>>100 การฟาร์มของเสียเวลาก็จริง แต่มันคือ Activity ที่ทำให้เกมมันมีชีวิตอยู่น่ะ
ลองคิดดูว่าเกมมีแค่ Login เข้ามาเก็บ Daily quest เล่นเสร็จแล้วออกไป เกมมันจะมีอะไรล่ะนอกจากเข้ามาตีมอนวิ่งเควสแป๊บๆ แล้วออกไป
กลับกันเกมที่ต้องฟาร์มของ ฟาร์มไอเทม จะทำให้ผู้เล่นมี Progression ในการพัฒนาตัวละครให้เก่งขึ้นเพื่อไปเคลียร์ดันเจี้ยนหรือบอสยากๆ ทำให้เศรษฐกิจในเกมเดินจากการแลกเปลี่ยนทรัพยากรกัน มีการตั้งกลุ่มไปฟาร์มหาของมาขายป้อนตลาด เกมเก่าๆ บางเกมมีอาชีพสาย Craft ก็จะมีกลุ่มคนที่เล่นเป็นสายนี้โดยเฉพาะรับซื้อไอเทมมาผลิตแล้วเอาไปวางขายในตลาดอีกที หรือบางเกมต้องตีบวกพึ่งดวง RNG งี้ ก็จำเป็นต้องไปฟาร์มหาทรัพยากรไม่ว่าจะเป็นไอเทมหรือเงินเพื่อมาทำของด้วยกันทั้งนั้น
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้คือเสน่ห์ของเกม MMORPG ยุคบรรพกาล มันจะส่งผลทำให้เกมมันมีชีวีตชีวาและผู้เล่นก็มีอะไรทำมากกว่าเข้ามานั่งเล่นเกม
กลับกันเกมยุคใหม่ๆ พยายามลด Progress ทำนองนี้ลงเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงง่ายขึ้น บางเกมถึงกับสลับอาชีพได้ตลอดทำให้สามารถเล่นสายต่อสู้ + สาย Craft ควบคู่กันไปได้ ซึ่งถามว่า QoL ดีขึ้นมั้ยก็ใช่ แต่มันก็ทำเอาเสน่ห์ MMORPG หายไปเหมือนกัน ยิ่งมายุคปัจจุบันยิ่งแย่ บางเกมคือเติมเงินซื้อเอาเลยจบปิ้ง ทำให้ความเป็น MMORPG ที่ต้องพึ่งหลายๆ คนเล่นด้วยกันเริ่มหมดความสำคัญ จนบางเกมกลายเป็นเกมเล่นคนเดียวที่มีผู้เล่นอื่นวิ่งไปมาเท่านั้นเลย
จำได้สมัยก่อนโน้นเล่น Ro Mu กับ Seal พวกไอเทมตีบวกดรอปทีแทบกรี๊ดลั่นบ้าน เพราะเป็นของแรร์โอกาสดรอปน้อยแล้วขายในตลาดได้ราคาแพง วันไหนตีตกได้มานี่คือนั่งยิ้มเดินตลาดทั้งวันอะ
อีกอย่างสิ่งที่ MMORPG ยุคเก่ามี แต่ยุคใหม่ไม่มีคือระบบ Status ว่ะ
ยุคเก่านี่อิสระเสรีชิบหาย จะอัพ Stats ยังไงก็ได้แล้วแต่ผู้เล่นเลือก แต่พอมายุคหลัง Lineage II ทุกเกมเลย Stats ดันโดนล็อคตามตัวละครเพิ่มลดไม่ได้ซะงั้น ซึ่งในแชงฟรอนถือว่าเป็น MMORPG ยุคเก่าได้เพราะพระเอกมันจงใจอัด Luck เต็มได้นั่นล่ะ