สรุปสั้น ๆ คนที่ไม่ชอบ ai = คนที่ทำงานไม่ได้คุณภาพ
"ในวันที่ AI เริ่มเข้ามา ช่างภาพ นักวาด ศิลปินหลายคนก็คงมีความคิดเห็นเรื่องนี้ต่างกันไป อยากแชร์มุมมองส่วนตัวดังนี้
การสร้างผลงาน Visual ขึ้นมานั้น งานแต่ละงานมีคุณค่าที่ต่างกันไป และเหมาะที่จะอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างกัน
เวลานี้อาจจะเป็นเวลาที่ดีในการกลับไปถามตัวเองว่า เราคิดเห็นอย่างไรกับภาพวาด ภาพถ่าย ศิลปกรรม ดิจิตอล ฯลฯ
เมื่อพูดถึงภาพถ่าย สำหรับผม คุณค่าของมัน อยู่ที่การผูกติดกับสิ่งที่เราเห็น หรือความรู้สึกต่อสิ่งนั้น มันมีความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเป็นรากฐาน เป็นสัจจะวัสดุ ซึ่งอาจจะเติบโตร่วมไปกับความงาม ความคิดสร้างสรรค์ หรือ มีสารที่จะต้องการสื่อไปยังผู้คน แต่ปราศจากความเป็นจริงแล้ว ภาพถ่ายก็ไม่สามารถเป็นภาพถ่าย
ภาพวาดนั้น มีคุณค่าอยู่ที่จินตนาการและร่องรอยของคนสร้างงานที่ทิ้งไว้ในงาน ต่างกับภาพถ่ายคือมันไม่ยึดอยู่กับความจริงใดๆ นอกจากความจริงภายในของศิลปินผู้สร้าง แม้ว่าผู้สร้างจะวาดสิ่งที่มีอยู่ หรือไม่มี ภาพวาดจะมีคุณค่า นอกจากความงามและงานฝีมือแล้ว ร่องรอยตัวตน สไตล์ หรือที่บางคนเรียกว่าจิตวิญญาณของคนสร้าง คือสิ่งสำคัญที่จะบอกได้ว่าภาพวาด หรืองานศิลปะนั้นเป็นงานศิลปะหรือไม่ และเป็นงานที่มีคุณค่าหรือไม่ มันจะขาดความจริงภายในของคนสร้างไปไม่ได้
ส่วนภาพสังเคราะห์จากคอม คุณค่ามันอยู่ที่ไหน ตอนนี้อาจจะยังอยู่ในช่วงฝุ่นตลบ ยังจับต้องอะไรชัดเจนไม่ได้ ถ้าเทียบกับภาพวาดที่มีมาหลายพันปี หรือภาพถ่ายที่เกิดมานับร้อยปี ภาพจาก AI อาจจะยังมีความคลุมเครือ แต่ที่เห็นชัดตอนนี้คือ มันเข้าไปแทนที่ภาพถ่ายและภาพวาดในแง่ของการสื่อสารเพื่อการพาณิชย์ได้ เรียกง่ายๆ ว่าภาพโฆษณานั่นแหละ เพราะภาพโฆษณาเอง ไม่ว่าจะถ่ายหรือวาด ก็ละทิ้งเรื่องของความจริงที่แท้ และความจริงภายใน จะมีก็เพียงความจริงในเชิงการนำเสนอสารที่ผู้ที่เป็นเจ้าของสินค้าบริการอยากเสนอ AI จึงเข้าไปอยู่ในตลาดนี้ได้อย่างพอดี
ดังนั้น ถ้าคุณเป็นนักถ่ายภาพ ยึดความจริงไว้ มันคือหัวใจของงานที่ AI ทำอะไรไม่ได้ ถ้าคุณเป็นนักวาด เป็นจิตรกร ยึดตัวตน และโลกภายในของคุณไว้ AI ไม่สามารถดึงข้อมูลในใจคุณได้ ถ้าคุณเป็นคนสร้างภาพที่ไม่อิงทั้งความจริงและจินตนาการในโลกส่วนตัว ... ถึงเวลาเรียนรู้กับ AI ได้แล้ว"