世界の終わりの世界録<アンコール>
Sekai no Owari no Encore
เมื่อ 300 ปีก่อน วีรบุรุษ “เอลไลน์” หยุดสงครามระหว่างนางฟ้าแห่งแดนสวรรค์ มังกรแห่งพื้นพิภพ และปิศาจจากแดนบาดาล
พร้อมทั้งจบ “สงครามแห่งจุดสิ้นสุด” (終焉戦争) ที่วันเวลาผ่านมา 300 ปี ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสงครามนั้นคืออะไร สู้กับใคร และจบอย่างไร
รู้เพียงแค่โลกถูกบุกโดยอะไรบางอย่าง และวีรบุรุษเป็นผู้หยุดเอาไว้ได้ พร้อมกับสามเจ้าหญิงแห่งสามโลก นางฟ้าเฟียจากแดนสวรรค์
เจ้าหญิงมังกรคิริเช่ และจอมมารเอลิเซ่จากแดนบาดาล ทั้งสามเจ้าหญิงถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเสียชีวิตในสงครามแห่งจุดสิ้นสุด
วีรบุรุษใช้ชีวิตที่เหลือไปกับการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพียงตัวคนเดียว ก่อนจะจบชีวิตลงด้วยวัยไม่ถึง 30 ปี
วันเวลาผ่านจากสงครามได้ 100 ปี นานาประเทศที่พยายามค้นคว้าเรื่องสงครามแห่งจุดสิ้นสุดก็ได้มติว่าวีรบุรุษได้เหลือสมุดโน๊ตเล่มหนึ่ง
ซึ่งพูดถึงรายละเอียดของสงครามแห่งจุดสิ้นสุด พร้อมทั้งการผจญภัยของตนเอาไว้ เพียงแต่สมุดที่ว่านี้ไม่อยู่ในทรัพย์สินของวีรบุรุษตอนที่ตาย
และถูกซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่งในโลก พร้อมประกาศว่าผู้ใดค้นพบสมุดโน๊ต “Encore” นี้ จะได้เป็นวีรบุรุษคนที่สองในประวัติศาสตร์
“เรน” เด็กหนุ่มนักเรียนอัศวินถูกดูถูกโดยเพื่อนร่วมชั้นว่าเป็น “วีรบุรุษตัวปลอม” (偽英勇) เพียงเพราะหน้าตาเหมือนวีรบุรุษเมื่อ 300 ปีก่อน
แต่มีข้อแตกต่างคือเด็กหนุ่มไม่มีความสามารถอะไรเลย ไม่ว่าจะพยายามฝึกฝนเท่าไหร่ในเวลาที่คนอื่นนอน ก็ได้แค่ระดับกลางๆ ของชั้น
ในวันที่ประกาศผลสอบของชั้นเรียนอัศวินปีสอง รุ่นพี่ “เฟีย” บอกต่อเรนว่าตัวของเธอกำลังจะออกจากโรงเรียนเพื่อไปตามหา Encore
กับอดีตพรรคพวกของตน
ส่วนตัวไม่เคยอ่านงานของนักเขียนคนนี้มาก่อน (Tasogare-iro no Uta-tsukai, Hyouketsu Kyoukai no Eden, etc.) เลยค่อนข้างเซอร์ไพรส์
เล่มแรกเป็นเหมือน prologue ซะมากกว่า พระเอกได้รู้ความจริงว่ารุ่นพี่เฟียเป็นใคร ได้ร่วมปาร์ตี้กับอดีตปาร์ตี้ของวีรบุรุษที่จริงๆ ยังมีชีวิตอยู่
ฟังดูอาจจะมองว่ามันเป็นแฟนตาซีเกิดใหม่ แต่ตลอดทั้งสามเล่มที่ออกมามีการตีเส้นชัดเจนว่าพระเอกไม่ใช่วีรบุรุษเอลไลน์เมื่อ 300 ปีก่อน
สิ่งที่เหมือนกันมีแค่หน้าตาและอาจจะนิสัยเล็กน้อย ถึงแม้โดยสุดท้ายแล้วมันอาจจะใช่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ ORETUEE แบบที่เห็นกันเกลื่อนตลาด
สเน่ห์อย่างนึงของเรื่องนี้การดูการเติบโตของพระเอกที่ได้อดีตสมาชิกของปาร์ตี้วีรบุรุษสามคนคอยสอนวิชาดาบต่างๆ ให้ระหว่างเดินทาง
สายตาของนางเอกทั้งสามคนต่อพระเอกออกจะไปในแนว “เฝ้าดูด้วยสายตาอันอบอุ่น” ซะมากกว่าเป็นฮาเรมตามแบบฉบับ MF Bunko
ถึงแม้จะมี MF moment บ้างเป็นบางทีให้หอมปากหอมคอ (คือมันเล็กน้อยขนาดอ่านแล้วไม่เชื่อว่านี่มันไลท์โนเวล MF…)
ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เป็นแฟนตาซีมาตรฐานแบบไม่มีอะไรพลิกแพลงที่สนุกมาก ความรู้สึกหลังอ่านจบสามเล่มแล้วราวๆ อ่านดันมาจิจบเล่ม 3
เล่ม 4 ออกเดือน 6 และดูมีแววจะไปได้ยาว เพราะ MF ผลักอยู่หนักพอสมควร แถมเร็วๆ นี้เพิ่งประกาศไปว่าจะได้ทำมังงะ ดูแล้วน่าจะเขียนยาว
ตอนหลังได้รู้ว่าคนเขียนเป็นแฟน Ar Tonelico มาก่อน และมีประดิษฐ์ภาษาของตัวเอง (ภาษาเซลาเฟโน่) ใช้ในเรื่องเก่า (และน่าจะเรื่องนี้ด้วย)
จนตอนนี้อยากจะไปหาเรื่องเก่ามาอ่านเลย (แต่มัน 10+13+5 เล่มต่อกันหมด… ยังไม่มีแรง)
ในบรรดาเรื่องที่อ่านในรอบ 2-3 เดือนนี้ ชอบเรื่องนี้ที่สุดเลย