ต่อชีวิตหนังไทย
https://movie.kapook.com/view100648.html
หนังไทยยุคนี้คงจะมีแต่ตระกูล หอแต๋วแตก เท่านั้นที่ได้ไปต่อ
เพราะสร้างมาหลายภาคเหลือเกิน
หนังบ้าๆบอๆแบบนี้ เสือกได้รับความนิยมซะงั้น
นี่ต่างหากละ ความหวังของหนังไทย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่คนไทย ถูกนำมาสร้างถ่ายทอดเรื่องราวแห่งพลังศรัทธา ปาฏิหาริย์ เสริมสร้างบุญ บารมี
เตรียมพร้อมออกสู่สายตาชาวไทย และชาวโลก ช่วยกันตีตั๋วเข้าชม เข้าดู กันเยอะๆ แล้วอย่าลืมทำบุญกันเยอะๆ บูชากันเยอะๆ มีเท่าไร ก็จัดไปให้อย่างให้เสีย จะได้มีบุญ เสริมบารมีติดคู่ตัวไว้เป็นสิริมงคลชีวิต
เพิ่งว่างว่าจะไปดูวัยอลวน แต่ไม่มีรอบเลยว่ะ
สปอยล่ะนะ แต่กูอาจจะพิมพ์ไม่เคลียร์เท่าไหร่ อย่าว่ากันนะ
บทแบบว่างั้นๆ มากๆ เหมือนจะแบ่งบททั้ง 2 ฝั่งคือฝั่งรุ่นลุงป้าอย่างตั้มกับโอ๋ และ รุ่นหลานอย่างโต๋และอั้ม
ฝั่งตั้มโอ๋ ไม่มีอะไรมากฉากแรกเอาเพลงสุขาอยู่หนใด ไปแปลงใหม่ ร้องแปลงแซวโอ๋ ต่อมามีฉากไปบ้านผีสิง เล่นมุขแบบตลกสังขาร ไปเยอะมาก แล้วมีฉากตอนเป็นทนายสองฉาก นอกจากนี้มีอ้อพี่สาวของโอ๋ที่เป็นทอมที่มาตั้งแต่ภาค 2 หรือ 3 นี่แหละ มาด้วย แถมเหมือนจะคบหากับหญิงม่ายลูกเดี่ยวที่ดันถูกหวยมาอีก
ส่วนบทโต๋กับอั้ม ไม่มีอะไรมาก ในเรื่องบอกแค่ว่าโต๋เป็นหลานของตั้ม แต่ไม่บอกว่าเป็นพ่อของใคร แถมไม่มีการพูดถึง ลูกของตั้มและโอ๋ที่อยู่ในภาค 4 เลย ส่วนอั้ม มาในบทครูสอนเต้น แต่โดนพ่อสะกดรอยตาม โดยพบโต๋แบบบังเอิญเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนสะกดรอยตามอั้ม แถมต้องมาเล่นเกมปั่นประสาทกับพ่อด้วยการแกล้งเป็นแฟนกับโต๋
>>96 กูจาก >>95 นะ
ฉากไปโรงแรม อั้มมันปั่นประสาทพ่อภาคินนี่แหละ ไอ้ลูกน้องก็สะกดรอยตาม จนเจอ แต่ว่าไม่อยู่แถมได้ข้อความกวนตีนกลับ
เพิ่มเติมสักหน่อย
มุขมันตลกดาษๆ ไปเยอะแถมมุขตลกสังขารมีเพียบตั้งแต่ฉากว่าความศาล หรือ ฉากคนต่างด้าวร้องเพลง นี่ก็เต็มไปหมด รวมถึงฉากหวยที่ล้อเลียนประเด็นดราม่าหวย 30 ล้าน
จุดที่ WTF สุดคือปมครอบครัวของอั้มมันดูงงๆ ไปหน่อย ฉากอดีดมีปมว่าพ่อภาคินไปมีกับผู้หญิงอื่นจนมีลูกด้วยกัน พอเมียเจอเข้าก็เลิกกันแล้วเสียชีวิตทันที แถมไม่บอกว่าตายเพราะอะไร แล้วเรื่องที่พ่อส่งคนไปสะกดรอยตามลูกก็ไม่บอกว่าเป้าหมายคืออะไร ฉากก่อนใกล้จบ ก็เจอเมียอีกคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก็พยายามขอโทษ เหมือนโต๋ไปเคลียร์ใจกับภาคินด้วยเลยทำแบบนี้
กุว่าวัยอลวนดูดีกว่าหนังค่ายG ในปีที่ผ่านมาอีกนะ
https://www.facebook.com/287876901402155/posts/pfbid026BxTZB9Jx2Ci82Dpn7jcxfsgc4adC1YPM4EmGJYhFdehP8D8dvq4fBroJrib94nul/?app=fbl
จาก11รอบ เฉพาะ กทม เมเจอร์เพิ่มเป็น 200 รอบ ทั่วประเทศ แต่รายได้ยังไม่ถึง 6แสน
คือคุณภาพหนังมันไม่ดีเพิ่มกี่รอบก็ไม่มีคนดูอ่ะ
ว่าแล้วก็สงสัยว่าธนาคารกล้าปล่อยกู้มาได้ไงตั้ง30ล้านวะ ยุคนี้ขนาด GDH ยังมีแป้ก
>>100 เหมือนแกทำตั้งแต่ปี 2017-18 นะ เพียงแต่ว่า ตอนฉายเกิดโควิดระบาด เลยโดนเลื่อน เหมือนเห็นว่าฉายไม่กี่วันก็โดนถอดออกจากโรงเพราะโควิดระรอกแรก เลยเลื่อนฉาย แต่มาเสือกชนกับหนังใหญ่หลายเรื่องที่อยู่ในโรง
แต่ส่วนตัว ถ้าอยากทำหนังพวกนี้ควรไปทำสเกลพวกซิทคอมละครซีรีส์ดีกว่า หนังมันทำมาแปลกๆ
>>101 Ok เข้าใจและ ถ้ากู้เงินมาทำช่วงนั้นก็พอเข้าใจได้ แบงค์คงมองว่าสมัยนั้นหนังไทยยังพอขายได้ อย่างแย่ก็ได้ 10-20 ล้าน ได้เงินมาจ่ายคืน แต่เกิดผิดคาดเพราะโควิดต้องเลื่อนฉาย งบโปรโมทไม่เหลือ แถมหลังโควิดพฤติกรรมคนดูหนังเปลี่ยนไป เลือกดูผ่านสตรีมมิ่งมากกว่าไปดูในโรง จะไปเฉพาะเรื่องดังจริงๆ พอมาฉายยุคนี้เลยเจ๊งบ๊ง ขนาดเป็นข่าวยังได้แค่ 7แสน ถ้าไม่เป็นข่าวคงไม่ถึง 2แสน
อาไพโรจน์นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของคนยุคเก่าที่มีความเชื่อฝังหัวแล้วไม่ฟังใครเลย
ปรกติการทำหนังมันต้องไปขอเงินนายทุน หรือมีนายทุนให้เงินมาทำ แกบอกว่าต้นทุน 30 ล้าน
ถ้าไม่มีคนดูจะล้มละลาย แปลว่าแกไปกู้ธนาคารมาทำ ซึ่งแม่งโคตรเสี่ยง เอาสมบัติที่หามาได้ทั้งชีวิต
มายื่นกู้กับธนาคารเป็นสิบๆล้านแบบนี้ กูว่าตอนแรกแกก็ไม่อยากเสี่ยงชีวิตขนาดนี้หรอก
คงเขียนบทแล้วไปเสนอค่ายหนัง แต่ก็โดนค่ายหนังปฏิเสธกลับมาหมด
แกควรรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้นแล้วอ่ะ ว่านายทุนใหญ่ๆในวงการหนังไทย มีประสบการณ์เยอะ
มีความรู้เรื่องธุรกิจมากกว่าแก ยังปฏิเสธ แปลว่าเค้ามองออกว่าหนังมันไม่ทำเงิน
ที่แกทำต่อ กูขอเดาใจแกว่ามาจาก 2สาเหตุหลักๆ คือแกคิดง่ายเกินไปและตามโลกไม่ทัน
คิดง่ายเกินไปนี่คือ แกคิดว่าวัยอลวนเป็นหนังดัง ที่วัยรุ่น(ยุค70-80) ดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ถ้าทำภาคต่อวัยรุ่นยุคนั้นที่ตอนนี้แก่มากแล้ว จะพาลูกพาหลานมาดูย้อนความหลัง
รายได้จากแฟนคลับรุ่นเก่า+ลูกหลานแฟนคลับ+คนดูหน้าใหม่ที่มาดูเป็นครอบครัว
อย่างน้อยก็คงไม่ขาดทุน ซึ่งตอนนี้เราเห็นแล้วว่าแกประเมินผิด
และอีกข้อคือ แกตามโลกไม่ทัน หนังใหม่แต่บทรูปแบบเดียวกับเมื่อ 40ปีที่แล้วมาขายยุคนี้
มันยากแล้ว ต่อให้ฉายก่อนโควิทก็คงได้ประมาณ 10กว่าล้านอ่ะ
แต่พอโควิทมาไปเร่งพฤติกรรมคนดูให้เลือกดูจากสตรีมมิ่งมากกว่าเข้าโรงหนังเลยจบเลยทีนี้
กูว่าสิ่งที่แกควรทำหลังรายได้ไม่ตรงเป้า ไม่ใช่แค่โพสคลิปอ้อนวอนให้คนช่วยดู
แต่ควรรีบเจรจากับพวกเว็บสตรีมมิ่งขายลิขสิทธิ์หนัง อย่างน้อยก็ชดเชยการขาดทุนได้บ้างแหละ
>>103 เรื่องทำภาคต่อ เห็นข้างบนบอกว่าอาไพโรจน์แกไม่ชอบภาค 4 เพราะ เหมือนจะไม่กินเส้นกับทีมงาน ถ้าจำไม่ผิดภาค 4 GTH ร่วมทำ แต่ว่าไม่มีการถูกทำในสตรีมมิ่ง แถมภาค 5 ก็ไม่กล่าวถึงลูกของตั้มและโอ๋เลย เลยทำภาค 5 เพื่อเหมือนจะแก้ปมเรื่องนั้นไป
แต่ก็อย่างว่า แกไม่ทันโลก ไม่รู้ว่าคนดูเค้าปรับพฤติกรรมการรับชมจากช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่พวกรับชมจากช่องทางธรรมชาติ ต่อให้ทำโปรดักมาดีแบบนี้ก็เถอะ
>>104 พูดถึงภาค4 ต่อให้แกไม่ถูกกับทีมงานจริง แต่อย่างน้อยแกต้องมีข้อมูลรายได้นี่หว่า
คือแกควรจะรู้ว่าถ้าทำภาค5 มันเสี่ยงขนาดไหน เพราะภาค4 เองกูจำได้ว่ามันก็ไม่ใช่หนังทำเงินอะไรขนาดนั้น หรือแกคิดว่าที่ภาค4 รายได้ไม่สูงเพราะไม่ยอมทำตามแนวทางของแก
ถ้าทำตามที่แกคิดเอาเองคนเดียว รายได้ต้องเยอะแน่ๆ แฟนคลับภาคเก่าๆ 1-3 ต้องพาลูกพาหลานมาดูภาค5 คงเพราะแกคิดแบบนี้รึเปล่าวะถึงได้กล้าทำภาค5 ทั้งที่ไม่มีนายทุนใหญ่หนุนแล้วจนต้องกู้เงินมาทำเอง
>>106 https://mgronline.com/entertainment/detail/9480000106618
เรื่องเกี่ยวกับภาค 4 แป้ก
ภาคเก่าๆมันฮิตขนาดนั้นเลยเหรอวะกูเกิดไม่ทัน แต่สมัยนั้นก็น่าจะมีหนังฝรั่งระดับเทพๆฉายเยอะนะ หนังตลกไทยๆ มันจะดังแข่งได้ขนาดนั้นเชียว?
>>110 ยุคนั้นหนังไทยบูม เพราะรัฐบาลสมัยก่อนมันมีนโยบายเกี่ยวกับภาษีการนำเข้าสื่อต่างประเทศไว้ ทำให้ราคาในการนำเข้าในขณะนั้นแพงมาก จนบางที่ต้องแอบเอาหนังไปฉายลอบเข้ามาฉายโดยไม่รับอนุญาต ยกตัวอย่างก็สตาร์วอร์ส ที่มีโปสเตอร์ชื่อเรื่องว่าสงครามชิงจ้าวโลกนั่นแหละ
วงต้องห้ามตอนนี้ไม่มีหนังแสดงกันแล้วหรอเงียบเลย
ยุค 2510-20s นี่เห็นพวกพระเอก-นางเอกตัวท๊อปๆแม่งเล่นหนังปีนึงเป็นหลายสิบเรื่อง
https://youtu.be/dw3ythAfXUg
ไปดูคลิปสัมภาษณ์ของแก ดันเอาเจมส์บอนด์มาเป็นตัวเทียบ ประทานโทษ เจมส์บอนด์ทำหนังหลายภาค แต่เค้าเปลี่ยนตัวนักแสดงตามภาคที่กำหนดไว้นะ
แต่ดูคอมเม้นในคลิป หลายคนเสียงเดียวกันว่าไม่สนุก แถมวิจารณ์ตัวเนื้อหาด้วยซ้ำ
>>114-115 อืม ไม่แปลกใจว่ะที่ทำไมแกมั่นออกมั่นใจขนาดนั้น แกเกิดและโตมากับยุครุ่งเรื่องของหนังไทย
หนังที่แกเป็นพระเอก วัยรุ่นไทยดูแล้วร้องเพลงในหนังได้ คลิปใน >>115 แกเลยพูดด้วยความมั่นใจว่า
ต่อให้ทำภาคต่อถึงวัยรุ่นยุคนี้ไม่รู้จัก แต่ก็เป็นหนังครอบครัว พ่อแม่ที่โตมาในยุคนั้นอาจจะพาลูกพาหลานมาดู
เหมือนในหัวแกยังอยู่ในปี 2520 แถมพาลคิดว่าไปวัยรุ่นยุคนั้น(คนแก่ในยุคนี้)ก็ยังไม่ลืมหนังเรื่องวัยอลวน
ถ้าทำหนังตามที่แกคิด แฟนคลับเก่าๆต้องพร้อมใจกันออกมาดูแน่ๆ ด้วยความมั่นใจขนาดนี้
เลยกลายเป็นสาเหตุของความฉิบหายในชีวิตเลย กู้มาทำหนังเป็น 10 ล้าน แต่ขายไม่ออก รอล้มละลาย
ตั้งแต่โควิดมาทั้งหนังไทยละครไทย เริ่มจะเสียคนดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนโควิด จะมีปรากฏการณ์ละครไทยที่กระแสดีจนคนพูดถึงกันทั่ว
แต่ทุกวันนี้ละครไทยแทบจะไม่มีพื้นที่ในสื่อหลักแล้ว ในโซเชียลก็มีแต่กระแสซีรี่ย์เกาหลี
ซีรี่ย์ตะวันตก หนังไทยก็สภาพไม่ได้ดีไปกว่ากัน จากยุค GTH ที่รับประกัน 100ล้าน
พอหลังโควิดหนัง GDH รายได้ไม่กี่สิบล้านก็มีให้เห็น
แกกู้มาทำหนัง กู้มาก็ต้องคืน จะมารอเลื่อนอีกก็ไม่ได้ทุนก็จมไปอีก
อีกอย่างแกคงคิดด้วยว่า อย่างน้อยก็คงขายได้สัก 60-70 ล้านก้ยังดี
แต่ปีนี้กระแสหนังไทยตกตำ่จริง ๆ จากแต่ก่อนหนังไทยขี้หมู ขี้หมา ฟังฟาดเกือบร่้อยล้านด้วยซ้ำ
มาปีนี้หนังไทยแตะแค่ 10 ล้าน ยังหืดขึ้นคอด้วยซ้ำ
เห็นกำลังจะเข้าโรงเลยลองดูตัวอย่าง
https://www.youtube.com/watch?v=giksYVyZo3g
อื้มมม ดูดีนะเนี่ย นานๆทีไปดูหนังรักดราม่าย้อนยุคแบบนี้ในโรงก็ไม่เลว
พอถึงมุขปิดท้าย อหหห ไอ้เหี้ยยยย หัวจวยยยย ไม่ดูแล้วโว้ยยยย เจ๊งๆไปไอ่สัส ดีนะที่ดูจนจบ เกือบเสียเวลาอันมีค่า 2 ชั่วโมงแล้ว
สงสัยมานานแล้วว่าทำไมคนไทยคุ้นชินกับคนอีสานในสื่อมากกว่าภาคอื่นวะ
หนังภาษาใต้นี่เท่าที่กูนึกออกก็เจ๊งเป็นส่วนใหญ่ มหาลัยเหมืองแร่ที่บทดีๆ
แต่ก็เจ๊ง เหมือนกับว่าคนทั่วไปไม่คุ้นกับภาษาใต้ ไม่เหมือนภาษาอีสาน
>>122 คนใต้ไม่มีบทในสื่อไทยมากเท่าคนอีสาน
อย่างหนึ่งที่ดูเล็กๆแต่มีผลมากคือหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ-มหาสนุก มีการใช้ภาษาอีสานโดยนักเขียนบางคน(และมีคำแปลว่าคำนั้นคืออะไร) ทำให้คนที่โตมากับพวกนี้พอคุ้นชินบ้าง ภาษาใต้ไม่มีอะไรแบบนี้ อย่างมากก็มีในชินจังที่คนแปลภาษาคันไซโอซาก้าเป็นภาษาใต้
ว่าแต่ตอนนี้ยังมีคนอ่านขาย-มหาอยู่เปล่าวะ หรือตายไปแล้วเพราะเด็กเข้าถึงการ์ตูนยุ่นมากกว่า
>>123 โม่ง ไอขายหัวเราะ ,สาวดอกไม้ฯ, มหาสนุก ถ้าคนที่ทำงานในวงการเกือบทุกคนยังสุขภาพดีไม่มีใครตายนะ กูว่ามาบุกเว็บตูนได้เหมือนกัน แต่บางทีคนมันไม่ปรับตัว ไม่งั้นก็ไปเป็นสลิ่ ม เลย ก็นั่นแหละเลยไปตามกาลเวลา แล้วหนังสือการ์ตูนแก๊กตลกพวกนี้นะ ที่เคยดังจนไปทำlive actionได้ก็หนูหิ่นแหละ และเป็นหนังสือที่มันเรียบเรียงภาษาอีสานบ้านๆมาให้คนภาคกลางเข้าใจง่ายไง คือเหมือนสอนผ่านการ์ตูนด้วยซ้ำ
เชี่ยยย หนังใหม่ GDH นักแสดงนำใหม่
น้องนางเอกน่าร้ากกกกก
https://www.youtube.com/watch?v=lQpe8emJE7M
>>123-126 เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของคนทำงานที่ขายหัวเราะอันหนึ่ง
เค้าบอกว่าจุดที่ขายดีที่สุดไม่ใช่ร้านหนังสือในห้างใหญ่ แต่เป็นตามสถานีขนส่งคน
พวกหัวลำโพง หมอชิต บขส ต่างจังหวัดอะไรพวกนี้ เมื่อก่อนขายดีมากชนิดเอาลง
แปบเดียวก็หมด เพราะสมัยก่อนไม่มีสมาร์ทโฟน เวลาคนนั่งรถกลับต่างจังหวัด
ก็ซื้อขายหัวเราะมาอ่านฆ่าเวลา พอมีสมาร์ทโฟน การ์ตูนแก๊กสั้นๆแบบนี้หาอ่าน
ตามเพจเฟสบุ้คได้ ขายหัวเราะมันเลยค่อยๆหายไป
พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงวงการหนังไทยอ่ะ สมัยวัยอลวนภาคแรกเข้าฉาย
ตอนนั้นมันไม่มีคู่แข่ง เป็นสื่อบันเทิงเรื่องเดียวในยุคนั้นที่เจาะตลาดวัยรุ่นไทย
มันเลยดังแล้วทำเงินได้ ซึ่งผิดกับวัยอลวน5 ที่วัยรุ่นไทยยุคนี้มีทางเลือก
ในการชมสื่อบันเทิงเยอะ เกมส์ หนัง ซีรี่ย์ต่างประเทศ อนิเมะ ไลท์โนเวล มังงะ
แต่อาไพโรจน์แกยังคิดแบบเดียวกับเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ว่าถ้าทำหนังตลก เน้นครอบครัวซักหน่อย
ยังไงก็ขายได้ แต่ความจริงคือตัวหนังมันตกยุคไปแล้ว ถึงได้เจ๊งแบบนี้
>>127 ไม่เห็นน่ารักเลย กูไม่ชอบจริตตอนพูดอย่างตอนกินซาลาเปาบนรถมันดูประดิษฐ์พูดยานๆยังไงไม่รู้
ตอนเต้นไทรอัมคิงด้อมก็แปลกๆชุดมันดูยังกับผ้าถุง ไม่หอมเลย
ส่วนเรื่องพล็อตถ้ามาแนวหนังฟีลกู้ด coming of age ทั่วไปจะธรรมดามาก แต่ก็มีคนเก็งกันไว้ว่าอาจจะพลิกมาแนวสยอง
https://www.facebook.com/287876901402155/posts/pfbid02KFzHxFA1ABGFJRfnKEzhXhDLn7EyCpRZ9R1HuhVzN9DCaNmbw8xjd2rKnwQzV6Fql/?app=fbl
เริ่มปีมาก็เห็นแววเจ๊งของหนังไทย ไอ้ไข่นี่พอเข้าใจนะว่าหนังมันแย่ แต่สะพานรักนี่เป็นหนังรักที่พอจะขายได้ในกลุ่มวัยรุ่นดันเจ๊งยิ่งกว่า ขนาดวันหยุดยังทำได้แค่สองแสน
ยุคนี้หนังไทยมีแต่กากๆหาดีน้อย ด้วยราคาตั๋วที่ราคาเดียวกับหนังนอก คิดว่าคนดูมันจะเลือกไปทางไหนล่ะ
กูเคยอ่านงานวิจัยเรื่องอุตสาหกรรมภาพยนต์ไทยแบบผ่านๆ ถ้าจำไม่ผิดปี60รายได้หนังตปทมีสัดส่วนอยู่ราวๆ90%ของทั้งหมด ประมาณสี่พันล้านบาท หนังไทย500ล้าน ปี63รายได้จากการฉายหนังไทยเหลือประมาณ300ล้านเองแต่หนังตปท8-9พันล้านบาท คนไม่ได้ดูหนังลดลงนะ แต่กูว่าเพราะการเข้ามาของสตรีมมิ่งคนมันเลยเลือกดูหนังตปทในโรงแล้วดูหนังไทยแบบสตรีมเอา
>>140 ไม่เถียงเรื่อง ราคาตั๋วหนังไทยแพง
แต่เรื่องการราคาตั๋วไม่ค่อยมีผลกับการซื้อหนังเท่าที่ควรแล้ว เพราะปัจจัยสตีมมิ่งเข้ามาด้วย
ขนาดวัยอลวน ตั๋ว 99 บาทคนก็ไม่ใช่ว่าจะดูเยอะ เทียบกับหนังเกรด puss in boots , Megan ราคาเต็มคนยังดูเยอะกว่าอีก ถอยไปนานหน่อย ใจฟูสตอรรี่ ขนาดตั๋วหนัง 39 บาท คนยังไม่ค่อยไปดูเลย กลายเป็นหนังโรงขนาดตั๋วแพงกับของมีเกรดที่มีการแถมของยังขายได้มากกว่าอีก อย่าง วันพัซ โดราเอม่อน
พอสตรีมมิ่งเข้ามาทำตลาดเต็มตัว หนังไทยฉายโรงลงสตรีมมิ่งเร็วมากเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องที่รายได้น้อย เหมือนพอรู้ว่าเจ๊งก็รีบขายลิขสิทธิ์ให้พวก Netflix เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด ที่นี้มันเลยกลายเป็นว่าคนดูหนังไทยเลยคิดว่าไม่ต้องรีบดูในโรงก็ได้ รอไม่กี่เดือนก็ฉายลงสตรีมมิ่ง ทีนี้ก็ Loop นีก หนังไทยฉาย คนดูไม่รีบดู หนังขาดทุน รีบขายลง Netflix คนดูพอใจกับการดูผ่าน Netflix พอมีหนังไทยเรื่องใหม่ลงโรงก็จะคิดแบบเดียวกันแล้วก็วนลูป
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.