>>444 แต่ตรรกะจักรพรรดิคือง่อยจริง กูขยายความเพิ่มคือ นางเอกมันทำมาการองทับทิมไปพรีเซ้นในวัง ตั้งชื่อว่าเอ็มเพอเร้อมาการองและมีสีแดงเหมือนสีผมจักรพรรดิ จักรพรรดิก็เลยถูกใจไปบอกลูกตัวเอง หาข้ออ้างให้เลดี้มาที่วังบ่อยๆสิลูก อย่าปล่อยให้ว่าที่เมียหลุดมือ เลดี้ที่กล้าต่อรองกับพ่อนี่ช่างกล้าหาญ ลูกก็ดูชอบหนิเอาเลยลูกๆ มึงเล่นขายของอยู่รึไงงงงงงงงงงงง!! ถ้าเชฟฝรั่งเศสหนวดเขี้ยวสักคนมาทำขนมพรีเซ้นความเป็นจักรพรรดิ และขอต่อรองขายสินค้าร้านตัวเองแล้วถูกใจป๋านี่ มึงจะจับเชฟคนนั้นมาเป็นเมียลูกมึงมั้ย555555555555555
ไอ้เรื่องเนิร์ฟคนทำอาชีพเดียวกันเพื่อให้นางเอกทะลุเชิดฉายนี่หลายเรื่องล่ะนะพี่เกา ตั้งแต่หนูน้อยลาออกจากปราสาท ที่ทั้งประเทศแม่งเชือดสถาปนิกหมดเกลี้ยง อยู่กันแบบอดสูหลังคารั่วฝ้าถล่ม ช่างไม้ช่างปูนไม่มี รอให้นางเอกมาซ่อมให้ โอ้วววมีแค่คุณเท่านั้น!! ไอ้เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ทำไมมันห้ามทำขนมหวาน? (หรือมันบอกแต่กูจำไม่ได้555) พอห้ามทำปุ๊ปทั้งประเทศก็อดแดกกันสิ รวมถึงประมุขสูงสุดด้วย เป็นถึงจักรพรรดิทั้งทีเสือกได้แดกขนมแห้งๆ ต้องรอให้นางเอกมาชี้ทาง เชฟในวังมีแต่ต้องเป็นลูกไล่นางเอก โอ้วววมีแค่คุณเท่านั้น!!
แล้วเป็นเหี้ยอะไรชอบเล่นใหญ่ไม่เกรงใจความเมคเซนส์ ทั้งโลกคืออยู่กันแบบฟายๆไม่มีหัวคิดเลยใช่มั้ยว่า ของที่แดกเนี่ยเราจะแดกแบบนี้ไปตลอดหรอ ทำไมต้องรอให้คนต่างโลกมาชี้ทาง ถ้าเขียนแค่ดัดแปลงวัตถุดิบที่คนสมัยก่อนมีแต่ไม่เห็นค่ามาทำเฉยๆก็ว้าวแล้วเว้ย เช่น เมื่อก่อนกุ้งล็อสเตอร์เป็นของถูกๆเอาไว้บดเป็นปุ๋ย มึงก็ดัดแปลงใหม่ก็ได้ หรือสมัยก่อนใช้น้ำผึ้งแทนความหวาน มึงก็ใช้น้ำหวานมะพร้าวที่คนในโลกนั้นมองข้ามก็ได้ ไม่เห็นต้องทำตัวเป็นคนแรกของวงการเลยนี่