สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะครับ นิทานตอนที่4มาแล้วนะครับ
ย้ำให้รับฟังกันอีกทีนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งนะครับ ไม่มีบุคคลหรือบริษัทใดๆหรือหมู่บ้านไหนที่เป็นเรื่องจริงนะครับ
ตอนนี้จะมาแจ้งถึงสถานการณ์ล่าสุดของหมู่บ้านหลังคาแดงให้เพื่อนๆได้ฟังกันนะครับ
ตอนนี้ เนื่องจากผู้ขายนุ่นให้ ยื่นคำขาดว่า ถ้าจะซื้อนุ่นจากเค้า จะต้องซื้อแบบ"เงินสด"เท่านั้น
และสถานการณ์ภายในหมู่บ้านนี้อย่างที่ทราบกันว่าการเงินเข้าขั้นย่ำแย่ ถึงขนาดต้องไปขอยืมเงินเจ้าของนุ่นเป็นจำนวนถึง2ล้าน เพื่อเป็นค่านุ่นที่จะผลิตตุ๊กตา และอีกส่วนหนึ่งเอาไปให้กับลูกบ้านที่ผลิตตุ๊กตา ซึ่งแน่นอนว่าผู้ขายนุ่นไม่ให้ยืม
หัวหน้าหมู่บ้านจึงต้องแก้ปัญหาโดยการ ลดจำนวนคนในหมู่บ้านให้น้อยลง จากคนที่เคยอยู่กว่า500หลังคาเรือน ณ ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ50หลังคาเรือนเท่านั้น รถที่เอาไว้ขนตุ๊กตาเองจากที่เคยมีกว่า10คัน ตอนนี้เหลือคันเดียว และลูกบ้านที่จะขับรถก็เหลือคนเดียวแล้ว(ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่าเลย) วิธีการลดจำนวนคนในหมู่บ้านคือ จำกัดการทำงาน โดยให้เงินเดือนเท่ากับเงินเดือนขั้นต่ำต่อวัน โดยให้ทำงานเพียงวันจันทร์-ศุกร์ ไม่มีโอทีทุกกรณี ใครที่อยู่ได้ก็อยู่ไป คนที่อยู่ไม่ไหวก็ขอลาออกกันไป ขณะนี้เท่าที่ทราบมาคือฝ่ายขายตุ๊กตานั้น เหลือเพียงแค่คนเดียวเช่นกัน ลูกบ้านที่ถูกส่งออกมานอกหมู่บ้าน จากที่มีหลายที่ ที่ละหลายๆคน ขณะนี้ก็ถูกยุบเหลือเพียงสองที่เท่านั้น ที่หนึ่งคือที่ที่เป็นสถานที่ขายส่งของตุ๊กตานุ่นของทุกๆหมู่บ้านจะมารวมตัวกัน ที่ตรงนี้เมื่อก่อนมีคนในหมู่บ้านนี้เกือบสิบคน แต่ปัจจุบันมีเหลือสองคน และหนึ่งในสองนั้นจะออกจากหมู่บ้านนี้ตอนสิ้นเดือนนี้ ส่วนอีกที่นึงจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าแถบชานเมือง อันนี้ก็มีเรื่องเล่าเช่นกัน
รายได้หลักของหมู่บ้านนี้อีกอย่างหนึ่งคือ ให้เช่าพื้นที่ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ โดยมีทั้งหมด(เท่าที่ทราบ)2สาขา 1คือแถบชานเมืองใกล้คุก 2คือเลียบคลองน้ำเน่าชื่อมีอาหารใต้เป็นส่วนประกอบ โดยได้ค่าเช่าแห่งละกว่า2แสนบาท และร้านขายตุ๊กตาที่อยู่ชานเมืองกำลังจะต้องซอยห้อง เพื่อให้ได้ค่าเช่าเพิ่มเติม
บางคนอาจจะสงสัยเพิ่มเติม ทำไมช่วงนี้มีตุ๊กตานุ่นออกมาขายในตลาดบ้างแล้ว ขอแจ้งให้ทราบตรงนี้เลยครับ รายได้ที่นำมาซื้อนุ่นนั้น หลักๆคือเพราะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายคนในหมู่บ้าน และรายได้อีกอย่างนึงคือ รายได้จากการขายตุ๊กตากระดาษ จึงสามารถนำมาซื้อนุ่นเพื่อทำตุ๊กตานุ่นได้ และขายในราคาที่แพงขึ้นกว่าเดิมเพื่อจะได้มีเงินหมุนไปซื้อนุ่นมาเพิ่มได้ สำหรับแฟนๆตุ๊กตานุ่นทั้งหลาย ถ้าอยากให้ตุ๊กตานุ่นของท่านๆทั้งหลายไม่ถูกส่งไปทะเล ก็ต้องช่วยกันลุ้นให้มีคนซื้อตุ๊กตากระดาษกันเยอะๆเพื่อจะมีเงินไปซื้อนุ่นกันนะครับ ไม่เช่นนั้นมั่นใจได้ว่า ตุ๊กตาได้ไปเที่ยวทะเลแน่นอน
สุดท้ายนี้ผมขอฝากไปถึงชาย"ในหน้ากาก"หน่อยนะครับ
สิ่งที่คุณทำอยู่นั้น คุณทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อองค์กรของคุณกันครับ
คนที่อยู่ในองค์กรมานานอย่างคุณ ผมเชื่อว่าในวงการน่ะ คุณน่าจะรู้เรื่องอยู่บ้าง สิ่งที่เป็นช่องโหว่ขององค์กรของคุณก็น่าจะทราบพอสมควร แต่คุณไม่ได้ดำเนินการใดๆเพื่อให้มันดีขึ้นเลย แล้วพอองค์กรของคุณมันแย่ มันตกต่ำ คุณก็มานั่งบ่นเหมือนตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ แต่คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างไหม คนที่เค้าเป็น"เหยื่อ"ขององค์กรของคุณ คนที่เค้าสนับสนุนคุณมา บางคนสนับสนุนกันมาเกิน20ปี แต่ต้องมาโดนหักหลังจากการกระทำแย่ๆอย่างที่คุณกำลังทำอยู่
ตัวคุณเองก็ต้องอยู่ในสถานะ"ผู้บริโภค"ในด้านอื่นๆด้วย เคยคิดไหมว่าถ้าคุณเป็น"ผู้บริโภค"แล้วเจอการกระทำของ"ผู้ผลิต" เช่นนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร ช่วยเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วยนะครับ ไม่ใช่อะไรๆก็ให้คนอื่นเค้ารออย่างมีความหวัง แล้วผลัดเวลาไปเรื่อยๆ คนรอไม่มีใครเค้ารู้สึกดีหรอก อย่าให้ผมต้องพูดอะไรมากกว่านี้เลย ผมรู้ คุณก็เข้ามาอ่าน
........
ในวันนี้นิทานที่จะเขียนได้ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะครับ
ถึงนิทานจะจบแล้ว แต่ในชีวิตจริงยังดำเนินกันต่อไปนะครับ ซึ่งยังจะไม่สามารถฟันธงได้นะครับว่าในชีวิตจริงนั้น เรื่องราวจะจบเมื่อไหร่ แต่ถ้าถามผู้เขียนเองน่าจะเร็วๆนี้ล่ะครับ ยังไงเพื่อนๆก็ลองติดตามดูนะครับ ว่าในโลกความจริงนี้ จุดจบจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ติดตามกันด้วยใจระทึกกันต่อไป บอกใบ้ให้นิดนึงว่ามีข่าวว่าลูกบ้านที่กลับบ้านกันช่วงปีใหม่จะมีหลายคนอยู่ที่ไม่กลับมาหมู่บ้านนี้อีกแล้ว