(ต่อ)
อย่างที่ได้พูดถึงวิธีการขายจากสำนักพิมพ์ไปแล้ว สิ่งสำคัญของกรณีที่จะกล่าวถึงคือ"การคืน" ซึ่งหนังสือที่ถูกขโมยจากทั้งร้านมือหนึ่งและจากสำนักพิมพ์เอง ที่ได้มาอยู่ในร้านขายหนังสือ50%เองนั้น ได้ถูกกลุ่มคนที่สามารถคืนหนังสือ(เพื่อความปลอดภัยขอไม่ระบุว่ามีกลุ่มคนกลุ่มไหนบ้างนะครับ) ได้ซื้อหนังสือขโมยในราคา50% และนำไปตีคืนโดยได้ราคา70% ถึงแม้บางครั้งจะไม่สามารถตีคืนได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถทบไปคืนในรอบต่อไปได้ ซึ่งกลุ่มคนกลุ่มนี้คือลูกค้าชั้นดีของร้านที่รับหนังสือขโมยเลยทีเดียว ซื้อกันเดือนนึงหลักหมื่นบาท(ซื้อที่ราคา45-50%)
และหลายคนอาจเกิดคำถาม ทำไมเราซื้อหนังสือใหม่ แต่พอแกะซีลออกมา หนังสือที่ได้กลับเป็นหนังสือร้านเช่า มีรอยเทป บางเล่มมีรอยปั๊มตราร้านด้วยซ้ำ ผมจะไขข้อข้องใจให้ทราบนะครับ
เนื่องจากกลุ่มคนดังกล่าว รู้จักกันดีกับร้านหนังสือมือสอง ดังนั้น จึงมีการสั่งออเดอร์กับทางร้านไว้ว่า ถ้ามีหนังสือปกใหม่เข้ามา(ก่อนหน้าสั่งปกราคา45บาท ช่วงหลังต้อง50-55บาทเท่านั้น ส่วนของค่ายลาดพร้าวให้ดูโลโก้ตรงหัวเล่ม ถ้าโลโก้เก่าทางสำนักพิมพ์ไม่รับคืน) โดยนักอ่านหรือพ่อค้าที่เข้าตามร้านมือสองจะเห็นบ่อยๆว่ามีการเก็บหนังสือใหม่ๆใส่ถุงไว้ให้คนกลุ่มนี้ เพราะกลุ่มนี้กำลังซื้อสูงมาก แทบจะเรียกได้ว่าไม่จำกัดเลย ขอเพียงให้มีของให้เค้าได้เท่านั้น
ต่อมาทุกท่านคงจะเกิดคำถามต่ออีกว่า เค้าเอาหนังสือมือสอง ไปทำให้เป็นหนังสือใหม่ได้อย่างไร ผมจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
หลักๆที่ทุกคนเห็น ค่ายที่สุขุมวิทเองนั้น แค่เพียงใส่ถุงแล้วรีด ซึ่งตั้งแต่แรกนั้น ถุงไซส์นี้คือถุงร้อนที่สั่งทำเฉพาะ (เป็นถุงร้อนเบอร์5.5x9นิ้ว) ซึ่งแทบไม่สามารถพบเจอตามร้านขายพลาสติกทั่วไป แต่ ช่วงหลังๆมา ได้มีการผลิตถุงร้อนไซส์นี้ออกมาจำนวนมาก แต่สถานที่ขายยังมีอยู่ไม่กี่แห่ง แต่ไม่กี่แห่งที่ว่าก็ถูกรับรู้โดยกลุ่มคนที่เอาไปตีคืนได้ ซึ่งเรื่องนี้ค่ายสุขุมวิทเองก็ทราบเรื่องแล้วเพราะมีคนบอกไปหลายครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรแม้แต่น้อย
แล้วค่ายใหญ่แถวบางนากับลาดพร้าวล่ะ เค้าไม่ได้ใส่ถุงเหมือนค่ายสุขุมวิทนะ จะโดนเหมือนกันหรือเปล่า คำตอบคือ โดนเหมือนกันครับ เพราะกลุ่มคนกลุ่มนี้ ด้วยจำนวนที่คืนมีค่อนข้างเยอะ เค้าเลยใช้วิธีรวมกลุ่มกันแล้วไปจ้างโรงงานพลาสติก ให้ทำถุงให้ เพราะเนื่องจากรวมกลุ่มกัน ทำให้จำนวนเยอะราคาต่อหน่วยจึงถูกลง
และหนังสือที่มีการตีคืนนี้ก็ได้กลับเข้าสู่โกดังของแต่ละสำนักพิมพ์อีกครั้งเพื่อรอออกมาขายใหม่ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนซื้อหนังสือใหม่ แต่ได้เป็นหนังสือเช่า หรือหนังสือมือสอง มีรอยปากกา รอยนั่นนี่เต็มไปหมด
ดังนั้นเมื่อเรารู้ปัญหาของสำนักพิมพ์แล้ว ส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเพื่อให้สำนักพิมพ์หลายๆแห่งอยู่รอดคือ ต้องช่วยกันรณรงค์ไม่ซื้อของที่ยังอยู่ในซีลจากร้านมือสองครับ เพราะนั่นไม่ต่างกับการสนับสนุนให้มีการขโมยหนังสือมาขาย จริงๆร้านที่ว่าก็มีเหลืออยู่ไม่กี่แห่งล่ะครับ ผมเชื่อว่านักอ่านหลายๆท่านหรือพ่อค้าหลายๆท่านต่างก็ทราบ แต่ด้วยเพราะมันเป็นหนังสือใหม่ ขายง่าย(สำหรับพ่อค้า)หรือคุ้มที่ซื้อหนังสือใหม่ได้แค่ครึ่งราคา นั่นคือคุณได้สนับสนุนกลุ่มคนกลุ่มนี้และได้ทำลายวงการการ์ตูนที่คุณรักไปแล้ว ส่วนตัวผมเองเมื่อก่อนยอมรับว่าซื้อมาบ้าง แต่มาตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดจึงหยุดซื้อมาหลายปีแล้ว แต่ท้ายที่สุดวงการการ์ตูนก็ยังมาถึงจุดนี้ จึงอยากให้ทุกคนได้ช่วยกันแสดงออก อย่างน้อยก็แชร์ออกไปให้เพื่อนๆของเราได้รับรู้และหยุดอุดหนุนของขโมย
ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายนะครับ การเปลี่ยนแปลงในวงการและอนาคตที่ผมคิดไว้
ก่อนจาก ฝากกลุ่มของแฟนๆผู้รักการ์ตูนแบบ"เล่ม" มาร่วมแสดงพลังกับพวกเราได้นะครับ
กลุ่มVoice Of Manga Fans(VOMF) ลิ้งค์ในเม้นนะครับ