การที่คิดจะใช้ your name เป็นแบบอย่าง แม่งก็แสดงว่าโง่แหละ เห็นแล้วก็อดสมเพชไม่ได้
Last posted
Total of 1000 posts
การที่คิดจะใช้ your name เป็นแบบอย่าง แม่งก็แสดงว่าโง่แหละ เห็นแล้วก็อดสมเพชไม่ได้
netflix กุไม่คาดหวังกับเมะทีวีซีรีย์ว่าจะฉาย simulcast พร้อมญี่ปุ่นได้เลยว่ะ ไงๆแพลตฟอร์มมันก็มาทางซีรีย์ออริจินัล
ไปหวังกับเมะฉายโรงมากกว่า เช่น blame หรือ ก็อตจิ นี่คือกุพอใจละ
กูว่าMpicมันเห่อกระแสญี่ปุ่นไปเองมากกว่าว่ะ พอเห็นYour nameทำรายได้ดีหน่อยเลยกว้านซื้อมาฉายซะเยอะเลย
เต่าแดง,มุมโลก,รักไร้เสียง,ยูกิโอ,คุโรโกะ,อีสาวแท๊บเล็ต,กินทามะ,แม่มดแมรี่,โจโจ้,โตเกียวกูล หมดนี่คือที่Mpicซื้อLCมา นอกจากรักไร้เสียงนี่รายได้ดูไม่ได้ซักเรื่อง
ที่เหลือตอนนี้มีKodomo tsukaiที่ไม่น่าหวังอะไรมากเพราะเอาไปฉายชนกับจัสติซลีกคือรู้เลยว่าฆ่าตัวตายแล้วแน่ๆ
แล้วก็Fire work,อาจิน,No game no life ซึ่งกูว่าไม่น่าได้เงินจากพวกมักเกิ้ลแน่นอน ก็ต้องหวังพึ่งแต่พลังคุแล้ว
เออ เหลืออีตอแหลเดือนเมษาอีกเรื่อง แต่ไม่แน่ใจใช่Mpicนำเข้ารึเปล่า
เหมือนเป็น PR News มากกว่า แต่ถ้าจะขาดทุนก็ไม่แปลกนะ คือเอาหนังกระแสใหญ่เข้ามาเยอะมาก ค่ายอื่นเอาหนังรองๆ / เก่าหน่อย เข้ามา แต่พอขายได้ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ
Fireworkกูว่าเจ๊งแหงๆ คำวิจารณ์นอกก็ด่าแหลกกันทั้งเนื้อเรื่องชวนงงกับcgกากๆ Ajinกูว่าคนก็ยังอคติกับlive actionจากการ์ตูนกันเยอะ(มันก็น่าอคติอยู่หรอก แต่ละเรื่องแม่งประหลาดชิบหาย ที่ดูดีหน่อยก็กินทามะ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับชอบมากเท่าไร) M picกูว่ามองตลาดผิดไปจริงๆอะแหละ ซื้อเรื่องที่แม่งwtfมาก็เยอะอย่างเต่าแดงเงี้ย แม่งแนวออสการ์ชัดๆ แล้วแนวออสการ์ในไทยหาเรื่องที่ทำเงินเกิน5ล้านนี่นับหัวได้เลย คือถ้าจะเอาหนังที่คิดว่าจะทำเงินก็ต้องดูเรื่องฐานคนดูด้วย อย่างคุโรโกะก็ฉายรอบซะจำกัดโรงแบบชิบหาย+ซับแปลกากขนาดนั้นทำเงินก็แปลกละ คือแนวหนังที่คนไทยจะดูมันก็แอคชั่น โรมานซ์ คอมเมดี้ไม่ได้หนีไปไหนหรอก ส่วนแนวดราม่ากูว่าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เปิดใจรับแบบ100%นะ เอามาก็มั่นใจว่าเฉพาะกลุ่มแน่ๆ ส่วนถ้าเป็นอนิเมชั่นที่มีฐานแฟนอยู่จากมังงะ/lnดังๆก็มีโอกาสทำเงินได้มากกว่าพวกโนเนมนะ คหสต
ย้ายไปห้อง motion picture มะ?
ปล ของโฮโซดะปีหน้าอย่าเทนะ ฮึกฮึก
ดอกไม้ไฟ ถ้าอ่านนิยายกูว่าไม่อิน เนื้อเรื่องเฉยๆ มาก
แต่เมะมันยังกับคนละเรื่อง มันทำได้ดีมากๆ นะ ภาพสวยมาก มุมกล้องก็เจ๋งโคตร
ยังกะ monogatari แล้วมา upgrade ภาพ
ดอกไม้ไฟมันต้องตามให้ทัน และ read between the lines ให้เป็น
แต่มุมโลกหนังมันดีจริงๆนะ
ดอกไม้ไฟชื่อไทยนี่กอง บก. ไม่คิดจะหสคำสวยๆหน่อยเหรอวะ แม่งแปลซะตรงตัว
ดอกไม้ไฟกูเดานะ ยากว่ะที่จะใช้คำสวยๆ
ชื่อเรื่องมันเสือกเป็นแนวตั้ง ใช้คำสวยๆ เดี๋ยวยาวไป
แบ่งตามแนวเดิม 3 ช่องไม่ได้
สาวรถถังละ แม่งระเบิดตูมตาม มันส์มาก สไตล์คนไทยชอบ แต่ก็นะ บางคนเห็นเด็กผู้หญิง+รถถังก็ตั้งแง่ละ เหมือนตอนทีวีซีรีย์ฉายใหม่ๆ
ห้องนี้เค้าคุยเรื่องมังงะโว้ย! มาคุยเรื่องCGห่าอะไรกัน
ช่วงนี้VBKท็อปฟอร์มมากมาย หวังว่ามันจะท็อปต่อไปเรื่อยๆ กูยังต้องตามมันอีกหลายเรื่อง
ไป se-ed พวกการ์ตูน?คนไทยวาด ปกอาร์ตมัน กระดาษปอนด์ ภาพสี
ราคา 1xx-2xx บาท
ทำไมไม่ค่อยมีคนบ่นแพงแบบ การ์ตูนญี่ปุ่น-LN บ้างวะ?
การ์ตูนความรู้ไง แถมสีทั้งเล่ม
การ์ตูนความรู้คนไม่ค่อยอ่านมากซักเท่าไหร่
การ์ตูนความรู้พ่อแม่เขาซื้อให้ลูกอ่านไง และเขาเต็มใจที่จะซื้อดดยที่ไม่เสียดายเงินเลยด้วยซำ้
บางเรื่องเป็นการ์ตูนความรู้
บางเรื่องแนวเสียดสีสังคม
แต่กูเห็นบางเรื่อง หนึ่งหน้ากระดาษวาดแค่ 2-3ช่อง ตีกรอบวางตรงกลาง(เหลือหน้าขาวว่างๆแทบจะ 3/4ของหน้า) แล้วหน้าถัดไปก็ยังมีแค่สองช่อง นี้ก็เหี้ยมาก แดกพื้นที่ให้หน้าเยอะๆดูหนาๆอัพราคาสองร้อยกว่าบาท คิดสัดส่วนวาดจริงๆมีไม่ถึงครึ่ง
>>792 แถวบ้านกูนี่มีเด็กนั่งอ่านขวางเต็มช่องจนกูกำลังมีช้อยในหัวระหว่าง
ก.บอกน้องหลบหน่อยจ้ะ
ข.เดินข้ามหัวแม่ง
พอพูดถึงเด็กเวรในร้านหนังสือ กูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า2-3ปีนี้ไม่ได้เข้าร้านหนังสือเลยว่ะ
การ์ตูนสั่งจากเว็บผ่านฟ้า นิยาย-non fiction สั่งจากReadery กูไม่สนเรื่องต้องได้จับตัวสินค้าก่อนเท่าไร เน้นความสะดวกนอนอยู่บ้านหนังสือก็ส่งถึง
นึกถึงทวิตที่มีคนถ่ายรูปปกหนังสือแล้วรีวิวว่าดีมากกก แต่คือตัวเองยืนอ่านฟรีในร้านจนจบแล้วก็ไม่ซื้อวางหนังสือไว้ที่เดิม 555
การยืนอ่านในร้านจนจบเล่ม(ไม่นับว่าอ่านแค่นิดๆหน่อยๆ) กูว่าน่าปรับระดับให้เป็นขโมยได้แล้วนะ ขโมยอ่านเนื้อหาชัดๆ ขนาดจะซื้อผลไม้ยังชิมได้นิดหน่อยเอง บางทีควรเอาอย่างร้านหนังสือออนไลน์ ที่มีตัวอย่างหนังสือ สัก10-20หน้ามาวางให้ลองอ่านแทน ส่วนเล่มขายก็ซีลเอาไว้ห้ามแกะ ใครฝ่าฝืนแกะออกก็ปรับให้ซื้อเลย
big c กะโลตัสต่างจังหวัดนี่ใช่เลยเห็นร้านหนังสือเป็นที่ฝากเด็กสัด โซนเด็กนี่คือกูเดินผ่านไม่ได้
พูดถึงเรื่องยืนอ่านสมัยก่อนร้านใหญ่ๆบางร้านมันไม่ได้มีเวลามาดูแลมุมนิตยสารพวก boom c-kid นี่กูเจอเปลือยไร้พาสติกเยินๆหุ้มวางอยู่อย่างละเล่มประจำ
หุ้นSE-EDดิ้งมาหลายปีป่านนี้ยังไม่ฟื้น กูว่าธึรกิจหน้าร้านนี่แค่ซื้อเวลาว่ะ ผู้บริโภคเน้นไปซื้อในงานมากกว่ามาหาหนังสือในร้าน
เคยอ่านบทสัมภาษณ์สนพ.หนึ่งในงาน เค้าบอกว่าเจอลูกค้าที่จดlistจากอินเตอร์เน็ตพอมาถึงงานก็เดินไล่เก็บ
พฤติกรรมการซื้อลูกค้าชายกับหญิงมันต่างกัน ผู้ชายซื้อของมันจะคิดไว้ในหัวเลยว่าจะไปซื้ออะไร ผู้หญิงจะชอบเดินดูก่อนซื้อไม่ซื้อก็อีกเรื่อง ขอให้ได้เดิน
>>803 สำนักพิมพ์การ์ตูนสมัยนี้เค้าไม่ค่อยสนใจร้านค้าปลีกแล้วล่ะ เพราะร้านพวกนี้จะตายเมื่อไรมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นเอง หันมาเน้นให้สั่งซื้อโดยตรงทางเว็บบริษัท ตัดปัญหาเรื่องค่าต๋งสายส่งไปได้เยอะ การออกในงานหนังสือตูมเดียวเลย มันก็ตรงจุดดี เพราะคนมันหาที่ซื้อได้ง่ายด้วย ไม่ต้องมานั่งโปรโมทว่าที่ไหนวางขายบ้าง
นึกถึง Animag ln เรื่องใหม่ดังๆออกในงาน
แถมกว่าจะปล่อยให้ร้านค้ารอไปอีก 2-3เดือน คนแม่งเลยแห่ซื้อในงานเพราะรอไม่ไหวส่วนร้านค้าก็เสียลูกค้าไป
ส่วนลูกค้าที่ไปงานไม่ได้ก็โดนดองจนลืมไปแล้วว่ากูซื้อเล่มนี้ไปยัง
เรื่องงานหนังสือกูเคยพูดมานานละว่าควรมีนโยบายตรงราคาหนังสือเพื่อร้านหนังสือรายย่อย ถึงส่วนตัวกูจะชอบลดราคาก็เถอะ
อันนี้กระทู้เรื่องการตรึงราคาหนังสือ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2012/08/K12500111/K12500111.html
ควยสวยเป็นไงวะ คือถ้าหีสวยนี่คือแคมไม่ปลิ้นอมชมพูกูยังพอเข้าใจได้
ร้านหนังสือโดยเฉพาะรายใหญ่แม่งชอบผลักภาระหลายอย่างให้สนพ. ก่อนหน้านี้ก็มีดราม่าขอเก็บค่าXXเพิ่ม จนนายกฯสมาคมต้องออกมาบ่นกับสื่อ
>>807 ส่วนลูกค้าที่ไปงานไม่ได้ก็โดนดองจนลืมไปแล้วว่ากูซื้อเล่มนี้ไปยัง
กูว่าปัญหานี้ไม่น่ามีแล้วนะ เพราะคนที่ไปงานไม่ได้ก็สั่งทางเน็ตได้
อย่างกูเองไม่ได้ไปงานหนังสือมาหลายปีแล้ว ใช้วิธีกดไลค์เพจสนพ.
แล้วจดเล่มที่อยากได้ หลังงานก็สั่งผ่านหน้าเว็บเอา
สรุปว่าร้านหนังสือมีเหตุผลให้เข้าไปเดินน้อยลงเรื่อยๆเลยว่ะ
ร้านหนังสือค่อยๆตาย แต่คงไม่สูญพันธุ์หรอก อย่างน้อยๆในห้างก็ควรมี
ส่วนตัวถ้ามีเวลายังชอบไปเดินร้านหนังสือ เผื่อเห็นหนังสืออื่นๆด้วย
ในห้างก็ปิดไปเยอะนะ หรือจากที่เคยใหญ่ก็หดที่จนแทบมองไม่เห็น
ในห้างนี่ตัวดีเลยค่าที่แพง ความจริงห้างควรมีนโยบายลดค่าที่ให้ร้านที่ควรจะมีสักร้านในห้างนะ ไม่ใช่ให้ผู้ประกอบการรับภาระ
เทรนมันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ต่างประเทศนี่ร้านหนังสือก็จะตายห่าหมดแล้วตั้งแต่อเมซอนมา
ตอนนี้กูต้องการให้สนพ.ทั้งหลายอยู่ได้เท่านั้นแหละ ไม่คิดจะแคร์ร้านหนังสือกับสายส่งสักนิด สั่งเน็ตเอาหมดปัญหา
ไปรษณีย์รวยแทน 555
ก็ดู B2S นายอินทร์ ซีเอ็ดสิ หนังสือลดลงเรื่อยๆ ของอย่างอื่นวางแทน
พวกค่ายต่างๆถ้าปรับตัวได้ยังไงก็ไม่เจ๊งหรอก คืออารมณ์อยากเดินดูหนังสือก็มีนะ แต่เด๊๋ยวนี้มีเน็ตกันหมดไง อยากได้เล่มใหน เซริจหา กดสั่งจบ ถ้าซวยเจอเล่มไม่ดีก็เคลมเอา
พวกร้านใหญ่ในห้างก็ตามที่ผมว่าข้างบน ปรับตัวเอาของอยางอื่นมาวางเพิ่มเรื่อยๆแล้ว บางร้านนี้มองเข้าไปนีกว่าร้านขายของชำมากกว่าร้านหนังสืออีก 555+ ส่วนร้านเล็กๆอันนี้ผมว่าตายจริง พวกร้านเช่าด้วย เมื่อก่อนเห็นเต็มตอนนี้แถวที่ผมอยู่มีนับนิ้วได้
ก่อนงานหนังสือ มีค่ายหนังสือนึงทิ้งบอมบ์วางแผงหนังสือพรวดเดียว 20 เล่ม แล้วหลังงานทิ้งอีก 17 เล่ม
กับอีกค่ายนึง ทยอยออกนิยายอาทิตย์ละ 6 เล่ม (ไม่รวมการ์ตูน) สี่อาทิตย์ติดๆ กัน
มึงคิดว่าแผงจะเต็มมั้ย
มึงคิดว่าแผงหนังสือเอาไปลงหมดมั้ย ?
>>834 เกี่ยวกันสิ เพราะร้านหนังสือซื้อไปสต็อคจำนวนมากทำให้สนพ.มีเงินต้นมาพิมพ์เรื่องอื่นไง เทียบกับการขายคอนโดก็ได้ ร้านหนังสือก็เหมือนพวกซื้อใบจองหรือซื้อไปขาย/ให้เช่า ทำให้บ.คอนโดได้เงินทุนคืนไปส่วนหนึ่งทันที แล้วก็เอาเงินทุนส่วนนี้ไปหมุนสร้างคอนโดใหม่
พอหน้าร้านหายไปก็ไม่มีเงินก้อนส่วนนี้มาหมุนอีก เลยต้องออกตามดีมานด์จริงๆ มันถึงออกน้อยอย่างที่เห็นทุกวันนี้ละ แต่บางร้านก็จ่ายเชื่อนะ ถ้านิสัยดีๆ หน่อยก็จ่ายคืนตามเวลา ถ้านิสัยไม่ดีก็ไปขายก๋วยเตี๋ยวแทน
ปัจจุบันที่พวกมึงเห็นร้านหนังสือบางร้านไม่รับหนังสือบางสนพ.มาขาย ไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลส้นตีนอย่างที่ร้่านมันอ้างหรอก แต่เป็นเพราะมันไม่ยอมให้สั่งเยอะๆไปสต็อก และไม่ให้จ่ายเงินเชื่อ
การตลาดกระจอก เผาโปรดัค พอขายไม่ออกก็โทษร้านค้า โทษแปลเถื่อน โทษแปลห่วย โทษค่าลิขสิทธิ์ต้นสั้งกัด สมกับเป็นธุรกิจครอบครัวนายทุนเก่าจริงๆ อาศัยหาเงินจากการผูกขาดมานาน งอมืองอเท้าก็ได้กำไร พอโลกเปลี่ยนก็มางอแงจะให้โลกเปลี่ยนตามพวกตัวเอง
>>840 มึงพูดมาก็ไม่ผิด ค่อนข้างถูกเลยล่ะ ยกเว้น"ขายไม่ออกก็โทษร้านค้า"กับ "พอโลกเปลี่ยนก็มางอแงจะให้โลกเปลี่ยนตามพวกตัวเอง" สาเหตุเป็นเพราะร้านค้าสร้างดีมานด์เทียมให้สนพ. สั่งหนังสือไปเยอะกว่าที่จะขายได้จริงจำนวนหลายเท่าตัว เนื่องจากตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไรได้เครดิตขายฝาก ไม่ต้องจ่ายเงินก่อน แต่พอสั่งไปเยอะๆขายไม่ได้ ก็ถีบกลับมาให้ล่มจมในสต็อกสนพ. ส่วนไอ้เรื่องโลกเปลี่ยน มันก็ทำอีบุ้คจริงจังก่อนเจ้าอื่น จะบอกว่ามันให้โลกหมุนตามมันก็ไม่ถูก นอกนั้นที่มึงพูดมากูเห็นด้วยเกือบหมด
กูมีข้อมูลมาพูดได้เพราะน้ากูขายหนังสืออยู่หลายอย่าง รวมทั้งหนังสือการ์ตูนด้วย
สมัยก่อนเคยสั่งเรื่องAจากสายส่งแห่งหนึ่งมา50เล่ม++ขายได้จริงราวๆไม่ถึง10เล่ม แต่ก็ช่างแม่งดิ ขายไม่หมด ส่งคืน เพราะไม่ต้องซื้อขาดนี่แหละ พักหลังสนพ.มันจุกเยอะ คงเริ่มนกรู้ว่า ทำไมกูต้องเสี่ยงแบกสต็อกเอง เพราะดีมานด์ลอยๆจากพวกร้านค้า มันก็พิมพ์น้อยลงเอาให้พอขายหมดจริงๆ เริ่มให้เครดิตกับหลายร้านน้อยลง เน้นกิจกรรมที่ได้เงินสดมากขึ้น บางร้านไม่พอใจเงื่อนไขใหม่ มันก็เลิกสั่งเลิกหามาขายหรือขายน้อยลงก็แค่นั้นเอง แต่ชอบไปอ้างกับลูกค้าว่า อย่างโง้นอย่างงี้ น้ากูยังอ้างเลย กูอ่ะหลานอกตัญญู สาวไส้ให้พวกมึงกิน
ปิดบริษัทแล้วกลับไปทำอสังหาหัวควยอะไรที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายมึงถนัดทำเหอะ คอนเนคชั่นพวกมึงเยอะนิ ไปทำห่าอะไรฮั้วๆ ล็อบบี้ๆกระทืบมดแมงเม่าไม่ต้องใช้สกิลเอาแบบเดิมอะดีแล้ว ไอ้พวกบริสัดหัวขวด
>>845 สแกนมีผลน่ะใช่ แต่ไม่น่าใช่ทุกเรื่อง ส่วนใหญ่จะหนักไปทางจัมพ์ ใครมีเรื่องจากจัมพ์เยอะก็โดนหนักหน่อย ส่วนแปลห่วย โอตาคุมันก็ต้องดูจากค่าตอบแทนที่นักแปลได้รับด้วย นักแปลได้หน้าละราวๆ15บาทตลอดชาติ จะไปหาคนเก่งๆN1ที่ไหนมาทำงานในวงการนี้วะ นอกจากแม่งว่างจัดจริงๆ ทำแล้วก็เหมือนเอาแรงมาทิ้ง ส่วนค่าลิขสิทธิ์แม่งแพงจริงนะในบางเรื่อง
>>847 กูเห็นทุกสนพ.เค้าก็ร่วมมือกันไปเดินเรื่องกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว แต่มึงบอกเค้าไม่ทำอะไรเลย มึงไม่รู้ข่าวเองรึเปล่าวะ ถึงบอกเค้าไม่มีคอมมูติตี้ https://www.facebook.com/read2rights/ เพจเนี้ยเป็นตัวกลางที่สำคัญเลย
ถามจริงมีคุกี่ตัวเคยติดตามอ่านข่าวในนี้ แล้วก็มาบ่นว่าสนพ.ไม่วิ่งเต้นดำเนินการ คนบนดินจะไปรบกับคนใต้ดิน มันง่ายจังล่ะมึง
แล้วก็รบกวนไปด่าไอ้หลายแสนตัวที่ตามอ่านเพจสแกนต่างๆด้วยนะ https://www.facebook.com/Paikingz/ อย่างเช่นในนี้มีปลิงอยู่เกือบ5แสนกว่าตัว
คอมมูอย่างเป็นทางการด้วยนะ สนพ.ทุกแห่งร่วมกันตั้งขึ้น เพื่อรับมือกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่พอตั้งมาได้สักพักเค้าก็รู้ว่า ปลิงไม่สนใจเข้ามาอ่านกัน กำลังใจจะอัพเดตข่าวสารมันก็หายไป จากเคยอัพเกือบทุกวัน กลายเป็นรายสัปดาห์ และรายนานๆทีหนแทน
จะปลิงก็ปลิงไป จะทำอะไรนอกคอกก็ทำไป แต่อย่าไปด่าคนที่เค้าพยายามทำอะไรให้มันถูกต้อง ไม่งั้นบ้านเมืองมันอยู่ลำบากสัส
กูอยากให้ร้านหนังสือน้ากูเจ๊งเร็วๆชิบหาย จะได้ซื้อแฟรนไชส์ร้านlawsonมาเปิดให้สมใจกูเสียที วันหยุดจากทำงาน กูยังต้องมานั่งขายหนังสือการ์ตูนให้โอตาคุ ขายหนังสือพิมพ์ให้พวกหัวหงอกหัวล้านสภากาแฟ ขายหนังสือพระเครื่องให้พวกชาวพุทธพาณิชย์ ชายหนังสือบอลให้ผีพนันกีฬา น่าเบื่อ
https://pantip.com/topic/37062912
เดธโน้ตมันใช่อาวุธรึวะ
แสกนเถื่อนมันมีผลนะ แต่มันไม่ใช่ผลหลักคือไม่ใช่ตัวต้นทาง เพราะแสกนเถื่อนมันมีมาเป้น 10 ปีตั้งแต่ Steve Jobs ยังไม่ผลิต iphone แล้ว ผลหลักที่ทำให้มีปัญหาคือ ช่องทางเข้าแสกนเถื่อนมันมากขึ้นว่ะ เมื่อก่อนมึงจะเข้าดูแสกนเถื่อนได้คือ มึงต้องมี คอม + อินเตอร์เน็ท แล้วสมัยก่อนคนมีคอมมันไม่เยอะมึงไม่มีเงินก็ไม่มีคอมหรอก คนเข้าแสกนเถื่อนก็ไม่ได้เยอะเหมือนสมัยก่อนไม่เหมือนตอนนี้ ทุกคนมี Smartphone รวยจนแค่ไหนมึงก็ต้องมีติดตัวไว้ คนก็เข้าถึง internet ได้ เกือบ 90% เหมือน ชี้โพรงให้กระรอกนั่นแหละมึง จากแต่เดิมไม่มีคนชี้ ตอนนี้มีคนมาชี้ให้แถมไม่ได้ชี้ให้แค่คนอ่านแต่ชี้พวกที่เห็นช่องทางหาเงินด้วย
สมัยก่อน กุอ่านดราก้อนบอลรุ่นหงอคง สมัยนั้นการ์ตูนยังขายดีอยู่เลย ต้องยอมรับล่ะว่าสมัยนี้คนไทยไม่อ่านการ์ตูนกันแล้ว
>>872 ร้านเน็ทมันพกตามตัวไปอ่านบนรถไฟได้เหรอมึง ?
>>873 มึงก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าเมืองไทยมันมีการละเมิดลิขสิทธิ์แผ่นผี CD เถื่อนมาตั้งแต่ชาติปางไหนแล้ว มึงสามารถไปต้านมันได้เพราะมันหยั่งรากมานานมากแถมคนที่มีส่วนก็เป็นพวกมี "สี" วิธีที่มึงทำได้คือต้องจำกัดการเข้าถึงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น แต่เมื่อมึงทำไม่ได้มันก็บูมเท่านั้นเองนั่นละที่กุจะสื่อ
มึงจะควบคุมช่องทางอินเตอร์เน็ต มันยากพอๆกับให้ทีมชาติไทยได้แชมป์ฟุตบอลโลกอ่ะ
เด็กสมัยนี้ไม่ซื้อการ์ตูนแต่ไปอ่านบนไปคิงแทน เพื่อนที่ทำงานมีเงินเดือนแล้วของกุก็เช่นกัน 555
>>879 กุุไม่ได้พูดสักคำว่าจะให้มันควบคุม เพราะ common sense แม่งก็รู้กันหมดแหละว่าควบคุมไม่ได้ แต่กุแค่บอกไอ้เหี้ยนี่แหละสาเหตุสำคัญตัวเอ้เลยมึง ที่ทำให้มันเลวร้ายลงได้ขนาดนี้ ตอนยังไม่มีไอ้พวกนี้ มึงก็เห็นๆอยู่ว่าหนังสือยังขายได้ดีอยู่ นั่งรถไฟมึงยังเห็นคนยืนนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเลยมั้ง แล้วมึงดุตอนนี้สิ มึงเห้นใครนั่งอ่านหนังสือ ในรถไฟฟ้าไหมละ
ญี่ปุ่นคุมได้นะมึง
อีบุคไม่จำเป็นต้องเป็นสแกนเถื่อน แต่สัดส่วนการอ่านบน tablet device (กุขอใช้คำนี้ละกัน) ส่วนมากเป็นสแกนเถื่อน ก็คือเปิดอ่านไปคิงนั่นแหละ
คนอ่านอีบุคจริงๆอาจจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่ valid ขนาดนั้น ด้วยเพราะเมืองไทย content ยังไม่ได้ออกควบคู่กับหนังสือเล่มทุกอย่าง ขนาดเมืองนอกตอนนี้ตลาดอีบุคยังเริ่มหดตัวแล้วเลย
กูอ่านนิยายเถื่อน กู แดกที่ 10 M แต่ กูอ่านของถูกลิขสิทธิ์ เกือบ 300 M กูว่ามันต้องแก้ไขตรงนี้ด้วยนะะเมิง
ของเถื่อนแม่งสแกนกากๆdpiห่วยๆนะไฟล์ถึงเล็ก ของlcมันตามมารตฐานสื่อดิจิตอล มันก็ราวๆนี่หมด
** ปรับราคา **
ผีซ่ากับฮานาดะ เล่ม 1 (160บ.)
...
เล่ม 1 ของเดิม 125บ. เอากลับไปเปลี่ยนปกแล้วมาขายอีกแน่ๆ
เซย่ายังขายเล่มละ 200 ได้เลย
อ่ะ ของเถื่อนไม่มีผลกับยอดขาย https://www.facebook.com/vaswara/posts/1646841538669365
แถมถ้าเทียบกับเมืองไทยที่อีบุคยังไม่แพร่หลายเท่า ไทยเลยยิ่งหนักกว่า ต่อให้หาสแกนช่วงแรกไม่ได้ก็รอกันจนกว่าสแกนของจริงออกมากันอยู่ดี 555+
กูไม่บ่นและไม่ซื้อ อ่านฟรีในเน็ตอย่างเดียว
บ่นไปก็ไม่ฟังหรอก เลหลังขายมือสองแล้วไปอ่านฟรีเงียบๆ สบายกว่ากันเยอะ สนพ. จะได้ไม่ต้องทนฟังคำบ่น คำด่า ด้วย
ไอ้สัส เวลาเรียน อย่าทะเลาะกัน ครูลูกเสือสอนอยู่ ตั้งใจฟังมั่ง
ทำไมร้านคิโนะในไทยไม่มีทีท่าจะเจ๊งเลยฮับแต่ร้านหนังสือในไทยถึงทำท่าจะไปไม่รอดกันฮับปมอยากยู้
>>908 กลุ่มลูกค้าร้านนี้ที่ประเทศเรา ปกติเค้าไม่ค่อยแคร์ราคามากมายอะไรว่ะ ซื้อก็คือซื้อ มีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นมาซื้อ หนังสือเล่ม200++ซื้อกันเป็นเรื่องปกติ เล่มละหลายพันก็ซื้อกันได้ สั่งซื้อด้วยซ้ำไป ส่วนกลุ่มยาจกอ่านฉบับภาษาไทย นิสัยรอลดราคาอย่างเดียว กับให้ลูกหลานไปนั่งอ่านฟรีในร้านต่างหาก ที่เป็นปัญหาของสนพ.ไทย
ร้านหนังสือค้าทั่วไปก็ไม่ได้ขายแค่การ์ตูนเนะ
นี่ไงความหมายที่เคยบอกไปว่ายังไงร้านหนังสือก็ไม่สูญพันธุ์
คิโนะน่าจะเป็นตัวอย่างของธุรกิจระดับพรีเมียม ลงทุนเยอะแต่มีบริการรองรับลูกค้าทุกระดับ
เทียบคล้ายกันก็คอนโดระดับพรีเมียมที่ขายหมดตลอด ทั้งๆที่คอนโดกลางชะลอตัว
คิโนะเจ๊งไปหลายสาขาแล้วนะ ไม่ใช่ว่าจะทได้อย่างใจทุกอย่าง
คนญี่ปุ่นมันแดกหนังสือยังกะแดกน้ำ ดังนั้นคิโนะ อิเซตันยังไงก็รอด
แต่ก็แดกมากกว่าคนไทยอยู่ดี
ตกลงคิโนะสาขาไหนเจ๊งกั๊บปมอยากยู้จิมๆ
>>912 ไม่ใช่เรื่องว่าพิมพ์เป็นภาษาอะไร แต่คุณภาพการพิมพ์ หมึก กระดาษมันต่างจากเล่นญี่ปุ่นเกินไป ไหนหมาบางตัวบอกพวกที่พยุงวงการหนังสือคือพวกซื้อไปสะสมไง มึงซื้อเล่มแปลไทยราคาพอๆกับเล่มญี่ปุ่นไปสะสมเหรอ ปล.กูเกลียดหมานักสะสม งอแง งี่เง่า ไม่เข้าใจศิลปะ บ้าแต่วัตถุ
>>926 กูตลกคนที่เก็บสะสมการ์ตูนแปลไทยอ่ะ กระดาษก็ห่วย หมึกก็ห่วย พิมพ์ก็ห่วย มีอะไรน่าสะสมวะ แม่งอยากสะสมจริงก็ไปเก็บของต้นตำรับหรูๆดิ กูอยากให้ค่ายตูนของไทย มันพิมพ์ด้วยกระดาษรีไซเคิลเน่าๆก็ได้ แต่ขายถูกๆหน่อย อ่านเสร็จโยนทิ้งเลยแบบญี่ปุ่นทำ หรือไม่ก็อ่านอีบุ้คตัดปัญหาเรื่องกระดาษกับหมึก
เล่มนี้กูซื้อมาานเพื่อกันตัวเองจากจอบ้างอะ คิดถึงิยากอ่านอีกก็หยิบมา กระดาษดีก็โอเคพลิกอ่านไปก็แฮปปี้ กระดาษไม่ดีก็โอเคยังอ่านได้ แต่ถึงขั้นกระดาษรีไซเคืลก็ไม่ไหวนะ
สะสมคือเก็บไว้บูชา เก็บไว้ให้ราคามันขึ้น เก็บไว้ให้มันเยอะๆเป็นงานอดิเรก เก็บไว้ให้ดูสวยๆ ฯลฯ แล้วแต่เจตนาของผู้สะสม แต่ที่แน่ๆมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ของที่จะสะสมมันต้องเป็นของชั้นดี ของหายาก ของในโอกาสพิเศษ ฯลฯ
ไม่ใช่ว่าอะไรๆก็เรียกว่าสะสมได้ เห็นใจนักสะสมนิดนึง
ส่วนไอ้ประเภทเก็บการ์ตูนไว้อ่านซ้ำอีกรอบหรือหลายๆรอบ แถมรูปเล่มยังห่วยแตก ไม่เข้าgapการสะสมแบบมีคลาสว่ะ เหมือนเอาเสื้อผ้าที่เคยใส่ครั้งนึงแล้วมาใส่ซ้ำเท่านั้นเอง
งั้นกุใช้คำว่า “เก็บ” แทนคำว่า สะสม ก็ได้นะ จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย
โทรลหย่อนเบ็ดทีไล่งับกันเป็นแถวเลย
เหี้ย ทำมามีคล้ง มีคลาส มีของชั้นดีด้วย การที่คนคนนึงตั้งใจเก็บอะไรซักอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เขาก็เรียก "สะสม" แล้ว ไม่ว่าจะสะสมหินโง่ๆ สะสม
สะสมแสตมป์ สะสมการ์ตูนขยะอย่างที่มึงว่า จนไปถึงสะสมรูปภาพราคาเป็นล้าน แม่งก็คือการ "สะสม" เหมือนกันหมดนั่นแหละ ไม่ต้องมาแบ่งแยก
อีกอย่างถ้ามึงเก็บไว้ขายแบบเก็งกำไร ยังจะเรียกว่าสะสมได้อีกเรอะ เหมือนมึงไม่เห็นคุณค่าของของมึงเลยนะ
เปรียบเทียบมั่วๆ อีกแล้ว หนังสือก็หนังสือดิ มันไม่ได้มาพร้อมกันกล่องเดียวซักหน่อย มันออกมาที
ีละส่วน แบบนี้ถ้าส่วนหัวชิ้นสุดท้ายออกมาเหี้ยมึงก็จะไม่เอาหัวโดยอ้างว่าเป็นสิทธิของมึง แต่ถ้ามันขายไม่ดีจนออกส่วนหัวไม่ได้ มึงก็จะด่าคนขายสินะ
คิโนะไม่เคยเจ๊ง แต่โตเกียวโดสาขาเดอะมอลล์งามกับพารากอนอะเจ๊ง
>>94 มึนอะไรของมึง? กุก็บอกอยู่ว่ามันทำขายแยกกล่องทีละชิ้น เหมือนมึงซื้อหนังสือเล่ม 1-2-3-4 แล้วเสือกเลิกผลิตชิ้นสุดท้ายหรือก็คือเล่มจบพอดี ไอ้หุ่นหัวด้วนก็คือชุดหนังสือที่ไม่ครบ ถามหน่อยว่ามึงคิดว่าคนเขาสามารถมโนเนื้อเรื่องในส่วนที่หายไปได้หรอวะ?
แล้วส่วนหัวออกมาเหี้ยจะซื้อไม่ซื้อเรื่องของกุ แต่ถ้าไม่ทำออกมากุก็มีสิทธิด่าเพราะกุจ่ายตังซื้อตั้งแต่เล่ม1-4 ย้ำนะ จ่ายตังซื้อ คนเก็บเรื่องยาวเขาก็คาดหวังให้ออกมาครบทั้งนั้นแหละ
มีใครดีใจมั้งวะเวลาเรื่องที่ตัวเองตามเก็บถูกลอยแพ...
>>945 กูมิสกิลอ่านข้ามเล่มโดยไม่รู้สึกขัดอะไร ซื้อแหว่งกระโดดข้ามเล่มทีละ 2 -3 เล่มได้ ดังนั้นออกไม่จบก็ไม่ตาย สนพ.ก็ไม่จำเป็นต้องออกให้จบ พวกมึงที่มาบ่นว่าออกไม่ครบในเพจ v กับในพันดริฟรวมกันถึงร้อยคนป่ะเหอะ เขาพิมพ์ที่เกินพันเล่มถ้าพวกมึงมีกำลังซื้อพอไม่ให้เขาขาดทุนคงออกเล่มต่อไปแล้ว อย่าคิดว่าจำนวนแค่หยิบมือที่มาแสดงตัวในเน็ทมึงจะเป็นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มัน
เรื่องคิโนะจะเจ๊งไม่เจ๊งกูว่าตอนนี้หลักๆ มันอยู่ค่าค่าเช่าที่ซะมากกว่า ถ้าวันดีคืนดีห้างขึ้นค่าเช่าแพงไม่คุ้มมันก็ออกไปอยู่ดี
เพราะขายหนังสือมันกำไรก็จริง แต่ไม่ได้เยอะเหมือนขายพวกเสื้อผ้า เครื่องสำอาง แล้วจะตั้งราคาขึ้นเองแบบพวกของกินก็ไม่ได้ด้วย
>>946 อ่อมีสกิลอ่านข้าม 2-3 เล่มแล้วรู้เรื่อง แล้วถ้าเล่มต่อไปไม่ออกแล้วมึงก็คงมโนได้ใช่ปะว่าจะเนื้อเรื่องเป็นยังไงต่อ เยี่ยมๆ กุจะเชื่อแล้วกันว่าเมิงไม่ได้เปิดแสกนเว็บอ่านแล้วมาแถว่ามีสกิลมโนบ้าบอของมึงละกัน แล้วขอถามต่อนะว่าคนปกติทั่วไปเขาเป็นแบบมึงกันหรือเปล่าวะ? ที่สามารถอ่านข้ามเล่มไปมาแล้วรู้เรื่องน่ะ
อ้อ แล้วกุก็ไม่ได้พูดถึง V หรือพันทิปเลยนะ แถมไม่ใช่พวกที่มึงอ้างถึงด้วย เพราะงั้นไม่ต้องร้อนถึงขนาดโพล่งออกมาก่อนก็ได้ เดี๋ยวชาวบ้านเขารู้หมดว่าใคร ติ่งสนพ.ไหน หึหึ
อ้อๆ ตรรกนี้ คนอ่านที่ตามจ่ายตังซื้อทุกเล่มต้องรับผิดชอบกับการลอยแพหนังสือ ไม่ใช่สนพ.ที่เลือกเรื่องยาวมาแล้วไม่มีปัญญาขาย แถมห้ามบ่นด้วยครับเยี่ยมๆ ทำไมไม่ประกาศไปเลยครับว่าต้องการยอดขายอีกเท่าไหร่ คนจะได้ไปเหมาทีละร้อยเล่ม 5555 ตลกว่ะตัวเองมีเหตุผลที่จะเลิกพิมพ์แล้วไม่คิดว่าคนซื้อเขามีเหตุผลที่จะด่าหรือไงวะ
ไม่ได้เดือดร้อนแล้วเสือกมาห้ามคนเดือดร้อนโวยวาย เห็นแก่ตัวชะมัด
>>949 กุอ่านตั้งแต่ตอนยังทำแต่ไพเรท ป.4 ได้เงินไปรร.10 บาท ซื้อมือสองเล่มละ 3 บาทเอา มันถึงเป็นเศษๆอ่านข้ามเล่มมีให้อ่านก็ดีแล้ว การ์ตูนเวลามันวาดมันจะวาดทิ้งไคล์แมกซ์ไว้ท้ายตอนให้ชวนอ่านตอนต่อไป ทิ้งไคล์แมกซ์ไว้ท้ายเล่มให้ชวนอ่านเล่มต่อไป มันสรุปในตอนในเล่มอยู่แล้ว ไม่ต้องมามโนเล่มที่ไม่ได้อ่าน บางทีอ่านข้ามซาก้าไปเลย เอ้อมันมีเรื่องย่อให้อ่านก่อนหน้าสารบัญด้วย อ่านตรงนี้ก็พอรู้เรื่อง ตอนไม่มีแสกนให้อ่านอยากอ่านเล่มไหนกูดูภาพปกว่าลายเส้นถูกจริตไหม อ่านเรื่องย่อปกหลังว่าน่าอ่านไหม ซื้อไปไม่สนุกก็เลิกซื้อแค่เล่มเดียว เก็บไว้ศึกษาสไตล์วาดมัน เรื่อคนอ่านต้องง้อ สนพ.นี่มึงเคยรับคอมมิชชั่นไหม ลูกค้าแม่งชอบให้คนวาดเสนอราคา ถ้ามึงเสนอเกินงบจ้างมันมันก็ไม่เอามึง ดีลกันไม่ได้จบข่าว ให้มึงไปทำงานที่ได้ค่าแรงขาดทุนทุกเดือนมึงทำไหม
เอางี้นะจะเปิดกะโหลกให้ เผื่อสำหรับบางคนในพันทิปหลงเข้ามาในโม่ง
เมื่อก่อนเคยมีประเด็นโอตาคุ อยากฟ้องสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค กรณีสนพ.ดองหรือลอยแพ
ไอ้เหี้ย มึงจะไปฟ้องเค้าข้อหาอะไรวะ???? กูตีลังกาคิดยังคิดไม่ออกเลย
การขายหนังสือเป็นเล่ม แบบออกทีละเล่ม หน้าที่รับผิดชอบของผู้ผลิต อย่างมากมีแค่ รับเปลี่ยนสินค้าเล่มที่ชำรุดจากการผลิต(ไม่ใช่ร้านค้าทำขาด)
ไอ้ประเภทว่าต้องมารับคืนหนังสือถ้าออกไม่จบ มันไม่ได้อยู่ในสิทธิ์ของผู้ซื้อ เพราะไม่ได้มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าจะจัดส่งจนจบชุด
สาเหตุที่มึงเอาหนังสือไม่จบชุดไปเคลมคืนมันไม่ได้ ก็เพราะมึงได้ทำการบริโภค(อ่าน)หนังสือเล่มที่มึงซื้อไปแล้ว การส่งมอบเป็นอันยุติ พ้นหน้าที่รับผิดชอบไปแล้ว
อ่ะ แต่กูช่วยหาทางดิ้นให้พวกมึงเอาไปฟ้องร้องอีกนิดก็ได้ ถ้ามึงไปดูเพจบางสำนักพิมพ์ แล้วสมมติแอดมินมันพิมพ์ว่า "จะออกจนจบ" อันนี้พอจะเอามาอ้างอิงร้องเรียนได้ ถ้ามันแจกแพในวันหลัง แต่มึงต้องว่างมากจริงๆถึงจะขึ้นโรงขึ้นศาลกับเรื่องห่าเหวแค่นี้
>>951 ยังไม่ตอบเลยนะว่าคนทั่วไปเขาสามารถอ่านข้าม2-3 เล่มได้แบบคุณหรือเปล่า
แล้วอะไรคือ---> ทิ้งไคล์แมกซ์ไว้ท้ายเล่มให้ชวนอ่านเล่มต่อไป=มันสรุปในตอนในเล่มอยู่แล้ว ไม่รู้สึกขัดๆกันบ้างเหรอเวลาพิมพ์
ส่วนเรื่องย่ออะใช่ว่าจะใส่ทุกเล่ม แล้วก็มีใว้สำหรับทวนให้คนที่อ่านแล้วยังไงก็เก็บรายละเอียดไม่ครบ ถึงเอามาอ่านแทนยังไงก็มีส่วนที่ตกหล่นอยู่ดีเพราะมันคือ ''เรื่องย่อ''
ตั้งแต่บรรทัดที่สามนี่มึงบ่นอะไรวะ? เหตุผลที่ซื้อหรือเลิกซื้อก็เรื่องของมึงเถอะ....
ส่วนไอ้การเปรียบเทียบมั่วๆนั่น ถ้าจะยกเรื่องการจ้างทำคอมมิชชั่นมา มึงต้องบอกว่าพรีออเดอร์บ๊อกเซ็ตครบจบนะจ๊ะ
ถ้าทำขายแยกทีละเล่ม เลือกรับตังไปทีละนิดแบบนี้ก็เหมือนสัญญาใจกันแหละว่าลูกค้าจะต้องจ่ายตังซื้อให้ครบ และ สนพก็ต้องพิพม์ให้จบ เมื่อทำไม่ได้จะด้วยเหตุผลอะไร คนผิดหวังเขาก็ระบายด้วยการบ่นนั่นแหละ
>>952 แล้วที่มึงพูดถึงเรื่องนักสะสม นักอ่าน เนี่ย เชิญไปถามนักอ่านทั่วโลกเถอะว่ามีคนไหนบ้างที่ชอบอ่านเนื้อความที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ขาดตอน ข้ามไปมา ///ตลกชิบหาย
ตกลงคิโนะก็ไม่เจ๊งอยู่ดีใช่ไหมกั๊บทำไมกันนะปมอยากยู้
"นักสะสมที่ขายของสะสม เรียกว่านักสะสมได้ไม่เต็มปาก" นิยามแบบนี้หาได้เฉพาะที่โม่ง
ก่อนหน้านี้โม้ว่าเกษียนตัวเองตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 รอบนี้โม้ว่าสะสมเครื่องเพชรและไวน์แถมได้ไปร่วมงานประมูลของต่างประเทศด้วย
เหยดแหม่
ตอนนี้กูอยากขายหนังสือการ์ตูนหลายๆเรื่องในบ้านว่ะ รก เสียดายตังค์
จะเก็บเฉพาะเรื่องที่ชอบจริงๆ ตอนละอ่อนเเม่งซื้อดะ
คนที่เอาของสะสมมาขาย ก็ใช่ว่าแม่งจะสิ้นไร้ไม้ตอกอะไร เขาขายกันเป็นเรื่องปกติ ขายแล้วก็เปลี่ยนไปซื้ออย่างอื่นต่อ
มึงก็รู้ ที่นี่ประเทศโม่ง
ใครจะน้ำลายแตกฟองแค่ไหนก็ได้
เอาแบบระดับจุลภาคสัสๆก่อนละกัน คนที่สะสมการ์ตูนลิขสิทธิ์รุ่น25บาท(หรือการ์ตูนเถื่อนเล่มละ10-15บาทสมัยก่อนก็ได้) แล้วเข็นออกจากกรุมาขายกันเป็นแถว มึงคิดว่าอะไรล่ะ เค้าไม่ใช่นักสะสมเหรอ หรือเค้าบ้านจนต้องขายการ์ตูนกิน คำตอบมันง่ายนิดเดียว "ขายเมื่ออยากจะขาย"
เอาแบบผู้ใหญ่ๆหน่อยก็ได้ นาฬิกาข้อมือ ขายกันเป็นว่าเล่น พวกนี้บางคนที่บ้านมีเป็นพันเรือน! กูพิมพ์ไม่ผิด พันกว่าเรือนจริงๆ แบบละเรือนด้วย เค้ายังขายกันได้ นักสะสมบ้างครั้งก็ขายให่้คนที่ถูกชะตาก็มี ไม่ใช่เรื่องเก็งกำไรอย่างเดียว
คลุกคลีกับวงการประมูลและนักสะสม ยิ่งต้องรู้นิว่า purpose ของการสะสมมันแตกต่างกันไป คนที่สะสมไว้เชยชมเองไม่คิดจะเอาออกขายมันก็มี จะไม่ยอมรับคนกลุ่มนี้เป็นนักสะสมเรอะ?
ในทาฃกลับกันคยที่สะสม แล้ววันดีคืนดีนึกอยากปล่อยขาย เพื่อทำกำไร เพื่อประมูลการกุศล ไรก็มี
อย่าไปตีกรอบให้มันมากนัก
คิดว่ามันเริ่มมาจากวลีสะสมของต้องมีคลาสนั่นละ มาหย่อนเบ็ดไว้ให้ตีกัน
ใครไคร่เก็บๆ จะเก็บคลาสสูงต่ำ จะขายไม่ขาย ไม่ต้องตีกรอบให้มาก จบ
971มันบอกว่า นักสะสมไม่ได้สะสมไว้เพื่อทำกำไร ก็เลยช่วยบอกให้รู้ว่า ในโลกเค้าทำกันเป็นเรื่องปกติ
นักเล่นพระที่จริงก็เป็นนักสะสมแบบนึง ใกล้ตัวสัสๆแบบจับต้องได้ไม่ต้องถ่อไปถึงเมืองนอก ถามว่านักเล่นพระเค้าขาย(ให้เช่า)พระกันไหม ขายสิวะ อย่างกับหุ้นเลยแหละ ขายแพงเสร็จแล้วไปหาซื้อใหม่ถูกๆมาเก็บ
พระเครื่องก็เหมือน bitcoin
คิระ โยชิคาเงะ สะสมเศษเล็บขายได้มั้ยวะ
ไอ้ห่า กูกลับมาอีกที แม่งยังโชว์เหนือไม่เลิก เห้อ...
ใน >>941 และ >>964 กูบอกว่า ไม่ว่ามึงจะเก็บอะไรเป็นเรื่องเป็นราวก็เรียกว่า สะสมสมได้ และ กูก็ "ตั้งคำถาม" ถึงการเก็บมาขาย "เพื่อเก็งกำไร" ว่าเป็นการสะสมจริง ๆ หรือไม่ โอเค กูอาจไม่ได้พูดว่า "ในเชิงคุณค่า" ให้มันชัดเจน แต่นั่นคือความหมายที่กูต้องการจะสื่อ มันก็แค่นั้นเอง กูไม่ได้หมายความว่าการที่มึงเอาของๆมึงมาขาย แล้วจะไม่ใช่ "นักสะสม" อีกต่อไป บ้าบอชิบหาย
พอโดนคลึงไข่เข้าหน่อย ตีความสาส์นไม่ถูก ก็ทำเป็นวี้ดว้าย นี่กูอุตสาห์ไม่ต่อประเด็นที่มึงปฏิเสธการสะสมของโลว์ ๆ ว่าไม่ใช่การสะสมใน >>933 แล้วนะ
ไอ้ชิบหาย หลุดประเด็นมาจากหัวกระทู้โคตร ๆ
ผ่านมา3ไตรมาสอมรินขาดทุนไป185ล้าน แต่ก็ถือว่าขาดทุนน้อยกว่าปีที่แล้วขาดทุนล่อไป628ล้าน แต่เค้าน่าจะเอาดีทางโทรทัศน์เป็นหลักแล้ว ยิ่งหลังจากการขายหุ้นให้เครือเสี่ยเจริญยิ่งเห็นได้ชัด ส่วนบริษัทร่วมทุนกับนกย่าง กูเดาเอาเองว่าวันหน้ามีสิทธิ์ขายหุ้นให้ญี่ปุ่นทั้งหมด เพราะเสี่ยคงไม่อยากทำธุรกิจสิ่งพิมพ์(โดยเฉพาะการ์ตูนกับนิยาย)นักหรอก เหมือนได้ของแถมมามากกว่า
หุ้นอมรินทร์นี่ไม่ใช่ว่าส่วนนึง วัง ถืออยู่เรอะ?
ถามทางหน่อย มู้ที่พูดคุยพวกเว็บอ่านการ์ตูนทั้งหลายแหล่อยู่ที่มู้ไหน
<<< สยาม >>>
** วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2560**
คุโรซากิ บริษัทรับส่งศพ(ไม่)จำกัด เล่ม 21 (จบ)
มาซักที แม่งงงงง
>>990 >>995 >>>/netwatch/4441/ คำเตือน - เน้นการด่าจิกกัดแขวะมากกว่าพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นดีๆ
ไม่มีไอพวกมังงะรายสัปดาห์เหรอ
จะไปละน้าาาาา
ฉลองมู้ใหม่เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.