https://fanboi.ch/animanga/159/ พูดคุยการ์ตูนไทย
https://fanboi.ch/animanga/259/ พูดคุยการ์ตูนไทย บทที่ ๒
https://fanboi.ch/animanga/290/ พูดคุยการ์ตูนไทย บทที่ ๓
Last posted
Total of 1000 posts
https://fanboi.ch/animanga/159/ พูดคุยการ์ตูนไทย
https://fanboi.ch/animanga/259/ พูดคุยการ์ตูนไทย บทที่ ๒
https://fanboi.ch/animanga/290/ พูดคุยการ์ตูนไทย บทที่ ๓
อยากให้นิยายของ Dr Pop ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นมังงะจังเลยว่ะ
ระดับเดียวกับเพชรพระอุมาถูกสร้างเป็นหนังเลยนะ
เอาตัวเองเป็นพระเอก คิดได้ยังไงฟะ ถ้าเป็นเรื่องตลกปัญญาอ่อนก็พอทำเนา
ทำไมโม่งดูมีซัมติงกับเสี่ยแนนจัง กูว่าเขาก็ธรรมดาไม่ได้ทำตัวแย่หรืองานขี้ริ้วขี่เหร่อะไรจนต้องจิกนัก
ด็อกปอบ เกิรล์แอนด์กะดอเล่มแรกกูก็อ่านได้นะ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าสนุกเป็นพิเศษ (แต่เสือกฝอยว่าเป็นรองแค่แฮรี่พอตเตอร์) แต่บอยแอ่นกะดอนี่ ไอ้สัส นิยายจิซึรุยังทำคนบุฮี้ได้ นี่อะไร "ดร.ปอบหยิบ โคตรพ่อโคตรแม่นักเขียนอันดับหนึ่งของเทยแลนด์ อัจฉริยะ ผลงานสร้างชื่อคือไวท์แยม(เอ้ย โรด) มีแฟนสวย หล่อเหลา กล้ามเป็นมัดๆ" และภาพประกอบ ถามว่ามันวาดสวยมั้ย? กูว่ามันก็ดี แต่บอกตามตรง ภาพแนวนี้แม่งส่งซะชัดว่าพวกนี้แต๋วแตกเปล่าวะ และพูดตามตรงเลยตามคนที่อ่านมา เหี้ยไรวะ พี่น้องเกย์แดก เพื่อนสนิทแทบกอดตูดดูดดากกันแต่เขียนว่ามิตรภาพ ความแกรี่ของป็อบ บทสวีทเลี่ยนๆ และฉากต่อสู้ตอนท้ายที่กูยังพอรับได้ ถึงจะจูนิเบียวไปก็ตามที(มังกรบุกอนุเสาวรีย์ชัย OMG กูอึ้งสัส) เล่มหน้ากูไม่ซึ้อแล้วนะ
EXE นี่กูอ่านสนุกๆก็ได้นะ ถึงจะดูคุณภาพ 35-45 บาทในเล่มราคา 50 บาทก็ตาม ถ้าไม่มองว่าเป็นการ์ตูนไทยแล้วเทียบกับทั้งโลกถึอว่ายังอ่อนหัด (ทั้งลายเส้น ทั้งพล็อต) นับวันแม่งเผาเป็นเนกิมะ พล็อตหลุดๆแต่กูก็รอตอนจบอยู่ได้ (กูอวยภัสสรคู่กานดาไป ที่เหลือเชิญพวกมึงเฟติช) หวังว่าจะไม่ทำยึดเป็นวันพีซนะ แค่นี้กูก็รอเงกแล้ว ขี้เกียจอ่านยาว
แต่ที่สำคัญ การ์ตูนเผาๆของนายมิดไนท์ก็ยังทำให้พวกเราชาวโม่งอ่านสนุกกว่าบอยแอ่นเกิรล์ของมหาเมพ 123 กีบแกะจอมดราฟ นมใหญ่กว่าหัว เซอร์วิสบุฮี้ไดเ
แต่กูว่าอีครัวดาชานี่แม่งไม่สนุกจริงๆนะ ไม่มีอะไรเลยมุกก็จืด
ตอนนี้ได้แต่ขายตัวละครให้แฟนอวยตามอ่านไปก่อน
สตีเฟน คิงส์เคยเอาตัวเองเป็นพระเอกนิยายนะ ในเรื่องที่เขาถูกสตอล์คเกอร์ลักพาตัวให้ไปเขียนนิยาย กับเอาเรื่องสมัยเด็กมาเป็นโครงเรื่องหลัก
แต่ดอกป๊อปมันคนละเวลกันเฮียคิงส์ และแกก็ไม่ได้เขียนอวยตัวเองแบบนี้ด้วย
นักเขียนเอาประสบการณ์ตัวเองมีเขียนเป็นนิยายนี่เรื่องปกติเลยนะ คือมันเป็นพื้นฐานการเล่าเรื่อง
แต่ไอ้เหี้ยป๊อบนี่มันไม่ใช่ประสบการณ์ตัวเอง มันแต่งนิยายแล้วให้ตัวเองเป็นพระเอกในนั้นนนนนนนนนนนนนน เหี้ยยยยยยยยยยยยย
ป๋าคิงแกเคยวาร์ปเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนิยายเลยนะ ตอนแกเขียน Dark Tower แต่เรื่องนั้นก็จบแบบ WTF เหมือนกัน แต่ดอกปอบนี่แม่งอย่าว่าแต่ละเลเว่ลเลย คนละสปีชี่ส์กันเลยด้วยซ้ำ ประหนึ่งอมีบากับเทพก็ไม่ปาน
>>18 มึงหมิ่นเมพคิงกูนะสัส เอาไปเทียบกับไอ้ดอกปอปเนี่ย ถ้าไอ้ดอกปอปแม่งไม่ดังนะ ป่านนี้นิยายไทยแม่งขายได้ทั่วโลกแล้ว ไอ้นี่มันเป็นต้นตระกูลนิยายเน็ดซากอ้อยเลย พอมันดังด้วยนิยายขยะของมัน คนอื่นแม่งก็เฮ้ย กากสัสอย่างนี้ยังดังได้ กูก็เขียนได้ นิยายบนเน็ตหลังๆแม่งเลยมีแต่ฉากยั่วเย็ดหลอกฟุโง่กับคุโม่ยให้มาซื้อ ถ้ามันสำลักนมแม่มันตายไปตั้งแต่เด็กนะ กูว่าเด็กไทยสมัยนี้แม่งฉลาดขึ้นเยอะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Misery_(novel)
นี่เลย หาอ่าน ไม่ก็หาหนังมาดู
ทุนสร้างกว่าร้อยล้านบาท
https://www.youtube.com/watch?v=OCe6txN6p_Q
แต่ฉากหลังสวยอยู่นะ
แม่งไอ้อนิเมชั่นคนไทยทำมักจะตายเพราะ สตอรี่บอร์ดนั่นแหละ เทคนิคการนำเสนอสตอรี่บอร์ด อนิเมเพื่อการเล่าเรื่องญี่ปุ่นโครตกั๊ก
แต่ทีมงานนี้เขาเคยทำจากตะวันตกมานะ ไม่ใช่ญี่ปุ่น
เลิกพูดถึงด๊อกเตอร์ป๊อปในกระทู้การ์ตูนไทยได้มั้ยวะ
เงิน 100 ล้านจ้างสตูดิโอญี่ปุ่นทำอนิเมะฉายโรงได้เลยนะ
เพราะสตูไทยทำอนิเม แพงโพตๆ เพราะมะนทำคีย์ ระดับดิสนีย์น่ะ
กูไม่ชอบงาน คึกฤกธิ์ ฟะ 555
กูอยากรู้เรื่องสูญยากาศอนิเมชั่นไทย
ความหมายของมึง สูญญากาศคืออะไรฟะ กู งง ช่วงเว้นว่าง ช่วงเงียบ หรือยุคมืด กูจะได้อธิายให้ถูก
ช่วงหลังอ.ปยุตป่ะ ตอนนั้นก็พอไปได้ไม่ทิ้งห่างเมืองนอกมากนัก แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นวะ กูก็อยากรู้เหมือนกัน
ตอนสุดสาครของ อ.ปยุต ก็จะออกฉายก็ปี 1979 แล้วนะมึง ปีเดียวกับที่ The Castle of Cagliostro ของมิยาซากิฉายอ่ะ
อ.ปยุตแกเก่งจริง แต่จะบอกว่าของไทยตอนนั้นสูสีกับเมืองนอกนี่ เกินจริงไปหน่อยว่ะ
>>42 กูไปดูงานลุงมิยาซากิมาล่ะ แม่งห่างชั้นกันจริง
ต่อให้กูรักชาติไปหน่อยนะ แต่ไอ้ที่ทุนสร้างร้อยล้านแต่ยังขยับเหมือนของปี 1979 นี่ก็ไม่ไหวป่ะ กูยังว่านางเงือกสไตล์อ.ปยุตยังดูดีกว่าอีก จะไทยแม่งก็ไทยไม่สุด แล้วไอ้ช่องว่างระหว่างสุดสาครจนถึงอนันตานี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ กูว่าน่าศึกษาเหมือนกันนะ
อนิเมชั่น 2 มิติอย่าไปแข่งอย่าไปพัฒนาเลยเหอะ ตลาดเล็กลงทุกวัน กลุ่มเป้าหมายไม่มี ลูกค้าไม่สนใจ
ตอนนี้ก็เหลือแต่ญี่ปุ่นชาติเดียวในโลกแล้วที่ยังคงเป็นอุตสาหกรรมอยู่ ประเทศอื่นเหลือแค่
ตาม MV หรือหนังสั้นแค่นั้น กูเห็นด้วยมากกว่าควรจะไปพัฒนาเป็น 3D ไปเลย ขนาด Disney
ก็ยังเป็น 3D หมดแล้ว เทคโนโลยี Software 3D ก็ช่วยลดช่องว่างของประสบการณ์ลงได้เยอะ
ประเทศไทย Animator 2D ที่เก่งจริงจะมีถึง 20 คนหรือเปล่าเหอะ
ในช่องดีสนี่ย์รายวันยังมีการ์ตูน 2D ให้ดูอยู่นะ
>>42 สูสีนะมึง ขนาดยุ่น ยังมาศึกษางานกะอาจารย์ปยุต อย่าไปเทียบกะ เทพมิยาซากิ ดิฟะ ขานั้นเขาสุดยอดอยู่แล้ว ถ้า ให้อาจารย์ปยุตไประดับนั้นก็ได้แค่ลูกมือ เทพแกแหละ คือต้องคิดหน่อยว่า สมัยนั้นคนทำได้มีแค่ดิสนีย์ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็มา งมโข่งกัน แต่ของไทยแม่ง เจือกโดน คุถมกำเนิดซะงั้น ไม่ยอมให้มันโต เพราะ บ้านเมืองเรามันเป็นประเทศเกษตรกรรม เลยทุ่มไปทาง แดกค่าทำถนนกะซื้อเสียงชาวนามากกว่า ผิดกะยุ่นแม่ง ปล่อยให้มันโตๆ ไปตามธรรมชาติ มันเลย ค่อยๆ โตกันไป และสุดท้ายกลายเป้ฯสินค้้าส่งออกแล้วแม่ง ยิ่งอัดให้โตไปอีก มันเลย เกิดแบบนี้แหละ โทษใคร กูว่า สมัยนั้นไม่มีใครทำนายได้หรอกว่าการทำภาพเคลื่อนไหวทำสื่อ จะทำเงินได้มหาศาลได้
>>46
ญี่ปุ่นมาศึกษางานไทยตอนไหนวะอยากรู้ มีอ้างอิงไหม
ยุค 70s ประเทศทางยุโรปเขาไปไกลด้านอนิเมชันกันแล้ว ไม่ใช่มีแค่ดิสนีย์
จนตอนนั้น รัสเซียข้ามไปเน้นที่อนิเมชันแนวทดลองแล้ว
อยากรู้ว่าไทยตามหลังเขาแค่ไหน มึงดูอนิเมชันเกาหลีเหนือที่ฉายทีวีในยุคนั้น
https://www.youtube.com/watch?v=I_wxdhiB5w4
ปยุตก็แค่ก้าวตามรอยเท้าวอลทดิสนี่ย์ทุกเสต็บแค่นั้น แต่สำหรับคนไทยจะถือว่าประสบความสำเร็จก็ไม่แปลก
ทางตะวันตกเหลือแต่ฝรั่งเศสมั้ง ที่ยังทำหนังโรง 2D อยู่
ต่อให้งาน 2D น้อยลงตามที่พวกมึงว่านะ แต่ในเชิงเทคนิคแม่งไปไกลมากแล้ว มึงเคยดู paperman ของดิสนี่ย์ป่ะ มันเอา 3D มาโปรเจคกลับเป็น 2D อย่างเนียน ยังไง 3D มันก็แทน 2D ไม่ได้ว่ะ หรืออย่างลุงมิยาซากิก็มีเสน่ห์ของงาน 2D ที่มันทำมากี่ปีพวกมึงก็สนใจจะไปดูอยู่ดี เสียดายแค่ลูกหลานลุงแม่งไม่ได้ขี้เล็บลุงเลย
มึงดูงานพวกนี้บน youtube แล้วย้อนมาดูไอ้หนังชาตินิยมนี่ดิ แม่งเอ้ย โหนมันซะครบชาติ ศาสน์ กษัตริย์แล้วมั๊ง โหนอย่างเดียวแต่ไม่ใส่ฝีมือลงไป พอมันเจ๊งขึ้นมาก็กลายเป็นว่าทำหนังการ์ตูนแล้วมันไม่เจริญอีก วนลูปไหลลงรูปไปเรื่อยๆ
กูแนะนำให้มึงลองหาการ์ตูนขาวดำสมัยก่อนของ Kenzo Masaoka ดูว่ะ เป็นงานช่วงยุคปี 1930-40
ตอนนี้มีโปร2dเหลือในประเทศปะวธรรมหรือสูญพันธุ์ไปหมดละ
แต่น่าสงสาร ปยุต จริงๆ ฟะั ปากบอกสนับสนุนๆ อนิเมชั่นไทย แล้วสุดท้าย ตายไปก็ไม่มีใครแล เบย รู้สึกเฟลชอบกล
คนไทย ถ้าทำด้านนี้จริงๆเขาก็ไปเมืองนอกหมดแล้วปะวะ ที่อยู่ที่ไทยก็คงเป็นคนที่อยากอยู่ไทยหรือไม่ก็ทำงานเมืองนอกมาแล้ว และอยากกลับมาอยู่บ้าน
ไอ้เรื่องนี้ก็ขยันดราม่าบ่อยเหลือเกิน ส่วนตัวกูไม่ได้สนประเด็นไทยไม่ไทยเลย แต่อ่านแล้วไม่สนุกว่ะ คงไม่ได้ตามเก็บต่อ
https://www.facebook.com/MangaFail/photos/a.201102670023365.50356.201096546690644/564414890358806/?type=1
ไอ้นี่เป้นงี้ทุกที เวลาเปิดตัวเขียนโครตดีแต่พอดำเนินเรื่องนะ แม่งเละ
การ์ตูนขุนแผนนี่ทำให้กุได้รู้เลยว่า การเอาวรรณกรรมเก่าๆ มาเล่าเรื่องตีความใหม่ (ซึ่งต่างประเทศทำกันเป็นเรื่องโคตรปกติ) เป็นอะไรที่สมองคนไทยจำนวนมากไม่สามารถรับได้เลยว่ะ คือถ้าเป็นพวกอาจารย์แก่ๆ หรือไดโนเสาร์ที่ไหนออกมาบ่น กุยังพอเข้าใจนะ แต่นี่คือเด็กหรือวัยรุ่นหลายคนที่ควรจะเฉยๆ กับเรื่องพรรค์นี้ กลับออกมารับไม่ได้ราวกับเป็นแฟนบอยวรรณกรรมต้นฉบับมาแต่ชาติปางไหน (ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันไม่เคยอ่านต้นฉบับเต็มๆ นอกเหนือจากคาบภาษาไทยที่โรงเรียนหรอก) กุเห็นแล้วสิ้นหวังนิดๆ เลยว่ะ ว่าการศึกษาบ้านเราขัดเกลาเด็กให้ยกทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของศักดิ์สิทธิ์ได้หมด และพร้อมจะปกป้องวัฒนธรรม (ที่ตัวเองแม่งก็ไม่สนใจ) ได้เยี่ยมจริงๆ
กุอ่านแล้วเฉยๆ กับเล่มแรกเหมือนกัน แต่กุก็เชียร์ให้มันประสบความสำเร็จนะ เผื่อจะได้เป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนอื่นๆ กล้าเล่นอะไรแบบนี้มากขึ้น
กูอยากให้มีบุคคลประวัติศาสตร์โมเอะชิบหาย แบบพวกสามก๊กโมเอะ ขุนพลญี่ปุ่นโมเอะ แต่กูก็รู้นะว่าแม่งต้องดราม่ากันชิบหายแหงๆ
>>60 แต่กูไม่ชอบแบบนี้นะ มันเหมือนไม่มีปัญญาคิดเนื้อเรื่องเลยขายนมขายหีแบบIS
>>59 มันต้องดูว่าใครทำ ท่านมุ้ย"ยำ"พงศาวดารพระเนรศวรยกใหญ่ยังไม่มีใครติ นอกจากพวกนักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาด้านนี้มา แต่พวกนั้นก็เข้าใจละนะว่าหนัง เลยไม่พูดไรมาก ในด้านนี้พวกผู้ใหญ่ที่อยู่สายประวัติศาสตร์ตรงๆจะชิวมาก แค่แยกให้ออกว่าอันใหนหนังอันใหนประวัติศาสตร์ก็พอ
ดูพระมหาชนกแล้วรู้สึก"สนุก" กันไหมวะ ...
เอาตามตรงนะ ไม่ เรื่องโครตทื่อ แถมยัดเยียดคุณธรรมอย่างเดียว ตัวเอกแบนราบไม่มีมิติ เหมือนโลกมีแค่สีขาวกับสีดำ
พระมหาชนกไม่ใช่ว่าว่ายน้ำทั้งเรื่องหรอวะ
มันมีเท้าความตอนเกิด ตอนโต แล้วก็หลังจากว่ายน้ำ แต่มึงต้องเข้าใจว่ามันเดินเรื่องแบบสูตรสำเร็จพระเอกวรรณคดีไทยมาก ดังนั้น มันเลยทื่อ
กุอ่านแบบการ์ตูนตอนเด็กจำได้แต่ฉากว่ายน้ำ ฉากปูยักษ์ใต้น้ำแล้วก็โรโบคอปในเล่มซึ่งติดตากุจนวันนี้ กุว่ากุไม่ได้ตายฝาดแน่ๆ
พวกมึงจะให้พระมหาชนกเข้า ทีมฟรี รึ
อย่างได้แบบดัดแปลงก็ต้องทำเองสิจ้ะ
แต่แบบนั้นแต่งเรื่องใหม่ง่ายกว่าไหม
พระมหาชนกแกรี่เกินว่ะ ไม่หนุกอ่ะ
พระเอกในนิทานส่วนใหญ่แกรี่ทั้งนั้นละ เอาไรมาก เรื่องมันแต่งเป็นพันๆปีก่อนมีคำว่าแกรี่อีก
พระมหาชนกกูกลับรู้สึกว่าตรงว่ายน้ำข้ามทะเลพอจะโอเคนะ แต่ไอ้ตรงต้นมะม่วงนี่มันให้ความรู้สึกว่าคนอื่นในเรื่องเป็นคนโง่คนเลวหมด พระเอกเป็นคนฉลาดเป็นคนดีอยู่คนเดียวจนน่าเกลียดว่ะ
เนื้อเรื่องกูก็โอเคนะ เรื่องแนวนิทานสอนข้อคิดมันก็คงต้องประมาณนี้แหละ ไม่มีความจำเป็นต้องหักมุมซับซ้อนหรือบทดีอะไรมาก งานภาพก็นับว่าพัฒนาขึ้นเยอะสำหรับแอนิเมชั่นไทย(แต่ถ้ามองว่ามีบริษัทมาร่วมสร้างกันเป็นสิบกูก็คิดว่ามันควรจะดีได้กว่านี้) แต่ที่กูอยากติแบบหนักๆเลยก็คือเสียงพากย์ ไอ้ควย กี่ปีกี่ชาติก็ไม่เคยพัฒนา แม่งพากย์กันยังกะท่องหนังสือ เหมือนมีคนมาอ่านบทอาขยานให้ฟัง เสียงแม่งก็โมโนโทนไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์ตัวละครเล้ย ดูแล้วกูเกือบหลับ
ก็แม่งไม่รู้เป็นเหี้ยไรชอบเอาดารามาพากย์การ์ตูนกัน กูเห็นแม่งพากย์ไม่ค่อยจะเป็นกันซักคน นักพากย์อาชีพดีๆเก่งๆที่พากย์หนังพากย์การ์ตูนมาทั้งชีวิตก็มีเต็มไปหมดดันไม่เลือกมา
อะไรของพวกมึงเนี่ย วิจารณ์ได้ไง ชาดกศาสนาประจำชาตินะเว้ย!
ไม่รักเมืองไทยก็ออกจากประเทศนี้ไปเลยสัด
ไม่ได้ให้ดัดแปลงซะเป็นเรื่องใหม่ หมายถึงให้ดัดแปลงให้มันสนุกสมกับเป็นสื่อสมัยใหม่ เหมือนที่ดีสนี่ย์เอานิทานเด็กมาทำน่ะ
สโนวไวท์มีเพิ่มรสชาติให้สนุกด้วยบุคลิก7แบบของคนแคระ แม่มดใจร้ายก็โหดซาดิสต์น่ากลัวจริง
เงือกน้อยใส่บุคลิกเพิ่มให้ตัวเอกใส่ตัวละครสมทบรับมุข อะไรแบบเนี้ยะ
พระมหาชนกนั่งเรือข้ามสมุมธ
เจอผาน้ำแข็งผุดชนโป้งเรืออัปปาง
หนีครวญครางขึ้นเรือชูชีพ
แทบเสียวซี้ดบนเรือมี(เสือ)โคร่งใหญ่
อยู่ได้ไงหนีลงน้ำว่ายจ้ำบึ้ด
ว่ายว่ายอึดไปเจอลูกวอลเลย์
ชื่อแสนเท่ห์นามว่าเจ้าวิลสัน
ไอ้เพื่อนยากว่ายแช่น้ำสี่ปีกัน
มาทิ้งมันกลางทะเลได้ไงหรือ
ว่ายทั้งคืนแทบหมดแรงตาปรือๆ
มีก็อตซิล่าว่ายผ่านมาเลยรอดตาย
มึงว่ากูดัดแปลงมาจากอะไรบ้าง
Titanic , Life of Pi , Cast Away , Godzilla
การ์ตูนกลมกลิ้งสิงห์สตั๊ด ของ เอก วิรัช จบยังไงวะ ใครที่อ่านตอนจบสปอยให้ฟังหน่อย เรื่องนี้จำได้ว่าเปิดตัวใกล้ๆกับ สตรีทบอลสะท้านฟ้า
https://fanboi.ch/animanga/1259/recent/
ต่อประเด็นมาจากอันนั้นให้
กูไม่ชอบไอ้ Bonesกับ kumaX ตั้งแต่เล่ม2เป็นต้นมากูเลยไม่ซื้อ
>>86 กูไม่ซื้ออยู่แล้ว เพราะกูไม่เห็นว่าเป็นการช่วยพัฒนาวงการการ์ตูนไทยตรงไหน กูเลยไม่อยากจะอุดสนุน วาดมันก็สวยอยู่ แต่ฝีมือการทำให้หื่นนี่ไม่มีกันเลย แล้วกูดูว่ามันก็ไม่ได้คิดจะทำให้เป็นเรื่องเป็นราว แค่หาเรื่องแดกตังค์พวกคุไทยโม่ยๆให้มาซื้อ แถมขายแพงอีกสัส กูเองก็อยากสนับสนุนนักวาดไทยนะ ถ้ามันไปวาดบนดิน ลงพิมพ์กับสยามเงี้ย ขายในราคาที่รับได้ ถึงจะไม่ได้เทพขนาดการ์ตูนญี่ปุ่น กูก็ยังพอช่วยๆไปได้
สวะวงการ
>>89 มีอยู่สองเล่มแต่ก็ไม่ได้ว่าว คิดว่ายังห่างชั้นกับโดจินโป๊ของยุ่น ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องสั้นตอนเดียวจบ เนื้อที่ในการสร้างอารมณ์หื่นมันก็น้อยตาม ส่วนเรื่องลายเส้นคิดว่าผ่านหลายคนนะ ตำรวจสาวโนบุโกะ เรื่องออร์คของหมึกแดง เอรุเอรุจัง นักล่าปีศาจเอสเธอร์ ที่ไม่ผ่านมีเรื่องดาร์กบลูล่ะ เนื้อเรื่องโอเคแต่ลายเส้นไม่ชวนให้หื่นเลย คิดว่าไม่ผ่านตั้งกะเล่มแรกแล้วล่ะ ลองให้โอกาสอีกครั้งกับเล่มช็อคโกแลตแล้วก็ไม่ผ่านเช่นเคย เส้นดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ชวนว่าวอยู่ดี หลังๆเลยเลิกติดตาม
ปล.เคียวนี่เรียกเทพเลยเหรอ
มีใครซื้อไอ้ไม่ไทยเบยแล้วบ้าง ข้างในเป็นไงโอเคมั้ย
ต้องแยก*ติน่าไปรวมกับตัวเทพๆคนอื่นในเล่ม เพื่อกระจายสมดุลความเทพในแต่ละเล่ม
ว่าแต่ตัวเทพๆของออกัสนี่มันมีใครมั่งวะ
>>99 มึงพูดมาเนี่ยถูกต้องเลย ไอ้คนที่งานห่วยก็ไม่ต้องยัดเยียดมันเข้ามาเพราะว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันได้ไหม
จ่ายไปตั้งแพงแล้วต้องทนอ่านเพื่อนมันที่วาดห่วยด้วยกูก็ไม่เอาหรอก นี่ก็ผ่านมาตั้ง 5 เล่มแล้วไม่ปรับปรุงกันเลยรึไง
กูเลิกซื้อไปแล้วเพราะไอ้พวกที่งานไม่ผ่านนี่แหละ ถึงมันจะมีตัวเจ๋งๆ 2-3 คน ที่อยากอ่านงานต่อก็ตาม
นักเขียนออกัสซั่มคนไหนผ่านมาอ่าน ฝากไปพิจารณาด้วยล่ะ ถ้าพวกมึงเขียนจนรวมเล่มได้แล้วลองแยกขายเดี่ยวดู
มึงจะรู้เลยว่าคนไหนเขายินดีจ่ายเงินซื้องานมึง และคนไหนที่เป็นแค่ filler ใส่มาให้เต็มเล่มเท่านั้น
เดี่ยวพอพิมพ์ไปได้ซัก10เล่ม อาจจะมีแยกรวมเล่มมาขายอีกรอบก็เป็นได้นะ 555+
ตกลงเรื่องของ คุณ *ติน่า ยังไม่จบเหรอวะ อ่านถึงแค่เล่ม2เอง ใครอ่านแล้วสปอยให้ฟังหน่อย ขี้เกียจซื้อ จะโหลดสแกนมาอ่านก็เปลืองเน็ต
น้อง mibry ออกรวมเล่มแยกแล้วให้10คนแรกที่จองได้จับนมงี้ กูจะรีบจองเลย
อุดหนุนร้านเจซีกันเยอะๆนะครับ
กูอ่านไม่ไทยเบยแล้วทำไมกูไม่หนุกเบยว่ะ
เท่าที่คุยกับเพื่อนมายังหาคนที่บอกว่าชอบหมดทั้ง 1 - 2 - 3 ไม่ได้เลยนะ จะมีแบบชอบ 1 -2 ไม่ชอบ 3 ,ชอบ 2-3 ไม่ชอบ 1, ชอบ 1 แต่ไม่ชอบที่เหลือ, ชอบ 3 แต่ไม่ชอบที่เหลือไรงี้
กูชอบ 3 ไม่ชอบ 2 ส่วน 1 พออ่านได้
กูชอบ 3 มากที่สุด ตรงเส้นตลกกู ตีโจทย์แล้วเอามาปรุงได้เนียนที่สุด
กูโอเคกับ 1 อ่านสนุก ตรงไปตรงมา เหมาะเป็นตัวชูโรงของเล่มนี้ แต่ค่อนข้างเรียบเลยไม่มีอะไรประทับไว้ในใจหลังอ่านจบ พล็อตแบบนี้ถ้าเอาสวิตช์เผด็จการของโดราเอมอนโยนลงไปผสมด้วยกูว่าจะสนุกและสร้างแรงกระเทือนได้มากขึ้น
ส่วน 2 เปิดไปสามหน้ากูก็เกิดความคิดว่า "เจ้าที่ก็ต้องอยู่ประจำที่สิ ทำไมไม่เป็นกุมารทองหรือรักยมวะ" จากนั้นทุกอย่างก็พัง กูไม่สามารถอ่านให้สนุกได้อีกเลย
ที่เหลือกูประทับใจแค่เรื่องที่ผู้หญิงแต่งชุดไทยไปเดทกับแฟน กูชอบสถานการณ์ที่คนเขียนเซ็ตมา และกูขำพฤติกรรมโมเอะเพราะมันไม่ไทยเบย (ถ้าคนเขียนตั้งใจให้ย้อนแย้งกูจะลุกขึ้นปรบมือ) แต่กูไม่ชอบวิธีปั้นตัวละครหญิงคนนั้นที่โผล่มาก็เกลียดต่างชาติแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยยังกับนางร้าายละครไทยที่เกลียดนางเอกแบบไม่มีเหตุผลแต่จำเป็นต้องเกลียดเดี๋ยวเดินเรื่องไม่ได้ คำพูดก็เสล่อเหมือนโดนจับยัดมา (เออเฮ้ย นี่มันโคตรไทยเลยนี่หว่า)
เรื่องอื่นนอกนั้นเหมือนคนเขียนยังคิดไม่เสร็จหรือพยายามตบมุกไม่ไทยเบยแบบแป๊กๆ
>>114 มึงเป็นกูหรือเปล่ววะเนี่ย
กูว่า 3 เนี่ยมันปรุงออกมาได้สนุกที่สุด มีชั้นเชิง ไม่เถรตรง แต่ลายเส้นจะด้อยๆกว่า ที่ 2
ส่วน 2 เนี่ย เนื้อหาไม่มีอะไรเลย บู๊อย่างเดียว กูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมได้ที่ 2 เพราะว่าวาดฉากบู๊สนุกเหรอ?
ที่ 1 เนี่ยมันก็สนุกนะ งานก๊เนี๊ยบอีก แต่มันโคตรจะเถรตรงน่าเบื่อเลย เล่าเรื่อง ถามคำถาม ตอบคำถาม
ออกมาตรงๆไม่มีชั้นเชิงการตีความหรือกลั่นกรองอะไรเลย นี่ล่ะมั้งอะไรที่เหมาะกับคนไทย
กูชอบชุดไทยเดินสยามเหมือนกัน เป็น Symbolic ที่เจ๋งที่สุดในเล่มแล้ว แต่ประเด็นอย่างอื่นเรื่องนั้นแม่งอ่อนหมด
อ่านไปหงิดไปชุดไทยตรงไหนว่ะเสื้อทรงแขนหมูแฮมคนสมัยก่อนก็เอามาใส่ตามฝรั่ง
พอมาคนไทยยุคนี้ไม่อ่านประวัติศาสตร์อุปโลกน์เป็นของไทยหมด
เฮ้ย กูกลับว่าเรื่องของกะแป๋งแมนดีสุดในเล่มว่ะ
ไม่ไทยเบยกุว่าไม่สนุกทั้งเล่ม แต่ถ้าให้เลือกกูเลือกเจ้าที่ กูว่าเขาตีโจทย์ออกมาไม่น่าเบื่อ ไม่จำเจ
เรื่องอื่นแม่งย้ำกันอยู่ได้ว่าอะไรไทยไม่ไทย ไม่ไทยเบยๆกันอยู่นั่นแหละ มีเรื่องนี้ที่กูอ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความเป็นไทยแบบไม่ต้องสาธยายอะไรเลย ไม่ได้มีแค่ฉากบู๊นะมึง
แต่กูเห็นด้วยว่าเจ้าที่ก็ต้องอยู่ที่เดิมไม่ใช่เหรอวะ ถ้าเป็นนางไม้ที่เกาะไม้ศาลพระภูมิมาหรืออะไรก็ว่าไปอย่าง แต่เรื่องพวกนี้กูก็ไม่ค่อยรู้อยู่ดีอ่ะนะ
ติอีกอย่างคือเส้นลวกชิบหาย ถ้าเป็นเจ้าของเดียวกับเพจอิพวกนี้นี่กูก็ไม่แปลกใจละ
เรื่องที่ได้ที่1กูเปิดอ่านผ่านๆเองว่ะ น่าเบื่อสัส
งานในเล่มนี้มันไปคนละแนวกันว่ะ คือถ้ามึงชอบแนวไหนมึงก็จะชอบเรื่องนั้นไปเลย ส่วนตัวกูว่างานนี้คนส่งคงไม่เยอะเพราะโจทย์ยาก หลายงานในเล่มนี้แม่งก็เลยจบแค่ที่ตบมุกพูดว่าไม่ไทยเบย
>>118 กู 117
กูประทับใจกับการที่เรื่องมันค่อยๆปูมาว่าคนไทยมีความสัมพันธ์กับสิ่งเหนือธรรมชาติยังไง ถึงตอนแรกอีผักจะไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านยังเชื่อในตัวเองอยู่ แต่พอถึงฉากที่เอาของไหว้มาถวายแล้วอีผักพาวเวอร์อัพ กูว่ามันเจ๋งดี สื่อถึงความเคารพที่คนไทยมีให้เจ้าที่ กับที่บอกว่าคนในบ้านกับเจ้าที่ต้องช่วยเหลือกันอะไรนั่น
อีกอย่างคือของไหว้ไม่ได้ไทยอะไรเลย เป็นของที่ซื้อเอาที่นู่น สถานที่ก็เป็นปราสาทตะวันตก ความสัมพันธ์ของอีผักกับเจ้าบ้านเป็นความไทยอย่างเดียวในเรื่อง
สรุปสั้นๆตามความเห็นกู - เรื่องมันจะสื่อว่า ความเคารพนบนอบ กับความช่วยเหลือเกื้อกูลนี่แหละ เอกลักษณ์ของไทยที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่เปลี่ยน
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.