Fanboi Channel

สมมุติฐาน
- กูลกับคนมีลูกด้วยกันได้โดยไม่เป็นหมัน แสดงว่าสปีซีย์เดียวกัน แต่คนละซับสปีซีย์ ดังนั้น กูล =Homo sapiens ที่สร้างRCได้(สมมุติว่าชื่อ Homo spiens ghoulisไว้ก่อน)-> การได้รับอวัยวะสร้างRCสามารถทำให้กลายเป็นกูลได้แม้ว่าพื้นฐานพันธุกรรมเป็น Homo sapiens sapiensก็ตาม
- ความสามารถในการสร้างRC ไม่ถ่ายทอดทางโครโมโซมYหรือMitochondria (ข้อยืนยัน 1. เจ้าของร้านสืบทอดความเป็นกูลให้เอโตะได้ ดังนั้นไม่ใช่Y 2. แม่เป็นคนแต่ลูกเป็นกูลได้ ดังนั้นไม่เกี่ยวกับmitochondria)
- ความสามารถในการสร้างRC ไม่ถ่ายทอดทางโครโมโซมX

ดังนั้นในแง่พันธุศาสตร์ ถ้าการปลูกถ่ายคากุเนะไม่ไปเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของกิด้วย อสุจิของกิถือเป็นอสุจิมนุษย์

>>890 นะ
ลืมพิมพ์ต่อให้จบ
- ความสามารถในการสร้างRC ไม่ถ่ายทอดทางโครโมโซมX ข้อยืนยันคือเด็กสวนฯ ถ้าเป็นX-dominant ลูกสาวทุกคนของประธานวาชู(กับมนุษย์)ต้องเป็นกูล ดังนั้นจะไม่มีเด็กสวนฯที่เป็นผู้หญิง แต่ถ้าเป็นX-recessive ลูกชายทุกคนคนจะต้องเป็นคนธรรมดา(ไม่ใช่จะคนก็ใช่จะกูลก็ไม่แบบอาริมะ)

ความสามารถในการสร้างRC ถ่ายทอดทางSomatic chromosome ซตพ.

>>890 >>891 แบบนี้จะถือว่าความสามารถในการสร้าง RC (คาคุโฮ-คากุเนะ) ถือเป็นยีนด้อยได้รึเปล่า เพราะเด็กไม่ได้เกิดมาเป็นกูลทุกคนไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แสดงว่าต้องมียีนเด่นอย่างอื่นข่มไว้ไม่ให้แสดงลักษณะออกมา หรือแสดงออกมาก็น้อยมากไม่เท่ากูลแท้

>>892 กฏเมนเดลจะใช้ได้ดีกรณีเป็นยีนเดี่ยวที่มันเป็นยีนเดี่ยว แต่จากที่เห็นในเรื่อง(คากุเนะหลายสาย กูลตัวเดียวมีคากุเนะสองแบบ เด็กสวนที่กูลไม่ใช่คนไม่เชิง) มันน่าจะมียีนหลายตัวทำงานร่วมกัน เผลอๆจะไม่ได้อยู่ในโครโมโซมคู่เดียวกันอีก เผลอๆจะมีเรื่องCo-dominant (ยีนเด่นคู่ เช่นหมู่เลือดAB)อีก

แต่ไม่ว่าไง ถ้าการปลูกถ่ายคากุเนะไม่ไปเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในอสุจิ ลูกโทวกิจะเป็นครึ่งกูลแน่นอน แต่จะค่อนทางกูลเหมือนเอโตะหรือจะค่อนทางคนเหมือนเด็กสวนนี่ตอบไม่ได้

อ่านทวน คนปกติก็มีRCนิ แต่ปริมาณน้อยมาก แล้วก็มีน้องของฟันแหลมที่เป็นโรคสร้างRCเกินขนาด

แสดงว่าการเป็นกูลนอกจากจะสร้างRCได้ปริมาณมากแล้วยังต้องสามารถregulate RCได้ด้วย และยีนที่ควบคุมปริมาณRCกับยีนที่regulate RCไม่เกี่ยวกัน คงไม่ใช่ยีนเดี่ยวแล้วล่ะงานนี้