Last posted
Total of 801 posts
สรุปจานบินคือโดราเอมอนซินะ มาเปลี่ยนโลกนี้ เชี่ย
>>431 แย้งหน่อยนึงตรงชิโอเนะไม่ได้งอลเพราะรอนาน แต่งอลเพราะโนโนกะจำตัวเองไม่ได้ อย่างตอน3โนโนกะเรียกชื่อตัวเอง คิดว่าจำได้เลยหยุดรอ เตรียมยิ้มละ
>>428 กูก็ชอบตรงนี้แหละ ที่ปัญหาของแต่ละคนมันไม่เวอรเกินไป อย่างคำอธิษฐานมันก็สมกะเป็นความคิดของเด็ก8ขวบดี
เรื่องนี้ในบอรดโม่งคุยได้เยอะจริง ที่อื่นไม่คุยเลย รักโม่งก็ตรงนี้
ไปนั่งอ่าน2ch มีคุยกันเรื่องเหตุผลที่ความทรงจำแต่ละคนในตอน12กลับมาไม่เท่ากันอยู่ สรุปได้ราวๆนี้
ยูซึกิ โซตะ โคฮารุ : โนเอลมองว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของสามคนนี้เปลี่ยนไป รอบใหม่เลยลบเรื่องที่เกี่ยวกับจานบินไปจนหมด
โนโนกะ ชิโอเนะ : สองคนนี้ต้องใช้เวลาเจ็ดปีถึงกลับมาคืนดีกันได้ ถึงต้องคงความทรงจำทั้งหมดไว้ เพื่อให้คำอธิษฐานเป็นจริง แต่โนเอลลืมนึกไปว่าระยะเวลา7ปี ทำให้โนเอลกลายเป็นส่วนหนึ่งในคำว่า"ทุกคน"ในคำอธิษฐานสองคนนี้ไปแล้ว
จุดสตาร์ทของแต่ละคนถ้านับว่าเริ่มจากที่แต่ละคนfirst contactกับจานบิน ก็จะกลายเป็นว่ามีชิโอเนะคนเดียวที่เก็บความทรงจำเรื่องโนเอลเอาไว้7ปีเพื่อมารอพบโนโนกะอีกครั้งในตอน12
แต่คราวนี้ไม่ใช่รออย่างมีความหวัง แต่รอเพราะรู้ว่าโนโนกะที่ตัวเองรู้จักต้องกลับมา
ปัญหาของตัวละครมันเล็กน้อยดี ซึ่งกูก็ว่ามันก็เหมาะสมไม่เว่อดี แต่รวมๆยังไงกูก็ไม่ชอบเท่าไหร่ว่ะ รู้แต่ว่าชิโอเนะแม่งซ่อนรูปมาก
จานมา = ดราม่า อีน้องกะชิโอนมอีโม
จานไม่มา = แฮปปี้ แต่ยังไม่สุด แต่ดีว่ะอีน้องไม่อีโมแล้วดูสดใสดี
จานไม่มา แล้วค่อยมาเรียกให้มาทีหลัง = ฟินนนนนนน
สรุปโซวตะมันจะได้กับโคฮารุมั้ย
ไม่ได้คู่แน่ เพราะโคฮารุเมียกู
วันอาทิตย์ที่ไม่มีโนเอล
http://imgur.com/O39fpGs
อาทิตย์นี้ไม่มีโนเอลกูล่ะหงอยเหงา
>>439 ดูก็งงนะ ตอน 12 นั่งดูตอนแรกนึกว่าฮิซายะจะเล่นว่ามันคือความฝันของใครคนนึง แต่พอตอน 13 ดูแล้วคงวนลูปจริง แต่ยังงงอยู่โนเอลทำให้วนลูปทำไม หรือจริงๆอาจเป็นโลกอีกช่วงเวลานึงไปเลย ประมาณโลกคู่ขนานที่ไม่มีจานบินแต่ความนึกคิดของทุกคน โดยเฉพาะโนโนกะกับชิโอเนะต่อโนเอลในโลกช่วงเวลาที่เรียกจานบินมาได้มันแรงพอที่จะส่งมายังอีกโลกนึง อยากให้ฮิซายะมาเฉลยปมจัง
ส่วนเรื่อง anohana กูให้เรื่องนี้ดีกว่าตรงตอนจบเนี่ยแหละมันมีอะไรให้คิด anohana มันเดินแบบเส้นตรงไม่มีอะไรให้คิดเท่าไหร่
http://i.imgur.com/A308WR7.jpg
รูปสุดท้ายปล่อยมาตอนจบ
ตอน10 โนเอลบอกโนโนกะว่า จริงๆแล้วสิ่งที่โนเอลอยากเห็นก็คือรอยยิ้มของทุกคน อยากให้ทุกคนมีความสุข ถึงต้องไป
ถ้าไปของโนเอลหมายถึงสิ่งที่โนเอลทำในตอน12 (ลบexistenceของจานบินออกไปจากโลก,ย้อนเวลา) แล้วทุกคนจะมีความสุข
แต่มันมีฉากโนเอลร้องไห้ในตอน11 ที่กูคิดเอาเองว่า มันน่าจะเกี่ยวกับที่สองคนนี้ยังไม่ลืมนะ เหมือนยังทิ้งคำใบ้ไว้ในความทรงจำว่า ถ้ายังไม่ลืมคงได้พบกันอีกสักวัน เพราะโนเอลเองก็ยังไม่ลืม ยังรอตอบรับคำอธิษฐานของคนที่จำเธอได้อยู่เสมอ
ปล. ฮิซายะบอกในบทสัมภาษณ์ในอิมเมจอัลบั้มว่า ที่ให้อิมเมจของโนเอลเป็นเด็ก เพราะอยากจะสื่อว่ามีแต่ความใสซื่อไร้พิษภัยจริงๆ
มันมีคีย์เวิร์ดว่าต้องไปอยู่ กูเลยคิดว่าไม่น่าใช่โลกคู่ขนานหรือสลับworldline
ส่วนทำได้ยังไงนี่ คงเป็นความหมายของชื่อเรื่อง 天体のメソッド ว่าไปนั่น
เมื่อวานโปรดิวเซอร์แกบ่นๆอยากออกเซทเทย์อยู่นะ ในทวิต
กูเพิ่งรู้ว่าโคฮารุของกูคนพากย์เดียวกันกับเอมะจัง...
>>451 ใจมากเพื่อนโม่งพอเข้าใจละคือจริงๆโนเอลกะจะให้ลืมเรื่องตัวเองให้หมด แต่ท้ายตอน 11 เหมือนใจจริงตัวเองไม่อยากจะจากโนโนกะเลยน้ำตาไหลออกมา ทำให้โนโนกะและชิโอเนะไม่ลืมเรื่องโนเอล เพราะสองคนนี้ผูกพันกับโนเอลโดยตรงตามภาพที่ปล่อยออกมาบ่อยๆเหมือนพ่อ แม่ ลูก แต่ถ้าทุกคนย้อนเวลาแล้วจำเรื่องโนเอลกันไม่ได้หมดชิโอเนะก็ไม่ได้กลับมาหาโนโนกะแน่ๆเลยว่ะ
ตอนนี้รอลุ้นยอดขายวันที่ 28 ดูจาก ranking ยอดจองรายวันคงประมาณ 2 พัน ก็พอได้อยู่มั้ง อย่างน้อยโนเอลนี่เป็นมัสคอตประจำค่ายได้เลย ตอนนี้ในทวิตเห็นคนญี่ปุ่นเอามาใช้เป็นavatar พอควร ลองมาก็ชิโอเนะ
>>454 seiyuu ใหม่ อนาคตน่าจะดัง บทดีทั้ง 2 เรื่อง SS ที่ผ่านมา
กูเฉยๆมากเลยนะตอนจบ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนปลื้มวิเคราะห์ได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้
แค่จบปลายเปิดให้คิดเอาเอง ทีหลังพวกมึงไปดู A/Z ด้วยนะ กูอยากเห็นพวกมึงวิเคราะห์
สักวัน พอมึงเจอเรื่องที่เลือกคนดู จำกัดคนเข้าถึง มึงก็จะเข้าใจเอง
http://i.imgur.com/kQDsHNn.jpg
เรื่องนู๋โนเอลลึกซึ้งนะมุง คิดถึงโนเอลจัง
จะแอนตี้ทั้งทีก็พิมพ์มายาวๆหน่อย ไม่ใช่มากระแนะกระแหนแบบนี้
ยกอนิเมโคตรเทพของมึงมาเกทับด้วยก็ได้ เอาให้สบายใจเลย
ไม่มีใครไฝว์กูไฝว์เอง
กูเป็นคนนึงทีเฉยๆและไม่อินกะเรื่องนี้นะ แต่กูว่าเอามาคุยกับคนที่ชอบก็ไม่มีประโยชน์ว่ะมึง เดี๋ยวสุดท้ายก็กลายเป็นแฟนบอยเฮตเตอร์เกทับกันไปกันมา น่าเบื่อ
แต่ถ้ามันดีจริง คนสุดท้ายที่เหลืออยู่จะเป็นแฟนบอยนะ
ไม่ใช่เฮทเตอร์ที่เป็นอดีตแฟนบอย
ยังมีshort storyแถมBD ออกเรื่อยๆจนถึงเดือน7 สำหรับคนที่รำคาญว่ามันจะคุยอะไรกันนักหนา คงจะได้เจอกันอีกนาน
มึงจะแปลshort storyสินะ เพื่อนโม่ง
http://i.imgur.com/TTgkQxe.png
http://i.imgur.com/iT8YMhf.png
ดีใจเล็กๆกับผลโหวดใน anime trending ถึงจะไม่เกี่ยวกับยอดขายก็เหอะ
เม้นที่เค้าว่า เพลงเพราะ เน้นเนื้อหา ไร้ฮาเรม ไร้เซอร์วิส
infinite shop จัดโปร ซื้อทุก1000เยนได้ตั๋วลุ้นรางวัลใหญ่สามอย่าง
1.อะไรสักอย่างมีลายเซ็น ยังไม่บอก (10รางวัล)
2.หมอนจานบิน(20รางวัล)
3.สคริปต์ตอน1-13 สุ่ม1เล่ม (39 รางวัล)
ตั๋วไม่ถูกรางวัล เก็บไว้แลกของอย่างอื่นได้ รางวัลใหญ่สุดเป็นแสตนด์ ใช้100ใบ
http://infinitedayo.jp/shop/soranomethod_fair.html
ostออกแล้ว สันปกสปอยล์เต็มๆ แต่ในเรื่องเพลงมันเยอะขนาดนี้เลยเรอะ
http://i.imgur.com/wk0a7UA.jpg ได้รับการเยียวยา
ผิดหวังจริงๆ ทำไมต้องขายอะไรแบบนี้ด้วย มีแต่พวกโม่ยไม่สนเนื้อเรื่องเท่านั้นแหละที่จะมาหื่นกับของพวกนี้
*กดพรีออเดอร์ด้วยจิตใจบริสุทธิ์*
ลามกไปหน่อยปะวะสำหรับเรื่องนี้
เอาโนเอลมาทำเป็นของเสียๆหายๆแบบนี้ได้ยังไง ถ้าเอาโคฮารุมากูจะไม่ว่าเลย(กดจองด้วยซ้ำ)
คาราดีไซน์อนิเมบอกในทวิตว่าเพิ่งเคยวาดหมอนข้างนี่แหละ
ส่วน อ.โคฮารุบอก รอบหน้าขอชิโอเนะ...
ไอ้พวกจิตใจระยำ พวกมึงมองเห็นโนเอลเป็นอะไรวะ
เครื่องสนองตัณหาพวกมึงรึไง ควยเถอะ
me......กดจอง"ให้เพื่อน"
ไอ้พวกขี้เงี่ยน มองโนเอลผู้แทนความฝันและความหวังของทุกคนเป็นเครื่องระบายความเงี่ยนและกามารมณ์เองเหรอ ไอ้พวกหื่นกาม
#แค่ภาพตัวอย่างกูก็แตกแบบไม่ใช้มือแล้ว
บทสัมภาษณ์ ผกก.กับฮิซายะ มีพูดถึงเรื่องตอนจบ สรุปสั้นๆว่าสำหรับโนเอลแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อ5คนนี้ ไม่ได้มีใครพิเศษกว่าใคร
เรื่องที่โนโนกะกับชิโอเนะจำได้ เป็นเรื่องของความบังเอิญ เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ที่มีอยู่มากมาย(ในเงื่อนไขที่ว่าจานบินไม่มา)
ยูซึกิ โซตะ โคฮารุ เองก็อาจจะจำได้แต่แรกเหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอน12-13 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมมองของโนโนกะ
http://ameblo.jp/gsc-mikatan/entry-11979545042.html พรุ่งนี้ (27) เปิดจอง
http://imgur.com/Qj3kfch ปกพิเศษมินิอัลบั้มคาราซองค์
■ร้านที่ร่วมรายการ
ゲーマーズ/とらのあな/ソフマップ/ネオウイング/ゲインズ/ジーストア
ปกธรรมดานี่ ธรรมดาจนขี้เกียจแปะ
สัปดาห์หน้ายอดBDคงจะออก
http://i.imgur.com/UolDAca.jpg
กูคิดถึงบาบิก้อน
ลุ้นยอดขายจะได้เกิน 2000 มั้ย งานเรื่องแรกของค่ายนี้ด้วย
>>467 รางวัลตั๋วแลก 35 ใบ
http://imgur.com/gbLDGh0
แผ่นสุดท้ายมีตอนพิเศษ
source: https://www.youtube.com/watch?v=aup_8JM50SQ
Tracklist
キャラクターソングミニアルバム 約束のメソッド
01.プロローグ~ノエル~
02.ほんわか日和/椎原こはる
03.モノローグ~こはるから湊太へ~
04.Brand New Scene/水坂湊太
05.モノローグ~湊太から柚季へ~
06.Non-Stop Days/水坂柚季
07.モノローグ~柚季から乃々香へ~
08.流星のなみだ/古宮乃々香
09.モノローグ~乃々香から汐音へ~
10.きみの音色/戸川汐音
11.モノローグ~汐音からノエルへ~
12.にっこり記念日 / ノエル
http://www.thaiairways.co.th/th_TH/plan_my_trip/Special_fare/Offers_Booking/happy_in_love_for2.page? ไปแสวงบุญสิพวกมึง ซัปโปโรราคาดีอยู่
03.モノローグ~こはるから湊太へ~
นี่มัน... พี่หล่อคะ โคฮารุมีอะไรจะบอก
*1,738 *1 Sora no Method [BD+DVD]: 2015/01/28
ไม่ใช่แนวตลาดเลยขายยากมั้ง อย่างบาฮาบุทว่าเมพๆยังขายได้แค่ 3 พันกว่าๆ
ไม่ตลาดแถมคู่แข่งสายเดียวกัน? นี้โหดๆเพียบด้วยวะ ไหนจะดีกรีชื่อเสียงอีก
คนเจอยูซึกิไป ดรอปกันเป็นแถบมากกว่า
ข่าวดี ยอดจองของอินฟินิท(รวมถึงเซทโคตรลิมิทของอินฟินิท) ไม่ได้รวมในยอดโอริคอน ดังนั้นก็บวกยอดไปอีกประมาณ 2-300
http://imgur.com/LUfTCWV
ปกแผ่น3 ยูซึกิที่รักของทุกคน
>>500 ปกโนเอลยังไม่ถึง 2 พัน ปกนี้จะเหลือหรอ
http://i.imgur.com/FK0SfRU.png
โนโนกะตอนโต ไปเป็น seiyuu
โนเอลนั่นปกแผ่น2 ยังไม่ขายเลย
คาราซองค์ออกแล้ว ฟังๆไป ชักติดเพลงพี่หล่อ เพิ่งเคยได้ยินเจ้าตัว(ไคโตะคุง)ร้องเพลงเหมือนกัน
ยอดขายcharasong จะเป็นไงมั่งว้า
พูดถึงยอดขายเกือบ 2 พันสำหรับค่ายใหม่ถือว่าดีแล้วล่ะมั้ง สินค้าอื่นนอกจากเมะก็ออกมาขายได้เรื่อยๆ
ใครๆก็ชอบโนเอลนี้ ได้รับความนิยมมากกก
เว็บนอกมีคนทำ 3D fanart โนเอล โหดมากกกกกกกกกก
http://www.cgchannel.com/2015/01/sketchfabs-models-of-the-month-january-2015/
ได้ยินว่าเป็นคนไทยทำอีกที เจ้าของที่นี้
https://www.facebook.com/XKungWork/photos/a.135881953168876.30778.135867303170341/761476300609435/?type=1&relevant_count=1
วะ คนไทยทำหรอกเรอะอันนี้
http://imgur.com/gQ5oomT
http://imgur.com/I6uG1UK
ปกradio(18ตอน สองแผ่นจบ)
ตอนแรกๆมาดีนะ แต่จนจบกูให้ระดับเดียวกับ glasslip หว่ะ
>>348
"---อ้าว?"
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนลืมตาตื่นขึ้นมา คือนาฬิกาปลุก
เจ้าสิ่งที่มีรูปร่างหน้าตาชวนให้นึกถึงเพนกวินนั้น สบตากับฉันอย่างจริงจัง จับจ้องมองกันอยู่หลายวินาที
"---เช้าแล้วเหรอ?"
อาการเวียนหัวยังไม่จางหายไปดีนัก ทั้งที่ตื่นแล้วแต่ครึ่งหนึ่งกลับยังรู้สึกเหมือนยังนอนอยู่
ขนาดเสียงงัวเงียของตัวเอง ยังรู้สึกเหมือนว่าเป็นเสียงใครที่ไหนก็ไม่รู้
นาฬิกาปลุกที่อยู่ใกล้ตัวตอนที่ตื่นขึ้นมา
ถ้ามีแค่สิ่งนั้นสิ่งเดียวก็คงเป็นภาพปกติทั่วไปในยามเช้าอยู่หรอก
นอกหน้าต่างที่มืดสนิท และสภาพตัวเองที่ไม่ได้นอนอยู่บนเตียง
ดูท่าตัวฉันที่นั่งอยู่บนพื้นไม้ จะฟุบหลับไปโดยใช้ลังกระดาษแทนหมอน
ขณะที่ขยี้คลองสายตาอันสะลึมสะลืออยู่นั้น สติมันก็เริ่มกระจ่างขึ้นมาอีกขั้น
ร่างกายเองก็ปวดตรงนั้นตรงนี้ไปหมด เพราะนอนผิดท่า
"เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนี่......"
ฉันฝันไป
เรื่องนั้นน่ะก็แน่อยู่แล้วล่ะ แต่ว่าไปแล้ว ฉันฝันเห็นอะไรกันนะ
ฝันเห็นเรื่องสนุก หรือว่าฝันเห็นเรื่องเศร้าใจ จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออกเลย
ทว่าหัวใจนั้นกลับเต้นรัว
ทั้งที่จำได้แท้ๆว่าฝันไป แต่กลับนึกไม่ออกเสียแล้วว่าเป็นเรื่องอะไร
และอีกไม่นานก็คงจะลืมเสียด้วยซ้ำว่าได้ฝันไป
ขึ้นชื่อว่าความฝัน มันก็เป็นเช่นนั้นเอง
แล้วความจริงอันน่าหงุดหงิดที่ไม่อยากจะยอมรับนักก็เข้ามาแทนที่
ที่นี่คือห้องของฉันเอง
ลังกระดาษมากมายวางอยู่เรียงราย บนพื้นก็เต็มไปด้วยกองหนังสือและกล่องเก็บเสื้อผ้าที่พับไว้แล้ว
ฉันคว้านาฬิกาปลุกขึ้นมาดูโดยอัตโนมัติ
"โธ่ เวลาป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย!"
สองมือของฉันจับสิ่งที่หน้าตาละม้ายคล้ายเพนกวินเอาไว้ สายตาจับจ้องอยู่บนเข็มนาฬิกาบอกเวลาบนหน้าปัดด้วยความตกใจ
เวลาขณะนี้ไม่ใช่ตอนเช้า แต่เป็นกลางคืนของปิดเทอมฤดูร้อน แถมยังใกล้จะเปลี่ยนวันแล้วอีกตะหาก
ที่จริงต้องเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วแท้ๆ
แต่เท่าที่ดูสภาพห้องตอนนี้ ดูท่าจะยัง
"เผลอหลับไปได้ยังไงเนี่ย....."
ฉันมองเจ้าเพนกวินด้วยความเหนื่อยใจอยู่คนเดียว
ไม่ใช่แค่ยังไม่ทันได้ทำอะไร พอจะเริ่มจัดการภาระตัวเองที่ค้างไว้ต่อเท่านั้นแหละ-----
"โนโนก่า--- พ่อขอเวลาเดี๋ยวได้เปล่า?"
ฉันได้ยินเสียงคุณพ่อเรียกชื่อตัวเอง ดังมาจากข้างนอกห้อง จากทางห้องรับแขก
"มีอะไรเหรอคะ?"
"อ่า ก็นั่นแหละ"
ฉันตอบกลับเสียงคุณพ่อที่ยังคงสบายๆเหมือนอย่างเคยไป พลางลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
คุณพ่อยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเดิมไม่ผิดเพี้ยน
"เป็นเรื่องแล้วสิเนี่ย"
"เอ๋?"
พอหมดคำนั้น ก็มีเสียงที่ไม่คาดคิดหลุดรอดออกมา
แล้วนาฬิกาปลุกหน้าตาออกแนวเพนกวินที่ถืออยู่ ก็ร่วงหลุดจากมือลงไปในลังกระดาษ
นาฬิกาเรือนนี้ เป็นของขวัญวันเกิดที่คุณพ่อซื้อให้ตอนที่เข้าม.ต้น
ที่จริงแล้วฉันน่ะ อยากจะได้เรือนที่มันน่ารักกว่านี้หน่อยแท้ๆ แต่คุณพ่อน่ะพอเลิกงานก็ดันซื้อกลับมาให้เองตามใจชอบ
ช่วงนั้นฉันถึงกับแอบใส่ของที่พ่อไม่ชอบลงในกับข้าวทุกครั้งเมื่อมีโอกาส แค่เพราะจะประท้วง
แต่ในระหว่างที่ต้องใช้นาฬิกาปลุกนั่นทุกเช้าเพราะความจำเป็น ฉันก็พลอยชินกับการที่มีมันอยู่ในห้องไปด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ถึงแม้ว่าฉันไม่มีทางพูดต่อหน้าคุณพ่อแน่ๆว่าชอบมัน แต่มันก็เป็นหนึ่งในของสำคัญของฉันเลยล่ะ
"โนโนก่า--- งานเข้าของจริงแล้วล่ะ"
เสียงเรียกดังขึ้นอีกรอบ
ฉันถอนหายใจเบาๆแต่ยาวนานให้กับเสียงเรียกของคุณพ่อที่ไร้ซึ่งความกดดันและความกระวนกระวาย แล้วถึงออกจากห้องตัวเอง
อีกไม่นานก็ต้องจากห้องนี้ไปแล้วเหมือนกัน
ฉันมองดูห้องที่กลายสภาพเป็นสถานที่อันจืดชืดไร้รสนิยม เพื่อรอการแยกชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง
ฉัน----- โคมิยะ โนโนกะ อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด
ทั้งที่เป็นห้องที่อยู่มาตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ แต่เมื่อไหร่กันนะ ที่มันกลับเปลี่ยนไปเป็นภาพที่ไม่คุ้นตา
>>516
ความหมายของคำว่าเป็นเรื่องที่คุณพ่อพูดถึงนั้น พอออกมาที่ทางเดินก็เข้าใจได้ในทันที
ความผิดปกติที่รู้สึกได้ในทันทีก่อนจะเข้าไปยังห้องรับแขกตรงทางเดิน ต้นทางของมันนั้นมาจากห้องครัวที่อยู่ติดกัน
อธิบายได้ด้วยคำเดียวคือ เหม็นไหม้
"คุณพ่อ ทำอะไรอยู่น่ะ!"
คุณพ่อในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังยืนถือกระทะอยู่หน้าเตาแก๊ส
มีควันสีขาวลอยโขมงขึ้นมาจากกระทะ
"ว่าจะทำมื้อดึกสักหน่อย ละสายตาไปนิดเดียวเอง"
นิดเดียวเอง ที่ไหนกันล่ะ
ฉันเดินเข้าไปในครัวอย่างหัวเสีย แล้วยึดกระทะในมือคุณพ่อที่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่หน้าเตาอยู่อย่างนั้นมาสำรวจดู
เจ้าสิ่งที่อยู่ในกระทะนั้นอยู่ในสภาพอันน่าสะเทือนขวัญยิ่งกว่าที่คาดการณ์ไว้เสียอีก
"ก้อนดำๆนี่มันอะไรคะ....."
ก่อนอื่นต้องตรวจสอบข้อมูลจากผู้อยู่ในเหตุการณ์
"ไข่ดาวน่ะ กะว่าจะเอาสุกระดับมีเดี้ยม"
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉันก็ยังนึกว่านี่มันเวลดันอยู่ดี
ไม่สิ จะเรียกว่าเวลดันก็ไม่ถูก แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็น
"นี่ทอดท่าไหนถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้โดยไม่รู้ตัวกันคะ!"
"นั่นสิ ทำได้ยังไงกันนะ"
".....ถามก่อนนะคะ นี่ไม่ได้จงใจทำใช่มั้ย?"
"ไม่ได้จงใจจริงๆ"
ฉันถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อลองโยกกระทะดูแล้วพบว่าวัตถุสีดำที่เคยเป็นไข่ดาวที่แน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนนั้นได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเทฟลอนไปโดยสมบูรณ์
ขนาดที่ว่าพลิกกระทะแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พอลองใช้ตะหลิวแซะดูก็เจอกับความแข็งระดับที่ไม่รู้สึกว่ามันเป็นไข่ดาวอีกแล้ว
ฉันมองคุณพ่ออย่างหมดความอดทน
"แล้วนี่จะให้ทำยังไงคะ?"
"ก็ถึงได้เรียกโนโนกะมาดูไง"
"เรียกไปก็เท่านั้นล่ะค่ะ ยังไงก็ต้องซื้อใหม่มาเปลี่ยน......"
พอจ้องดูคุณพ่อที่ดูท่าจะสำนึกผิด ก็ไม่พบท่าทีตอบสนองที่แสดงถึงความพยายามอันน่าเวทนาอันแฝงไว้ซึ่งการแข็งขืนต่อลูกสาวตัวเองเลยแม้แต่น้อย
เจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองแสดงอาการแบบนั้นออกมาแม้แต่นิดเหมือนกัน
"กระทะเนี่ย......ว่าไปแล้ว ที่บ้านทางโน้นยังมีอยู่รึเปล่านะ"
"อันนั้นมัน ของกี่ปีมาแล้วล่ะคะ? ตอนนี้จะยังใช้ได้อยู่รึเปล่าก็ไม่รู้"
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตซะหน่อย คิดอีกแง่ก็ดีออกไม่ใช่รึไง ข้าวของที่ต้องขนไปด้วยจะได้ลดลง"
คุณพ่อมองฉันพลางเอามือกุมคางเหมือนเพิ่งคิดอะไรดีๆออก
เสร็จแล้วก็ชูนิ้วโป้งทำท่าแข็งขัน
ปกติก็ไม่ค่อยได้ทำงานบ้านแท้ๆ ทำไมจู่ๆถึงได้คึกอะไรไม่เข้าท่าลุกมาทำเครื่องครัวให้พังเล่นกัน......
ทำไมถึงเลือกทำไข่ดาวเป็นอาหารค่ำ......
มีอะไรอยากจะพูดตั้งหลายอย่าง แต่มีปัญหาหนึ่งที่เร่งด่วนยิ่งกว่าเรื่องไหนๆอยู่
"คุณพ่อคะ แพ็คของเรียบร้อยแล้วเหรอ? พรุ่งนี้แล้วนะ ถ้าพรุ่งนี้เช้ายังไม่ได้ออกจากโตเกียวจะลำบากเอาไม่ใช่เหรอคะ?"
ใช่แล้วล่ะ อีกไม่นานฉันกับพ่อก็จะย้ายออกจากแมนชั่นนี่แล้ว
เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้-----ไม่สิ ขึ้นวันใหม่แล้วก็ต้องเป็นวันนี้ตอนเช้า พวกเราต้องเก็บข้าวของเตรียมย้ายเสร็จหมดแล้ว
ฝั่งฉันเองยังเก็บของไม่เสร็จก็จริง แต่เป็นห่วงทางฝั่งคุณพ่อมากกว่า
คุณพ่อที่ไม่เคยจะรู้เรื่องเลยว่าลูกสาวเป็นห่วงแค่ไหน
"ยังเหลืออีกตั้งคืนนึงน่า ไม่เป็นไรหรอก"
"จะทำตัวเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะคะ"
"นั่นน่ะข้อดีของพ่อเลยนา"
ไม่ได้ชมซะหน่อย
ฉันเมินคุณพ่อที่ยกมือเกาหัวด้วยความเขินแล้วเอากระทะไปวางไว้ในอ่างล้างจาน
จากนั้นก็เปิดก๊อกน้ำ
เหตุผลที่ต้องย้ายออก เกี่ยวกับเรื่องงานของคุณพ่อ ก็เลยไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก
ที่ทำงานใหม่ของคุณพ่อ อยู่ไกลขนาดที่ไม่สามารถเดินทางไปกลับจากโตเกียวได้
ดีที่ใกล้ๆ ยังมีบ้านที่ครอบครัวเราเคยอาศัยอยู่สมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก เลยกลายเป็นว่าได้กลับไปยังบ้านเก่าที่จากมากว่าเจ็ดปี
ฉันเองก็จะย้ายตามคุณพ่อไปด้วย
ปล่อยคุณพ่อให้ไปอยู่คนเดียวคงไม่ไหวแน่...... ส่วนฉันเองถ้าจะอยู่ทางนี้ต่อคนเดียวก็คงลำบากเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น ฉันเลยตัดสินใจว่าจะไปจากโตเกียวที่อยู่มาตั้งแต่ประถมจนขึ้นม.ต้น
ไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ โรงเรียนใหม่ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
-----ที่เมืองใหม่
>>517
พอคิดถึงเรื่องนั้นทีไร จนตอนนี้ใจมันก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ตรงไหนสักแห่งอยู่ดี
การที่ต้องแยกจากเพื่อนร่วมชั้นมันก็ต้องรู้สึกเหงานั่นแหละ แต่มันยังมีความรู้สึกอีกอย่างที่ต่างไปจากนั้นคอยทรมานฉันอยู่
ตอนที่คิดว่ากำลังเก็บของในห้องตัวเองอยู่ดีๆแต่กลับเผลอหลับไปนั่นก็ด้วย ถึงจะจำอะไรไม่ได้ก็จริง แต่ความฝันที่กวนใจนั่น
ทั้งหมดมันต้องมีสาเหตุมาจากเมืองนั้นแน่ๆ
คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
"----โนโนกะ? เป็นอะไรรึเปล่า?"
ฉันได้ยินเสียงคุณพ่อกับเสียงน้ำไหล
คุณพ่อมาแอบมองหน้าฉันอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"เอ๋......?"
ฉันเผลออุทานออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวเพราะมัวแต่คิดอะไรๆอยู่
โธ่ อุตส่าห์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่กังวลเรื่องย้ายบ้าน รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าคิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ก็สำหรับตัวฉันในตอนนี้น่ะ เรื่องเมืองนั่น.....
"ขอโทษนะ"
คุณพ่อที่เข้ามายืนตรงอ่างล้างจานแทนฉันพูดออกมา
"เรื่องอะไรคะ?"
"ขอโทษนะที่เรียก ที่จริงเรื่องนี้พ่อต้องเป็นคนรับผิดชอบเก็บกวาดเองแท้ๆ"
".......อ้อ เรื่องกระทะ"
"แต่เมื่อกี้เห็นท่าทางแปลกๆไป ไม่เป็นอะไรแน่นะ?"
ถึงจะดูเหม่อๆไปหน่อย แต่ระหว่างที่เป็นห่วงฉันที่ดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจอยู่ คุณพ่อก็เอากระทะไปล้างน้ำ
"......อื้ม ไม่เป็นไร หนูยังเก็บของไม่เสร็จ ขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ"
"อ่า พยายามเข้าล่ะ ที่เหลือจากนี้เดี๋ยวพ่อจัดการเองได้"
ฉันที่กำลังจะกลับห้อง สะกิดใจกับคำพูดหนึ่งของพ่อ
"......ที่เหลือจากนี้?"
ถึงจะมีเสียงน้ำมากวน แต่ฉันก็ได้ยินอย่างนั้นแน่ๆ
"ก็มื้อค่ำไงล่ะ"
"อย่าบอกนะคะว่า จะออกตอนเช้าอยู่แล้วแต่ยังไม่ทำอะไรเลย?"
"ก็พวกของใหญ่ๆทั้งหลายส่งไปก่อนหมดแล้วนี่นา ที่เหลือจะทำอะไรก็ทำไปไง"
"ทำอะไรก็ทำไปนี่คือทำยังไงคะ? นี่ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยใช่มั้ย?"
"ก็อย่างเช่นเขียนชื่อพ่อบนกล่อง จะได้รู้ง่ายๆอะไรแบบนั้น"
ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย
"เดี๋ยวหนูเก็บของเสร็จแล้วจะรีบมาช่วยนะคะ!"
ก่อนอื่นต้องจัดการเรื่องตัวเองให้เรียบร้อยซะก่อน จะมาโทษตัวเองเรื่องที่เผลอหลับไปกลางทางเอาก็คราวนี้แหละ
พอฉันกำลังจะรีบกลับห้อง
"โนโนกะ"
คุณพ่อที่กำลังขัดกระทะ พูดคำหนึ่งกับฉันที่หันหลังให้ด้วยน้ำเสียงเหมือนถอนหายใจอยู่ในที
"พ่อขอโทษนะ"
มันเป็นคำพูดเดียวกันกับก่อนหน้านี้ เพียงแต่ที่ตามมาหลังจากนั้นเป็นคำพูดอื่นที่ต่างออกไป
"......ที่จู่ๆก็ต้องมาย้ายบ้านเอาตามสะดวกพ่อแบบนี้"
ฉันหยุดยืน แล้วหันกลับไปหาคุณพ่อ
"......ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ต้องใส่ใจหรอก เรื่องงานไม่ใช่เหรอคะ? ช่วยไม่ได้นี่นา"
ทั้งหมดนั่น คือใจจริงของฉัน
ฉันไม่โทษคุณพ่อเพราะเรื่องงานหรอก
>>518
แต่ว่า
"ถ้าโนโนกะว่าอย่างนั้น พ่อก็สบายใจ"
คุณพ่อมองหน้าฉัน อาการโล่งใจราวกับจะผุดขึ้นมาให้เห็นทางสีหน้า
"ก่อนเราจะย้ายมา ก็เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน พ่อว่ามันคงไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก"
เมืองนั้น
"......ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ทีแรกเพื่อนๆเขาก็เป็นห่วงอยู่หรอก แต่ถึงจะเปลี่ยนไปบ้าง ก็ไม่ได้ต่างจากเมืองปกติทั่วไปใช่ไหมล่ะคะ?"
ที่นั่น เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสถานที่ชมทิวทัศน์ของสิ่งหนึ่ง
"อา นั่นสินะ ตอนนั้นโนโนกะยังเล็กคงจำไม่ได้ ที่จริงก็แค่ย้ายกลับไปบ้านที่เคยอยู่สมัยก่อนเท่านั้นเอง"
"อื้ม ใช่แล้วล่ะ ก็แค่ย้ายกลับไป ถึงหน้าหนาวจะมีเรื่องหิมะที่น่าเป็นห่วง แต่เดี๋ยวก็คงชินจนเลิกใส่ใจไปเอง เพราะงั้นไม่ต้องกังวลหรอก"
คราวนี้ ฉันโกหกไปนิดหน่อย
ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจว่าจะกลับไปที่เมืองแห่งนั้น ฉันก็เก็บเอาความไม่สบายใจที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้สาเหตุไว้กับตัวตลอด
เมืองที่เคยอาศัยอยู่จนกระทั่งเจ็ดปีก่อน
และตัวตนของ"สิ่งหนึ่ง" ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลานั้น
สิ่งนั้นที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบ
ฉันจำเรื่องจากสมัยที่ตัวเองยังเด็กแทบไม่ได้เลย
ทั้งที่เป็นแบบนั้น ฉันกลับรู้สึกกระวนกระวายมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องย้ายบ้าน
เหมือนกับเด็กน้อยที่ร้องไห้ไม่หยุดเพราะสูญเสียสิ่งสำคัญไป แต่กลับนึกไม่ออกเลยว่าสิ่งสำคัญที่ว่าคืออะไร----
และจากนั้นก็เริ่มนึกไม่ออกว่าตัวเองเคยสูญเสียสิ่งสำคัญไป----
ยิ่งกระวนกระวาย คำตอบนั้นก็ยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
"----คุณพ่อเองก็เถอะ เลิกวุ่นวายเรื่องกระทะแล้วเริ่มเก็บของได้แล้ว เดี๋ยวต้องขับรถอีกนะ"
"นั่นสินะ แฟรี่คงรอไม่ไหวแล้วแน่ๆ"
"......แฟรี่?"
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
----รอก่อนนะ!
สิ่งนั้น ออกมาจากก้นบึ้งของความทรงจำ
สิ่งนั้น คือเสียงของเด็กน้อย
สิ่งนั้น คือตัวฉันงั้นเหรอ?
"โนโนกะ คำว่าแฟรี่มันทำไมเหรอ?"
"เอ๋? อื้ม นั่นสิ......"
ใช่แล้วล่ะ คำที่ไม่มีความหมายอะไร
ก็แค่เล่นคำ {เข้าใจว่าเล่นกับフライパンที่แปลว่ากระทะ}
มันก็เท่านั้นเอง
"หนู...... ขอกลับห้องก่อนนะคะ"
ฉันพูดแค่นั้น จากนั้นก็หันหลังให้คุณพ่อที่ยังติดใจสงสัยอยู่ แล้วเดินกลับออกไปที่ทางเดิน
เหมือนกับว่าหนีอยู่เลย
หนี?
หนีจากอะไรล่ะ?
สิ่งที่ไม่รู้ตัวตน ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คงเป็นพวกความรู้สึกผิด ที่อาจจะปรากฏขึ้นมาจากก้นบึ้งของความทรงจำตัวเอง
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบ
ความรู้สึกที่ผุดขึ้นมา ค่อยๆละลายหายไปเหมือนกับหิมะ
มันเล็กน้อย และเปราะบาง เกินกว่าจะคว้าเอาไว้
พอกลับมาถึงห้องตัวเอง แม้แต่เรื่องที่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่ ก็ไม่รู้เสียแล้ว
สิ่งที่เห็นเมื่อกี้----หรือที่อาจจะเห็น ทำยังไงก็นึกไม่ออกแล้วว่าเรื่องอะไร เหมือนกับความฝัน
ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแท้ๆ----- ความไม่สบายใจมันกลับเอ่อขึ้นมา เกิดขึ้นมาทันทีที่ความรู้สึกนั้นหายไป
"ต้องรีบแล้ว......"
ฉันพูดกับตัวเองเชิงบังคับ แล้วนั่งลงตรงหน้าลังกระดาษ
ต่อให้เป็นเรื่องไม่สบายใจแบบไหน ถ้าลืมไปซะได้มันก็จะดีเอง
แต่เรื่องที่จะให้ลืมสิ่งที่ลืมไปซะ มันเป็นคนละเรื่องกัน
ฉันทยอยแพ็คของที่อยู่รายล้อมตัวลงกล่อง ราวกับจะขจัดความไม่สบายใจที่ตามติดนั้นออกไป
เสื้อผ้า ของใช้ ค่อยๆทยอยลงกล่องไปทีละอย่าง อัดมันลงไปในกล่อง ปิดฝา แล้วปิดด้วยเทปกาว
คลี่กล่องใหม่ออกมา แล้วทำแบบเดิมซ้ำไปเรื่อยๆ
ระหว่างที่ทำอย่างนั้นอยู่ ก็รู้สึกได้ว่าความไม่สบายใจที่ไม่รู้ที่มานั้นได้หายไปพร้อมกับข้าวของในห้องเสียแล้ว
"......ค่อยยังชั่ว แบบนี้อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ"
ถึงเวลาจะล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว แต่ก็ยังพอมีเวลาอยู่กว่าจะถึงเช้า ต่อไปก็ต้องไปช่วยทางคุณพ่อเก็บของ
ฉันพักหายใจครู่หนึ่งแล้วเหยียดแขนสองข้างขึ้นให้ร่างกายได้ยืดตัว
พอกวาดตามองรอบห้องอีกครั้ง นอกจากลังกระดาษที่ต้องใช้ย้ายของ ก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว
ที่แห่งนั้น ไม่ใช่ห้องที่ฉันเคยรู้จักอีกแล้ว
>>519
ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จไฟอยู่ขึ้นมาเช็คเมล์
มีเมลใหม่จากเพื่อนร่วมชั้นที่รู้เรื่องที่วันนี้เป็นวันย้ายบ้าน
พอเปิดอ่าน ----ย้ายไปทางโน้นแล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆนะ แล้วว่างๆก็แวะมาเที่ยวโตเกียวบ้างล่ะ----
ที่เหลือเป็นข้อความที่บ่งบอกถึงความรู้สึกดีๆ
นอกนั้น ก็มีเนื้อหาแสดงความเป็นห่วงที่เกี่ยวกับเรื่องเมืองปลายทางที่ย้ายไป
"นั่นสินะ...... เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย"
ฉันพึมพำราวกับจะตอบรับกับข้อความในเมล
ความรู้สึกไม่สบายใจที่ไร้ที่มาที่รู้สึกได้ตอนคุยกับคุณพ่อเมื่อกี้ ต้องมาจากเมืองปลายทางที่ต่างจากเมืองอื่นทั่วไปแน่ๆ
ไม่ผิดแน่ๆ
จะรู้สึกไม่สบายใจ ก็คงไม่แปลกหรอก
-----ก็เมืองนั้น
ชื่อของเมืองนั้นคือเมืองคิริยะโกะ
ถึงจะจำชื่อเมืองไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเมืองนี้
ก็เพราะที่นั่น เป็นเมืองแห่งจานบิน ที่มีจานบินลอยนิ่งอยู่เหนือทะเลสาบนี่นา
--------- ---
เมืองคิริยะโกะ
เมืองที่เป็นที่ตั้งของทะเลสาบขนาดใหญ่ ทะเลสาบคิริยะ
เมืองที่ฉันเคยอาศัยอยู่ สมัยที่ยังเป็นเด็ก
ย้อนกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านทะเลสาบและบ่อน้ำพุร้อนแห่งนั้น จู่ๆก็มีเหตุที่ทำให้ทิวทัศน์เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ
ในตอนนั้น เรื่องที่ว่าเหนือท้องฟ้าของเมือง มีบางสิ่งปรากฏขึ้นมา กลายเป็นข่าวใหญ่โต
สิ่งนั้นก็คือจานบินขนาดยักษ์ ที่มองเห็นได้จากทุกหนแห่งในเมือง
จากที่ได้ฟังมาจากคุณพ่อ จานบินที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่พวกเราย้ายมาโตเกียวนั้น เจ็ดปีผ่านไปจนถึงตอนนี้ ก็ยังคงลอยอยู่กับที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ฉันเอง ก็ยังไม่เคยเห็นของจริง แต่ดูจากรูปถ่ายแล้ว อย่างกับว่ามันแค่ลอยอยู่เฉยๆแล้วเฝ้ามองลงมายังเมืองคิริยะโกะจากบนนั้น
แค่ลอยอยู่เฉยๆ เท่านั้นเอง
ตอนแรกที่จานบินปรากฏขึ้นมา กลายเป็นข่าวใหญ่ก็จริงอยู่ แต่จากการที่มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นให้เห็นเลย ข่าวก็ค่อยๆซาลงไปในที่สุด
เวลาล่วงผ่านไปหลายเดือนหลายปีเข้า ในที่สุดคิริยะโกะก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงด้านทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และจานบินไปแทน
แต่กระนั้น ก็อย่างที่ในเมลเป็นห่วง เรื่องข่าวลือทั้งหลายของเมืองจานบิน จนบัดนี้ก็ยังมีให้ได้ยินอยู่เนืองๆ
เรื่องน่าสงสัยเกี่ยวกับเป้าหมายและตัวตนที่แท้จริงของจานบินที่ยังปิดเงียบ
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนที่ลือกัน ก็เป็นแค่เรื่องที่คาดเดากันไปเอง ไม่ได้มีความน่าเชื่อถืออะไรเลย
ทั้งเรื่องตัวตนของจานบิน และเรื่องเป้าหมาย ไม่มีใครสักคนหรอกที่รู้จริงๆ
จานบินน่ะ จนถึงตอนนี้ อาจจะแค่ข้ามโพ้นฟ้าโพ้นทะเลมาเพื่อลอยอยู่เฉยๆก็ได้
ระหว่างที่กำลังใจลอยคิดไปถึงเรื่องแบบนั้น ตาฉันก็ยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์
อีกเดี๋ยว ก็จะได้เห็นจานบินของจริงแล้ว
แล้วจากนั้น ก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับจานบินไปอีกนานเท่านาน
เมืองที่มีจานบินอยู่คู่กับท้องฟ้า
>>520
ฉันใช้โทรศัพท์มือถือหาข้อมูลเรื่องเมืองคิริยะโกะดูไปเรื่อยเปื่อย
รูปจากเมืองคิริยะโกะมีอยู่เต็มไปหมด ไม่ได้มีแค่รูปถ่ายจานบิน แม้แต่รูปทิวทัศน์ของเมืองแทบทั้งหมดก็มีจานบินเป็นฉากหลัง
ในบรรดารูปพวกนั้น อาจจะมีสถานที่ที่ฉันเคยไปสมัยยังเป็นเด็กอยู่บ้างก็ได้ แต่ที่เห็นแล้วจำได้เลยนั้น ไม่มีอยู่เลย
เมืองคิริยะโกะนั้นขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพที่สวยงามอยู่เหมือนกัน รอบๆทะเลสาบก็เลยมีภาพของคนที่มาคอยถ่ายรูปจานบินติดมาในฉากหลังด้วย
ในกลุ่มนั้น มีเด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน อยู่ในท่าตั้งกล้องเล็งจานบินที่อยู่ข้ามทะเลสาบไป ดูท่าคงจะชอบจานบินน่าดู
"มีของฝากจานบินด้วยแฮะ......"
ในรายการแนะนำเมือง มีร้านที่ขึ้นป้ายว่า"ตำหนักจานบิน"อยู่ด้วย พอลองดูภาพด้านในร้าน ก็เห็นของฝากมากมายหลายแบบที่ดีไซน์จากจานบินวางเรียงกันอยู่
เด็กผู้หญิงที่สวมผ้ากันเปื้อนที่น่าจะเป็นพนักงานของร้าน ถือกล่องที่เขียนว่ามันจูจานบินอยู่ หน้าตาดูยิ้มแย้มแจ่มใส
ถ้าจะซื้อของฝากไปให้เพื่อนๆที่โตเกียว มาซื้อร้านนี้น่าจะดี ทุกคนคงจะชอบแน่ๆ
ขณะที่ฉันยังคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนั้นราวกับจะหนีจากความไม่สบายใจที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเผชิญกับมัน ฉันก็ยังทำได้แค่ปล่อยให้เวลามันผ่านไป
แล้วในระหว่างที่กำลังจะละสายตาจากแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือที่คิดว่าชาร์จไว้จนใกล้เต็ม ฉันก็พบกับคลิปวิดีโออันหนึ่งที่มีบรรยากาศแตกต่างจากที่แล้วมา
"......ไม่เอาจานบิน?"
ชื่อคลิปที่ติดมาเขียนว่าอย่างนั้น
พอลองกดเล่นดู ก็พบว่าเป็นคลิปที่ถ่ายมาจากหน้าร้านของฝากที่เห็นเมื่อกี้
ท่ามกลางนักท่องเที่ยวและคนแถวนั้นที่เดินผ่านไปมา มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถือป้ายที่เขียนตัวอักษรตามชื่อวิดีโอยืนอยู่คนเดียว
เด็กผู้หญิงหยิบโทรโข่งออกมา ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาต้องหยุดดูด้วยความสงสัย
"มาไล่จานบินออกไปจากเมืองของพวกเรากันเถอะ! ถ้าทุกคนช่วยกันล่ะก็ ต้องไล่จานบินออกไปจากเมืองคิริยะโกะได้แน่! ขอความร่วมมือด้วยค่ะ!"
เสียงที่ว่านั้นดังออกมาจากลำโพงเล็กๆของโทรศัพท์มือถือ
......มีชาวเมืองที่เกลียดจานบินอยู่ด้วย
แต่ว่า ตั้งแต่ดูมายังแทบไม่เห็นใครสนใจฟังที่เธอพูดเลย แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงตะโกนผ่านโทรโข่งพร้อมกับโบกป้ายในมือต่อไป
จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนหยุดยืนฟังสักคน
แล้วเด็กผู้หญิงก็เข้ามาเก็บกล้องที่ตั้งถ่ายไว้เอง
"อะไรกัน! ไม่มีใครยอมฟังกันบ้างเลยรึไง!"
เธอตบกล้องที่ไม่มีคนถ่ายด้วยความหงุดหงิดราวกับจะระเบิดอารมณ์ใส่ วิดีโอจบลงเพียงเท่านั้น
ก็คิดอยู่หรอกว่าไม่ไปยุ่งด้วยน่าจะดีกว่ารึเปล่า...... แต่พอเห็นเธอตั้งใจทำอะไรจริงจังก็เผลอยิ้มออกมา
คนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจานบินเลยอย่างฉัน คงจะไม่เข้าใจความคิดของเธอก็จริง
แต่ถ้าหากได้อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน แล้วรู้จักกัน เราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้
เด็กผู้หญิงที่ทำงานที่ร้านของฝาก หรือคนที่ถ่ายรูปจานบินก็เหมือนกัน
"......อ๊ะ ตายจริง"
ฉันมองดูเวลาบนหน้าจอมือถือแล้วพึมพัมออกมาเหมือนถอนหายใจเบาๆ
พอมองดูนอกหน้าต่าง ก็สังเกตเห็นแสงสว่างจางๆจากท้องฟ้าไกลในความมืด
เช้าตรู่ของกลางฤดูร้อน ใกล้จะมาเยือนแล้ว
"ทางคุณพ่อ จะเป็นไงบ้างนะ"
ฉันต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับเครื่องชาร์จอีกครั้ง แล้วทิ้งห้องที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิมไว้เบื้องหลัง
ความไม่สบายใจที่มีต่อจานบินนั้น หายไปโดยอัตโนมัติระหว่างที่ดูรูปของเมืองคิริยะโกะ
แต่ความรู้สึกที่อยู่ลึกๆในหัวใจ ยังคงพร่ามัวเหมือนหมอกควันอยู่ในตัวฉันต่อไป
>>521
"คุณพ่อคะ จะผลัดกันก่อนมั้ย?"
ฉันแอบมองเข้าไปในห้องทำงาน ก็เห็นคุณพ่อที่กำลังล้วงมือเข้าไปในกล่องทำท่าสะดุ้ง หันกลับมาทางนี้พอดี
"อ-อะไรกัน โนโนกะเองหรอกเหรอ...... อย่าทำให้ตกใจสิ"
"จะมีใครอีกล่ะคะ? หนูแพ็คของเสร็จแล้ว ให้หนูช่วยนะ"
"ง-งั้นเหรอ ถ้างั้นพ่อฝากแพ็คของที่เหลือในห้องรับแขกให้ทีนะ"
"ห้องนี้ไม่ต้องแล้วเหรอ?"
"อ-เอ้อ ไม่มีปัญหา"
คุณพ่อเอาลังกระดาษไว้ข้างหลังแล้วโบกมือไปมาเหมือนปิดบังอะไรอยู่
"คุณพ่อคะ มันแปลกๆนะ มีอะไรรึเปล่า?"
ฉันเดินเข้าไปในห้องทำงาน และในขณะเดียวกันนั้นเอง
"คือที่จริง......"
คุณพ่อทำคอตกเหมือนจะขอโทษ
"ตอนที่กำลังเก็บของอยู่...... โดนบาดเข้าน่ะ แต่พ่อไม่อยากให้โนโนกะรู้"
"เอ๋......เป็นอะไรมากมั้ยคะ? มีแผลรึเปล่า?"
"อ่า ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เพราะงั้นทางนี้ให้พ่อจัดการเองเถอะ"
"ยิ่งน่าเป็นห่วงใหญ่เลย"
ไหนจะพวกเครื่องใช้ในครัวที่ยังไม่เก็บอีก
"ถ้าไม่แบ่งงานกันทำจะไม่ทันเวลาออกรถเอานะ"
คุณพ่อพูดแบบไม่ดูตัวเองเลย แต่ก็ตามที่พูดนั่นแหละ จะอยู่คุยกันตรงนี้ต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ฉันหันหลังกลับออกไป
"......งั้น หนูไปจัดการที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ"
"เอ้อ โนโนกะ"
คุณพ่อเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในลังกระดาษที่ตัวเองแอบไว้ข้างหลัง
"เจ็ดปีแล้วสินะ"
ก่อนที่จะมองฉันตรงๆ
"......ที่ย้ายมาโตเกียวเหรอคะ?"
ฉันตอบไปอย่างนั้น
คุณพ่อไม่ได้เอ่ยปากในทันที แต่กลับปล่อยให้ความเงียบเข้ามาคั่นแทนอยู่ครู่หนึ่ง
"นั่นสินะ ยังจำเรื่องสมัยที่อยู่คิริยะโกะไม่ได้เลยจริงๆสินะ? เรื่องบ้านที่เราเคยอยู่ก็ด้วย"
ฉันตอบไปตามตรง
"......อืม"
"งั้นรึ เอาเถอะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นโนโนกะยังเด็กอยู่นี่นา"
อาการเหมือนเสียดายอะไรสักอย่างของคุณพ่อแสดงออกมาทางหน้าตา สายตาก็ลดมองต่ำลงนิดหน่อย
ใช่แล้วล่ะ ตัวฉันสมัยเด็ก จำอะไรในช่วงนั้นไม่ได้เลย
คุณพ่อมองฉันอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มน้อยๆในแบบตัวเอง เหมือนเช่นเคย
"ถ้าหากว่าจำได้ล่ะก็นะ"
"......ทำไมเหรอคะ?"
"พอไปเห็นเมือง เห็นคิริยะโกะของจริง ได้กลับไปบ้านนั้น......ก็อาจจะนึกเรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆออกบ้างก็ได้ ว่ามั้ย?"
"......นั่นสิคะ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่"
ฉันพยักหน้ารับ
ด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก
ฉันอยากนึกออกรึเปล่า?
จู่ๆก็ตั้งคำถามตัวเองด้วยคำพูดนั้น
ไม่มีคำตอบใดๆออกมา แม้ว่าจะรอนานสักเท่าใด
"ห้องที่โนโนกะเคยใช้ ก็ยังอยู่เหมือนเดิมเลยนา"
"งั้นเหรอคะ......"
"พวกเฟอร์นิเจอร์ก็-----"
"คุณพ่อคะ"
รู้ตัวอีกที ฉันก็ขัดจังหวะคุณพ่อไปซะแล้ว
"ไม่หิวแน่นะ? เห็นทำมื้อดึกล่มไป หาอะไรรองท้องก่อนสักหน่อยมั้ย?"
"ถ้าได้ก็ดีนะ"
"ยังพอมีของเหลืออยู่ จะทิ้งก็เสียดาย .......เดี๋ยวจะทำให้นะคะ รอก่อนนะ"
สิ่งนั้นคือเสียงที่ไม่รู้จัก
จากเบื้องลึกของความทรงจำที่ไม่รู้จัก
คำพูดสั้นๆของเด็กสาว คำสัญญา
------อื้ม! จะรอนะ!
เสียงที่ไม่รู้จัก คำพูดที่ไม่เข้าใจ
เพราะฉะนั้นจึงสื่อมาไม่ถึงตัวฉันในตอนนี้
คำพูดที่สื่อไปไม่ถึง ก็จะจมลงสู่ห้วงลึกของความทรงจำ-----
วันนี้ ฉันต้องจากที่นี่ไปแล้ว
และวันนี้ ฉันจะกลับไปสู่เมืองที่ตัวเองจากมากว่าเจ็ดปี
ลางสังหรณ์ที่ยังหาคำตอบให้มันไม่ได้จนตอนนี้
ก็ยังเฝ้ารอคำพูดเพียงคำเดียวมาเนิ่นนาน
"------กลับมาแล้ว"
/กราบ
กูว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แยกซีรีส์ที่เนื้อหาแน่นสุดนับแต่ซาซามิเลย
/กราบอีกคน รักโม่ง อนิเมะที่หาเพื่อนคุยไม่ได้ในบอรดข้างนอก ก็ได้ที่โม่งเนี่ยแหละว่ะ ที่ทำให้รู้ข้อมูลละเอียดขนาดนี้
อ่านจบแล้วน่าจะติดใจที่นึง แต่ถ้ายังจำกันได้ คำตอบมันอยู่ในตอน1นะ
ยอดขายแผ่นเพลงคาราซองมันเท่าไหร่วะเนี่ย อันดับใน orion ไม่เห็นเจอเลย
อาทิตย์ลุ้นแผ่น 2 ปกโนเอล ขายวันที่ 20 ก.พ.
รอลุ้น sidestoryว่าของใครดีกว่า เห็นแต่การ์ตูนแถมเป็นชิโอเนะไปซื้อของกับโนเอล
「ใกล้แต่เหมือนไกล」
รุ่งอรุณที่มาเยือนหอดูดาว สำหรับเด็กสาวนั้น ไม่ว่าจะหมุนเวียนมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังเป็นช่วงเวลาอันแสนพิเศษอยู่เสมอ
ย้อนกลับไปในวันหนึ่งของฤดูหนาวเมื่อเจ็ดปีก่อน เด็กสาวได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เด็กผู้หญิงที่สูงพอๆกับเด็กสาวนั้น บอกกับเธอว่าตัวเองชื่อ---โนโนกะ
ตัวตนของเด็กสาวที่หอดูดาวนั้น สำหรับโนโนกะแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดไว้ก่อนเลยว่าจะได้พบ
แล้วระหว่างที่ยังงงกับเด็กสาว แต่ก็ยังแลกเปลี่ยนคำพูดกันไปด้วยนั้น โนโนกะก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เด็กสาวและโนโนกะ คุยกันราวกับลืมเวลา
อากาศเริ่มหนาว ลมหายใจสีขาวเริ่มปะปนมาในถ้อยคำ
ในวันนั้น มีสิ่งเล็กๆสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาสู่มือแล้วหายไปในเวลาไม่นาน สิ่งมหัศจรรย์จำนวนมากมายที่แม้จะเย็นเยียบแต่ก็งดงาม ตกลงมาจากฟ้า ย้อมทุกสิ่งในระยะสายตาให้กลายเป็นสีขาวโพลน
เด็กสาวได้รู้จากโนโนกะ ว่าสิ่งนั้นเรียกว่าหิมะ
เด็กสาวได้รู้จากโนโนกะ ว่าสุ้มเสียงชวนฟังที่ขับร้องจากปากของโนโนกะนั้น คือสิ่งที่เรียกว่าบทเพลง
ท่วงทำนองที่ทั้งสองร่วมกันขับร้อง ได้เปลี่ยนไปเป็นความทรงจำอันแสนพิเศษของเด็กสาว เป็นดังหิมะที่ตกสุมอยู่ในใจ
หิมะอันอบอุ่น
เด็กสาวรู้สึกได้ ว่าข้างในตัวเธอกำลังถูกเติมเต็ม
แต่ทว่า------
โนโนกะกลับหายไปต่อหน้าต่อตาเด็กสาว
เฝ้ารอจนเช้า ผ่านไปจนเช้าวันถัดมา โนโนกะก็ยังไม่กลับมา
หิมะค่อยๆหายไปทีละน้อย รอบหอดูดาวเริ่มถูกปกคลุมด้วยสีเขียวชอุ่ม แล้วสีเขียวก็เปลี่ยนไปเป็นสีอื่นอันสดใส จนเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
เด็กสาวก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว
กี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ ที่ยามเช้ามาเยือน
วันคืนเดิมๆ ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่มีแต่เด็กสาวเพียงผู้เดียว วนเวียนซ้ำไปมา
แต่ถึงอย่างนั้น รุ่งอรุณก็ยังเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษสำหรับเด็กสาวอยู่ดี
----รอก่อนนะ! เดี๋ยวจะรีบกลับมา!
นั่นก็เพราะว่า สำหรับเด็กสาวที่เชื่อในคำพูดของเพื่อนคนสำคัญจากหัวใจ รุ่งอรุณที่มาเยือนนั้น หมายถึงเวลาที่ทั้งสองจะได้พบกันอีกครั้งได้ใกล้เข้ามาอีกนิด
และตามที่เด็กสาวเชื่อ โนโนกะจะต้องทวงสิ่งที่จะยอมเสียไปไม่ได้กลับคืนมาจากห้วงลึกของความทรงจำตัวเองได้สำเร็จด้วย
แล้วเด็กสาวตัวน้อยในตอนนี้ และเด็กผู้หญิงตัวน้อยในตอนนั้น จะข้ามผ่านเวลาเจ็ดปี กลับมาพบกันอีกครั้ง
เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนั้น จนตอนนี้ก็ยังคงจำชื่อของเด็กสาวตัวน้อยที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นได้
เด็กสาวคนนั้นเรียกตัวเองว่า
โนเอล----
「ใกล้แต่เหมือนไกล」
รุ่งอรุณที่มาเยือนหอดูดาว สำหรับเด็กสาวนั้น ไม่ว่าจะหมุนเวียนมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังเป็นช่วงเวลาอันแสนพิเศษอยู่เสมอ
ย้อนกลับไปในวันหนึ่งของฤดูหนาวเมื่อเจ็ดปีก่อน เด็กสาวได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เด็กผู้หญิงที่สูงพอๆกับเด็กสาวนั้น บอกกับเธอว่าตัวเองชื่อ---โนโนกะ
ตัวตนของเด็กสาวที่หอดูดาวนั้น สำหรับโนโนกะแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดไว้ก่อนเลยว่าจะได้พบ
แล้วระหว่างที่ยังงงกับเด็กสาว แต่ก็ยังแลกเปลี่ยนคำพูดกันไปด้วยนั้น โนโนกะก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เด็กสาวและโนโนกะ คุยกันราวกับลืมเวลา
อากาศเริ่มหนาว ลมหายใจสีขาวเริ่มปะปนมาในถ้อยคำ
ในวันนั้น มีสิ่งเล็กๆสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาสู่มือแล้วหายไปในเวลาไม่นาน สิ่งมหัศจรรย์จำนวนมากมายที่แม้จะเย็นเยียบแต่ก็งดงาม ตกลงมาจากฟ้า ย้อมทุกสิ่งในระยะสายตาให้กลายเป็นสีขาวโพลน
เด็กสาวได้รู้จากโนโนกะ ว่าสิ่งนั้นเรียกว่าหิมะ
เด็กสาวได้รู้จากโนโนกะ ว่าสุ้มเสียงชวนฟังที่ขับร้องจากปากของโนโนกะนั้น คือสิ่งที่เรียกว่าบทเพลง
ท่วงทำนองที่ทั้งสองร่วมกันขับร้อง ได้เปลี่ยนไปเป็นความทรงจำอันแสนพิเศษของเด็กสาว เป็นดังหิมะที่ตกสุมอยู่ในใจ
หิมะอันอบอุ่น
เด็กสาวรู้สึกได้ ว่าข้างในตัวเธอกำลังถูกเติมเต็ม
แต่ทว่า------
โนโนกะกลับหายไปต่อหน้าต่อตาเด็กสาว
เฝ้ารอจนเช้า ผ่านไปจนเช้าวันถัดมา โนโนกะก็ยังไม่กลับมา
>>531
หิมะค่อยๆหายไปทีละน้อย รอบหอดูดาวเริ่มถูกปกคลุมด้วยสีเขียวชอุ่ม แล้วสีเขียวก็เปลี่ยนไปเป็นสีอื่นอันสดใส จนเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
เด็กสาวก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว
กี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ ที่ยามเช้ามาเยือน
วันคืนเดิมๆ ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่มีแต่เด็กสาวเพียงผู้เดียว วนเวียนซ้ำไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ถึงอย่างนั้น รุ่งอรุณก็ยังเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษสำหรับเด็กสาวอยู่ดี
----รอก่อนนะ! เดี๋ยวจะรีบกลับมา!
นั่นก็เพราะว่า สำหรับเด็กสาวที่เชื่อในคำพูดของเพื่อนคนสำคัญจากหัวใจ รุ่งอรุณที่มาเยือนนั้น หมายถึงเวลาที่ทั้งสองจะได้พบกันอีกครั้งได้ใกล้เข้ามาอีกนิด
และตามที่เด็กสาวเชื่อ โนโนกะจะต้องทวงสิ่งที่จะยอมเสียไปไม่ได้กลับคืนมาจากห้วงลึกของความทรงจำตัวเองได้สำเร็จด้วย
แล้วเด็กสาวตัวน้อยในตอนนี้ และเด็กผู้หญิงตัวน้อยในตอนนั้น จะข้ามผ่านเวลาเจ็ดปี กลับมาพบกันอีกครั้ง
เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนั้น จนตอนนี้ก็ยังคงจำชื่อของเด็กสาวตัวน้อยที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นได้
เด็กสาวเรียกตัวเองว่า
โนเอล----
to be continued on BD vol.2 side story book
「ใกล้แต่เหมือนไกล」
รุ่งอรุณที่มาเยือนหอดูดาว สำหรับเด็กสาวนั้น ไม่ว่าจะหมุนเวียนมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังเป็นช่วงเวลาอันแสนพิเศษอยู่เสมอ
ย้อนกลับไปในวันหนึ่งของฤดูหนาวเมื่อเจ็ดปีก่อน เด็กสาวได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เด็กผู้หญิงที่สูงพอๆกับเด็กสาวนั้น บอกกับเธอว่าตัวเองชื่อ---โนโนกะ
ตัวตนของเด็กสาวที่หอดูดาวนั้น สำหรับโนโนกะแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดไว้ก่อนเลยว่าจะได้พบ
แล้วระหว่างที่ยังงงกับเด็กสาว แต่ก็ยังแลกเปลี่ยนคำพูดกันไปด้วยนั้น โนโนกะก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เด็กสาวและโนโนกะ คุยกันราวกับลืมเวลา
อากาศเริ่มหนาว ลมหายใจสีขาวเริ่มปะปนมาในถ้อยคำ
ในวันนั้น มีสิ่งเล็กๆสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาสู่มือแล้วหายไปในเวลาไม่นาน สิ่งมหัศจรรย์จำนวนมากมายที่แม้จะเย็นเยียบแต่ก็งดงาม ตกลงมาจากฟ้า ย้อมทุกสิ่งในระยะสายตาให้กลายเป็นสีขาวโพลน
เด็กสาวได้รู้จากโนโนกะ ว่าสิ่งนั้นเรียกว่าหิมะ
เด็กสาวได้รู้จากโนโนกะ ว่าสุ้มเสียงชวนฟังที่ขับร้องจากปากของโนโนกะนั้น คือสิ่งที่เรียกว่าบทเพลง
ท่วงทำนองที่ทั้งสองร่วมกันขับร้อง ได้เปลี่ยนไปเป็นความทรงจำอันแสนพิเศษของเด็กสาว เป็นดังหิมะที่ตกสุมอยู่ในใจ
หิมะอันอบอุ่น
เด็กสาวรู้สึกได้ ว่าข้างในตัวเธอกำลังถูกเติมเต็ม
แต่ทว่า------
โนโนกะกลับหายไปต่อหน้าต่อตาเด็กสาว
เฝ้ารอจนเช้า ผ่านไปจนเช้าวันถัดมา โนโนกะก็ยังไม่กลับมา
หิมะค่อยๆหายไปทีละน้อย รอบหอดูดาวเริ่มถูกปกคลุมด้วยสีเขียวชอุ่ม แล้วสีเขียวก็เปลี่ยนไปเป็นสีอื่นอันสดใส จนเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
เด็กสาวก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว
กี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ ที่ยามเช้ามาเยือน
วันคืนเดิมๆ ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่มีแต่เด็กสาวเพียงผู้เดียว วนเวียนซ้ำไปมา
แต่ถึงอย่างนั้น รุ่งอรุณก็ยังเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษสำหรับเด็กสาวอยู่ดี
----รอก่อนนะ! เดี๋ยวจะรีบกลับมา!
นั่นก็เพราะว่า สำหรับเด็กสาวที่เชื่อในคำพูดของเพื่อนคนสำคัญจากหัวใจ รุ่งอรุณที่มาเยือนนั้น หมายถึงเวลาที่ทั้งสองจะได้พบกันอีกครั้งได้ใกล้เข้ามาอีกนิด
และตามที่เด็กสาวเชื่อ โนโนกะจะต้องทวงสิ่งที่จะยอมเสียไปไม่ได้กลับคืนมาจากห้วงลึกของความทรงจำตัวเองได้สำเร็จด้วย
แล้วเด็กสาวตัวน้อยในตอนนี้ และเด็กผู้หญิงตัวน้อยในตอนนั้น จะข้ามผ่านเวลาเจ็ดปี กลับมาพบกันอีกครั้ง
เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนั้น จนตอนนี้ก็ยังคงจำชื่อของเด็กสาวตัวน้อยที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นได้
เด็กสาวคนนั้นเรียกตัวเองว่า
โนเอล----
ไหนๆก็โผล่มาแล้ว แจ้งข่าวหนังสือด้วยเลย
http://www.amazon.co.jp/dp/4758014345 fanbook เดือน4
http://infinitedayo.jp/shop/soranomethod_memories.html staff book เดือน3 (น่าจะลิมิทเฉพาะอินฟินิท)
ยอดขายแผ่น 2 แม่งโคตรน่าเศ้รา ปกนู๋โนเอลไม่ได้ช่วยอะไร
ยอดออกไวไปป่ะวะ แผ่นเพิ่งขายวันศุกร์เอง
http://imgur.com/QT9MW65 ปกfanbook
เพิ่งเคยเห็นพี่หล่อลายเส้นต้นฉบับ
http://imgur.com/nNGUWGf
http://imgur.com/DUeCl6i
http://imgur.com/Su4FK9y
http://imgur.com/vdBQDQg
>>535
"ฮ้า!"
ราวกับจะขับอากาศที่อยู่ในร่างกายออกมารวดเดียวหมด
สิ่งที่ทับอยู่บนหน้าโนเอลตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมานั้น คือก้อนขนสีน้ำตาลอ่อน
เจ้าก้อนขนปุกปุยนั้น ปิดทั้งปากและจมูกโนเอลเอาไว้เสียหมด
และเท้าเล็กๆที่งอกออกมาจากก้อนขน ก็เหยียบอยู่บนหน้าโนเอลอย่างไม่เกรงใจ
"งืออออ......ฮัดช่า!"
โนเอลปลุกตัวเองด้วยเสียงอันดัง
ก้อนขนที่ใช้หน้าโนเอลต่างหมอนนอนอยู่ ก็พลันสะดุ้งตื่น ตาลุกโพลงด้วยอาการตกใจ แล้วกลิ้งหลุนๆตกลงไปจากบนเสื้อสีขาว
"อ๊ะ! ขอโทษ!"
มือทั้งสองของโนเอลคว้าตัวเจ้าก้อนขนที่กลิ้งตกลงไปเอาไว้ได้ในทันที
แต่ด้วยความที่ตกใจเอามาก เจ้าก้อนขนพอดิ้นหลุดออกจากมือโนเอลได้ ก็วิ่งแจ้นสุดฝีเท้าไปยังอีกมุมของห้องครึ่งทรงกลม
"......เดี๋ยวสิ"
โนเอลทำหน้าหงอย ก่อนจะประสานสายตากับเจ้าก้อนขนอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงดูสถานการณ์ของอีกฝ่าย ท่าทางเหมือนกับกำลังคำนับกันหรืออะไรสักอย่าง
สภาพนั้นดำเนินต่อไปอีกหลายวินาที
ที่นี่คือมุมหนึ่งของเทือกเขาที่รายล้อมเมืองคิริยะโกะเอาไว้
สถานที่ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาเหล่านั้น หอดูดาวเก่าที่ถูกทิ้งร้าง
หอดูดาวที่ไม่อาจใช้งานตามจุดประสงค์เดิมของมันได้อีกแล้วนั้น สำหรับโนเอลแล้ว จะนับว่าเป็นโลกทั้งใบของเธอก็คงไม่เกินไปนัก
อย่างน้อยก็จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนหน้านี้
>>543
"มามะ ไปเที่ยวบ้านโนโนกะกัน"
ก้อนขน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคือกระรอกน้อยนั้น ไม่มีท่าทีโต้ตอบโนเอล แต่กลับซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของกล้องโทรทรรศน์เก่ากล้องเดียวที่ยังเหลืออยู่ในหอดูดาว
ระหว่างที่ซ่อนก็ทำจมูกฟุดฟิด คอยสังเกตโนเอลไปด้วย เผื่อว่าเข้ามาใกล้เมื่อไหร่ก็จะได้ตั้งท่าหนีทัน
ด้านโนเอลก็ยังไม่ยอมแพ้ ค่อยๆย่นระยะเข้าหาเจ้าสัตว์ตัวน้อยอย่างไม่ลดละ
กระรอกน้อยส่งเสียงร้องเป็นเชิงขู่
"ข้าวห่อไข่ฝีมือโนโนกะน่ะ อร่อยม้ากมากเลยนะ! แถมยังเอาซอสมะเขือเทศมาวาดรูปข้างบนได้ด้วยล่ะ! ......เพราะงั้น"
โนเอลคลานเข่าเข้าไปใกล้
"......อ๋า"
ทว่า มนต์เสน่ห์ของข้าวห่อไข่ดูจะส่งไปไม่ถึงเจ้าสัตว์ที่โตมากับป่าเขา
กระรอกน้อยไต่ขึ้นไปบนซากกล้องโทรทรรศน์ที่พังแล้วอย่างว่องไวเหมือนขึ้นต้นไม้ จากนั้นก็วิ่งหายออกไปทางช่องเปิดที่ใช้ดูดาวบนเพดานโดม
เหลือไว้แต่โนเอลที่ทำหน้าเซ็ง
"เสียดายจัง"
บรรยากาศอันอบอุ่นของปลายฤดูร้อนไหลรินเข้ามาในห้องของโนเอลพร้อมกับแสงแดดยามเช้าจากช่องเปิดบนเพดานโดม
"แล้วมาใหม่น้า!"
โนเอลส่งเสียงบอกผู้มาเยือนตัวน้อยที่หายลับตาไปแล้ว ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา
โนเอลที่นอนแผ่อยู่บนพื้น เหยียดแขนขาตัวเองเป็นการผ่อนคลาย
เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่สองมือนั้นยื่นออกไปหา ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ เมื่อวาน หรือแต่ไหนแต่ไรมา ก็คือจานบินที่ลอยนิ่งอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
"รอก่อนนะ โนโนกะ"
สำหรับโนเอลแล้ว หอดูดาวแห่งนี้ก็เปรียบเหมือนโลกทั้งใบ
เพียงแต่ว่า ตั้งแต่ตอนที่โนโนกะรักษาสัญญา ตั้งแต่วันที่โนโนกะบอกกับเธอว่ากลับมาแล้ว โลกของโนเอลก็ค่อยๆกว้างขึ้น
>>544
"ไปก่อนละนะ~!"
เด็กสาวทิ้งคำพูดที่จะฝากถึงใครก็ตามแต่เอาไว้ แล้ววิ่งลงไปตามบันไดเวียน
ตลอดเวลาเจ็ดปี โนเอลได้แต่เก็บภาพของเมืองที่แค่กวาดตาก็มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบเอาไว้ในใจ
แม้ว่าจะวนเวียนมาในความคิดบ้าง แต่เมืองใกล้ๆที่มองเห็นได้จากหอดูดาวนั้น ก็ไม่ใช่ที่ของโนเอลอยู่ดี
ถึงจะคอยเฝ้ามองดูมันได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะลงไปเดินในเมืองได้
แม้จะสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดมาจากทะเลสาบผ่านทางเสื้อผ้าที่พลิ้วไหว แต่ก็ไม่อาจรู้ว่ากลิ่นของชายทะเลสาบนั้นเป็นอย่างไร
แต่ในตอนนี้ ทั้งหมดของเมืองคิริยะโกะนั้น---
พอได้อยู่กับโนโนกะ สถานที่ที่เคยมองเห็นได้จากหอดูดาวทั้งหมดนั้น ก็ค่อยๆกลายเป็นโลกของโนเอล
จากตัวอาคารหอดูดาว ออกไปสู่ภายนอก
ข้ามผ่านลานกว้างที่ปูพื้น เข้าไปในป่าลึก
วิ่งไปตามทางเดินแคบๆ มุ่งไปสู่ตัวเมือง
"อ๊ะ!"
จู่ๆโนเอลก็หยุดเสียกลางทาง
ที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่กว้างกลางภูเขา
ปกคลุมด้วยสีเหลืองอร่าม
กลีบดอกไม้ที่ต้องลม ปลิวว่อนในอากาศราวกับหิมะ
ที่ตรงนั้นคือทุ่งทานตะวัน
ทุ่งทานตะวันที่เห็นเป็นแสงเรืองรองจากแดดในยามเช้า
ทัศนียภาพนั้นได้ช่วงชิงสายตาของผู้พบเห็นอย่างโนเอลไปจนหมด
"อยากให้โนโนกะมาด้วยจังเลยน้า"
โนเอลยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ดีใจ แล้วหมุนตัวไปรอบๆ
จากนั้นก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง
ทะยานฝ่าทุ่งทานตะวันและทางเดินบนเขา ไปหาคนที่เธอรักยิ่ง
http://imgur.com/Ovumxmg ปกแผ่น4 เป็นบาบิก้อน
เห็นข่าวอิโนรินมาAFAแล้วนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมา
Side story ตอน2จะพยายามให้เสร็จก่อนได้แผ่น3นะ ; ; <โม่งจานบิน>
http://imgur.com/zYlrumo staff book
http://imgur.com/Vqk8IBy りぱ
http://imgur.com/6Xvh6Tf อาคิยะยูคิเอะ
http://imgur.com/CevCXFo อ.โทเมตะ
http://imgur.com/mnMtx5e อ.โคฮารุ
http://imgur.com/l6Ib53F โทโรโระ
http://imgur.com/GrkBYx2 โคมัทสึยูกิ
http://imgur.com/SWwe0qP อิโนริน
http://imgur.com/Mby1VDY ไคโตะคุง(โซตะ)
http://imgur.com/rQnPXTd คายาโนะไอที่รักของเหล่าโม่ง
วาดรูปเป็นด้วยเหรอ คายาโนะไอ
เพิ่งได้ฟังคาราซอง เพราะดีจัง ชอบมากสุดคือเพลงของชิโอเนะโคตรเพราะเลย กูชอบตั้งแต่ตอนที่ร้องBlack holy กับเรื่องวันอาทิตย์ไม่มีพระเจ้าละ รองมาก็เพลโนโนกะ โนเอลก็ร้องได้น่ารักดี ฟังเพลงอากินี่เสียงแบบยุย k on เลย เสียดายกูโง่ญี่ปุ่นเลยไม่รู้ว่าแต่ละคนพูดความรู้สึกไงบ้าง
>>545
"ไปก่อนนะคะ คุณพ่อ"
โนโนกะในชุดเครื่องแบบ ม.ต้น ถือกระเป๋านักเรียน เหลียวกลับมามองข้างในบ้านอีกครั้งขณะกำลังสวมรองเท้า
"ไปดีมาดีนะลูก--"
โคมิยะ ยูอิจิ ผู้เป็นพ่อ โผล่หน้ามาให้เห็นตรงทางเดินแวบหนึ่ง เสื้อผ้าหน้าผมยังกระเซอะกระเซิงดูสภาพไม่ต่างจากเพิ่งตื่นนอน
ขณะที่ทั่วประเทศยังคงปิดภาคเรียนฤดูร้อนอยู่ เขตหนึ่งก็เริ่มเปิดภาคเรียนใหม่กันไปแล้ว
โรงเรียนมัธยมต้นในเมืองโฮคุบิที่โนโนกะย้ายมาเรียน ก็เป็นหนึ่งในเขตที่ว่านั้น
"คุณพ่อเองก็เถอะ ถ้าไม่รีบอีกเดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก"
"เอาน่า เดี๋ยวพ่อจัดการเอง"
โนโนกะมองยูอิจิที่โบกมือหยอยๆพลางตอบรับแบบขอไปทีแล้วก็ถอนหายใจ เสร็จแล้วก็เดินออกไปจากโถงประตู
บ้านโคมิยะ ทันทีที่ก้าวออกมาจากเขตบ้าน
"โนโนก๊ะ!"
แรงอะไรสักอย่างผลักเข้าที่หลังโนโนกะดังตุ๊บ
พอเจ้าตัวเหลียวไปมอง โนเอลที่เกาะหลังอยู่ก็หลบซ้ายหลบขวา
"อรุณสวัสดิ์โนโนกะ--"
"อรุณสวัสดิ์จ๊ะ โนเอล"
โนโนกะที่หันไปมาทำเอาโนเอลที่ยังคงเกาะไม่ปล่อยโยกไปซ้ายทีขวาที
"โนเอล ขอร้องล่ะ ช่วยทำตัวดีๆหน่อยเถอะ ! นี่ อย่าเกาะหลังแบบนี้สิ มันอันตรายนะรู้มั้ย"
โนเอลที่อยู่ในท่าเกาะติดโนโนกะอยู่นั้น พอถึงจุดที่กำลังจะเสียสมดุลกันทั้งคู่ ก็ยอมปล่อยมือในที่สุด
จากนั้นก็กลับมายืนตรงหน้าโนโนกะอีกรอบ
"เจอกันอีกแล้วนะ! คิดถึงจัง!"
โนเอลยิ้มแป้นอย่างเด็กน้อยไร้เดียงสา
แต่โนโนกะที่เผลอใจให้กับรอยยิ้มนั้นไปวูบหนึ่ง ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
"ฉันก็ดีใจที่ได้เจอโนเอลนะ ......แต่ขอโทษนะโนเอล ถ้าไม่ไปโรงเรียนล่ะก็"
ถึงจะพอมีเวลาอยู่บ้างกว่ารถจะมา แต่ก็ไม่ใช่เวลามายืนแกร่วอยู่แบบนี้อยู่ดี
"โรงเรียน? จะไปโรงเรียนอีกแล้วเหรอ?"
เมื่อตอนวันพิธีเปิดภาคเรียนที่สอง โนเอลก็มาหาโนโนกะแบบนี้เหมือนกัน รอบนั้นก็ไม่ได้เช้าไปกว่านี้สักเท่าไหร่ แถมยังวิ่งไปคุยไปอีกต่างหาก
>>553
"อื้ม ถ้าตามปกติก็ต้องไปเกือบทุกวันนั่นล่ะ"
"โห--"
โนเอลอุทานออกมาด้วยความทึ่ง
โนโนกะพอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าทำตาแบบนั้นก็พลอยยิ้มออกมา ระหว่างนั้นก็ปรับก้าวเดินตัวเองให้พอๆกับโนเอล
แล้วทั้งสองก็เดินไปด้วยกันจากหน้าบ้านไปตามทางลงเนินที่พาไปสู่ริมฝั่งทะเลสาบคิริยะ
คราวนี้ต่างจากวันเปิดเรียนวันแรกที่ต้องหัวเสียเพราะคุณพ่อ(ยูอิจิ)แต่เช้า
ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง กว่ารถบัสที่ไปโฮคุบิจะมา
ช่วงเวลาที่ได้อยู่กันแค่สองคนนั้น สำหรับโนโนกะแล้ว เป็นช่วงเวลาแสนสุขเลยทีเดียว
"แล้วโนเอลล่ะ ไม่ต้องไปโรงเรียนเหรอ?"
เหนือท้องฟ้าของเมืองนี้ มีสิ่งที่ไม่อาจพบเจอได้ที่ไหนนอกจากที่นี่อยู่
สิ่งที่ลึกลับพอกันแต่เต็มไปด้วยความใสซื่ออย่างเด็กสาวก็ละสายตาจากโนโนกะมองต่ำลงมาที่พื้น ราวกับจะพยักหน้ารับ
"อืม แต่ว่านะ โนเอลอยากไปโรงเรียนของโนโนกะดูมั่งจัง ต้องเป็นที่ที่ดี๊ดีม้ากมากแน่เลย?"
"ดีเหรอ...... ก็ไม่รู้จะว่ายังไงเหมือนกันนะ แต่ในคลาสมีทั้งคนใจดี แล้วก็คนที่อยากรู้จักอยู่ด้วยล่ะ แถมยังได้เป็นเพื่อนกันแล้วอีกตะหาก"
เด็กผู้หญิงที่ทำงานที่ร้านขายของฝาก
เด็กผู้หญิงที่ลากโนโนกะไปร่วมวงขับไล่จานบิน
แล้วก็เด็กผู้หญิงสวมเฮดโฟนที่เอาแต่หลบหน้าโนโนกะอยู่ฝ่ายเดียว
ภาพผู้คนมากหน้าหลายตา วนเวียนอยู่ในความคิดโนโนกะ
"โนเอลก็อยากเจอบ้างจัง"
"ต้องได้เจอแน่ๆจ้ะ"
สีหน้าอ่อนโยนของโนโนกะที่มองโนเอล ทำเอาเจ้าตัวยิ้มแบบเขินๆ
"นี่ๆ โนโนกะ เล่าเรื่องอื่นให้ฟังอีกสิ เรื่องโรงเรียนของโนโนกะ เรื่องเพื่อน รึว่าเรื่องที่โนเอลยังไม่รู้ก็ได้"
"อื้ม ได้สิ"
โนเอลกับโนโนกะ ปล่อยให้เวลาของทั้งคู่เดินไปพร้อมกัน
เบื้องหน้าคือทะเลสาบผืนใหญ่
ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆบดบัง
และสิ่งที่ลอยอยู่ระหว่างผืนฟ้าและผืนน้ำนั้น ก็คือจานบินขนาดมหึมา
ข้างกายโนเอลตอนนี้คือโนโนกะ
นี่คือช่วงเวลาที่โนเอลรอคอยมาเนิ่นนาน
ถ้อยคำเท่าที่โนเอลรู้จัก มีเพียงสิ่งที่โนโนกะพูดออกมาเท่านั้น
และแล้ว ราวกับว่าจะตอบสนองต่อความคาดหวังนั้นสักนิดเดียวก็ยังดี โนโนกะก็พูดถึงเรื่องน่าสนใจ สิ่งที่โนเอลอยากรู้ออกมา
"คราวนี้ ที่โรงเรียนเขาจะจัดกิจกรรมเดินทางไกลล่ะ---"
แต่เวลาก็หมดลงพอดี
ถนนเลียบชายฝั่งทะเลสาบทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา แต่ก็ไม่ใช่ว่าไร้ที่สิ้นสุด
ไม่ช้า ป้ายรถประจำทางไปโฮคุบิ สถานที่ปลายทางก็ปรากฏขึ้นให้เห็น
"---อ๊ะ"
รถประจำทางแล่นผ่านโนโนกะที่เดินอยู่ไปยังป้ายจอด
"ขอโทษนะโนเอล ต้องไปขึ้นรถแล้วล่ะ"
>>554
เวลาที่พอจะเหลืออยู่บ้างตอนที่ออกจากบ้านมา หายไปหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เวลาแห่งความสุขของโนเอล หมดลงซะแล้ว
เด็กสาวจ้องหน้าโนโนกะตรงๆ ด้วยสีหน้าที่พอจะเดาอารมณ์ได้
"----โนโนกะ จะกลับมาอีกใช่มั้ย? กลับมาแล้วมาคุยกันต่อนะ?"
"อื้ม ได้สิ"
ทั้งคู่วิ่งไปยังรถที่เพิ่งจะจอดป้ายเหมือนกับจะแข่งกัน
ระหว่างนั้น---
"ถ้ายังติดใจฝืมือทำกับข้าวฉันอยู่ ไว้เรามากินข้าวด้วยกันอีกดีมั้ย?"
"กิน!"
โนเอลที่กำลังวิ่งอยู่ตอบทันควัน
"รอบนี้เพิ่งกินข้าวห่อไข่ไปนี่นะ รอบหน้าอยากกินอะไรดีล่ะ?"
"ข้าวห่อไข่!"
เด็กสาวชูแขนสองข้างขึ้นพรึ่บ
โนโนกะหัวเราะคิก พลางคิดไปว่าจะใส่อะไรเพิ่มดีให้โนเอลชอบใจ
โนเอลต่อคำเหมือนกำลังร้องเพลง
"เอาซอสมะเขือเทศวาดรูปด้วยนะ!"
หัวใจก็พองโตไปด้วยความหวังเมื่อจินตนาการไปถึงช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน
พอได้เห็นรอยยิ้มของโนเอลแบบนั้น โนโนกะก็กระโดดขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่
จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกทีหนึ่งแล้วก็หันกลับมา
ข้างนอกรถคือโนเอลที่มายืนรอส่งโนโนกะเพราะขึ้นรถไปด้วยไม่ได้
"แล้วเจอกันนะ โนโนกะ"
"ไปก่อนนะ แล้วเย็นๆจะกลับมา"
"อื้ม!"
ประตูรถปิดลงตรงหน้าโนเอลที่โบกมือให้
พอประตูปิดสนิทแล้ว รถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไป แต่ก็ยังเห็นโนเอลโบกมือไหวๆให้จนลับสายตา
ด้วยหน้าตายิ้มแย้มอย่างเดิม
แต่ว่า----
"......จะรอนะ"
เสียงกระซิบนั้น เบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
สีหน้าก็พลอยเปลี่ยนไปตามคำพูด ถูกคาดทับด้วยความกังวลใจ
โนเอลสูดลมหายใจฟอดใหญ่
แล้วจึงทวนคำพูดเดิม ซ้ำอีกครั้ง----
"จะรอนะ!"
ด้วยเสียงอันดัง
ดังอย่างที่ถึงไกลแค่ไหนก็ต้องได้ยิน
"-----เอาล่ะ"
สีหน้าของเด็กสาวในตอนนี้ กลับมาเหมือนกับตอนที่อยู่กับโนโนกะ กลับมาเป็นรอยยิ้มสดใสที่ปราศจากความกังวลใดๆอีกครั้ง
>>555
"หืมมม......"
โนเอลขมวดคิ้วสงสัย ขณะกำลังเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
ส่วนอีกฝ่ายที่ว่า กลับไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าแต่อย่างใด ดวงตากลมโตที่ไม่อาจบอกได้ว่าคิดอะไรอยู่ประสานเข้ากับสายตาของโนเอล
แถมยังอ้าปากกว้าง ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น
"อึ๊ยย"
โนเอลค่อยๆสอดมือเข้าไปในปากของอีกฝ่าย
ปากที่อ้ากว้างจนเกือบเท่าศีรษะของโนเอลนั้นยังคงไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆให้เห็น แม้จะล้วงเข้าไปจนสุดแขน
"อ้าว--......ไม่เห็นมีอะไรเลย ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ?"
โนเอลแกว่งมือไปมาในปากของเจ้าสิ่งนั้น
หลังจากที่ไปส่งโนโนกะที่ป้ายรถบัสในตอนเช้าเสร็จแล้ว โนเอลก็จะออกไปสำรวจเมืองคิริยะโกะคนเดียว
ทุกสิ่งอย่างของเมืองทะเลสาบที่เคยทำได้แค่เฝ้ามองจากบนหอดูดาว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มองเห็นได้หรือสัมผัสได้
ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ใหม่ที่แสนตื่นเต้นสำหรับโนเอล
ตามแนวชายฝั่งทะเลสาบ มีประติมากรรมหน้าตาแปลกประหลาดตั้งอยู่เรียงราย แค่ไล่ดูไปเรื่อยๆก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กสาว
ช่วยบรรเทาความเหงาที่ตกค้างอยู่ในใจลงไปได้
ทะเลสาบเองพอได้มาเห็นใกล้ๆแล้ว ก็รู้สึกว่ามันช่างกว้างใหญ่จนไม่รู้ว่าไปสิ้นสุดที่ไหน เหมือนกับว่าเป็นท้องฟ้าอีกผืนเลย
ได้เจอผู้คนเยอะแยะมากมาย
ไม่ใช่แค่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เท่านั้น คนที่มาเยี่ยมชมที่นี่ก็มีอยู่ไม่น้อย
คนที่ท่าทางสนอกสนใจในตัวโนเอล ไม่สิ ชุดที่โนเอลใส่ จนถ่ายรูปไว้ก็มีเหมือนกัน
ระหว่างที่ออกสำรวจเมืองนั้น ก็ไปเจอกับร้านหน้าตาน่ารักน่าชังเข้า เป็นร้านอาหารที่ชื่อว่าโนโซมิเทย์
มองจากข้างนอกเข้าไปในร้าน ทุกคนก็ดูจะกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
โนเอลแค่มองจากข้างนอกเฉยๆก็ยังรับรู้ได้ ถึงรอยยิ้มที่แบ่งปันมาให้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ามา สำหรับโนเอลที่ใช้ชีวิตอยู่ในหอดูดาวมาเจ็ดปีนั้น มันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นยินดีจนหาอะไรมาแทนไม่ได้เลยทีเดียว
>>556
และในตอนนี้
ณ หน้าร้านซึ่งแขวนป้ายเอาไว้ว่าชิอิฮาระสาขาใหญ่ เด็กสาวก็กำลังล้วงมือเข้าไปในปากของอีกฝ่ายที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก
"ปากกว้างยิ่งกว่าโนเอล ยิ่งกว่าโนโนกะสุดๆแบบนี้ หรือว่าจะเป็น...... คุณสัตว์ประหลาด?"
ขนาดว่าถามไปแล้วก็ยังไม่มีคำตอบใดๆกลับมา
อีกฝ่ายที่โนเอลคุยอยู่ด้วย---- ป้ายที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านขายของฝากนั้น นอกจากจะทำหน้าทำตาเหมือนเดิมตลอดแล้ว ยังชูมือข้างหนึ่งขึ้นฟ้าเหมือนจะประกาศชัยชนะ
"คุณสัตว์ประหลาด ๆ คุณสัตว์ประหลาดชื่ออะไรเหรอ?"
ถ้าใครก็ตามที่ทำป้ายนี้ขึ้นมาอยู่แถวนี้ เขาหรือเธออาจจะตอบคำถามให้โนเอลได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีคนที่รู้เดินผ่านมาเลย
และแล้ว เจ้าป้ายที่ไม่มีปากเสียงนี่ก็ถูกโนเอลจดจำในฐานะคุณสัตว์ประหลาดไปโดยปริยาย
ชื่อของสัตว์ประหลาดตัวนี้คือ คิริกอน
ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาในแถบนี้ ว่ากันว่าเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่หลับไหลอยู่ใต้ทะเลสาบคิริยะ
ป้ายหน้าร้านนี่ก็คือรูปร่างหน้าตาในจินตนาการของเจ้าคิริกอนที่ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นนั่นเอง
แต่โนเอลในตอนนี้นั้นยังไม่รู้อะไรเลย ทั้งเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา หรือว่าเรื่องของเด็กๆที่ทำป้ายนี้ขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน
"แล้วเจอกันใหม่นะ คุณสัตว์ประหลาด"
เด็กสาวชูมือข้างหนึ่งขึ้นเหมือนอย่างคิริกอน แล้วก็เดินเข้าไปข้างในร้านขายของฝาก
"-----!"
ทันทีที่เข้ามา โนเอลก็ถึงกับตาโตเป็นคิริกอน
พื้นที่ภายในร้าน โดนจานบินยึดครองไว้จนหมดสิ้น
ข้าวของที่ทำเลียนแบบจานบิน วางเรียงกันอยู่ในร้าน หลายอย่างโนเอลเห็นแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร
พวงกุญแจที่มีจานบินขนาดจิ๋วติดอยู่กับสายโซ่
ภาพแขวนที่โค้งมนเป็นรูปจานบิน
ของที่กดปุ่มแล้วจะหมุนๆแล้วก็มีแสงออกมา
แม่เหล็กรูปหมีกอดจานบิน
จานบินไม้แกะสลัก 3ขนาด เล็กกลางใหญ่ วางซ้อนกัน
แม้กระทั่งของที่โนเอลไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร ก็ยังมีวางปะปนอยู่ท่ามกลางสินค้ามากมายในร้าน
โนเอลที่โดนห้อมล้อมด้วยจานบินจำนวนมาก เริ่มจะรู้สึกเขินๆขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเดินดูภายในร้านต่อไป
เด็กสาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าชั้นวางผงอาบน้ำร้อนจานบินที่วาดรูปจานบินเอาไว้
มีของที่ดึงดูดความสนใจโนเอลได้เป็นพิเศษ ตั้งเรียงกันอยู่
ถ้าเป็นของฝากพวกนี้ โนเอลก็รู้ว่าใช้ทำอะไร
>>557
"......มันจูจานบิน......มันจู"
แน่นอนว่าต้องเป็นของกิน
โนเอลจ้องมองตัวอย่างสินค้าที่ให้ลองชิมในตู้อคริลิกใสจนหน้าเกือบจะแนบกับตู้
"น่ากินจัง......"
ราวกับสัตว์ตัวน้อยที่ได้กลิ่นหอมหวาน ยิ่งพอเข้าไปใกล้ๆ กลิ่นนั้นก็ยิ่งชวนให้ท้องปั่นป่วน
"ไม่นะ! โนเอลน่ะ ต้องเก็บท้องไว้รอข้าวห่อไข่ของโนโนกะ!"
ทีกับร้านเมื่อกี้ยังอดใจได้เลย
"แต่ว่า......"
......ถ้าแค่นิดเดียวล่ะก็
"แต่ก็......"
......อีกเดี๋ยวเดียวโนโนกะก็จะกลับมาแล้วแท้ๆ
โนเอลค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้ตู้ชิมฟรี
หลังจากคิดหน้าคิดหลังดูแล้ว ก็ได้ความว่าขอสักนิดเดียวก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
แต่พอเอื้อมมือไปหยิบมันจูจานบินชิมฟรีจากในตู้มาได้ โนเอลก็ยังแอบกินทั้งที่ไม่มีใครเห็นเพราะยังรู้สึกผิดอยู่ในใจ
"หวาาา! หวานจัง--!"
รสชาติที่ต่างกับข้าวห่อไข่ ทำเอาโนเอลเขว
"อยากลองอีกชิ้นจัง...... แต่ว่า......อื้ออ ทำไงดีล่ะเนี่ย......"
แล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นประสบการณ์ดีๆที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนของโนเอลไปอีกหนึ่งอย่าง
หลังจากใช้เวลาอยู่หน้าตู้มันจูจานบินที่รายล้อมด้วยจานบินจนหายเครียด โนเอลก็ออกมาจากร้าน
แดดฤดูร้อนที่สาดแสงแรงกล้าตั้งแต่ตอนก่อนจะเข้าร้าน เริ่มอ่อนลงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เงาของโนเอลกับคิริกอนทอดยาวไปตามพื้น
โนเอลเช็คดูตำแหน่งดวงอาทิตย์ที่ยังทอแสงจ้า ถึงจะยังเร็วไปหน่อย แต่ก็ใกล้จะได้เวลาที่เรียกว่ายามเย็นแล้ว
"ใกล้จะกลับมาแล้วสินะ!"
โนเอลยิ้มหยีตาด้วยความดีใจแล้วหันมาหาป้ายคิริกอนที่ตั้งอยู่หน้าร้าน
"โนเอลต้องไปรับโนโนกะแล้วล่ะ บ๊ายบาย คุณสัตว์ประหลาด ไว้มาเล่นกันใหม่นะ"
ป้ายคิริกอนเองก็เหมือนจะโบกมือให้นิดๆ โนเอลเลยหันมามองอยู่หลายรอบคล้ายกับจำใจต้องจากไป ทิ้งร้านของฝากเอาไว้เบื้องหลัง
โนเอลออกมาตรงทางเท้า แล้วเดินต่อไปยังป้ายรถที่ตัวเองมายืนส่งโนโนกะ
โนโนกะจะกลับมาแล้ว
อีกเดี๋ยวก็จะได้เจอกันแล้ว
ขณะที่ความรู้สึกในใจมันท่วมท้นออกมา แต่ละก้าวที่เดินก็กว้างขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว
จากที่ก้าวเดินเร็วๆ ไม่ช้าก็เริ่มกลายเป็นวิ่ง
ความคิดเหล่านั้นเอง ที่คอยผลักดันโนเอล
จานบินที่ราวกับจะไล่ตามโนเอลที่วิ่งอยู่จากบนฟ้าไกลเอง ก็ยังคงลอยอยู่เช่นนั้น
>>558
"โนโนกะ ยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย--"
ที่ป้ายรถบัสป้ายเดียวกันกับที่มาส่งโนโนกะเมื่อเช้า
โนเอลที่เฝ้ารอเวลาที่โนโนกะจะกลับมา ท่าทางกระสับกระส่าย
ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ที่เริ่มจะคล้อยต่ำ ได้ย้อมสีท้องฟ้าครามให้กลายเป็นสีอื่นไปเสียแล้ว
จานบินยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า เหนือพื้นดิน ท่ามกลางประกายแสงสีแดงจ้า
"ไว้โนโนกะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะก็ โนเอลจะเล่าเรื่องที่เจอมาวันนี้ให้ฟังให้หมดเลย"
เด็กสาวนับนิ้ว พลางนึกทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดวันที่ผ่านมา
"ทะเลสาบใหญ่มากกก น้ำก็เย้นเย็น----"
โนเอลมีโอกาสได้สัมผัสกับทะเลสาบครั้งแรก ตอนที่เอื้อมมือไปแตะผิวน้ำจนเกือบจะตกจากท่าเทียบเรือ
น้ำในทะเลสาบเย็นอย่างกับหิมะ จนรู้สึกว่าชุดที่อาบด้วยไอแดดของหน้าร้อนนี่มันช่างดีจริงๆ
"ชาวเมืองทุกคนก็ใจดี---"
มีคนที่เห็นโนเอลดูไม่เหมือนคนแถวนี้ เลยโบกมือเรียก เพราะเป็นห่วงว่าอาจจะเป็นเด็กที่พลัดหลงกับครอบครัวนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย
"ได้เป็นเพื่อนกับคุณสัตว์ประหลาดด้วยล่ะ---"
ถึงแม้คิริกอนผู้ไม่มีปากมีเสียงจะไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย แต่โนเอลก็เชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจะต้องนึกอยากเป็นเพื่อนกับเธออยู่แน่
"ในร้านขายของก็มีจานบินเต็มไปหมดเลย---"
ร้านของฝากที่เต็มไปด้วยจานบินน้อยใหญ่มากมายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ที่โนเอลติดใจสุดก็คือจานบินกินได้รสชาติหวานอร่อย ที่สุดท้ายก็จัดไปซะห้าลูก
"แล้วก็นะ...... แล้วก็นะ......"
เรื่องที่อยากจะคุยกับโนโนกะ มีอีกตั้งเยอะแยะ
"----เพราะงั้น"
แล้วโนเอลที่ทอดสายตามองไปตามทางเดินที่ย้อมด้วยสีแดงของท้องฟ้ายามเย็นก็ตะโกนออกมาสุดเสียง
"รีบกลับมาเถอะนะ!"
>>559
ราวกับจะตอบรับกับเสียงเรียกของโนเอล รถประจำทางก็ค่อยๆแล่นเข้ามาใกล้ป้ายรถที่โนเอลยืนคอยอยู่
"โนโนกะ!"
โนเอลกระโดดขึ้นลง พลางโบกไม้โบกมือต้อนรับรถประจำทางอย่างมีชีวิตชีวา
"โนโนก๊ะ โนโนก๊ะ"
ระหว่างที่อดใจรอประตูเปิดแทบไม่ไหว เด็กสาวก็เรียกชื่อนั้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
สายตาก็จับจ้องมองคนที่ทยอยลงมาจากรถ
เพื่อว่าจะได้พูดคำนั้นออกไป ในทันทีที่ได้พบกับโนโนกะ
คำนั้น
คำที่โนเอลบอกกับโนโนกะที่หอดูดาว ตอนที่ความหมายที่แท้จริงของการพบกันอีกครั้งได้เกิดขึ้นตามที่สัญญาเอาไว้
"อ้าว......"
แม้ผู้โดยสารจะทยอยลงจากรถตรงป้ายคิริยะโกะจนหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของโนโนกะ
โนเอลกระโดดขึ้นรถไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง กวาดตามองหาโนโนกะตามเบาะนั่ง ก็ยังไม่เจอ
เด็กสาวทำคอตก ท่าทางดูกังวลใจ จนคนขับยังดูเชิงอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไปกันแน่
ที่จริง ถ้านั่งรถไปแบบนี้ อาจจะไปหาโนโนกะได้ถึงที่เลยด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น โนเอลก็ยังทำหน้าเศร้า แล้วส่ายหัว
".......โนเอลไม่ไปหรอก"
เด็กสาวลงจากรถตอนที่กำลังจะออกจากป้าย จากนั้นก็โบกมือน้อยๆให้รถที่วิ่งจากไป
ที่จริง เธออยากจะนั่งรถไปหาโนโนกะเสียเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ
อยากจะรู้ว่าเมืองที่โนโนกะไปนั้นเป็นยังไง ได้เจออะไรมาบ้าง
เรื่องสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียนที่โนโนกะกับเพื่อนๆไปกันก็ด้วย
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน เด็กสาวก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
โลกของโนเอลขยายขอบเขตออกมาจากหอดูดาวแล้วก็จริง แต่ก็ไม่อาจออกไปนอกเมืองที่จานบินคอยเฝ้ามองอยู่ได้
ถ้าหากออกไปไกลจากจานบิน ตัวเองจะเป็นยังไง ข้อนี้โนเอลก็รู้ดี
ก็โนเอลคือจานบินนี่นา
>>560
"......เดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ"
ท้องฟ้าจากสีแดงฉาน ก็เริ่มมืดลงตามลำดับ
โนเอลยังคงยืนรอรถบัสอยู่คนเดียว
เวลาล่วงผ่านไปเรื่อยๆ
ตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ว่ารถบัสจะมาจอดป้ายอีกสักกี่คัน ก็ล้วนแต่ทำให้โนเอลต้องผิดหวัง
แล้วเวลาที่เรียกได้ว่ายามเย็นก็ได้สิ้นสุดลง เมืองทั้งเมืองก็มืดลงราวกับดับไฟ
ท้องฟ้ากระจ่างดาวเริ่มรายล้อมจานบินเอาไว้
"โนโนกะ ช้าจัง......"
โนเอลเดินย่ำเท้าสั้นๆไปมา
พอเหนื่อยเข้า ก็ไปนั่งหงอยอยู่ที่ม้านั่งตรงป้ายรถ
"............"
รอเวลาให้ผ่านไปอย่างเงียบๆ
นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น
ในใจโนเอลนึกไปถึงวันคืนที่เฝ้ารอโนโนกะที่หอดูดาว
โนเอลเชื่อ
เชื่อว่าโนโนกะจะกลับมา เชื่อว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้
โนโนกะกลับมาเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นโนเอลจะทำให้ความปรารถนาของโนโนกะเป็นจริงเอง
ถึงตอนนี้จะยังทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอก็เถอะ
ไว้โนโนกะกลับมาที่หอดูดาวนี่แล้ว ถึงตอนนั้นก็ต้องรู้แน่ว่าควรทำอะไร
ขณะที่นึกถึงเรื่องราวในช่วงเจ็ดปีมานี้ เวลาก็ยังผ่านไปเรื่อยๆ
ผู้คนที่โดยสารรถบัสเดินผ่านไปมา ตรงหน้าโนเอลที่นั่งรอตรงป้ายรถ
"โนโนกะ จะเป็นยังไงบ้างแล้วนะ......"
ระหว่างที่ร้อนรนเพราะจะไปตามหาอีกฝ่ายด้วยตัวเองก็ไม่ได้แบบนี้
ความไม่สบายใจ ก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ทีละน้อย
เหมือนกับหิมะที่หนาวเหน็บ
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องละลายหายไป
"............"
โนเอลที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่ม้านั่งตรงป้ายรถ รู้สึกได้ถึงสัมผัสอ่อนๆจากปลายนิ้ว
"......เอ๋?"
พอชายตามองดู ก็เห็นว่ามีก้อนขนมาขดอยู่บนมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"มารอเป็นเพื่อนเหรอ?"
ดูเหมือนว่าจะเป็นกระรอกน้อยหน้าตาเหมือนก้อนขนที่เจอในหอดูดาวเมื่อตอนเช้า
โนเอลยกเจ้าก้อนขนเข้ามาหาตัว
"......ขอบใจนะ"
รอยยิ้มนั้นออกมาเองโดยธรรมชาติ
ในเวลาเดียวกันกับที่สีหน้าอันเคร่งเครียดได้ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว ความกังวลที่สั่งสมอยู่ในใจก็พลอยหายไปด้วย
โนเอลเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
รถบัสวิ่งเข้ามาอีกคันแล้ว
"อ๊ะ!"
จากหน้าต่างรถบัส เด็กสาวมองเห็นคนที่เธอเฝ้ารออยู่บนนั้น
โนเอลลุกขึ้นจากม้านั่ง ทำเอากระรอกน้อยถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ
"เค้าขอโทษ~!"
กระรอกน้อยทำท่าเหมือนจะพยักหน้าน้อยๆให้โนเอลที่กุลีกุจอขอโทษ แล้วค่อยเดินขึ้นเขาไป
"แล้วเจอกันใหม่น้า!"
เด็กสาวโบกมือให้อีกฝ่ายเป็นทีว่าขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อน
กระรอกน้อยหยุดส่งเสียงให้เธอเป็นเชิงตอบรับทีหนึ่งก่อนจะเดินต่อไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
"----โนเอล?"
โนโนกะที่ลงมาจากรถบัสที่เพิ่งจอดป้าย พอสังเกตเห็นโนเอลที่โบกมือให้ภูเขา ก็ส่งเสียงเรียก
"รออยู่เหรอเนี่ย?"
"โนโนก๊ะ!"
โนเอลหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
โนโนกะดูท่าทางรู้สึกผิด
"ขอโทษนะที่กลับมาช้า พอดีเตรียมงานเรื่องเดินทางไกลกันนานกว่าที่คิดก็เลย......"
"อื้ม ไม่เป็นไรหรอก!"
โนเอลส่ายหัวไปมา
ก็เพราะว่า------
โนโนกะกลับมาแล้วยังไงล่ะ
โนเอลน่ะ เชื่ออยู่แล้วล่ะ
เชื่อในคำพูดของเพื่อน ของคนสำคัญ
"นี่ๆ โนโนกะ! มีเรื่องจะเล่าให้ฟังด้วยล่ะ!"
เรื่องที่โนเอลได้พบเจอมาตลอดวันนี้
ประสบการณ์ครั้งใหม่ทุกสิ่งอย่างที่ได้พบเจอมา อยากให้โนโนกะได้รู้
แต่ว่า ก่อนอื่น
มีความรู้สึกหนึ่งที่ต้องบอกโนโนกะเสียก่อน
"โนโนกะ----"
ด้วยรอยยิ้มทั้งหมดของโนเอล
คำๆหนึ่งที่อยากจะพูดออกไปมาตลอด
คำที่อยากจะบอกกับโนโนกะอีกครั้ง
"ยินดีต้อนรับกลับนะ"
http://imgur.com/3n4OIHS ปกแผ่น5 ออกหลายวันแล้ว แต่ไม่อยากปาด
จัดงาน event กับออกสินค้าขายได้เรื่อยๆ แสดงว่ากระแสก็คงพอได้แหละสำหรับค่ายใหม่ ถึงยอดขายจะน้อยไปหน่อยก็เถอะ รองานใหม่ค่ายนี้ อย่างน้อยสิ่งที่น่าชมมากสุดคือเรื่องงานภาพกับเพลงที่งานดี ภาพไม่มีเผาเลย สาวๆในภาพคือ seiyuu 3 ตัวละครหลัก ชิโอเนะ = mikako komatsu , โนโนกะ = Natsukawa Shiina , โนเอล = Minase Inori
http://i.imgur.com/MltELPP.jpg
http://i.imgur.com/GjRuQpJ.jpg
http://i.imgur.com/AZ1CpO0.jpg
http://i.imgur.com/w4ValPI.png
อันนี้อีเวนท์ที่ให้โค้ดสุ่มมาแผ่นแรกน่ะ
อีเวนท์จบ มีแต่คนกล่าวขานถึงความเทพของคนพากย์พี่หล่อ (อิชิคาวะ ไคโตะ)
ปล. คนกลางในรูปแรกไม่ใช่นันสึ แต่เป็นคนพากย์โคฮารุ (โยชิมุระ ฮารุกะ)
ว่าไป วันศุกร์นี้อิโนรินตัวจริงมา ใครจะไปดูมั่งครับ
หน้าเป็นเลยมากกว่า อิชิคาว่าเนี่ย ชอบทำหน้ากรุ้มกริ่มตลอด
เรื่องราวของคนบ้าที่พยายามหาเหตุผลในการยิงจรวดขวดน้ำ
http://imgur.com/csMU1lT
http://imgur.com/i6kbBkT
http://imgur.com/kBwEq9a
http://imgur.com/TwzGvDQ
คนบ้าแต่น่ารัก
Girls's talk ชายในฝันของโคฮารุและรีแอ็คชั่นของชิโอเนะ
http://imgur.com/4DarUPD
http://imgur.com/eUwpIDi
http://imgur.com/zrl1Zgj
http://imgur.com/k6inmoE
ลืมไปเข้ามากะแจ้งยอดขายแผ่น 4 ได้ 1,049
http://i.imgur.com/emqM4fQ.jpg
เดือนนี้จะพยายามลง side story3-4 ให้จบครับ <โม่งจานบินที่สติหลุดลอยไปหลายวันเพราะได้เจออิโนรินตัวจริง>
แปะรูปอิโนริน วันนั้นเจอเธอแต่ใน main stage AZ เค้าห้ามถ่ายรูป นี่รูปที่เธอลงใน FB กะ ทวิต
http://i.imgur.com/Fw2pLnG.jpg
http://i.imgur.com/Km2XPfD.jpg
http://i.imgur.com/mYOnawG.jpg
http://i.imgur.com/d3MUNde.jpg
http://i.imgur.com/pLjKTVF.jpg
http://imgur.com/Dk6W8nR
ขาดไปรูปนึงนะ ไอติมมิกกี้เมาส์
ด้วยความที่อารมณ์ค้างเลยเปิดเรดิโอตอนพิเศษของแผ่นแรกมาฟัง แผ่นนี้มีแขกรับเชิญสองคนคือโทโยซากิ(ยูซึกิ)กับรุรุแคน(โคฮารุ) เกมช่วงโซสะๆเลยเป็นแบบเล่นกัน4คน หัวข้อคือ ดีเจแร๊พโย่ว ให้มาเปิดเพลงสแครชแผ่นแข่งกัน4คน โย่ว ชินจุกุ! แต่ละคนเป็นไงลองจินตนาการกันดูเอง
http://imgur.com/Yva4mFo
ที่จริงรูปนี้ควรอยู่ในกระทู้ดันมาจิ แต่ช่างเถอะ
「ช่วงเวลาของสองเรา」
ฉัน เคยเกลียดจานบิน
จานบินที่อยู่มาวันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในเมืองนี้ จากนั้นก็ลอยตัวอยู่เหนือทะเลสาบทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่
ฉันเคยเกลียดมันมาตลอด
ไม่ว่าจะหลบสายตาสักแค่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ห่างจากทะเลสาบสักเท่าไหร่ ตราบใดที่ยังอยู่ในคิริยะโกะ เจ้าสิ่งนั้นก็ยังลอยอยู่เหนือศีรษะฉันตลอดเวลา
เกลียดจริงๆ
ถึงคนแทบทั้งเมืองจะเลิกสนใจจานบินกันไปหมดแล้ว แต่ฉันก็ยังคงยืนหยัดต่อต้านมันต่อไป
คอยถือป้ายไม่เอาจานบิน ไม่ใช่แค่ให้คนในเมืองเห็น แต่ยังคอยโบกให้พวกนักท่องเที่ยวที่มาชมที่นี่ด้วย
ทำใบปลิวขึ้นมาไม่รู้กี่ใบต่อกี่ใบ เพื่อเอาไปแจกแทบทุกที่รอบทะเลสาบ
จะตามหาคนมาเป็นแนวร่วม ก็ยังไปป่าวประกาศในโรงเรียน
แต่จานบิน ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ยังคงลอยอยู่ตรงนั้น คอยจ้องมองสิ่งที่ฉันทำอยู่จากบนฟ้าเฉยๆ ราวกับจะเยาะเย้ยเจ้าคนที่ชี้นิ้วใส่แล้วประกาศสงครามด้วย
เวลาผ่านไปหลายปี จากประถมก็เลื่อนชั้นไปมัธยม พอโรงเรียนเลิกกลับเมืองมาก็ยังเจอจานบิน ลอยนิ่งอยู่เหนือใจกลางทะเลสาบคิริยะอย่างเคย
ท้องฟ้าของเมืองนี้ ไม่เคยเปลี่ยน
ที่เปลี่ยนไปจริงๆ คงเป็นตัวฉันเอง
>>587
ที่เกลียดจานบิน ที่ทุ่มเทกับการต่อต้านจานบิน ---- จนบางที ก็มองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากเรื่องพวกนั้นเลย
---อืม
ที่จริงแล้ว ฉันอาจจะมองเห็น แต่ทำเหมือนไม่เห็น
ปิดหูปิดตา ไม่ยอมรับรู้อะไร รู้ตัวอีกทีก็เหลืออยู่ตัวคนเดียว
โคฮารุเพื่อนสนิทสมัยเด็ก ที่คอยอยู่เคียงข้างกันมาแต่ไหนแต่ไร จะไปไหนมาไหนก็อยู่ด้วยกันตลอด
นอกจากเรื่องที่เลิกใส่แว่น แล้วหันมาใช้คอนแทคเลนส์แทนแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนเลย
แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ฉันกลับรู้สึกว่าพวกเราเริ่มห่างกัน
ทั้งที่อยู่ใกล้ กลับรู้สึกเหมือนเธอจากไปไกล
---แต่ที่จริง มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
โคฮารุยังเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อก่อน เรื่องห่างเหินนั่น มีแต่ฉันที่รู้สึกไปเอง
โคฮารุที่คอยเป็นห่วงฉันที่ทำตัวแบบนั้นเสียอีก ที่เป็นฝ่ายเจ็บปวดมาตลอด
เรื่องที่เธอกลบเกลื่อนความเจ็บปวดนั้นไว้ด้วยรอยยิ้ม
ฉันเองก็รู้ดีแท้ๆ
แต่ฉันกลับทำเป็นมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง
เอาแต่เกลียดจานบิน
ไม่เอาจานบิน
รู้ตัวอีกที ก็ถลำลึกเกินกว่าจะถอนตัวเสียแล้ว
ก็ฉันน่ะทำอะไรลงไปตั้งมากมายแล้วนี่นา เพียงเพราะเรื่องจานบิน
---จานบินนั่นล่ะที่ผิด
---ถ้าจานบินไม่โผล่มาล่ะก็
ฉันบอกกับตัวเองซ้ำๆอย่างนั้น เพื่อจะได้ละสายตาจากทุกสิ่งรอบตัวต่อไป
แค่คำพูดคำเดียว ยังพูดออกมาไม่ได้
เอาแต่หนี เอาแต่โทษจานบินไปซะทุกอย่าง
หนีไปเรื่อยๆ จนหันกลับมาอีกที ก็ไม่เจอใครแล้ว นอกจากตัวเอง
มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ ก็ฉันหนีจากตัวเองอยู่นี่นา
สมัยเด็กก็เหมือนกัน แค่จะเชื่อในความสำคัญของคำพูดคำนั้น ฉันยังทำไม่ได้
ที่ออกมาจากปาก กลับกลายเป็นคำว่า ไม่เอาจานบิน
เกลียดจริงๆ
ฉัน......เกลียดตัวเองจริงๆ
>>588
ขณะที่ยังทำใจยอมรับความจริงนั้นไม่ได้ เวลาก็ล่วงเลยผ่านไป
แล้วในปิดเทอมฤดูร้อนครั้งสุดท้ายของ ม.ต้น ฉันก็ได้พบกับเด็กสาวคู่หนึ่ง
คนหนึ่ง เป็นเด็กสาวใจดีที่ย้ายมาจากที่ไกล
อีกคนหนึ่ง เป็นเด็กสาวผู้ใสซื่อไร้เดียงสา
การพบกับทั้งคู่ ได้มอบโอกาสสำคัญให้กับฉันที่เอาแต่ปิดหูปิดตาไม่สนใจสิ่งใดมาตลอด
พอลืมตาขึ้น ก็พบว่ารอยยิ้มของโคฮารุที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากสมัยก่อน ยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้จากไปไหนเลย
พอตั้งใจฟัง ก็พลันได้ยินเสียงของเพื่อนๆที่ชวนให้คิดถึง เรื่องราวในวันเก่าๆ ในหอดูดาวอันเป็นสถานที่พิเศษของพวกเรา
ที่ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ชวนให้ตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย ก็กลับมาแจ่มชัดสวยงามในความทรงจำ
ทุกคน ดึงมือฉันเอาไว้อย่างอ่อนโยน
แล้วฉันก็นึกได้ ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว นึกได้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายคิดไปเองว่าไม่มีใคร
โคฮารุ โนโนกะ โนเอล
แล้วก็......
คนที่เป็นห่วงฉัน ใกล้ชิดฉันยิ่งกว่าใครๆ ------ตานั่น
เพราะว่าพวกเรา อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด
อยู่ใกล้กันขนาดที่เอื้อมมือก็ไปถึง อยู่ข้างกันขนาดที่หันไปมองก็เจอหน้า
ทั้งที่อยู่ในฐานะที่คุยกันได้ทุกเรื่องแท้ๆ แต่ฉันกลับเป็นฝ่ายที่หนีออกมาเสียเอง
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่แม้แต่คำพูดคำจาก็ไม่มีให้กัน
เพราะฉันไม่ยอมพูดคำนั้นออกไป คำที่ฉันควรจะพูด
แถมยังโยนความผิดทุกอย่างให้จานบิน
แต่ว่า ฉันก็ยังกลับมาได้
เรื่องที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ก็มีโนโนกะที่คอยเป็นห่วงเป็นใย
เรื่องที่ตัวเองทำอะไรแย่ๆลงไป ก็มาสำนึกได้ตอนที่ทำโคฮารุเจ็บปวดใจแทบขาด
ความกล้าที่ขาดไป ก็ได้กำลังใจจากโนเอลที่โบกมือน้อยๆให้
เพราะอย่างนั้น------
ภายใต้จานบินที่ฉันเคยเกลียด ฉันถึงได้พูดคำที่ตัวเองไม่เคยพูดคำนั้นออกมาได้
---ฉันขอโทษ! ขอโทษจริงๆ!
โคฮารุ โนโนกะ โนเอล แล้วก็พี่ชายฝาแฝดของฉัน โซตะ
---ไม่เอาจานบิน!
---มาไล่จานบินออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ!
คำที่ฉันต้องพูดออกไป ไม่ใช่หนึ่งในคำพูดพวกนี้เลย
ฉันเหม่อมองไปไกลบนท้องฟ้ากว้างเหนือทะเลสาบคิริยะ ที่ไม่อาจเงยหน้ามองได้ตามใจชอบอีกต่อไปตั้งแต่จานบินได้ปรากฏขึ้นมา
จานบินที่ว่านั้น ยังคงลอยนิ่ง คอยเฝ้ามองพวกเราอยู่เหนือเมืองนี้เหมือนอย่างเคย
http://imgur.com/aDs38Sq ปกแผ่น6อัพแล้ว
http://imgur.com/ynLVluO
http://imgur.com/b9wTe1Z
http://imgur.com/vezf1kE
พรีวิวคัทจากOVA ที่จะแถมกับแผ่น7
Event report เก็บตกจากเดือนที่แล้ว อยากให้ทำแผ่นจัง
http://www.animate.tv/news/details.php?id=1432107050
http://tokyo-anime-news.jp/?p=33070
ยูซึกิเอ๊ย ทุกคนให้อภัยแล้ว
ยัยยูซึกิน่าจะอยู่เมืองไทยว่ะดังแน่นอน
เมื่อไหร่ค่ายนี้จะประกาศทำเมะเรื่องใหม่ อยากดูงานภาพสวย เพลงเพราะๆอีก
พูดก็พูดเถอะ ทุกวันนี้กูยังฟังโฮชิโนะคาเคระอยู่เลย หงุดหงิดอะไรมาก็เปิดเพลงย้อมใจ
http://imgur.com/GjuFZ7D ...เห็นพี่หล่อเป็นยูซึกิไปวูบนึง
ทีมงานใจร้ายฉิบจะให้พี่หล่ออยู่ข้างโคฮารุหน่อยก็ไม่ได้ ดันให้อยู่กับชิโอเนะเฉย รายนั้นมีโนโนกะอยู่แล้วนะ
ลืมบอกยอดแผ่น น่าจะพันกว่าเหมือนเดิมพอดียอดมันไม่ติดอันดับเลยไม่รู้
>>589
"----เฟรชจิงเจอร์เอลอีกแก้ว!"
ขณะที่ตะโกนสั่ง ในเวลาเดียวกัน เสียงชวนรื่นหูของน้ำแข็งที่กระแทกกันในแก้วซึ่งวางลงบนเคาท์เตอร์ก็ลอยออกมาให้ได้ยิน
"ยังจะดื่มอีกเหรอ? จะเยอะไปหน่อยแล้วรึเปล่า......"
เด็กสาวที่สวมเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนเดียวกันนั่งอยู่ข้างฉันตรงหน้าเคาท์เตอร์ ------ชิอิฮาระ โคฮารุ กระซิบบอกด้วยสีหน้า
ท่าทางดูไม่สบายใจมากกว่าที่จะชื่นชม
"นี่เพิ่งแก้วที่สามเองนะ? เอาน่า มันก็ต้องอารมณ์นี้แหละ!"
เงินตัวเองซะอย่าง ถ้าแค่น้ำผลไม้ จะสั่งอีกสักกี่แก้วก็ไหว
"ก็ถ้าจะดื่มแบบนี้ ไปร้านตัวเองก็ได้นี่นา ร้านยูซึกิก็ทำอร่อยออก"
ว่าแล้วโคฮารุก็ยกถ้วยกาแฟของตัวเองที่ไม่ใส่ทั้งนมและน้ำตาลขึ้นมาจิบ
จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลังๆมานี้ คุณแม่แกบ่นเรื่องน้ำตาลที่วางไว้ให้เติมเองในร้านหมดเร็วจริงอยู่บ่อยๆ
ต้นเหตุคงไม่ได้มาจากโคฮารุแน่ๆ
อย่างที่โคฮารุพูดนั่นแหละ บ้านฉัน---มิซึซากะ ยูซึกิ เปิดร้านอาหารอยู่ที่เมืองคิริยะโกะ
แต่ว่า ด้วยความที่ร้านน้ำชาในตัวเมืองโฮคุบินี่อยู่ใกล้โรงเรียนกว่า ก็เลยได้มาใช้บริการอยู่บ่อยๆ
เก้าอี้ตรงเคาท์เตอร์ที่นั่งอยู่วันนี้ ก็เป็นที่ประจำของฉันด้วยเหมือนกัน
"ก็ที่บ้านไม่มีเฟรชจิงเจอร์เอลในเมนูนี่นา แถมยังต้องช่วยงานที่ร้านอีก เลิกเรียนทั้งทีก็อยากจะปลดปล่อยบ้างอะไรบ้างแท้ๆ
นี่ยังจะให้มาทำงานต่ออีก ไม่เอาด้วยหรอก"
พอเท้าแขนกับเคาท์เตอร์ได้ที่แล้ว ฉันก็อ้างทันควัน
"แต่ถ้าได้ช่วยงานที่ร้าน คุณแม่ยูซึกิก็น่าจะดีใจนะ อ้อ แล้วก็จะได้จำสูตรอาหารได้ด้วยไง"
ไอเดียเก๋ โคฮารุที่ยกนิ้วชี้เหมือนจะบอกใบ้แบบนั้น
"......นี่ถ้าได้ยินจากคนอื่น จะเหมือนกับนึกว่าฉันทำอาหารไม่เป็นเลยนะ"
ฉันทำเสียงเป็นเชิงปฎิเสธอยู่ในที จังหวะพอดีกับทีพนักงานเอาเฟรชจิงเจอร์เอลแก้วใหม่มาเสิร์ฟ
คงมีแต่โคฮารุนี่แหละ ที่จะพูดเรื่องแบบนี้กับฉันได้แบบไม่รู้สึกอะไร
>>605
"แต่เท่าที่ได้ยินมาจากคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับยูซึกิตอนวิชาคหกรรม รู้สึกทุกคนเค้าจะคิดเหมือนกันหมดเลยนะ"
โคฮารุเสริมให้อีกดอก ระหว่างที่รอพนักงานร้านเก็บแก้วเปล่าคืนไปแล้วเปลี่ยนเป็นแก้วใหม่ที่มีน้ำเต็มปริ่มให้
"อันนั้นมัน......ก็มีบ้างล่ะน่า! ก็แบบว่าบางทีเจอโจทย์ให้ทำของยากๆก็เลยมีพลาดบ้างแค่นั้นเอง...... "
"อันนั้นนี่หมายถึงอันไหนก็ไม่รู้หรอกนะ เพราะจะกี่รอบก็พูดแบบนี้ทุกที ตั้งแต่สมัยประถมแล้ว"
เชอะ นี่ล่ะถึงได้บอกว่ามีเพื่อนสมัยเด็กเรียนอยู่ห้องเดียวกันบ่อยๆมันไม่ดี
กับโคฮารุที่รู้เรื่องฉันไปซะหมดแบบนี้ ถึงจะเถียงต่อไปก็เปล่าประโยชน์
รู้แบบนี้แล้วแทนที่จะขัดขืนก็ยกแก้วขึ้นมาซดแบบว่ายอมๆไปซะจะดีกว่า
อื้ม หอมอร่อยเย็นชื่นใจ เสียจนลืมรสชาติแห่งความขื่นขมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งของอาหารที่ทำเจ๊งในชั่วโมงคหกรรมเลยทีเดียว
นี่ก็เกือบจะลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เรียกโคฮารุมาคุยด้วยวันนี้ซะแล้ว
แต่ถึงบ่นไปมันก็เท่านั้นแหละ
ทั้งที่ต้องขอแรงโคฮารุช่วยแท้ๆ
จะเริ่มพูดยังไงดีนะ
พอทำท่าจะขยับปากที่ชุ่มไปด้วยจิงเจอร์เอล สุดท้ายก็ได้แต่ก้มลงมองแก้ว พูดอะไรไม่ออกอยู่ดี
สองมือของฉันประคองแก้วเอาไว้ราวกับจะสัมผัสให้ถึงความเย็นเฉียบของมัน
"โคฮารุ......"
"อืม?"
"......น้ำนี่น่ะ ยิ่งเย็นยิ่งอร่อยนะ โคฮารุไม่อยากลองดูบ้างเหรอ? นานๆทีไม่เป็นไรหรอก"
พูดลำบากจริงๆ
พอฤดูอากาศแจ่มใสอันแสนสั้นผ่านพ้นไป จากนี้ อากาศก็จะเริ่มหนาวเย็นลงอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้น ความเย็นที่สัมผัสได้จากทั้งสองมือนี้ก็ยังชวนให้ผ่อนคลายอยู่ดี
โคฮารุมองฉันออกอาการแบบนั้นแล้วก็ยิ้มๆ จากนั้นก็โพล่งขึ้นมาว่า
"----แล้ววันนี้ ยูซึกิมีเรื่องกลุ้มใจอะไรมาล่ะ?"
"เอะ......เอ๋?"
ฉันเผลออุทานออกไปแบบไม่รู้ตัว น้ำแข็งในแก้วที่ถืออยู่ก็ส่งเสียงกริ๊กเหมือนจะรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
"ม-ไม่มีอะไรสักหน่อย......"
"มีเรื่องจะปรึกษาใช่มั้ย?"
ตอนที่ชวนมาด้วยหลังเลิกเรียนก็ยังไม่ได้บอกอะไรแท้ๆ แต่คำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของโคฮารุกลับแทงซะตรงจุด
"ก็ทำนองนั้น......"
พอแอบเหลือบมองโคฮารุแวบหนึ่ง ก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังมองฉันอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะไหลหลบไปเรื่องอื่นได้แน่ๆ
"......ทำไมถึงรู้ล่ะ?"
พอได้ยินฉันถามแบบนั้น โคฮารุก็หัวเราะคิก
"ยูซึกิน่ะชวนฉันมาร้านนี้ทีไร ก็ต้องมีเรื่องกลุ้มใจไม่ก็มีเรื่องอะไรจะปรึกษาทุกทีนี่นา?"
โคฮารุพูดเหมือนว่ามันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
ถึงจะไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ฉันก็ตั้งใจไว้ว่าคราวหน้าจะระวังตัวให้มากกว่านี้
เอาเถอะ เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้นก็แล้วกัน......
>>606
"ที่จริงก็ไม่เชิงว่าเป็นเรื่องที่ถึงกับต้องกังวลหรอก......"
พอขึ้นต้นมาอย่างนั้น โคฮารุก็นิ่งเงียบ รอคำพูดต่อไปของฉันอย่างใจจดใจจ่อ
ความสัมพันธ์ของฉันกับโคฮารุ ไม่ใช่ประเภทที่จะมาปั้นเรื่องหลอกกันได้
ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ตั้งใจไว้แล้วด้วยว่าจะไม่ปิดบังเรื่องอะไรในใจกับเพื่อนคนนี้อีก
----เพราะในวันนั้น
ฉันได้สาบานต่อแสงที่ราวกับดอกไม้ไฟบนฟ้าเอาไว้แล้ว
"......เรื่องโซตะน่ะ"
แค่คำเดียว ราวกับลมหายใจช่วงสั้นๆ
"ทะเลาะกันเหรอ?"
โคฮารุเปิดฉากซักก่อนเบาๆ เหมือนถามเด็กประถมที่กำลังหลงทางว่าบ้านอยู่ที่ไหน
"อื้ม ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก"
ความสัมพันธ์กับโซตะที่ขาดกันมานาน กลับมาได้อีกครั้ง เพราะโคฮารุ โนโนกะ และโนเอล
แต่ว่า
"เรื่องมันเกิดเมื่อเช้านี่เอง...... คือว่า ตอนที่เตรียมจะไปโรงเรียนเหมือนทุกที พอกำลังจะออกจากบ้าน...... ก็เจอโซตะที่ประตู"
"......?"
โคฮารุเอียงคอด้วยความประหลาดใจ
ก็อยู่บ้านเดียวกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน อยู่ชั้นเดียวกัน จะบอกว่ามันก็เป็นอย่างนั้นเอง มันก็ต้องแน่อยู่แล้วสิ
แต่เรื่องที่ว่าแน่อยู่แล้วนั่นแหละ ที่จนบัดนี้ก็ยังเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากขนาดบอกว่าแทบจะไม่เคยก็ยังได้
ไม่ว่าจะฉัน หรือโซตะ หรืออาจจะเป็นทั้งคู่ ฉันไม่รู้จริงๆว่ามันเริ่มจากใครกันแน่ มันอาจจะมาจากจิตใต้สำนึกก็ได้
ที่พวกเราเลี่ยงจะออกจากบ้านด้วยกันมาตลอด
กลัวการอยู่ด้วยกันแค่สองคน มาตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว
ถ้ารู้สึกว่าโซตะอยู่ที่ประตู ฉันที่กำลังจะออกจากบ้านก็จะกลับเข้าห้องตัวเอง เอาแต่ใจลอยจ้องโปสเตอร์บนผนัง ปล่อยให้เวลาผ่านไป
ส่วนตอนที่ฉันใส่รองเท้าอยู่ที่ประตู โซตะก็จะถือกระเป๋าหลบอยู่ตรงสุดทางเดินเฉยๆอย่างนั้น
นี่ล่ะคือภาพของยามเช้าที่ชินตามาแต่ไหนแต่ไรจนถึงตอนนี้
แต่ว่าเช้านี้ มันต่างไปจากที่เคย
"แล้วพอฉันสวมรองเท้า โซตะก็เดินมาสวมรองเท้าข้างๆด้วย ......แล้วทีนี้ฉันก็เผลอพูดออกไปแบบไม่ตั้งใจว่าเพิ่งนึกได้ว่าลืมของ ขอกลับเข้าห้องก่อน
แล้วก็ให้โซตะไปก่อนไม่ต้องรอ......"
ที่จริงแล้ว ก็เหมือนกับทุกที
ระหว่างที่มาเสียใจทีหลังว่าทำไมตัวเองถึงพูดแบบนั้นออกไป ก็ได้แต่มองโปสเตอร์หนังในห้องตัวเอง
"............"
โคฮารุมองฉันตรงๆ ตั้งใจฟังทุกๆคำที่พูดออกมา
"ทั้งที่เป็นโอกาสที่พวกโคฮารุอุตส่าห์ช่วยกันสร้างมันขึ้นมาแท้ๆ......"
>>607
พี่ชายกับน้องสาว
ก่อนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ฉันกับโซตะก็อยู่ด้วยกันสองคนเสมอ
ถึงจะกลับไปเหมือนตอนนั้นไม่ได้อีกแล้วก็จริง แต่ฉันก็คิดนะ ว่าจากนี้ไป เราอาจจะยังเดินไปด้วยกัน บนทางสายเดียวกันได้
เหมือนสมัยเด็ก ที่เคยอยู่ห้องเดียวกัน
"ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแท้ๆ แต่พอนึกถึงตอนที่อยู่กับโซตะแค่สองคนทีไร ฉันกลับไม่รู้เลยว่าตัวเองควรทำหน้ายังไง หรือควรจะพูดอะไร......
เพราะทั้งฉันทั้งโซตะ ต่างคนต่างก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว......"
เมื่อก่อน ก็อยู่ด้วยกันตลอด
จะคุยเรื่องอะไรก็ได้หมด จะยิ้มก็ยิ้มไปด้วยกัน
เป็นเรื่องปกติธรรมดา เสียจนไม่เคยคิดเลยว่าต้องมาแยกจากกัน
"ป่านนี้แล้ว จะให้คุยอะไรกันอีกดีล่ะ......"
วันเวลาผ่านไปเสียนาน
ไม่ว่าจะพยายามทำให้มันกลับเป็นเหมือนเดิมสักเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลายเป็นว่าไม่รู้ต้องทำยังไงเข้าไปทุกที
พอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง สุดท้ายก็กลายเป็นความกลัว
"---นั่นน่ะ เรียกว่าคิดมากไปเองเสียมากกว่านะ"
โคฮารุเอ่ยขึ้นมาเงียบๆ
"ไม่ใช่ว่าจะให้กลับไปเป็นเหมือนยูซึกิกับโซตะสมัยก่อนสักหน่อย แต่เป็นอย่างที่ทั้งคู่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้วรึเปล่า"
"แบบนั้นก็เหมือนว่าไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่ผ่านๆมาเลยน่ะสิ......"
ฉันทำหน้างอใส่นิดหน่อย ขณะมองหน้าอีกฝ่าย
โคฮารุหัวเราะเบาๆ ดูท่าทางชอบใจ
"ที่ยูซึกิเอาเรื่องโซตะมาปรึกษาด้วยเนี่ย จนป่านนี้ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ
ฉันว่าเป็นแบบนี้ต่อไปนี่แหละดีแล้ว ให้มันค่อยเป็นค่อยไปอย่างนี้นี่ล่ะ"
"มันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้...... แต่จะว่าไปรู้สึกเหมือนโดนหลอกให้คิดงั้นยังไงพิกลแฮะ "
รอยยิ้มที่ลอยอยู่บนหน้าโคฮารุนั้น ก็อาจตีความได้ทั้งใช่หรือไม่ใช่
"ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบร้อนอะไรไม่ใช่เหรอ?"
"แต่รายนั้นน่ะ มีพูดเรื่องอะไรที่ไม่เข้ากับตัวเองเลย อย่างเรียนจบแล้วจะไปต่อเมืองนอกด้วยนะ"
พอได้ยินคำว่าไปเรียนต่อเมืองนอก ฉันก็สังเกตว่าสีหน้าโคฮารุดูเหงาๆ นิดหน่อย แต่ก็แค่เท่าที่เห็นนั่นล่ะ ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้
"ไปเรียนต่อนอกน่ะ สักวันก็ต้องกลับมาอยู่ดีนะ อีกอย่าง ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปีไม่ใช่เหรอ?
ยูซึกิไม่ต้องกังวลไปหรอก กว่าจะถึงตอนนั้นก็ยังมีโอกาสอีกตั้งเยอะ"
"......อื้ม นั่นสินะ"
ที่จริง ฉันก็คิดอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน แต่มาสบายใจสุดก็ตรงได้ยินจากโคฮารุนี่แหละ
"โอกาสที่ใช้พัฒนาความสัมพันธ์เนี่ย น่าจะเริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆก่อนนะ ......ถ้าของฉันก็คงเป็นเรื่อง คิริกอน ล่ะมั้ง"
"คิริกอน?"
มันคือชื่อของสัตว์ประหลาดที่เป็นต้นแบบของป้ายที่ตั้งอยู่หน้าร้านชิอิฮาระสาขาหลัก
"เมื่อตอนพวกเราเด็กๆ เพราะทุกคนช่วยกันทำป้ายนั้นให้ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลยสนิทกับพวกยูซึกิไง"
เรื่องนั้น ฉันเองก็เพิ่งเคยได้ยินจากปากโคฮารุเป็นครั้งแรก
โคฮารุที่เหมือนจะเขินอยู่หน่อยๆ หลบตาไปทางอื่นแล้วยกถ้วยกาแฟที่ยังเหลืออยู่ขึ้นมาจิบ
"......อ๊ะ จริงสิ เดี๋ยวฉันต้องรีบกลับแล้วล่ะ พอดีคุณแม่เค้าฝากให้ช่วยงานที่ร้าน"
โคฮารุดูเวลาจากนาฬิกาในร้าน แล้วมองฉันแบบรู้สึกผิด
"ขอโทษนะ ยูซึกิ"
"อื้ม ทางฉันต่างหากล่ะที่เป็นคนขอให้มาด้วย ขอบใจนะ โคฮารุ"
คิดถูกจริงๆนั่นล่ะ ที่มาขอคำปรึกษาจากโคฮารุ
ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย
"งานจับสลากชิงโชคของชุมนุมเมืองใกล้จะเริ่มแล้วด้วย ช่วงนี้คุณแม่คงยุ่งๆกับเรื่องเตรียมงานน่ะ"
จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ของทุกปีก็มีทำอะไรแบบนั้นกันนี่นะ......
โคฮารุลุกจากเก้าอี้
ส่วนฉันยังนั่งเหม่อ แกว่งแก้วในมือไปมา ด้วยการที่ดื่มไปคุยไป ตอนนี้ในแก้วเลยแทบจะเหลือแต่น้ำแข็งซะแล้ว
"ยูซึกิล่ะ ไม่กลับเหรอ?"
"อื้อ ขออยู่ต่ออีกหน่อย"
"งั้นเหรอ อย่าดื่มเยอะนักล่ะ"
พอต่อปากต่อคำกันเสร็จ โคฮารุก็รีบออกไป
ดูท่าจะอยู่กับฉันซะจนเวลาจวนเจียนจริงๆ
ต้องขอบคุณโคฮารุจริงๆนั่นล่ะ
จะมีสักวันที่เราจะทำอะไรให้โคฮารุกับทุกคนได้บ้างมั้ยนะ......
แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำให้มันชัดเจนซะก่อน
"----เฟรชจิงเจอร์เอล อีกแก้ว"
ขณะที่นั่งเหม่อคิดถึงเรื่องพวกนั้นอยู่ ฉันก็พ่นประโยคเดิมที่เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันนี้ให้พนักงานได้ยินอีกรอบ
เสาร์อาทิตย์จะมาต่อให้จบบทยูซึกินะครับ ส่วนโคฮารุกับชิโอเนะ ตอนนี้แผ่นอยู่ในมือแล้ว คงจะทยอยลงเหมือนเดิม
https://www.youtube.com/watch?v=9UzEzuASQcQ
ตอนพิเศษแถมมาในแผ่น 7 แจ้งยอดขายแผ่น 5 ได้ 1,166 แผ่น
>>609 ขอบคุณมากๆครับ
秋谷 @akiyayukie 35m35 minutes ago
秋谷 retweeted アニメ「天体のメソッド」公式
久しぶりにメソットです!今回汐音さん特に楽しく描いてました。宜しくですー
---ปกแผ่นสุดท้าย สงสัยจะเป็นชิโอเนะซะล่ะมั้ง
ปล. มาจากทวิตคาราดีไซน์ อาคิยะ ยูคิเอะ
ชิโอเนะขึ้นแผ่น5แล้วคงไม่น่ามาขึ้นเดี่ยวๆอีก อย่างน้อยคงมีโนโนกะกับโนเอล แต่เดาว่าอาจจะเป็นปกรวมทุกคน ว่าแต่พี่หล่อปกเดี่ยวนี่หมดสิทธิ์แล้วซินะ ปกแผ่น6ก็เป็นโนโนกะตอนเด็กกับโนเอล
ถ้ามาเดี่ยว สงสัยจะเป็นชิโอเนะชุดเดรสกับหมวกฟาง
http://imgur.com/et5hEXt
http://imgur.com/nOUAALj
แปะรูปอิโนรินหน่อยเดี๋ยวลืมนู๋โนเอลกัน
http://imgur.com/GpJ4ric ซีซั่นหน้าได้พากย์ตัวร้ายในซิมโฟเกียร์ด้วยนะ อิโนริน
>>608
"อุ๊ฟ...... ดูท่าจะดื่มหนักไปหน่อย......"
นับจากที่แยกกับโคฮารุ นี่ก็ผ่านมาราวชั่วโมงหนึ่งแล้ว
ตอนที่เดินเอ้อระเหยออกมาจากร้านน้ำชา ฟ้าก็เริ่มจะมืดพอดี
จะบอกว่าเอ้อระเหยนี่คงไม่ถูกเท่าไหร่ ที่จริงน่าจะเรียกว่าเดินอืดออกมามากกว่า
ขณะที่ยังรู้สึกได้ถึงของเหลวโคลงเคลงไปมาในท้อง ฉันก็อาศัยเดินตามคนมากมายยิ่งกว่าที่คิริยะโกะมุ่งหน้าไปยังสถานีโฮคุบิ
บัสเทอร์มินัลอยู่ติดกับสถานีโฮคุบิ
คนที่มาขึ้นรถไฟที่นี่มีเยอะก็จริง แต่ฝั่งรถบัสกลับดูบางตา ส่วนรถบัสที่ไปคิริยะโกะก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
โพรงอากาศฝีมือมนุษย์ หน้าตาเหมือนอุโมงค์ที่เปิดกว้างเข้ามาในตัวอาคาร ข้างในนั้นมีป้ายรถบัสเรียงกันอยู่เป็นแถว
เป็นสถานที่ที่แม้จะเจอฝนหรือหิมะก็ยังใช้งานได้อยู่ แต่เนื่องจากวันนี้อากาศแจ่มใส ก็เลยไม่ค่อยเกี่ยวกับที่ว่ามาสักเท่าไหร่
พอเข้ามาถึงบัสเทอร์มินัลแล้ว ฉันก็มองสำรวจดูภายในอาคารอีกที
"อ๊ะ"
รถบัส กำลังจะออกจากป้ายรถที่มองหาอยู่พอดี
"ไปด้วยค่า ไปด้วย!"
มือฉันนั้นโบกไหวๆ แต่ตัวนั้นพุ่งไปหารถบัสที่กำลังจะออกจากป้ายแบบสุดฝีเท้า
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความพยายามอันแรงกล้านั้นสัมฤทธิ์ผลก็ดี หรือว่าเรี่ยวแรงมันพัฒนาขึ้นมาเองจากเมื่อตอนกลางวันก็ดี
ในที่สุดรถบัสก็จอดรอจนฉันวิ่งมาขึ้นทันจนได้
"ฟู่--- เซฟ......"
ยังรู้สึกแน่นๆท้องอยู่เลย
ตัวฉันที่อยู่ในสภาพเหมือนเกาะราวจับอยู่ ค่อยเงยหน้าขึ้นมองหาที่นั่งในรถ
"อา......"
เหมือนกับตอนที่เพิ่งเจอรถบัส
เพียงแต่ว่า เสียงที่หลุดรอดออกมาจากปากตัวเองนั่นเบากว่ากันมาก
ผู้โดยสารที่ขึ้นรถมาก่อนหน้าฉัน มีแค่คนเดียว
แล้วฉันกับผู้โดยสารคนนั้นก็สบตากัน
เขาคนนั้นในชุดเครื่องแบบนักเรียนชายโรงเรียนเดียวกันกับฉัน นั่งอยู่คนเดียวตรงที่นั่งที่จัดไว้ให้สองคน
"............"
กำลังมองฉันที่ยังยืนเกาะราวจับอยู่
มิซึซากะ โซตะ
พี่ชายฝาแฝดของฉันเอง
>>618
แล้วฉันก็เผลอทำเป็นไม่สนใจ หลบตาไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัว
ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อเช้าเลย
เกลียดตัวเองจริงๆ
เพราะอย่างนั้น ฉันถึงได้ไปปรึกษาโคฮารุ จนได้คำแนะนำมาแท้ๆไม่ใช่รึไง
ทำยังไงดี
ความรู้สึกมากมายหลายอย่าง มันปนเปกันจนเหมือนจะหมุนติ้วๆอยู่ในหัว
จริงสิ โคฮารุ เรื่องที่โคฮารุพูด อะไรแล้วนะ------คิริกอน? คิริกอนเป็นตัวช่วยสร้างโอกาสให้โคฮารุ
อ๊า----รถบัสเริ่มวิ่งแล้ว ถ้าไม่รีบนั่งเดี๋ยวได้มีปัญหากับคนขับแน่เลย
คำพูดที่โคฮารุพูดไว้
โอกาส เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อย
จริงด้วย อย่างนี้นี่เอง
ถ้าเรื่องเล็กน้อยมันจะกลายเป็นโอกาสขึ้นมาได้ ของฉันก็ต้องเป็นการที่ได้ขึ้นรถบัสรอบค่ำกับโซตะนี่แหละ
ฉันเดินเข้าไปข้างในรถ แล้วมาหยุดยืนตรงข้างที่นั่งที่โซตะนั่งอยู่
"ขอนั่งข้างๆ ได้รึเปล่า?"
ฉันพยายามเกร็งเสียงแบบสุดๆ
แบบที่ว่าอย่าให้ได้ยินแล้วรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติ ให้ออกมาธรรมดา เหมือนกับว่าไม่ได้คิดอะไรในใจ
แต่โซตะกลับเงยหน้ามองฉันด้วยท่าทางสงสัย
"......จะถามทำไมเนี่ย ไม่อายชาวบ้านเค้าบ้างรึไง"
"ว-ว่าไงนะ!"
ชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
คนเค้าอุตส่าห์ตั้งใจมาอย่างดี
"เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น เอ้อ ไอ้นั่นไง......น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ"
โซตะที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงได้แต่เอามือเกาหัว
"แล้วมันอะไรเล่า!"
"มีพี่น้องที่ไหนที่เค้าต้องออกปากถามอะไรอย่างนั้นกันด้วยเหรอ......นั่นล่ะ ที่จะบอก"
"......อ่า"
"จะนั่งก็นั่งเถอะ เดี๋ยวจะโดนคนขับประกาศเตือนเอา"
พูดเสร็จโซตะก็ขยับเข้าไปนั่งชิดริมหน้าต่าง
ส่วนฉันก็นั่งลงข้างๆ
ผู้โดยสารทั้งคันมีแค่ฉันกับโซตะสองคน
แล้วรถบัสที่เหมือนกับจะรอให้ฉันนั่งอยู่ ก็เคลื่อนตัวออกไป
>>619
รถบัสประจำทางที่ออกจากสถานี เลี้ยวออกจากถนนใหญ่แล้วแล่นเข้าไปทางช่องเขา
ตึกสูงที่เรียงรายอยู่ตามแนวถนนใกล้ๆสถานีโฮคุบิ เริ่มทยอยหายไป ภาพที่มองเห็นจากหน้าต่างรถบัสเริ่มถูกแทนที่ด้วยภูเขาน้อยใหญ่
ทั้งสองฝั่งซ้ายขวา
ทิวทัศน์ธรรมดาๆที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แล่นไปบนถนนเส้นเดิม ด้วยความเร็วเท่าเดิม
เส้นทางไปกลับเดิมๆที่คุ้นเคย
วันธรรมดาก็ใช้ไปกลับจากโรงเรียน วันหยุดก็ใช้ตอนจะไปซื้อของ สุดท้ายก็กลายเป็นรถประจำทางที่ได้ขึ้นแทบทุกวัน
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่วันนี้ฉันกลับสงบสติอารมณ์ไม่ได้เลย
ต้นเหตุก็มาจากโซตะที่นั่งอยู่ข้างๆนี่ล่ะ ทำเอาสติกระเจิงไปไกล
ก็รู้อยู่หรอกว่ามาหงุดหงิดแบบนี้มันไม่มีเหตุผล เพราะตัวเองเป็นฝ่ายที่มานั่งทีหลังเอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ......
"......รถบัส โล่งจังเนอะ"
ผู้โดยสารบนรถ ยังมีแค่สองคนเหมือนเดิม คือฉันและโซตะ
"ก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วนี่"
"......เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่"
"เอาเถอะ อีกอย่างนึงนี่มันก็เลยเวลาปกติมาแล้วด้วย จะบอกว่าคนน้อยเพราะมันไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนก็คงใช่"
โซตะที่พิงศอกเข้ากับขอบหน้าต่าง พูดออกมาลอยๆ ขณะที่มองไปยังข้างนอกที่มืดสนิทไปแล้ว
แล้วบรรยากาศในรถ ก็ตกลงสู่ความเงียบอีกครั้ง
ไม่ไหว ต้องหาเรื่องคุยต่อให้ได้ เรื่องอะไรก็ได้
"......โซตะ"
"หืม?"
"เอ่อ...... แล้วไหงโซตะถึงมาขึ้นรถเอาป่านนี้ได้ล่ะ!"
พอเผลอพูดอะไรออกไปไม่ทันได้คิด ก็ดันกลายเป็นคำขึ้นเสียงด่าไปซะอีก
"แล้วไหงอะไรล่ะ...... ก็ถ้าจะกลับบ้าน มันก็ต้องเวลานี้อยู่แล้วนี่"
"กลับซะค่ำขนาดนี้ ไปทำอะไรมา? เลิกเรียนแล้วก็ต้องตรงกลับบ้านเลยสิ อย่ามัวแต่เถลไถล"
พูดเสร็จพอหันไปข้างๆ ก็เจอโซตะที่หันมามองฉัน ทำหน้าอึ้งๆ
"......นี่เธอ ที่พูดออกมานี่เข้าตัวกลับไปหมดเลยนะ"
"อุก"
ก็นั่นแหละ
ฉันได้แต่ทำเสียงอื้อในคอ แล้วบทสนทนาก็จบลงไปอีกรอบ ทำอะไรลงไปเนี่ย......ตัวฉัน
>>620
"----แล้ว ยูซึกิล่ะ ไปทำอะไรที่ไหนมา?"
"เห?"
ขณะที่ความรู้สึกอันผสมปนเปกันระหว่างเกลียดตัวเองกับสำนึกผิดกำลังหมุนติ้วๆเป็นวังวนอยู่ในหัว
ตัวฉันที่โดนเรียกชื่อตอนที่อยู่ในภวังค์นั้นก็ทำเสียงมึนๆออกมา
"จะมาทำมึนอะไรอีกล่ะ"
"ต-ตรงไหนกันยะ!"
ถึงจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ด้วยความที่เจ็บใจ งานนี้ขอเถียงเต็มที่
จากนั้นก็ไหลกลับเข้าเรื่องอีกที
"ฉันน่ะนะ เอ้อ ก็แค่ไปนั่งกินลมชมวิวกับโคฮารุที่ร้านน้ำชาเท่านั้นแหละ!"
"โคฮารุ? ไม่เห็นอยู่ด้วยเลยนี่"
"ก็เค้ากลับไปก่อนแล้วไง! ได้ยินว่าต้องไปช่วยงานที่ร้าน...... แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับโซตะอยู่แล้วนี่!"
"ถึงจะไม่เกี่ยว แต่คนที่ถามฉันทีแรกว่าหลังเลิกเรียนไปทำอะไรมาก็ยูซึกิเองไม่ใช่รึไง?"
......เออ มันก็จริงแฮะ
"ล-แล้วโซตะล่ะ?"
"คุยกับพวกเพื่อนๆในชั้นอยู่น่ะ"
"อะไรน่ะ ธรรมดาจัง"
พอหันไปมองแบบเซ็งๆ โซตะก็มองฉันกลับด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์อยู่เหมือนกัน
"ธรรมดาแล้วมันมีปัญหาตรงไหนรึไง แล้วมันต่างกับของยูซึกิตรงไหน ของเธอก็แค่ไปคุยกันที่ร้านน้ำชาเองนี่"
"ก็บอกแล้วนี่ว่ากินลมชมวิว"
"ก็ได้แค่พูดนั่นแหละ อีกอย่างถ้าจะไปร้านน้ำชา ไปที่บ้านดีกว่ามั้ย"
โซตะพูดเหมือนกับโคฮารุเด๊ะ
"ก็ฉันอยากดื้มเฟรชจิงเจอร์เอลนี่!"
"งั้นก็ทำเองสิ ของทำก็มีนี่"
"ท-ทำเอง......?"
"ถึงจะทำอาหารไม่เอาอ่าวแค่ไหน แต่เรื่องแค่นี้อย่างยูซึกิน่าจะทำเองได้อยู่นะ"
"............"
"......ทำไม่เป็น เรอะ?"
คราวนี้ฉันไม่มีแม้แต่เสียงอื้อจากในคอ
>>621
พอถามสารทุกข์สุขดิบเสร็จ ไม่ทันไรโซตะก็หันกลับไปมองนอกหน้าต่างเหมือนกับตอนแรกอีกรอบ
ขณะเดียวกันนั้น ทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็ขาดหายไป
อุโมงค์ที่เชื่อมไปยังเมืองคิริยะโกะ รถบัสกำลังเข้าสู่ช่วงที่ต้องลอดผ่านอุโมงค์ที่ว่านั้น
ฉันเห็นสีหน้าโซตะที่มองออกไปข้างนอก สะท้อนอยู่บนกระจกหน้าต่าง
โซตะทำหน้าประหนึ่งว่าภูมิใจมากที่เอาชนะฉันได้หลังจากที่ต้อนฉันเสียจนมุม......ก็แน่ล่ะสิ
ไม่มีท่าว่าจะโกรธกันเลยสักนิด
โซตะ----- ดูท่าจะสนุกน่าดู
แต่แล้วเจ้าตัวก็หยุดยิ้ม เก็บอาการตัวเอง เหมือนกลัวว่าใครจะรู้
ฉันรุ้สึกอย่างนั้น
เพราะว่าฉันรู้ยังไงล่ะ
เรื่องที่ถึงเจ้าตัวจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ยังคอยดูแลเอาใจใส่ฉันอยู่ตลอด
"จะว่าไป------"
โซตะพูดขึ้นมาลอยๆ ขณะเดียวกัน เงาที่เปิดปากพูดก็สะท้อนอยู่บนกระจกหน้าต่าง
"งานโฮคุบิปีนี้ จะเอาไงดีหว่า"
คำพูดนั้น ที่จริงก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ฟังยังไงก็เป็นบทสนทนาธรรมดาทั่วไปในชีวิตประจำวัน------
"ได้ยินว่าปีสามเขาให้เข้าร่วมตามความสมัครใจนี่"
"เรอะ ถ้างั้นห้องฉันขออยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรดีกว่า"
"ปีก่อนของโซตะทำอะไรกันเหรอ?"
"คาเฟ่ขนมญี่ปุ่น"
"อี๋ เชยสุดๆ"
"แล้วยูซึกิล่ะ"
"บ้านผีสิง"
"เข้าท่าดีนี่ แล้วตอนปีหนึ่งล่ะ"
"บ้านผีสิง"
"เป็นฝ่ายขายเรอะ"
ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ จะเรียกว่าเป็นเนื้อหาสาระอะไรก็ไม่ใช่
"......จะยังไงก็เถอะ ปีนี้ก็คงต้องหาอะไรทำสักอย่างล่ะนะ"
"นั่นสิ......"
ก็แค่พูดไปตามสิ่งที่คิด สิ่งที่ลอยออกมาจากใจเท่านั้นเอง-----
"ไปลองปรึกษาโคฮารุกับโนโนกะดูดีไหมนะ งานโฮคุบิปีนี้เป็นปีแรกของโนโนกะซะด้วยสิ
อ๊ะ ถ้างั้นยิ่งต้องชวนชิโอเนะด้วยเลย!"
เรื่องง่ายๆอย่างนั้น กลับทำให้ตัวฉันในตอนนี้รู้สึกดีใจยิ่งกว่าอะไร-----
"นี่ถ้าเกิดว่าอยากจะทำอะไรกันขึ้นมา----- พี่โซตะก็พร้อมจะร่วมวงด้วยแน่นอนสินะ?"
"-----นั่นล่ะ"
ถึงจะกลับไปเหมือนสมัยเด็กไม่ได้ แต่ก็ยังก้าวเดินไปพร้อมกันเหมือนสมัยนั้นได้
รู้ตัวอีกที ก็มองเห็นปลายทางอุโมงค์ฝั่งเมืองคิริยะโกะอยู่เบื้องหน้ารถบัส
อีกไม่นาน รถก็จะออกจากอุโมงค์แล้ว
"เอ้อ"
"หืม?"
"ขอโทษนะ"
"......อะไรอีกล่ะ"
คราวนี้ ฉันสื่อความหมายเข้าใจง่ายเสียจนโซตะต้องหันหน้าหลบ
พอรถบัสแล่นออกมาจากอุโมงค์ได้ ทัศนียภาพโดยรอบก็กลับมากว้างขึ้นในชั่วอึดใจ
ใบหน้าของโนโนกะ อยู่ๆก็แวบขึ้นมาในความคิด
พอมองดูฝ่ามือของตัวเอง ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบบนนั้น
ฉันอยากจะขอโทษโนโนกะให้เป็นเรื่องเป็นราวอีกสักครั้ง
อืม ทำเรื่องแบบนั้นลงไป จะให้ขอโทษอย่างเดียวก็คงไม่พอสินะ
ถึงโนโนกะจะยกโทษให้ แต่ฉันคงไม่ยอมอภัยให้ตัวเองแน่------
ฉันจะต้องผ่านมันไปให้ได้
ณ ที่แห่งนั้น จานบินที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าและทะเลสาบคิริยะ ยังคงทอแสงเป็นประกายอ่อนโยน ราวกับจะมอบความสว่างไสวให้กับตัวเมือง
มันมาต่อกับซีนนี้เอง
http://imgur.com/IW11Zi2
ปกแผ่นสุดท้าย
http://imgur.com/TLItJre
นั่นไงพี่หล่อ กลางจอเลย แผ่นสุดท้าย
แต่ถ้านับว่าคนขึ้นปกจะได้เป็นตัวเอกนิยายประจำเล่ม กับต้องตรงกับช่วงเนื้อเรื่องในแผ่นนี่ นึกเนื้อเรื่องพี่หล่อที่จะมาเสริมกับเรื่องหลักไม่ออกเลยนะ
วันนี้มีงาน洞爺湖マンガアニメフェスタ ที่โทยะ มีบูทโซระเมโสะไปเปิดด้วย ใครอยากเห็นบรรยากาศลองส่องๆในทวิตดูได้
แค่พี่หล่ออยู่ตรงกลางแต่ความเด่นที่หายไปกับดอกทานตะวัน //กุมหน้า
http://dimension-w.net/
เมะใหม่ทำร่วมกับ orange
>>634 https://www.youtube.com/watch?v=xH5sYIkWV_U งานดูไปคนละทางกับโซระเมโสะเลย
>>635 https://www.youtube.com/watch?v=8B9EJCCXVhE แก้ลิงค์ ลิงค์บนมันบล็อค
ไปกระทู้ upcoming ดิ
http://www.animate-onlineshop.jp/products/detail.php?product_id=1333357 เซทเทย์ ออกเดือน 8 ใครใคร่อยากเก็บ เชิญสั่งจองกันได้
โปรโมชั่นส่งเสริมการขายของร้านชิอิฮาระ
http://imgur.com/QntXVUd
http://imgur.com/OMX7O8Z
http://imgur.com/Tp8GyuG
http://imgur.com/81V5LN0
http://imgur.com/9sSdPuB
http://imgur.com/yjVSSBC
http://imgur.com/r9mmgvj
เซ็ทแสตนด์โนเอล โปสเตอร์และแฟ้มที่ขายในงานโทยะอนิมังกะเฟสฯ และคัทของจริงแบบสุ่ม 1 ใบ
ขอขอบคุณ #ผู้มีอุปการะคุณ ด้วยครับ
เดือนนี้แล้วนิหว่าแผ่นสุดท้ายออก มีตอนพิเศษแถมด้วยใช่มะ
「วันหนึ่งของร้านชิอิฮาระ」
ตั้งแต่เช้าวันใหม่ที่แสงอาทิตย์จากโลกภายนอกซึ่งกั้นไว้ด้วยบานกระจกส่องผ่านเข้ามาจนจรดแทบเท้า
จวบจนกระทั่งหมดวัน ไม่ใช่หมายถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับฟ้า แต่เป็นเวลาที่ผู้คนที่จ๊อกแจ๊กจอแจหายไป แสงไฟตามอาคารบ้านเรือนดับลงจนหมด
เวลาที่ประตูทางเข้าปิดลง
เขา----หรืออาจจะเป็นเธอ ก็ยังคงเฝ้ามองทะเลสาบยามค่ำคืนจากภายในห้องโถงใหญ่ที่มืดมิดและเงียบสงัด
ร่างที่ใหญ่และแบนราบของเขานั้น ได้แบกรับสิ่งสำคัญเอาไว้มากมาย
บนตู้ที่วางกั้นห้องเอาไว้ ยังมีขนมหวานที่ห่อด้วยกระดาษพิมพ์ลายรูปเขาวางเรียงกัน อีกตู้หนึ่งก็มีสแตรปอันจิ๋วที่ทำเลียนแบบตัวเขาแขวนโชว์อยู่
บนผนัง ก็มีโปสเตอร์กับผ้าแขวนรูปทะเลสาบและตัวเขาที่โผล่หน้าขึ้นมาจากผิวน้ำ ท่าทางดูห้าวหาญ แปะทับด้วยป้ายราคาสีออกซีดๆ
ตัวเขาในยามค่ำคืน ยังคงยืนประจำอยู่ที่เก่า คอยปกป้องเหล่าสินค้าที่เป็นดังร่างแยกของตัวเอง ที่ที่ใกล้กับประตูทางเข้ามากที่สุดในร้าน
มองไปนอกร้านด้วยท่าทีที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็น่าเกรงขามตลอดทั้งคืน ไม่มีแม้แต่จะกระพริบตาหรือเคลื่อนตัวไปไหน
ด้วยเหตุนี้ ยามเช้าที่สงบสุขไม่มีเรื่องอันใด จึงเป็นเหมือนช่วงเวลาพักผ่อนของเขา
แต่ทว่า เหล่าสินค้าทั้งหลายในร้านที่เขาเคยได้ปกป้องไว้ราวกับลูกๆ ของตัวเองนั้น กลับไม่ได้มีวางอยู่ในร้านเลย
สินค้าทั้งหลายในร้าน ทั้งมันจูยอดนิยม สแตรปเรืองแสงหลากสีสัน ผ้าแขวนที่มีลวดลายของวัตถุทรงกลมที่ไม่ได้อยู่ในทะเลสาบแต่กลับลอยอยู่เบื้องบน
หรือจะพวกแบบจำลองย่อส่วนที่วางกองสุมกันเป็นรูปตัวเอง กระทั่งถ้วยชาหน้าตาไม่สมประกอบที่ด้านในเหมือนกับถูกคว้านออกไปอย่างลวกๆ จนไปถึงแก้วมัคที่วางขายอยู่ใกล้ๆกัน
ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหน ก็ไม่ใช่สินค้าของเขาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ถ้านับกันตามเวลาเกิดแล้ว ฝ่ายที่เกิดก่อนก็เป็นเขา ในตอนนั้น ท้องฟ้าเหนือทะเลสาบยังไม่มีสิ่งนั้น ตัวเขาที่เข้าๆออกๆร้าน ก็ยังได้เฝ้ามองทะเลสาบไปเรื่อยๆอย่างสบายอารมณ์
ด้วยเหตุนั้น เขาจึงกลายเป็นประจักษ์พยานที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านดวงตากลมโต ในช่วงเวลาที่สิ่งนั้นได้ปรากฏขึ้นมา
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย จานบิน---- ที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นเหนือท้องฟ้ายามราตรีนั้น ได้ทอประกายสุกสว่างขับไล่ความมืดมิดให้จางหายไป
>>644
ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนกี่วัน จานบินก็ยังคงสภาพเหมือนครั้งแรกที่เขาได้เห็น ลอยนิ่งอยู่ที่เดิมเรื่อยมาไม่เปลี่ยนแปลงจวบจนวันนี้
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปกลับไม่ใช่จานบิน แต่เป็นสิ่งรอบตัวเขา
แรกสุด กระแสนักท่องเที่ยวที่หยุดชะงักไประยะหนึ่ง เพราะผลกระทบจากจานบิน ก็กลับกลายเป็นมารวมตัวกันเพื่อดูจานบิน
จากนั้น รอบตัวเขาก็เริ่มมีข้าวของเครื่องใช้ของฝากที่ได้แรงบันดาลใจจากจานบินมาวางขาย แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเขาที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองชั้นวางสินค้าของตัวเองถูกรุกรานด้วยจานบิน
กลับไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
หมียักษ์หน้าตาเหมือนของจริงที่ตั้งประดับอยู่หน้าร้านตรงข้ามกับเขาก็เช่นกัน แวบแรกที่เห็นก็ดูเหมือนทำท่าจะฝังเขี้ยวใส่จานบินที่อุ้มอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ทำสักที
หรือว่าจะสนิทกันไปซะแล้วตั้งแต่ตอนนู้นก็ไม่รู้ ก็ได้แต่สงสัยต่อไป
ทุกสิ่งที่แวดล้อมรอบตัวเขา เริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย
เด็กผู้หญิงที่ชื่อโนเอล ระยะนี้ก็เริ่มโผล่มาเล่นด้วยบ่อยขึ้น
โนเอลเรียกเขาว่าคุณสัตว์ประหลาด แถมยังเข้ามาคุยด้วย พวกนักท่องเที่ยวที่ดูจะสนใจเขาก็พอมีอยู่บ้าง แต่คนที่เข้ามาพูดด้วยนั้นแทบจะไม่มี
ปากที่อ้ากว้างของเขา ดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของเด็กสาวเป็นพิเศษ เธอลองเอาหน้าบ้างแขนบ้างมุดเข้ามาหน้าทีหลังที ด้วยความที่อยากเล่นซนกับเขาล้วนๆ
ต่างไปจากนักท่องเที่ยวคนอื่นที่แค่โผล่หน้ามาแล้วเก็บภาพเป็นที่ระลึก
สำหรับเขาแล้ว เด็กสาวที่ชื่อโนเอล เป็นเหมือนตัวตนที่ตรงกันข้ามกับตัวเองเลยทีเดียว
และอีกคนหนึ่ง
คนที่เป็นเหมือนคนสำคัญของเขา
เด็กสาวที่คอยอยู่เคียงข้าง คอยทุ่มเทความรักให้กับเขาเรื่อยมา ตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้
คนที่คอยยกตัวเขาที่ขยับไปไหนเองไม่ได้ออกไปหน้าร้านทุกเช้า คอยขัดถูร่างกายให้ พอตกกลางคืนก็ยกกลับเข้าร้าน ทั้งยังขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากในแต่ละวัน
ต่างจากร่างกายของเขาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เด็กสาวที่เขาเฝ้ามองนั้นเติบโตขึ้นทุกวัน จนตอนนี้สูงเท่ากันกับตัวเขาเสียแล้ว
เช้านี้ก็เช่นกัน---
เบื้องหน้าตัวเขา ที่กำลังสัมผัสแสงที่อ่อนโยนของยามเช้าที่ส่องผ่านเข้ามาจรดแทบเท้า
เด็กสาวตัวน้อยที่เคยลอดหน้าผ่านปากที่อ้ากว้างของเขาออกมาอย่างไม่ยากเย็น ในครั้งแรกที่เขาถูกสร้างขึ้นมา----
ชิอิฮาระ โคฮารุ อยู่ตรงนี้แล้ว
โคฮารุไขกุญแจเปิดร้าน ผลักประตูกระจกออกกว้างให้อากาศถ่ายเทเข้ามา แล้วมองมาทางเขา----
"อรุณสวัสดิ์จ้ะ คิริกอน วันนี้ก็ฝากด้วยนะ"
มือขวาของป้ายสัตว์ประหลาดคิริกอนแห่งทะเลสาบคิริยะ สั่นกึกๆอย่างน่าเกรงขาม ประหนึ่งจะตอบรับกับคำพูดนั้น
แล้วหนึ่งวันที่ไม่เคยเปลี่ยนไปของร้านชิอิฮาระ ก็เริ่มต้นขึ้น
ตอน OVA นี่สนุกดี ได้เห็นอีกด้านของชิโอเนะน่ารักอิ๋บอ๋าย เสียดายเป็นแค่ตอนสั้นๆ
สงสารแต่พี่หล่อแม้แต่จะคุยกะบาบิก้อนก็ไม่ได้คุย
ตอนนี้คงเป็นตอนสุดท้ายจริงๆแล้วซินะ
ดูจบแล้วก็นึกถึงคำพูดคนพากย์พี่หล่อตอนที่พรีวิวOVAในอีเวนท์ขึ้นมา ที่บอกว่า เอ๊ ไม่เห็นโซตะเลย หรือว่าจะเป็นมุมมองโซตะรึเปล่า ถถถถถถ
อ่าน side story 6 จบแล้ว แทบอยากจะแปลมาลงตัดหน้า 4 และ 5 ที่ค้างอยู่จริงๆ
ต่างจาก 1-5 ตรงที่เดินเรื่องโดยใช้ตัวละครที่ไม่เคยขึ้นปก เป็นเซอร์ไพรส์ในแง่ดีเลยล่ะ
http://imgur.com/WQ22BSP
http://imgur.com/vNEwrg5
http://imgur.com/z1kfbAQ
กล่องของแถม Gamers
หน้ารองสุดท้ายทำเอาใจหายไปแวบนึง
http://imgur.com/6RlSQcZ
http://imgur.com/4bRUojB
http://imgur.com/I0x59Dd
http://imgur.com/hgHSMjI
>>645
จากมุมมองของคิริกอน นี่ก็คือยามเช้าวันเสาร์ที่ปกติธรรมดาเหมือนเช่นเคย
อากาศค่อยๆเย็นลงทุกวัน จนชวนให้คิดว่าหิมะแรกจะตกลงมาเมื่อไหร่ก็ไม่แปลกใจ สิ่งที่ชะลอมันไว้ก็คงเป็นแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องไปทั่วทั้งเมือง
ด้วยพลังจากแสงที่ว่านั้น ทันทีที่ร้านชิอิฮาระเปิด ก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวที่เดินไปมา ก้าวเข้ามาในร้าน
โคฮารุเดินเข้าไปหาหนึ่งในลูกค้า
"ยินดีต้อนรับค่า--"
โคฮารุในชุดผ้ากันเปื้อนพนักงานร้าน โค้งให้อีกฝ่ายด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
ตามด้วยคำพูดชุดใหญ่
"----ทางด้านนี้คือมันจูจานบินของขึ้นชื่อร้านชิอิฮาระค่ะ มีบริการส่งถึงบ้านให้ด้วยนะคะ"
โคฮารุที่ยกกล่องมันจูจานบินขึ้นบนหัว ส่งยิ้มหวาน
ลูกค้าที่โดนโปรยยิ้มใส่ มองโคฮารุด้วยท่าทางลำบากใจ
"......อ-อื้ม ขอบใจนะ โคฮารุ แต่บ้านฉันอยู่ใกล้แค่นี้เอง"
"ไส้ถั่วแดงเต็มๆคำ อร่อยมากเลยนะคะ มีให้ลองชิมด้วย ของดีห้ามพลาดเลยนะ"
"ม-ไม่เป็นไรหรอก เคยกินแล้วล่ะ"
ลูกค้าคนที่ว่า โบกมือเป็นเชิงหลบเลี่ยง
"จะรับจานบินหินสลักไปด้วยกันรึเปล่าคะ?"
"ของแบบนั้นจะให้เอาไปทำไมกันล่ะ! แล้วก็ขอเถอะนะ โคฮารุ ช่วยพูดแบบธรรมดาทีเถอะ
นี่คงไม่ได้พูดกับลูกค้าคนอื่นแบบนี้ใช่มั้ย?"
พอโดนลูกค้า----โคมิยะ โนโนกะ จี้เอาแบบนั้น โคฮารุที่ท่าทางดูมีความสุขก็จ๋อยไป
"ก็นานๆ โนโนกะจะมาซื้อของที่ร้านที ก็เลยดีใจ จัดเซอร์วิสให้เป็นกรณีพิเศษเอง"
"ไม่ได้มานานขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย......"
โนโนกะลองนึกทบทวนดู บางทีก็อาจจะเป็นอย่างที่โคฮารุว่าจริงๆ
"คราวก่อนที่เคยมา ก็มีแต่ตอนที่โนโนกะมาตามหาเด็กหลงแค่นั้นเอง"
"......ครั้งแรกเลยล่ะมั้งตอนนั้น แถมยังเป็นครั้งเดียวซะด้วยสิ"
"แล้ววันนี้ล่ะ เด็กหลงคนนั้น มาด้วยกันรึเปล่า?"
โคฮารุละสายตาจากในร้าน มองหาเด็กหลงเมื่อวันก่อนที่เดินตีซี้คู่กันมากับโนโนกะตอนเข้าร้านเมื่อกี้
>>656
"โนเอลน่ะเหรอ...... อ้าว?"
โนโนกะที่ไล่สายตามองตามโคฮารุ ก็เผลออุทานออกมาเมื่อพบว่าโนเอลที่มาด้วยกันหายตัวไปซะแล้ว
"คุณเด็กหลง ยังหลงทางอยู่เหรอเนี่ย?"
"เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนั้นแท้ๆ......"
โคฮารุที่เอียงคอด้วยความสงสัย กับโนโนกะที่จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไง ขณะที่สองคนนี้ยืนอยู่
โซตะที่ดูเหมือนจะสวมผ้ากันเปื้อนทำงานอยู่ตลอดเวลาก็ยกกล่องมันจูจานบินกองใหญ่เดินผ่านมา
ระหว่างนั้นก็หันมองโคฮารุแล้วพูดขึ้นมาว่า
"อย่ามัวแต่คุยกันสิ โคฮารุก็ต้องทำงานเหมือนกันนะ"
"ก็กำลังรับลูกค้าอยู่นี่ไง"
"ตรงไหนกัน อ้อ แล้วก็อีกอย่าง"
โซตะเหล่ตามองโนโนกะต่อ
"ยัยเปี๊ยกกำลังกวาดของชิมในตู้ตรงนู้นอยู่เลย กินไปจะหมดตู้แล้วมั้ง"
"เอ๋! เดี๋ยวเถอะ โนเอล!"
โคฮารุได้แต่มองตามหลังโนโนกะที่รีบวิ่งไปหาโนเอล
"ที่จริง จะกินให้หมดก็ว่าอะไรหรอก"
"ถ้าโคฮารุบอกไม่เป็นไร คนมาช่วยอย่างฉันก็คงว่าอะไรไม่ได้ล่ะนะ แต่ยังไงก็ต้องเติมของไว้ก่อนอยู่ดี เพราะเดี๋ยวตอนเที่ยงจะมีทัวร์มาลง"
"อ้าว มาวันนี้หรอกเหรอ?"
"ก็ตามที่เช็คจากตารางรถนั่นแหละ อ้อ แล้วก็ไฟข้างในร้านเหมือนมันจะมืดๆไปหน่อยนะ"
"เอ๋? จริงเหรอ?"
"ในโกดังเก็บของยังมีหลอดไฟสำรองอยู่ เดี๋ยวจะเอามาเปลี่ยนให้ก็แล้วกัน"
"......อืมม"
"มีอะไรรึ?"
โคฮารุจ้องหน้าโซตะด้วยสีหน้าประหลาดใจอยู่ในที
"......อะไรเล่า"
แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะฮึๆ ออกมา
>>657
"แล้วมันอะไรกันล่ะ ก็บอกสิ ฉันพูดอะไรแปลกๆไปรึไง?"
"อื้ม ก็เห็นโซตะดูพึ่งพาได้ ดูฝากฝังอะไรๆ ได้น่ะ"
"ก็เพราะโดนเธอฝากให้ดูร้านให้บ่อยๆ นั่นแหละ ถึงไม่อยากจำ พอทำไปนานๆ เข้ามันก็จำได้อยู่ดี แย่จริงๆ "
สีหน้าของโซตะที่กำลังทยอยหยิบกล่องมันจูจานบินมาหอบไว้อย่างคล่องแคล่วอยู่นั้น ไม่ได้สื่อถึงความไม่พอใจอย่างที่พูดเลย
"ต้องขอบคุณโซตะจริงๆ นั่นล่ะ"
ว่าแล้วโคฮารุก็รวบกล่องมันจูจานบินจากมือโซตะครึ่งหนึ่งมาไว้กับตัวเอง
"เอาเถอะ ได้ยินคำขอบคุณแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย เอ้า ไปกันเถอะ"
โซตะที่ตัดบทห้วนๆ เดินหอบกล่องมันจูไปยังชั้นวาง
"ตกลงมันอะไรกันหว่า......"
โดยมีโคฮารุที่หอบกล่องแบบเดียวกันเดินตามมาติดๆ
ถึงจะบอกว่าเหลือครึ่งเดียวของที่โซตะแบก แต่โคฮารุที่เดินตามหลังโซตะที่ก้าวฉับๆ เหมือนเดินตัวเปล่า ก็ยังเดินโงนเงนทำท่าเหมือนจะตก
"----รอเดี๋ยวสิ โซตะ"
ระหว่างที่พยายามสุดชีวิตไม่ให้ของตกพื้น แต่เสียงที่เรียกโซตะก็ดูเหมือนจะไปไม่ถึงเจ้าตัว
ขณะที่โซตะที่ทิ้งห่างไป เริ่มหลุดไปจากระยะสายตา โคฮารุก็พลันเห็นภาพแผ่นหลังของเพื่อนที่โตแล้ว ซ้อนกับเมื่อสมัยยังเด็กขึ้นมา
โคฮารุที่หยุดอยู่กับที่
โซตะที่ก้าวไปข้างหน้า
และยูซึกิน้องสาว ที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ
โคฮารุนั้นเคยอิจฉาทั้งคู่ที่สนิทสนมกันมาตลอด ถึงเวลาเล่น จะเล่นด้วยกันสามคน แต่เวลากลับ มีแต่ตัวเองที่ต้องแยกไปกลางทาง เพราะอยู่กันคนละที่
มีแต่ตัวเอง ที่ต้องทนเก็บความเหงาที่ไม่มีที่ไปเอาไว้คนเดียว
ไม่ใช่สามคนหรอก แต่เป็นสองกับหนึ่งต่างหาก
>>658
ถึงจะคอยเตือนตัวเองว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ตาม แต่ความรู้สึกนั้นมันก็ยังไม่หายไปจากใจโคฮารุในวัยเด็กอยู่ดี
ทั้งโซตะและยูซึกิ รวมไปถึงที่มาเจอกันที่หอดูดาวทีหลังอย่างโนโนกะกับชิโอเนะ ไม่มีใครเลยที่รู้ถึงความโดดเดี่ยวในใจของโคฮารุ
ไม่เว้นแม้แต่ตัวโคฮารุเอง
แต่โคฮารุก็ยังอยากจะตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ของเธอจริงๆ
เพราะงั้นถึงได้วาดคิริกอนขึ้นมา
โคฮารุนั้น วาดรูปไม่เก่งเอาซะเลย แต่ก็ยังพยายามสุดชีวิต ด้วยหวังว่าคิริกอนบนกระดาษวาดเขียนที่เต็มไปด้วยความในใจของเธอ จะผูกสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและสองคนนั้นให้
----ยูซึกิ โซตะ ฉันมีเรื่องจะขอร้อง!
โคฮารุในวัยเยาว์ เค้นเสียงทั้งหมดที่ตัวเองมี เรียกทั้งสองคนให้หยุดรอ
พอทั้งคู่หันกลับมา เด็กสาวที่ทำอะไรไม่ถูกจนแทบจะร้องไห้ออกมาในตอนนั้น ก็โชว์รูปวาดคิริกอนฝีมือไม่เอาไหนให้ดู
สัตว์ประหลาดในตำนาน ที่ว่ากันว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบคิริยะ ถ้าหากว่ามีอยู่จริงล่ะก็ คงไม่มีทางจะหน้าตาเหมือนในรูปแน่ๆ
แต่โซตะกับยูซึกิที่คิดแบบนั้น ก็ไม่ได้หัวเราะเยาะอะไร----
"ใช้ได้เลยนี่นา ถ้าเอาไปตั้งเป็นป้ายหน้าร้าน ต้องดึงคนเข้าได้เพียบแหงๆ "
"ส่วนตรงปากนี่ ไว้ทำเป็นช่องให้โผล่หน้ามากันเถอะ! เดี๋ยวฉันช่วยเอง!"
ช่วงเวลาจากตอนนั้น จนถึงตอนที่คิริกอนผู้ชนะศึกสร้างเสร็จ เป็นสิ่งพิเศษที่ไม่มีอะไรมาแทนได้สำหรับโคฮารุในวัยเด็กจริงๆ
ถ้าขาดมันไป เธอคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้
"โคฮารุนี่ก็เก็บซะเงียบเลยนะ ถ้าบอกกันไวกว่านี้ คงได้มาช่วยตั้งนานแล้ว"
"นั่นสิ ก็โคฮารุมัวแต่เกรงใจอยู่นั่นล่ะ"
โซตะกับยูซึกิหันมาหาโคฮารุ ขณะกำลังทาสีป้าย บนใบหน้าของทั้งสอง เปื้อนไปด้วยสีเดียวกับที่ใช้ทาคิริกอน
ถึงจะมองไม่เห็น แต่หน้าตัวเองก็คงเป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
สามคนช่วยกัน
โคฮารุขำเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่โนโนกะเคยสอนให้
แค่ยิ้ม ก็เป็นกำลังผลักดันให้ตัวเองก้าวต่อไปข้างหน้าได้
จากนั้นไม่นาน คิริกอนก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
>>659
จากภาพวาดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโคฮารุ ด้วยพลังฝีไม้ลายมือของยูซึกิ ก็กลายเป็นอะไรที่ดูเป็นสัตว์ประหลาดขึ้นมา
ไม้กระดานที่แรงแขนโคฮารุเลื่อยไม่ขาด ก็ได้โซตะทำให้เป็นรูปเป็นร่าง
จากตอนนั้นจนตอนนี้ ก็ผ่านมากว่าเจ็ดปีแล้ว ที่คิริกอนยังคงยืนตระหง่านเป็นป้ายหน้าร้านอยู่ทุกวัน
"เพราะงั้น----"
ถึงจะขึ้น ม.ต้นแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนไป
"ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ นั่นล่ะ"
ทุกคนที่หอดูดาว โนเอลที่มาหาคิริกอน แล้วก็ลูกค้าทุกคนที่แวะมาเยี่ยมชมร้าน
"อย่ามัวแต่เหม่อสิ"
ความหนักอึ้งหายไปจากมือ
โซตะที่เดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เอากล่องที่โคฮารุถืออยู่ไปแบกเองซะแล้ว
"อ้าว? มีอะไรเหรอ?"
"ของชั้นเอาไปเรียงขึ้นชั้นหมดแล้วน่ะ"
"ขอบใจนะ----โซตะ"
"เมื่อกี้ก็พูดไปแล้วไม่ใช่รึไง"
"อื้ม แต่ก็ ขอบใจนะ"
"......อืม"
ทั้งสองคนคุยกันไป ขณะทยอยเติมสินค้าเข้าชั้นวาง ที่วันนี้ก็ยังคงเป็นมันจูจานบินสินค้าขายดี
เป็นฉากหนึ่งในชีวิตประจำวันยามสาย
ต่อหน้าทั้งคู่ที่กำลังจัดของอยู่หน้าชั้นวางนั้น โนโนกะที่แจ้นกลับมาก็พนมมือขอโทษเป็นการใหญ่
"ขอโทษนะ โคฮารุ โนเอลกินมันจูของชิมไปจะหมดแล้วล่ะ......"
"ไม่เป็นไรหรอก เห็นโนเอลจังชอบ ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ"
"ข้างในก็เป็นออนเซ็นมันจูอยู่ดีน่ะนะ"
"แล้วโนเอลจังล่ะ?"
"เล่นกับคิริกอนอยู่ข้างนอกน่ะ"
โคฮารุเมินคำพูดโซตะแล้วมองไปนอกร้าน
จากตรงที่ยืนนั้นมองไม่เห็นคิริกอน แต่ยังพอเห็นเงาที่น่าจะเป็นโนเอลกระโดดโลดเต้น หมุนตัวไปมา อยู่แวบๆจากบนส่วนบานกระจกของประตู
ถึงจะเห็นไม่ชัดนักว่าทำอะไรอยู่ แต่ท่าทางดูสนุกสนานทีเดียว
"อ๊ะ จริงสิ อันนี้สินะ----"
โนโนกะหยิบกล่องมันจูจานบินที่เรียงอยู่ขึ้นมา
"วันนี้จะมาซื้อเจ้านี่แหละ ดูท่าคุณพ่อแกจะติดใจจากตอนที่ซื้อไปให้เป็นของฝากจากออนเซ็นน่ะ"
"ดีจัง รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวจะเอาไปห่อกระดาษให้"
โคฮารุยิ้มให้ลูกค้า ไม่สิ เพื่อนต่างหาก
ข้ามไปที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์ โคฮารุยื่นกล่องมันจูจานบินในถุงหูหิ้วให้โนโนกะ
ขณะที่โนโนกะรับเอาไว้
"แล้วก็ เรื่องพรุ่งนี้ ตกลงว่ายังไงดี......"
พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์
ไม่ใช่แค่วันหยุดธรรมดาทั่วไป เพราะสำหรับโนโนกะแล้ว มันเป็นวันที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความทรงจำที่หลบเลี่ยงมานาน
"ไม่เป็นไรหรอก ทางฉันกับยูซึกิก็แค่ตามโนโนกะไปด้วยเฉยๆเอง"
"......ขอบใจนะ ถ้าฉันไปเองคนเดียว สงสัยคงได้หนีกลับมากลางทางแน่เลย......"
"โนโนกะน่ะ ไม่ทำแบบนั้นหรอก"
"............"
พอรับถุงใส่มันจูจานบินมา โนโนกะก็ดูท่าทางมั่นใจขึ้น
"ขอบคุณมาก แล้วเจอกันนะ!"
"----อื้ม พรุ่งนี้เจอกัน"
รอยยิ้มจากใจของโคฮารุนั้น ดูจะช่วยให้รอยยิ้มของโนโนกะกลับคืนมาได้บ้าง แล้วเด็กสาวก็เดินออกไป
พอโคฮารุเห็นว่าโนโนกะดูผ่อนคลายลงบ้างแล้ว----
"ยินดีต้อนรับค่ะ ทางนี้เป็นสินค้าแนะนำนะคะ"
ก็กลับไปเรียกนักท่องเที่ยวที่กำลังสนอกสนใจหยิบสินค้าขึ้นมาดูต่อ
>>660
ทันใดนั้นเอง
ที่ด้านนอกร้าน คิริกอนก็กำลังปวดเศียรเวียนเกล้าไม่รู้จะทำยังไงอยู่
ส่วนเด็กสาวที่กำลังคิดอะไรไม่ออกพอกันก็อยู่ข้างๆ พูดให้ถูกก็ต้องบอกว่าอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
"----เป็นยังไงบ้าง โนเอล?"
โนโนกะที่เห็นสภาพนั้น ทักด้วยความสงสัย
"ก็ปากคุณสัตว์ประหลาดน่ะใหญ่มากเลย"
"ใหญ่มากแล้ว?"
"......ก็เลยคิดว่าจะลอดผ่านไปได้เปล่า"
ผลก็คือ ผ่านมาได้แค่แขนข้างนึงกับหัวโนเอล จะมุดต่อก็ไม่ได้ จะถอยกลับก็ไม่ออก
ไม่รู้จะทำยังไงต่อก็เลยห้อยแกร่วอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จนโนโนกะมาเห็นเข้า
ช่างสร้างปัญหาได้ไม่หยุดหย่อนซะจริง โนเอลกับคิริกอน
"เดี๋ยวฉันช่วยเอง รอก่อนนะ"
โนโนกะที่อ้อมไปด้านหลัง ประคองร่างเล็กๆ ของโนเอลเอาไว้เหมือนกอด แล้วออกแรงดึง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมาได้เลย
ก็เลยต้องออกแรงเยอะขึ้น
"งือออ......"
โนเอลทำเสียงเหมือนจะร้องไห้
"ขอโทษนะ! เจ็บรึเปล่า?"
"อื้ม เปล่า แต่ถ้าติดอยู่อย่างนี้สงสัยคุณสัตว์ประหลาดคงไม่ได้กินอะไรแน่เลย......"
แต่ถ้าอยู่ในสภาพที่เหมือนกับกินโนเอลเข้าไปอยู่อย่างนี้ ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
"เดี๋ยวจะลองดึงให้แรงกว่าเดิมดู ถ้าเจ็บบอกนะ"
"อื้ม......"
พอใช้แรงมากกว่าเดิมอีกหนึ่งขั้น คราวนี้ไม่ใช่แค่โนเอล คิริกอนทั้งตัวก็โดนดึงตามมาด้วย
คราวนี้โนโนกะใช้แขนข้างหนึ่งคว้าแขนซ้ายคิริกอนเอาไว้ แล้วพยายามดึงตัวโนเอลออกมา
"อีกนิดเดียว!"
"อื้ออ-"
"อ๊ะ!"
แรงต้านที่แขนโนโนกะหายไปแล้ว ส่วนโนเอลก็หลุดออกมาจนได้ พอมองจากตรงนี้ก็ยังเห็นจานบินอยู่ไกลๆ ผ่านทางปากที่อ้ากว้างของคิริกอนอยู่
"ค่อยยังชั่ว...... ไม่เป็นอะไรนะ โนเอล?"
"โนเอลสบายดีแล้ว คุณสัตว์ประหลาดล่ะ?"
โนโนกะหันไปมองคิริกอนที่ไม่ตอบอะไรต่อ ดูท่าจะไม่มีอะไรเสียหาย
"ก็สบายดี ล่ะมั้ง?"
"เย้!"
ราวกับจะชวนโนเอลที่ออกอาการโล่งใจอยู่
"นี่ก็จวนจะเที่ยงแล้ว จะทำอะไรให้กินนะ พอเสร็จแล้วเราค่อยมากินนี่กัน"
แล้วโนโนกะก็เปิดถุงมันจูจานบินที่เพิ่งซื้อมาให้ดู
"หวาว เยอะแบบนี้ ได้กินกันอิ่มแปล้แน่ๆ เลย"
โนเอลตาเป็นประกาย
"จะกินให้เต็มที่ไปเลยก็ได้ แต่ต้องเหลือไว้ให้คุุณพ่อด้วยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าร้องไห้แย่"
โนโนกะกุมมือโนเอลไว้ เหมือนจะย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"อื้ม! ไว้ใจโนเอลได้เลย!"
โนเอลกุมมือโนโนกะกลับ ส่วนคำมั่นที่ฝากไว้นั้นจะหมายถึงอะไรก็ไม่ทราบได้
คิริกอนที่สีหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป ยังคงยืนรับไอแดดยามดวงอาทิตย์ขึ้นสูง ตรงที่ที่โนโนกะจูงมือโนเอลกลับบ้าน
จากเงาของคิริกอนที่ทอดยาวลงบนพื้น ยังมองเห็นส่วนแขนซ้ายเอนอยู่เล็กน้อย
>>661
ผ่านช่วงกลางวัน ตะวันเริ่มคล้อยบ่าย
รถทัวร์ที่จองไว้เมื่อเที่ยง ออกจากลานจอดรถไปหมดแล้ว ในร้านชิอิฮาระ ก็กลับมาเงียบสงบเหมือนช่วงเช้าอีกครั้ง
แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะเดี๋ยวพอช่วงค่ำ พวกนักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมในคิริยะโกะก็จะมากันอีกระลอก
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทั้งโคฮารุและโซตะ ก็ยังใช้เวลานี้ พักเหนื่อยอยู่ในร้านที่ว่างเว้นจากลูกค้า
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
"ให้ตายสิ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนกันมั่งเลยย !"
เสียงบ่นไม่สบอารมณ์ ดังขึ้นพร้อมเสียงกระแทกของก้นขวดน้ำผลไม้พลาสติกที่ซัดไปรวดเดียวหมดเกลี้ยงกับเคาท์เตอร์แคชเชียร์
"นี่เธอ อย่ามาดื่มในนี้สิ"
โซตะที่ยืนเฝ้าเคาท์เตอร์อยู่ เตือนยูซึกิที่ยึดเก้าอี้จากโกดังมานั่งเอาเองตามใจชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ลูกค้าก็ไม่เห็นมีสักคน อีกอย่างน้ำนี่ก็ซื้อมาเองด้วย"
น้ำผลไม้ยังติดอยู่ที่ปากยูซึกิ
"แล้วยูซึกิ เป็นอะไรมาเหรอ?"
โคฮารุที่กำลังใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดร้านอยู่ ดึงความสนใจจากยูซึกิ
"ใช่ๆ ! โคฮารุฟังนะ! เมื่อกี้ฉันเจอชิโอเนะด้วยล่ะ! แล้วพอชวนว่า พรุ่งนี้จะไปด้วยกันรึเปล่า? ก็บอกว่ามีธุระแล้วด้วยนะ!"
"มีธุระที่อื่นแล้วก็ช่วยไม่ได้นี่นะ"
โคฮารุที่เดินมาถึงข้างๆ ยูซึกิ ค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดตรงเคาท์เตอร์ที่วางสินค้าตอนคิดเงิน
"ไม่ใช่อย่างนั้นสิ ก็ถ้าชิโอเนะพูดแบบนั้น ก็แปลว่าที่จริงแล้วอยากไปด้วยไม่ใช่รึไง...... แบบเมื่อก่อนน่ะ!"
"นั่นสินะ"
โคฮารุพึมพำ ด้านโซตะเองก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าเบาๆ
"ฉันน่ะ พอเห็นสภาพโนโนกะกับชิโอเนะตอนนี้แล้วก็ปวดใจเหมือนกัน แต่ว่า ยูซึกิไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ มันต้องไม่เป็นไรแน่ๆ"
"อื้อ นั่นสิ ว่าแต่ทำไมโคฮารุถึงคิดว่าไม่เป็นไรกันล่ะ?"
ยูซึกิที่นอนฟุบหน้าแนบเคาท์เตอร์ มองโคฮารุด้วยมุมตะแคง
"ก็ บอกไม่ถูกเหมือนกัน"
เหตุผลจริงๆ นั้นเป็นอีกอย่าง แต่หาคำพูดเหมาะๆ ไม่ได้
"เอ๋- แค่นั้นน่ะนะ?"
โคฮารุไม่ได้พูดอะไรกับยูซึกิที่ดูจะไม่ปลื้มในคำตอบนั้น แต่กลับมองไปทางอื่นด้วยท่าทางสุขใจ
สักวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างโนโนกะและชิโอเนะต้องดีขึ้นแน่---- เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้โคฮารุเชื่อมั่นอย่างนั้นก็คือ ยูซึกิกับโซตะ
สองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ สองคนที่เธอเฝ้ามองมาตลอดนี่แหละ
"นี่เธอ มาทำอะไรกันแน่เนี่ย"
"ฉันเหรอ ก็มาหาโคฮารุน่ะสิ โซตะนั่นแหละมาทำอะไร?"
"ชั้นก็มาช่วยงานที่ร้านอยู่นี่ไง"
"ไหนว่าต้องเตรียมตัวเรื่องไปเรียนต่อ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ!"
"......อุ"
"เอะ นี่ยังไม่ได้บอกเหรอ?"
"เงียบไปเหอะน่า! พอมีปัญหาเดี๋ยวก็โดนกันทั้งคู่นั่นแหละ!"
"จ้าๆ"
โซตะชักสีหน้าไม่พอใจใส่ยูซึกิที่แกว่งมือใส่เหมือนล้อเลียน แต่ไม่ได้หนักหนาอย่างที่พูดออกไป อยู่ในระดับที่รู้สึกได้นิดหน่อยเวลาที่มองเท่านั้นเอง
พอได้เฝ้ามองสองคนนี้อย่างมีความสุข ก็ทำให้โคฮารุนึกถึงตอนเด็กๆ ที่ช่วยกันทำคิริกอนกันสามคนขึ้นมา
เหตุผลอันดับแรกที่ทำให้โคฮารุเชื่อมั่นอย่างนั้น ก็คือความทรงจำสักอย่างที่โนโนกะกับชิโอเนะมีร่วมกันจะช่วยผูกสัมพันธ์ของพวกเธอเอาไว้
เหมือนกับที่คิริกอนช่วยเป็นสื่อกลางให้พวกโคฮารุนั่นเอง
โคฮารุเชื่ออย่างนั้น
>>662
"เอาล่ะ ได้เวลากลับแล้วสินะ"
ยูซึกิที่ลุกจากเก้าอี้ พูดขึ้นมา
"จะกลับแล้วเหรอ?"
"อืม ไม่มีอะไรแล้ว ไม่อยู่กวนแล้วล่ะ"
โซตะมองยูซึกิแล้วพูดขึ้นมาบ้าง
"ถ้างั้น----"
โซตะกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็โดนขัดซะก่อน
"จะบอกว่าก็ไม่ต้องมาแต่แรกงั้นสินะ?"
"......ก็ไม่นี่ ยูซึกิอยากทำอะไรก็ทำไปสิ"
โซตะที่แอบคิดในใจว่าเถียงไปก็เท่านั้น หันไปทางอื่นอีกรอบ
"ยูซึกิ พรุ่งนี้เจอกันนะ"
"อื้ม"
ยูซึกิเองก็รู้ดี ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ ถึงได้ชวนชิโอเนะไปด้วย
ลูกค้านักท่องเที่ยวพ่อลูกเดินเข้ามาในร้าน ราวกับจะสวนทางกับยูซึกิที่เดินออกไปพอดี
"อ๊ะ---- ยินดีต้อนรับค่ะ"
เสียงเชิญชวนด้วยรอยยิ้มของโคฮารุที่พร้อมรับลูกค้าอยู่เสมอ ดังอยู่ในร้าน
ในเวลาเดียวกัน
ยูซึกิที่ออกมานอกร้านแล้ว สังเกตเห็นอะไรแปลกๆ เข้า เลยหยุดดู
เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้คิริกอน
"----แปลกจัง?"
พอดูตรงหน้าเสร็จแล้วก็อ้อมไปเพ่งด้านข้างต่ออีกรอบ
"เหมือนจะงออยู่หน่อยๆ เลยแฮะ......"
ส่วนแขนซ้ายของคิริกอน ดูเหมือนจะงออยู่เล็กน้อย ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
พอชะเง้อดูข้างในร้าน ทั้งโคฮารุทั้งโซตะก็ติดลูกค้ากันอยู่ทั้งคู่อีก
"เอาสักหน่อยก็แล้วกัน"
ยูซึกิจับแขนซ้ายคิริกอนดันสวนกลับไปอีกทางกับที่งอ
"ฮึบ!"
ยูซึกิที่ใส่แรงไปทั้งตัว พอรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงกร๊อบที่ไม่พึงประสงค์แว่วๆ ก็รีบปล่อยมือทันที
"ป-ประมาณนี้ก็คงพอล่ะนะ......"
ลองเช็คดูอีกที แขนคิริกอนที่งออยู่ ก็ดูเหมือนจะกลับมาตรงเหมือนเดิมแล้ว
"......อ-อื้ม เท่านี้ก็เรียบร้อย ไม่มีปัญหา"
หลังจากที่กระซิบกระซาบกับตัวเองซะเบาจนไม่รู้จะเบาไปทำไมแล้ว ยูซึกิก็ถอนตัวออกจากพื้นที่ไปราวกับจะหนีคดี
>>663
เมื่อดวงอาทิตย์ไร้เมฆบดบังที่ฉายแสงอยู่เหนือทะเลสาบและตัวเมืองอยู่ตลอดวันลับฟ้าไป อีกหลายชั่วโมงให้หลัง
หนึ่งวันของร้านชิอิฮาระ ที่ยุ่งกว่าที่เคยนิดๆ คึกคักกว่าที่เคยหน่อยๆ ก็ได้เวลาปิดทำการ
"ท่าทางวันนี้จะจบลงด้วยดีเนอะ ขอบใจนะโซตะ อุตส่าห์อยู่ช่วยจนค่ำมืดเลย"
ในร้านไม่มีลูกค้าเหลือให้เห็น ตรงลานจอดก็ไม่มีรถจอดอยู่แล้ว โคฮารุที่ออกไปเช็คนอกร้านเอง บอกกับโซตะที่กำลังเตรียมจะกลับ
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ----อีกอย่างนึง ที่อยู่ช่วยแบบนี้ได้ก็ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วด้วย"
"......นั่นสินะ"
เสียงรำพึงเบาๆจากโคฮารุที่ยืนอยู่นอกร้าน พอสัมผัสกับอากาศภายนอกที่หนาวเย็น ก็กลายเป็นสีขาว
"จนกว่าจะถึงตอนนั้น อะไรที่ช่วยได้ก็จะช่วยน่ะนะ"
"จะดีเหรอ?"
"จะดีหรือไม่ดียังไง พรุ่งนี้ก็ต้องขอแรงช่วยอยู่แล้วนี่?"
โซตะที่เดินออกมานอกร้าน หยอดเบาๆไปหนึ่งที
"นั่นก็ใช่อยู่หรอก"
โคฮารุหัวเราะเบาๆ
"ถ้างั้น ขอตัวกลับก่อนล่ะ ที่เหลือจัดการเองได้นะ"
โซตะปลดโซ่จักรยานที่ขี่มา
"โซตะ"
"หือ?"
"หรือว่า โซตะจะ----"
"อะไรอีกล่ะ......"
"เล็งตำแหน่งสาวเฝ้าร้านอยู่?"
"เล็งอะไรกันเล่า! ชั้นเนี่ยนะจะเล็งตำแหน่งสาวเฝ้าร้าน ฟังยังไงก็พิลึกชัดๆ!"
"นั่นสิ ถ้างั้น ฉันก็คงครองตำแหน่งต่อไปอีกสักพักล่ะนะ"
ระหว่างที่เดินไปคุยไป โคฮารุที่ออกมาส่งโซตะที่เข็นรถจักรยานมาด้วย ก็มาถึงหน้าถนนใหญ่
"ไปก่อนนะ"
"แล้วเจอกัน"
โคฮารุโบกมือให้โซตะที่ยกมือขึ้นบอกลา
แล้วคอยมองส่งจนกระทั่งจักรยานของโซตะลับตาไปบนถนนยามพลบค่ำ
"----ต้องรีบปิดร้านแล้วสิ"
พอมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามกลางคืนที่หนาวเย็นลงจนตรงกันข้ามกับเมื่อตอนกลางวัน โคฮารุก็เดินกลับเข้าร้านอีกครั้ง
แต่พอจะกลับเข้าร้าน ก็ต้องประหลาดใจ
"......อ้าว?"
ตรงหน้าคิริกอน มีใครสักคนยืนอยู่
หลังจากที่ยืนจ้องดูคิริกอนอยู่พักหนึ่ง เจ้าตัวก็เอียงคอ เอามือข้างหนึ่งแตะตรงแขนซ้ายของคิริกอนค้างเอาไว้
แล้วจึงค่อยๆ หยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาถ่ายภาพ
โคฮารุ พอเห็นหลังอีกฝ่าย ก็จำได้ว่าใคร
"ชิโอเนะ?"
คนที่ถูกเรียกชื่อ แล้วหันกลับมาพร้อมกล้องในมือ คือโทกาวะ ชิโอเนะ
"ใช่จริงๆด้วย ชิโอเนะไม่มาที่ร้านซะนานเลย"
"ก็ไม่มีธุระอะไรให้มานี่"
"เข้ามาข้างในก่อนมั้ย? ชาอุ่นๆ กับมันจูหวานๆยังพอมีอยู่นะ"
"............หวาน?"
ท่าทีชิโอเนะ ดูจะลังเลอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะตอบ
"ต้องกลับแล้วน่ะ"
"......เหรอ เสียดายจัง ฉันน่ะ อยากให้ชิโอเนะมาอีกนะ ก็วันนี้น่ะ เพื่อนๆ ที่เป็นสมาชิกหอดูดาวที่ชิโอเนะอยู่ด้วย บังเอิญมาเยี่ยมที่ร้านกันครบเลย"
"ฉันไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย"
"ไว้มารวมตัวกันอีกดีไหม? ชิโอเนะด้วย ฉันจะรอนะ"
"เลิกพูดอะไรบ้าๆ สักที ฉันกลับล่ะ ที่มายืนอยู่ก็แค่สงสัยอะไรนิดหน่อยเท่านั้นล่ะ"
ชิโอเนะที่หันหลังให้ หันมองคิริกอนอีกครั้ง
"นี่ โคฮารุ คิริกอนนี่มันมีอะไรแปลกๆ ไปรึเปล่า......"
สายตาของชิโอเนะ จับอยู่ตรงแขนซ้ายของคิริกอน
"มีอะไรเหรอ?"
"อืม ไม่มีอะไรหรอก สงสัยจะคิดไปเอง"
ชิโอเนะที่เดินจากไป มุ่งตรงไปยังป้ายรถ ไม่หยุดรอที่ไหนอีก
ระหว่างที่เดิน ก็พึมพำกับตัวเองเบาๆ
"----คงไม่ได้งอ อยู่หรอกมั้ง"
>>664
เช้าวันนั้นสำหรับเขา----หรืออาจจะเป็นเธอ ก็ยังเป็นยามเช้าที่ปกติธรรมดาเหมือนเช่นเคย
จะยกเว้นก็แต่อากาศที่หนาวเย็นลงยิ่งกว่าเมื่อวาน และความรู้สึกไม่ค่อยดีที่แขนซ้าย
"คุณสัตว์ประหลาด! อรุณสวัสดิ์!"
วันนี้ คนที่โผล่มาก่อนใครๆ เบื้องหน้าตัวเขาที่โคฮารุยกออกมาตั้งข้างนอกเป็นประจำทุกเช้า ก็คือโนเอล
โนเอล เริ่มคุยกับเขา----คิริกอน
"เมื่อวาน โนเอลคิดอยู่ตั้งนานแน่ะ! คุณสัตว์ประหลาดน่ะ ปากกว้างอยู่แล้ว แต่จริงๆ ต้องอ้าปากได้กว้างกว่านี้อีกแน่เลยใช่มั้ยล่ะ! เพราะงั้น!"
ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า
หลังจากที่โคฮารุที่แต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก บอกแม่ว่า "ไปก่อนนะคะ" เธอก็เดินออกมาจากร้าน
วันนี้ สำหรับเพื่อนคนสำคัญของเธอ คงเป็นวันที่หนักหนามาก
เธออยากจะเป็นกำลังให้เพื่อนคนนั้น แม้สักนิดก็ยังดี
ด้วยสิ่งที่เธอพอจะทำได้
เพื่อตอบแทนรอยยิ้มที่เธอเคยได้รับมา เมื่อสมัยยังเด็ก
"แฮ่-!"
คำที่ไม่คุ้นเคย ลอยมากระทบหูของโคฮารุที่เดินออกมาข้างนอก----
แล้ววันใหม่อีกวัน ก็เริ่มต้นขึ้น
จบบทนี้คือ ช่วงก่อนop ของตอน7 พอดีเป๊ะ
http://imgur.com/ns8v67i
ครบรอบ 1 ปีที่ฉาย มีจัดโปรโมชั่นแจกแผ่นอิลลัสเซ็ท ลายเส้นอาคิยะยูคิเอะ 1ใบ ทุก2000เยน มี6แบบ...
เงื่อนไขนี้เฉพาะที่โทยะ สำหรับอินฟินิทช็อป จะเริ่มเดือนหน้า แต่ก็คงเริ่มที่5000เยนสุ่มแจกใบนึงอีกแหงๆ
http://imgur.com/gfLyHqT
http://imgur.com/TF60cht
โดจินของ 0.3hz ที่ขายในงานc88 เมื่อวานครับ เป็นงานสตาฟค่าย3Hzมารวมกันออกโดจินอิลลัสในธีมชุดเครื่องแบบ
เห็นคุยกันเยอะแบบนี้ทั้งที่จบไปนานแล้วชักอยากหามาดูบ้างแล้วสิ
ไม่เยอะหรอก น่าจะสองสามคน
วันนี้ 19 สิงหาคม ของปีที่แล้ว เป็นวันสุดท้ายของปิดเทอมฤดูร้อนในฮอกไกโด ซึ่งไวกว่าในภูมิภาคอื่นหนึ่งสัปดาห์ และยังเป็นวันที่โนโนกะกลับมาที่คิริยะโกะอีกครั้งหลังจากที่จากมา 7 ปี
ด้วยเหตุนี้ เลยมีสกู๊ปพิเศษสำหรับกระทู้นี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ1ปีครับ
เริ่มจาก เมื่อวาน ช่วงเก็บภาพโซนซัปโปโร หรือเมืองโฮคุบิ ที่พวกโนโนกะนั่งรถไปเรียนกันก่อน
แต่เอาเข้าจริง มาถึงซัปโปโรปุ๊ป จุดหมายแรกที่ไปคือ สุสานที่พวกโนโนกะ ยูซึกิ และโคฮารุไปกันในตอน 7 ครับ
http://imgur.com/f4mxzSN
ทำไมถึงไปก่อน ก็เพราะว่ามันอยู่ไกลจากตัวเมืองซัปโปโรแบบต้องนั่งรถสุดสาย แต่กลับมีรถตรงจากสนามบินชินจิโตเสะครับ นี่เลย โฮคุโตะคทสึ เลน21 ไปสถานีมาโกะมะไน 1030 เยน รถออกทุกครึ่งชั่วโมงอีกตะหาก ขึ้นรถไปลงสถานีปุ๊ป ก็ต่อรถจูโอบัส106 ใกล้ๆกันไปลงทาคิโนะเรย์เอ็น
มันไม่ถึงกับสุดสาย แต่นั่งๆ ไป คนอื่นลงกันหมด เหลือสองต่อสองกับคนขับ มีประกาศบอกป้ายต่อไปเป็นระยะๆ พอได้ยินทาคิโนะเรย์เอ็นก็กดปุ่มลงเลย
http://imgur.com/Dq6c6a4
ตอนวางแผนแรกๆ คิดว่าจะอยู่ไกลกันพอควร แต่ไปๆมาๆ ก็เก็บครบทุกจุดได้ในรัศมี 500 เมตร รอบประตูทางเข้า
จะขาดก็แต่พระพุทธรูปกับสโตนเฮนจ์ที่ปิดซ่อมอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าง่าย เพราะฝนตกลมแรงตลอดครับ วางร่มก็ไม่ได้ โหดหน่อยก็ต้องยอมพับร่มแล้วตากฝนถ่ายเอา ไม่งั้นเสียเวลามาก กว่าจะได้แต่ละรูป ถ่ายไม่ทันมาตกรถกลับซัปโปโรเอาแถวนี้จะขำไม่ออก
http://imgur.com/1ExkZ5H
http://imgur.com/F3SwBIc
ถ่ายเสร็จไม่นาน รถขากลับก็มาถึงหน้าป้ายสุสานครับ จากนี้ไปก็ได้เวลาเก็บจุดต่างๆในซัปโปโร เริ่มจากที่ใกล้ที่พักสุดก่อนเลย
แมนชั่นของชิโอเนะครับ ในซัปโปโร มีตึกหน้าตาแบบนี้อยู่สามตึก จากที่แฟนๆ หากันมา แต่ดูมุมสายไฟกับสิ่งก่อสร้างรอบๆแล้ว ที่โผล่ในอนิเมก็น่าจะเป็นตึกนี้ล่ะ
http://imgur.com/kfCEzSN
สาธุล่วงหน้า ยังไงกูก็คงไม่ได้ไป
ต่อไปเป็นสวนโอโดริ ซึ่งเป็นอะไรที่หาง่ายมากครับ เพราะมีหอทีวีซัปโปโรเด่นเป็นสง่า ถ้าอยู่เส้นเดียวกัน ยังไงก็เจอ
ไล่ไปทีละอย่างเริ่มจาก
น้ำตกจำลอง ที่นั่งประจำของชิโอเนะ อยู่ถัดจากบล็อกหอทีวีเลย วันที่ไปนี่ นอกจากฝนตกยังไม่พอ ยังมีพวกซุ้มงานเทศกาลฤดูร้อนซัปโปโรที่เพิ่งจบไป ตั้งบังนู่นนั่นนี่อีก บังอะไรไม่ว่า ดันบังน้ำตกชิโอเนะ
http://imgur.com/1pnTbTM
ในรูปนี่ฝนไม่ตกเพราะเพิ่งถ่ายเมื่อเช้าครับ มุมนี้เป็นมุมบนปกแผ่น 5
ต่อไป ถัดมาอีกบล็อคเป็นน้ำพุที่โผล่มาตอน5 ที่ยูซึกิโดนพี่หล่อเบรค
http://imgur.com/UixhnWy
อ้อโทษครับ เห็นว่าmodไปแสวงบุญ เลยนึกว่าmodไปตามรอยอนิเมเรื่องนี้พอดี
ถัดจากบล็อคนี้ไปจะเจอบล็อคปิดซ่อมที่เป็นจุดที่โนเอลล้มครับ จากจุดนี้เดินขึ้นทิศเหนือไปจะเจออากะเรนกะ อาคารที่ว่าการฮอกไกโดเก่าอายุร้อยกว่าปีสร้างเสร็จในปี1888 และเป็นที่ทำการหลักของฮอกไกโดมากว่า 80 ปี ต้นแบบโรงเรียนโฮคุบิ ของจริงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สวยมาก มีทัวร์จีน เกาหลี ลงเป็นระยะๆ เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
http://imgur.com/4yGQpe4
http://imgur.com/4unI9Jo
อากะเรนกะนี่ถ่ายมาเยอะ ไว้กลับไทยจะลงเพิ่มแล้วกันครับ ดูท่าจะไม่มีwifiใช้จนกว่าจะกลับ
อย่างม็อดคนนั้น คอมิเกะคงเป็นเรื่องธรรมดาจนเรียกแสวงบุญไม่ได้แล้วมั้ง
ต่อจากอากะเรนกะ ขึ้นเหนือไปอีก จะเจอสถานีซัปโปโรครับ ฝั่งตะวันออกจะเป็นบัสเทอร์มินอลที่ยูซึกิโชว์ตกรถให้ดูตั้งแต่ตอนแรก ถ้าจะไปโทยะต้องจองที่นี่ครับ มีรถบัสไปเจ้าเดียว เป็นlocalของที่นี่ ชื่อว่าโดนันบัส คันสีเขียวที่มีตัวอักษรDNในอนิเมนั่นแหละ
http://imgur.com/tF3stoc
http://imgur.com/PFYjZ04
แบตจะหมด เดี๋ยวมาต่อครับ คืนนี้จะลงให้จบโทยะวันที่1
พอได้ตั๋วพรุ่งนี้แล้ว ก็ได้เวลาออกหาอะไรกินครับ ย่านซุซุคิโนะที่เป็นแหล่งรวมร้านดังของซัปโปโร ก็มีจุดให้แวะอีกสองจุด คือโตคิวแฮนส์ซัปโปโรที่พวกยูซึกิมาซื้อของเตรียมงานโรงเรียนกัน กับอีกจุดที่น่าจะนึกไม่ถึงกันคือภาพมุมสูงของเมืองโฮคุบิที่โผล่มาบ่อยๆในเรื่อง มันคือภาพที่มองจากจุดสูงสุดของชิงช้าสวรรค์Norbeza ที่อยู่บนชั้น7 ตึกNorbeza ครับ ค่าขึ้นคนละ600 เยน หยอดเหรียญซื้อตั๋วแล้วก็ยื่นให้พนักงานได้เลย
http://imgur.com/rhn3nXJ
http://imgur.com/q05EdCo
http://imgur.com/TZ8EVf8
วันฝนตกนี่ในซัปโปโรคงมีจุดเดียวที่ตรงกับในเรื่องคือใต้หอทีวี
http://imgur.com/Sp00zy9
หมดซัปโปโร ขึ้นพาร์ทโทยะ
เมื่อเช้าพอเช็คเอาท์แล้วเดินผ่านสวนโอโดริในวันอากาศดี ก็เจอนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันเพียบ จุดคลาสสิคหน้าน้ำพุนี่คนรอกันเป็นแถว ไอ้ที่ไปตากฝนถ่ายนี่ก็ได้อย่างเสียอย่างเหมือนกัน
ช่วงนั่งรถออกจากซัปโปโรนี่ก็นึกถึงไซด์สตอรี่ตอนที่ยูซึกินั่งรถกลับคิริยะ ที่ว่าอยู่ๆ ตึกที่ขึ้นเลียบสองฝั่งถนนก็ค่อยๆ หายไป กลายเป็นทุ่งนาป่าเขา แต่ของจริงต้องแถมว่าสัญญาณหายด้วย จากซัปโปโรมาโทยะนี่ผ่านทั้งอุโมงค์ สะพาน ที่เล่นสกีชื่อดัง(ในหน้าร้อน) และก็นั่งเบลอจนเลยป้าย(...)
ป้ายที่ว่าคือจุดชมวิวไซโรครับ ตอนดูในตารางรถก็เห็นแล้วล่ะว่ามันเขียนชื่อป้ายแค่คำว่าจุดชมวิว(เทนโบวได) ที่ผิดคาดคือพอผ่านป้ายก่อนหน้าปุ๊ป ก็ขึ้นเทนโบวไดตามด้วยป้ายถัดไปทันที สรุปว่ากดลงรถไม่ทัน ต้องเดินย้อนกลับไปเทนโบวไดอีกป้าย
http://imgur.com/AX7fUgq
ภาพประกอบ 'ตกรถที่โทยะ1'
ก็ต้องเดินย้อนกลับไปเทนโบวได แล้วถ่ายรูปให้จบก่อน1330ที่เป็นเวลารถเมี่ยวถัดไป
บางคนอาจสงสัย เทนโบวไดตรงนี้โผล่ในเนื้อเรื่องตอนไหน ก็ตามภาพครับ
http://imgur.com/p3Ueui1
http://imgur.com/fvPz9tW
นอกร้านของฝากคือจุดที่เดินผ่านในตอน3 ส่วนในร้านเป็นต้นแบบของร้านชิอิฮาระ
จุดชมวิวนอกร้านก็เป็นฉากหลังของโปสเตอร์โคฮารุ
ถ่ายรูปเสร็จสรรพ ดูนาฬิกา แล้ววิ่งไปที่ถนน ก็เจอรถบัสสีเขียววิ่งผ่านไป...
รอบนี้ลำบากของจริง เพราะอีกไกลมาก กว่าจะถึงโทยะ แถมเดินไม่ได้แล้วด้วย เพราะจะไม่ทันรถไปนิชิยามะ
ทางออกสุดท้าย คือโบกรถครับ...
เป็นวิธีที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้ที่นี่เลย หลังจากยืนตากลมเย็นเฉียบโบกรถอยู่สักพัก ก็มีรถจอดให้... เขาก็ถามว่าไปไหน พอตอบว่าโทยะโกะออนเซ็น แกก็โอเค ขึ้นรถได้ แถมช่วยยกกระเป๋าให้ด้วย คุยๆกันไประหว่างทาง ก็ได้รู้ว่าแกเป็นคนมุโรรัน ขับรถมาทำงานแถวนี้(ตรงนี้ฟังไม่ออกว่างานอะไร) พอแกรู้ว่าทางนี้เป็นคนไทย แกก็ทักเลย เรื่องระเบิด...
คุยกันไปมาแบบงงมั่งไม่งงมั่ง ก็มาถึงโทยะครับ ขอขอบคุณยาซาชี่โอจี้ซังจากมุโรรันด้วย ถ้าแกไม่ขับรถผ่านมา คืนนี้คงไม่ได้มานอนพิมพ์มือถืออยู่อย่างนี้
http://imgur.com/qt5BrcT
ภาพประกอบ 'ตกรถที่โทยะ2'
เข้าโทยะแล้ว จะขึ้นช่วงไต่เขาสามลูกครับ คิดๆไปขอค้างไว้ก่อน พรุ่งนี้มาต่อน่าจะดีกว่า
「ภาพถ่ายอีกใบหนึ่ง」
สายลมที่พัดโชยราวกับจะลูบไล้ผิวน้ำที่ปริ่มฝั่ง ก่อกำเนิดคลื่นน้อยๆ จำนวนมากมาย
แรงกระเพื่อมที่ไม่อาจเรียกได้ว่าคลื่นลม ที่ทำได้แค่สั่นไหวทะเลสาบเพียงน้อยนิด เรียงตัวเป็นแนวสันคลื่น เคลื่อนอยู่เหนือผืนน้ำตามอย่างที่มันควรจะเป็น
ภาพเดิมๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือทิวทัศน์ที่ โทกาวะ ชิโอเนะ คอยเฝ้ามองอยู่คนเดียวเรื่อยมา
สิ่งที่แผ่ขยายไปไกลสุดสายตาอยู่ตรงหน้า คือทะเลสาบคิริยะที่มืดมิด ที่แม้ความเคลื่อนไหวน้อยนิดบนผืนน้ำ ก็สัมผัสได้ชัดเจนเหมือนเส้นสีขาว
ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น รอบตัวก็ปกคลุมไปด้วยหมอกทึบ เป็นเพียงโลกที่มีแต่ตัวเองคอยเฝ้ามองทะเลสาบอยู่เดียวดาย
ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ จนตอนนี้ แม้แต่ตัวเองที่ยืนหรือนั่งอยู่ ก็ยังไม่เข้าใจนัก
ในห้วงเวลาที่พร่าเลือนเช่นนี้
ที่ชิโอเนะรู้ มีเพียงเรื่องเดียว
รู้เพียงแค่เรื่องที่ตัวเองในตอนนี้ กำลังหลับอยู่
หลับ และตกอยู่ในความฝัน
"----ที่นี่ อีกแล้วเหรอ"
เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำพูดที่เหมือนกับจะเช็คสถานะตัวเอง กลับกลายเป็นเสียงของเด็ก
เสียงของโทกาวะ ชิโอเนะ สมัยยังเล็ก
ชิโอเนะในความฝัน ใช้โอกาสที่ได้ยินเสียงที่น่าคิดถึงนี้ ดึงด้ายแห่งความทรงจำย้อนกลับมา ไม่ใช่ด้วยความตั้งใจหรือความปรารถนาของตัวเอง แต่เป็นไปโดยอัตโนมัติ
----เจ็ดปีก่อน ชิโอเนะเคยมีเพื่อนคนสำคัญอยู่คนหนึ่ง สถานที่ที่พบกันครั้งแรกก็คือที่ตรงนี้ ม้านั่งริมทะเลสาบ
ชื่อของเพื่อนคนนั้นคือ โคมิยะ โนโนกะ
คนที่เป็นฝ่ายเรียกอีกคนก่อนในตอนนั้น ก็ไม่ใช่ตัวเองที่เป็นคนเก็บตัว แต่เป็นโนโนกะ
โนโนกะคือคนที่ชี้นำตัวเธอที่ขังตัวอยู่ในโลกแคบๆ ออกไปสู่สถานที่อันกว้างใหญ่
สถานที่ซึ่งมองเห็นแสงประกายอันงดงามของท้องฟ้า สถานที่ที่ตัวเองไม่มีทางไปถึงได้ด้วยตัวคนเดียว สถานที่ที่เรียกว่าหอดูดาว
หอดูดาว ไม่ได้มีแต่ความทรงจำที่แสนสนุกเท่านั้น แต่ยังมีทั้งเรื่องที่โนโนกะดึงแขนตัวเธอไว้ เรื่องที่โนโนกะสอนให้ตัวเธอรู้จักรอยยิ้ม
----แต่แล้วทุกอย่างก็หายไป
ชิโอเนะที่เหลืออยู่เพียงผู้เดียว เชื่อมั่นว่าจะได้พบกับเพื่อนคนนั้นอีกครั้ง ถึงได้นั่งเฝ้ามองทะเลสาบอยู่ที่ม้านั่งริมน้ำตลอดมา
ตั้งแต่ตอนที่จานบินปรากฏขึ้นเหนือทะเลสาบ ชิโอเนะที่ต้องย้ายจากคิริยะโกะที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็กไปยังเมืองโฮคุบิ ก็ยังขึ้นรถบัสกลับมาที่ทะเลสาบแทบทุกวัน
เพราะว่าเชื่อในตัวโนโนกะ เชื่อในรอยยิ้มที่เคยสอนให้กันที่หอดูดาว
เพราะอย่างนั้น ตอนที่ทะเลาะกันเรื่องจะย้ายไปเมืองอื่นที่ไกลพอจะไม่มีหิมะ ชิโอเนะจึงสัญญากับพ่อไว้ว่าจะขออยู่ที่แมนชั่นในโฮคุบินี่ต่อไปคนเดียว จนกว่าจะเรียนจบ ม.ต้น
พ่อที่เป็นห่วงก็ได้แต่จำใจยอมรับคำขอนั้นของเธอ
และแล้ว วันนั้นก็มาถึง วันหนึ่งในฤดูร้อน
ที่ริมทะเลสาบที่เดิม ชิโอเนะก็ได้พบกับโนโนกะ จากนั้นอีกระยะหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของโนเอลและเหล่าสมาชิกหอดูดาว การพบกันอีกครั้งในความหมายที่แท้จริงถึงได้เกิดขึ้น
แม้เรื่องราวที่ผ่านมาจะเป็นแบบนั้นก็ตาม----
>>697
เส้นด้ายแห่งความทรงจำ เริ่มตามทันความเป็นจริง
"อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ต้องมามองทะเลสาบอยู่อย่างนี้แล้วแท้ๆ"
ชิโอเนะในความฝัน กระซิบกับตัวเองเบาๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เสียงของเด็กแล้ว
กลับไปเป็นชิโอเนะคนปัจจุบัน แต่ทว่าสีหน้านั้นย้อนกลับไปเป็นคนที่ยิ้มไม่เก่ง ในช่วงเวลาก่อนที่จะได้พบกับโนโนกะ
ผืนน้ำอันมืดมิด ที่แผ่ขยายไปสุดสายตาชิโอเนะ กระเพื่อมเป็นคลื่นเล็กคลื่นน้อยต่อเนื่องเป็นจังหวะ ราวกับเสียงของหัวใจ
สิ่งต่อมาที่ผุดขึ้นมาในใจของชิโอเนะที่เฝ้ามองทะเลสาบอยู่ ก็คือความรู้สึกไม่สบายใจที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน
ผิวน้ำเหนือทะเลสาบกระเพื่อมราวกับจะแสดงให้เห็น ถึงความกระวนกระวายที่ไม่เคยรู้จัก ซึ่งก่อตัวขึ้นภายในใจของชิโอเนะ
ทั้งที่เธอไม่ควรจะมาเสียใจทีหลังกับสิ่งที่ทำไป
มันเป็นทางออกสุดท้ายของสิ่งที่เธอครุ่นคิดคนเดียวมานาน
เพราะเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ชิโอเนะจึงได้บอกเรื่องของโนเอลกับสมาชิกหอดูดาวทั้งสาม ยูซึกิ โคฮารุ และโซตะ
หลังจากบอกไปแล้ว เธอถึงได้พูดคำนั้นออกมาให้ทุกคนในที่นั้นได้ยินอย่างไม่ลังเล
"----เพราะงั้น อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย"
ชิโอเนะในความฝัน กระซิบคำพูดเดียวกันนั้นกับตัวเองอีกครั้ง
คิดทบทวนดูแล้ว สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเรื่องถูกต้องแน่ๆ
เพราะอย่างนั้น ต่อให้เป็นระลอกคลื่นแห่งความไม่สบายใจที่เก็บไว้ไม่อยู่ ก็ต้องหายไปจนหมดสิ
เธอเค้นเสียงออกมาราวกับจะอ้อนวอน
"......อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย ......ขอร้องล่ะ!"
ถึงกระนั้น ระลอกคลื่นบนผิวทะเลสาบที่ควรจะหายไป ก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้น
คลื่นต่อคลื่นที่ไร้ระเบียบกระทบกันจนกลายเป็นความปั่นป่วน สะท้อนให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของชิโอเนะ
"ทำไมกัน......"
แม้ว่าชิโอเนะจะหลับตาลง แต่คลื่นแห่งความกังวลนั้นก็ยังเข้ามาก่อกวนในใจของเธอ
จังหวะของหัวใจ เริ่มเร็วขึ้น
ลมหายใจขาดห้วง เหมือนหัวใจถูกบีบ
ตัวเธอไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไป
ทุกอย่างที่ทำลงไป ก็เพื่อโนเอลและทุกคน
ก็คนที่ต้องทนเจ็บปวดน่ะ มีแค่ตัวเองก็พอแล้วนี่นา
ชิโอเนะในความฝัน ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
แล้วความทรงจำที่แสนโหยหา เรื่องรอยยิ้มที่โนโนกะสอนให้ ก็เวียนกลับมา
ถ้าหากว่ายังยิ้มได้แม้จะเหลือตัวคนเดียวล่ะก็ คงข้ามผ่านเวลานี้ไปได้แน่
แต่ทว่า รอยยิ้มของโนโนกะที่เคยแจ่มชัดในความทรงจำนั้น กลับพร่าเลือนเหมือนผิวน้ำที่เต็มไปด้วยคลื่นลม ไม่อาจนึกย้อนกลับมาได้เสียแล้ว
แม้จะรายล้อมด้วยความมืดมิดที่หนักอึ้ง แต่เธอก็ยังทวนคำพูดเดิมซ้ำๆไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ราวกับจะทิ้งมันทั้งหมดลงไปใต้ผืนน้ำ
"----ถ้ามันทำให้ทุกคนไม่ต้องทนทุกข์แล้วล่ะก็ ต่อให้ฉันต้องเหลือตัวคนเดียวก็ไม่เป็นไร----"
แบบนี้แหละดีแล้ว
ใช่ไหม---- โนเอล
ขณะที่รู้สึกได้ถึงความเศร้าหมองในดวงตาอันใสซื่อของโนเอลที่เฝ้ามองเธออยู่ในความมืดนั้น ชิโอเนะก็ตื่นขึ้นจากฝัน
http://imgur.com/8tdsQNF
อรุณสวัสดิ์จากม้านั่งชิโอเนะครับ
>>695
เข้าโทยะโกะออนเซ็นมา ก็ใกล้เวลารถไปโทยะฝั่งทะเลจะออกพอดี มาถึงก็ฝากกระเป๋าเข้าล็อคเกอร์หยอดเหรียญก่อนเลย ของที่นี่จะใหญ่กว่าไซส์ล็อคเกอร์มาตรฐานตามสถานีในเมืองอยู่เยอะ 200เยนนี่ใส่กระเป๋าเข้าไปทั้งใบได้ แถมยังเอาร่มวางเฉียงๆ ยัดเข้าไปได้อีก 300เยนนี่ก็ใหญ่กว่า500เยนในเมืองอีก
รถที่จะรอขึ้นก็คือโดนันบัสไปโทยะเอคิ ลงคิวโชคุเซนเตอร์ แล้วเดินย้อนป้ายกลับมาโลกว่าๆ จะเจอทางขึ้นนิชิยามะประตูทิศใต้ นิชิยามะซังคาคุมิจิก็คือที่โนโนกะหลงทางในตอน 3 ที่เลือกเข้าจากทิศใต้ก็เพราะมันไม่ใช่ทางเดินวน แต่จะไปโผล่อีกด้านของภูเขาเลย จุดสตาร์ททิศใต้จะเริ่มจากโรงเรียนร้าง เดินขึ้นไปตามทางจะเจอทางเดินไม้ที่กั้นเชือกไว้แบบที่ยูซึกิเดินในEDครับ
http://imgur.com/7fSvikh
http://imgur.com/GYvo0qE
จุดสูงสุดของทางเดินนี้คือยอดเขาใหม่ที่เกิดจากการระเบิดเมื่อปี2000 เดินไปออกอีกทาง ก็จะเจอทางขึ้นจุดชมวิวภูเขาไฟคงพิระ กับปากปล่อง
จุดชมวิวคงพิระ เสียค่าเข้า 1000เยนต่อกลุ่ม1-5คนครับ ไปคนเดียวก็เสียค่าเข้า1000นึง เพื่อขึ้นไปดูเมืองโทยะโกะออนเซ็นแบบในop
ส่วนทางขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟคงพิระ จะต่อกับทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ไปสุดตรงด้านหลังพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟฝั่งโทยะโกะพอดี ระหว่างทางจะเจอปล่องภูเขาไฟที่อยู่ในตอน 3 กับทางเดินที่มีดอกอาจิไซบานสองข้างทาง ที่โนโนกะวิ่งในED
http://imgur.com/8qWmGId
คำเตือน ทางขึ้นเขาปิดตอน 5โมงเย็นครับ ถ้าขึ้นไปก่อนแล้วเดินถ่ายรูปเพลินจนลงมาช้า ก็จะติดอยู่ข้างใน ถึงตอนนั้นก็ขอให้โชคดีกับการปีนรั้วครับ ที่จริงตรงทางเข้านิชิยามะทิศเหนือ จะมีรถเมล์วิ่งเข้ามาอยู่ ถ้าไม่ไหวจะขึ้นรถกลับเมืองซะตรงนั้นก็ได้
กลับมาถึงโทยะโกะออนเซ็นก็เช็คอินโรงแรมแล้วออกไปหาอะไรกินครับ
http://imgur.com/CTdns8s
ร้านต้นแบบของพี่น้องมิซึซากะ หน้าร้านก็สวย แต่งร้านด้านในก็สวย อาหารก็ไม่ใช่ย่อย ข้าวไข่เจียวแบบโนเอลราคา 1200 เยนเป็นเซ็ทซุปกับสลัด ส่วนน้ำ ถ้าสั่งกาแฟแบบชิโอเนะก็500เยน
http://imgur.com/1YV5lRx
น้ำในภาพคือจิงเจอร์เอลครับ
กูว่ากูรู้นะมึงเป็นใคร 55
BEYONDER
>>704 ร-รู้ได้ไง!
http://imgur.com/hriuqhi
โม่งมีอยู่ทุกที่ไง
ขึ้นวันที่สอง เห็นฟ้าใสตั้งแต่เช้า(ตี4) เลยออกมาเดินริมฝั่งทะเลสาบ โซนนี้เป็นอะไรที่เก็บง่ายสุดแล้ว เพราะใกล้ที่พัก แถมมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำกัดเวลา
http://imgur.com/Ag98iyf
http://imgur.com/8tdsQNF
http://imgur.com/DwiR1th
ไล่จากทิศตะวันตกมา จะเจอประติมากรรมที่ยูซึกิกับโนโนกะมานั่งหลบโคฮารุกันตอนสอง
ม้านั่งชิโอเนะกับประติมากรรมKaze
ตรงข้ามม้านั่งก็เป็นรั้วกั้นริมฝั่งที่เจอชิโอเนะครั้งแรก
http://imgur.com/IJXeUWs
http://imgur.com/MwPSffc
ซีนโนเอลนั่งรอโนโนกะ เส้นนี้มีสองจุดครับ
ส่วนสะพานที่ยูซึกิยื่นหน้าให้ตบนี่เดินเลยลุงเป่าแซ็คไปอีก อยู่ตรงก่อนถึงโรงแรมออนเซ็นที่ไปพักกันตอน6(ของจริงปิดไปหลายปีแล้ว)
เดินจนหมดก็วนกลับโรงแรมแล้วยืมจักรยานไปลุยโซนที่ไกลแต่ยังปั่นถึงกันต่อ เช้านี้เลือกปั่นไปทางตะวันออก ทางไปโซเบ็ทสึ แต่ปั่นไปถึงแค่แยกไฟแดงที่เลี้ยวขวาเข้าโชวะชินซัง
ก่อนออกจากเมืองนี่จะเจอโรงแรมตอน6ก่อนเลยครับ ตามด้วยที่ตั้งแคมป์ที่มีประติมากรรม THE EARTH VIBRATION ถึงตรงนี้ก็เตรียมขาให้พร้อม เพราะถัดไปจะมีเนินที่เป็นต้นแบบที่ตั้งบ้านโนโนกะ Fix gearนี่ตายสนิทครับ เข็นขึ้นอย่างเดียว
http://imgur.com/5uOX2BK
http://imgur.com/hrWQAbe
หาไม่ยากเลยครับ เนินบ้านโนโนกะ พอเลี้ยวขวาขึ้นเนินมา ก็ให้ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าถนนจะตันที่จุดสูงสุด จะเจอตู้จดหมาย(?) กับบันไดที่เป็นทางเดินสำรวจธรรมชาติ นี่คือมาถูกที่แล้ว
http://imgur.com/bSdAzHV
เน้นว่าเป็นเนินบ้านโนโนกะ เพราะต้นแบบบ้านโนโนกะต้องปั่นไปทางโซเบ็ตสึต่ออีกครับ พอถึงแยกไฟแดงที่เลี้ยวขวาไปโชวะชินซัง เลี้ยวไปนิดเดียวก็จะเจอเลย อยู่ติดกับต้นแบบร้านชิอิฮาระนั่นล่ะ
http://imgur.com/VTXDYkg
http://imgur.com/3xhlVW5
ในอนิเมจะเป็นสองชั้น
ต่อไปก็ปั่นกลับไปทางโทยะโกะออนเซ็น แล้วเลยไปทางทสึกิอุระครับ เป้าหมายคือสวนอุซุซันฟุนกะที่ชิโอเนะมายืนเก๊กดูดอกไม้ไฟในตอน5 กับเกาะในOVA และทางออกอุโมงค์โทยะทิศเหนือ
http://imgur.com/Wdck8z1
http://imgur.com/yvKG4F2
วันที่ไป เหมือนตรงทางเข้าเกาะจะตั้งซุ้มอะไรอยู่ เลยไม่ได้เข้าไปครับ รูปคงอยู่อีกกล้องมั้ง
หมดช่วงปั่นก็เอาจักรยานไปคืนโรงแรม แล้วไปรอรถบัสไปมิซึโนะเอคิตอน1245 ระหว่างนั้นพอมีเวลาเหลือก็เดินถ่ายรอบๆตึก แล้วก็ขึ้นไปชั้นสอง จะพบกับ
http://imgur.com/Igj3SI6
http://imgur.com/TxAnen1
ทีวีที่เปิดPVลูปเพลง North method และแสตนด์สามเวอร์ชั่นครบทุกคนยกเว้นพี่หล่อ
การเดินทางหลักๆในโทยะ ถ้าไม่เช่ารถก็ต้องใช้รถบัสครับ ตารางรถมีให้หยิบฟรีในสถานี หัดอ่านให้เข้าใจ อยากไปไหนก็ไปได้หมด แต่ต้องดูประกอบทั้งขาไปขากลับ ถ้าไปแวะนิดเดียวแต่ต้องรอรถกลับสองสามชั่วโมงก็ไม่คุ้ม
โซนมิซึโนะเอคิที่จะไป มีเวลาประมาณ 4ชั่วโมง ก่อนที่รถขากลับเที่ยวแรกจะมา
จุดหลักๆก็มีท่าน้ำในโปรโมสุดท้าย อุคิมิโดะศาลเทพทะเลสาบในโปสเตอร์ยูซึกิ กับสถานีมิซึโนะเอคิที่โผล่มาแทนสถานีในตอน6ในเวอร์BD
http://imgur.com/8dOAk36
http://imgur.com/wnfNYPS
http://imgur.com/xvuniDT
ส่วนจุดไม่หลัก จะมีประติมากรรมที่จำชื่อได้แม่นเพราะต้องเดินไปกลับ 4 โลกว่าเพื่อไปหามันในทาคาราดะแคมป์ที่อยู่ทิศเหนือของทะเลสาบ มันคือStone boy kaze ตามด้วยอู่รถที่กรุ๊ปโคฮารุเดินสวนกับโซตะตอนโอเรียนเทียริ่ง รินเซย์และรั้วริมน้ำ ฉากสุดท้ายในEDที่แพนกล้องซะสูง
http://imgur.com/c5AeL0c
http://imgur.com/GqVN4kJ
>>713 แก้ไขตรงอุคิมิโดะครับ ในภาพเป็นศาลของโชโทคุไทชิ ส่วนที่สักการะเทพทะเลสาบ เป็นอีกที่ที่อยู่กลางทะเลสาบครับ
http://imgur.com/o8HRw49
>>700 อันนี้แก้คำอ่านจาก นิชิยามะซังคาคุมิจิ เป็นนิชิยามะซังซาคุโระ
จากED อยู่ตรงหอศิลป์โทยะ ระหว่างทางเดินจากมิซึโนะเอคิไปทาคาราดะแคมป์
ตอนกลางคืน ตั้งแต่ 2045 เป็นต้นไป ปีนี้มีจุดพลุทุกคืนจนเดือน 10 ครับ
http://imgur.com/Un9wZTf
อันนี้โปสเตอร์เก่า ติดนานจนสีซีด
http://imgur.com/4O7tVCW
น้ำแอปเปิล ราคาปกติ120 ซื้อจากร้านของชำอาคาบาเนะ ส่วนอิโรฮะสีม่วงรสฮาสคัป (https://ja.m.wikipedia.org/wiki/ハスカップ) ซื้อได้ที่ตู้ราคา 130 อันนี้อร่อย หากินที่อื่นยาก แนะนำครับ
เนื่องจากเป็นคืนสุดท้ายในโทยะโกะออนเซ็น ก่อนจะไปนอนที่อื่นต่อ คืนนี้เลยมาเฝ้าดอกไม้ไฟตรงนี้ครับ ม้านั่งตัวเดิม
http://imgur.com/XQ3nJ0Y
เช้าวันศุกร์ ออกเก็บซีนสถานีรถไฟตอน 7 ที่โทโยอุระ ตามด้วยEDชิโอเนะและโคฮารุ ที่โทยะฝั่งทะเล
ตั้งต้นที่โทยะโกะออนเซ็นเหมือนเดิม นั่งรถบัสรอบเช้าไปโทยะเอคิ แล้วขึ้นรถไฟJR ไปทางฮาโกดาเตะ โทโยอุระจะอยู่ถัดไปสถานีนึง จากนั้นก็นั่งรอยาวๆ แบบในอนิเม เพราะกว่ารถขากลับจะมาก็อีกชั่วโมงกว่า สถานีถึงจะดูเก่าๆ ร้างๆ แต่มีถึง 3 ชานชาลา ในสถานีก็เป็นร้านกาแฟ จะซื้อตั๋วกลับโทยะ ให้ถามพนักงานเอา แล้วก็ ถึงจะเป็นJR แต่IC cardใช้ไม่ได้นะ...
ระหว่างนั่งว่างๆ นี่ต้องเอาตารางรถบัสออกมาดูครับ ว่ารถไฟไปถึงโทยะแล้ว จะต่อรถบัสคันไหนไปโทยะโกะออนเซ็น
เพราะพอถึงโทยะฝั่งทะเล จะมีให้เก็บอีกสองจุด จุดแรกคือEDชิโอเนะ อีกจุดคือEDโคฮารุ ซึ่งห่างกันพอควร
วิธีที่ทางนี้ใช้คือลงรถไฟที่โทยะฝั่งทะเลแล้วขึ้นสถานีชั้นสอง ข้ามสะพานข้ามทางรถไฟไปออกทางออกสถานีทิศเหนือ แล้วเดินย้อนมานิดหน่อย จะได้มุมEDชิโอเนะ
http://imgur.com/fnyUwbM
จากนั้นก็เดินเลียบทางรถไฟที่ไปมุโรรัน จนถึงถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาไป ถ้ายังจำได้ มันคือนิชิยามะที่นั่งรถข้ามมาวันแรกนั่นแหละ ระหว่างทางขึ้นเขาจะมีสะพานข้ามแม่น้ำอาคางาวะ มองไปอีกฝั่งถนนก็จะเจอซีน EDโคฮารุครับ
http://imgur.com/E1HH6SE
หมดนี่ เดินขึ้นไปดักรถบัสตรงป้ายหน้าโรงเรียนม.ปลาย อาบุตะ ตามตารางก็รอไม่นาน ได้กลับโทยะโกะก่อน 11 โมงพอดี
เป้าหมายต่อไปอยู่บนนาคาจิมะ เกาะกลางทะเลสาบที่ต้องขึ้นเฟอรี่ไป เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง ทัวร์จีนอย่างตรึม ตามโรงแรมจะมีบัตรลดให้ หยิบติดมาด้วยก็ดี
ถ้าได้ขึ้น espoir ลำใหญ่ที่แต่งเป็นธีมปราสาท จะเจอโปสเตอร์โปรโมทเมืองของโซระเมโสะของ 4 สาว ยกเว้นชิโอเนะ
http://imgur.com/p5bqPmC
เป้าหมายที่ว่าอยู่บนนาคาจิมะก็ศาลเจ้าในโปสเตอร์โนเอลนั่นแหละครับ
http://imgur.com/TktR2S6
เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะขึ้นรถไปโซเบ็ทสึ ระหว่างนี้ก็เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟ หาความรู้ไปพร้อมกับแสวงบุญ
http://imgur.com/iCCTf4I
http://imgur.com/FAEA8nC
http://imgur.com/qAV7KKj
ในนี้ก็หลายคัทอยู่นะ
หมดนี่แล้วก็ขึ้นรถไปโซเบ็ตสึ ไปจ่ายค่าบังกะโลบนเขาที่ที่ว่าการเมืองโซเบ็ตสึ ซึ่งพอไปถึงที่ พบว่าต้องไปจ่ายอีกที่ แต่คนที่ทำงานที่นั่นเขาก็ยังอาสาไปส่งให้อีกตะหาก จ่ายเสร็จก็ออกไปซื้อเสบียงแล้วเดินขึ้นเขาตรงสวนโซเบ็ทสึ ป้ายทาคิโนะอุเอะ จุดสังเกตคือน้ำตกริมถนนครับ ขึ้นไปราว 1.6 กิโลก็จะเจอ โมริโตะคิโนะซาโตะเซนเตอร์ หรือที่คุ้นกันในชื่อ เทนมงได หอดูดาวนั่นเอง
http://imgur.com/5zUD8Uh
บนเขามีบังกะโล 3 หลัง ในตึกหลักก็มีห้องพักอีก 3 ห้อง มีตู้เย็นให้ จ่ายเงินแล้วใช้ตึกได้ตามสบาย ยกเว้นหอดูดาวที่ผู้ดูแลอยู่อีกฝ่ายและไม่ว่างมาเปิดครับ ต้องโทรนัดก่อนเนิ่นๆ ใกล้วันแล้วต้องโทรอีกที วันที่ไปนี่ฟ้าปิด ไม่งั้นคงได้ขอให้เจ้าหน้าที่เขาช่วยโทรให้อีกรอบ...
ที่นี่ไม่มีคนเฝ้า เวลาจองเขาจะติดป้ายบอกว่าใครจองห้องไหนไว้ข้างหน้า พอสำรวจดูจนแน่ใจว่าคืนนี้อยู่คนเดียวก็ไม่เกรงใจล่ะครับ เดินสำรวจทุกซอกทุกมุม หามุมถ่ายรูปแบบไปนอนถ่ายบนสะพานชั้นสอง... และอื่นๆ
http://imgur.com/L6yOnLl
http://imgur.com/H2qJGhI
http://imgur.com/xk8suNj
ว่าไงดี เป็นสถานที่ที่ไปถึงแล้ว ตระหนักได้ว่าตัวเองอาการหนักมาก ไม่สิ รู้สึกได้ว่าผลงานมันมีชีวิต แม้มันจะจบไปเกือบปีแล้ว บางทีที่เอาไว้เป็นคืนสุดท้ายในทริปก็คงเพราะแบบนี้ เป็นความรู้สึกแบบดั้นด้นมานับพันกิโลเพื่อจะได้เจอ มือถือในมือนี่เปิดเพลย์ลิสต์โซระเมโสะไว้ แล้วน้ำตามันก็ซึมออกมา
ตอนพี่เจออิโนรินตัวจริง อาการพี่หนักแบบนี้เปล่าครับ
..........
เห็นภาพแล้วรู้เลยว่าใคร
>>729 น่าจะสติหลุดพอๆ กันครับ แต่ตอนนั้นมันเกิดขึ้นเร็วมาก (แต่ยังจำได้นะว่าอิโนรินออกรีแอคชั่นยังไงมั่ง) ส่วนอันนี้คือ ได้อยู่ทั้งคืนจนเช้า อยากทำอะไรก็ทำไป เสียดายอย่างเดียวคือคืนถัดมานี่หอดูดาวเปิด มีอีเวนท์รถไฟสายโฮคุโตะเซย์เที่ยวสุดท้ายมาจอดที่สถานีโทยะ แถมมีออฟไคแฟนๆ โซระเมโสะกันที่ร้านยูซึกิด้วย มากันราว 10 คนได้ แต่ถ้าอยู่ต่อคงตกเครื่อง เสียใจมาก รอบหน้าคงต้องนัดคุณผู้ดูแลหอดูดาวให้ได้ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบิน
ช่างเป็นการโม่งแตกที่น่าภูมิใจนัก つかめプライドー
เมื่อกี้ เห็นคนแปะ PV Dimension W แบบมีชื่อสตาฟ เลยลองไล่ชื่อดู พบว่ามีสตาฟหลักจากโซระเมโสะอยู่สามสี่คน
りぱ ไดโดกุ ไปเป็น chief animator, prop design
江畑諒真 ที่วาด ED คนเดียว ไปกำกับฉากแอ็คชั่น
加藤里恵 color design เหมือนเดิม
พอนึกสงสัยว่าที่เหลือไปไหน ก็เจอว่าไปทำคัทอินอนิเมให้เกมVita Tokyo Xanadu ที่จะออกเดือนหน้านี้แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=3QYvEADqWmQ
เข้าใจว่าใช้กระทู้เหมือนblogส่วนตัวไปแล้ว แต่อันนี้มันควรจะไปที่upcomingไม่ใช่หรอ
จริงๆมันก็คาบเกี่ยวกัน 3-4 กระทู้นะ
>>>/game/31/ PS Vita
>>>/animanga/1824/ ข่าวสารจิปาถะวงการอนิเม (ในแง่สตูดิโอ)
>>>/animanga/1517/ upcoming anime 3rd season
รวมถึงกระทู้นี้ ในฐานะที่เป็นกระทู้งานแรกของสตูดิโอ
ถ้าจะให้ยกไป upcoming ก็ quote กลับมาตรงนี้ก็ได้นี่
แต่มันไม่ควรอยู่ในกระทู้นี้ ต่อไปไม่ต้องเอา Diemention W กลับมาอีก
ไม่งั้นก็ไปโพสลงบล็อกตัวเองซะ
ที่มึงโพสไม่เกี่ยวอะไรกับโซระเมโสะเลยจ้า
>>739 อืม จริงๆ จะรอให้ตรงสุดต้องให้อนิเมฉายแล้วมีกระทู้นู่นแหละ
แต่ถึงตอนนั้น ถ้าไม่มีโม่งคนไหนสนใจเรื่องโปรดักชั่น ก็คงไม่มีใครพูดถึงสตูดิโออยู่ดี เพราะมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ตั้งตารอ Dimension W เป็นแฟนของอิวาฮาระยูจิ คนเขียนต้นฉบับ
เพราะฉะนั้นในตอนนี้ พื้นที่ที่จะพูดถึงสตูดิโอ 3Hz แล้วมีคนแคร์ ก็น่าจะมีแต่ในนี้
เหมือนยังไงก็จะเอาใส่กระทู้นี้ให้ได้แฮะ ตามใจเถอะ
ที่นี่มีกระทู้upcomingสำหรับเรื่องทียังไม่ฉาย จิปาถะสำหรับคุยเรื่องเกี่ยวกับอื่นๆ เช่นสตูดิโอ อนิเมเตอร์
ถ้าจะเอาลงกระทู้นี้เพราะมันเป็นที่ที่จะมีคนสนใจที่สุดก็ตามใจ
ที่นี่ไม่ใช่บล็อกส่วนตัว
ถ้าจะคถยเรื่องอนิเมเตอร์ก็มีกระทู้ข่าวสารวงการอนิเมที่เป็นกระทู้แม่บ้านเดิม
อย่ามาใช้บอร์ดเป็นบล็อกมึง
เหมือนจะใช้อยู่คนเดียวจนเปรียบเสมือนเป็นกระทู้ส่วนตัวจนเคยชิน
บล็อกแสวงบุญแบบละเอียด กำลังเขียนอยู่ครับ
เนื้อหา คงเริ่มตั้งแต่ช่วงวางแผนจนถึงเท้าแตะซัปโปโร ไปจนจบ 4 วันที่เหลือในโทยะ
พวกข้อมูลอื่นๆ ถ้ามีใครอยากไปเห็นถึงสถานที่จริง ก็จะสรุปมาให้
แล้วก็ ขอยืมคำพูดแฟนโซระเมโสะที่ไปโทยะทุกสัปดาห์ตั้งแต่อนิเมจบมาใช้หน่อย
' ยินดีที่ได้เป็นประโยชน์ให้คนที่รักเรื่องนี้ครับ '
เบื่อโม่งขี้อิจฉา Studio 3Hz ทำโซระเมโสะ มันจะมีพูดถึงงานอื่นบ้างมันแปลกไรวะ ทีมู้พลาเมโมโซระเมโสะแม่งไม่เกี่ยวห่าไรเลยพูดถึงอยู่ได้ทั้งมู้
ทีตอนนั้นทำไมไม่ไปด่าไปห้ามมั่ง
ปลอกหมอนแหล่มทุกรูปแต่ทำไมบาบิก้อนดันไปอยู่กับยูสึกิหว่า
อีกอย่างคือมันแปลกตรงที่มันเป็นกระทู้โซระเมโสะ ไม่ใช่กระทู้ 3Hz
พูดถึง 3Hz ในกระทู้นี้คือ off-topic?
พวกขี้อิจฉามันขี้อิจฉาจริงๆครัช
>>749 แปลกตรงไหนวะคุยถึงผลงานค่ายที่ทำเมะ และมู้นี้ก็ไม่ได้พูดถึงบ่อยส่วนใหญ่ก็เนื้อหาโซระเมโสะทั้งนั้น มันไม่แปลกหรอกว่ะที่จะมีการพูดถึงอะไรที่มันนอกเรื่องแต่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในมู้บ้าง ถ้ามึงไปคุยข้างนอกมึงก็ต้องเจอ อย่างsukiเรื่องcharlotte มันก็มีการพูดถึงผลงานมาเอดะ จุนที่ผ่านมาบ้าง และมู้อื่นในโม่งหนักกว่านี้อีก มู้8man พูดถึง W.A.2จนจะกลายเป็นมู้W.A.2กันอยู่แล้ว กูว่าถ้าพูดนอกเรื่องแค่นี้แล้วมากระแทกแดกดันกันมันก็ไม่ถูกว่ะ เหมือนจงใจหาเรื่อง ทั้งที่เนื้อหาที่พูดมันก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ในฐานะที่เป็นค่ายทำโซระเมโสะ
กระทู้คุณภาพชิบหายเลยวะกระทู้นี
มีการแถเรื่องที่ผิดให้เป็นเรื่องที่ถูกด้วย
ตบมือให้รัวๆ
กระทู้คุณภาพของคนคุณภาพนะครัช
>การพูดถึงอะไรที่มันนอกเรื่องแต่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในมู้บ้าง
นี่แหละครับคือปัญหา ถ้ามาบอกแล้วรับทราบก็ว่าไปอย่าง นี่มาเตือนแล้วกลับพยายามพลิกผิดให้เป็นถูกให้ได้ ไม่ยอมรับความผิด แบบนี้มันสมควรแล้วหรอครับ
คนคุณภาพจากกระทู้คุณภาพทำอะไรก็ไม่ผิดครัช
อ่อ ข้างบน กูอ่านเป็น มึงเถียงเค้าไม่ขึ้น แล้วก็ทิ้งท้ายว่า กูถูก มึงผิด ถ้ามึงจะผิดต่อไปก็เรื่องของมึง
เห็นควรอย่างยิ่งว่า ไปสมัครเป็นแอดมินดูนะ แล้วก็แจ้งล็อคกระทู้นี้ซะด้วยเลย มีหลักฐานว่าตักเตือนแล้วเรียบร้อยด้วยนี่นา อิ_อิ
เรื่องเยอะดีว่ะวันนี้ โทรลฟุก็มัน แถมยังมีพวกคาซาม่าวอนนาบีในนี้อีก กูล่ะขำ
กูก็อุตสาห์มาพูดดีๆนะว่ามันก็ต้องมีกันบ้างที่จะมีพูดอะไรถึงเรื่องอื่น มู้นี้มันคุยเรื่อง3Hzกี้เม้นกันวะ จริงๆมู้ที่กูยกมากูก็ไม่ได้ไปว่าไร และมู้นี้แม่งก็คุยมาตั้งนานจะครบปีแล้วเพิ่งมามีปัญหา ทำตัวยังกะโม่งจากเวปคุณภาพที่จ้องจะมาจัดระบบสังคมที่นี่กลับที่อยู่ของเมิงไปเหอะนิดๆหน่อยๆก็มาเสือกทำให้เป็นเรื่อง
จริงๆแล้วคนแอบหมั่นไส้แฟนบอยเรื่องนี้เยอะสินะ คือกูเห็นด้วยว่าควรโพสให้ถูกกระทู้ แต่ออกทะเลแค่นิดเดียวแล้วโดนรุมไล่เป็นวรรคเป็นเวรแบบนี้ดูจงใจไปหน่อยนา คนโพสก็ดันดิ้นไม่เข้าเรื่องซะแรงอีก
ที่มันเป็นการโดนไล่เป็นวรรคเป็นเวรก็เพรสะพวกคุณพยายามนักหนาที่จะอธิบายว่ามันได้โดยให้เหตุผลว่า
>ที่ที่จะมีคนแคร์สตูดิโอ3Hz มากที่สุดก็คือกระทู้นี้
ไม่ใช่หรอครับ
จริงๆ เริ่มต้นมันก็แค่มาบอกปกติว่ามันไม่น่าจะอยู่กระทู้นี้เท่านั้น ไม่ใชาพวกคุณเองหรือครับที่ต่อความยาวสาวความยืดอยู่
กูเชื่อแล้วว่ากระทู้คุณภาพจริงๆ ขนาดไอ้ตัวมาแถข้างๆคูๆ ยังโดนอิทธิฤทธิ์จนพิมพ์ผิดๆถูกๆเลยทีเดียว
รูปจากกล้องอีกตัวครับ ทำไปจนถึงก่อนขึ้นเรือไปนาคาจิมะแล้ว
ยังขาดพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟกับหอดูดาว
https://www.flickr.com/photos/133955199@N05/
ทำเสร็จหมดเดี๋ยวจะบอกอีกที เอามาลงไว้ก่อน
คนคุณภาพจริมๆเลยครัชกระทู้นี้
สมเป็นโม่งคุณภาพ ใจคอมึงจะคุยDimension W หรือ สตูดิโอ 3hz กันที่นี่จริงๆเหรอ?
https://flic.kr/s/aHskjDn7uG รวมรูปเฉพาะคัทในโซระเมโสะ
https://flic.kr/s/aHskjDxGTS รวมรูปอื่นๆ ระหว่างทางเกือบทั้งหมดในโทยะ
ส่วนบล็อกแสวงบุญ เขียนไปถึงก่อนขึ้นนิชิยามะแล้ว หาอ่านได้ที่เดิมครับ หาไม่เจอ google เอาก็เจอครับ
เวลาผ่านไปเร็วไม่น่าเชื่อแป้ปเดียวก็จะครบรอบ 1 ปีที่อนิเมะเรื่องนี้ฉายละขอขอบคุณข้อมูลดีๆที่อัพเดทให้อ่านกันตอนนั้นก็มีแต่ที่นี่น่ะแหละที่คุยเรื่องนี้ เพราะที่อื่นไม่มีใครดูกัน
เห็นปลอกหมอน>>735 แล้วมีความหมายแฝงเหมือนกันนะโนโนกะ ชิโอเนะนอนตะแคงถ้าเอาปลอกหมอนโนเอลมาอยู่ตรงกลางก็เหมือนพ่อ แม่ ลูกเลย 555
ใครขุดกระทู้เฮี้ยนี่ขึ้นมาอีกเเล้ววะ
>>772 เสียดายหันทางเดียวกัน อ้อ ปลอกหมอนเปิดให้สั่งแล้วนะครับ
มีโซระเมโสะเฟส ครบรอบ 1 ปี ทุก 2000 เยน สุ่มแผ่นภาพเซ็ทใหม่ของคาราดีไซน์อนิเม อาคิยะ ยูคิเอะ 1 ใบ
ส่วนใครอยากได้โซตะ เลือกได้เลย ไม่ต้องสุ่ม
ปลอกหมอน 1 ผืน แถม 1 คัท กับแผ่นภาพ 1 ใบแบบสุ่ม
ถ้าสั่งทีเดียว 4 ผืน จะได้ 4 คัท กับแผ่นภาพครบเซ็ท 6 ใบ ไม่ต้องสุ่ม
พิเศษ ถ้าสั่งก่อนสิ้นเดือน รับแฟ้มใสลายใหม่ 1 แฟ้ม ต่อหมอน 1 ใบ
https://www.google.com/maps/d/edit?mid=zI_u0YmgH8tA.kEiW7h6FHd04&usp=sharing
ส่วนอันนี้แผนที่แสวงบุญ ฉบับภาษาไทยครับ ตรงซัปโปโรไม่ได้มาร์คไว้เพราะมีแต่จุดที่เป็นสถานที่สำคัญอยู่แล้ว เดินผ่านก็เจอ
ทางขึ้นหอดูดาวยังเปิดอยู่จนเดือน 10 ครับ
http://imgur.com/MzN0bNe
โปรต่อเนื่องจากครบรอบหนึ่งปี
ตั้งแต่เดือน 10 เป็นต้นไป คนที่ไปนั่งกินร้านโบโยะเทย์ (บ้านยูซึกิ) ที่โทยะ แล้วบอกพนักงานว่า 「そらメソを観て来ました」
จะได้แฟ้มลายพิเศษ ตามภาพ
ใครจะไป ฝากซื้อวาคาสะอิโมะกับอิโรฮาสุรสฮาสคับ (ของโคฮารุ) มาฝากด้วยนะ D:
>>698
"---------"
รู้สึกได้ถึงสติที่อยู่ไกลออกไป ค่อยๆ กลับเข้ามาในร่างกาย
ทัศนียภาพรอบตัวค่อยแจ่มชัดขึ้นเป็นลำดับ สถานภาพของตัวเองในตอนนี้กำลังสลับจากความฝันไปสู่ความเป็นจริง
"-----ยัง,กลางคืนอยู่?"
ชิโอเนะปริปากพูดออกมาคนเดียวเหมือนจะถามตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบอันใด
ขณะที่เงยหน้าขึ้นจากตรงที่ฟุบอยู่ สายตาก็กวาดไปรอบๆ ประหนึ่งจะเรียกความจำที่ล่องลอยอยู่กลับคืนมา
สถานที่คือห้องพักในแมนชั่นที่ตัวเองอาศัยอยู่ในเมืองโฮคุบิ ที่นอนซบอยู่ก็ไม่ใช่เตียง แต่เป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ใช้ต่างหมอน
ชิโอเนะขยับร่างกายครึ่งบน เก้าอี้ที่ใช้นั่งหลับหมุนไปเงียบๆ
เบื้องหน้าชิโอเนะที่ลืมตาตื่น คือหน้าต่างบานใหญ่ติดม่านพับที่ยังพับขึ้นอยู่เอาไว้
"ถ้าเช้าแล้วก็ดีสิ"
ภายนอกหน้าต่าง คือท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทึบ
ตอนที่กลับมาถึง ก็เป็นเวลาหลังพระอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้วเรียบร้อย ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเวลาเท่าไร แต่ก็คงไม่ได้หลับไปนานมากมายอะไรนัก
รู้สึกเหมือนกับฝันไป
แต่กลับนึกไม่ออกเสียแล้วว่าในความฝันนั้นเป็นเรื่องอะไร
แต่ก็ ดีแล้วล่ะ
คงไม่ใช่เรื่องดีๆ เป็นแน่
เพราะยังรู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวจนผิดปกตินี่ได้อยู่เลย
แม้จะจำสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ลืมเรื่องได้ที่ทำลงไปที่ร้านชิอิฮาระวันนี้
บอกตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้อง แล้วทิ้งระยะห่างจากพวกยูซึกิ จากนั้นสักพักก็จะย้ายกลับไปอยู่กับพ่อ
เท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อย
พ่อที่อยู่ไกลก็พลอยดีใจไปด้วย จากที่เคยหมดหวังเรื่องจะได้อยู่ด้วยกันพ่อลูกมาพักหนึ่ง ก็ยอมรับฟังคำขอของชิโอเนะด้วยความเต็มใจ
ที่เหลือก็แค่ย้ายไปอยู่ด้วยเท่านั้นเอง
>>778
เพราะอย่างนั้นถึงได้เฝ้าคอยให้วันนั้นเวียนมาถึง ยิ่งเร็วยิ่งดี
ห่างกันไปซะ จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด
"ยังกลางคืนอยู่อีก จริงๆ สินะ"
พอดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือ ก็ได้รู้ว่าหลับไปราวชั่วโมงเดียว อีกนานกว่าจะเช้า
เวลาไม่ได้ล่วงเลยไปอย่างที่ชิโอเนะคาดหวังไว้เลย
ทั้งที่อยากให้เวลามันเดินเร็วกว่านี้ ทั้งที่อยากจะจากไปให้ไกลกว่านี้แท้ๆ
พอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เช้าวันที่ต้องย้ายออกไป
นั่นคือเป้าหมายอันสูงสุดที่ชิโอเนะในตอนนี้คาดหวังไว้
เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น คราวนี้ชิโอเนะจึงทอดร่างลงบนเตียง
ไฟในห้อง ไม่ได้เปิดไว้แต่แรก
ทุกครั้งหลังจากที่ชิโอเนะนั่งรถบัสกลับจากคิริยะโกะมาถึงห้องตัวเองที่แมนชั่น ก็จะไปนั่งจมบนเก้าอี้อยู่อย่างนั้นเหมือนคนหมดใจ
ตอนที่นั่งอยู่บนรถก็เหมือนกัน ต่อไปนี้จะเป็นยังไงก็ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น
คำพูดของยูซึกิ ท่าทีของโคฮารุ สีหน้าของโซตะ
ไม่อยากจะนึกถึงมันขึ้นมาอีก
แต่ตอนนี้...
"---- นอนไม่หลับเลย"
ชิโอเนะที่มองเพดาน พึมพำเสียงค่อย
แล้วจึงบีบเค้นเอาความไม่สบอารมณ์ที่มีต่อตัวเธอเองออกมา ตัวเธอที่ยังนึกถึงทุกคนขึ้นมาอีก ทั้งที่ไม่อยากคิด
ชิโอเนะขยับร่างกาย ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเปิดไฟในห้อง
ขณะที่เจอแสงจ้าจนต้องหรี่ตา สายตาก็มองไปยังลังกระดาษที่วางสุมอยู่บนพื้น
ที่เตรียมไว้เพื่อการย้ายออก ไปจากที่แห่งนี้
>>779
พอหลับไม่ลงเสียแล้ว ชิโอเนะก็เริ่มแพ็คของต่อจากที่ค้างเอาไว้อีกครั้ง
ข้าวของที่ไม่ได้มากมายอะไรแต่แรกเอง ส่วนใหญ่ก็ลงไปอยู่ในกล่องหมดแล้วด้วย
ชิโอเนะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไปเงียบๆ
ความทรงจำที่ผ่านมาของที่แห่งนี้ ค่อยๆ วางมันลงไปอย่างทะนุถนอม ไม่ให้แตกหักด้วยกาลเวลา
แล้วจึงปิดผนึกมันเอาไว้ในกล่อง
"นี่มัน----"
ตอนที่มือที่เคลื่อนไหวซ้ำๆ จนชินชา กลับหยุดลงด้วยความสับสนนั้น ก็เป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมงหลังจากเริ่มเก็บของ
ชิโอเนะหยิบสิ่งที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองหยุดมือนั้นขึ้นมา
"ทำไมกันล่ะ? "
รูปถ่ายที่ชิโอเนะเคยได้ถ่ายไว้มากมายนับไม่ถ้วนจนถึงตอนนี้นั้น ไม่ได้อัดไว้เป็นกระดาษทั้งหมด ส่วนมากจะคงเหลืออยู่แค่ในรูปข้อมูล
รูปที่ชิโอเนะหยิบขึ้นมาดูก็เช่นกัน
หรือว่าจะปนอยู่กับไฟล์อื่น ตอนที่เอาไปอัดที่ร้าน
หรือจะเป็นความผิดพลาดของกระบวนการอัด
หรือเธออาจจะเข้าใจผิดไปเอง
อย่างไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
"เวลาแบบนี้......ไม่ต้องออกมาให้เห็นก็ดีแล้วแท้ๆ"
รูปถ่ายในมือชิโอเนะ เป็นรูปถ่ายหน้าเกือบตรง
ในรูปนั้นมีรอยยิ้มคู่หนึ่ง มองมาทางชิโอเนะที่ถือรูปถ่ายเอาไว้
คนหนึ่งคือโนเอล ที่มีรอยยิ้มอันเปี่ยมล้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ
อีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างกัน คือชิโอเนะ
ที่ยิ้มแบบดูแล้วขืนๆ เหมือนจะถ่วงดุลกับรอยยิ้มของโนเอล
เป็นรอยยิ้มของตัวเองที่ช่างดูน่าขันสำหรับชิโอเนะในตอนนี้
พอมองรูปถ่ายใบเดียวที่ตัวเองเคยถ่ายคู่กับโนเอลเข้าแล้ว ก็กลับกลายเป็นว่าเธอไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย
ราวกับจะทำให้จิตใจของตัวเองในตอนนี้สงบลง ด้วยรอยยิ้มของตัวเองก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
"----ไม่ไหวเลยจริงๆ"
คำพูดนั้นจะหมายถึงความไม่พอใจต่อโนเอลในรูปถ่าย หรือหมายถึงตัวเองกันแน่ ก็ยังไม่รู้
แล้วชิโอเนะก็นึกถึงช่วงเวลาที่ถ่ายภาพนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนั้น เป็นช่วงเวลาก่อนที่หิมะจะเริ่มตกในเมือง----
ภูเขาที่รายล้อมทะเลสาบคิริยะ ถูกย้อมด้วยสีแดงเข้ม
เป็นเรื่องราวในวันหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วง
>>780
มันเริ่มต้นจากตอนที่ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อในเมืองคิริยะโกะ
หลังจากที่ได้เห็นจานบินที่ราวกับจะสะท้อนภาพของดอกไม้ไฟ ลอยอยู่เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน
ตั้งแต่นั้นมา ชิโอเนะก็ได้แต่ยกกล้องถ่ายภาพขึ้นมองท้องฟ้าเหนือทะเลสาบจากริมฝั่งบ่อยครั้งขึ้น เหมือนกับว่าถูกแสงนั้นช่วงชิงหัวใจไป
แต่สิ่งที่อยู่ตรงนั้น จานบินที่ชิโอเนะคอยมองอยู่ตลอดตั้งแต่ตอนที่มาถึง กลับยังคงรูปลักษณ์เดิมเหมือนตอนปกติไม่เปลี่ยนแปลง
วันนั้นก็เหมือนกัน พอเลิกเรียนเสร็จก็รีบขึ้นรถบัสมาคิริยะโกะเสียจนไม่มีเวลาเปลี่ยนชุด เพียงเพื่อที่จะมาเก็บภาพจานบินที่ยังอยู่ในสภาพเดิมด้วยความผิดหวัง
ด้วยเหตุนั้น ถึงได้มีโอกาสแวะเข้าร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง เรื่องที่เหมาขนมหวานประจำฤดูกาลที่เขียนป้ายระบุไว้ว่าเป็นสินค้าใหม่มาครบทุกชนิดแล้วได้ตั๋วจับฉลากชิงโชคมา
สำหรับชิโอเนะแล้ว ก็เหมือนกับของแถมที่ไม่ได้คาดคิด เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ
ไม่คิดเลยว่าตั๋วชิงโชคแค่ใบเดียว จะกลายเป็นเหตุให้วันเสาร์ที่จะถึงนี้กลายเป็นวันที่ยุ่งทั้งวันไปได้----
>>781
"----ทำอะไรอยู่เหรอ?"
"อ๊ะ ! ชิโอเนะ!"
สุดสัปดาห์ในฤดูใบไม้ร่วง
ตั๋วชิงโชคที่ใช้ไปแบบไม่ได้คิดอะไร กลับถูกรางวัลที่หนึ่งเข้าเสียนี่ แถมบัตรที่พักโรงแรมออนเซ็นที่จำใจรับมา ก็ยังมีตั้งสองใบอีก
ออนเซ็นที่ชิโอเนะไม่คิดจะไปแน่ๆ
ทั้งที่น่าจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้ ชิโอเนะที่เตรียมตัวมาค้างคืนมาดิบดี กลับกำลังเดินเข้าไปในโรงแรมที่พัก
"ดูสิๆ ชิโอเนะ! จานบินหว๊านหวานเต็มเลย! โนเอลจะทำไงดีเนี่ย!"
อีกฝ่ายที่มาพักด้วยกัน --- โนเอลที่ส่งสายตาเป็นประกายระยิบระยับ กำลังโบกมือให้ชิโอเนะ
"ก็ที่นี่ออนเซ็น จะมีของฝากวางขาย มันก็เรื่องธรรมดานี่?"
โนเอลที่ดีใจจนออกนอกหน้า ทำเอาชิโอเนะแปลกใจ
"แต่ที่อ่างอาบน้ำบ้านโนโนกะไม่เห็นมีเลย?"
"ก็ใช่สิ ออนเซ็นไม่ใช่อ่างอาบน้ำซะหน่อยนี่นา"
"โนเอลรู้! ออนเซ็นน่ะใหญ่กว่าอ่างอาบน้ำเยอะมากๆ เลย แต่ก็ยังเล็กกว่าทะเลสาบใช่มั้ยล่ะ?"
"......ทะเลสาบ? คิดยังไงถึงได้ยกมาเทียบนะ"
ที่ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอาออนเซ็นไปเทียบกับทะเลสาบนี่ก็เรื่องหนึ่งแล้ว สิ่งอื่นที่เห็นอยู่ตรงนั้นกลับเกินขอบเขตความเข้าใจของชิโอเนะยิ่งกว่า
"โนเอล ของที่อุ้มอยู่นั่น มันอะไรกันน่ะ......"
สงสัยมาตลอด
สิ่งของหน้าตาคล้ายหมอนนุ่มๆ ที่ถูกร่างเล็กๆ ของโนเอลอุ้มเอาไว้จนดูเหมือนกอด
พอมาคิดดู ก็รู้สึกว่าเจ้าตัวจะหอบมันไว้ตลอดตั้งแต่ตอนที่สะดุดล้มแล้วสัญญากันว่าจะไปออนเซ็นเมื่อหลายวันก่อน
"อันนี้โนเอลถูกรางวัลมา! แต่ว่า... ไม่ใช่อันนี้......"
โนเอลพอชูหมอนหนุนลายดาวขึ้นมาอวดได้ไม่ทันไร ก็กลับมาจ๋อย
ชิโอเนะพูดออกมาแค่คำเดียว
"......เหรอ"
เป็นคำพูดจากผลลัพธ์ของความเหนื่อยใจที่เหนือกว่าความอยากรู้อยากเห็นของชิโอเนะ ผู้รู้สึกว่ายังมีเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับสิ่งของปริศนาชิ้นนั้นให้ถามต่ออีกหลายขั้น
"อันนี้ก็เป็นจานบินได้ด้วยล่ะ!"
โนเอลชูหมอนขึ้นเหนือหัวแล้วเหวี่ยงไปมาเป็นวงกลม แต่ก็ยังดูไม่เป็นจานบินอยู่ดี คงเพราะลวดลายที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
"รู้แล้ว ไม่ต้องเหวี่ยงแล้ว ไปกันเถอะ"
"ออนเซ็น!"
"ยังก่อน"
"เอ๋!!"
"ออนเซ็นน่ะ ไว้กลางคืนก่อนค่อยไปนะ"
"......แหง่ว"
สีหน้าโนเอลพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
"ก็ เพิ่งมาถึงโรงแรมแท้ๆ จู่ๆ จะให้ไปออนเซ็นเลย มันออกจะข้ามขั้นไปหน่อยใช่มั้ยล่ะ"
ชิโอเนะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงลูกค้าเด็กผู้หญิงที่มาเข้าพักจากแผนกต้อนรับที่อยู่ห่างออกไป
"อย่างแรกเลย ไปห้องพักกันก่อนดีกว่า คงไม่คิดจะอุ้มจานบินนั่นเดินไปเดินมาตลอดหรอกนะ?"
คำชวนแบบปุบปับของชิโอเนะทำเอาโนเอลประหลาดใจ
"เอาไปออนเซ็นด้วยไม่ได้เหรอ?"
"ที่จริงก็ไม่มีใครห้ามหรอกนะ"
"งั้นเอาไปว่ายน้ำด้วยนะ!"
"ห้ามเด็ดขาดเลย!"
ชิโอเนะยื่นคำขาดทันที เพราะไม่นึกว่าจะตั้งใจเอาไปจุ่มน้ำจริงๆ
ถ้ามองในแง่นึง อาจจะแถว่าเป็นฟองน้ำยักษ์ได้อยู่ แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่ของที่จะเอาเข้าไปในอ่างอาบน้ำได้อยู่ดี
"ทำไมล่ะ......"
โนเอลซึมไปแบบเห็นได้ชัด
"ก็ไม่ทำไมหรอก...... อ้อ ใช่ เพราะจานบินน่ะแพ้น้ำไงล่ะ"
"เอ๋~!"
โนเอลทำตาโต ดูท่าจะตื่นตกใจกับคำโกหกแบบขอไปทีของชิโอเนะ
"จานบินนี่โดนน้ำไม่ได้หรอกเหรอ?"
"ใช่ พูดให้ชัดๆเลยก็คือ ถ้าโดนน้ำแล้วจะพังน่ะสิ"
"พังเลยเหรอ!? ทำไงดี! โนเอลเคยอาบน้ำที่บ้านโนโนกะแล้วด้วย! โนเอลจะพังมั้ย?"
"เอ๋? แต่โนเอลไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่นา?"
ชิโอเนะย่อตัวลงในระดับเดียวกับสายตาโนเอลแล้วตอบอย่างไม่ลังเล
"......จริงเหรอ?"
"อื้ม สบายใจได้เลย"
ด้วยความที่สัมผัสได้ถึงความกลัวจับใจของอีกฝ่าย ชิโอเนะจึงได้แสดงสีหน้าอ่อนโยนอย่างที่สุดออกมาขณะที่ลูบศีรษะของโนเอลเบาๆ
"ค่อยยังชั่ว"
สีหน้าและท่าทางของโนเอลที่หายกลัว ก็พลอยทำให้ชิโอเนะโล่งใจตามไปด้วย แต่ว่าชิโอเนะเองกลับไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองในตอนนั้นเลย
"เอาล่ะ ไปห้องพักกันได้แล้ว เดี๋ยวต้องเตรียมตัวลงออนเซ็นกันอีก"
"อื้ม! ออนเซ่น, ออนเซ่น"
>>782
พอลงทะเบียนกับพนักงานโรงแรมที่ฟรอนท์เรียบร้อยแล้ว ชิโอเนะก็เดินไปกับโนเอลที่ท่องคำว่าออนเซ็นซ้ำไปมาอย่างกับเป็นคนละคนกับที่ซึมอยู่ก่อนหน้านี้ โดยมีพนักงานต้อนรับคอยนำทางให้
โนเอลเองก็ท่องออนเซ็นๆ ไปตลอดทางจนถึงห้องพัก
ห้องที่พนักงานนำทางมาถึงนั้น พอเข้าไปข้างในก็พบว่าเป็นห้องแบบญี่ปุ่นที่มีหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นทะเลสาบอยู่ตรงหน้า ถ้ากวาดตามองขึ้นไปบนฟ้าก็จะเห็นจานบินลอยอยู่เหนือทะเลสาบด้วย
"ยอดไปเลย! พื้นก็นุ้มนุ่ม!"
สองมือโนเอลเกาะขอบโต๊ะแล้วกระโดดย้ำๆ เหมือนจะใช้เท้าหยั่งลองรับสัมผัสของเสื่อทาทามิ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญตามสบายนะคะ"
พนักงานที่ยิ้มน้อยๆ เพราะเห็นโนเอลตั้งหน้าตั้งตากระโดดจริงจัง โค้งให้ครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องไป
"ชิโอเน่! ชิโอเน่!"
ห้องพักในโรงแรม ในสายตาของโนเอลนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของแปลกตามากมาย ทำเอาเจ้าตัวมองซ้ายมองขวาดูกันไม่ถูกเลยทีเดียว
"อันนี้อะไรเหรอ?"
"ตู้เซฟน่ะสิ"
"อันนี้ล่ะ?"
"ก็ตู้เย็นไม่ใช่เหรอ?"
"จริงด้วย! ข้างในเย็นเจี๊ยบเลย! ยอดไปเลยเนอะ ออนเซ็นเนี่ย!"
"ไม่ได้เกี่ยวกับออนเซ็นสักนิดเลยนะ"
"ถ้างั้นอันนี้ล่ะ?"
โนเอลยื่นของในมือให้ชิโอเนะ มันคือชุดยูคาตะของโรงแรมที่ไม่รู้ว่าหยิบออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
"อันนั้นน่ะ ยูคาตะ"
"เกี่ยวกับออนเซ็นมั้ย?"
ชิโอเนะที่รับยูคาตะมาจากมือโนเอล ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วพยักหน้า
"อื้อ ลองใส่ดูมั้ย?"
"อื้ม!"
โนเอลกำหมัดสองข้าง ทำหน้ามุ่งมั่น
จานบินที่เคยถืออยู่จนเมื่อกี้ ลอยฟ่องกลางอากาศ ในห้องที่มองออกไปก็เห็นจานบินของจริง
>>783
ชิโอเนะเปลี่ยนมาใส่ยูคาตะ หลังจากที่เห็นสภาพโนเอลที่สู้รบกับสายคาดเอวจนลงไปกองบนหมอนจานบินอยู่หลายรอบจนต้องช่วยสวมให้แล้ว ทั้งคู่ก็ออกมาเดินเล่นในโรงแรม
จากสายตาของโนเอล ทุกสิ่งอันที่ได้พบเห็นในโรงแรมออนเซ็น ล้วนเป็นประสบการณ์ใหม่อันน่าตื่นเต้น
ส่วนทางชิโอเนะก็เช่นเดียวกัน
ถึงจะต่างกับโนเอลตรงที่พอรู้เรื่องของโรงแรมออนเซ็นอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปในสถานที่จริงเลย จนกระทั่งวันนี้
สมัยเด็ก ถึงจะเคยอาศัยอยู่ที่คิริยะโกะช่วงหนึ่ง แต่ด้วยความที่พ่องานยุ่ง ครอบครัวบ้านโทกาวะที่มีกันแค่สองคน จึงแทบไม่มีเวลาให้พักผ่อน
เรื่องที่จะไปนอนโรงแรมแบบนี้ ก็ไม่มีอยู่ในความทรงจำเลยเหมือนกัน
ถึงชิโอเนะเองจะไม่ใช่เด็กที่ไม่ชอบที่มันเป็นแบบนั้น แล้วจะไปโทษว่าเป็นความผิดใครได้ แต่ความเหงาที่รู้สึกได้ตอนที่อยู่คนเดียวนั้นเป็นเรื่องจริง
สิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงเรื่องพวกนั้น ก็คือ------ ใช่แล้วล่ะ เบื้องหน้าชิโอเนะในวัยเด็กที่มานั่งมองทะเลสาบอยู่ตรงม้านั่งตัวเดิมในวันนั้น
ช่วงเวลาที่ได้พบกับเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน และแม่ของเธอคนนั้น------
"------ชิโอเนะ เป็นอะไรรึเปล่า?"
ชายเสื้อยูคาตะข้างหนึ่งถูกโนเอลดึงอยู่
"อืม แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อยน่ะ อย่าใส่ใจเลย"
"จริงด้วย...... เศร้าเพราะออนเซ็นปิดอยู่สินะ?"
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก"
ออนเซ็นที่ถ่อไปถึงระหว่างที่เดินกันอยู่ในโรงแรม ขึ้นป้ายไว้ว่ากำลังทำความสะอาด
คนที่เศร้าสุดเมื่อเจอแบบนั้นเห็นจะเป็นโนเอล
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงบ่นแว่วๆ มาจากไกลๆ ดูท่าจะช็อคพอกันกับโนเอลตอนที่รู้ว่าออนเซ็นปิด
"งั้นก็ เศร้าเพราะเครื่องเล่นเสียอยู่สินะ?"
"นั่นก็ไม่ใช่อยู่ดี"
ตรงเกมคอร์เนอร์ที่ตั้งอยู่ถัดจากออนเซ็น คนที่ต้องห่อไหล่เพราะเครื่องเล่นแปะป้ายเสียอยู่ก็คือโนเอลเหมือนกัน
"ไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่เรื่องที่โนเอลต้องใส่ใจสักหน่อย"
"แต่ว่า......"
ชิโอเนะพุ่งความสนใจไปที่ทะเลสาบผืนใหญ่นอกหน้าต่างริมทางเดิน ราวกับจะหลบสายตาโนเอลที่กำลังมองขึ้นมาด้วยท่าทีที่อยากจะพูดอะไรสักอย่าง
"ไปข้างนอกกันมั้ย?"
"ข้างนอก?"
โนเอลเองก็มองออกไปนอกอาคารด้วยอีกคน
เวลาตกเย็นพอดี
ดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับฟ้า ย้อมสีทะเลสาบให้เป็นสีของยามอัสดง
"อื้ม ชิโอเนะไปไหนโนเอลก็ไปด้วยอยู่แล้วล่ะ!"
"......เหรอ"
>>784
ตัวอาคารของโรงแรมนั้นตั้งอยู่ชิดทะเลสาบคิริยะ เช่นเดียวกันกับอีกหลายโรงแรมที่ตั้งอยู่บนทำเลเดียวกัน
ไม่ว่าแห่งไหนก็สร้างมาให้แขกที่มาเข้าพักออกมาถึงริมฝั่งได้เลยเหมือนกัน
ชิโอเนะกับโนเอล ออกไปข้างนอกผ่านทางประตูสำหรับแขกของโรงแรม
เบื้องหน้านั้น คือโลกสีแดง
สีแดง ที่ปกคลุมทัศวิสัยจนหมดจด
ทะเลสาบคิริยะที่กว้างใหญ่ขนาดมองไม่เห็นอีกฝั่ง ถูกย้อมด้วยสีเดียวกัน
แสงที่สะท้อนจากผืนน้ำ เป็นประกายงดงามเสียจนเผลอเอื้อมมือออกไปสัมผัส
ที่ริมฝั่งน้ำ ดูเหมือนจะยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่มาพักที่โรงแรมนอกจากทั้งคู่อยู่อีก ถึงจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่ทางนั้นเองก็สวมยูคาตะแบบเดียวกัน แถมยังอยู่กันสองคนเหมือนพวกชิโอเนะด้วย
ยังไม่ทันรู้สึกตัว สองคนที่มาอยู่ก่อน ก็กลับเข้าไปในโรงแรมผ่านทางประตูอีกบานเสียแล้ว
"ดูสิ ชิโอเนะ!"
ชิโอเนะกับโนเอลเหลือกันอยู่แค่สองคน โนเอลที่วิ่งแจ้นไปที่ริมน้ำ กางแขนสองข้างราวกับจะเก็บทิวทัศน์เหล่านั้นเอาไว้แค่คนเดียว
"ทะเลสาบมีแสงด้วยล่ะ!"
ผืนน้ำพอต้องลม ภาพทิวทัศน์สีแดงก็เกิดเป็นแสงเงาพรายตา
"......จริงด้วย"
ชิโอเนะวางมือข้างหนึ่งปิดเรือนผมที่ถูกลมพัดเอาไว้ พลางเดินเข้าไปหาโนเอลที่ริมน้ำ
จานบินที่คลุมตัวไว้ด้วยสีแดงของยามเย็นหมุนไปช้าๆ บนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบที่ต้องแสง
ชิโอเนะหยิบกล้องออกมาตามสัญชาตญาณ แล้วหันเลนส์เข้าหาจานบิน
ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เธอได้เห็นจานบินที่ถูกย้อมด้วยสีของอัสดง
มันเป็นหนึ่งในหน้าฉากทั่วไปของจานบิน ที่พบเห็นได้ทุกครั้ง หากมีเงื่อนไขครบ ต่างกับตอนนั้นที่จานบินสะท้อนภาพของดอกไม้ไฟ
แต่ถึงอย่างนั้น ชิโอเนะเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้ต้องสเน่ห์ของจานบินที่สะท้อนแสงสีแดง
ระหว่างที่สงสัย สายตาก็จับจ้องมองดูภาพของจานบินที่แสดงอยู่บนหน้าจอของกล้องถ่ายรูป
"ชิโอเนะ"
โนเอลที่ย้อมด้วยแสงสีแดงเหมือนกับจานบิน เหลือบมองกล้องถ่ายรูป แล้วส่งเสียงเรียกชิโอเนะ
"ชิโอเนะ ถ่ายรูปกันเถอะ"
ชิโอเนะพยักหน้าเงียบๆ ให้คำพูดของโนเอล
จากนั้นก็หันกล้องมาหาเด็กสาว
"ไม่ใช่สิ"
"ไม่ใช่?"
"ชิโอเนะกับโนเอล ถ่ายด้วยกันไง"
"ฉันน่ะนะ?"
สำหรับชิโอเนะแล้ว มันเป็นคำขอที่ไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อน
ถึงจะชอบบันทึกภาพสิ่งที่เห็นไว้ในกล้องถ่ายรูป แต่กลับไม่เคยชอบการเหลือรูปของตัวเองไว้ในภาพถ่าย
สมัยเด็ก ชิโอเนะเคยมีรูปที่ถ่ายคู่กับเพื่อนอยู่รูปหนึ่ง ในนั้นมีภาพของตัวเธอที่ดูท่าทางเคอะเขิน
ที่ไม่ชอบเหลือรูปตัวเองไว้ ก็เพราะรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ ไม่อาจยิ้มได้อย่างตัวเองในรูปนั้นเลย
"ไม่ต้องหรอก ถ่ายแค่โนเอลก็พอ......"
"โนเอลอยากถ่ายกับชิโอเนะมากกว่า"
"ทำไมล่ะ......?"
"ก็------ โนเอลกับชิโอเนะ เป็นเพื่อนกันนี่นา"
"เอ๋?"
"เพื่อนกันก็ต้องถ่ายรูปด้วยกันสิ? โนโนกะเคยบอกอยู่"
"อะไรกัน เรื่องแบบนั้น"
"......ไม่ใช่หรอกเหรอ?"
แววตาที่มองชิโอเนะ ดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าตอนที่ออนเซ็นปิด หรือตอนที่เครื่องเล่นเสีย
"............"
พอเห็นสีหน้าของโนเอลแบบนั้น ชิโอเนะก็ปวดร้าวในใจ
ทนไม่ได้ จนแทบอยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนั้นเสียเดี๋ยวนี้
"------เข้าใจแล้ว"
"จะถ่ายให้เหรอ!"
"รูปเดียวพอนะ"
"อื้ม!"
โนเอลที่ยิ้มแฉ่ง เข้ามายืนเบียดข้างชิโอเนะจนตัวแนบชิดติดกัน
"ชิโอเน่! ชิโอเน่!"
"เดี๋ยวเถอะ อย่าขยับสิ!"
ชิโอเนะหันเลนส์กล้องเข้าหาตัวเอง เสมือนว่าทั้งคู่อยู่บนจอภาพ แล้วยื่นแขนข้างที่ถือกล้องออกไป
"ชิโอเนะก็ นี่~ ด้วยสิ"
โนเอลแหงนมองชิโอเนะ ทำท่าเหมือนดึงปากตัวเองออกด้านข้าง
"ใครจะไปทำได้ล่ะ"
"ได้สิ! ชิโอเนะเองก็ชอบยิ้มนี่นา!"
พูดจบ โนเอลก็หันกลับไปหากล้องอีกรอบ
พร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
ชิโอเนะในตอนนั้น ไม่ได้ดูหน้าตัวเองที่อยู่บนจอกล้องเลย
ได้แต่รีบย่ำเท้ากลับโรงแรมเหมือนกับจะหนีจากโนเอลที่กวนจะดูรูป
"------โนเอลกับชิโอเนะ เป็นเพื่อนกันใช่มั้ยล่ะ?"
แล้ววันถัดมา คำพูดเดิมก็เวียนกลับมาให้ชิโอเนะได้ยินอีกครั้ง
โนเอลได้บุกเข้ามาในหัวใจของชิโอเนะเสียแล้ว โดยไม่สนใจความรู้สึกของเจ้าตัวเลยด้วย
แล้วเด็กสาวก็ยื่นหมอนที่หน้าตาเหมือนจานบินแค่ความกลมให้
ทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายหมอนใบนั้นก็เดินทางข้ามจากคิริยะโกะมาที่โฮคุบิจนได้
และตอนนี้มันก็ยังอยู่เคียงข้างชิโอเนะ
"------ไม่ไหวเลยจริงๆ"
>>785
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่ท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน ถูกแทนที่ด้วยหิมะสีขาวที่โปรยปราย
ภาพถ่ายของโนเอลและชิโอเนะ เรียกความทรงจำของชิโอเนะกลับคืนมา
ภาพที่จำไม่ได้ว่าเคยสั่งพิมพ์ไปตอนไหน ไม่ได้ดูกระทั่งหน้าจอตอนที่ถ่ายด้วยซ้ำ
ตอนนี้ กลับอยู่ในมือของชิโอเนะ------
โนเอล กำลังยิ้ม
และชิโอเนะที่อยู่ข้างๆ เองก็เช่นกัน------ รอยยิ้มที่น่าจะลืมมันไปแล้ว กลับกำลังมองดูตัวเองในตอนนี้จากในภาพถ่าย
เป็นรอยยิ้มที่เทียบกันแล้วไม่แพ้กันกับตอนที่ถ่ายรูปกับโนโนกะที่หอดูดาวตอนเด็กๆ
"ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดไปแน่------"
ชิโอเนะพูดออกมาเบาๆ ราวกับจะบอกให้ตัวเองในภาพถ่ายได้รับรู้
คุยกับทุกคนเรื่องโนเอล
ขอให้ทุกคนอย่ามายุ่งเกี่ยวกับตัวเองอีก
แสร้งทำเหมือนลืมเรื่องคำอธิษฐานที่แท้จริงของตัวเอง
เพราะนั่นเป็นหนทางเดียว ที่จะรักษารอยยิ้มของโนโนกะและโนเอลที่ตนรักเอาไว้ ไม่ให้หายไป
"แบบนี้แหละ------ ดีแล้ว------"
เสียงที่พูดออกมาอีกครั้ง บางเบาจนแทบจะหายไป
"------ดีแล้วใช่มั้ย?"
ชิโอเนะพูดออกมาลอยๆ เหมือนจะถามใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ไม่มีคำตอบ
แต่เค้าร่างที่ลอยขึ้นมาในความคิดของชิโอเนะ กลับกลายเป็นโนโนกะ
โนโนกะที่หน้าตาเศร้าหมอง ส่ายหน้าให้กับคำถามนั้น
"------ทำไมล่ะ!"
ชิโอเนะลุกขึ้นยืน ราวกับจะสลัดทุกอย่างทิ้งไป แล้วปิดสวิตซ์ไฟลงอีกครั้ง
ห้องตกลงสู่ความมืดมิด
เด็กสาวกลับไปนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงริมหน้าต่าง
แผ่นหลังเล็กๆ ของชิโอเนะ
บานหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังนั้น กลายเป็นเหมือนจอภาพยนตร์ที่ฉายภาพของหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ชิโอเนะเอื้อมมือออกไปอย่างไม่รู้สึกตัว
สิ่งที่สัมผัสกับปลายนิ้ว คือหมอนจานบินที่ได้รับมาจากโนเอล
"------"
เธอกอดมันเอาไว้ โดยไม่มีคำพูดใดๆ
เพียงแค่อยากกอดมันเอาไว้เท่านั้น
แล้วในความเงียบงันที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของหิมะ
ชิโอเนะก็เริ่มออกตามหาคำตอบที่ยังหาไม่พบนั้นอีกครั้ง
「ช่วงเวลาของครอบครัว」
"บางที เราอาจจะกำลังมองดูดาวอยู่ก็ได้นะ ว่ามั้ย"
เพื่อนสาวผู้อยู่ข้างเด็กสาวที่เดินไปพลางเหม่อมองดูท้องฟ้าไปพลาง เหนื่อยใจจะถามถึงเหตุผล
ก็เลยตอบเจ้าตัวไปตรงๆ ว่า
"ดาวเหรอ...... แต่ดูยังไงตอนนี้มันก็ยังกลางวันแสกๆ อยู่เลยนะ......"
เพื่อนสาวที่จนปัญญาไม่รู้จะพูดยังไง ยกมือขึ้นบังหน้าตัวเองให้พ้นแสงแดดจ้า จากท้องฟ้าอันไร้เมฆบดบังที่เด็กสาวกำลังมองดูดาวอยู่
ระหว่างทางกลับจากโรงเรียนม.ต้น ท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจ้าที่หาได้ยากยิ่งในฤดูหนาว เด็กสาวทั้งสองในชุดเครื่องแบบกำลังเดินกลับบ้านด้วยกัน
เป็นช่วงเวลาเช่นนั้น
วันนี้คาบเรียนจบลงตั้งแต่เช้า ดวงอาทิตย์เลยยังขึ้นสูงเหนือศีรษะอยู่
"ก็ ถึงจะเป็นตอนกลางวัน แต่ดาวก็ยังไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยนี่ ? พอคิดว่าแค่มองไม่เห็น แต่ต้องอยู่ตรงนั้นแน่เลย~ แค่นี้ก็ดีใจจนแทบทนไม่ไหวแล้วล่ะ"
เด็กสาวหยุดยืน แล้วปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างซื่อๆ ผ่านทางรอยยิ้มที่ดูตื่นเต้นเหมือนคำพูดของตัวเธอเอง ใส่เพื่อนสาวที่กำลังมองดูท้องฟ้าผืนเดียวกันอยู่แบบงงๆ
เพื่อนสาว ผู้มีท่าทีตรงกันข้ามกับเด็กสาว กระซิบเสียงเบา
"เอ้าๆ ตื่นเต้นเสียจนน้ำลายไหลแล้วนะ"
"เอ๋!? โกหกน่า"
เด็กสาวยกมือขึ้นป้ายริมฝีปากตัวเอง ท่าทางลุกลี้ลุกลน
"โกหกน่ะ"
"จ-ใจร้าย! หลงเชื่อไปแล้วนะ!"
ท่าทีของเด็กสาวที่กำลังโกรธนั้นไม่น่ากลัวเอาเสียเลย แต่กลับดูน่ารักน่าชัง
เพื่อนสาวกล่าวขอโทษขณะที่มองภาพนั้นด้วยความขบขัน
"โทษทีๆ แต่จะว่าไป เวลาดูดาวทีไร ก็เห็นน้ำลายหกตลอดเลยนะ"
"จ-จริงเหรอ......?"
"โกหกน่ะ"
"ฮึ!"
เด็กสาวค้อน
"ท้องฟ้ามันน่ามองขนาดนั้นเลยเหรอ"
"......ก็คนมันชอบนี่นา"
เด็กสาวกระซิบเสียงเบาด้วยความเอียงอาย
เพื่อนสาวเห็นแบบนั้นก็พูดต่อแบบไม่ติดใจอะไร
"จะว่าไป นี่ก็ใกล้จบม.ต้น จะขึ้นม.ปลายอยู่แล้ว ก็ยังเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
"ฉันเหรอ?"
"ทำตัวเฉื่อยชามั่งล่ะ เอ้อระเหยไปเรื่อยมั่งล่ะ เป็นผู้ใหญ่ไปจะเป็นยังไงยังจินตนาการไม่ถูกเลยมั่งล่ะ"
"อันนั้นขนาดตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะรู้เลย......"
"ไม่โตสักทีมั่งล่ะ"
"ม-ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ! ฉันน่ะโตขึ้นตั้งเยอะแล้วนะ!"
เด็กสาวเหยียดแขนสองข้าง ชูขึ้นฟ้า ท่าทางเหมือนบิดขี้เกียจ
"จ้ะ ไม่ได้หมายถึงส่วนสูง แต่พูดถึงที่ยังทำตัวเหมือนสมัยเด็กไม่เปลี่ยนตะหาก เอาแต่มองท้องฟ้า ไม่ว่าฝนจะตกหรือหิมะจะถม ก็ยังจะออกไปดูดาวได้ทุกคืนใช่มั้ยล่ะ?"
"ก็! เค้าชอบจริงๆ นี่นา"
"เมื่อกี้ก็เพิ่งถามไป เอาเถอะ ไม่ต้องถามก็รู้แล้วอยู่ดี แล้วก็นะ----"
เพื่อนสาวจ้องมองดูเด็กสาวอีกรอบ
"อ-อะไรเหรอ?"
"จะหาคนที่เข้าใจงานอดิเรกพิลึกแบบนั้น มันลำบากอยู่นะ"
"พิลึกเลยเหรอ......"
"ฉันน่ะเป็นเพื่อนกันมาก็เข้าใจได้อยู่ พูดอีกอย่างก็คือชินแล้วนั่นล่ะ แต่ผู้ชายแสนดีที่เธอจะได้พบหลังจากนี้นี่สิ เขาจะเข้าใจงานอดิเรกพิลึกๆ นี่ได้รึเปล่านะ......"
เพื่อนสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เสมือนกับว่าเป็นประเด็นร้ายแรงก็ไม่ปาน
แล้วเด็กสาวที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง ก็โพล่งขึ้นมา
"ไม่เห็นจะพิลึกสักหน่อยนึง!"
"เวลาจะเดทคงต้องไปดูดาวทุกรอบสินะ......"
"ก็บอกแล้วไง!"
ฉากหนึ่งในชีวิตประจำวัน บทสนทนาแบบเด็กๆ ระหว่างทางกลับบ้านของสองสาวม.ต้น
กับการต่อปากต่อคำธรรมดาๆ ที่ครึ่งหนึ่งกลายเป็นการให้สัญญา
เพื่อนสาว ที่แวบความคิดหนึ่งขึ้นมา หันกลับมาหาเด็กสาว
"จริงสิ---- คาโอริ"
แจ้งข่าวนิดนึง เนื่องในวันครบรอบ 1 ปี วันฉายจบ
ทวิตหลักของโซระเมโสะโอนลี่อีเวนท์ (แฟนอีเวนท์นะไม่ใช่ official) เปิดแล้วครับ กำหนดการวันงานคือเดือน 11 ปี 2016
รายละเอียดอื่นๆ เชิญ
https://twitter.com/hokubisai
http://imgur.com/RCFKA8X
รูปขอบคุณแฟนๆ รอบฉายใหม่ที่เพิ่งจบไปวันนี้ โดยอาคิยะซัง(คาราดีไซน์)
http://imgur.com/7hxtvZa
แฟ้มแบบที่สองที่แจกที่โทยะตอนนี้ ต่อจาก >>/776/
http://imgur.com/dv1gTjH
ภาพใหม่ของของที่น่าจะออกในงานโทยะมังกะอนิเมเฟส2016
http://imgur.com/GveB6JJ
http://imgur.com/9x8BECg
อาร์ทใหม่ที่เหลืออีกสองของของที่จะออกในงาน ของจองเต็มไปหลายอย่างแล้ว เหลือแต่ของหนักรอบนี้อย่างอคริลิคอาร์ทเพลทกับแคนวาส
ยังจองได้ถึงวันที่ 27 เดือนนี้ ที่เดิม อินฟินิทช็อป หรือจะไปซื้อที่เอจิโกะยะ โทยะโกะออนเซ็น ตั้งแต่งานTMAF วันที่ 25-26 เดือนนี้เป็นต้นไป
โปสเตอร์ของแถมที่แจกในงานTMAFปีนี้ หมดเกลี้ยงไปแล้วทั้งสามแบบ สงสัยทีมงานจะรู้จำนวนแฟนๆ ที่ตามมาซื้อถึงที่เลยจัดไว้พอดีๆ
จากทวิตของนากะโจ โปรดิวเซอร์ของอินฟินิท มีการบอกว่าปีหน้าจะไปเปิดบูทอีกรอบด้วย ใครว่างๆ ช่วงเดือนหกปีหน้าก็ลองมองๆ ตารางไว้ได้
ต่อให้ไม่ใช่แฟนเรื่องนี้ แต่ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์งานคอสใหญ่ๆ ฝั่งฮอกไกโดก็ต้องลองมาดูสักรอบครับ โทยะโกะที่ปกติจะเงียบๆ นี่ พอเป็นสถานที่จัดงานTMAF อารมณ์เหมือนปิดเมืองคอสกันเลย เดินไปไหนก็เจอแต่คอสเพลเยอร์เต็มเมือง
http://imgur.com/OAiEfKM
http://imgur.com/buO3UEx
http://imgur.com/eDvvFBM
http://imgur.com/9txAv5c
http://imgur.com/r2PfjSE
http://imgur.com/BGgdgKS
รอบนี้ถ้านับว่าเป็นรอบแก้มือก็ถือว่าประสบความสำเร็จจริงๆ
ได้ทั้งนั่งโต๊ะชิโอเนะในตอน 5
ได้ขึ้นไปบนเทนมงได
ได้ยิงจรวดขวดน้ำ
แถมยังได้ปลูกต้นทานตะวันตรงข้างเทนมงไดกันอีก
จะสองปีแล้ว แฟนๆ โซระเมโสะ ยังมารวมตัวกันทำอะไรแบบนี้ได้นี่ ต้องขอบคุณสมาชิกคลัสเตอร์คิริยะโกะโชมินทุกคนจริงๆ
ไว้มีโอกาส อาจจะได้เจอกันอีกรอบตอน เดือน 11 โฮคุบิไซ (only event) ที่โตเกียว
https://imgur.com/tWWmjlv
ประกาศทำตอนพิเศษ เพิ่มตัวละครใหม่
ตอนใหม่ฉายศุกร์หน้า
ไคจูซังกูตายอีกแล้ว
jrtjrtjrthrthrthrthrthhtrhrthrthtrhtrh
โหดจัง
Topic has reached inactivity threshold.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.