my hero academia จบแล้ว สิ่งนึงที่ทำให้คิดได้ตอนมันจบก็คือ
“คิดว่าคนๆนึงจะเกลียด my hero academia ได้มากแค่ไหน?”
จะอธิบายฟังในย่อหน้าถัดๆไปว่าทำไม
ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีด้วยที่ my hero academia จบแล้ว!!! 🎉🎉
และ!! พี่เราเป็นคนตรวจเทียบกับแก้งานแปลเรื่องนี้เอง!!!
(แต่ขอไม่พูดถึงงานแปลดิบก็แล้วกันนะ🤫)
พี่เราได้เข้ามาตรวจเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนประมาณที่ 410 เป็นต้นไป (มั้ง ไม่ชัวร์ แต่ประมาณนั้นแหละ)
ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าดีกว่าเมื่อก่อน ก็ขอขอบคุณจากใจที่รู้สึกแบบนั้นกัน ส่วนคนที่อ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ดีขึ้น ก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถเรียบเรียงให้คุณพอใจได้🙇🏻♂️
ตอนที่พี่มาบอกว่าได้ทำเรื่องนี้ ก็ว้าวมากนะ
แต่ที่ว้าวพอๆกันคือ “พี่กูไม่ได้ตามมายฮีโร่นี่หว่า 🤣”
เราเลยต้องมาช่วยพี่ บอกพวกข้อมูลต่างๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตัวละครนี้เป็นยังไง ฯลฯ แต่ก็ไม่ได้เป๊ะมากหรอกเพราะไม่ได้ตามแบบจริงจังนัก แล้วก็ช่วยทดลองอ่านว่าโอเคมั้ย (ซึ่งทดลองอ่านคืออ่านแต่ text คู่กับต้นฉบับซึ่งลำบากอยู่เหมือนกัน...)
เพราะงั้นถ้าจุดไหนที่มันยังมีปัญหาหรือไม่ดียังไงก็ต้องขออภัยด้วยจริงๆคับ🙇🏻♂️
ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องที่พี่ชอบพูดให้ฟังและเป็นสิ่งที่เราเห็นถึงสถานการณ์ของพี่ตลอดช่วงเวลาที่พี่ได้ทำเรื่องนี้จนถึงตอนจบ เอาจริงๆก็ลังเลนะว่าจะเล่าเรื่องพวกนี้ดีมั้ย แต่ก็คงเล่าแหละเพราะอยากให้หลายคนได้อ่านกัน(และเราคิดว่าน่าจะเอามาพูดได้)
“น้ำตาคนตรวจเทียบ(ภาษาญี่ปุ่น)”
จากที่คุยกับพี่มา
ความทรมานของคนตรวจงานคือการตบตีกับตัวเองตลอดเวลา
นักแปลใช้คำมาแบบนี้ แล้วเราจะเอาไงดี คำนี้มันใช้ได้มั้ย นักแปลเค้าแปลแบบเอาความหรือเปล่ามันถึงได้ไม่ตรงกับต้นฉบับขนาดนี้ เค้าตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนี้หรือเปล่า แล้วเราจะลบของเค้าดีมั้ย แต่ถ้าใช้คำเดิมตามนักแปลก็รู้สึกแปลกๆ หรือจริงๆแล้วเป็นเราเองที่แปลกกัน คนตรวจเทียบต้องคำนึงถึงนักอ่าน ต้องเคารพนักแปลและต้นฉบับด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากและปวดหัวมาก
จากการที่เราเห็นพี่ทำงานนี้ มันทำให้เราได้เข้าใจเลยว่าคนเราสามารถ “เกลียดเรื่องนี้ได้มากขนาดไหน” การรับช่วงต่อของเรื่องที่หลายๆคนติดตามกันทุกสัปดาห์ เอาตามตรงพี่เราค่อนข้างจะกดดันพอสมควรเลยนะ เพราะก่อนหน้านี้มันแย่มากๆและคนอ่านทุกคนพร้อมจะคอมเม้นจับผิดทุกเรื่อง แปลตรงเกินไปก็ไม่ได้ บิดคำมากไปก็ไม่ดี เปรียบเทียบคำให้คนเข้าใจง่ายโดยที่บริบทยังเหมือนเดิมก็ถูกว่า พออ่านคอมเม้นบางทีก็จะรู้สึกแบบ “ไม่ทำแล้วได้มั้ย”
ทุกสัปดาห์กับเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง(น่าจะไม่ถึง 6 ชั่วโมงด้วยซ้ำ)กับการเร่งทำ เพราะต้องส่งให้ฝ่ายอื่นไปทำต่อ(สนพ. เค้าก็ต้องทำเรื่องอื่นด้วยอะนะ เค้าไม่ได้ทำแค่มายฮีโร่เรื่องเดียว) มันเลยเป็นงานที่โคตรยากเพราะต้องแก้ให้อ่านรู้เรื่องโดยที่โดนด่าให้น้อยที่สุด จากความ “ท้อ เหนื่อย หมดแรง เบื่อ” ของพี่ มันก็เลยค่อยๆกลายเป็นคำว่า “เกลียดเรื่องนี้ชิบหายเลยว่ะ” ไปในที่สุด
แต่คำว่า “เกลียด” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเกลียดเนื้อเรื่องหรอกนะ แต่ชื่อเรื่องมายฮีโร่มันกลายเป็นทริกเกอร์ของพี่เราไปแล้ว เวลาเห็นหรือได้ยินก็จะไม่อยากฟัง เวลาที่ต้องตรวจเรื่องนี้ก็อยากหนีไปไกลๆ มันเป็นความเกลียดที่เกิดจากการเจอความกดดันหลายๆด้าน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันเป็นงานที่ได้รับมอบหมายมา
หลายคนอาจจะมองว่างั้นก็ไม่ต้องอ่านคอมเม้นสิ แต่มันทำงั้นไม่ได้ไงเพราะ feedback จากนักอ่านก็สำคัญ แล้วมันก็จะชอบมีคอมเม้นบั่นทอนกำลังใจ มีคอมเม้น toxic และใช้คำพูดแรงๆ หรือไม่ก็คอมเม้นด้วยใจอคติแล้วบอกว่า “แม่งก็แย่เหมือนเดิม” ทั้งที่พี่กับเราก็พยายามทำเพื่อให้งานมันออกมาดีกว่าเมื่อก่อนแล้วจริงๆ แม้จะตกหล่นไปบ้างก็เหอะ แต่เดี๋ยวไปแก้ในรวมเล่มอีกทีเพราะมันเป็นรายสัปดาห์มันลงไปแล้วเลยทำอะไรไม่ได้เพราะพี่เราไม่ได้ทำเรื่องนี้เรื่องเดียว (เล่มก่อนหน้าเราไม่รู้นะแต่พี่เราคงแก้ช่วงเล่มหลังตอนที่ได้ทำเรื่องนี้)