Last posted
Total of 1000 posts
กูเห็นคนสวดเรื่องซัพพอตลูกค้า ทำเอาไม่กล้าสั่งของในเว็บทำอะไรที่ต้องตามจี้เลยว่ะ ถ่อไปเคลมในงานเอา ได้ข่าวว่าคนไปวันแรกก็พลาดของชดเชยอีก
มีคนบ่น QC หนังสืออีก คราวนี้ไม่ใช่แค่ในเล่มแต่ชื่อเรื่องหน้าปกนี่พิมพ์มาอ่านไม่รู้เรื่องเลย แม่งไปจ้างโรงพิมพ์ที่ไหนมาวะนั่น
มันมีโรงพิมพ์เองนะรู้สึก
เรื่องส่งล้ากุรู้สึกว่าหลังโละมาใช้คิวบ์นี่ปัญหาเยอะเชี่ยๆ สมัยส่งจากมีนาโกะมันก็ปกติดีนะ
ค่ายที่เรารักรอบนี้แค่ออเดอร์งานหนังสือก็ไม่รู้จะด่ายังไงล่ะ
เปิดให้สั่งตั้งแต่ 26 มี.ค ก็กะว่าจบงานคงค่อยส่ง เออ ไม่ว่ากัน ค่ายไหนจะช้ายังไงมันก็มาแพ็คส่งให้หมดก่อนสงกรานต์กันทั้งนั้น
ไอ้เหี้ย จบงานเสร็จประกาศหยุดยาว หยุดก่อนสงกรานต์ไม่พอเปิดหลังสงกรานต์อีก ทำนิวโลวได้เรื่อยๆจริงๆ
เห _____
ไม พวกมึงทำการ์ด IG กันหมด ใช้ template จากโรงงานเดียวกันเรอะ
ตอนงานหนังสือบางซื่อ พะโล้สิงบูธนิดา gb มีบูธแยก
งานสามย่าน gb สิงบูธนิดา พะโล้มีบูธแยก
อืม ............................................................................
จริงๆ เอา gb ไปรวมหารค่าบูสกับพะโล้เถอะ
ส่วนนิดายังงงอยู่มันจะไปงานสามย่านทำไม ไปลงงานของเล่น ctw งานเดียวน่าจะดีกว่าไม่ต้องขนของไปสองที่ด้วย
รอมคอมเต็มไปหมดเลย
เปลี่ยนยุค LN แล้ว
ค่ายที่เหมา isekai มาเยอะๆ ทำไงละนั่น
>>579 กูว่ามันก็ยังคงขายได้นะ อิเซไค เนี่ย
ไปดูตามเพจ ยังมีพวกบอกว่าอ่านสนุกอยู่ แม้ว่ามันจะ คลีเช่เหี้ยๆ เนื้อเรื่องตามมาตรฐานเหี้ยๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็เถอะ
ไปดู Comment ในช่อง Muse ไอ้ราชาปิศาจ พวกนี้มันแทบไม่ได้สนเนื้อเรื่องอะไรเลย ขอแค่พระเอกเทพซ่า ไม่แดกหญ้า มีสาวล้อมเป็นฮาเร็มก็พร้อมเสพแล้ว
LP หนีไปรอมคอมก่อนเพื่อน รวยเละไปแล้ว
โตเกียวอนเมียวจิพิมพ์จำนวนจำกัดคืออะไรวะ ?
ขายได้น้อย ยอดพิมพ์เลยน้อย และไม่มีแผนพิมพ์เพิ่ม เผลอๆ พิมพ์ดิจิตอลด้วยมั้ง
อย่างน้อยก็ไม่แพนะมึง
ว่าไปเอก็ทำแบบนี้มาหลายเรื่องละนะ ประกาศแต่แรกเลยว่าพิมพ์จำกัดไม่พิมพ์เพิ่ม หมดแล้วหมดเลย
ค่ายอื่นทำลิมิทชุดหรูๆ ไอ้ค่ายนี้ลิมิทของขายไม่ออก 555
พิมพ์น้อยแล้วยังขายไม่ออก ก็แพไปเหอะ สัส
อยากให้พิมพ์น้อยขายดีก็ต้องไปเอาพวกที่ขายดีอยู่แล้วมาพิมพ์น้อยดิวะ พอคุชินละก็วิ่งควายไม่ต่างจากฟัคพิมแน่นอน หมดเป็นหมด จัดคนมาปั่นกระแสเป็นช่วงๆหน่อยก็ขายดิบขายดีละ มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มหน้า
พิมพ์น้อย ?
มึงเปิดลงขันวัดใจคนซื้อเลยดีกว่า ยอดไม่ถึง = แพ
ไม่มีสิทธิ์โวยด้วยว่าแพ ก็พวกมึงไม่ซื้อเอง 555
preorder ต่างจากลงขันยังไงวะ
เปิดลงขันวัดใจกันเลย
สันนมาม่านักเกร็ง อานแล้วสมน้ำหน้าหว่ะ ตัวเองกวาดยกชั้นไปใส่ตระกร้าวางทิ้งไว้ไม่ยอมไปจ่ายตังค์ โดนพวกอกเค้าหยิบจากกระกร้าแม่ง แล้วมางอแงเป็นโนบิตะเชียว 555
กลุ่มนาย ว สันดานออกละ งุงิ
ลงขัน 500 ชุด เพ้อเจ้อชิบหาย
นี่เป็นยุทธวิธีหักลำแก้ลูกค้าที่ชอบเทกลางคัน ด้วยการทำให้เป็นของแรร์
ผู้กอบกู้แบบ next gen ไม่ขึ้นราคาเล่มเพิ่ม แต่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกให้คนหัดรีบซื้อหนังสือตั้งแต่เนิ่นๆ แถมส่งผลไปค่ายอื่นด้วย ตอนนี้เริ่มมีคนกลัวเจ้านู้นเจ้านี้หมดเพิ่มอีก
ช่วยรันวงการไปพร้อมๆกันแต่ยอมรับคำด่าอยู่คนเดียว ซาบซึ้งจริงๆ ขรับ
ขรั่บ น่าสรรเสริญจริงๆ ไม่ต้องทำแพงก็ทำกำไรได้ด้วย
ปลูกจิคสำนึก X
ไล่คนไปซื้อเล่มนอก O
ซื้อเล่มอิงค์ ?
บ้าน่า
อย่าให้กุต้องพูดว่าอ่านเถื่อนสิ
เดกซ์มันไปสายเกย์ตามเซนชูแล้ว
เรื่องไหนเข้าตามั่ง
พวกมีอารมณ์กับเทนทาเคิลนี่คือชาติหน้าอยากเกิดเป็นปลาหมึกเหรอ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=5952961761386103&set=gm.1319460208544714
ทำไมมีคนบอกว่า LC ต้องถูกกว่าไพเรทวะ
จ่ายค่า LC แล้ว ยังต้องทำราคาให้ต่ำกว่าไพเรทอีก
เผลอๆ ทุกวันนี้ยอดพิมพ์ LC น้อยกว่าไพเรทอีก ......
https://www.img.in.th/image/8V1VvE
แบบนี้เรียกนักหิ้ว,แม่ค้า หรือนักเกร็ง ?
เพิ่งเห็นว่าช่วงรอบปีที่ผ่านมาค่ายพี่แว่นออก Re0 ไป 5 เล่มเลยนี่หว่า สปีดเกือบเท่าแม่ชีช่วงแรกๆแล้ว
ถ้าไม่ติดว่าเมะแซงไปก่อนกระแสคงดีกว่านี้เยอะละนะ
ตอนนี้มีมาม่ากลุ่มซื้อขายเยอะดีแฮะ ล่าสุดนี่ก็ตลกดี จากนักหิ้วกลายเป็นนักเสนอราคาไปล่ะ เล่มหายากบอกว่าไม่มี
แต่อีกวันเอามาเสนอราคาแทน ก็เงินมันหอม~~ 555
กลับมาออกไวขึ้นก็ดี กุขี้เกียดไปอ่าน wn แล้วต้องกลับมาอ่านรวมเล่มอีกรอบ
>>621 เอาเข้าจริงมันจะทำกำไรได้เท่าไรเชียว
เล่มโก่งราคาได้กำไรเต็มที่ไม่ถึงร้อย แต่ต้องเสียเวลาไปวิ่งควาย เสียเวลาไปหิ้วไปแบกออกจากงาน ไหนจะต้องเตรียมส่งไปรษณีย์ ดูวุ่นวายฉิบหาย เอาเวลาตรงนี้ไปทำงานพิเศษร้านฟาสฟู้ดในห้างยังสบายกว่าอีก รายได้ก็ไม่ต่างกันมากด้วย
เราสามารถตัดวงจรพ่อค้ากว้านซื้อด้วยการไม่ซื้อ
ขายไม่ออกก็ปล่อยราคาปกออกมาเอง
กูเห็นในกลุ่มนักเก็ง แนวทางเริ่มเปลี่ยนแล้วนะ
-คนเหมามาขาย คนรับหิ้วตัดราคากันเองจนกำไรไม่กี่สิบบาท (โกงก็มีไปลุ้นเอง)
-พวกกวาดเอาของแถมมาขายมีเกลื่อนจนขายไม่ออก
-ตี้หารของลิมิต ออกยากกว่าเดิมเยอะ
-คนหาลิมิตนกมีเรื่อยๆ แต่หาไม่ได้สักที คนขายลิมิตนกแบบตั้งแพงหน่อยก็มาตลอด แล้วก็ลงซ้ำไปนั่นไม่ออกสักที
ใดๆคือบูธ lp คนยังเยอะจนถึงตอนนี้ ลิมิตนกส่วนมากหลังลงขายก็หมดเร็วเหมือนเดิม หมายความว่า demand ยังสูงแต่คนไม่ได้อยากได้ถึงขนาดยอมจ่ายแพงแล้ว?
เรืองของเมืงคร่า ไม่สนใจ
คนเทยกค่ายแค่ 0.0000000001 % เท่านั้น
กุงงว่า ทำไมคนได้สิทธิ์ของลิมิตถึงบ่นว่าดวงดีแต่ไม่มีตัง ปล่อยสิทธิ์กันบานเลย พวกนี้คือนักโก่ง?
กุได้ยินคนในวงการวิเคราะห์ว่า LP พิมพ์ยอดเท่าที่เคยขายได้ + 20% เผื่อฟลุคหน้าใหม่
ส่วนรีปริ้นท์ยอดเท่าที่ ws + 10%
ตารางรีปริ้นท์นับยอด ws ที่ส่งเงินจองแล้วรวมตั้งแต่ 300 เล่มขึ้นไป
เห็นพูดถึงยอด LP แล้ว นอกเรื่องไปมังงะหน่อย อยากรู้ว่าพวกซากาโมโต้ แม่มดวิ้ดว้อด กล่องฟ้านี่ มันจะกะจำนวนยังไงวะ
เรื่องระดับจัมพ์หลักที่อุตส่าห์ไปแทรกวง S กับ N มาได้ ไม่น่าใช้ยอดเดิมอิง
ซากาโมโตที่แถมแฟ้ม ทุกวันนี้ยังไม่หมดเลยจ้า พิมพ์น้อยที่ไหนวะ ก็แค่ยังไม่ดังมาก
Meanwhile โคมิหากันให้ควั่กตั้งแต่อนิเมยังไม่ฉาย
ไม่มี e book ม่ายซื้ออออออออออ
กูยังหาซื้อสาวคอสเล่ม5ขึ้นไปได้ได้เลยสัส
ควย
เป็น LP นี่ดีจังเลย ประกาศ LC กับหนังสือออกต่อวันอย่างเดียว แฟนคลับกับนักเก็งช่วยกันปั่นให้ รีวิวละเอียดยิบแถมทำให้แทบทุกเรื่อง บางค่ายโปรโมทลงเพจตัวเองเต็มไปหมดยังไม่ได้กระแสเท่านี้เลย
จะดักกระทืบไปทำไมวะ นักโก่งนี่คอยสอยของจนไม่มีเหลือเก็บสต็อกให้เป็นต้นทุนนะเว๊ย ต้องขอบคุณด้วยซ้ำ
>>651 เรื่อง E book นี่ถ้าจะอ่านจริงจัง ต้องลงทุนพอสมควรเลยนะ
โทรศัพท์ต่อให้จอใหญ่ แต่ยังไงประมาณ 6นิ้ว แถมอ่านนานๆไม่ได้
ต้องเพ่งตัวหนังสือแล้วก็แสบตาจากแสง LED สู้อ่านจาก Tablet E-ink ไม่ได้
สบายตากว่าเยอะ แต่ Tablet ที่ว่าราคาแบบถูกก็ 4000-5000
เอาแบบอย่างดีราคาก็พอๆกับ ipad แล้วด้วยความที่จอมันเป็นขาวดำ
ซื้อมาแล้วก็ทำอย่างอื่นไม่ค่อยได้ นอกจากเอาไว้อ่าน E book
เพราะงั้นสำหรับคุเงินน้อย ต่อให้ออก E book แม่งก็ไม่ซื้ออยู่ดี
ซื้อเล่มแล้วขายต่อคุ้มกว่า
คุตนหนึ่ง
เรื่องแรก
Q : ไม่มี e book
A : ไม่ซื้อ
เรื่องสอง
Q : มี e book
A : ไม่ใช่แนวไม่ซื้อ
เรื่องสอง พอคุคนอื่นถาม
Q : เรื่องนี้เป็นยังไง
A : ห่วย ! พระเอกกินหญ้า
เดี๋ยวนะ มึงไปอ่านมาจากที่ไหนวะ
ขออัพเดท e ink readerหน่อย
ยุคนี้มันมีe inkที่ตอบสนองไวหน่อย ขอบจอบางๆมั่งยัง? กุไม่ชอบตรงขอบแม่งหนานี่แหละ
>>661 ค่าlimit ไม่กี่ชุดก็ได้tablet ตัวเริ่มต้นละ ถ้าแค่เอามาอ่านebook ซื้อ android tablet ตัว3-4พันก็ได้แล้ว ส่วนe-ink มันเฉพาะทางไป ใช้งานลำบาก กรูเคยมีทั้งสองอย่างสรุปซื้อtablet จะใหญ่ๆ อ่านสบายตาดี ส่วน e-ink เบาจริง แต่จอเล็ก พวกจอใหญ่ก็แพงและใช้งานอย่างอื่นไม่ได้ ปกสีก็ดูจืดๆ ดูในจอธรรมดาแหละดีสุด ดูหนังฟังเพลงได้อีก กรูวางตัวe-ink readerจนฝุ่นจับ
ถ้าไม่เล่นเกม ตัวราคา4-5พันอะเหลือเฟือสำหรับการใช้งาน
ถ้าโทรศัพท์จะใช้ด๋อยหรือไอโฟนก็ได้ไม่ต่างกัน
แต่ถ้าจะซื้อแทปเลตแนะนำว่า ipad ตัวธรรมดา 10k เจ็บแต่จบ
นี่พูดในฐานะลองตัว 5k มาแล้วทั้งของจีนของเกาหลี ตัวนึงปีนึงแบตบวม ตัวนึงครึ่งปีเปิดไม่ติด แถมแรกๆก็เร็ว แต่พอใช้ไปไม่กี่เดือนเครื่องโคตรหน่วง
ลงทุน 15k ซื้อ Tab S7 11 นิ้วดีกว่า ใช้มาปีกว่ายังลื่นๆ
iPad ไม่มี tachiyomi นะ
iPad ดีกว่า ตัวเริ่มต้นแค่ 11k กด code ตามพวกแอพส้ม ลาซาด้า น่าจะลดได้อีกหน่อยด้วย ใช้ยาวได้จนเบื่อจนเปลี่ยนไปเอง เอาแค่ os ตัวเมื่อ 7 ปีที่แล้วยัง update ได้อยู่เลย
ปล. ของกูมีตัว iPad Air รุ่นปู่ gen1 อยู่ตัว อายุน่าจะ 8-9 ปีแล้ว แต่มันเป็นอมตะตอนนี้แม้ os จะ update ไม่ได้ แต่ยังอ่าน ebook เล่นเน็ต ดูหนังได้อยู่เลย แบตเสือกไม่เสื่อมด้วย - -'
นึกว่าเข้าผิดห้อง
เดี๋ยวๆ พวกเมิงแนะนำคุจนๆ ที่อ้างว่าไม่มีเงินซื้อtablet เพื่ออ่านebook เลยได้แต่ซื้อแบบเล่มแล้วขายต่อนะ
เมิงจะแนะนำตัวละหมื่นกว่าไปมันก็คงไม่ซื้อ
กรูเลยแนะนำว่าถ้างบ4-5พัน tablet android มียี่ห้อมีศูนย์ในไทยยุคนี้ก็ไม่แย่นะ เอาตรงๆแค่อ่านเมพ tablet แรม 3GB ขึ้นไปก็เหลือๆละ แต่อย่าคาดหวังงานอื่นเกินราคามัน
แต่ถ้างบถึงก็ไปipad,galaxy tab ตามงบเลยดีกว่าอยู่แล้ว สำหรับกรู จอ AMOLED ของtab s ตัวบนๆ คือจบ สบายตา ยิ่งพวกจอใหญ่ๆ อ่านแล้วฟิน หนักก็หาอะไรวาง ยังไงก็เบากว่าหนังสือเล่มหนาๆ
แพงไป ไม่ซื้อ
ดูละกุรอแพดมินิจอOLEDละกัน
อ่าน ebook ต้องลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ
อ่านสปอยล์ 8 บรรทัดว่าพระเอกไม่กินหญ้าก็พอมั้ง
>>672 พวกจอ LED AMOLED OLED ปัญหาอย่างหนึ่งคือเป็นแสงประดิษฐ์
เวลาเพ็งอ่านนานๆ สายตาจะล้า ถ้าจอ E - ink ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงในตัว
หลักการอ่านแบบเดียวกับหนังสือเล่ม คืออาศัยแสงธรรมชาติสะท้อนตัวหนังสือเข้าตา
อ่านนานๆได้ไม่ล้าซะก่อน ถ้าเป็นคนประเภทเดือนหนึ่งอ่าน E book เป็นสิบเล่ม
จอ E - ink จะคุ้มกว่า
ก็ยังดีกว่าLCDนะ อิแพดมินิเมื่อใหร่จะเปลี่ยน
>>678 OLED self lit ดีกว่าLCD แบบIPS เยอะนะ มันลดแสงbacklightลงต่ำมากๆได้ โดยที่ภาพยังชัดอยู่
บางคนเปิดซะนึกว่าจะไปนั่งอ่านกลางแจ้ง ก็แสบตาดิ ลดต่ำๆอ่านนานๆได้อยู่
e-inkดีกว่าจริง แต่มันทำได้อย่างเดียว พกหลายเครื่องลำบาก e-inkพวกรุ่นandroid ก็specอ่อนๆเล่นแอพอื่นแทบไม่ได้
แล้วแต่ว่าทำอะไร นี่อ่านหนังสือเฉลี่ยวันละ 3+ ชั่วโมง วันหยุดบางที 10+ ชั่วโมง ยังไง E-ink ก็คุ้มกว่า สบายตากว่ามาก
และที่สำคัญ ใช้ E-ink ไม่มีอะไรรังควาญ ไม่สามารถสลับไปเล่นทวิตเตอร์ได้
>>680 ลดแสง backlight แล้วภาพชัดไม่ค่อยเกี่ยวนะอยู่ที่สารเคลือบจอกับชั้นกระจก ส่วนข้อดีของ OLED คือ ภาพสีดำสนิด และเร่งความสว่างได้เยอะ Response time ต่ำ
แต่ส่วน Table ถ้าด้วยเทคโนโลยีตอนนี้กูว่าจอ OLED ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ตรงที่มันมีปัญหาเรื่อง Burn In นี่แหละ ยิ่งภาพนิ่งแบบเวลาอ่านหนังสือ Burn In ง่ายด้วย ถ้าเป็นพวกมือถือหรือนาฬิกาที่เปิดๆ ปิดๆ เปลี่ยนบ่อยก็ว่าไปอย่าง แต่ table มันเหมือนพวก notebook น่ะสิที่ขั้นต่ำใช้กัน 5-6 ปีกว่าจะเปลี่ยน
และเอ่อนึกขึ้นได้ Apple เองที่ตอนนี้มันยังเลี่ยงไปใช้ Mini‑LED แทน กับจอขนาดใหญ่เพราะหา Supplier ที่แก้ปัญหาเรื่องจอ OLED Burn In ไม่ได้นี่แหละ
ปล. พวก table e-link ถ้าซื้อตัวถูกๆ มาอ่านนิยายก็เหมาะนะ เบาสบายดี แต่ติดตรง epub ดันไม่ค่อย up กันน่ะสิ แถมถ้าเอาแบบอ่าน pdf แบบสบายพวก 8"-9" ราคาก็โดดไปเลย ส่วน e-link จอสีก็ข้ามๆ ไปเถอะ เทคโนโลยีไม่พร้อมภาพความละเอียดน้อยกว่าขาวดำครึ่งๆ
>>683 Oled Samsung ยังใช้ PWM ความถี่ต่ำอยู่เลย คนที่เซ้นซิทีฟมากจะปวดหัว
>>683 Oled Samsung เดี๋ยวนี้ไม่ได้เบิร์นอินง่ายขนาดนั้นถ้าไม่ได้ภาพแช่เปิดสว่างสุดหลายเดือนติด ยังไงกว่าจะเบิร์นก็หมดประกันแล้วแน่ๆ
https://www.theverge.com/22966231/nintendo-switch-oled-burn-in-test-wulff-den
เออ LCD ไม่เบิร์นอินก็จริงแต่ใช้ไปนานๆจะเจอจอสว่างไม่เท่าทั่วทั้งจอ ไบรท์พิกเซล เดดพิกเซล
เอาเป็นว่าพวกเมิงลองไปจับลองเล่นก่อนแล้วกัน กรูซื้อมาหลายอันแทบครบทุกแบบละ ใหม่ๆก็เห่อพกแม่งทุกอัน e-ink พกไปไว้อ่านหนังสือ แต่สุดท้าย แม่งลำบาก ทำงานได้อย่างเดียว ทำอย่างอื่นไม่ได้ พกtablet ดีๆตัวเดียวจบ ไม่ได้ดีสุดในแต่ละด้าน แต่ทำงานได้ทุกอย่างรวมๆแล้วดีสุด บางทีพก e-ink มันให้ฟีลเหมือนพกหนังสือ คือต้องตั้งใจมากๆเพื่อจะอ่านเพราะมันทำได้อย่างเดียว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้ทำ แต่tablet นี่แบบทำอย่างอื่นผ่านๆ กดเข้าในแอพอ่านสักหน้าสองหน้าแล้วเพลินยาวเลย กลายเป็นได้อ่านมากกว่าซะอีก
สำหรับกรู OLED ก็ชัดกว่าจอ miniLED นะแค่ความสว่างสู้ไม่ได้ แต่เอามาอ่านหนังสือดูยังไงก็ปรับแสงต่ำๆ ไม่ได้นั่งกลางสนาม tab s6 amoled ตัวเก่าสุดใช้มาสองปีกว่ากับหนังสือเกือบพันเล่มในเมพ ยังไม่burn ก็พอใจละ อ่านหนังสือมันไม่ได้แช่ภาพนานๆสักหน่อย คงไม่มีใครอ่านหน้าละ15นาที แถมแต่ละหน้าตัวหนังสือมันก็เปลี่ยนเคลื่อนหมด พวกเอาไปเล่นเกมที่มีtask bar หรือpanel ค้างตลอดยังน่ากลัวburnมากกว่า กรูอ่านทีจบเล่มขั้นต่ำ นิยายยาวๆบางที 3-4ชั่วโมง เคยนานสุดแบบอ่านนิยายต่อเนื่องหลายเล่ม สิบชั่วโมงจนแบตหมด มันก็ไม่เห็นburnอะไร
เดี๋ยวapple ยังไงก็ไปจอ OLED ตอนนี้แค่ขัดตาทัพ ขนาดsamsung กลับมาขายTV OLED แม่งยังไล่ลบบทความที่ตัวเองแซะOLEDตอนที่เจ้าอื่นทำขายแล้วตัวเองไม่ขาย ได้ไม่หมดเลย trend มันไปทางนี้ แค่เรื่องสี wide gamut OLED ก็เหนือกว่า
ปัญหาหลักของe-ink คือความเหมือนหนังสือ(แต่แค่ขาวดำ) ที่เมิงคิดว่าคล้ายอ่านหนังสือจริงเป็นจุดเด่น แต่มันด้อยในเรื่องในฝั่งการใช้ebook เช่นการzoom ที่ช้า ภาพประกอบสีสวยๆออกมาแม่งดูน่าเกลียด กว่าจะรีเฟรชหน้า หรือกดแปล กดดูเชิงอรรถ คือมันก็ทำได้แต่ช้า จนรู้สึกว่าจุดเด่นของebook โดยเฉพาะแบบepubแม่งหายไปหมด
อ้อสิ่งที่ e-ink ไม่มีประโยชน์เลย คือถ้าเมิงซื้อหนังสือที่ภาพเยอะๆสีสวยๆ เมิงก็ต้องมาเปิดในtabletอยู่ดี กรูกดซื้อนิตยสาร กับPB ใน kindle jp ประจำ(แต่อ่านผ่านแอพในtablet ธรรมดานะ) ภาพแมร่งคมกริบ ยุคนี้แล้วเมิงคงไม่อ่านแต่หนังสือขาวดำหรือไม่มีภาพประกอบมั๊ง
อ้อ e-ink ที่มีเมพ แมร่งก็เริ่มต้นที่7-8พันกันแล้ว เพิ่มงบอีกหน่อยไปipad เลยดูจะคุ้มกว่า ยกเว้นซื้อเป็นเครื่องที่สองสามสี่ ก็ว่าไป อีกอย่างอย่าไปหวังใช้นานๆ 4-5ปี ขนาดมือถือเมิงยังต้องเปลี่ยน เพราะว่าเทคโนโลยีรวมถึงความปลอดภัยมันบังคับให้เมิงต้องเปลี่ยน กรูก็โละตัวเก่าไปใช้งานเบาๆ เช่นอ่านในส้วม ไม่กล้าใช้ตัวใหม่ๆเสียดาย ยังไม่นับว่าพวกรุ่นหรือยี่ห้อที่ขายไม่ดี สุดท้ายหาอะไหล่เปลี่ยนไม่ได้ โดยเฉพาะแบต
ไม่มีเงิน ไม่ซื้อ
พิกเซล OLED มือถือมีครบทุกสีแต่ถ้าจอถูกๆจะใช้การเรียงเม็ดพิกเซลแบบ pentile ทำให้ความคมชัดด้อยกว่า LCD ที่ความละเอียดเท่ากัน ถ้าตาดีๆจะเห็นว่าตัวหนังสือไม่คม จะซื้อแทปเล็ต Oled ก็ดูดีๆ
>>692 จอมือถือมันเล็กต่อให้ใช้ Pentile คนก็ดูไม่ค่อยออกกันแต่จอใหญ่คนละเรื่องเลย
จอ 60Hz จอใหญ่ๆจะสังเกตเห็น roller shutter effect ได้ชัดในแนวตั้งหรือแนวนอนขึ้นกับการออกแบบ แบบเดียว iPad Mini จอย้วยเพราะเสือกไปเปลี่ยนแนววางจอจากรุ่นก่อนๆ
ถ้า Tablet OLED ซื้อไอที่ 120Hz เรียงเม็ดพิกเซลแบบ RGB จะดีสุด AKA Samsung Tab S7+ S8+ S8 Ultra
เพจแปลเถื่อนเจ้านึงบอกใบ้ว่าแม่นกคายงานเรื่องหนึ่งให้ให้โลคัล อะไรวะ
俺の許嫁になった地味子、家では可愛いしかない。
>>695 ถ้าเปลี่ยนมาสต็อกเดียวกันหมดทั้งของที่จะเอาไปขายในงานและขายบนเว็ป แล้วเปิดให้คนสั่งซื้อบนเว็ปสั่งได้ก่อน แล้วส่งของก่อนไม่มีเล่ม rare ที่ขายในงาน
รับรองกลุ่มมังงะ LN คนจะหายไปบาน เพราะกลุ่มนี้ขาจรไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แล้วสุดท้ายก็ไม่จำเป็นต้องไปขายในงานหนังสือเลยด้วย
กูรู้ว่าเปลี่ยนใจมึงไม่ได้หรอก แต่เห็นมึงไม่แคร์ e-reader ขนาดนี้แล้วต้องขอแนะนำฝั่ง e-reader บ้าง
1. ถ้าจะใช้ tablet อยู่แล้ว แล้วงบไม่เยอะ เออ ซื้อ tablet ไปเหอะ e-reader แม่งแพงเพราะจอมันยังผูกขาดโดยบริษัท e-ink
2. ถ้าเน้นอ่านภาษาไทยเป็นหลัก และอ่านมากกว่า Light Novel (เช่นอ่านหนังสืออื่นๆ ด้วย) หนังสือไทยนอกจาก LN แม่งเป็น PDF กันเกือบหมด ถ้าไม่ซื้อพวก 10" อ่านยาก ซึ่ง 10" แม่งแพงสัส ไปซื้อ iPad เหอะถ้าไม่ใช่ตังเหลือๆ
3. ถ้าอ่านแค่ LN ไทย หรือ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ/ญี่ปุ่นเป็นหลัก พวกนี้มันไม่ใช่ PDF ใช้แค่พวกจอ 6" ก็ชิวๆ (มังงะพอไหวที่ประมาณ 7" เป็นต้นไป)
ข้อดีที่สำคัญมากของ e-reader คือเรื่องปวดตานี่แหละ แน่นอนว่าถ้าอ่านวันละสั้นๆ ไม่มีผลหรอก แต่กูเองอ่าน 2-3 ชั่วโมงบน tablet/คอม ไม่ไหวจริงๆ ปวดตามาก (ประเด็นคืองานกูก็นั่งทำหน้าคอมทั้งวันแล้วอ่ะนะ)
ข้อดีที่สองคือมันเบา อย่าง Onyx Poke 3 จอ 6" หนักแค่ 150g หรือ Kindle Paperwhite 2021 จอ 6.8" ก็หนักแค่ 200g เบากว่า tablet โข ถ้าถืออ่านวันละนานๆ มีผลเยอะมาก
หนังสือพวก LN นิยายทั่วไป หรือมังงะมันก็ขาวดำ 99% ของเล่มอยู่แล้ว เป็นขาวดำไม่ใช่ปัญหาเลย พาร์ทสีก็เปิดดูในมือถือไป เรื่องรีเฟรชหน้าก็ไม่รู้ว่า >>688 แม่งลองครั้งสุดท้ายเมื่อไร แต่มันไม่ได้ช้านะ ปกติไม่ถึงวินาทีอยู่แล้ว พลิกหน้าหนังสือธรรมดายังใช้เวลานานกว่า แล้วกูก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าจุดเด่น e-book ที่ >>688 พูดถึงคืออะไร แต่สำหรับกู คือ 1) น้ำหนัก 2) ขนาดฟอนต์ (แน่นอนว่าถ้ามังงะหรือหนังสือไทยที่เป็น pdf ก็ไม่ช่วยตรงนี้) ซึ่ง e-reader ตอบโจทย์ได้หมด
อ้อ แล้วกูเป็นคนไม่ได้ใช้ tablet อยู่แล้ว สำหรับคนแบบกู เรื่องพกอันเดียวจบไม่ใช่ประเด็นเลย เพราะไม่ว่าซื้ออันไหนก็ต้องแบกเพิ่ม แล้ว e-reader เบากว่าเป็นโขลง
ถ้าเป็นคนชอบอ่านหนังสือเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้าหนังสือภาษาต่างประเทศหรือ LN ไทย (ที่มันเป็น EPUB ได้) แล้วมีเงินพอก็แนะนำให้ลงทุนซื้อ ถ้าเน้นอ่านหนังสือไทยหรืออ่านมังงะหรืออ่าน PB/Magazine แบบ >>688 ก็ซื้อ Tablet ไปแหละ
แพงไป ไม่อ่าน
เกรด AAA+ ?
>>702 กรูมี e-ink reader สองเครื่องแล้วไม่ใช่รุ่นใหม่สุด(เพราะซื้อมาหลายปีละ) แต่ตัวรุ่นใหม่ๆ android 11 แรม 3GBของเพื่อนกรู ยืมมาลองก็ยังช้าไม่ทันใจอยู่ดี คือเมิงไม่ได้ใช้tabletประจำ อาจจะไม่เห็นความแตกต่างไง ว่ามันต่างมากจนน่ารำคาญ รีเฟรชตอนเปลี่ยนหน้าเรื่องนึง แต่ตอนซูมเข้าออก นี่แหละที่ขัดใจมาก
เมื่อก่อนกรูชอบtablet 8' มาก หนักสองร้อยกว่ากรัมเอง(สมัยtab s2) แต่ตอนนี้มันเล็กไปจอ 10 นิ้วขึ้นกำลังดี หนักขึ้นหน่อยไม่ใช่ปัญหา นั่งอ่านบนเก้าอี้โซฟา หาแท่นวางหรือท้าวแขนได้ ยกเว้นเมิงจะถือนอนหงายอ่าน เมื่อยแน่
เคยพก e-ink reader นั่งเครื่องบินยาวๆหลายชั่วโมงไปกะจะได้อ่าน สรุปว่าแบกไปขวางที่เปล่าๆ ถ้าเป็นสักห้าหกปีที่แล้ว ยุคkindle ใหม่ๆอะ มันเทพมาก เพราะยุคนั้นtablet android ยังห่วยๆความจุต่ำ แถมเนทก็แพงเลยใช้ e-reader โหลดไฟล์ไปล่วงหน้าดีกว่า แต่พอเป็นยุคนี้มันคนละเรื่องละ โหลดoffline ไปได้เหมือนกัน และมีอะไรให้ทำมากกว่าด้วย
e-ink ที่กรูมีมันเหลือหน้าที่คืออ่านหนังสือแบบtext ล้วนๆ นิยายเก่าๆ โดยเฉพาะหนังสือตำราตปท.เก่าๆแบบที่เมิงว่านั่นแหละ
อ้อกรูพบว่า s-pen บนgalaxy tabรุ่นใหม่ๆ แมร่งเทพมาก ตรงที่กดแปลภาษาได้ทุกแอพ แม้แต่app ที่extract text ตรงๆไม่ได้(พวกที่ล็อคการกดcopy หรือเป็นภาพ) ตรงนี้แหละที่คิดว่าเหนือกว่าปากกาบนipad ไม่ต้องเปิดอีกเครื่องมาแปลด้วยกล้องหรือcapภาพมาแปลทีหลัง
กรูทำงานหน้าจอคอมวันละสิบชั่วโมงเช่นกัน แต่กรูใส่แว่นสายตา อาจจะช่วยตรงนี้ด้วย เหมือนมันกรองแสงอีกชั้นอยู่แล้ว
อย่างที่บอกไป ต้องไปลอง แต่ละคนก็คงมีเงื่อนไข หรือความชอบไม่เหมือนกัน
> คือเมิงไม่ได้ใช้tabletประจำ อาจจะไม่เห็นความแตกต่างไง ว่ามันต่างมากจนน่ารำคาญ
พูดเหมือนกูไม่ใช้มือถืออ่ะ (จริงๆ ก็มี Amazon Fire 10" หนัก 500g ใว้อ่านพวก magazine/PB/Meb แต่ไม่ค่อยหยิบเพราะหนักสัส) แล้วมึงอ่านอะไรวะจอ 10" แล้วยังต้องซูม นี่ใช้ 6.8" อ่านมังงะยังแทบไม่เคยรู้สึกว่าต้องซูมเลย
ที่เหลือก็ตามนั้นแหละ แล้วแต่การใช้งานเลย แค่แบบไม่มีใครมาพูดเข้าข้าง e reader เลย เลยมาเสนออีกมุม
>>707 ขอเผือกหน่อยไม่รู้ว่มึงชี้ไปไหน
แยกเป็นอ่านในห้อง / ที่บ้าน กับพกไปอ่านข้างนอกดีกว่า ถ้าอ่านมังงะขนาดที่ไกล้เคียงกับเล่ม BB ประมาณ A3 สุดก็ต้อง table ขนาด 9-10" สบายตาสุดเก็บรายละเอียดได้เยอะสุด ส่วนถ้า 12" ก็ใหญ่เกินโฟกัสสายตา
แต่ถ้า นิยาย / LN ถ้ามันมี file epub กูว่าอ่านมือถือเอาก็ได้ เดินอ่านนอกบ้านไถๆ แป๊ปเดียวจบเล่ม
>>708 Tablet นี่ต้องดูที่ความละเอียด (ppi) ด้วยนะ
ตอนนี้กูใช้ BOOX รุ่นเก่า 6นิ้ว แต่ความละเอียด 1448*1042 300ppi
จัดว่าเป็นความละเอียดที่สูงอยู่ แล้วก็ก็จอ 6 นิ้วของรุ่นนี้มันกว้างกว่า 6นิ้ว มือถือ
เหมือนองศาที่ใช้วัดจะคนละแบบ เพราะงั้นใช้อ่านมังงะสบายมาก
อ่านมาหลายเรื่อง แทบจะไม่เจอปัญหาตัวอักษรเล็กจนต้องเพ่ง
ยกเว้นบางเรื่องที่ตัวละครมันคุยกันยาวเต็มบอลลูนหรือเชิงอรรถเยอะ
ก็อ่านลำบากหน่อยต้องคอยซูม แต่โดยรวมไม่มีปัญหา
>>688 อีกอย่างอย่าไปหวังใช้นานๆ 4-5ปี ขนาดมือถือเมิงยังต้องเปลี่ยน
เพราะว่าเทคโนโลยีรวมถึงความปลอดภัยมันบังคับให้เมิงต้องเปลี่ยน
อันนี้ขอแย้งหน่อย เพราะ E - ink ที่กูใช้อยู่ตอนนี้ซื้อมาตั้งแต่ 2018 ตอนนี้จะ 5 ปีแล้ว
แต่ยังไม่เจอปัญหาอะไร แต่ใช้ในเงื่อนไขที่ว่าเอาไว้อ่าน E book ผ่าน MEB อย่างเดียว
เฉลี่ยแล้วเดือนหนึ่งเปิดไม่ถึง 20 ชั่วโมง
>>711 แล้วแต่คนมั้ง ของกุมี iPad Mini 8" ตัวเก่าความละเอียด 2048×1536 326 ppi ยังว่าอ่านมังงะลำบากเลย เพราะขนาดมันเล็กกว่าหนังสือมังงะเล่มเล็กอีก แต่ตัวที่ใช้บ่อยสุดคือ iPad Air 10" คือ ตัวหนังสือน่ะ mini มันอ่านน่ะอ่านได้ แต่ตัวใหญ่มันก็อ่านง่ายกว่าอยู่ดี กูชอบดูลายเส้น ลายละเอียดที่วาดด้วย ไม่ได้อ่านผ่านๆ ให้จบไวๆ
ตัว10"มันใหญ่ไปอะ สำหรับกุนะหนักไปหน่อยด้วยถือมือเดียวไม่ถนัด มินิแหละกุติดใจขนาดมาตั้งแต่รุ่นแรกละ
เสียอย่างเดียวเมื่อใหร้จะจอLED
>>711 กรูพูดถึงtablet ถ้าเก่าไป เมิงลงแอพอื่นไม่ค่อยได้ หรือได้ แต่ข้อจำกัดเยอะน่ารำคาญ
ถ้าอ่านเมพอย่างเดียว tablet android เก่าสุดกรูอายุ 5ปีก็ยังอ่านเมพได้ (ตัว8.4") ppi 359 อย่างคม แต่มันเล็กไปสำหรับการอ่านหนังสือแบบตัวอักษรเยอะๆ ถึงepub ซูมได้ แต่จำนวนประโยคต่อหน้ามันก็น้อยไป(เหมือนที่กรูไม่ชอบอ่านในมือถือ มันให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าเป็นparagraph ยาวๆบางทีมันตัดข้ามหน้าซะน่าเกลียด) จอรุ่นใหม่ๆ + ไฟล์ภาพต้นฉบับโดยเฉพาะมังงะมันดีขึ้น(ไม่ใช่scanกากๆแบบของเถื่อน) ppi ด้อยลงหน่อยเวลาซูมก็ยังชัด กรูเลยใช้ตัว 10"++ ไปตอนนี้
กลับมาประเด็นวงการหนังสือ
กรูเห็นคนปั่นกระแสว่า ค่าเช่าฮอล์ลQใหม่น่าจะแพง และอาจจะมีเก็บค่าเข้า แล้วปั่นไปปั่นมา จนพูดเหมือนว่าจะเก็บค่าเข้าจริงๆ จาก 30-50 กลายเป็น 100-300 ได้ไงก็ไม่รู้ คนก็ออกมาด่ากันใหญ่
แต่คนในวงการ กรรมการที่มีอำนาจเข้าร่วมประชุมจริงๆแมร่งยังไม่รู้เรื่องเลย แต่โดนด่าไปก่อนซะละ
พวกเมิงว่าไงวะ กรูเห็นคคห.แรกในกลุ่มการ์ตูน เรื่องสงสัยค่าเช่าจะแพงและต้องเก็บค่าเข้า แล้วบอกว่าถ้าเก็บเงินแล้วมีevent ขายหนังสือ18+แทนคนจะยอมจ่ายกันไหม เกี่ยวกันตรงไหน? เพราะคนจ่ายค่าเช่าบูทคือสนพ. จ่ายเพิ่ม แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องเก็บค่าเข้างานสักหน่อย แถมแมร่งลากไปevent 18+ ไม่มีทางอนุญาตได้อยู่แล้ว
แต่งงตรงที่คนคุยเป็นตุเป็นตะเหมือนว่า กรรมการสมาคมฯเป็นคนพูดว่าจะเก็บเงินเลย ทั้งๆที่มันเริ่มต้นจาก คนมโนหรือวิเคราะห์กันเองในกลุ่มเล็กๆ อส
>>711-712 เรื่องความละเอียด ข้อเสียอันใหญ่ของจอ E -ink คือมันแสดงผลได้แค่ 16 ระดับ
(16 grey scale) ถ้าอ่านนิยายก็ไม่เห็นความต่างหรอก เพราะตัวอักษรมันแสดงผลระดับเดียวกันหมด
แต่ถ้าเอาไปอ่านการ์ตูนจะเริ่มมีปัญหาและ โดยเฉพาะการ์ตูนที่เน้นถมดำ สมมุตว่าตัวละครใส่ถุงน่องสีดำ
หรือกางเกงสีดำ มันจะกลายเป็นว่าขาตัวละครกลมกลืนไปกับขากางเกงหรือถุงน่องเลย
ประสบการณ์ส่วนตัวเคยอ่านบาเกะฉบับการ์ตูนด้วย Tablet E - ink หลายซีนสีดำมันกลืนตัวละครไปกับฉาก
50000 นี่ราคาทั้งงานใช่มั้ย ตกวันละ 5000 ถ้าเป็น สนพ.ใหญ่ ถึง สนพ.กลางๆ ขายทั้งงานเกิน 50000ก็ได้อยู่
แต่ สนพ. คงจ่ายไม่ไหว
>>719 ก็ตามนั้น ที่หลุดมาคือค่าเช่าบูทเพิ่ม
แต่มีคนไปเสนอว่าน่าจะเก็บค่าเข้างาน จนคนไปโพสด่าในเพจดังๆหลายเพจ
คือคนเสนอไม่ใช่กรรมการ ไม่ใช่คนในสนพ.ด้วยซ้ำมั๊ง อาจจะแค่ลองเสนอเล่นๆ แต่ดันมีคนไปขยายความต่อเป็นจริงเป็นจัง แต่ทำให้คนด่าสมาคมฯไปเพียบ
แต่ค่าเช่าที่แพงยังไงก็ยังถูกกว่าไบเทคนะ
ที่ผ่านมา ศูนย์สิริกิติ์ให้ราคาถูกสัสๆ มาตลอด จนทำให้คิดำปว่าค่าเช่ามันเท่านี้
พอเจอราคาไบเทคกับอิมแพคถึงกับไปไม่เป็น
พอศูนย์สิริกิติ์กลับมาใช้ราคาถึงกับอ่วก
จริงๆราคา 50,000 รวม 12 วัน ตกวันละ 5,000
มึงหาเช่างานเหี้ยไรก็ไม่ได้แล้ว
ขนาดงานโดจินยังบูธละ 5,000 แล้ว สเกลผิดกับงานหนังสือด้วย
พรี่แว่นมีปัญหาอะไรกับkerryวะ?
แถม
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1842572975952652&set=gm.1830042533868646
ประเด็นคือค่าเช่าเพิ่มจริง สมาคมน่าจะต้องจ่ายแพงขึ้นสองเท่า แต่เรื่องเก็บค่าตั๋วเข้างาน เป็นความคิดลอยๆจากที่ไหนไม่รู้ แล้วคนนอกก็ด่ามากมาย พอถามต้นเรื่องก็อ้างผู้ใหญ่ในวงการ ฝากมาถามโยนหินถามทาง แต่พอไล่ตามหาจริงๆ "ผู้ใหญ่"เหมือนจะไม่เกี่ยวกับในวงการ เป็นแค่นักอ่านเฉยๆ...
แต่กรูก็งงนะ หลายคนแมร่งพูดแบบเป็นตุเป็นตะ แบบ 30-50 เก็บเด็ก ผู้ใหญ่ 100-300 นักเรียนนักศึกษาฟรี หรือมีแบบ ให้เป็นคูปองไปแลกซื้อหนังสือเท่าราคาบัตร แล้วสนพ.ไปเคลมเงินคืนแต่ได้แค่บางส่วน ฯลฯ คือแนวคิดยังไม่ตกผลึก แต่มโนกันไปให้คนด่ามากกว่า
ประเด็นคือเหมือนคนเอาเรื่องเก็บค่าตั๋วเข้างานลอยๆ มาผสมโรงด่าประเด็นหลักคือขึ้นค่าเช่าบูทมากกว่า
>>718 ไม่เคยใช้ฝั่ง Boox/Likebook จริงจังเท่าไร (เพราะไม่ค่อยได้อ่านหนังสือไทย) แต่ถ้ามันดูไม่ออกคือแม่งไม่ dither อันนี้โทษซอฟต์แวร์ละ อาจจะต้องไปหาโปรแกรมอ่านที่ดีกว่านั้น เพราะนี่การ์ตูนใน Kindle ก็ไม่ชอบอ่านตรงๆ เหมือนกัน (ถึง Kindle มันจะไม่แย่ขนาดนั้น) ใช้โปรแกรมแบบ Kindle Comic Converter ปรับรูปก่อน คุณภาพดีกว่ากันล้านเท่า
พูดซะกูนึกได้เลยว่าทำไมกูไม่ชอบอ่านมังงะบนอีอิงค์
แต่มันก็หลายปีแล้วอะนะ เดี๋ยวนี้ก็ยังมีปัญหาเดิมๆ อยู่อีกเหรอ นึกว่ามันจะพัฒนาไปไกลแล้ว
>>728 พูดถึงกลุ่มหนังสือในเฟส ไอ้สมาคมป้ายยานี่กูเข้าไปอ่านผ่านๆ เหมือนกลุ่มมโนเฟื่องเลยว่ะ
แทนที่จะคุยกันเรื่องหนังสือที่อ่าน รีวิวหนังสือ กลายเป็นกลุ่มซูเนโอะ ชอบเอาหนังสือมาอวด
ว่าตัวเองซื้อหนังสือเยอะ ไม่อ่านนะ เอามาไว้เป็นกองดอง แล้วก็อวดชั้นหนังสือสวยๆ
แม่งจะวงการไลท์โนเวลหรือวงการนิยายแปล มีซูเนโอะทุกวงการจริงๆ
>>731 มันดีพอให้คนญี่ปุ่นก็ใช้กันเยอะแหละ แต่พอดีกูไม่ต่ออินเตอร์เน็ตบนคินเดิล ยังไงก็ต้องโหลดผ่านคอม เลยเอาไปผ่านโปรแกรมแปลงให้มันดีขึ้นกว่าเดิมอีก (ดีพอนี่เฉพาะ Store ญี่ปุ่นนะ Store อินเตอร์ไฟล์ต้นฉบับมาห่วยสัส)
>>732 ต้องถามว่ารุ่นอ่ะไรอ่ะ ประเด็นที่บอกคือมันขึ้นกะ Software ซะเยอะ ฝั่งระบบปิดแบบ Kindle/Kobo พัฒนามาไกลมากแล้ว ฝั่ง Android-based นี่เหมือนว่ามันให้ลงซอฟต์แวร์แยกเอาเอง ตัวอ่าน EPUB/CBZ ที่มากะเครื่องคือห่วยสัส
ช่วงนี้โดน 5.5 ป่วนกันหมดแหละ ไม่น่าเป็นสาเหตุที่เอเปลี่ยนเจ้านะ
เพิ่งรู้ว่าโซนวันเดอร์แลนด์สมัยก่อนเก็บค่าที่แพงกว่าโซนอื่นด้วย นึกว่าทำเพื่อแค่กันคุออกมาอย่างเดียวนะเนี่ย กุเพิ่งเห็นจากที่เจ้าของสนพ. เจ้านึงมาบ่นตอนดราม่างานหนังสือวันก่อน (เจ้าที่ชอบอยู่ไกลจากคนอื่นอะนะ)
>>746 ต้องบอกว่าพวกบูธทั่วไปรังเกียจติ่งกับคุและสนพ.ที่เรียกพวกติ่งกับคุมาต่างหาก
ซึ่งพวกนี้ก็ทำความเดือดร้อนให้กับบูธรอบข้างจริงๆ
สมัยเรียนกูเคยไปทำงานพาร์ทไทม์บูธ (ที่เป็นบูธมักเกิ้ลธรรมดา) ตอนนั้นแจ่มใสกำลังบูม และบูธที่กูทำอยู่ตรงข้ามแจ่มใส
สุดๆ อะมึง เข้ามาเกะกะในบูธอื่นกันแบบหน้าตาเฉย เอาของวางพักบนโต๊ะขายหนังสือ เอาใบออเดอร์มาวางบนกองหนังสือแล้วเขียนงี้
ไอ้เจ้าของบูธก็แย่ ใช้เสียงดังสนั่น ตะโกนกันล้งเล้งๆ ถ้าจำไม่ผิดใช้โทรโข่งจนโทรโข่งโดนแบนจากงานหนังสือเลยมั้ง
ตอนนั้นคนบูธข้างๆ กูเหลืออดจนเกือบวางมวยแล้ว
กูว่าพวกคุที่มาวิ่งควายตามบูธสนพ.คุก็ไร้สามัญสำนึกไม่ต่างกัน
ดูอย่างตอนที่เมเนเจอร์วอร์กับเอก็ได้
เอาตรงๆกูว่าเทไปเลยก็ได้มั้งงานหนังสือ ไปตั้งกันเอง น่าจะไม่ต่างละ สมัยนี้คนซื้อน่าจะเยอะจนทำกำไรได้ โดยไม่ต้องพึ่งคนนอกละ
จบนะ
PUBAT ยืนยัน ไม่เก็บค่าเข้าชมงานมหกรรมหนังสือในเดือนตุลาคม
https://www.facebook.com/bookthai/photos/a.249130918466158/5161865357192665/
กรรมการยืนยันเองว่าไม่เคยมีเรื่องเก็บเงินในวาระเลยสักนิดเดียว คนอ่านหนังสือมโนกันไปเอง จนเป็นเรื่องใหญ่โต เพจดังๆด่าสมาคมกันเพียบ
>>751 คนมาดูน้อยไป เก็บค่าเข้า+ค่าบูทไม่คุ้ม เห็นมีคนเทียบตัวเลข คนเข้างานที่กทม.น้อยกว่า สิงคโปร์สามเท่า ทั้งๆที่ค่าเข้างานสิงคโปร์แพงกว่า
ค่าเข้าevent ย่อยๆก็แพงคนเข้าน้อย (แต่ก็ถูกกว่าบินไปดูเองอะนะ บางงานเชิญguestที่ปกติเชิญยากมากๆมาด้วย) จริงๆจัดงานก่อนกระแสไป ถ้าจัดงานสักช่วงปี 2018 ที่บอค กำลังพีค อาจจะได้มากกว่านี้
>>754 กระแส BNK ก็ช่วยไม่ได้ว่ะ เพราะจุดอ่อนงาน Comic con หรือ AFA คือมันเน้นแฟนคลับ Hardcore
ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เป็นโอตาคุทั่วๆไป ไม่สนใจอยู่แล้ว อย่างการเชิญแขกพิเศษที่เกี่ยวข้องกับวงการอนิเมะมาสัมภาษณ์
หรือเชิญนักพากย์อนิเมะมาแจกลายเซ็น จัดคอนเสิร์ตอนิซอง อะไรพวกนี้ คนสนใจจริงๆ(และยอมเปย์)จะมีกี่คน
ผลที่ออกมาก็คือมีน้อยจนไม่คุ้ม AFA ปีแรกที่จัดร่วมกับ Comic con บัตร 300 คนบนว่าแพง
แต่พอแยกมาจัดเอง 150 คนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเยอะ คือมันไม่มีอะไรที่จะดึงดูดคนมางานอ่ะ
แถมตอนนั้น สายคอสเพลย์ทำเรื่องน่าโดนด่าอยากการไปยืนถ่ายรูปฟรีที่หน้าทางเข้าแต่ไม่จ่ายค่าบัตรเข้างาน
สุดยอดมั้ยล่ะมึง
พวกงานหนังสือมันมีสินค้าให้จับต้องได้มากกว่า AFAค่าบัตร 300 เอามาซื้อการ์ตูน ได้ 2-3เล่ม
คนทั่วๆไปจะคิดว่ามางานหนังสือมันคุ้มกว่างานอนิเมะเฉพาะทางอะไรแบบนี้
ค่าบูธสตร์ทที่ 5 หมื่นกับงามสามวัน โลคัลค่ายไหนสู้ ?
>>755 ช่วยได้นะ ก่อนหน้านี้เด็กๆยอมจ่ายแพงกับเกมออนไลน์เท่านั้น แต่พอเข้าระบบBNKทำให้ เกิดความตระหนักว่า ถ้าชอบอะไร ก็ต้องเปย์ พวกนี้ยอมจ่ายเงินซื้อของกับงานอดิเรกเยอะขึ้น แม้แต่หนังสือเอง พวกlimited ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ดังขนาดนี้ กรูไม่ได้เหมารวมว่า เกิดจากระบบBNKทั้งหมด แต่กรูว่ามันก็มีผล ทำให้คนยินยอมที่จะจ่ายซื้อ"ของแท้"เพื่อสนับสนุนเพราะความชอบมากขึ้น
อีกอย่างช่วงบอคดัง คือกระแสไอดอลก็มาเต็มๆ งานTIF งานไอดอลล้วนๆยังจัดได้เลย(ส่วนปีถัดมาไม่ได้จัด ส่วนหนึ่งเพราะผู้ประสานงานเกาะคนเดิมออกจากวงไปด้วย) และปกติงานพวกAFA มันก็collab กับสายไอดอลอยู่แล้ว งานที่สิงคโปร์กับฮ่องกง เคยเชิญวงดังๆอย่าง46 ไป
>>755 กรูจำได้เคยเห็นเซนชู กับdex ไปเปิดนะ แต่ตอนนั้นเกาะกระแสเมะด้วย
>>758 มันก็ธรรมดา ก่อนหน้านี้ เด็กก็แห่ซื้อlimited anime dvd/bd ก็เซนชูนั่นแหละ ขายในงานอื่นๆ คนต่อคิวยาวสุดๆ แต่กระแสมันตกไปหลังจากนั้น
ตอนนั้นเซนชูกับdexมันไปงานAFA,comicon,TIF ได้(กรูไม่แน่ใจว่าไปทั้งสามงานเลยไหม แต่คุ้นๆว่าเห็น) ก็แสดงว่ากำลังซื้อเยอะอยู่
แต่ตอนนี้กระแสตกหมด ไม่ว่าไอดอล เมะ จัดไปก็คงไม่ได้อะไร กรูหมายถึงเสียดายที่งานพวกนี้มันไม่จัดตอนพีคสุดๆเท่านั้นเอง
นกย่างประกาศ LC ใหม่อีกแล้ว
โลคัลว่าไงวะ
เพราะหยามมีชนักติดหลังเรื่องชอบพิมพ์ใหม่แล้วอัพกระดาษตั้งแต่ก่อนหน้านี้อยู่ คนเลยจ้องเป็นพิเศษ
มาคิดดูแล้ว เว็บกล่องของ LP นี่ทำมาดีมากนะ UX UI สวย mobile friendly จัดหมวดหมู่เรียบร้อยหาไม่ยาก มียันตารางออกหนังสือกับระบบเปิดเคส dispute ช่วงหลังกดของลิมิตก็ไม่มีล่มเลย บางสนพ.ใหญ่กว่ายังใช้ระบบเมพแล้วจัดหมวดเละเทะหรือเขียนเว็บสั่วๆอยู่เลย
เสียอย่างเดียว หลังบ้านส่วนจัดส่งกับ support ลูกค้าแม่งทำงานกันห่วยจนกลบความดีงามหน้าเว็บหมดเลย
ฮี่ กร๊อบๆ กลับค่ายด่วนๆ เลย
แล้วทำไมไม่รอให้ชัวร์ก่อนค่อยแจ้งวะ
เดี๋ยวนี้แจ้งล่วงหน้าชั่วโมงเดียว ของก็หมด เวปก็ล่มได้ละ
772 773 ต้องมีคนนึง ..........................
จัดหน้าเว็บดีเนี่ยนะ
หน้า release แม่งเอา ebook กับหนังสือเล่มปนกันเละเทะ พอกด sort เอาแค่หนังสือ อ้าวไอ้เหี้ย เล่มที่เป็น on demand ไม่โชว์อีก
แทนที่จะแยก section ของที่เป็น ebook อย่างเดียวออกไปอีกหน้าเลย
LP กุเฉยๆนะ แต่ต้องบอกว่าวงการนี้มาตรฐานเรื่องเว็บมันต่ำ เทียบกับเจ้าอื่นมันเลยดูดีขึ้นมา ลองไล่กันดูดิ
>A F G V Z แยกหมวดหนังสือโอเค แต่เว็บมันใช้ระบบเทพshop หน้าตาก็จะโหลๆหน่อย ลูกเล่นทำไรมากไม่ได้
>S ใช้เทพshop เหมือนกัน แต่เรียงหมวดอะไรก็ไม่รู้ จัดตามโปรลด ตามช่วงที่ออกมั่วมากเหมือนอยากตั้งอะไรก็ตั้ง หาหนังสือยากชิบ สุดท้ายต้องsearch เอา ถ้าจำชื่อเรื่องไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อกันล่ะ
>P เว็บแลค ระบบ search ป่วยๆ เจอบ้างไม่เจอบ้าง มีบัคบ่อยพวกของแถมหาย ล็อกอินไม่ได้
>D หนังสือ sort ได้แค่ตามสนพ. กับประเภทว่าเป็นมังงะ/LN ที่เหลือกองรวมกันหมด แล้วกุจะแยกเรื่องยังไงละเนี่ย
>N คล้าย D แค่แยกแนวกับมี tag คนเขียนให้เพิ่ม แต่ยังแยกเรื่องไม่ได้อยู่ดีเนี่ยนะ
= ) กลับค่ายถูกมั้ย
ฮี่ ฮี่ กลับค่ายเว้ย กลับ
โควิดปีแรก นกย่างขาดทุน สต็อกท่วม
โควิดปี 2 นกย่างขายเกินร้อยล้าน กำไร 20 บ้านเว้ยเห้ย แต่ยอดสต็อกลดลงอีก
ไหนใครว่าขายไม่ดีวะ
งานเก่าขายได้เพิ่ม มีกรณีเดียวคือได้ทำอนิเมแหละ
และปกตินกย่างมันก็เอามาทำคู่อนิเมแทบทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ค่อยมีก็อกสองเหมือนเวลาเจ้าอื่นถูกหวยหรอก
n ก็มาเงียบๆ พลิกกำไรเกือบ 20 ล้านว่ะ ก่อนหน้านี้แดงร้อยล้านนะนั่น สงสัยรีปริ้นของเก่าพ่วง box ขายเด็กหนวดได้เงินดีกว่าที่คิด
โมเดลพิมพ์น้อยๆคนไม่ด่าของค่ายอื่นก็มี อย่าไปเลียใบเขียวมันให้มาก
คนอื่นพิมพ์น้อยไม่เห็นขายดี ไม่เห็นมีเกร็งกำไรหมดเร็วๆ แบบใบเขียวเบย
ตรรกะที่ว่าพิมพ์น้อยทำให้เกิดการเกร็งกำไรแล้วของหมดไม่จริงเสมอไป
แต่ตรรกกะว่ามันขายดีแย่งซื้อจนหมดทำให้เกิดเกร็งกำไรเป็นจริงยิ่งกว่า
ขายดีก็เหี้ยแล้ว ช่วงนั้นปกนี้จะเน่าเอา
จำได้ว่ามีโม่งเพื่อนนักแปลบอกเครียดจนต้องพักงานแปลไป
ปล เมื่อใหร่DAL22เล่มแก้จะส่งให้วะ นานจัดละนะ
สยามมันแข่งประกาศ Lc กับนกย่างอยู่รึไง
>>785-786 เท่าที่สังเกต N มันหันมาทำตลาดนักอ่านวัยทำงานด้วยล่ะ พิมพ์ขายแพงๆไปเลยยอดต่อเล่มน้อยไม่เป็นไรแค่กำไรต่อเล่มมันดีก็พอ
อย่างเซลแมนทมิฬของฟูจิโกะA ราคาหลักหลายร้อย ปล่อยขายผ่าน Meb ก่อนแล้วพิมพ์ขายแบบเล่ม DDDDD ที่เด็กวัยรุ่นไม่น่าซื้ออ่านก็เอามาขายแบบเล่มใหญ่ ไหนจะหัว Pastel เน้นขายการ์ตูนรอมคอม SOL แบบราคาหลักร้อย
หลัง ๆ ขีดแดงน้อยลงมากนะ
ตอนนี้กูเห็นโมเดลนึง ต่างโลกหรือพวกแฟนตาซีหลายเรื่องต้นฉบับเป็นนิยายแต่สยามเอาเข้ามาแค่มังงะ พอเข้าใจได้ว่าค่ายมันเน้นมังงะ บางเรื่องก็ต้นสังกัดนิยายคนละที่ ไปอยู่กับ GA หรือคาโดงี้ อาจจะยุ่งยาก
แต่ช่วงหลังนกก็เริ่มตามโมเดลนี้แล้ว ขายแต่มังงะ ทั้งที่นิยายก็ของก็คาโดเหมือนกันแท้ๆ หรือนิยายแนวนี้จะเริ่มเสื่อมความนิยมในไทยเรอะ
ต่างโลกดับ ย้ายมารอมคอมหมดแล้วค่ะ
รอมคอมก็สปอยล์ได้ สปอยล์มโนได้ แอนตี้โง่ๆ ตามสปอยล์ผิดๆ ได้
ไม่ต่างกันเลย คุสวะ
รอมคอมสปอย์แล้วลูกค้าหายง่ายกว่าต่างโลกน้อ
แต่ถ้าต่างโลก มีเมียหลายคน ผสมพันธุ์ทุกเล่ม มันก็ขายได้เรื่อยๆ อ่ะ
>>814 เดี๋ยวนี้มังงะเล่มละร้อยกลางๆ แพงกว่าLN ไซส์เล็กของเซนชูเมื่อก่อนอีก(พวกร้อยต้นๆ)
แต่มังงะมันจินตนาการง่าย ไวฟุ เนื้อนมแน่นๆ รูปชัดๆไปใช้งานต่อได้เลย สำหรับวัยเห่อ.มอย
ที่ขายดีก็แนวไวฟุจัดๆทั้งนั้น
ยกเว้นบางเรื่องแบบน.ศ.ศิลปะ ที่กรูก็งงว่ามันเป็นกระแสได้ไง หรือพ่อค้าปั่นจนติดกระแส ซื้อมาไม่กี่เล่มก็เฉยๆ(ebook)เลิกตาม
ถามคนในวงการ เวลาที่พวกมึง LC อะไรมาสักเรื่องแล้วพบว่ามีแปลเถื่อนคิดชื่อไทยให้เสร็จสรรพแล้วมันทำให้มึงตั้งชื่อเองกันยากขึ้นขนาดไหนวะ หรือไม่มีผล
ไม่มีผล เพราะกุแปลตรงตัว
ไม่มีผล เพราะกูเสนอชื่ออะไรไปก็ไม่เห็นสนพ.มันจะใช้ชื่อที่กูเสนอเลยสักครั้ง
แต่ความรำคาญคนอ่านที่จำชื่อเถื่อนหรือชื่อเล่นเหี้ยๆ นี่ของจริง
ไม่มีผล ตอนตั้งกูดูแค่หน้าปกแล้วตั้งเลยไม่ได้แปลตามชื่อยุน
พวกคุมันสงสัยอะไรกัน ชาวเกาะมาเอง ออกเร็ว ไม่มีดอง ไม่มีแพแน่นอนโว้ยยยยยยยยยยยยย
https://www.facebook.com/groups/1708452006110120/permalink/3158435504445089/
ถ้าพวกมึงซื้อๆ แค่สามพันเล่มก็ไม่มีปัญหาแพแล้ว
เอาไปเกร็งกำไรก็ได้
ซื้อไม่มากพอก็............... ไป
lp พิมพ์น้อย ขายแป๊บๆ หมด ยังไม่แพเลยค่ะ
แล้วนกย่างที่ขายดีๆ คนเข้าแถวบานๆ ชาวเกาะมาเอง สายส่งก็มี โรงพิมพ์ก็มี จะแพได้ไงคะ
ประกาศ LC ไปแล้วเปลี่ยนชื่อไทยกลางคัน แบบนี้ก็มีด้วย แปลกดี
คนแปลหลานจอมปราชญ์เล่มในตำนานคือ N1 คนเดียวกะเจ้าของเพจแดกมาม่าป่ะ ???
N1 ในตำนานคือใครวะ
มาม่ามันรับแปลนิยายด้วยหรอ
ต้องถามว่ามันรับงานแปลด้วยเหรอ ดูจากอีโก้มันทำงานกับใครก็ไม่น่ารอด
แล้วคนแปลหลานจอมปราชญ์เล่มในตำนานสอบได้ N1 ใช่ไหม
แปลวรรณกรรมนี่เห็นมาหลายรายละนะ N1 แปลห่วยกว่า N2
เก่งญี่ปุ่นจนลืมภาษาไทย
เดาว่า N1 บางคนพึ่งกลับจากเกาะมา แล้วว่างงานเลยมารับงานแปลมั้ง
เคยคุยกับเพื่อนที่ไปทำงานที่เกาะนานๆ เห็นมันพิมพ์โครงสร้างประโยคไทย ผิดหมือนกัน
n1 : บก.ได้ N อะไรค้าา
บก. กูได้ ONet ไทย 100
กูเจอบ่อยเหมือนกันในมังงะของสยาม แปลตรงแหน่ว รูปประโยคบางทียังเป็นแบบญี่ปุ่นอยู่เลย บางทีช่วยเกลาประโยคให้มันไทยหน่อยเห้อ
พูดตรงๆเรื่องการแปลสละสลวยหรือไม่ ไม่ปวดหัวเท่า คนอ่าน จำการแปลของเถื่อน แล้วคิดว่ามันถูกต้องที่สุด(เพราะมันจำฝังใจไปแล้ว) แล้วมาโวยใส่พิมพ์ลิขสิทธิ์ว่าแปลแย่ แปลหรือตั้งชื่อตัวละครไม่ตรงของเถื่อนมากกว่า
มิตรสหายคุผู้หนึ่งตั้งข้อสังเกต
PN ชอบทำตาม LP เป๊ะๆ
เริ่มจากทำลิมิท ทำเว็บล่ม
แพ
ทิ้งตลาดนิยายไปโฟกัสมังงะ (อันเน้ยังไม่ชัด แต่เริ่มๆ ซื้อมังงะมากกว่านิยายละ)
Lp สมัยก่อนนิยายมันแทบจะวางขายเฉพาะงานหนังสือนา
ออกเพราะมีงาน
>>847 ตอนนี้โฟกัสมังงะเพิ่มอะถูก แต่ถึงขั้นทิ้งนิยายกูนึกภาพไม่ออกแฮะ ตัวแม่ยืนหนึ่งด้านนี้ มีสนพ.ย่อยป้อนของดีๆให้เป็นสิบๆหัว มันจะทิ้งไปทำไม ยิ่งโลคัลที่ยังจริงจังกับนิยายก็เหลือแค่เอด้วย
ส่วนเรื่องชอบเก็บของไว้ออกงานหนังสือแต่ก่อนก็เป็นกันหลายค่ายนี่นะ ตั้งแต่ย้ายงานไปเมืองทองรอบนั้น+โควิดมาซ้ำ ถึงกับปรับกลยุทธ์กันหมด
เรื่องจริงจังกับนิยายเหลือแต่เอก็จริง
แต่เรื่องเด่นๆ ไม่มีหลุดไปเลย
เป็นกุ กุก็ทิ้งนิยายไปเล่นมังงะดีกว่า
นกมันคงมองเกมขาด
พวกมึงหนีมาเล่นมังงะใช่ไหม
กุเล่นด้วยคนสิ
ไม่ใช่เพราะอะไรๆ ที่เป็นนิยาย นกย่างคาบไปแดกหมดหรอกเหรอ โลคัลถึงเทนิยายทิ้ง
นก : สบายจุง มีคนคัดเรื่องให้
โลคัล : ควย
ตลาดมังงะมันกว้าง คาโดยังยึดไม่ถึง 20 % ไม่เหมือนนิยายที่คาโดฟาดไปเกิน 70 %
ไม่แปลกที่โลคัลทิ้ง LN หันไปสู่ MG มากขึ้น
แต่ก็ไม่ไป MG ของคาโดด้วย
เผลอๆ อาจรวมหัวแพ LN คาโดที่มีในมือทิ้งอีกต่างหาก
กลยุทธอะไรเนี่ย ออกเล่มปกติไป 4 เล่มแล้วย้อนกลับมาออกลิมิตเล่ม 1 ใหม่
แล้วทำไมไม่รอก่อน
โพย LC นิยายของนกรอบนี้คือดูว่าคนวาดเป็นหม่าม้าให้วีทูบเบอร์ไหมแล้วจิ้มมาเหรอ?
นิยายพวก top
เหรียญทอง
เป็นเมะอันใกล้
มี mix media
เสร็จนกย่างหมด
ที่เหลือคือโลคัลไปแย่งกัน
เผื่อพวกมึงไม่สังเกต
พรีออเดอร์นิยายใหม่เดือนนี้ของ a เป็นคาโดล้วนเว้ยเห้ย
ช่วงนี้ LP เล่นเชรี้ยอะไรวะเนี่ย DXD DX 4 ไม่ลงขายร้านทั่วไป ต้อง pre บนเว็ป MQ อย่างเดียว
โดนดึงแอพพรูฟงานไม่ให้ออกชนค่ายลูกในงานหนังสือปะวะ
อืม เป็นไปได้
เป็นมึง ยอมออกโนเกมลิมิทหลังงานใหญ่รึวะ ?
a กับคาโดนี่จะว่าไงดี มีตั้งแต่ออกเร็วติดสปีดได้ (รี0) ไปยันบางเรื่องที่เห็นแอดมินคอยตอบลูกเพจว่าเจรจาอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ซะที (โชเนนอนเมียวจิ)
งบการเงิน 64 ของ S กับ G ออกแล้ว
อืม รายได้ 500 ล้าน พุ่งจากเดิม 300 ล้าน แต่กำไร 6 ล้านเท่าเดิม
เล่มละ 100 ต้องขาย 5 ล้านเล่ม (ไม่รวมที่เหลือในสต็อกอีก)
พิมพ์น้อยๆ ขายพอดีๆ แบบ LP กำไรเท่ากัน ของไม่เหลือในโกดังในเจ็บใจ
โม่งการตลาดจะไปรู้อะไร
เพิ่งซื้อให้เป็นแฟนได้ไงมา นี่ a คุยตรงกับชูเอฉะได้เลยเรอะ ท้ายเล่มกับปกหลังไม่ได้ใส่เอเจนซี่ไว้
ชูเอย์ฉะถือคติใครอยากได้ให้บินมาหา
อาจจะแค่ลืมใส่รึเปล่าวะ บริษัทหัวโบราณตัวพ่อแบบชูเอย์ฉะเนี่ยนะยอมให้ข้ามเอเจนซี่
ทำไมเกม หนัง อนิเมเจ้าของลิขสิทธิ์แปลขายต่างประเทศเองไม่มีคนมีปัญหาอะไร พอเป็นนิยายเจ้าของแปลขายเองกลับโดนคุบ่นครับ หน้าม้าสำนักพิมพ์หรือเปล่า
เป็นคุในโซเชียลช่วงนี้น่าสงสารจังคนับ เจอค่ายที่พวกเกลียดกันคาบ LC เรื่องดีๆไปแดก แล้วค่ายที่อวยก็มาหักหลังอัพราคาลิมิตทะยานฟ้าแถมปล่อยเว็บเน่า(อีกแล้ว)ให้หัวร้อนกันอีก
พวกมึงแย่งกดกันจนเน่าสิท่า
https://www.facebook.com/groups/1708452006110120/permalink/3163535293935110/ ไงละโลคัล
ซื้อแต่เรื่องเหี้ยไรมาก็ไม่รู้
เมื่อวานเห็นบิลร้านการ์ตูนสั่งเย็บผ้าไปปกละ 1,400 เล่ม
นี่แค่ร้านเดียวนะมึง
ไหนใครว่าพิมพ์น้อย
"นิยาย"
โลคัลซื้อแต่เรื่องเหี้ยไรมา X
เหลืออะไรที่โลคัลสามารถซื้อได้บ้าง O
แบบนี้ LP ฉลาดสุดๆๆๆๆๆ
ทิ้งพวกนิยายไปมังงะ (รอมคอม) เต็มตัว
พวกคุมันจะรู้อะไร วันๆ เอาแต่บ่นๆ ว่าแพนิยาย กองนิยาย
มันมีนิยายอะไรให้ซื้อวะ ?
ของในมือมันก็เน่าลงทุกวัน
แพนิยายคือทางออกที่\ฉลสดสุดๆ ของ LP
ไม่มี e book ไม่ซื้อออออ
มีแต่ e book กูก็ไม่ซื้อออออ
จังหวะซิทคอมเหรอวะเนี่ย พูดเรื่อง LP เทนิยายกันอยู่ แม่งจด ISBN นิยายใหม่เฉย อยู่หัว GC
konosuba ซีซั่น 3
a มึงรีบๆ ออกเลย เดี๋ยวเมะแซงอีก
LP ขนาดม็อบขับหุ่นเมะฉายจนจะจบอยู่แล้ว นิยายมันยังไม่ออกซักเล่มเลย
จะว่าติดเรื่อง LC ก็ไม่น่าใช่ก็เห็นจด ISBN ไว้นานแล้ว หรือว่างวดนี้ไปเจอคนแปลเบี้ยวอีกหรือเปล่าหว่า เพราะเรื่องที่จด ISBN ทีหลังแบบเกิดใหม่เป็นสลิ่มยังออกก่อนเฉย
ตอนจบไม่ได้เยใครสักคน
ให้กุทำมาร์เก็ตติ้งให้ไหม
จังหวะเมะมาแบบนี้ มึงต้องรีพรินท์แล้วววววววววววววววววววววว
หรือทำเซทซุปเปอร์อับติเมทเซททททททททททททททททททททททท
a มึงดองเล่มจบไว้เพื่อการนี้เรอะ มึงเอาข่าววงในมาจากไหน ?
>>915 มันช้าเพราะรอ LC ภาคเสริมป่าว ตามลำดับของชาวเกาะมันจะมีเล่ม side story ที่อยู่ในโพยหนังสือล่าสุดของเอออกคั่นก่อนเล่มจบอยู่
ว่าแต่ปกติเอจะชอบออก box กระดาษพับเล็กๆ ใส่ได้ทีละ 4-5 เล่มตั้งแต่เรื่องยังไม่จบ แต่โคโนสึบะจะจบแล้วยังไม่เห็นเลย แบบนี้กูจะหวังให้ทำเป็น box แบบจั่วปังดีๆ ไปเลยได้ไหม พี่แว่นสนใจแนวคิดนี้ไหมฮะ
ถ้ามีทำกล่องก็ออกมาแล้ว ไม่ก็โดนกั๊กไม่ให้ทำ
เรื่องนี้ LC แยก โดนนกย่าง NTR มังงะไปนิ
ไม่มี e book ไม่ซื้อ
อ้าว
มี e book นี่ว่ะ ก็ไม่ซื้อโว้ยยยย
"กูเห็นก่อน แปะน้ำลายไว้แล้ว นี่มันของกู"
คอนแทคเลนส์ประจำโม่งบอกมา เพราะงั้นจะบอกว่า นกย่างซื้อลิขสิทธิ์ไม่ได้นะ
a มันประกาศ สปินออฟของโชคดีมีชัยก่อนชาวเกาะประกาศเมะ 3 วัน
แถมดึงรอเล่มจบไม่ออกมาปีนึง
กุเชื่อว่ามันได้ข่าววงในแน่นอน
เพราะนิยายที่ออกจบแล้ว ต่อให้ฟลุคได้สร้างเป็นเมะทีหลัง ก็ไม่มีทางสร้างกระแสแน่นอน
A มันประกาศก็ตอนหนังสือทำเสร็จจะออกแล้ว อย่าลืมว่าแปล+กระบวนการนั่นนี่อีกไม่ต่ำกว่าสองสามเดือน
ถ้าไม่ใช่บังเอิญประกาศชน ก็รู้ก่อนหลายเดือน
แล้วปกติเรื่องทำอนิเม ถึงญี่ปุ่นจะบอกก่อน ก็ไม่รู้ถึงขนาดที่ว่าญี่ปุ่นจะประกาศตอนไหนหรอก
ส่วนที่ดองเล่มจบไม่ออกซักที กูเก็งว่าจะมีทิ้งทวนจัดชุดมัดแพ็คจบซีรีส์กับเล่มสปินออฟว่ะ เผลอๆ เอาอาร์ทบุ๊ค 2 มามัดแพ็คด้วย
>>920 ลองไปส่อง E book ขายดีหมวด Light novel ใน MEB
คุณนางฟ้าข้างห้อง หัวใจ5ดวง 322คนโหวต
อาเรียข้างโต๊ะ หัวใจ5ดวง 444คนโหวต
ไลท์โนเวลยอดนิยมเรื่องอื่นก็ คนโหวตช่วง 80-120
ถ้ามองว่าคนโหวตใน MEB เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่จะซื้ออ่านแล้วไม่กลับมาโหวต
แปลว่ายอดซื้ออ่านไลท์โนเวลตัวท็อปใน MEB นี่อาจจะแตะหลักพันเลยก็ได้นะ
ในมุมของ สนพ นี่โคตรคุ้มเลย ขายออกเป็นร้อยๆเล่ม ไม่ต้องเสียต้นทุนเรื่องโรงพิมพ์เรื่องสต๊อกอีก
ต้นทุนโรงพิมพ์ ก็คือเอามาให้ meb แทน = 30 %
ค่า LC ชาวเกาะอีก 50 % ก็คือเอาค่าสต็อกมาส่งให้ชาวเกาะแทน
เหลือ 20 % หักภาษี (ประมาณ 10 % ของรายได้รวม) หักค่าตัวกลางเพย์เมนท์ (3-5 %) หักตัวกลางแบบ app store paly store อีก 3-5 % เหลือกลับถึงสนพ. ถึง 10 % หรือเปล่า ยังไม่รู้เลย
นี่แหละเหตุผลที่ LP ทำมังก้าคิว เพราะจะเอา 30 % ตรงส่วนแบ่งเมพ เข้ากระเป๋าตัวเองไง
แต่ บงกชเห็นเอา ebook มาเทกระหน่ำราคาก็ไม่แพงด้วย หรือว่า LP เรื่องเก่า อาจจะไม่ได้นับเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นขายพ่วงยกโหล เวลาต่อสัญญาเล่มแทน?
*พิมพ์ผิดต้องเป็น LC สิ
ใส่ " " เพื่อเน้นๆ ไง
ตอนนี้นกไปจ้างลงโฆษณาตามเพจอินฟลูดังๆในเฟสเรอะ บางที่อ่านแล้วรู้เลยว่าสปอนเซอร์ บางที่ยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เอะใจตรงที่พวกไม่ค่อยชัดนี่พร้อมใจกันพูดถึงแต่หนังสือสนพ.เดียวนี่แหละ
จะว่าไปช่วงนี้งานเข้าไม่หยุดเลยนะ ลิมิตแพงคุตามแซะ เว็บล่มถึงขั้นต้องปิดปรับปรุง แพเล่มกระดาษ ของหลุดคิวซีจนต้องเลื่อนส่ง ส่วนที่ส่งได้ก็ต้องมารับเรื่องเคลมเพราะแหกตอนขนส่งอีก
เมื่อก่อนก็เคยเป็นแบ็คให้วีทูบเบอร์ไทยรายนึงนี่ น่าจะมีแผนแนวๆ นี้นานแล้วนะ
มารอดูกันว่าจะไปเฮดฮันท์คนจากเจ้าไหนมาได้
มีเงินให้ฟาดนี่มันดีจัง ได้คนมีฝีมือ เตะตัดขาเจ้าอื่นได้อีก
บางทีที่ฟาดไปก็ไม่ได้มีฝีมือหรอกนะ ๕๕๕๕๕
ถ้ามีเงินแล้วคัดคนมีความสามารถไม่เป็นก็ปล่อยมันโง่ต่อไปเถอะ
86 นิยายออกแค่ปีละ 2 เล่มเองเหรอ ไปลองเช็คมาพึ่งรู้ กุนึกว่าเป็นเรื่องขายดีมาตลอดเลย จะว่าดึงรอที่เกาะก็ไม่น่าใช่เพราะขาประจำเปิดพรีพวกมือสังหาร เมจิคัล นักสืบ แม่งออกจะชนกันแล้ว
กุสังเกตนกไฟออกรัวๆ แค่ 5-6 เล่มแรก หลังจากนั้นอืด ตัวพรีเมี่ยมก็อืด
ถ้าไม่ใช่ยอดขายเริ่มเน่า ก็คงเป็นช่วงรอต่อสัญญา
ปีก่อนมันสลัดของเก่าทิ้งเปิดเล่ม 1 ใหม่กี่เรื่องล่ะ ลิมิตก็ปั๊มรัวๆเปลี่ยนวิธีออกเป็นพรีออเดอร์ด้วย ไม่รวยก็ไม่รู้จะยังไงแล้ว
เอ๋ แต่ออกช้า ไม่ได้แพ
ชาวเกาะมาเองนะ
eboojk ไทยมันมีเป็น epub มั่งยังวะ เซ็งเวลาซื้อมาแล้วแม่งเป็น pdf scan กากๆ
มึงไม่ได้ซื้อมานานเท่าไหร่แล้ววะ
๕๕๕
ได้ข่าวว่าสแตนดี้เลน่าในเซ็ท86เล่ม8มันเคยมีขายในงานอื่นนี่จริงปะวะ
มันขายเองหรือคนอื่นขาย
*edit นึกว่าผ้าแขวนอะคริลิคนี่หว่า
https://www.facebook.com/groups/790863004650516/about
กฎของกลุ่ม ห้ามขายอัพราคา
แต่มีคนขายราคาปกกี่ราย ?
งบบริษัทปีก่อนออกมาแล้ว กำไรทุกเจ้านะ (ขนาดมีโควิด+ไม่มีงานหนังสือ)
ยกเว้น ...............
เดี๋ยวนี้ต้องพรีออเดอร์ของใหม่ล่วงหน้าสามเดือนแล้วเรอะ
หานิยายอยู่เรื่องนึง หายังไงก็ไม่เจอ (หาพวก phanpha, ในชอปปี้มีแต่ราคาแพงน่าเกลียด) เลยว่าจะสั่ง on demand ของลักพิมพ์ (เห็นว่ารอเดือนนึง) มีโม่งเคยสั่งไหมอะ อยากรู้ว่าได้ภายในเดือนนึงแน่ๆใช่ไหม
>>975 ต้นทุนของเล่ม ?
มึงหารเฉลี่ยต้นทุนลงไปในเล่มยังไง เฉลี่ยทั้งก้อนกับยอดพิมพ์ทั้งหมด หรือเฉลี่ยเฉพาะเล่มที่ขายได้ นับเอาทุนคืนก่อน
เกิดเล่มขายไม่ออกละ หรือขาดยังไม่ถึงทุนที่จ่ายค่าแปลค่า lc ตัวเล่มไป ทำไง โยกต้นทุนมาหารเฉลี่ย ebook ?
แล้วหารยังไง เฉลี่ยทุกโหลด หรือ เก็บทุนคืนก่อน ?
เฉลี่ยต้นทุนไปกับตัวเล่ม มึง 5 เล่ม 10 เล่ม ต้นทุนหายวับไปกับตาเรอะ
ต้นทุนไม่ได้หายวับไปโว้ยยย
มึงต้องขายให้ได้ break event ก่อนโว้ยยยยย อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 3 พันเล่ม
งงระบบ wholesale lp ว่ะ ให้ร้านเปิดพรีรับยอดจนพิมพ์ส่งไปแล้ว 6 เรื่อง เอาของไปลงงานหนังสือได้ 3 งาน แต่ทำไมยังไม่รีเข้าเว็บตัวเองซะที
กุเข้าใจว่าตอนนี้ฝั่งออนไลน์อย่างคิวบ์มันแยกสต็อกออกมาจากสายส่งอย่างมีนาโกะแล้ว แต่จะปล่อยเว็บของหมดอย่างงี้ต่อไปเหรอ
กุบอกแล้ว L หลังยุคมีนาโกะเลิกๆตามไปชีวิตสบายขึ้นเยอะ
A: เมะจบเล่มไหนครับ
B: เล่ม 2
A: เนื้อเรื่องเป็นไงต่อครับ หลังจบเล่ม 2 ยังไม่ได้อ่านต่อ
.....
A: โห ปกเล่ม 101 สวยมาก ตอนนี้แปลไทยถึงไหนแล้วครับ
B: แปลไทยออกเล่ม 69 แล้วครับ ญี่ปุ่น 101 วางแผงปีหน้า
A: โหตั้งแต่ปีหน้า เนื้อเรื่องถึงไหนแล้วครับ อ่านถึง 2 แล้วไม่ได้อ่านต่อเลยครับ
B: จากเรื่องย่อ eng เพราะอ่าน jpไม่ออก จบเล่ม 69 ออกทะเลไปหาปลาครับ กลับฝั่งเล่ม 99
เล่ม 100 เปิดไวฟุคนใหม่ เล่ม 101 คงออกทะเลอีกฝั่ง พระเอกกินผักครับ
A: โอเคครับ สนุกมากๆ เมื่อไหร่ ไทยจะออกถึง 101 นี่รอไม่ไหวแล้ว ผมชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ เมะภาค 2 ก็ไม่ทำต่อเสียที
(กลับไปอ่าน>>989 ใหม่ )
C: ไทยแม่งแปลช้าว่ะ แบบนี้เมื่อไหร่จะตามญี่ปุ่นทัน ไม่ซื้อดีกว่า
D : มีฉากเย็ดไหมคับเรื่องนี้?
E : ฮาเร็มไหมครับ พระเอกแดกหญ้ามั้ยครับ
F : ไม่มี e book ไม่ซื้อ
>>997 ต้องถามพรี่นกที่ทำเรื่องนี้แต่อีบุ๊คได้ว่ะ
https://www.mebmarket.com/ebook-193027-ฮาเร็มนี้พี่ขอสร้างที่ต่างโลก-เล่ม-2-ฉบับการ์ตูน
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.