>>>/animanga/147/ สมาคมแม่บ้านนักแปล
>>>/animanga/409/ สมาคมแม่บ้านนักแปล บทที่สอง
Last posted
Total of 1000 posts
>>>/animanga/147/ สมาคมแม่บ้านนักแปล
>>>/animanga/409/ สมาคมแม่บ้านนักแปล บทที่สอง
เปิดซิงกระทู้ใหม่ นี่มันวงเวียนชีวิตนักแปลสินะ
ที่กระทู้ก่อนมีถามว่าแฟนเรื่องไหนเหี้ยสุด
อยากตอบว่าติ่งคาเงโร่สายพันธ์ญี่ปุ่นเหี้ยสุด
จาก >>2 กูอยากถามว่าแปลเล่ม 1 แล้วไม่ต่อมันผิดด้วยเหรอวะ สัญญามาเล่มต่อเล่ม กูไม่ถูกใจเนื้อหาเล่ม 1 กูก็เลือกที่จะไม่แปลต่อแค่นั้นเอง
แฟนคาเงโร่นี่เหี้ยจริงอะไรจริง โดยเฉพาะอีติ่งในกระทู้นั้น กูเห็นแล้วตีนกระดิกริกๆ อยากเข้าไปบอกมันว่ามึงพิมพ์ไทย รู้จักเว้นวรรคให้ถูกก่อนเหอะ สะเออะจะสมัครไปเป็นนักแปล ห่าเอ๊ย
>>4 มึงจะไม่ทำต่อด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่งานมันมีเส้นตาย
ถ้าบอกก่อนล่วงหน้าบริษัทมันก็ยังพอหาทางหาคนมาแปลแทนได้
บางคนแม่งหายหัวเอางานไปดองเป็นเดือนๆ มาบอกเลิกเอาก่อนเส้นตายไม่เท่าไหร่
เสียเวลาไปฟรีๆ แล้วยังกระทบถึงตารางคนทำงานต่อจากมันด้วย
แล้วเคสที่นักแปลทิ้งงานกลางทางเนี่ย ส่วนใหญ่ไม่ยากบรรสัยก็มือไม่ถึงแล้วแปลไว้เหี้ยๆ
ถ้ากองบ.ก.ไม่แข็งพอ เก็บกวาดความเหี้ยออกไปได้ไม่หมด
มึงเป็นคนรับงานต่อเล่มถัดจากมัน แล้วต้องแปลต่อจากจุดที่แม่งมโนมั่วไว้นะ
กัดฟันแปลไปด่าแม่มันไปก็ไม่ช่วยให้ความเหี้ยลดลง
กูว่าส่วนใหญ่ถ้าไม่เหี้ยหรือมือไม่ถึงจริงก็ไม่ค่อยคืนงานกันป่าววะ ของกูเคยเอามาดองและขอคืนเค้าเหมือนกัน แต่ก็เร่งทำให้จนถึงเล่มที่เค้าขอนะ(การ์ตูน) แต่ถ้าเป็นนิยายไม่เคยว่ะ และกูคุยกับเพื่อนที่เป็นนักแปลเต็มเวลามันบอกว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยเลือกงานเพราะมีไรก็รับหมดไม่งั้นไม่พอแดรก
ปัญหาที่เกิดการมือไม่ถึงน่ะเพราะแม่งจ่ายไม่หนักพอที่จะดึงทวยเทพลดตัวมาแปลให้ได้ตะหาก ส่วนที่ต้องรับไม่เลือกไม่งั้นไม่พอแดกน่ะเกิดจากจ่ายเงินช้า ถ้ามันจ่ายให้ทันทีที่จบงานน่ะเดือนนึงทำสักเล่มสองเล่มก็อยู่ได้ชิวๆแล้ว เพราะงั้นถ้าพวกสำนักพิมพ์ที่จะมาด่าว่านักแปลเหี้ยทิ้งงานเนี่ย ให้มึงสำเนียกดูตัวเองก่อนเถอะว่าเลี้ยงเขาได้ดีแค่ไหน
ดูอส่างสายนิยายจีนของสยามสิ เล่มแม่งหนากว่าln มันยังออกได้แทบทุกเดือน บางเรื่องเดือนใะ2เล่ม อย่างช้าก็3เดือนเล่ม แต่3เดือนนั้นข้อมูลแม่งแน่นดีมาก ควาาเร็วในการแปลถือว่าโหดสุดๆ
มึงคิดว่านิยายจีนพวกนั้นยอดขายกี่เล่ม คนแปลได้ค่าแปลเท่าไหร่ สำนักพิมพ์จัดคนลงพรูฟกี่ขั้นตอนล่ะ
บางเรื่องแม่งออกหลังต้นฉบับไม่กี่วันด้วยนะ
อย่าง เหยี่ยวมารงี้
เออ แต่กูเข้าใจที่ >>11 อยากสื่อนะ ใจจริงกูอยากเป็นฮิกกี้เก็บตัวเกาพุงแมวแปลงานอยู่บ้านอย่างเดียว แต่ค่าแปลแม่งก็.... อย่างเงี้ย ในขณะที่กูไปเป็นล่าม ขี้หมูขี้หมาวันนึงครึ่งหมื่น เสร็จแล้วเสร็จกัน บางทีได้ของฝากติดปลายนวมมาอีก ในขณะที่งานแปลต้องแก้ต้องเกลา แถมโดนติ่งด่าเสียๆ หายๆ อีก กูว่าชีวิตแม่งรันทดอยู่นะ...
ทำไมวะ เล่ามาดิ่ กูชอบงานแปลของหลินโหม่วนะ เขาเลือกเรื่องโคตรสนุก แม้หนังสือจะแพงเหี้ยๆ ก็ตาม
เฮ้ย เดี๋ยวดิ ไอ้พวกที่ทิ้งงานกลางครัน แล้วอ้างว่าทำไม่ไหว ค่าแรงไม่เยอะพอ ไม่คุ้ม
มันควรจะพิจารณาตัดสินใจตั้งแต่ตอนรับงานครั้งแรกสุดแล้วไม่ใช่เรอะ
ได้ต้นฉบับเล่มแรกๆ มาไว้ในมือ ได้อ่านผ่านตา ก็น่าจะพอตัดสินใจได้แล้วว่าไหวหรือไม่ไหว คุ้มหรือไม่คุ้ม
วงการนี้มันแคบนะเว้ย แปลๆ เลิกๆ แบบนี้เดี๋ยวก็โดนแบล็คลิสต์ไม่รู้เรื่อง คราวหน้าเขาจะไม่อยากส่งงานให้เอา
อะไรไม่เหี้ยเท่ากับ ไม่มี ไม่หนี ไม่ส่ง ผ่านเดดไลน์แรกก็แล้ว เดดไลน์สองก็แล้ว
ไม่เสร็จก็ไม่บอก ไม่ทำแล้วก็ไม่บอก ติดขัดเหี้ยอะไรก็ไม่บอก ถามไปกี่ทีๆก็ทำอยู่ๆ แล้วเฟดหนีงานไปเลยเฉยๆ
พอหมดเดดไลน์สุดท้ายให้มาเจรจามึงจะเอายังไง ก็มาดราม่าใส่ แม่ด่า พ่อป่วย ยายเสีย เมียคลอด คอมพัง ฯลฯ
สรุปคือมาทำให้เสียเวลารอมึงฟรีๆ แผนงานการตลาด กำหนดหนังสือออก บรูฟ จัดอาร์ท พิมพ์เตรียมตัวมาครึ่งปีพังหมดเพราะมึงคนเดียว
>>18 >>18 http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000167263
ถ้าตามนี้จริงถือว่าโหดมากเลยนะ นั่งทำงานรวดเดียว7ชั่วโมงถึงเลิกงาน งานแกถึงได้ออกมาเร็วสุดๆ
ส่วนเรื่องหลินโม่วนี่ได้ยินคร่าวๆว่าเจ้าตัวแปลมาก่อนแบบไม่เป็นทางการ พอน.มาแปลแล้วมันดันคล้าย ซึ่งก็ไม่แปลก นินายกำลังภายในมีจารีตการแปลเป็นภาษาลิเกอยู่แล้ว จะออกมาคล้ายกันเป็นเรื่องปรกติ
>>25 เท่าที่อ่านมายังไม่เคยเจอเลยนะ เจอแต่ตรงกันข้าม เล่มแรกมักจะยากที่สุด เพราะต้องหาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนั้นเยอะมาก เริ่มจาก 0 แต่พออ่านไปอ่านมาจะยิ่งง่ายขึ้น ทั้งในส่วนที่พอมีความรู้พื้นฐานในสโคปของนิยายเรื่องนั้นแล้ว และเริ่มคุ้นเคยกับภาษาและสไตล์ของคนเขียน
แต่อาจจะมีก็ได้มั้ง อะไรก็เป็นไปได้ แต่อ่านนิยายมาเป็นสิบๆ ปียังไม่เคยเจอนะ
แต่มันจะมีอีกเคสนึงอันนี้เรื่องอารมณ์มากกว่า คือไม่ชอบงานที่แปลตั้งแต่เล่มแรก แต่ทนแปลไป เล่มสองเล่มแรกยังพอทนไหว แต่ยิ่งแปลมากเข้าก็ยิ่งท้อแท้ ยิ่งเบื่อหน่าย แต่กูไม่เคยทิ้งงานนะ แค่รู้สึกว่ายิ่งแปลยิ่งเหนื่อยจิต ทั้งที่มันไม่ได้ยาก
ความรู้ตอนแรกเป็น 0 นี่เข้าใจเลย
กูแมร่งต้องแปลนิยายเกี่ยวกับพวกทางการทหาร ศัพท์ปืน ศัพท์เทคนิกเพียบ จนแมร่งช่วงแรกท้อสาดๆ
ยังดีกูมีเพื่อนบ้าเกี่ยวกับเรื่องปืน เลยพอถามมันได้ ไปๆมาๆ ก็ชักรู้สึกสนุกกับพวกเรื่องปืนว่ะ แมร่งมีอะไรน่าติดตามเยอะดี
อือ เห็นด้วย เจองานแปลเกี่ยวกับดนตรี
จากตอนแรกไม่เคยรู้ว่าแซ็กซ์ ทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบ้า โอโบ และ ฯลฯ มันต่างกันยังไง
บันไดเสียงคืออะไร หนึ่งห้องดนตรีคืออะไร แปลไปแปลมามันก็ได้ความรู้ติดหัวขึ้นเรื่อยๆ
...ถ้าคนเขียนมันไม่หลอกกูอ่ะนะ
ลึงหน่อยดิ
https://www.facebook.com/jln.polaris?fref=ts
ไล่อ่านดูแล้วกัน
http://pantip.com/topic/32755852
派遣
は けん [0] 【派遣】
( 名 ) スル
任務を負わせて,他の場所に行かせること。
ถูกส่งไปประจำ ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ ที่บริษัทเรา เวลาผู้บริหารญี่ปุ่นถูกส่งมาทำงานในไทย เค้าก็เรียก派遣นะ
ก็ยังได้เงินเดือนเท่ากับตอนอยู่ญี่ปุ่นตามปกติ แค่มาวางโครงสร้างการบริหารในไทย 3-5 ปีอะไรก็ว่าไป
เข้าใจนะว่ามาอยู่ไทยเป็นการชั่วคราว แต่มันใช่เหรอว่ากลายเป็นลูกจ้างชั่วคราวไปเลยเหรอ?
ความรู้สึกเรา ลูกจ้างชั่วคราว มันคือคนที่ไม่ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำของบ.นั้นๆ มีสิทธิตกงานได้ง่ายๆ ทุกเมื่อ
แต่คนที่ถูกส่งไปประจำที่อื่น ยังไงก็เป็นลูกจ้างประจำ เป็น正社員แค่อาจจะถูกส่งไปสาขาโน้นสาขานี้เท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.