เชี่ย โทรลคุงอินสไปร์จนกูทิ้งงานมาแต่งฟิกเลย
ในบอร์ด : 830 x โทรล
ในชีวิตจริง : ยาซาโอะ (พี่ชายใจดีข้างห้องที่โทรลคุงไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกับ 830) x โทรุ (ชื่อจริงในโลก 3D)
-----
'ขยะฟุทำตัวขยะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะครับ'
นิ้วขาวซีดเพราะไม่ค่อยออกแดดรัวข้อความกวนประสาทลงบนแป้นพิมพ์
ภายในห้องมืดสลัวซึ่งมีเพียงแสงจากจอโน้ตบุ๊ค เด็กหนุ่มแสยะยิ้มแล้วขยับแว่นกรอบหนา สายตาจับจ้องหน้าจอรอข้อความตอบกลับบนบอร์ดโม่ง
นี่ไม่ใช่บอร์ดเดียวที่เขาขยันไปป่วน เขายังมีหลายสิบไอดีเพื่อใช้ล็อกอินในสารพัดบอร์ด
แต่ทุกแห่งเรียกเขาด้วยชื่อเดียวกัน นั่นคือ "โทรล"
ถ้าจะถามว่าเขาทำแบบบนี้แล้วได้อะไร
คำตอบแรกคือ ความสะใจ ยิ่งได้ยั่วยุขัดจังหวะตอนใครหลายคนกำลังคุยกัน มันทำให้เลือดสูบฉีดยิ่งกว่าอะไร
อีกความรู้สึกหนึ่ง เขาก็บรรยายไม่ถูก มันร้อนวาบไปทั้งตัวเมื่อได้เห็นข้อความด่าทอ ยิ่งคำพูดเจ็บแสบเท่าไร กลางลำตัวเขาก็ร้อนผ่าว บางครั้งถึงกับหลุดเสียงหอบแฮ่กอยู่หน้าจอคนเดียว
อย่างน้อยตอนคุณหันมาพิมพ์ข้อความด่า ในหัวคุณก็มีแต่เรื่องของผมใช่ไหม
ด่าผม สนใจแต่ผมคนเดียว... แค่คิดอย่างนั้น หนุ่มโทรลก็สั่นระริกไปถึงปลายนิ้ว
ไหนดูสิว่าโม่งขยะฟุวันนี้จะมีข้อความหฤหรรษ์แบบไหนถึงเขา เร็วสิ พิมพ์มาเร็วเข้า
...
...
ผิดคาด วันนี้ยายขยะฟุเอาแต่หัวเราะแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
น่าเบื่อชะมัด เขาส่ายศีรษะสลัดผมที่เริ่มยาวปรกหน้า
แต่ที่สลัดไม่หลุดคือความร้อนที่คั่งค้างอยู่ในตัว มันน่าหงุดหงิดจนเขาต้องเลื่อนเมาส์จะเข้าบอร์ดอื่นแทน
ทันใดนั้น ฝั่งขวาของหน้าจอพลันปรากฏข้อความแช็ทจากบุคคลนิรนาม
'ไง โทรลคุง'
มันเป็นระบบสนทนาส่วนตัวของอีกบอร์ดที่เขาสมัครและล็อกอินทิ้งไว้เช่นกัน
บ่อยครั้งที่จะมีข้อความหรือคนแปลกหน้ามาทักหลังเขาเข้าไปป่วนตามกระทู้ต่าง ๆ ซึ่งหนุ่มโทรลมีวิธีจัดการแบบเดียวกันคือเพิกเฉย
'วันนี้สาวฟุเย็นชากับนายจังเลยนะ'
'เหงาแย่เลย โทรลคุง'
ไร้สาระ เขาสบถในใจโดยไม่คิดจะพิมพ์ตอบ แต่ในหัวพลันเกิดข้อสงสัยหนึ่ง
หมอนี่ (หรือยายนี่ ?) รู้ได้ยังไงว่าเขาเพิ่งเข้าบอร์ดโม่ง ไหนว่ามันเป็นบอร์ดนิรนามที่แทร็กร่องรอยไม่ได้
'คุณเป็นใคร ว่างมากเหรอ อยู่ให้รกโลกไปทำไมครับ'
'ฉันเหรอ หึๆ เรียกฉันว่า 830 ก็แล้วกัน'
'น่าสงสารจัง แต่พวกผู้หญิงทำให้นายพอใจไม่ได้หรอก'
คราวนี้โทรลหนุ่มแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายคือ "หมอนี่"
แต่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย คำตอบของเขาก็ไม่ต่างกันเท่าไร 'เลิกสะเออะเรื่องชาวบ้าน แล้วเชิญกลับเข้าห้องเอโรมังกะของคุณได้แล้วครับ สวัสดี'
ข้อความของฝ่ายตรงข้ามยังเด้งขึ้นมาราวกับไม่ยี่หระ
'เหรอ แต่ฉันมีอะไรสนุกกว่านั้นให้ทำนี่นา'
'ฉันรู้ด้วยว่าตอนนี้นายกำลังร้อนไปทั้งตัว'
'ทรมานใช่ไหม ที่หาทางปลดปล่อยไม่ได้'
'เหงาใช่ไหมที่ไม่มีใครสนใจ'
ใครบอกว่าเขาเหงา ! ไอ้ 830 นี่ไม่รู้อะไรแล้วมาพูด
โทรลหนุ่มหัวเสียเลื่อนเมาส์จะรีบปิดกล่องสนทนา แต่ข้อความใหม่ชิงเด้งขึ้นมา
'แต่ฉันคิดถึงนายอยู่'
มือเกิดชะงักเอาดื้อ ๆ บ้าเอ๊ย ทำไมใจเขาต้องเต้นรัวกับคำพูดแค่นี้ด้วยนะ
ฝ่ายที่อยู่หน้าจออีกฟากยังรุกต่อราวกับอ่านปฏิกิริยาของเขาออก
'ฉันกำลังคิดถึงนายคนเดียว'
'นายคงกำลังค้าง ทำไมไม่ลองเอามือไปสัมผัสตรงนั้นล่ะ'
'เลื่อนมือไป แต่อย่าเพิ่งสัมผัสตรง ๆ นะ ค่อย ๆ ลูบบนกางเกง'
มือซ้ายที่ว่างอยู่เริ่มขยับตามราวต้องมนต์ ทั้งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มสบาย แต่ไม่รู้ทำไมปลายเท้าเริ่มสั่นเกร็ง
'ใช่ โทรลคุง มันร้อนกว่าเดิมแต่รู้สึกดีขึ้นใช่ไหม นายมันขยะ ที่ร่านเรียกร้องความสนใจก็เพราะชอบแบบนี้'
"อึ๊ก..." ปลายนิ้วเร่งเล้าโลมผ่านเนื้อผ้ายีนส์ แต่กลับไม่ถึงจุดที่ต้องการ
'ลองนึกว่ามันเป็นมือฉัน'
'ใช่ ถ้าเป็นฉันจะเริ่มสอดมือเข้าไปในกางเกง ใช้เล็บจิกตรงนั้นเบา ๆ'
แม้สองตาหม่นมัวเพราะถูกเร้าด้วยแรงใคร่ แต่พอเหลือบเห็นข้อความนั้น มือก็เร่งขยับตาม
"...ไอ้บ้า เอ๊ย..."
หนุ่มโทรลอยากพิมพ์ด่า แต่ตอนนี้กระทั่งมือขวายังต้องละจากเมาส์มายันโต๊ะ ไม่อย่างนั้นคงตัวงอจนลงไปกองกับพื้น
ทว่าสายตากลับไม่ยอมละจากคำสั่งที่เลื่อนปรากฎบนหน้าจอ ในหัวหมุนติ้วเกินกว่าจะคิดถึงเหตุผล ขณะที่มือยังรูดเร้าผ่านจุดอ่อนไหว
"อึ๊...ฮึก...อ๊าาา..."
ไม่นานนัก ในห้องสลัวก็คลุ้งด้วยกลิ่นและกลิ่นคาวเฉพาะตัว หนุ่มโทรลหอบแฮ่กอยู่สองสามครั้ง พอตั้งสติได้ก็รีบคว้าทิชชู่มาเช็ดคราบเหนียวบนมือ แล้วพรมนิ้วที่ยังอุ่นชื้นบนคีย์บอร์ด
'ไอ้โรคจิต คุณมันขยะยิ่งกว่าขยะ'
'อ้าว มือว่างมาพิมพ์ แสดงว่าเสร็จแล้วสิ ไวจังนะ โทรลคุง นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำเลย'
ว่าไงนะ ไอ้โรคจิตกวนประสาทนี่หาว่าเขาเสร็จเร็วเรอะ ! เดี๋ยวพ่อด่าให้
แต่ยังไม่ทันจะทำอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ชิงทิ้งข้อความสุดท้าย
'ไว้จะมาเล่นด้วยใหม่นะ โทรลคุง บัย'