Last posted
Total of 502 posts
อ่านแต่ วรรณกรรมเยาชน แต่มีรสนิยมเหยียด อืม เทพชิดหาย
กูว่า หน้ากากนักร้องหรือไอ้พวกแคสเกมนี่สร้างปัญหาให้สังคมมากกว่า ln อีกนะ 555
ไม่แปลกหรอกเด็กเห่อหมอยชัดๆ วรรณกรรมยกมามีแต่ วรรณกรรมเด็ก
พวกวรรณกรรมทางจิตวิทยา การเมืองไม่เคยแตะ สุดท้ายอ่านจบก็ไม่ได้อะไร
ไม่ต่างจากอ่าน LN จับนมเลยแม้แต่น้อย lol
งวดหน้าอย่าลืมยก หนูน้อยจอมทรนง เข้ามาอีกเรื่องด้วยนะ จะได้ครบชุด วรรณกรรมเด็ก
>>68 ถ้าจะหวังให้กูดิ้นน่ะเปล่าประโยชน์นะ แต่ยิ่งมึงพิมพ์มาแบบนี้ยิ่งทำให้รู้ว่ามึงแม่งเป็นเด็กน้อยมากๆ ที่พอจวนตัวก็เริ่มทำตัวเกรียนๆ กล่าวหาอย่างนู้นอย่างนี้
สำหรับคนที่ไม่รู้นะครับ ทั้ง 1984 แอนนิมอล ฟาร์ม และการผจญภัยฯ ที่ยกมานั้นเป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยอมรับว่าดีในทุกแนวที่ถูกพูดมา (ทั้งในแง่สังคม การเมือง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผจญภัยฯ ได้รับการยอมรับประมาณว่าเป็นบิดาของวงการวรรณกรรมอเมริกันเลยทีเดียว ลองไปเสิร์ชกูเกิ้ลดูได้ ถถถถ
>>71 ไม่เป็นแบบนี้ครับ อย่างน้อยแนวเกิดใหม่ก็เพิ่งมาในช่วงหลัง ยังไม่รวมถึงเกมออนไลน์แนวใหม่แบบใส่หน้ากากออกมาในโลกแห่งความจริง เกิดเป็นนางร้าย และการตั้งชื่อเรื่องยาวเหยียดเลียนแบบไลท์โนเวล อันนี้เห็นได้ชัดเจนมากๆ
ส่วนเรื่องสถิติ อย่างที่บอกไปว่ากูไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะสามารถเอาตารางสถิติมาแปะให้ดูได้ แต่มันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ถ้าไม่ปิดตาก็คงจะมองออกนะ
Wiedźmin ที่มีฉากเยดกัน โลกเทาๆ ยังดูดีมีมิติกว่า นิยายเยาวชนที่ยกมาเลย lol
ลองยกตัวอย่างวรรณกรรมดีเด่นที่ออกในช่วง 2 ปีนี้หน่อยดิ ยกมาแต่เรื่องเก่า อย่าง never ending story อ่านตั้งแต่เด็กล่ะ อ่านจบมาหลายรอบล่ะ จะให้อ่านซ้ำๆแม่งทุกวันเหรอไง ยกมามีแต่วรรณกรรมอมตะ เอาเน้นทันสมัยหน่อยดิ
>>79
1 สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง นี่แหละคือนางร้าย
2 Stella นางร้ายป้ายแดง
3 หลุดเข้ามาในนิยายที่ตัวเองเขียนเนี่ย ไม่ใช่เรื่องตลกนะคะ!
4 ลำนำรัก นางร้าย
5 ฉันเกิดใหม่ในโลกปีศาจ
6 Really Otome? นี่มันแค่เกมจีบหนุ่มจริงๆน่ะเหรอ?
7 ตื่นเถอะ...ฉันนางร้ายไม่ใช่นางเอก
8 การใช้ชีวิตในเกมจีบหนุ่มมันไม่น่ารักอย่างที่คิดหรอก
9 [Love Villain Plz~] ผมเกิดใหม่เป็นนางร้ายครับ
10 (สนพ.อรุณ) Erika No Nikki บันทึกของเอริกะ
ต่อให้กูไปทำวิจัยมา มึงก็คงอ้างว่าการเก็บตัวอย่างของกูมันมี bias ไม่ก็ตัวชี้วัดของกูมันเพี้ยนอยู่ดี งั้นก็ไม่เอาอะไรมาก ไปเอาชื่อเรื่อง top 10 ของหมวดรักแฟนตาซีมาให้ดูแทนแล้วกัน ไม่ต้องอธิบายเพิ่มนะ มันน่าจะตอบคำถามในตัวเองอยู่แล้ว
>>80 ช่วงปีสองปีมานี้เอาตรงๆ ว่าหานิยายที่เรียกว่าดีจริงๆ อ่านแล้วขนลุกไม่ได้เลย เลยพยายามไปเก็บงานเก่าๆ ทั้งที่ติดชาร์ตอวยและติดชาร์ตเฮทเตอร์มาลองอ่าน ก็สนุกดีเหมือนกันนะ
>>83 เข้าประเด็น
ตอนโรงเรียนบูม สนพ. ก็แห่พิมพ์แนวโรงเรียน ตอนออนไลน์บูม บนชั้นหนังสือก็เต็มไปด้วยแนวออนไลน์ พอมาถึงคิวของไลท์โนเวลก็อิหรอบเดิม ถามตรงๆว่าจะมอมเมาเยาวชนไปถึงไหนกัน อย่างน้อยๆ มึงเป็นคนไทยก็น่าจะเขียนภาษาไทยให้ได้ดีกว่านี้ ถึงแนวออนไลน์จะเต็มไปด้วยพระเอกเก่งเทพ แต่ก็มีบางเรื่องที่การใช้ภาษาไม่ได้กากเดนนะจ๊ะ ตัวอย่างเช่น ภารกิจรักฯ (ในแง่ของภาษากูยอมให้ผ่าน แต่เนื้อเรื่องยังไม่ได้)
นี่กุอยู่ในโลกของโซมะป่าววะ แค่เปลี่ยนจากการทำอาหารเป็นLN
"นโยบายของเซนทรัลคือการกำจัดร้านอาหารที่ไม่ได้คุณภาพตามที่เซนทรัลต้องการออกจากญี่ปุ่นทั้งหมด"
เดบิต จากโม่งในห้องไหนสักห้อง
สักพักคงกลายเป็นเกาหลีเหนือ อะไรกุไม่ชอบ=แบนแม่ง ไอสัส 555
>>87 การที่จะทำให้วรรณกรรมที่ดีบูมได้นั้น มีอยู่แค่ทางเดียวคือทำให้คนหันกลับมาอ่านวรรณกรรมดีๆ ซึ่งมันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าคนพวกนั้นผ่านการอ่านนิยายที่แย่มามากๆ เห็นได้ชัดว่าหลายต่อหลายคนเสพติดนิยายสูตรสำเร็จ (พระเอกต้องเก่งเทพเท่านั้น) และไม่เข้าใจความสวยงามของภาษา (ชอบอ่านอะไรกระชับสั้น บรรยายผ่านความคิดในมุมมองบุคคลที่ 1 เลยยิ่งดี เวลาเห็นการบรรยายฉากแล้วอ่านข้าม เป็นต้น)
กูเข้าใจการวางแผนการตลาดดีนะ ว่ามึงไม่สามารถขายแต่นิยายดีที่ไม่มีคนอ่านได้ ถ้าอยากรอดในยุคที่หนังสือเล่มกำลังจะตายห่าแบบนี้ ยังไงๆ ก็ต้องเกาะกระแสไอ้ที่คนอ่านเยอะๆ ปัญหาคือไอ้ที่คนอ่านเยอะๆ อย่างไลท์โนเวลเนี่ย มันไม่สามารถพาคนอ่านให้มีความสามารถพอที่จะอ่านนิยายดีๆได้ไง หมายความว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วรรณกรรมดีๆ ก็จะอยู่บนหิ้ง วรรณกรรมใหม่ๆ ก็จะมีแต่พวกห่าอะไรก็ไม่รู้
ก็แอบอมยิ้มนะตอนที่่มีคนบอกให้แนะนำนิยายดีๆ ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ไม่แน่ว่าในอีกสิบปีข้างหน้า กูอาจไม่สามารถตอบลูกหลานได้เลยว่า นิยายดีๆ เมื่อ 5-6 ปีก่อน มันมีเรื่องอะไรบ้าง
ซื้อไลท์โนเวลห้าเล่มแล้วแถมนิยายของเลิฟคราฟ
วันนี้รบกวนเวลาของทุกคนมามากแล้ว ถึงแม้ว่าจะด่ากูอย่างนั้นอย่างนี้ แต่กูก็เชื่อว่าพวกมึงคงจะพอเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นกว่าเดิมบ้าง
ก็ฝากไว้ 4 เรื่องข้างต้นนะ 1984 แอนิมอล ฟาร์ม การผจญภัยของฮักเกิลเบอรี่ ฟินน์ และเนเวอร์เอนดิ้ง สตอรี่ (ชื่อไทยว่าจินตนาการไม่รู้จบมั้ง) ที่ยกตัวอย่าง 4 เรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเป็นงานที่หาซื้อได้ง่าย มีการพิมพ์ใหม่อยู่ตลอด อยากให้ลองอ่านดู บอกได้เลยว่าเรื่องเหล่านี้ถึงแม้ว่ามันจะเก่า (บางเรื่องมาจากศตวรรษที่ 19) แต่ถ้าลองอ่านดูแล้วจะพบว่าปมต่างๆ ที่ผู้เขียนใช้ในเรื่องไม่เก่าเลย พอได้อ่านแล้วบางทียังรู้สึกตลกกับพวกนิยายใหม่ๆหลายเรื่องด้วยว่า เฮ้ย นี่มึงผ่านมา 100 ปี แล้วนะ ยังใช้มุกเดียวกับตาแก่พวกนั้นอยู่อีกเหรอวะ
เอาล่ะ เดี๋ยวกูมาใหม่นะ วันนี้ฝากไว้เท่านี้
กูคิดวิธีทำเพื่อนิยายดีๆได้แล้ว
มึงก็ไปทำห่าไรก็ได้ให้เป็นคนใหญ่คนโตหรือรวยระดับบิลเกต
จัดแข่งนิยายน้ำดีระดับโลกทุกปี อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไป โฆษณาแม่งทุกช่องทุกสื่อทุกวงการ ใช้อำนาจหรือเม็ดเงินบดขยี้ Ln ขยะวรรณกรรมให้หมดโลก
หรือมึงก็หาทางครองโลกให้ได้และสั่งเผาทำลาย Ln ฆ่าประหารคนแต่งให้หมดโลกอารมณ์แบบจิ๋นซีเผาตำรา ฝังบัณฑิต
หรือถ้าคิดว่าคนเดียวมันทำยากมึงก็ไปสร้างลัทธิอะไรขึ้นมาสักอย่างหลอกให้คนเชื่อแล้วค่อยๆครองโลกไปทีละนิดแบบธรรมกายก็ได้นะ
>>94 ไปชิ่ว
http://imgur.com/3Z3m1NN
อะไรคือนิยายน้ำดี ในเมื่ออาจจบแล้วไม่ได้อะไรเหมือนกัน
หนังสือถ้าให้คนซื้อมันต้องอ่านง่ายเข้าว่าโว้ย ดังคำกล่าวที่ว่า
นักคณิตศาสตร์แต่งหนังสือแต่เขากลับพบว่า ยิ่งใส่สมการซับซ้อนเท่าไหร่
คนกลับซื้อน้อยลงเท่านั้น อย่ากระนั้นเลย แต่งหนังสือแค่ basic แล้วโกยตังค์ดีกว่า
อ้าวไอปื๊ด แม่เรียกไปกรอกน้ำแล้วเหรอ งั้นเจอกันรอบหน้านะ บาย
มึงรู้ไหมว่าตอลสตอยล์เคยด่างานของเช็คสเปียร์ว่างานขยะอ่านไม่รู้เรื่อง นักเขียนระดับตำนานอีกหลายคนก็เคยด่า แบบนี้ตอลสตอยล์นับว่า shit taste ป่าววะ
>>102 เฉยๆนะ งานของเชคสเปียร์มีคนด่าเยอะจะตาย ถามกลับแบบเดียวกับมึงก็แล้วกัน แบบนี้เรียกว่าตอลสตอยเป็นพวกอีโก้สูง เหยียดรสนิยมคนอื่นด้วยรึเปล่าวะ?
พูดถึงตอลสตอย หลายๆ คนอาจชอบสงครามและสันติภาพ ส่วนตัวกูชอบเรื่องสั้นกับนิทานที่เขาเขียนมากกว่า อย่างอีวานคนซื่อ หรือนักโทษแห่งคอเคซัส อาจเป็นเพราะตอนนั้นกูอยู่ประถมด้วยแหละมั้ง เลยอ่านอะไรยาวๆ อย่างสงครามฯ ไม่ไหว
มึงเข้าใจผิดแล้วสหาย สิ่งที่บั่นทอนวรรณกรรมดีๆคืออินเตอร์เน็ตต่างหาก
มึงคิดดูนะเดี๋ยวนี้คนเราเสพสื่อบันเทิงจากอินเทอร์เน็ต เล่นโซเชียลมีเดียกันเป็นส่วนใหญ่จนแทบไม่เหลือเวลาทำอย่างอื่นรวมไปถึงเสพวรรณกรรมดีๆด้วย และผลจากการเสพมากเข้าก็ shit taste ขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แล้วสหายสิ่งที่เป็นศัตรูตัวจริงของเราคืออินเทอร์เน็ตยังไงล่ะ ดังนั้นหนทางที่จะทำให้วรรณกรรมดีๆกลับมาคือกำจัดอินเทอร์เน็ตให้พ้นจากโลกซะ
เริ่มที่สหายก่อนจงเลิกเล่นเน็ตเสียเพื่อประโยชน์ต่อวงการวรรณกรรมและบอร์ดโม่งแห่งนี้
เกลียดและดูถูกการบรรยายแบบบุคคลที่1สินะ? เคยอ่านโรเจอร์ แอคครอยด์มั้ยเนี่ย?
>>106 ไม่เคยอ่านเรื่องนั้น และไม่ได้เกลียดการบรรยายด้วยบุคคลที่ 1
>>107 ไอ้ >>81 ที่มึงชี้ไปเนี่ยมีแต่ hate speech นะ มึงจริงจังกับคำพูดพรรค์นั้นด้วยเหรอ
ส่วนที่ยกตัวอย่างเด็กดีเพื่อจะสื่อให้เห็นว่าไลท์โนเวลส่งผลกระทบยังไงกับงานเขียนในปัจจุบัน และคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหมว่าช่วงหลังๆมาเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นไลท์โนเวลหรืองานเขียนอื่นๆ ก็มักจะมาจากการที่เคยได้เผยแพร่ลงไปในอินเทอร์เน็ตมาก่อนทั้งนั้น รวมไปถึงปัจจัยหนึ่งที่ สนพ. เลือกงานขึ้นมาตีพิมพ์ ก็ขึ้นอยู่กับเสียงตอบรับจากในโลกออนไลน์ด้วย
>>108 ไม่ใช่ LN กับ Wen Novel นั้นไม่เหมือนกัน LN นั้นกว่าจะพิมพ์ออกมา ผู้เขียนจะต้องมีทีม บก หรือก็คือผู้ดูแล คอยชี้แนะแนวทาง ไปจนถึงกำหนดจังหวะของเรื่องราวในเล่ม ให้สามารถจบประเด็นในเล่มนั้นๆได้อย่างสมบูรณ์ เหมือนแฮรี่ที่กำหนดให้1เล่มคือจบปีการศึกษา
แต่อีพวกนิยายที่ลงในเนตให้อ่านมักจะเขียนไปเรื่อยๆ เพราะมันไม่รุ้ว่าจะมีคนมาขอพิมพ์เล่มขายมั้ย
ท่าจะเป็นเอามาก
>>109 พูดแบบนี้ก็เกินไป นิยายอัพลงเน็ตที่มีการวางพล็อตวางโครงเรื่องก็เยอะแยะ และนิยายทุกเล่มก็ต้องถูกตรวจทานแก้ไขด้วย บก. ทั้งนั้น ซึ่งพอพูดแบบนี้แล้วก็ดูตลกดี เพราะไอ้ไลท์โนเวลส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดที่วางขายอยู่ในไทยตอนนี้น่ะโคตรห่วยจนงงว่านี่คือ บก. มึงปรู้พแล้วเหรอ? ถ้ายังไม่ปรู้พจะแย่ถึงขนาดไหน? และไอ้ที่ว่าเขียนไปเรื่อยๆเนี่ย ไลท์โนเวลก็เป็นเหมือนกัน (มังงะยุ่นหลายๆเรื่องก็เป็น สังเกตไหม คงไม่ต้องยกตัวอย่างนะ) เห็นแวบๆว่ามีคนงงในอีกกระทู้นึงว่า ฉาก บท องค์ มันคืออะไร ก็ขำๆ ไปอะนะว่าเออ ไลท์โนเวลที่มึงตามเนี่ย จะเขียนได้ครบทุกองค์จนหมดเรื่องไหม (หรือจะโดนลอยแพก่อน)
>>110 งานของอกาธาเคยอ่านเล่มเดียวคือ And Then There Were None ปกติไม่ชอบแนวสืบสวนอยู่แล้ว แนวนี้อ่านแค่เชอร์ล็อก โฮล์มเท่านั้นเอง
>>112 พูดอย่างกะมึงอ่าน LN ในไทยมาเยอะ ทั้งที่อ่านไม่ถึง 10 เรื่องด้วยซ้ำมั้ง
ย้ำอีกรอบว่า การเอานิยายเด็กดีมาเทียบกับLN แม่งก็คือมวยคนละรุ่น อย่างที่กุบอกว่าแม้แต่ในยุ่นมันก็ยังว่า WN แม่งกากและเลวร้ายกว่า LN ด้วยซ้ำ
เหมือนที่มึงเอา LN ไปเทียบกับวรรณกรรมคลาสสิคของโลกนั่นแหละ มวยคนละรุ่นอยู่ดี
ทำไมชอบยกเด็กดีจัง ผูกพันธ์อะไรกับนิยายเวบนั้นนักหนา ชอบอ่านนิยายในนั้นเรอะไง อ่านนิยายในนั้นผ่านๆตามาเยอะจนสมองมะเร็งกินสมอง ไม่ต่างกับพวกเสพ LN ที่มึงด่าๆสินะ
>>113 ก็ไลท์โนเวลส่วนใหญ่มันห่วยจริงๆนี่หว่า ภาษาเหี้ย เนื้อเรื่องโม่ยๆ หรือจะเถียงวะ?
นิยายเด็กดีน่ะปกติไม่ค่อยได้อ่านหรอก ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่ามีเด็กๆเขียน แถมเด็กๆพวกนั้นแม่งก็เสือกได้แรงบันดาลใจมาจากไลท์โนเวล ไม่ก็นิยายกากๆ การ์ตูน หรือจับดารานักร้องมาเย็ดกัน ส่วนใหญ่นิยายในนั้นมันก็ใช้ไม่ได้หรอก
แต่จะให้ทำไงวะ? ก็มันเป็นตลาดนิยายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่หว่า ไม่ว่ายังไงในสายงานกูก็ต้องลงไปยุ่งกับมันอยู่ดี
ตกลงLN < WN เหรอวะเนี่ย อห ความรู้ไหม่
ทำงานแล้ว โตๆเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ยังเสือกมีทัศนคติเหยียดคนอื่น เหยียดรสนิยมคนอื่น โตสักทีเหอะน่า หรือเก็บกดจากการทำงาน?
เรื่อง เหยียด เนี่ยเป็นประเด็นค่อนข้างซีเรียสนะมึง เป็นสิ่งที่ uncivilize การเสพวรรณกรรมดีๆมันไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจขึ้นเรอะ มันเป็น 1 ในคุณค่าของวรรกรรมดีๆไม่ใช่เรอะไง
>>116 กูไม่อยากพูดมากเรื่องงานของกูหรอก ถ้ากูอยากเผยตัวกูก็คงโพสต์ลงที่หน้าเฟซ ไม่ใช่มาด่าอยู่ในโม่งนี่ เอาเป็นว่ากูจำเป็นต้องเข้าไปดูนิยายพวกนั้นแล้วกัน แล้วก็พบว่าแม่งเหี้ยลงสาละวันเหี้ยลงเรื่อยๆ เชื่อกูเถอะ กูมอนิเตอร์มาเป็นเวลานานพอที่จะเห็นว่าไลท์โนเวล(แน่นอน รวมไปถึงเว็บโนเวลของฝั่งยุ่นและจีน) มันส่งผลยังไงต่อการเขียน(และอ่าน)นิยายของเด็กไทยก็แล้วกัน
เออ พึ่งนึกได้เว็บเด็กดีเนี่ยมีมานานแล้วนะ คือมากกว่า10ปี ก่อน LN บูมหรือเมะแฟนซับบูมอีกด้วยซ้ำนิ จะว่าเด็กๆในนั้นมันได้แรงบันดาลใจงานเขียนจาก LN ก็ไม่ถูกสักทีเดียว จริงอยู่ยุคนี้อาจได้มาจากอนิเมะและLN แต่ยุคแรกมันไม่ใช่
เด็กก็คือเด็ก มันไม่มีทางเขียนอะไรสวยๆเลิศเลอได้หรอก มันต้องอาศัยประสบการณ์ทั้งนั้น ก็ค่อยๆเก็บไป เด็กดีก็แค่เวทีแรกของมันเท่านั้นเอง มึงจะไปซีเรีึยสจริงจังกับ "การเล่น" ของเด็กมันทำไม
>>118 โม่งมีไว้เพื่อให้คุยเรื่องพวกนี้ได้โดยไม่ต้องแคร์ อยากนินทาอยากบ่นเรื่องที่ทำงานก็บ่นได้ เพราะมันคือโม่ง คือ anonymous การบ่นลงเฟซไม่ถือเป็นการเผยตัวเท่าไรหรอกนะ เพราะถ้าเซต privacy ก็ไม่มีการเผยเชี่ยไรกับ public ทั้งนั้น แต่บอร์ดโม่งยังมีความ public มีขึ้นเพื่อให้เผยได้
มึงเข้าใจคอนเซบของที่นี่จริงรึเปล่า?
>>118 ย้ำอีกรอบ กุไม่ปฏิเสธว่า LN ไม่มีผลกระทบกับเด็กๆนะ แต่ในเมื่อมึงไม่ยอมบอกว่างานมึงคืออะไร ก็คุยกันต่อไม่ได้อยู่ดี เพราะตอนนี้มึงเสือกเรื่องของเด็กๆอยู่ไง แต่ถ้า สมมตินะ มึงบอกว่ามึงเป็นทีม บก ที่ต้องพิมพ์นิยายเด็กดีออกมาขาย แล้วกำลังกลุ้มว่านิยายแม่งห่วยจนขายไม่ออก ก็จะได้คุยกันต่อหรือช่วยออกความเห็นได้ง่ายขึ้น ว่าสิ่งที่มึงควรทำในฐานะคืออะไร
>>119 บอกไปตั้งแต่บนๆแล้ว แต่ความต่างมันมีอยู่ที่ว่า เมื่อก่อนมันเกาะกระแสที่เป็นกระแสจริงๆ เช่น แฮร์รี่บูมก็มีแนวโรงเรียน ราชาฯบูมก็มีแนวเกมออนไลน์ แต่พอคราวนี้มาเป็นไลท์โนเวล ไลท์โนเวลมันไม่ใช่ "แนว" จริงๆ ถูกไหม คือมันมีเนื้อเรื่องหลายรูปแบบมากๆ ที่ส่วนใหญ่มักแฝงอะไรเหี้ยๆเอาไว้ เช่น เทพทรู ฮาเร็ม มันก็เลยกลายพันธุ์กันไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเกมออนไลน์ฮาเร็ม ชาตินี้หน้าเหี้ยไม่มีอะไรดีสักอย่าง เกิดใหม่เป็นเทพทรูฮาเร็ม ชาตินี้อาภัพรัก ชาติหน้าเกิดมาเทพทรูฮาเร็ม ชาตินี้โดนกดขี่ เกิดมาชาติหน้าเป็นนางร้ายสุดสวยไล่จิกคนอื่น คือมันไม่ใช่แค่ "โรงเรียน" หรือ "ออนไลน์" แต่เป็น "โรงเรียนเทพทรูฮาเร็ม" "ออนไลน์เทพทรูฮาเร็ม" "ไซไฟเทพทรูฮาเร็ม" และอีกมากมายที่เทพทรูฮาเร็ม
>>120 กูว่ากูก็ค่อนข้างทำตามคอนเซ็ปต์ของที่นีนะ อย่างน้อยๆ มันก็เป็นการแสดงความคิดเห็นของกูโดยที่ไม่ต้องเผยตัวว่ากูคือใคร เพราะฉะนั้นพวกมึงจะได้สนใจแต่สิ่งที่กูเขียน แทนที่จะมาสนใจว่าจริงๆแล้วกูเป็นใคร มีหน้าที่การงานอะไร
ผิดกับในเฟซ ที่มันไม่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น "จริงๆ" ของกูออกมาได้เท่าไหร่ เพราะอย่าลืมว่าในนั้นก็มีเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน หัวหน้าลูกน้องอยู่ด้วย มันคงไม่ตลกนักหรอกที่จะไปโพสต์ความคิดของตัวเองที่บางคนในนั้นอาจฟังแล้วไม่ถูกหูน่ะ
>>122 กุก็สนใจในสิ่งที่มึงเขียนแล้วไงว่ามึงเสือกเรื่องรสนิยมของเด็กๆโดยไม่มีเหตุผล พอมึงบอกว่าเหตุผลของมึงที่ต้องหัวร้อนกับเรื่องพวกนี้เพราะเกี่ยวกับงานของมึงด้วย กุก็เลยบอกต่อว่า งั้นก็เล่ามาสิว่างานมึงเกี่ยวกับอะไรจะได้โฟกัสไปที่จุดนั้นต่อ
มันคือการเจาะประเด็นเรื่องที่คุยให้ลึกลงไปอีกไง เพื่อให้มีเรื่องคุยและถกกันได้เพิ่มอีก ไม่งั้นแม่งก็คุยแต่ประเด็นเดิมๆอยู่อย่างงี้อะ ไม่สังเกตเรอะไง
>>123 งั้นกุจะบอกอะไรให้นะ แค่รู้ว่าเป็นนิยายเด็กดี กุก็ไม่ซื้อแล้ว ต่อให้เป็นนิยายญี่ปุ่นก็เหอะ
เพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สนพ LN ของไทย เรื่มเอานิยายเว็บของญีปุ่่นเข้ามาขายบ้างแล้ว (แนว เกิดใหม่ หรือ เกมออนไลน์ มาจากนิยายเว็บพวกนี้ ไม่ใช่มาจาก LN นะ) ซึ่งกุก็ไม่ซื้อนะ ในห้องนี่ก็คุยกันบ่อยว่าแม่งห่วยแตกจริง
>>124 ก็ประเด็นจริงๆมันมีอยู่เท่านี้นี่หว่า มันง่ายๆว่า ถ้าคนยังชอบเสพแต่อะไรง่ายๆ โดยเฉพาะไลท์โนเวลที่ใช้ภาษาได้แย่ และมีเนื้อเรื่องที่เทพทรู นิยายที่ดีกว่านั้นมันจะไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้เลย นักอ่านที่เสพแต่ไลท์โนเวล พอไปเจองานที่มีการบรรยายที่จริงจัง มีการใช้โวหารต่างๆ และพระเอกไม่ได้เทพตั้งแต่บทแรกๆ แม่งก็แทบไม่สนใจที่จะอ่านกันแล้ว พอเป็นแบบนี้ต่อไปก็คิดดูแล้วกันว่างานที่วางขายบนแผงมันจะเหลืออะไรบ้าง
อย่างที่บอก งานห่วยแต่คนชอบยังไงก็ได้ตีพิมพ์ เพราะ สนพ. เห็นว่าการเอาสำนวนและภาษามาปรับเองเนี่ย มันง่ายกว่าไปหางานดีๆมา แล้วค่อยมาทำการตลาดสร้างฐานลูกค้าไง เลยกลายเป็นเรื่องตลกร้ายของวงการ ว่าถ้ามึงเอางานที่ตั้งใจเขียนมาส่ง สนพ. จะตั้งทีมงานเพื่อคัดแล้วคัดอีกว่าจะตีพิมพ์ไหม แต่ถ้ามึงมีงานห่วยๆ แต่กองอวยเยอะ มันจะเข้า fast track ไปเลย
อ้าวไอปื๊ด ไปกรอกน้ำให้แม่เสร็จแล้วเหรอ ไปซื้อน้ำปลาต่อไป ห้องจะได้เงียบๆหน่อย
>>126 งั้นมึงต้องโทษทุนนิยม โทษทัศนคติของกอง บก โทษฝีมือ บก
บิเบลีย เป็นงานที่ดีสัสๆ แล้วก็ขายได้ซะด้วย มึงไปศึกษาเคสนี้ให้ละเอียดจะดีกว่านะ ว่าทำยังไง สนพ ขาย LN สามารถขายนิยายคุณภาพไปด้วยได้สำเร็จ
อยากให้เด็กได้มีโอกาสอ่านงานดีๆเหรอ แต่หนังสือไม่ใช่ของฟรีไง ต้องซื้ออะ มึงอยากให้เด็กทุกคนอ่านได้อ่านงานดีๆใช่มะ รัฐก็คิดเหมือนกัน และมันก็เป็นหน้าที่ของรัฐเว้ย เรามีหนังสือนอกเวลาที่เด็กทุกคนต้องอ่าน มึงไปดูลิสต์ของกระทรวงซะสิ มีงานระดับโลกอยู่ในลิสต์เท่าไรเชียว มึงไปด่ากระทรวงซะบ้าง
>>129 ชาติก่อนกูต้องเคยทุบเครื่องอัดเสียงเล่นแน่ๆ ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรมด้วยการพิมพ์อะไรซ้ำๆ
พูดถึงโดยรวมสิ ไม่ใช่บอกว่ามีไลท์โนเวล 1% ที่ดี แล้วให้กูไปมองแต่อะไรดีๆพรรค์นั้น
และเรื่องการตลาดเนี่ยกูเข้าใจดี เพียงแต่ว่าถ้าทุกคนช่วยกัน "มาแบบนี้อีกแล้ว ไม่ซื้อ" "ภาษาห่วย ไม่ซื้อ" และร่วมกันสนับสนุนงานเขียนดีๆ เพียงแค่นี้วงการวรรณกรรมบ้านเราก็มีทางรอดแล้ว ถ้าให้มีเส้นสมมติเส้นหนึ่งขีดเป็นเส้นชัย (คนหันมาอ่านนิยายดีๆ) ไลท์โนเวลก็คงเป็นมือมารมือหนึ่งที่ฉุดดึงคนไม่ให้วิ่งเข้าไปถึงเส้นนั้นได้นั่นแหละ
>>131 ไม่เข้าใจประเด็นของกุสินะ บิเบลียไม่ใช่ LN นะ เป็นนิยายทั่วไปเลยว้อย เป็นวรรณกรรมทั่วไปแบบทีมึงพูดถึงนั่นแหละ
ต่อให้ไม่มีการขาย LN เลยนะ แต่ก็ใช่ว่าเด็กๆจะซื้อนิยายดีๆ เพราะมันไม่ใช่ของฟรี ในโลกทุนนิยม คนเราจะซื้อของที่เราพอใจถูกมะ
ถ้างั้นจะทำไงให้เด็กๆมาซื้อนิยายดีๆอ่าน ก็ควรต้องให้เด็กๆมันได้ลิ้มลองซะหน่อยใช่ม้า ลองแล้วติดใจมันก็มาซื้อเอง ถูกปะ แต่มันไม่ใช่ของฟรีไง การที่อยู่ๆจะลองซื้อเพื่อชิมมันยาก มันถึงเป็นหน้าที่รัฐไง มันถึงมีหนังสืออ่านนอกเวลาไงที่รัฐจัดหามาให้อ่านฟรีๆ แต่ลิสต์หนังสืออ่านนอกเวลาทีมีตอนเนี้ยแม่งก็ไม่ได้เรื่อง ไม่มีงานดีๆระดับโลกทีมึงยกมาเลย
ที่กุบอกให้มึงศึกษาเคสของนิยายเรื่อง บิเบลีย ก็เพราะ สนพ เค้าทำสิ่งที่มึงดิ้นอยู่ป่าวๆได้สำเร็จแล้วไง
เริ่มด้วยพิมพ์ LN ขายเพื่อเอาตังค์ จากนั้นก็เอานิยายดีๆเรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่ LN เข้ามาขาย เพื่อให้โอตาคุทั้งหลายได้มีโอกาสลองเสพงานดีๆได้รางวัลมามากมายกะเขามั้ง แล้วก็สำเร็จด้วย ขายได้จริงด้วย เข้าใจยัง?
อืม คนในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ เด็กดี LN-นิยายแฟนตาซี ขายไม่ออก
มึงเป็นบก.ปหรือบก.ด.ละ นิยายแฟนตาซีของสนพ.ตัวเองขายไม่ออกแล้วมาพาลเหรอวะ
นิยายที่มึงตีพิมพ์แม่งก็ภาษากากขายฝันไม่ต่างจาก LN หรอก กากกว่าด้วย
WN ยุ่นดีๆมีเยอะนะแต่คนไม่ค่อยอ่านกันหรอก แม่งชอบอ่านกันแต่นิยาย チートハレムさすごしゅ กับ 悪役令嬢ざまぁ
ใน ranking มีแต่นิยายพวกนี้ แล้วแม่งก็ได้พิมพ์เป็น LN เพราะคนอ่านเยอะ ขายได้
อยากอ่านเรื่องดีๆภาษาดีๆนี่ต้องไปค้นเอาเอง ไม่ได้พิมพ์เป็น LN หรอก
LN ขายดีอันดับ 1 ประจำปี 2016
Kimi no Na wa สรุปไอ้นี่ คงเป็นนิยายกากๆ ด้วยสินะ =__=
WN ต่างหากคือขยะวรรรณกรรมที่แท้จริง LNเป็นงานตีพิมพ์อย่างน้อยมันก็กระรันตีได้ว่าต้องมีความสนุกอยู่บ้าง
แต่WNมึงจะเขียนห่าเหวอะไรก็ได้
>>141 มึงอ่านดีๆแล้วจะรู้ว่าพล็อตโฮลมันเยอะชิบหายแต่ถ้ามองข้ามจุดนั้นมึงก็สนุกกับมันได้ไม่ยาก
ซึ่งเรื่องนี้นิยายไม่ดีเท่าหนังว่ะ เพราะหนังมันมีองค์ประกอปหลายอย่างที่ทำให้มันดูสนุกทั้งบทพูดฉากเพลงทำให้เรียกน้ำตาคนดูได้ แต่นิยายนี่มันไม่ได้มีไอพวกนั้นกุเลยอ่านแล้วไอโอเคเท่าไหร่
>>144 ไม่โฮลสิแปลกเพราะงานรีบปั่นรีบขาย คงไม่ตรวจอะไรมากมายเหมือนงานเก่าๆ
คนที่ซื้อคือคนที่ดูหนังมาก็ถูกจุดประสงค์มันแล้ว อีกอย่างหนังมันรวมนิยาย 2 เล่ม ถ้าอ่านเล่มแรกโดดๆ
แบบไม่ได้ไปดูหนังก็ไม่แปลกหรอก แต่ถ้าอ่านดีๆ มันคือ LN ที่ใช้โครงสร้างวางเนื้อเรื่องแบบนิยาย
แล้วก็ไม่เกิดต่างโลก ไม่เทพทรู แต่ก็ขายดีได้ไง
ตกลงกุสงสัยว่าไอ้การอ่านนิยายคลาสสิคดีๆขึ้นหิ้งนี่มันช่วยได้ดีกว่าอ่านLNจริงๆเหรอวะ คือกุก็ไม่เคยเห็นคนอ่านLNเขาออกมาด่านิยายอย่างอื่นว่ากาก ห่วย ทำลายสมอง มะเร็ง อะไรเทือกนี้อ่ะนะ
อันนี้กุสงสัยนะ
ไอ้คนอ่าน LN มันก็บุฮี้ ฟืนกับการ self insert อยู่ ไม่ว่างมาด่าคนอื่นหรอก
นิยายที่ดีของชาวโม่งคืออะไร??? จงยกตัวอย่าง
*ฟิน
ส่วน WN มันใครแต่งก็ได้ว่ะ มันต้องมีดีกับห่วยผสมกันอยู่แล้ว ไม่แปลกอะไร
ถ้าเด็กประถมแต่งห่วยๆมันก็ห่วย
คนแต่งมืออาชีพมาแต่งอย่างเช่นคามาจิเขียน WN ลงเว็บตัวเองมันก็ออกมาดี
โทษทีที่หายไป ออกไปซื้อน้ำปลาให้แม่มาน่ะ
>>135 ตอนแรกงงมากว่าบิเบลียคืออะไร เห็นบอกว่าเป็นนิยายสุดดังก็ตกใจ พอลองไปค้นดูก็อ๋อ เป็นนิยายญี่ปุ่นนี่นา ถึงว่าสิว่าทำไมไม่รู้จัก แหม่ พูดยังกะแม่งเอางานโนเบลมาแปลขายแล้วโอตาคุแห่ซื้อ
เรื่องหนังสืออ่านนอกเวลาเนี่ยขอทีเถอะ พูดแบบนี้แปลว่ามึงไม่ค่อยได้เข้าห้องสมุดที่โรงเรียนเท่าไหร่สินะ เพราะโดยปกติแล้วโรงเรียนจะต้องมีงบซื้อหนังสือดีๆ เข้าห้องสมุดเสมอ ยิ่งเป็นโรงเรียนรัฐแล้วยิ่งเป็นไฟลท์บังคับเลยว่าจะต้องมีหนังสือซีไรต์ อย่างลับแลแก่งคอย หรือความสุขของกะทิเนี่ยโผล่ไปทุกโรงเรียนทั่วไทยแน่ๆล่ะ นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมเยาวชน และวรรณกรรมคลาสสิกอีกมากที่เป็น must have ของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ แมงมุมเพื่อนรัก หรืออย่างเรื่องจินตนาการไม่รู้จบที่กูเพิ่งยกตัวอย่างไป
แต่มันคงจะยากเกินความสามารถของเด็กที่อ่านแต่การ์ตูนหรือไลท์โนเวลล่ะมั้ง เชื่อได้เลยว่าหลายๆคนในที่นี้ไม่เคยอ่านเรื่องที่กูเพิ่งออกชื่อไป หรือเผลอๆ แม่งอาจเพิ่งเคยเห็นชื่อด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้จะเคยเห็นในห้องสมุดหรือในร้านหนังสือแล้วจะทำไม คนอย่างไอ้หมอนี่ >>>/lightnovel/3623/578 มันเยอะจะตายห่า
กูคงเขียนไม่เคลียร์แต่แรก หนังสือรางวัลไม่ว่าจะรางวัลของภูมิภาคหรือรางวัลระดับโลกมัน "ขายได้" แต่มันไม่ได้หมายความว่าหนังสือที่เขียนดีทุกเรื่องจะต้องเป็นหนังสือรางวัลนี่หว่า มันเลยเกิดวรรณกรรมประเภทขายไม่ออกที่อยู่ระหว่าง "ห่วยแต่ขายได้" กับ "หนังสือรางวัล" ยังไงล่ะ
>>150 พูดจริงจังแบบไม่โทรล
คือกูว่าการเสพสื่อบางอย่างที่คนเสพมองว่ามันสูงส่ง มีรสนิยม หรือพิเศษเฉพาะกลุ่มไม่แมส
ถ้าเสพสื่อด้วยความคิดแบบนั้นมันทำให้คนเสพเกิดความรู้สึกว่าตัวเองพิเศษ รสนิยมดีกว่าคนอื่นได้อยู่แล้ว
พอคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น สื่อที่ตัวเองเสพดีกว่าของคนอื่นมันก็เกิดการเหยียดกันนั่นแหละ
ไม่ใช่แค่หนังสือหรอก วงการเพลง หนัง เกม หรือสื่ออื่นๆก็มีคนแบบนี้ทั้งนั้น
กูเห็นด้วยอีกเสียงว่านิยายชื่อเธอแม่งไม่ได้ดีเด่อะไรเลย ยอมรับว่าชอบตัวอนิเมโคตรๆ แต่ตัวนิยายแม่งจืดสัตว์
ใช้ความเป็นนิยายที่สามารถบรรยายหรือพรรณาได้ไม่คุ้มเลย อีกทั้งOSTของRadwimpsในอนิเมมันช่วยดันหนัง พออ่านนิยายที่ไม่มีส่วนนี้เลยไม่มีอะไรให้ชมเลย
>>155 ไม่ได้เข้าใจนิยามของหนังสืออ่านนอกเวลาใช่มั้ย? มันคือหนังสือที่ไม่ใช่แบบเรียนที่ถูก "บังคับให้อ่าน" ในหลักสูตรการเรียนเลย คือเด็กทุกคนในชั้นเรียนนั้นต้องอ่านเพื่อเขียนรายงานส่งอาจารย์อะไรก็ว่าไป (รามเกียรติ์หรือพระอภัยไรพวกนี้ไม่นับ เพราะมันอยู่ในแบบเรียนอยู่แล้ว) ่ส่วนห้องสมุดเนี่ยมันคือความสมัครใจจะอ่าน ถ้าคนมันไม่คิดจะอ่านก็ไม่ต่างอะไรกับประเด็นเรื่องการไม่อยากลองซื้อหนังสือดีๆใช่มั้ย
เวลาที่เด็กไทยก่อเรื่องดราม่านาซี ก็เคยมีรายการหนึ่งออกมาวิพากย์วิจารณ์แล้วว่ากระทรวงควรจะบรรจุ บันทึกลับของแอน แฟรงค์ ลงไปในหนังสือนอกเวลาได้แล้ว (ประเทศอื่นเค้าทำกัน)
ย้ำอีกรอบ ว่าต่อให้ไม่มีไลท์โนเวล ไม่มีมังกะ ไม่มีอนิเมะเลย ก็ใช่ว่าเด็กจะนึกอยากเดินไปหยิบหนังสือจากห้องสมุด หรือ ซื้อจากร้านหรอกนะ มันก็อาจมีแต่น้อยแน่นอน (กุเชื่อว่ากุเป็นเคสที่น้อยมากๆที่ชอบเข้าห้องสมุดมากกว่าไปร่วมเตะบอลหรือเล่น MOBA กับเพื่อน) แต่มึงอยากให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นวงกว้างใช่มั้ยละ ก็ต้องให้ชิมฟรีแบบบังคับเพื่อเพิ่มจำนวนคนให้มากที่สุดนั่นแหละ
>>162 เข้าใจเรื่องหนังสืออ่านนอกเวลา ตอนกูเรียนก็โดนบังคับให้อ่านคนอยู่วัด น้ำพุ ฯลฯ อ่านแม่งมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ถ้าในระดับมัธยมส่วนใหญ่มันจะพยายามไม่เน้นนิยายเล่มแพงๆ (สังเกตได้จากการตลาดของ สนพ. บางแห่ง ที่เอางานมาพิมพ์ด้วยกระดาษกากๆ เพื่อดึงให้ รร. ซื้อ อย่างแดดเช้าร้อนเกินกว่าจะจิบกาแฟ) อันนี้กูไม่ชัวร์นะว่าเป็นนโยบายของกระทรวงหรือของโรงเรียน แต่เดาเอาว่าแต่ละโรงเรียนน่าจะเป็นผู้กำหนดเรื่องหนังสือนอกเวลาขึ้นเอง (โดยส่วนมากมักมีครูภาษาไทยคุม จึงออกมาแบบไทยๆ ยกเว้นหนังสืออ่านนอกเวลาในวิชาภาษาอังกฤษ) เพราะงั้นมันถึงเปลี่ยนยากไง ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างการดีลให้กระทรวงบังคับให้ทุกห้องสมุดโรงเรียนต้องมีหนังสือรางวัล (โดยเฉพาะซีไรต์) หรอก
เอ่อ "ความสุขของกะทิ" กุว่าไม่บรรจุมันลงในสารบบน่ะดีแล้ว มาม่าเกินไป
ไปเอาหนังสือเก่าๆ รุ่นคุณลุงคุณป้า อย่าง "เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก" ยังจะดีกว่า = ="
>>164 มึงเข้าใจถูกแล้ว แต่การดีลให้ห้องสมุดมีหนังสือรางวัล กับ ดีลให้ชัดเจนไปเลยว่าหนังสืออ่านนอกเวลาควรมีอะไรบ้างที่มันอัพเดท และเหมาะสมกับยุคสมัยนี้จริงๆ มันก็ไม่ต่างกันเท่าไรเลย
การโวยวายโทษ LN โทษอนิเมะ โทษมังงะ ไป แม่งก็แค่การตีโพยตีพายโบ้ยความผิด เพราะมึงตอบกุให้ได้สิ ว่าต่อให้ไม่มีของพวกนี้เลย มึงจะทำยังไงให้เด็กเข้าหันมาเข้าห้องสมุดมาอ่านงานขึ้นหิ้งของมึง แทนที่จะไปเตะบอล หรือ เล่นโซเชียลเนตเวิค ถึงตอนนั้นมึงจะไปโทษบอลหรือโทษมือถืออีกงั้นเรอะ? เกาให้มันถูกจุดถูกที่หน่อย
ถูกของเพื่อนโม่งหลาย ๆ คน ปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่แผงหนังสือถูกนิยายบันเทิงด่วนพวกนี้ยึดหรอก แต่ปัญหาอยู่ที่ปริมาณนักอ่านน้อยต่างหากล่ะ เอาง่าย ๆ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประชากรนักอ่านเยอะมากถึงขนาดว่าต่อให้นิยาย LN ครองแผงหนังสือ ก็ยังมีนักอ่านที่อ่านวรรณกรรมดี ๆ ในสัดส่วนที่เยอะมากพอจะทำกำไรได้ ประเทศพวกนี้พิมพ์หนังสือทีหลักหมื่นหลักแสนเล่มก็อาจจะขายหมดได้ ค่าหนังสือก็ถูกมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่หนังสือไทยพิมพ์ทีพิมพ์แค่หลักพันเล่มยังไม่รู้จะขายหมดมั้ยเลย หนังสือก็ราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น เรื่องวรรณกรรมดี ๆ หดหายหรือขาดทุน สาเหตุน่าจะมาจากปัญหานี้มากกว่า ทางแก้ทางเดียวคือปลูกฝังให้คนในประเทศรักการอ่านเพื่อเพิ่มประชากรนักอ่านเท่านั้นถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่อะไรที่แก้ได้ง่าย ๆ เป็นปัญหาที่ต้องทำใจเลย ถ้าจะอยู่ในวงการนี้ในประเทศนี้ต่อ (หนังสือนอกเวลาไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาหรอก เพราะหยิบมาแต่ละเรื่องไม่เห็นจะบันเทิงซักเท่าไหร่ แถมยังต้องทำงานส่ง ต้องสอบ ใครจะไปเอ็นจอยรีดดิ้งล่ะ สมุดรักการอ่านด้วย สุดท้ายก็ลอกเพื่อนลอกของปีก่อน ๆ กันหมด มีแต่เรานี่แหละที่อ่านใหม่หมดทุกเล่ม)
>>167 เด็กที่เตะบอล เล่นเกม หรือทำอย่างอื่นจนไม่สนใจอ่านหนังสือน่ะมีเยอะแยะ แต่มันยังมีเด็กอีกประเภทหนึ่งที่อ่านหนังสืออยู่แล้ว แต่กลับไปอ่านหนังสือที่แทบไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาทักษะด้านวรรณกรรมอย่างไลท์โนเวล คือถ้ามันไฝ่ดี สามารถก้าวผ่านไปสู่งานเขียนที่สูงขึ้นเองได้ก็ดีไป แต่ถ้ามันก้าวไม่ผ่านล่ะ? ถ้ามันเป็นแบบไอ้ >>>/lightnovel/3623/578 ล่ะ? ไม่แย่เหรอ
อย่างน้อยๆ คนที่ก้าวผ่านไปแล้วก็น่าจะช่วยกันสนับสนุนให้เกิดงานเขียนดีๆ หรืออย่างน้อยก็ไม่ลดตัวลงไปเสพอะไรแย่ๆอีก เป็นการช่วยกันคนละไม้คนละมือในการตัดตอนนิยายพวกนั้นให้ค่อยๆหายไปจากสังคมไทย
ไหนๆมึงก็มาอยู่นี่ละ ถามหน่อยแล้วกัน ถ้ามึงดูถูก LN ว่าเป็นนิยายขยะต่ำตม แล้วพวกนิยายอีโรติกมีฉากอย่างว่าเยอะขายผู้ใหญ่วัยแม่บ้าน นิยายที่มีเนื้อหาชักจูงให้เห็นผิดเป็นถูกหรือใส่ร้ายป้ายสีว่าอีกฝ่ายเป็นคนชั่วอย่างชัดเจน หนังสือรวมเรื่องเสียวที่บอกว่าเป็นเรื่องเสียวชัดเจนหรือมาในรูปนิยาย นิยายรักอีโมติค่อนบาน พวกนี้มึงถือว่าเป็นนิยายขยะไหม กูแค่สงสัยเลยมาถามน่ะ
เพราะในความคิดกูตราบใดที่นิยายเรื่องนั้นไม่ได้ชักจูงหรือสร้างค่านิยมผิดๆจนคนเอาไปทำตามอย่างไอ้ฉากนางร้ายโดนข่มขืนเพราะมันสมควรแล้ว กูก็ไม่ถือว่านิยายนั้นเป็นเนื้อร้าย สมควรที่จะต้องกำจัดออกไปหรอก
>>170 ต้องดูว่ามีความสวยงามทางด้านวรรณศิลป์ไหม ถ้าสักแต่ว่าเย็ดๆ กันอย่างเดียวก็แย่ทั้งนั้นล่ะ
อย่างที่กูบอก ที่กูมาด่าๆไลท์โนเวลเนี่ยไม่ได้หมายถึงแค่นิยายเล่มเล็กๆ อย่างเดียว แต่มันยังหมายรวมถึงนิยายที่พิมพ์เป็นเล่มปกติแต่ห่วยด้วย อย่างบารามอสเนี่ย เอาตรงๆ กูก็มองว่ามันเป็นไลท์โนเวลเหมือนกัน (จะมีใครมาตลกที่กูยกตัวอย่างบารามอสอีกไหม แค่จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพเฉยๆน่ะ) หรืออย่างนิยายออนไลน์หลายๆเรื่องที่ได้พิมพ์เพราะกระแสดี อย่างยุทธภพ อันนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
นิยายแปลมันจะเด่นด้านวรรณศิลป์ได้ไงวะ อ่านงานแปลของเชคสเปียร์ไปก็ไม่งดงามเท่าภาษาต้นฉบับอยู่ดี
เคสนิยายแปลมุราคามิของนพดล ก็มีคนด่าอยู่บ่อยๆ
>>173 อย่างที่เคยบอกไป วรรณกรรมเป็นเงาสะท้อนสติปัญญาของคนในสังคม
>>174 ก็จริงว่าเราไม่สามารถรับรู้ความงามของภาษาต้นฉบับผ่านนิยายฉบับแปลได้หรอก แต่นักแปลที่ดีจะพยายามคงรูปแบบการใช้ภาษาของต้นฉบับไว้ให้มากที่สุดนะ กรณีของนพดลนั่นเห็นว่าแกชอบใช้สำนวนของตัวเองเขียนลงไปแทนใช่ปะ กูเองก็ไม่เคยอ่านงานของมุราคามิหรอก กะว่าจะรอมันได้โนเบลก่อน แล้วจะอ่านงานโนเบลของนักเขียนญีปุ่นให้ครบ
คือก็อยากแนะนำให้ไปอ่านต้นฉบับเหมือนกัน แต่เดี๋ยวจะมีโทรลล์มาบอกให้กูไปอ่านวรรณกรรมโปแลนด์หรือหนังสือฮิตเลอร์อีก แหม่
LN ไทย หรือ LN ยุ่น ถ้า LN ที่มาจาก WN ยุ่น ปรกติแล้วมันมีผู้ดูแลคอยคุมการใช้ภาษาและไม่ให้ออกทะเล
ส่วนของไทยมักง่ายเอา WN มาพิมพ์โดดๆ ห่วยก็ไม่แปลก
>>175 ก็จบ มึงเสนอนิยายแปลมามากมาย กุอ่านแล้วทั้งนั้นแหละไอ้ทีมึงยกมาอะ เนื้อเรื่องน่ะไม่เถียงหรอก แต่ในแง่ความงามทางภาษา กุว่าก็ไม่ได้งดงามอะไรเลย มันก็คือภาษาไทยทั่วๆไปนั่นแหละ
ยกเว้นงานแปลของนพดล หรือ น นพรัตน์ ที่จงใจดัดให้มันออกมาเป็นอย่างนั้นเอง ซึ่งกุก็เฉยๆไม่ได้ซีเรียสตรงจุดนี้
มันสำคัญที่การเปิดโลกทรรศน์ของมึงมากกว่า ซึ่งกุก็ไม่ได้เปิดโลกออกมากลายเป็นมนุษย์จอมเหยียดแบบมึง
>>176 บรรยายฉากเย็ดไม่จำเป็นต้องบอกว่าเอาควยกระแทกเข้าไปในจิ๋มกี่ครั้ง ร้องครวญครางยังไงบ้าง หรือเปลี่ยนมาเป็นท่าอะไร มันยังมีลูกเล่นอื่นๆอีก เช่นการบรรยายแสงเงา กิริยาท่าทางของคู่พระนาง เอาง่ายๆว่า มึงไม่จำเป็นต้องบอกว่าควยพระเอกใหญ่มาก หัวสีชมพูมีน้ำหล่อลื่นเคลือบอยู่ แต่สามารถให้ตัวนางเหลือบมองแล้วแสดงสีหน้าตกตะลึงแทนได้น่ะ
ไม่อ่ะกูอ่านทุกประเภท นิยายจีนแบบสอนให้เหี้ยกว่าพ่อรวยสอนลูก หรือ LN โม่ยๆ กูก็อ่าน
กล้าขายกูก็กล้าซื้อ
แต่ของค่ายเด็กดีกูจะจำไว้ล่ะกัน ว่ากูไม่ควรซื้อ เพราะมันไม่มีคนคุมที่มีคุณภาพพอ = =)/
>>165 มึงไม่ได้อวยก็แล้วไป 555 พอดีเป็นหนังสือรางวัลที่อ่านแล้วรู้สึกโคตร "อี๋"
ซึ่งกูไม่แปลกใจและไม่ปฏิเสธเรื่องที่มันขายดีหรอกนะ แต่ยังไงกูก็ไม่ชอบอยู่ดี
กูมองมันเป็นนิยายขายฝันชนชั้นกลางแบบกลวงๆ ซึ่งพอมันมีตลาดคนชอบแนวนี้รองรับบวกกับกระแสจากการได้รางวัลมันก็เลยขายดี แค่นั้นแหละ
>>176 บางคนเค้าวิเคราะห์กันว่าเป็นเพราะวัฒนธรรมไทยทำให้คนเก็บกด เลยต้องมาลงกับการแต่งแล้วเอาความเป็นวรรณคดีมาบังหน้า
ที่กูเสียใจคือกาพย์เห่เรื่ออันนึงที่กูชอบมากโดนด่าเหมารวมไปด้วยทั้งที่ไม่มีฉากเย็ดเลยแท้ๆ คนแต่งแค่พรรณนาว่าคิดถึงหญิงคนรักเฉยๆเอง
บัณฑิตเที่ยงคืนครับของดี ตอนเาของหมามาต่อนี่พีคมาก เย็ดกันมันสุดๆ
>>185 กุเทียบจากนี่นะ https://www.dek-d.com/writer/publish/?page=1
แต่นิยายแนวนี้ ไม่ใช่แบบที่กุชอบอยู่แล้วน่ะนะ
คือถ้ามันเกี่ยวข้องกับงานพิมพ์นิยายเด็กดีขาย กุก็แอบเห็นใจที่ต้องมาทำหรือยุ่งกับนิยายอะไรแบบนี้นะ
แต่แม่งโบ้ยทุกอย่างให้ LN แม่งงี่เง่าชิบหายเลย ทั้งที่ยุคนึง ไวท์โรดหรือบารามอสดังแบบหนักมากๆ ขึ้นมาก่อนมี LN ด้วยซ้ำ
>>190 กรีดร้อง ต้องพิมพ์ซ้ำอีกใช่ไหม
เมื่อก่อนมันไม่เลวร้ายขนาดนี้ พล็อตเดิมๆบ้าง (แนวโรงเรียน) ตัวเอกซูบ้าง พอรับได้ แต่พอกระแสไลท์โนเวลเทพทรูฮาเร็มมา มันทำให้ทุกเรื่องกลายเป็นแนวเทพทรูฮาเร็มหมดเลยโว้ย ประมาณว่าพระเอกแนวโรงเรียนแทนที่จะเย็นชา เก่งแบบซูๆ แม่งขูดบัตรเติมเงินเพิ่มไปกลายเป็นอภิมหาเทพทรูแทน แถมคนก็ชอบแบบนี้ด้วย ถึงขนาดที่ว่าถ้าไม่เทพทรูไม่อ่าน ตัวเอกตกระกำลำบากก็ไม่อ่าน
>>171 แสดงว่าต่อให้เนื้อเรื่องจะเหี้ยแค่ไหน แต่ถ้าภาษาดีมึงก็โอเคสินะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คนอ่าน LN กับไม่อ่าน ภาษาที่ใช้มันก็ไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่หรอก ถ้าเด็กที่อ่าน LN มันอยากก้าวเข้าสู่เส้นทางนักเขียนหรือทำงานที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาให้ถูกต้อง เดี๋ยวมันก็ปรับปรุงภาษามันเองแหละ
แต่ถ้าไม่ได้มาเส้นทางนักเขียน กูว่าเขียนภาษาไทยให้ถูกกับเขียนให้อ่านรู้เรื่องก็พอแล้ว ไม่ต้องการการพรรณนาให้มากความหรอก
เคสของ LN เนี่ยกูว่าไม่ถือว่ามีผลกระทบต่อการใช้ภาษาหรือค่านิยมในสังคมมากกว่าเคสอื่นๆที่เคยมีมาก่อนเท่าไหร่ (อย่างนิยายแจ่มใสสมัยก่อนเงี้ย) ซึ่งกูเห็นคนที่ตอนเด็กอ่านนิยายแจ่มใส พอโตขึ้นรสนิยมเปลี่ยนมันก็ไปหานิยายที่มันคิดว่าเนื้อเรื่องและภาษาเหมาะสมกับวัยอ่าน การใช้ภาษาที่แต่ก่อนอาจวิบัติมาเต็มก็เริ่มปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะงั้นมึงไม่ต้องเป็นห่วงอนาคตของเด็กไทยมากนักหรอก
ภาษาถ้าสละสลายเกินไป แต่ไม่ได้เหมาะกับโครงเนื้อเรื่อง มันก็สุดโต่งเกินไป
แนวเทพทรู ฮาเรม แต่ใช้คำพรรณาแบบ คุณนพดล แปล twilight เอ่อ... อันนี้ไม่เข้าท่าล่ะ
>>191 ไม่รู้ แต่ไหนแต่ไรกุก็ไม่เคยเข้าไปอ่านเด็กดี ตอนเวบเปิดตัวเป็นช่วงเวลาเดียวกับ สนพ bliss เปิด ซึ่งกุก็เบนเข็มไปอ่านงานแปลญี่ปุ่นทันที กุไม่เคยคิดจะเข้าไปอ่านนิยายเว็บนี้แต่แรกอยู่แล้ว กุรับรู้ได้ตั้งแต่ตอนนั้นว่านิยายที่เด็ก (เด็กวัยไล่เลี่ยกุนั่นแหละ) เขียนแม่งไม่เข้าท่าแน่นอน มะเร็งแน่นอน
กุก็ไม่เข้าใจว่ามึงจะไปยุ่งกับเวบนั้นทำไม จนมะเร็งกัดกินสมองจนมึงป่วยเป็นโรคเหยียดได้ขนาดนี้ เคยอ่านตอนสมัยยังเรียน? ก็แล้วมึงจะไปอ่านทำไม shit taste ตั้งแต่เห่อหมอยเหรอ? หรือ เพราะต้องทำงานที่เกี่ยวกับนิยายจากเวบนั้น? มึงหัดเลือกงานหน่อยก็ดีนะหรือไม่ก็ไปบริหารจัดการความคิดและสุขภาพจิตใหม่ ไม่ใช่เจอมลพิษแบบนั้น (ซึ่งกุไม่แปลกใจหรอก เห็นใจหน่อยๆด้วย) แล้วมาอาละวาดที่นี่
>>192 เมื่อกี้พิมพ์สั้นไปหน่อย เขียนให้ยาวขึ้นไปว่า นอกจากดูภาษาแล้วก็ต้องดูการสื่อความหมายด้วย
การสื่อความหมายคืออะไร? มันก็คือว่างานเขียนเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไรไปยังคนอ่าน การเขียนนิยายไม่ควรเป็นแค่เรื่องเล่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพียงอย่างเดียว มันควรที่จะต้องมีประเด็นแฝงอยู่ด้วย ตัวอย่างง่ายๆ คือกรณีของนิยายแนวผู้กล้าปราบจอมมาร มันไม่ควรเป็นแค่ผู้กล้าโชว์เทพอัดจอมมารตายใช่ไหม มันควรจะเล่นที่ประเด็นอื่นด้วย เช่น ผู้กล้าเป็นคนขาวสะอาด 100% จอมมารเป็นคนเลว 100% จริงหรือ หรืออาจพูดถึงเรื่องเบสิกที่สุดอย่างพลังแห่งมิตรภาพ การเชื่อใจเพื่อนอะไรงี้ก็ได้ ซึ่งกูมองว่างานเขียนโดยส่วนใหญ่มันก็มีอะไรทำนองนี้แฝงอยู่นั่นแหละ เพียงแค่ว่าเรื่องไหนจะสามารถแสดงแนวคิดที่น่าสนใจออกมาได้อย่างสมูท (ไม่ใช่การจับยัดลงไปดื้อๆ) ก็เท่านั้นเอง
>>193 ถ้ามึงคิดอย่างนั้นได้ก็ดี หลังจากกำจัด LN ออกจากประเทศไปได้ ก็อย่าลืมไปกำจัดนิยายอื่นๆที่ภาษาแย่ๆหรือเนื้อเรื่องแย่ๆด้วยล่ะ ลำพังกำจัดแค่ LN ไม่พอให้เด็กหันมามีรสนิยมหรือการใช้ภาษาที่ดีขึ้นได้หรอก ถ้าไม่ไปหาอย่างอื่นทำแทน มันก็ไปหาอ่านอันที่เหลือที่ไม่โดนกำจัดนั่นล่ะ
ถ้ามึงริจะกำจัดนิยายที่เป็นเนื้อร้าย ก็อย่าได้พุ่งเป้ามาที่ LN อย่างเดียว เพราะมีนิยายอย่างอื่นที่แย่ตามมาตรฐานของมึงให้เห็นตามร้านหนังสืออยู่ตำตา ถ้ามุ่งแต่ที่ LN อย่างเดียว แต่เว้นอันอื่นไว้ คนก็จะคิดว่ามึงเป็นแค่โทรลที่เข้ามาป่วนเฉยๆ ไม่สามารถคล้อยตามมึงได้หรอก
>>198 ก็มันเป็นนิยายสืบสวนนี่หว่า มันก็ต้องไขขดีไปตามเรื่อง แถมส่วนใหญ่เป็นแนวจบในตอนด้วย แต่มันก็ยังแฝงข้อคิดต่างๆ ไว้ในตอนนะ อย่างมีบางตอน(จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว) ที่โฮล์มส์ยอมปล่อยคนผิดไป โดยบอกวัตสันว่ากูไม่ใช่ตำรวจ หรือการพูดถึงสาเหตุและปูมหลังของฆาตรกร ว่าทำลงไปทำไม อย่างตอนที่ข้าหลวงอังกฤษ(เรียกงี้เปล่าวะ)ทำซองจดหมายหาย แล้วปรากฎว่าเมียของมันเองแหละที่แอบเอาไปให้ชู้ โดยไม่รู้ว่าชู้เป็นสายลับ อันนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความว้าเหว่ของตรีชั้นสูงในอังกฤษนะ
>>202 ก็มึงชอบบ่นไงว่างานเขียนไม่ควรเป็นเรื่องเล่าของ ใคร ทำอะไรที่ไหน อย่างไร
บ้าป่าววะ เพ้อเจ้ออะไรของมึง ถ้าไม่มี ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แล้วมันจะเกิดเป็น "รูปประโยค" ขึ้นมาได้ยังไง
ถ้าพูดว่ามันควรมีประเด็นแฝงให้ขบคิดอยู่บ้างหรือสามารถทำ literature review ได้ เดียวก็จบแล้ว
Lnมันก็เหมือนกับนิยายทั่วไปอะแหละ มีดีมีห่วยเหมือนกัน อย่างน้อยกูก็ให้ราคาlnมากกว่าพวกนิยายแจ่มใสโง่ๆหลายขุมว่ะ ส่วนประเด็นแฝงมันก็แล้วแต่เรื่องรึป่าววะ อย่างสาววรรณกรรมเล่ม2มันก็ใส่ประเด็นเรื่องการแก้แค้นไว้ได้ถึงอารมณ์อยู่ รึcop craftที่สะท้อนภาพในแง่ประเด็นผู้อพยพและวัฒนธรรมที่แตกต่างจนไปสู่ความขัดแย้งได้เนียนอยู่นะ
เอาใหม่กุยกเควนิยายสืบสวนมา เพราะจุดเด่นของแนวนี้มันก็คือเน้นที่ ใคร(ฆาตกร) ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร นั่นแหละ เน้นแค่นี้เลย เอาแต่นี้แหละ ก็เรียกว่าเพียงพอแล้ว แต่กุรู้ว่ามึงไม่ค่อยจับแนวนี้ใช่มั้ยละ
ดังนั้นมึงจะมีคิดตีขลุมไปทุกอย่างไม่ได้ โลกนี้มีหนังสือหลากหลาย แต่ละอันมีจุดเด่นของมันเอง มีประเด็นให้ถกกันได้อยู่ ไม่ควรไปตั้งแง่รังเกียจรุนแรง
วันเดียวสองร้อยกว่าเมนท์...ไม่คิดว่ากระทู้นี้จะมาไกลขนาดนี้
นอนแล้วนะ ฝันดีครับทุกคน
กูไม่คิดว่าความสวยงามของภาษาจะมีส่วนช่วยเหี้ยไรในชีวิตประจำวันเลยว่ะ ไม่คิดว่าแม่งจะมีความจำเป็นอะไรด้วยซ้ำถ้าเกิดมึงไม่ได้เรียนหรือทำงานสายนั้น กูว่าเรื่องความงามทางภาษาเป็นเรื่องไร้ค่ามากสำหรับสังคมตอนนี้ แค่ใช้ภาษาให้ถูกต้องก็พอแล้ว มันไม่ได้มีค่ามากถึงขั้นที่ต้องให้สังคมเจียดเวลามาแก้ไขว่ะ เสียใจด้วยนะปื๊ด บิบิ
เห็นพูดถึง "ปิ๊ด" อยู่บ่อยๆ คืออะไร คือใครฟะ กุไม่เก็ต
ไอ้ปื้ดแม่งโดนแบนไปแล้วเหรอวะ555555 สมน้ำหน้า แม่งคงไม่รู้ว่าแอดโม่งก็อ่าน ln
มันเงียบไปก็ดีแล้ว จะได้อยู่กันสงบๆ เสียที
รสนิยมดีซะเปล่า เสือกทำตัวเหมือนพวกหมอสอนศาสนาสมัยล่าอาณานิคม
ไอ้ปื้ดคือใคร??
>>224 แปะให้มึงดู >>>/meta/3581/190
ทำไมพวกมึงชอบไปไล่เค้าจัง
ห้องlnพอแยกมาแล้วร้างชิบหาย นานๆจะมีสิ่งบันเทิง
ขาดไอ้หมอนี่ไปแล้วจะรู้สึกเหมือนนิยายที่ไม่มีตัวร้าย เหมือนเกมที่ไม่มีลาสบอส เหมือนกินซาลาเปาไม่เจอไส้
มาก็แจ้ง ง่ายๆ
>>226 ตัวร้ายแบบนี้เหมือนพวกลูกกระจ๊อกที่เสือกไม่ยอมตาย ตามมากวนตีนไปเรื่อยๆทั้งเรื่อง กูว่ามันน่ารำคาญมากกว่าเป็นสีสันนะ ตลกก็ไม่ตลก
ไอ้โม่งขยะวรรณกรรมคนก่อนยังโชว์เหนือเอาหนังสือที่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จักมาอวดภูมิได้ (ถึงมันจะเกรียน search มาไม่ได้อ่านเองก็เถอะ)
>>228 หือ การ search หนังสือที่ไม่เคยอ่านมาอวดเนี่ยมันเป็นการ "โชว์เหนือ" เหรอวะ งั้นถ้ากูบอกว่ากูเคยอ่านมาทุกเรื่องบนโลกแล้วก็ได้สิ พอพวกมึงถามมา กูก็เอาไปกูเกิ้ลแล้วมาตอบ ถถถถ ตรรกะเหี้ยอะไรวะ
คือกูกวนตีนตรงไหนเหรอ? ถึงพวกมึงจะอ้างว่าการโจมตีไลท์โนเวลเป็นการด่ากราด(?) แต่กูก็คิดว่ากูไม่เคยเรียกพวกมึงเป็นไอ้อีหยาบๆคายๆ อะไรเลยนะ มิหนำซ้ำยังพยายามใช้เหตุผลกับพวกมึงด้วย
แต่ก็ยังงงอยู่ดีว่าการที่กูแสดงจุดยืนว่าไม่พอใจไลท์โนเวลมันเป็นการด่ากราดยังไง มันก็เหมือนกับการที่กูบอกว่ากูไม่ชอบฮิปฮอป/ฮิปฮอปมันแย่ เพราะ... นั่นแหละ คือกูพูดถึงฮิปฮอปโดยรวม และบอกว่ามันส่งผลยังไงๆ ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า เพลง A ที่เป็นแนวฮิปฮอป มันดีหรือไม่ดียังไงสักหน่อย แบบนี้ก็เป็นการด่ากราดเพลงฮิปฮอปเหรอวะ?
ไอ้คนนี้ตัวมันเองยังอ่านสารพัดแนวเลย ภารกิจรักสายลับ ราชัน ยัน ln
แล้วจะไปทำให้เด็กยุคใหม่อ่านแต่วรรณกรรมน้ำดีได้ยังไง
>>229 >>>/meta/3581/190 อ่านบ้างมั้ย
>>231 การที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ต่างฝ่ายต่างก็ต้องแสดงจุดยืนของตัวเองก่อนไม่ใช่เหรอครับ? แล้วถ้ามีคนยอมละทิ้งจุดยืนของตัวเอง ถ้าไม่ได้แพ้ราบคาบ ก็คงเป็นเพราะการแลกเปลี่ยนนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์กระมัง
และถ้าจุดยืนนั้นมันเปลี่ยนไปมาได้ ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ อาจแปลว่าคนๆนั้นไม่ได้มีหลักคิดอะไรเลย เผลอๆ อาจไปถึงขั้นแถ หรือเป็นแค่โทรลล์ที่คอยป่วนเท่านั้น
ตามรังควาญอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่แอดมินวินิจฉัยพฤติกรรมแล้ว ก็ไปแจ้งแอดมินเลยเหอะ
>>233 อันที่จริงก็คิดว่ามีการสร้างประเด็นที่เกิดประโยชน์เยอะนะ อย่างบนๆ ก็มีพูดกันว่า จะทำยังไงเด็กไทยถึงจะหันมาอ่านหนังสือดีๆ หรือ งานเขียนดีๆ ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง จะมาบอกว่าไม่มีการสร้างประเด็นอะไรมันก็ดูจะดิสเครดิตเกินไปหน่อยไหมล่ะ
ก็ยังยืนยันคำเดิมว่ากูมาถูกห้องนะ ไม่เคยฟลัดกระทู้ และไม่เคยไปยุ่งไปป่วนกับกระทู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอื่นเลย อย่างกระทู้ของไลท์โนเวลเรื่องอื่นๆ ที่ตั้งแยกกันอยู่ข้างล่างก็ไม่เคยไปป่วน ไม่เคยไปไล่ด่าใครหยาบๆคายๆ หรือขุดประวัติใครขึ้นมาพูดเสียๆหายๆ การแสดงความคิดเห็นของกูทั้งหมดตั้งอยู่บนหลักเหตุและผล อธิบายว่าการที่เด็กเสพไลท์โนเวลจะส่งผลอย่างไรต่อวงการวรรณกรรมของบ้านเรา แต่ก็ยังมีหลายๆคน ที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นผู้คุมกฎ หรือเพราะไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาโต้ได้ นอกจาก name calling ไอ้ปื๊ด ไอ้นู่นไอ้นี่ไปวันๆ ที่แจ้นไปฟ้องถึง meta
ก็เอาเถอะ แสดงความบริสุทธิ์ใจและชี้แจงทั้งหมดไปแล้ว จะตัดสินยังไงก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแอดมิน จะแบนเพราะคนห้องนี้รับไม่ได้ที่ไม่สามารถโต้แย้งด้วยเหตุผลได้ (เลยทำให้เสียบรรยากาศ) ก็แล้วแต่อะนะ
>>229 สำหรับกู กูถือว่ามันมีประโยชน์กว่ามึงเยอะนะ อย่างน้อยก็แนะนำหนังสือให้คนอื่นไปในตัว อย่างมึงทำเหมือนตัวเองอ่านมาเยอะกว่าคนอื่น
แต่เอาหนังสือมาอวดแต่ละเล่มมีแต่เรื่องที่ใครๆก็รู้จัก แล้วก็แผ่นเสียงตกร่องอยู่แค่ว่าแค่นี้ก็โคตรเทพแล้ว คนอ่าน LN ไม่รู้จักหรอก
กระจอกมากว่ะ จะโทรลทั้งทีพยายามให้มันมากกว่านี้หน่อยเถอะ พยายามหลอกให้คนอื่นคิดว่ามึงฉลาดกว่านี้รู้เยอะกว่านี้บ้างก็ได้
จะทำยังไงเด็กไทยถึงจะหันมาอ่านหนังสือดีๆ หรือ งานเขียนดีๆ ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ประเด็นนี้ไม่สมควรอยู่ห้อง ln แต่ควรอยู่ห้อง lit
อ้อใช้ อ่าน
ความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคล
ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะขานชื่อหรือโจมตีบุคคลเพียงเพราะอีกฝ่ายชอบในสิ่งที่ตนไม่ชอบ และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะข่มอีกฝ่ายด้วยสิ่งที่ตนชอบ เพราะการทำเช่นนั้นช่วยได้เพียงแค่ทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มคนที่ชอบตกต่ำลงไป รวมถึงในทางกลับกัน ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ อีกเช่นกัน ที่จะทำเช่นเดียวกันเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่ชอบในสิ่งที่ตนชอบ
มือไวไปหน่อย ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจจะฟลัดกระทู้นะ แต่มันอดรู้สึกตะหงิดๆ ใจไม่ได้
คือที่ netwatch เนี่ย สามารถลากคนนู้นคนนี้มานินทาได้ ไม่ว่าจะเป็นเลเยอร์ นักร้อง ดารา เน็ตไอดอล บลาๆ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดที่กล่าวมาเนี่ย มันก็ต้องมีแฟนๆ หรือคนที่ชื่นชอบอยู่เหมือนกัน(ไม่ต่างอะไรกับไลท์โนเวล) แล้วทำไมในกรณีของไลท์โนเวลเนี่ยมันถึงพูดถึงไม่ได้ พูดแล้วเหมือนว่าจะมีคนเดือดร้อนมากกว่าแฟนๆของเลเยอร์ แฟนๆของจ่าดราม่า มันมีอะไรเป็นพิเศษเหรอ?
และต้องให้เตือนความจำไหมว่า จริงๆแล้วเรื่องไลท์โนเวลเนี่ยมันเกิดขึ้นมาจากกระทู้นินทาเด็กดีใน netwatch นะ มันอยู่ในหัวข้อที่นัวๆ ประมาณว่าทำไมนิยายในเด็กดีมันถึงกาก มีแต่เทพทรูฮาเร็ม
>>238 ถ้าทำแบบนั้น ก็ให้ไปเสิร์ชกูเกิ้ล "หนังสือที่ควรอ่านก่อนตาย" "หนังสือหายาก" "หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าดี" ไม่จบเหรอ
ที่ยกตัวอย่างงานเขียนอมตะพวกนั้นขึ้นมา ก็เพราะว่าเป็นหนังสือที่หาอ่านได้ง่าย มีการพิมพ์ซ้ำหลายรอบ และมีการแปลไทย (สำหรับคนที่อ่านภาษาอังกฤษไม่แตกฉานจะได้รู้เรื่องบ้าง) คนที่ยังไม่เคยอ่านจะได้สามารถไปหยิบได้ตามร้านหนังสือทั่วประเทศ ไม่ใช่ว่าต้องไปยกนิยายที่เขียนด้วยภาษากรีกหรือภาษาโปล เพื่อชูคอให้เห็นว่าตัวเองเทพ แต่คนอื่นไม่สามารถไปตามหาอ่านได้ (อย่างเก่งก็คือหาโหลด pdf เอา และไม่น่าจะมีภาษาไทย) แบบนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร
>>241 netwatch ถูกสร้างขึ้นมาเป็นถังขยะสำหรับรองรับการนินทาคนและเว็บไซต์
ห้อง ln ถูกสร้างมาการพูดคุย ln โอเค ก็มีด่าว่าเรื่องนี้ห่วยนู้นนี้นั่น แต่สำหรับมึงคือด่ารวมและก็ไม่ได้คุยประเด็นอะไรนอกจาก
ln มันแย่วะเพราะ x y z เลิกอ่านแล้วไปอ่าน a b c กันดีกว่า
ln ทำเด็กไทยเสียวะ เลิกซื้อเหอะ
ถ้าโดนแบนแล้วยังรีพลายได้ก็บอกกันด้วย
>>241 เพราะไอที่เค้านินทากันในnetwatchอะ มันคือfactไง เช่นไอนี่เคยทำ....มานะ ไอนี่เคยไปแย่งแฟน...มานะ ไรงี้(แต่ถ้าเป็นไอนี่แม่งเหี้ยมาก ก็ถือว่าแม่งเป็นการด่าไป)ส่วนของมึงอะแม่งopinionล้วนๆ มึงไม่ได้มีหลักฐานรองรับห่าไร่เลย ไม่มีกระทั่งสถิติ มึงไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าถ้าไม่มีlnแล้ววรรณกรรมในไทยมันจะสูงส่งขึ้นมาได้จริงๆ พวกกูถึงได้บอกไงว่ามึงแค่นั่งมโนไปเองว่าlnเป็นต้นตอของความกระจอกของวงการวรรณกรรมไทย
แต่ถ้ามึงคิดว่ามึงสามารถช่วยเหลือวงการวรรณกรรมไทยได้โดยการมานั่งพล่ามในโม่งนี่กูก็ไม่ว่าอะไรมึงนะปื๊ด555
การรณรงค์ไปถึงไปนแล้ววะโม่ง วงการนิยายพัฒนาขึ้นมาหรือยัง จะสามร้อยเม้นแล้ว
โหลๆ กูไม่ได้อ่านกระทู้ช่วงท้ายนะ ไม่แน่ใจว่ากูจะหลงประเด็นอะไรรึเปล่า แต่ช่วงต้นๆกระทู้ที่กูอ่านมา กูมองมึงแบบนี้หวะ
มึงเป็นคนที่ปกติเล่นฟุตบอลสนามใหญ่อยู่ แล้วไปเห็นคนเล่นฟุตซอลกันเยอะ มึงเลยไปบอกเขาว่า "พวกมึงเล่นฟุตซอลกันทำไมวะ วิ่งกันสนามเล็กๆแค่นี้มันจะได้ประโยชน์อะไร มึงต้องมาวิ่งสนามใหญ่ๆแบบกูนี่ถึงจะได้ออกกำลังกาย ร่างกายแข็งแรง" จากนั้นก็ชี้ไปที่กลุ่มเด็กๆที่มันเตะบอลกันที่ทางเดินหน้าห้องเรียนแล้วก็บอกว่า "มึงดูดิ เพราะพวกมึงเล่นฟุตซอลกันเยอะ เด็กมันเห็นมันเลยทำตาม เล่นบอลแค่ในทางเดินแคบๆหน้าห้องเรียน ไม่ยอมมาเตะที่สนามใหญ่ มันไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายซักนิดเลย" แล้วก็แซะต่อไปว่า "แล้วมึงก็ดูดิ พวกเด็กประถมพวกนี้สกิลเตะบอลกากๆทั้งนั้น ทั้งหมดนี่เป็นเพราะพวกมึงแท้ๆเลยนะเนี่ย"
เอาตรงๆเลยคือที่มึงทำอยู่มันโคตรไร้สาระเลยน่ะ
ไม่ต่างกันหรอกน่า สุดท้ายถ้าคนมันเตะกันแต่ฝาขวดน้ำ ไม่มีใครไปเตะสนามใหญ่ พวกสนามดีๆมีคุณภาพมันก็ต้องเจ๊งไปหมดนั่นแหละ
แต่การที่มึงมาห้ามไม่ให้คนอื่นเตะฝาขวดน้ำมันก็ไม่ถูกอยู่ดี
ไม่ๆๆๆ มึงต้องบอกว่าคนในวงการฟุตบอลอิจฉาที่เตะฝาขวดแย่งคนดูไปด้วยเว้ย
อ่อนแอก็แพ้ไป
เปย์ไหวก็ทำต่อไป
มึงต้องมองอีกในแง่นึง การเตะบอลสนามใหญ่เพราะ มันมีคนชี้บอกว่าดีคือสิ่งที่ถูกต้อง เหมือนกับวรรณกรรมน้ำดีที่มึงบอกว่าดีจรรโลงโลกสารพัด มันเป็นการชี้นำของคนยุคก่อนที่อ้างตัวเป็นปราชญ์หรือบัณฑิตตีกรอบให้กับความคิดพวกมึงว่านี่คือดีนี่คือเลว
เหมือนกับการไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษไหว้พระตักบาตรที่ยังทำกันต่อไปเกิดประโยชน์หรือไม่แล้วแต่คนจะตีความ
ถ้าบังเอิญการเตะฝาขวดมันเกิดก่อนการเตะบอลสนามใหญ่ จัดแข่งเตะฝาขวดเวิลคัพสี่ปีครั้ง แล้วมีพวกที่ไปเตะบอลสนามใหญ่แม่งก็จะโดนดูถูกเช่นกันว่าไม่คลาสสิค ชั้นต่ำ บลาบลา
เงียบเลย โดนแบนไปยังวะ
กูเพิ่งมาอ่านนะ คิดว่ามันมีจุดที่พิลึกๆ ของมันอยู่ ถามว่าโทรลมั้ย ก็กึ่งๆ นะ มันจะพูดวนๆ จนมึงมึนไปเอง
แล้วก็ชอบยกอะไรสักอย่างมาเบี่ยงประเด็นให้เป็นตัวแทงค์ แล้วมันก็หลบไปห่างๆ ปล่อยให้พวกมึงรุมอัดแทงค์ไป
ถ้ามันโทรลจริงกูว่าก็เป็นโทรลที่มีความอดทนมากเลยนะ
โทรลจริงจัง แถมแรกๆ ก็ไปป่วน netwatch มาแล้วหมอไม่รับเย็บ เห็นที่นี่เงียบๆ หน่อยเลยใส่ใหญ่
ลักษณะการโทรลแบบนี้มันเหมือนลายเซนต์ติ่งเด็กดียุคก่อนน่ะ ยกตัวเองให้ดูดีแล้วด่ากราด เหมือนมนุษย์ป้าหมดประจำเดือน
พอคนอื่นไม่เห็นด้วยก็จะเริ่มเบี่ยงประเด็น ซักพักก็ด่าใหม่วนไปวนมา
ติ่งเด็กดีมักเป็นแบบนี้เหรอวะ กุสะพรึงจริงๆนะเนี่ย
>>262 เบี่ยงประเด็นตรงไหนวะ กูพูดอยู่เรื่องเดียวว่าการอ่านไลท์โนเวลมันทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนาระดับภาษาได้ ต่อไปมันก็จะอ่านงานเขียนดีๆไม่รู้เรื่อง กลายเป็นบอกว่างานดีๆ ไม่สนุก สุดท้ายก็จะมีแต่ไลท์โนเวลครองเมือง งานอื่นๆ พานล้มหายตายจากไปจากบรรณพิภพกันหมด
กูเบี่ยงประเด็นตรงไหนวะ มีแต่พวกมึงๆ ที่พยายามจะให้กูยกตัวอย่างหนังสือนู่นนี่ จนลามมาถึงเตะฟุตบอลฟุตซอลห่าเหวอะไร มึงอ่านยังไงถึงเห็นว่ากูเบี่ยงประเด็น หรือเพราะอ่านไลท์โนเวลมากไปเลยอ่านอะไรแบบนี้ไม่แตก?
แล้วไป netwatch หมอไม่รับเย็บตรงไหนวะ ที่มาที่นี่ก็ไม่ใช่เพราะคนที่นี่เงียบๆ แต่กูพูดเรื่องไลท์โนเวล ก็มาที่ห้องไลท์โนเวล มันไม่ถูกเหรอ แต่ตลกดีที่พอมาแล้วก็มีคนงอแง หาว่ากูมารบกวนบรรยากาศอีก (ทั้งที่จริงๆก็แค่หาข้อดีของไลท์โนเวลมาไม่ได้ นอกเหนือจาก สนุก เบาสมอง ถถถ)
>>267 ถ้าคิดว่ากูเบี่ยง ไหนลองบอกมาซิว่าจริงๆแล้ว ประเด็นของกูในเรื่องที่พูดมาทั้งหมดนี่คืออะไร
ถ้ามึงตอบไม่ได้ ก็แปลว่ามึงไม่รู้ว่าประเด็นคืออะไร ถ้าเป็นอย่างนั้นจะรู้ได้ยังไงว่ากูเบี่ยงประเด็นรึเปล่า ถถถ
แต่เชื่อเถอะ เดี๋ยวก็ต้องหาว่าเม้นนี้เบี่ยงประเด็นอยู่ดี
แล้วมึงคนเดียว (กูไม่คิดว่ามึงมีกลุ่ม) จะเปลี่ยนวงการ LN ทั้งประเทศ (และอาจจะต้องรวมนอกประเทศด้วย) ได้เหรอ
พูดแล้วก็ย้อนเข้าตัวไม่ใช่รึไงวะ...
สุดท้ายมึงก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ได้แต่เห่าสร้างความรำคาญให้คนอ่าน LN แถวนี้ ซึ่งไม่ใช่ประชากรคนอ่าน LN ทั้งประเทศด้วยซ้ำ
>>264 เดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าประเด็นแรกที่ด่าคือด่าพล็อตกับด่าความเทพทรูฮาเร็มของ LN หนิ แล้วเปลี่ยนเป็นเรื่องระดับภาษาได้ไงน่ะ
แล้วขอโทษนะ ระดับภาษาของ LN ไม่สูงมากก็จริง แต่ระดับภาษาของวรรณกรรมทั่วไปทั้งนิยายไทยและนิยายแปลก็ไม่สูงไปกว่านั้นซักเท่าไหร่หรอก พวกระดับภาษาสูงหน่อยก็โน่น งานจักร ๆ วงศ์ ๆ เช่นงานของลักษณาวดี หรือเรื่องศิวาราตรีของพนมเทียน ซึ่งภาษาระดับนี้ต่อให้เป็นนักอ่านที่อ่านมาจนเชี่ยวชาญแล้วก็ยังต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่ดี
ระดับภาษาในภาษาไทยมันไม่ได้แตกต่างกันซักเท่าไหร่หรอก ไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่ระดับภาษาแยกระดับการศึกษาได้ชัดเจน จะว่าไป มังงะหรือ LN แปลอิ๊งเอง บางเรื่องคนแปลก็บ้าพลังใช้ศัพท์ยากก็มี ดังนั้นมันไม่เกี่ยวกับระดับภาษาเลยซักนิด
>>276 ประเด็นแรก(หรือจริงๆคือประเด็นเดียว) คือ "ไลท์โนเวลทำลายวงการวรรณกรรม" ส่วนเรื่องแนวเทพทรูฮาเร็ม เป็นสับเซ็ตของประเด็นนี้ (ขยายว่า ทำไมมันถึงทำลายวงการวรรณกรรม - เพราะคนอ่านเคยชินกับการที่พระเอกเก่งเทพ ถ้าค่อยๆเก่ง หรือตัวเอกมีปมหนักๆ จะไม่อ่าน) เช่นเดียวกับ "การอ่านไลท์โนเวลมันทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนาระดับภาษาได้" อันนี้ก็เป็นสับเซตของประเด็นหลักเช่นเดียวกัน
>>279 กูเข้าใจนะว่าคนเรามันก็มีหลายประเภท บัวก็มีหลายเหล่า มึงคิดแทนคนอื่นเกินไปหรือเปล่าว่าเขาจะทำแบบเดียวกับมึง อาจมีคนอื่นที่อ่านแล้วคิดได้ก็เป็นได้นะ
ต๊าย เถียงกันมาถึงป่านนี้ยังไม่รู้ตัวอีกเรอะว่าไม่มีใครเอากับมึงสักคน
งั้นกุมาช่วยลงความเห็นในฐานะโม่งคนนึงในห้องนี้ (ที่มีไม่ถึง20ตัว?) ว่ากุจะเสพ LN ต่อไป ถ้าเพื่อนกุมาให้กุแนะนำนิยายสนุกๆ กุก็จะแนะนำLNดีๆให้ด้วย
ปล.กูว่ามึงชอบติดฉลากให้คนดีนะ คนที่อยู่ข้างมึงคือคน"ใฝ่ดี" ส่วนอีกฝั่งคือ"รสนิยมต่ำ"
>>286 มึงไม่ได้ยอมรับอะไรเลยตะเบงจุดยืนของตัวเองอย่างเดียว จะมีใครเถียงมึงได้(แล้วมึงต้องการเถียงไรวะ ln ทำลายวงการควรหายไปเหรอ กูก็จะตอบว่ามันเป็นงี้ก่อน ln มา ln หายไปก็ไม่ช่วยอะไร) อะเปิดเลย จะมีใครเข้าข้างก็เชิญเลย ไม่เล่น ไม่ด่า ไม่ว่าอะไรเลย เชิญ
>>280 เอาจริงไอ้ไม่เทพ ไม่อ่านนี้มันก็ตั้งแต่สมัยบารามอสแล้วนะ ไม่ต้องมาโทษ ln หรอก บอกแล้วว่าอยากเปลี่ยนก็ไปทำตัวเป็นครูสอนเด็กดีกว่าโวยวายในบอร์ดโม่งที่มีไม่ถึง 30 คนหรอก
เถียงขึ้น? ไปๆมาๆ ก็คือจะเอาแพ้ชนะเหรอวะ...
จุดยืนพวกกูคือ "ก็จะอ่านต่อไปอยู่ดี อย่าเสือก" ไม่ได้ไปงัดข้อแพ้ชนะกับมึงเลย
มีมึงนี่แหละที่เข้ามาชี้หน้าบอกว่าพวกกูใฝ่ต่ำ มึงรสนิยมดีเลิศ พวกกูทำลายวงการ มึงกอบกู้วงการ
ถ้าจะให้พูด กูว่าการที่พวกกูยืนยันว่า "ก็จะอ่านต่อไปอยู่ดี อย่าเสือก" เนี่ย มันชัดเจนแล้วนะว่า "มึง" โน้มน้าวอะไรพวกกู "ไม่ได้เลย"
แล้วในกรณีเนี้ย ที่มึงเป็นฝ่ายบุกเข้าถึงบ้านพวกกูแล้วเห่าโฮ่งๆ ไม่เลิกเนี่ยนะ
มันไม่ใช่พวกกูต้องเถียงหรือไปเปลี่ยนแปลงมึงเว้ย มึงเข้าใจผิดแล้ว
มึงเป็นฝ่ายบุกเข้ามา การที่มึงเปลี่ยนความคิดพวกกูไม่ได้ มึงนั่นแหละแพ้
ส่วนพวกกูไม่ได้ชนะ พวกกูอยู่ของพวกกูเฉยๆ
นี่กลายเป็นพวกกูแพ้เพราะเถียงมึงไม่ขึ้นเรอะ คิดเข้าข้างตัวเองไปกันใหญ่แล้ว ไอ้บ้า อ่านวรรณกรรมชั้นเลิศมากเกินไปจนเพี้ยนเหรอวะ
เข้ามาดูอีกรอบ reply พุ่งอย่างที่คาด
กุบอกแล้วสำเนี่ยงแบบนี้มันติ่งเด็กดีเก่าที่นิสัยไม่ดี ถึงยุคปัจจุบันที่นั่นเค้าก็ยังเมินหน้าหนี
เถียงมันไปก็โวยวายเบี่ยงประเด็นมั่วซั่วตลอดแหละ ไปแจ้งห้อง meta ว่า id ใหม่โผล่
ทำผิดกฏ รอแอดกลับมา จะได้แบนจบเรื่องจบราว
หลักๆ ก็แค่ เบี่ยงประเด็น หาเรื่องด่าอ้อมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
อย่าว่าแต่ 10 คนเลย ห้องนี้กูเห็น online อยู่ก็ ประมาณ 5-6 คนเท่านั้นเองนะ
แล้วถ้าจะมั่วว่าไว้เผื่อคน search อันนี้ดักไว้ก่อน webโม่ง มันไม่ได้เน้นให้ bot ของ search engine อ่านซักเท่าไหร่
ถึงพยายามแค่ไหน google หาไม่ค่อยจะเจอหรอก โพสแบบนี้มันก็เหมือน หลอกด่าคนที่ online อยู่ห้องนี้ไม่ถึง 10 คน
วนไปวนมานั่นแหละ
สภาพคงประมาณร้าน After you คนกำลังแดก Honey Toast อารมณ์ฟินๆ อยู่ดีๆ แล้วมีคนตะโกนลั่นร้าน
ทำไมไม่กินคลีน กินแล้วอ้วน แบบไม่แคร์สื่อ ประมาณนั้น
แล้วเรื่องภาษาส่วนตัวกุทำงานแล้ว สายงานกุ ก็ไม่เห็นว่าภาษาไทยดีไปแล้วจะทำให้ชีวิตการงานก้าวหน้าตรงไหน
หนังสือที่กุซื้อก็ LN เอามาอ่านคลายเคลียสหลังเลิกงาน แค่นั้น
และกุคงไม่เอานิยายน้ำดีซีเรียส ดราม่าจริงจัง ไปอ่าน หลังจากทำงานเครียสๆ หรอก
>>289 นักเขียนทุกคนก็เคยเป็นนักอ่านมาทั้งนั้น ไม่มีใครเป็นนักเขียนได้โดยไม่อ่าน การทำงานเก็บขยะ กวาดถนน หรือปะยาง อาจไม่ได้จำเป็นต้องเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาเท่าไหร่ (ไม่ได้ว่าหรือเหยียดอาชีพพวกนี้นะ แต่มันเป็นความจริงอย่างที่มึงบอกว่าต่อให้เก่งภาษาไทย ก็ไม่ได้ทำให้ก้าวหน้าในสายงาน) แต่สำหรับนักเขียน การใช้ภาษามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากไง และภาษาของนักเขียนเหล่านั้นจะดีไม่ได้เลย ถ้าสมัยเป็นนักอ่านนิยมเสพแต่งานเขียนที่ใช้ภาษาไม่ดีอย่างไลท์โนเวล
รวมไปถึงว่า ถ้านักเขียนคนนั้นแต่เดิมเคยอ่านแต่นิยายคลายเครียด ไม่เคยอ่านนิยายน้ำดีที่มีการวางปม และรูปแบบการดำเนินเรื่องที่เป็นระบบเลย ก็ไม่มีทางที่วงการวรรณกรรมจะเจริญขึ้นมาได้หรอก ดีแต่ส่งต่องานห่วยๆ เป็นวงจรอุบาทว์ต่อไปเท่านั้น
เบี่ยงประเด็นแล้วหาทางเหยียดมั่วซั่วอีกแล้ว
และห้องที่มึงด่าๆ เหยียดๆ นี่มีไม่ถึง 10 คน แล้วห้องนี้มันนักอ่านไม่ใช่นักเขียน ถ้ามึงไปบ่นในเด็กดีก็ว่าไปอย่าง
มาเย้วๆ ในนี้ ก็ไม่ต่างกับด่ากราดมั่วซั่ว และการพิมพ์มึงน่ะเหยียดสายงานชาวบ้านเค้าชัดเจน
>>293 แล้วในอนาคตล่ะ มีใครการันตีได้ไหมว่าจะไม่เกิดคันไม้คันมืออยากเขียนขึ้นมาบ้าง
แต่ไม่พิมพ์เยอะและดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเบี่ยงประเด็นอีก (ทั้งๆที่ตัวเองและพวกก็เป็นฝ่ายลากประเด็นออกไปเองแท้ๆ ทั้งเรื่องการใช้ภาษาไทยกับการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และไล่ให้ไปอยู่ในดงนักเขียน) ประเด็นของผมคือผลเสียของไลท์โนเวลที่มีต่อวงการวรรณกรรมครับ เพราะฉะนั้นอยู่ตรงนี้ไม่น่าจะผิดห้องนะ ไม่งั้นพอยกตัวอย่างใครก็ต้องไปแสดงความคิดเห็นใน netwatch เหรอ หรือพอพูดถึงงานเขียนดีๆ ต้องไป lit และพอพูดถึงนิยายเด็กดีต้องไปห้อง web novel ตลกน่า
เอางี้กูไม่ใช่นักเขียนแน่นอน แล้วโม่งคนอื่นล่ะ
เพื่อนกุเขียนนิยายกากๆลงเด็กดีอยู่นะ ตัวมันไม่เคยอ่านLNเลย หนังสือที่มันอ่านก็มีแค่หนังสือเรียนกับการ์ตูนเท่านั้นแหละ
>>295 ผลเสียของไลท์โนเวลที่มีต่อวงการวรรณกรรม(เอาจริงมึงจงใจเจาะจงที่ผลเสีย ไม่ใช้ ln มีผลยังไงกับวงการวรรณกรรมด้วยซ้ำ มึงต้องการให้ถกเถียงเรื่องอะไรถ้ามึงตั้งหัวข้อมาแบบนี้)
....เอาจริงแล้วมันจะมีผลยังไงวะ ของก็ขายกันคนละแบบ ลูกค้าก็คนละส่วน
อะที่มึงยกมาบ่อยๆคือเด็กอ่าน ln เลยไม่อ่านวรรณกรรม กูก็ควรยกมาว่าต่อให้ไม่มี ln เด็กก็ไม่อ่านอยู่ดี(กูว่ามีคนพูดหลายรอบแล้ว) เพราะความต้องการของเด็กในการอ่าน ln หลักๆคือความบันเทิง ถ้าวรรณกรรมไม่สามารถตอบสนองตรงนี้ได้เขาก็ไม่อ่าน ดังนั้นต่อให้ ln หายสิ่งที่เขาก็ไปหาอย่างอื่นอยู่ดี
แล้วถ้ามึงว่า ln ทำให้เด็กอ่านแล้วแต่งนิยายแย่ๆขึ้นมาเป็นลูปนรก กูก็จะบอกว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยบารามอสบูมแล้ว ตัวเอกโคตรเทพ ภาษาเฮงซวย เนื้อเรื่องแย่ๆ มันเป็นแบบนี้มานานจนมึงจะมาบอกว่าเพราะ ln ไม่ได้
ln จะมีผลแค่แนว(ฮาเร็ม เกิดใหม่ ต่างโลก) พอๆกับที่บารามอสทำให้เกิดแนวรร. ราชาแห่งราชันทำให้เกิดออนไลน์นั้นแหละ
ปล.กรุณาอ่าน หัวข้อ แยกอยู่อย่างเป็นที่เป็นทาง
กูก็ไม่ได้เกลียดมึงนะปื๊ด แต่มึงมาอาทิตย์ละหนเอาวันเสาร์อาทิตย์ที่พวกกูว่างๆดีกว่าวะ จะให้พวกกูมานั่งเล่นกับเด็กทุกวันก็ไม่ไหวนะเว้ย
การที่มึงมาชักจูงคนอื่นโดยมาตะโกนเย้วๆ เหยียดรสนิยมคนอื่น ชูรสนิยมตัวเอง ถ้ามึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะมีคนอยากทำตามที่มึงชักจูงซักคนสองคนก็ปล่อยมึงทำต่อไปแล้วกัน
พวกมึงก็พูดเหมือนมันจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ไปได้ มันก็แค่สร้างคาแรคเตอร์เวอร์ๆเข้ามากวนตีนให้โม่งหัวร้อนเล่นๆเอง
ถ้าอยากทำให้วงการวรรณกรรมดีขึ้นอย่างที่อ้างก็ไปโพสลงพันทิพหรือนายท่านหรือตั้งเฟสหลอกๆแล้วก็แสดงความเห็นไปเลยเหอะ ในนี้คนมันไม่ได้เยอะอะไรมากมาย อยากดังจริงๆก็ไปบอร์ดสาธารณะสิวะ
กุงงชิบหาย คือมึงบอกจะปรับเปลี่ยนวงการนักเขียน แต่สิ่งที่มึงทำคือการมาบ่นใส่บอร์ดโม่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้จักและยังมีคนอ่านในมู้นี้ไม่ถึง10คนเนี่ยนะ
คือจะว่าเป็นสถานที่ที่คนอ่านLNส่วนใหญ่ก็ไม่ใช้ เว็ปของนักเขียนรึก็ไม่อีก บก.ของสนพ.ต่างๆกุว่าไม่น่าเหยียบเข้ามา
ตกลงมันได้ประโยชน์อะไรจริงๆหรือวะ นี่ยังไม่พูดถึงเลยนะว่าตกลงLNมันผิดรึไม่ผิด กุดูแล้วคนที่เถียงๆกันก็หน้าเดิมๆทั้งนั้น และไอ้พวกนี้ไม่เลิกอ่านLNตามที่มึงมาพล่ามอยู่แน่นอน
คือไร้ประโยชน์ชิบหาย นี่คือกุมองแบบเป็นกลางเลยนะ
บก.เข้ามานะ
ถึงขนาดเอาหิ้งโม่งไปโพสหน้าFBมาแล้ว
บก.is watching you
บก. คนไหน สนพ.ไหน เอาอะไรไปโพสต์นะครับ ช่วยขยายความหน่อย
บก.หนังสือพระตำรับโยนี
.
.
.
ปล.กูมั่ว
Dex มั้ง ที่เอาหิ้งโม่งไปทำแคปชั่นประมาณว่า "เหี้ยจนโม่งชม"
จริงๆในโม่งกูว่าคนพวกวงในก็มีแวะเวียนเข้ามากันบ้างเรื่อยๆอยู่แหละมั้ง
แต่ในห้องไลท์โนเวลนี่กูว่ามันเงียบไปจริงๆนะ
dex เคยเห็นเอากฏบัตรไปแชร์อยู่
ที่ยืนยันได้ว่าเข้ามาอ่านแน่ๆ ก็ A+ กับ Dex นี่แหละ
เข้ามาเก็บข้อมูลหรอวะ
ใครกันนะบอกว่าเข้ามาโพสต์เรื่องไลท์โนเวลในนี้มีแค่คนยี่สิบสามสิบคนอ่าน ถถถถ คนที่เขาได้อ่านแล้วจะเกิดอิมแพคก็มีโว้ย อย่าเหมารวมว่าทุกคนในนี้จะต้องเป็นโนบอดี้แบบคุณ ห่า
ไม่อะ กูเป็นซัมบอดี้ในวงการ และกูไม่รู้สึกอิมแพค กูรำคาญ
>>330 ทำไมห้องนี้มีแต่คนอ่านภาษาไทยไม่แตกวะ
การที่แมลงวันบินไปมาแล้วมึงรำคาญเนี่ย ก็แปลว่าการบินฉวัดเฉวียนของมันทำให้เกิดอิมแพคต่อมึงโว้ย
แต่ไม่พูดเรื่องนี้ละนะ เดี๋ยวจะว่าเบี่ยงประเด็นอีก เพราะคนห้องนี้สกิลการอ่านจับใจความต่ำตมมาก คงต้องใช้ประโยคความเดียวในการสื่อสาร ใช้ภาษาซับซ้อนหน่อยก็เริ่มจับประเด็นไม่ถูกละ
ใช่ปื๊ดป่าววะ พอมันไม่พิมด่าlnแล่วแยกไม่ค่ยออก
โดนแบนไปชุดใหญ่ แล้วยังคืนชีพได้อีกเหรอปื๊ด
พวกที่ดิ้นยอมรับไม่ได้ที่คนด่า ln
ในใจลึกๆมันก็แอบยอมรับและรู้ตัวว่า ln มันห่วยจริงๆนั่นแหละ
ถ้ารู้สึกว่ามันดีจริงคงไม่เสียเวลากับความเห็นไร้สาระของคนอื่น
แต่ทำไงได้ ก็เสียเวลากับอะไรโง่ๆมาเยอะแล้ว จะไม่ดิ้นปกป้องเลยก็รู้สึกตัวเองด้อยค่า
"(\__/) | ̄ ̄ ̄ ̄ ̄ ̄ ̄ ̄|
(•ㅅ•) | don feed troll |
/ づ|___________________|"
โซ่ยย่าาาาาาาาา
นอกจากปื๊ดแล้วมีใครมาใหม่อีกวะเนี่ย ไอคนใหม่มึงอยากได้ชื่อไรอะ เอาชื่อจ้อนมั้ย?
พอเหอะน่า อย่าทำให้กระทู้นี้กลายเป็นกระทู้ล่อเป้าของห้องเล้ย ปล่อยให้มันตกๆไปซะ ถ้าไอ้ตัวเดิมมันกลับมา ก็ไปแจ้งเซิร์นเอา เพราะคราวนี้มันคงเย้วๆไม่ได้แล้วว่ามันมีสิทธิแสดงความเห็นแบบนั้นในห้องนี้
https://youtu.be/9U6Aost6hsc
เพลงไว้อาลัยให้ไอ้ปื้ด
ตอนนี้เด็กที่โตมากับนิยายดอกปอบ เข้าสู่วัยทำงาน แฝงตัวเข้ามาอยู่ทั้งในสำนักพิมพ์ต่างๆ บ้างก็ไปเป็นครูที่โรงเรียน และหลายคนตอนนี้ก็ยังเห็นติด #ไปใช้ชีวิตซะ อยู่เลย
ต่อไปอีกสัก 5-10 ปี ก็จะมีเด็กในวันนี้ที่เติบโตมากับไลท์โนเวลเบียวๆ เทพทรู โม่ย กลายมาเป็นคุณครู เฮ้อ ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
แล้วก็จะมีข่าวเหมือนครูในยุ่นไปแต่งครอสเดรสอ่ะนะ
ดีงาม
โทรลขยะวรรณกรรมมันโดนแบนไปแล้วเหรอวะ
แย่จัง
ตัวแรกที่พิมพ์ยาวๆ โดนแบนชุดใหญ่ ไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่โทรล wannabe
ถ้าโทรลขยะวรรณกรรม aka ปื้ด ดูอยู่นะ
กุอยากจะบอกกับมึงว่า...
LNสนุกจัง 55555555555555555
กุเคยเถียงกับไอปื้ดในช่องwnซึ่กุไม่มีปัญญาเถียงมันได้เพราะมันชอบยกเหตุผลที่มโนขึ้นมาและการใช้ภาษาที่มีพลังของมัน กับความที่กุเถียงไม่เก่ง
ยังไงก็กุก็ยังมีปัญญามองออกว่าเหตุผลของไอปื้ดมันดูไม่เป็นเหตุเป็นผลแม้แต่น้อย ดีนะที่มันเอามาพูดในโม่งถ้ามันพูดต่อสาธารณะชนกุว่ามันคงเจอตีนไปแล้ว
กูว่าปื๊ดไม่กากนะ ดูแม่งใช้ภาษาดิ ยังไงก็ไม่ใช่เด็กเห่อหมอยปิดเทอมแน่ กูยอมรับว่า ln กากก็ได้ แต่แม่งเป็นเหี้ยอะไรถึงมาด่ารสนิยมคนอื่นวะ
ไม่ใช่เห่อหมอยปิดเทอมหรอก แต่การที่มีอคติรุนแรง เหยียดสุดขีด ไม่ดูสถานที่ โพสล่อตีน แม่งบ่งบอกว่าเป็นผู้ใหญ่กากๆสันดานเสีย
มันก็บอกอยู่ว่ามีงานมีการทำ ถึงจะไม่รู้ว่าทำอยู่สนพ.จริงรึเปล่าก็เถอะ
แต่ไอ้นิสัยโผล่มาวอร์ตอนดึกๆ กลางวันหายหัวนี่คนทำงานแน่ๆ
ทำไมกูมีความรู้สึกว่ามันคือคนอ่าน LN ที่โทรลมากวนตีนดูรีแอคชั้นคนอ่าน LN คนอื่นในโม่งเวลาโดนเหยียดเล่นๆวะ
ถ้าเป็นพวกเกลียด LN คิดว่าตัวเองรสนิยมดีแล้วอยากโปรดสัตว์อย่างที่มันโพสจริง
มันคงไปตามพวกเด็กดี เว็บบอร์ดแจ่มใส หรือเพจ LN ตาม facebook ไปแล้ว ไม่มาโพสอยู่แค่ในเว็บเล็กๆแบบนี้หรอก
มันถึงขั้นไปพล่ามบ้าๆบอๆใน meta ด้วยเลยนะมึง กุว่าแม่งไปไกลเกินกว่าจะแค่อยากมาโทรลกวนตีนโม่งนะ
ดีใจจังที่มีคนคิดถึงเค้าด้วย แอดมินไม่น่าแบนเค้าข้อหาผิดกฎการอยู่ร่วมกันเลย ก็เห็นๆอยู่ว่าพวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้ ก็แหม พวกนี้เสพติดไลท์โนเวลกันทั้งนั้น อาจได้รับอิทธิพลสาวซึนมาอยู่ในตัวแบบ มะ- ชั้นไม่ได้อยากจะคุยกับนายหรอกนะ ก้อด้าย
ประมาณเวลาอยู่ไม่ห่วงใย เวลาจากไกลกลับคิดถึง อิอิ
เอาจริงๆ กูก็เหยียดวรรณกรรมบาง Genre นะ แถมรู้สึกว่าทำให้คนอ่านติดนิสัย/รสนิยมที่ไม่ดีด้วย
แต่กูไม่เสือกไง...
ใครด่าLNมากไล่แม่งไปอ่านแนวเจ้าชายซาตานอาฆาตพิศวาสร้อนรักเลยมึง
ละอายใจหน่อยดิวะ ไลท์โนเวลบางเรื่องมันสนุกกว่าวรรณกรรมบางเรื่องนะว๊อยย
เอาจริงๆกุไม่เข้าใจอย่าง คือบางคนไม่ชอบแต่ก็พยายามมายัดเยียดให้คนอื่นไม่ชอบตาม
มึงทำไปก็ไม่ได้ไรหรอก เป็นงี้ทุกเรื่องนั่นแหละ
มึงอาจจะไม่ชอบ LN หรือมึงอาจจะชอบ LN กุว่าแม่งไร้สาระชิบหาย
อ่านอะไรที่มึงจรรโลงใจไม่หนักหัวกะบาลใครก้ได้ทั้งนั้น จากใจคนอ่านทั้งสองอย่าง
แต่มึงไม่ควรเหมารวมว่าอะไรดีไม่ดี ของห่วยในกองของดีมันมีเสมอ
ส่วนกุรวมไลท์โนเวลว่าเป็นหนึ่งในประเภทวรรณกรรมเสมอ ชั่งหัวบูรพคณาจารย์พ่อแม่แม่งเหอะครับ
เพิ่งรู้ว่ามีคนเหยียดLNงั้นจะเล่าอะไรให้คนเหยียดLNฟังหน่อย (จะเรียกว่าโม้ก็ได้)
ก่อนหน้านี้กุเป็นคนที่อ่านหนังสือที่มีข้อความเยอะๆไม่เข้าใจเลยทำให้กุไม่เคยได้เกรด4จากวิชาที่ต้องอ่านเช่นสังคมประวัติหรือภาษาไทยเลย จยกระทั่งกูลองอ่านLNดูเนื่องจากช่วงนั้นกูติดอนิเมะจนกลายเป็นโอตาคุไปพักนึง และนั่นก็ทำให้กูเป็นคนเป็นคนที่อ่านหนังสือเข้าใจจนกูมีเกรดวิชาภาษาไทยมายื่นโควต้าเทคนิคการแพทย์ในที่สุด
จะบอกว่าLNนีมันช่วยส่งเสริมการอ่านได้จริงๆนะเว้ยเพราะมันอ่านง่ายจึงเหมาะกับการเริ่มอ่าน
ใส่ใจอะไรมาก ถึงจะเป็นขยะวรรณกรรม แต่ถ้าธุรกิจมันยังrunได้เรื่อยๆ who care?
>>379 ก็จริง กูก็คนในธุรกิจหนังสือเหมือนกัน
ขยะวรรณกรรมชิทเทสต์ขายดีกว่าหนังสือเทสต์ดีๆ หลายเท่าตัว
สุดท้ายก็ไอ้ขยะวรรณกรรมนี่แหละที่่ทำให้ธุรกิจกูมีเงินเลี้ยงปากท้อง
ในฐานะคนอ่านกูก็กังวลนิดๆ เหมือนกันที่หนังสือเหี้ยๆ เกลื่อนตลาด หนังสือดีๆ มีแค่หลืบเล็กๆ ให้วาง
แต่กลับกัน กูเองก็จะไม่มีเงินซื้อหนังสือดีๆอ่านเหมือนกันถ้าโลกนี้ไม่มีขยะวรรณกรรมขายดี
คนของสนพ.เจ้านึง พูดกับกูว่า "คิดว่าอยากทำเหรอ แต่เพราะไอ้ปกทุเรศๆเนี่ยแหละที่ช่วยทำกำไรให้ไปออกเรื่องดีๆที่อยากทำได้"
ย้อนแย้งเนอะ? แต่โลกนี้มันก็เป็นแบบนั้นแหละ ¯\_(ツ)_/¯
ถ้าโลกนี้มันผลิตของเหี้ยๆไปจนถึงจุดอิ่มตัว มันก็จะมีของดีๆหลุดออกมาจากของเหี้ยๆเอง
มันเป็นกลไกของความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปวิตกอะไรเลย
กุว่าLNยุคแรกดีกว่าปัจจุบันอีกเพราะการที่จะได้ตีพิมพ์ต้องผ่านการพิจารณาจากสนพ. แต่ในปัจจุบันความเหี้ยมันเริ่มมากจากการที่นำWNมาตีพิมพ์มากกว่าหากWNเรื่องไหนมีคนอ่านมากก็จะได้ตีพิมพ์เองต่อให้มันเป็นนิยายขยะก็ตาม
LN ญี่ปุ่นชั้นดี >>>>>> LN ญี่ปุ่นชั้นขยะ > WN ญี่ปุ่น >>> นิยายแจ่มใส > นิยายดอกปอบ > คาเงโร่
กูมองว่าคนที่จงใจใช้คำพูดเหยียดคนอื่นทั้งที่รู้ว่าจะถูกต่อต้านคือจงใจโทรลแหละ
แต่กุก็ไม่เคยเห็นคนที่มาโทรล ไปพล่ามเรื่องบ้าๆบอๆนี่ให้เซิร์นอ่านถึง meta เลยนะ
มันก็โทรลๆให้ห้องมีสีสันมีประเด็นให้ถก พวกมึงอย่าไปจริงจังกันมาก
แฮร์รี่พอตเตอร์>>>ทไวไลท์>>>ฟิฟตี้เชดออฟเกรย์>>>LN ญี่ปุ่นชั้นดี >>>>>> LN ญี่ปุ่นชั้นขยะ > WN ญี่ปุ่น >>> นิยายแจ่มใส > นิยายดอกปอบ > คาเงโร่
LN : Guin Saga กูชอบเรียกว่า หน้ากากเสือ >>>>>> แฮร์รี่พอตเตอร์
แถวยุโรปมีLNยุ่นขายเยอะๆแบบบ้านเรามั้ยครับ
ครบ 7 วันแล้วสินะ
น่าจะครบ 7 วันแล้วจริงๆ
ว่าแต่ yenpress นี่ของอเมริกาใช้ปะหว่า
ร้างแล้วเหรอ??
LN มี 2 ประเภท LN น้ำดีกับ LN น้ำแตก
แค่กลุ่มประชากรก็ผิดแล้ว สรุปก็แค่โทรลที่อ้างเหตุผลหรูๆ บังหน้า
ถ้าจะทำจริงแบ่งเปอร์เซนต์คุยเรื่องสนพ. โพสโทรลให้อาหารโทรล โพสโม่ยไวฟุ ข่าวสาร ฯลฯมาให้ด้วยก็ดีนะ
ปล.กูยังสงสัยว่ามึงจะแบ่งน้ำดีไม่น้ำดียังไง ในเมื่อมึงก็ไม่ได้อ่านทั้งหมด
-*- นิกุหลุดเข้ามาโลกไหนวะนิ
.... กูมาผิดเวลาปะ ช่างแม่งกูจะ KY
กูเป็นนักเขียนนิยายธรรมดา ที่พักหลังๆรู้สึกหมดมุขกะการใช้คำอ่ะมึง ส่วนมากกูจะเขียนยาวๆเหมือนเขียนพลอตไปเลย เช่น ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง แต่ไม่ได้เรียงคำดีๆจนเหมือนจะเป็นสรุป คนใกล้ตัวเลยบอกว่าลองไปเขียนไลท์โนเวลดูไหม
กูไม่ได้อ่านไลท์โนเวลมานานมากกกกกแล้วว่ะ เรื่องแรกและสุดท้ายที่อ่าน(แบบเป็นเล่ม)คือเรื่อง...อะไรวะ ที่แม่งเป็นองเมียวจิกับปิศาจที่ชื่อกุเรนห่าไรสักอย่าง (กูจำได้แค่นี้) หลังจากนั้นกูก็อ่านแต่ไลท์โนเวลแปลบนเว็บที่... โคตรเหี้ย บางเรื่องพลอตดี แต่คนแปลเหี้ยก็มี (กูปวดหัวกับคำว่า หรอก-หลอก มาก แค่จะเขียนให้ถูกยังไม่มีปัญญาเลยเรอะ)
ทีนี้ คำว่า "ไลท์โนเวล" ในหัวกูก็เริ่มบิดไปเรื่อยๆ สรุปแล้วแม่งยังไงกันแน่ แนวเขียนนี่ประมาณไหน อ่านในวิกิแม่งบอกว่า ย่อหน้านึงมีอยู่ประมาณ 1 - 2 ประโยค มีภาพเหมือนในมังงะเป็นภาพประกอบ ไรงี้อ่อ? แล้วถ้าไม่ใช่ของญี่ปุ่น แต่กูที่เป็นคนไทยเขียนนี่จะเขียนได้ปะ มันจะถือว่าเป็นไลท์โนเวลมะ หรือว่าช่างๆแม่งไปเหอะ อยากเขียนห่าไรก็เขียน ไม่ต้องไปจัดหมวดหมู่ให้แม่งหรอก
>>413 อยากเขียนไรก็เขียนไปเหอะ >>>/lightnovel/3623/558/
ln ญี่ปุ่นบรรยายน้ำท่วมทุ่งก็มี ยาวหนาฟาดหัวแตกตายได้ก็มีแต่ส่วนใหญ่เท่าที่กูดูก็จะมีความเป็นการ์ตูนสูงแต่ไม่ใช้ว่าทุกเรื่องที่มีความเป็นการ์ตูนสูงจะถูกจัดเป็น ln(และ ln บางเรื่องก็ไม่ได้มีความเป็นการ์ตูนสูง)
>>415 คนที่ทำงงว่าอะไรคือไลท์โนเวลแม่งก็คือพวกที่ชอบอ่านไลท์โนเวลนั่นแหละ
และจริงๆมันก็รู้อยู่แก่ใจว่าไลท์โนเวลเนี่ยคือนิยายที่มีการดำเนินเรื่องห่วยเกินกว่าจะเป็นนิยาย (โนเวล) ก็เลยเอามาตัดเล่มให้เล็ก (พกสะดวก สนพ. ซอยขายได้สบาย) แปะชื่อเก๋ๆ ให้หน่อยว่า "ไลท์"
สรุปว่าห่วยอะจ้า ประเภทว่าเอาดีทางเขียนนิยายเล่มไม่ได้ ไปสายการ์ตูนก็ไม่รุ่ง เอาแบบนี้แม่งเลยก็แล้วกันวะ
แล้วเวลากุอ่านแฮรรี่ พอตเตอร์ กุก็นึกภาพในหัวเป็นการ์ตูนได้สบายมาก เพราะทุกบทก็มีภาพการ์ตูนวาดไว้ให้ ยิ่งจิ้นได้สบายเลยนะมึง :P
โนเวลสมองเบาแบบที่ไอ้หมูเสินชอบอ่านไง
ไนท์ & แมจิก เล่ม 2 มีขายบนเวปนายอินทร์ล่ะ ได้ลด 20% ด้วยแฮะ
ไอ้หมู sirn ทั้งชีวิตอ่านแต่ไร้โนเวลขยะแล้วเสือกมาอวดว่าปีนึงอ่านหนังสือเป็นร้อยเล่ม
น่าสังเวชจริมๆ
ลุงเซิน X
ลุงเสิน O
เจ้าของเว็บทำงานที่ cern เหรอวะ
โง่เอ้ยยย
Sirn อ่านว่า เสิน
ไม่เชื่อถามมะนาวได้ เพื่อนรำไทเก็กเค้าล่ะ
ไป netwatch
กุสงสัยมานานละ... ลุงเสินนี่... ใช่คนเดียวกับที่เคยทำ Akibakko เปล่าวะ
ใช่แล้ว
มาเจอที่นี่โดยบังเอิญ แต่อ่านแล้วโคตรมัน
ขยะวรรณกรรม
เทสๆๆๆๆ
กระทู้นี้แม่งสนุกดีว่ะ
เห่อหม่อยที่อ่าน LN vs เห่อหม่อยที่ไม่อ่านว่ะ
555
คือการผลาญทรัพยากรต้นไม้เอาไปทํากระดาษโดยไม่ได้ให้คุณประโยชน์ใดๆต่อสังคมมนุษยชาติ
ทู้โทรลขยะ
Light novel คือขยะวรรณกรรม? จริงหรือ
จริง
ขยะก็คือขยะ
ขยะ ทำเงินได้
ใช้เป็นเชื้อไฟก่อไว้คลายหนาวได้
อีก 1000 ปีผ่านไป ไลท์โนเวลจะกลายเป็นศาสนา
Kadokawa จะกลายเป็นศาสดา
มิสเตอร์ไชน่าจะเป็นอัครสาวก
แล้ว mr. ลุยจิคือ ?
ปีนี้นกย่างออกหนังสือใหม่เกิน 300 ปก เกือบๆ เท่า smm
ต่างกันที่ smm มีมังงะเยอะกว่า
ความแตกต่างของ light novel กับ novel คืออะไรวะ
ต้องการคำตอบแบบหลักการแบ่งแยกชื่อเรียก
เพราะมีภาพประกอบบางหน้า? หรือ จำนวนหน้าที่นัอยกว่า? แต่เรื่องจำนวนหน้านี่เคยได้ยินว่าอย่าว stein gate นี่อย่างหนาเลยแต่ก็เป็น nl
หรือเรทอายุที่ light กว่าแต่ดูจากที่ผุดมาหลังๆ แทบจะเป็นหนังสือโป๊แล้วก็ไม่น่าใช่
ช่วยชี้แนะด้วยเพื่อนโม่ง
เราถามหลักการแยกชื่อไม่ได้ถามคุณภาพโดยเฉลี่ยของผลงาน
light novel = branding
novel = generic name
>>452 สนพ กำหนด เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 มันคือนิยายที่ใช้ศัพท์ง่ายๆ เด็กประถมถึงมัธยมต้นชาวเกาะอ่านได้ เหมือนมังงะแต่ไม่มีภาพนั่นแหละ พวกเล่มหนาๆ ก็ไม่ได้ใช้ศัพท์ยากอยู่ดี แค่ยัดเนื้อเรื่องเยอะ ถึงแม้จะมีเรื่องแนวขายคนทำงาน ก็ยังใช้ศัพท์เบาๆอ่านง่ายๆกว่านิยายทั่วไป
ถ้าโนเวลแบบเต็มๆ นี่ระดับภาษามันอีกlevel นึงเลย นักเขียนชาวเกาะได้โนเบลกันเพียบเลยนะ
ขอบใจมากเพื่อนโม่งคลายข้อสงสัยเราได้มากเลย
แต่ถ้าหากความแตกต่างมันแค่นั้นก็ไม่จำเป็นต้องแยกห้องออกจาก Literature ก็ได้ปะวะ
แยกจากห้อง lit x
แยกจากห้อง เมะมังงะ /
โค้ด sin250 bookwalker หมดอายุแล้วเหรอวะไหนบอกหมดเที่ยงคืน กรอกไม่ขึ้นไม่พบคูปองที่กรอก
ในเวปเขียนว่าใช้เวลาอินโดจีนแต่จะจัดโปรตามเวลาเกาะก็เอาที่สบายใจเลย
ไม่ได้อ่าน LN แปลไทยมานาน (หลังๆ อ่านแต่ยุ่น) วันก่อนลองกดน้องโล่เล่ม 9 ใน meb มา เพราะแค่อยากอ่านให้รู้ตอนจบเมะเร็วๆ แบบ แพงก็แพง แปลเห้ไรเนี่ย ทำไม่อยากกลับมาสนับสนุนของไทยเลย ให้ตายสิ กลับไปอ่านยุ่นดีกว่า
ตัวอย่างให้ลองอ่านก็มีต้องบอกว่าโง่เอง
>>472 ตัวอย่างแทบไม่มีอะไร มันบอกไรไม่ได้มากหรอก
แต่น้องโล่ นี่กรูงงนะ ไม่ดอง แสดงว่าต้องขายได้ระดับนึง กรูอ่านแล้วหลับ ทนซื้อมาสองเล่มไม่เกี่ยวกับสำนวนแปล แต่เนื้อหามันก็มีแค่นี้ เลิกอ่านต่อเนื้อเรื่องวนไปมา ไม่มีปมอะไรซับซ้อนให้อยากรู้เลย เหมือนอ่านเรื่องคนเล่นเกมออนไลน์เก่าๆซ้ำซากให้ฟัง ลีอาเดลก็คล้ายๆกันแต่ยังมีปมอะไรให้ติดตามหน่อย
bookwalker account แชร์กะที่ยุ่นเปล่าวะ
เชื่อได้ระดับนึงสินะเพราะถ้าแยกนี่กูกลัวแม่งปิดแล้วหนีกลับประเทศ
ไลท์โนเวล vs เว็บโนเวล ต่างกันไหมวะ?
แล้วแต่คนแต่ง บางคนแต่งใหม่เหมือนเป็นคนละเรื่องเลย
Web Novel = แต่งตามใจคนเขียน
Light Novel = เอาเรื่องข้างบนมาเขียนใหม่ ดัดแปลงบางจุดให้เข้ากับตลาด แต่บางเรื่องล่อซะเป็นจักรวาลคู่ขนานเลยก็มี
>>479
Webnovel - คลาสมือสมัครเล่นไม่สังกัดค่าย อยากมีพื้นที่แต่งนิยายเลยแต่งบนเนต
Light Novel(บางเรื่องก็ไม่ light ล่ะ) - คลาสอาชีพแต่งนิยายลงเล่มมีค่ายสังกัด มีการปรับเนื้อหาให้ตรง rate กลุ่มอายุหรือความเหมาะสมทางสังคมบางอย่าง บางเรื่องก็แทบจะแต่งใหม่ต่างจาก WN ไปเลยก็มี
แถมนับเป็นภาคหลัก ส่วนใหญ่พวกหน้าใหม่หัดอ่านมักชอบเข้าใจผิดว่า wn เป็นต้นฉบับ ทำให้มีพวกมาขิงมั่วๆตามคอมเมนต์ manga กับ anime (ที่อิงจาก light novel )
Web Novel ขยะเปียกจากบ้านคนทั่วไป
Light Novel ขยะเปียกจากร้านอาหาร
Novel ขยะมีพิษ
Light = แสง
Novel = นิยาย
Light Novel = นิยายที่มีแสง ขอบคุณครับ 5555
cat novel
ถามเพื่อนโม่งหน่อย kojien หรือ daijisen ดีกว่ากัน
LWRIEYhU
MTZXEroZ
ไลท์โนเวล เว็บโนเวล โนเวล ต่างกันยังไง ทำไมต้องมีบอร์ดแยก
จิรดาภา แต่งกับผมเถอะนะ
13 เกมส์สยอง 2025
เป็นเรื่องรายของหนุ่มเดนคุก ถูกจับและรับผิดแทนน้องข้อหายาเสพติด เมื่อพ้นคุกออกมาทำอาชีพสุจริตก็ถูกรังเกียจจากคนอื่น จึงรับข้อเสนอท้าตายจากยูทูปเปอร์ชื่อดังทำชาเลนจ์ 13 อย่าง และมีการถ่ายทอดสดเกมส์เสี่ยงตายผ่าน sns
เคยเจอแบบยัยผมทองเหมือนกัน แต่เสริมหน่อยว่าดีกว่า(แบบแปลกๆแตกต่าง)ตรง..ผมมีเอกลักษณ์กว่าที่ค่อนข้างมืดมน
.
ผมสมัยเรียนปีแรกๆมองโลกแง่ร้าย ยิ้มบ่อยแต่เหมือนเสเเสร้งปนเหยียดและประชดเรียกว่าวอนตีนล้วนๆ แต่แปลกดีที่ไม่มีคนเกลียด การใช้บวกปรับสายตา(การขยัยกล้ามเนื้อรูปหนังตากับคิ้ว)เพื่อแสดงออกนี่ถ้าดูจากกระจกยังอึกเองเลยว่าตัวเองกำลังคิดไรอยู่ก็ไม่รู้ แถมทั้งหมดถูกจดจำมีแต่คนเป็นมิตรมาอยู่รอบตัวซึ่งทำสงสัยตัวเองมีดีอะไรนะถึงมีแต่คนคอยพยุงตลอดเวลา ตัวผมจะต่าง(กับตัวละครข้างบน)ที่ตรงไม่ค่อยเจอสายตื้อที่อยากเป็นเพื่อนแบบยันทอมในเรื่องแหะ ...
.
อ๊ะ!ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ผมเจอแค่ครั้งเดียวตอนปีหนึ่งเป็นหนุ่มหล่อขี้สงสัยจากคณะครุศาสตร์(ที่จ้วงหัวว่าแม่งตื้นเขินน่ารำคาญชะมัดแต่ก็ไม่เกลียด) และดูเหมือนผมจะถูกตีตัวออกห่างเองในหนึ่งวันแห่งความพยายามของเจ้าหมอนั่นซึ่งวันนั้นฝนตกซะด้วย ผมก็ไม่เห็นเจ้านั้นอยู่หลายปี.... ตื้นชะมัดเลยนะ ทั้งที่ทางนี้อุตสาห์เปิดหัวข้ออภิปรัชญา เช่น ความหมดศรัทธาว่ามนุษย์เป็นสัตว์ผู้มีเหตุผลหลังผ่านยุคโพสโมเดิร์น กับแนะนำหนังสือโลกของโซฟี่และนักปรัชญารุ่นเดอะ ต่างๆแท้ๆ การเมืองนู่นนี่ ความเป็นจริงและสิ่งที่ต้องจ่ายแม้จะทำตัวเมินเฉยในนาม "เป็นกลาง" ที่อ้างๆ กันของคนกลุ่มหนึ่งว่าตามจริงการอยู่เฉยก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ....... ผมพูดแต่เรื่องเครียดรึไงไอ้บ้านั้นเลยหนี เฮ้อ น่าขยะแขยงชะมัด
ไม่รู้จะระบายที่ไหน ขอที่นี่ละกัน
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา กูเป็นลูกค้าขาประจำหมอนวดแผนโบราณคนนึง เป็นสว.ช่วงต้น ตัวเตี้ยๆแต่ทำนมมา เริ่มจากไปอ่านการบ้านว่ามีหมอนผบ.รับทำพิเศษได้ วันแรกที่กูไปถึงก็เจอดีเลย เจอนางจับยสตน เพราะนางเมาเบียร์อยู่หน้าร้านก่อนรับงานกู(กูไปรอบสุดท้าย) หลังจากนั้นกูก็ไปตรวจเลือดกินยาต้านก็ปกติดี ไม่มีปัญหา หลังจากนั้นกูก็ไปขึ้นกับนางรัวๆ จับยสรัวๆ(ตนบ้างบางครั้งเพราะนางไม่ชอบ) เฉลี่ย 1 เดือนครั้ง
ขนาดช่วงโควิดที่ร้านนวดปิดยาว กูยังแอบไปขึ้นกับหมอในร้านที่ไม่มีคนอยู่ เอากันเสียงดังลั่นร้าน หลังจานั้นไม่นานนางก็ลาออกมารับอิสระ กูก็นัดนางไปที่ม่านรูดประจำ ส่วนใหญ่กูจะดูทวิตถ้านางโพสรับงานเมื่อไหร่ กูก็จะไลน์ไปนัดเลยเป็นแบบนี้มาตลอด หลายปีที่ผ่านมา
ทีนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา อยู่ดีๆนางเปลี่ยนไปเว้ย นางบอกรับงานประจำที่ร้านนวดแผนโบราณร้านใหม่ แล้วก็ไม่โพสรับงานอิสระแล้ว ปกติถ้ากูไปทักต่อให้ไม่ว่างตอนนี้ นางก็จะนัดเวลาอื่นๆให้เช่นพรุ่งนี้ แต่รอบนี้หายยาวไม่พูดอะไรตอบช้า บางทีก็ไม่อ่านไลน์กูเป็นอาทิตย์ พอตอบกลับมาก็บอกรับงานทัวร์เกาหลียาวๆไม่มีเวลาเลย สุดท้ายกูก็เลยบอกว่า ถ้าว่างก็บอกกันหน่อยละกัน คิดถึง แล้วก็เงียบยาวๆไม่ตอบกลับมา
กูรู้แหละ ว่าจะไปอะไรมากมายกับหมอนวดคนนึงที่มันมาแล้วก็ไป เหมือนเราเที่ยววันไหนเบื่อเลิกแล้วก็หายต๋อมไปเลย นางอาจจะได้คนเลี้ยงแล้วก็ได้ อาจจะอยากจะเลิกทำพิเศษแล้วก็ได้ แต่พอมึงซ้ำคนนึงหลายๆปีติดกันมันก็ผูกพันอยู่ ความรู้สึกแรกคือหวง โกรธ หงุดหงิด แต่พอนั่งคิดดีๆ กูจะไปโกรธอะไรเค้าได้ เป็นแค่ลูกค้ากับหมอนวด กูมีสิทธิด้วยเหรอเป็นแฟนเป็นเมียก็ไม่ใช่ หวงนักจะเอามาเป็นเมียไหมล่ะ ก็ไม่อีก สุดท้ายเลยอารมณ์เสียดายความสัมพันธ์ที่เคยเอากันมาอย่างเร่าร้อน แล้วจบแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
กูรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้กูต้องทำยังไง แต่อารมณ์แบบขอกูบ่นหน่อยเหอะ มันติดอยู่ในหัวอยากระบายให้ใครฟัง
ปล. กูตรวจเลือดประจำ จนถึงตอนนี้ยังลบอยู่
อะไรว่ะ
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.