>>>/animanga/147/ สมาคมแม่บ้านนักแปล
>>>/animanga/409/ สมาคมแม่บ้านนักแปล บทที่สอง
Last posted
Total of 1000 posts
>>>/animanga/147/ สมาคมแม่บ้านนักแปล
>>>/animanga/409/ สมาคมแม่บ้านนักแปล บทที่สอง
เปิดซิงกระทู้ใหม่ นี่มันวงเวียนชีวิตนักแปลสินะ
ที่กระทู้ก่อนมีถามว่าแฟนเรื่องไหนเหี้ยสุด
อยากตอบว่าติ่งคาเงโร่สายพันธ์ญี่ปุ่นเหี้ยสุด
จาก >>2 กูอยากถามว่าแปลเล่ม 1 แล้วไม่ต่อมันผิดด้วยเหรอวะ สัญญามาเล่มต่อเล่ม กูไม่ถูกใจเนื้อหาเล่ม 1 กูก็เลือกที่จะไม่แปลต่อแค่นั้นเอง
แฟนคาเงโร่นี่เหี้ยจริงอะไรจริง โดยเฉพาะอีติ่งในกระทู้นั้น กูเห็นแล้วตีนกระดิกริกๆ อยากเข้าไปบอกมันว่ามึงพิมพ์ไทย รู้จักเว้นวรรคให้ถูกก่อนเหอะ สะเออะจะสมัครไปเป็นนักแปล ห่าเอ๊ย
>>4 มึงจะไม่ทำต่อด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่งานมันมีเส้นตาย
ถ้าบอกก่อนล่วงหน้าบริษัทมันก็ยังพอหาทางหาคนมาแปลแทนได้
บางคนแม่งหายหัวเอางานไปดองเป็นเดือนๆ มาบอกเลิกเอาก่อนเส้นตายไม่เท่าไหร่
เสียเวลาไปฟรีๆ แล้วยังกระทบถึงตารางคนทำงานต่อจากมันด้วย
แล้วเคสที่นักแปลทิ้งงานกลางทางเนี่ย ส่วนใหญ่ไม่ยากบรรสัยก็มือไม่ถึงแล้วแปลไว้เหี้ยๆ
ถ้ากองบ.ก.ไม่แข็งพอ เก็บกวาดความเหี้ยออกไปได้ไม่หมด
มึงเป็นคนรับงานต่อเล่มถัดจากมัน แล้วต้องแปลต่อจากจุดที่แม่งมโนมั่วไว้นะ
กัดฟันแปลไปด่าแม่มันไปก็ไม่ช่วยให้ความเหี้ยลดลง
กูว่าส่วนใหญ่ถ้าไม่เหี้ยหรือมือไม่ถึงจริงก็ไม่ค่อยคืนงานกันป่าววะ ของกูเคยเอามาดองและขอคืนเค้าเหมือนกัน แต่ก็เร่งทำให้จนถึงเล่มที่เค้าขอนะ(การ์ตูน) แต่ถ้าเป็นนิยายไม่เคยว่ะ และกูคุยกับเพื่อนที่เป็นนักแปลเต็มเวลามันบอกว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยเลือกงานเพราะมีไรก็รับหมดไม่งั้นไม่พอแดรก
ปัญหาที่เกิดการมือไม่ถึงน่ะเพราะแม่งจ่ายไม่หนักพอที่จะดึงทวยเทพลดตัวมาแปลให้ได้ตะหาก ส่วนที่ต้องรับไม่เลือกไม่งั้นไม่พอแดกน่ะเกิดจากจ่ายเงินช้า ถ้ามันจ่ายให้ทันทีที่จบงานน่ะเดือนนึงทำสักเล่มสองเล่มก็อยู่ได้ชิวๆแล้ว เพราะงั้นถ้าพวกสำนักพิมพ์ที่จะมาด่าว่านักแปลเหี้ยทิ้งงานเนี่ย ให้มึงสำเนียกดูตัวเองก่อนเถอะว่าเลี้ยงเขาได้ดีแค่ไหน
ดูอส่างสายนิยายจีนของสยามสิ เล่มแม่งหนากว่าln มันยังออกได้แทบทุกเดือน บางเรื่องเดือนใะ2เล่ม อย่างช้าก็3เดือนเล่ม แต่3เดือนนั้นข้อมูลแม่งแน่นดีมาก ควาาเร็วในการแปลถือว่าโหดสุดๆ
มึงคิดว่านิยายจีนพวกนั้นยอดขายกี่เล่ม คนแปลได้ค่าแปลเท่าไหร่ สำนักพิมพ์จัดคนลงพรูฟกี่ขั้นตอนล่ะ
บางเรื่องแม่งออกหลังต้นฉบับไม่กี่วันด้วยนะ
อย่าง เหยี่ยวมารงี้
เออ แต่กูเข้าใจที่ >>11 อยากสื่อนะ ใจจริงกูอยากเป็นฮิกกี้เก็บตัวเกาพุงแมวแปลงานอยู่บ้านอย่างเดียว แต่ค่าแปลแม่งก็.... อย่างเงี้ย ในขณะที่กูไปเป็นล่าม ขี้หมูขี้หมาวันนึงครึ่งหมื่น เสร็จแล้วเสร็จกัน บางทีได้ของฝากติดปลายนวมมาอีก ในขณะที่งานแปลต้องแก้ต้องเกลา แถมโดนติ่งด่าเสียๆ หายๆ อีก กูว่าชีวิตแม่งรันทดอยู่นะ...
ทำไมวะ เล่ามาดิ่ กูชอบงานแปลของหลินโหม่วนะ เขาเลือกเรื่องโคตรสนุก แม้หนังสือจะแพงเหี้ยๆ ก็ตาม
เฮ้ย เดี๋ยวดิ ไอ้พวกที่ทิ้งงานกลางครัน แล้วอ้างว่าทำไม่ไหว ค่าแรงไม่เยอะพอ ไม่คุ้ม
มันควรจะพิจารณาตัดสินใจตั้งแต่ตอนรับงานครั้งแรกสุดแล้วไม่ใช่เรอะ
ได้ต้นฉบับเล่มแรกๆ มาไว้ในมือ ได้อ่านผ่านตา ก็น่าจะพอตัดสินใจได้แล้วว่าไหวหรือไม่ไหว คุ้มหรือไม่คุ้ม
วงการนี้มันแคบนะเว้ย แปลๆ เลิกๆ แบบนี้เดี๋ยวก็โดนแบล็คลิสต์ไม่รู้เรื่อง คราวหน้าเขาจะไม่อยากส่งงานให้เอา
อะไรไม่เหี้ยเท่ากับ ไม่มี ไม่หนี ไม่ส่ง ผ่านเดดไลน์แรกก็แล้ว เดดไลน์สองก็แล้ว
ไม่เสร็จก็ไม่บอก ไม่ทำแล้วก็ไม่บอก ติดขัดเหี้ยอะไรก็ไม่บอก ถามไปกี่ทีๆก็ทำอยู่ๆ แล้วเฟดหนีงานไปเลยเฉยๆ
พอหมดเดดไลน์สุดท้ายให้มาเจรจามึงจะเอายังไง ก็มาดราม่าใส่ แม่ด่า พ่อป่วย ยายเสีย เมียคลอด คอมพัง ฯลฯ
สรุปคือมาทำให้เสียเวลารอมึงฟรีๆ แผนงานการตลาด กำหนดหนังสือออก บรูฟ จัดอาร์ท พิมพ์เตรียมตัวมาครึ่งปีพังหมดเพราะมึงคนเดียว
>>18 >>18 http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000167263
ถ้าตามนี้จริงถือว่าโหดมากเลยนะ นั่งทำงานรวดเดียว7ชั่วโมงถึงเลิกงาน งานแกถึงได้ออกมาเร็วสุดๆ
ส่วนเรื่องหลินโม่วนี่ได้ยินคร่าวๆว่าเจ้าตัวแปลมาก่อนแบบไม่เป็นทางการ พอน.มาแปลแล้วมันดันคล้าย ซึ่งก็ไม่แปลก นินายกำลังภายในมีจารีตการแปลเป็นภาษาลิเกอยู่แล้ว จะออกมาคล้ายกันเป็นเรื่องปรกติ
>>25 เท่าที่อ่านมายังไม่เคยเจอเลยนะ เจอแต่ตรงกันข้าม เล่มแรกมักจะยากที่สุด เพราะต้องหาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนั้นเยอะมาก เริ่มจาก 0 แต่พออ่านไปอ่านมาจะยิ่งง่ายขึ้น ทั้งในส่วนที่พอมีความรู้พื้นฐานในสโคปของนิยายเรื่องนั้นแล้ว และเริ่มคุ้นเคยกับภาษาและสไตล์ของคนเขียน
แต่อาจจะมีก็ได้มั้ง อะไรก็เป็นไปได้ แต่อ่านนิยายมาเป็นสิบๆ ปียังไม่เคยเจอนะ
แต่มันจะมีอีกเคสนึงอันนี้เรื่องอารมณ์มากกว่า คือไม่ชอบงานที่แปลตั้งแต่เล่มแรก แต่ทนแปลไป เล่มสองเล่มแรกยังพอทนไหว แต่ยิ่งแปลมากเข้าก็ยิ่งท้อแท้ ยิ่งเบื่อหน่าย แต่กูไม่เคยทิ้งงานนะ แค่รู้สึกว่ายิ่งแปลยิ่งเหนื่อยจิต ทั้งที่มันไม่ได้ยาก
ความรู้ตอนแรกเป็น 0 นี่เข้าใจเลย
กูแมร่งต้องแปลนิยายเกี่ยวกับพวกทางการทหาร ศัพท์ปืน ศัพท์เทคนิกเพียบ จนแมร่งช่วงแรกท้อสาดๆ
ยังดีกูมีเพื่อนบ้าเกี่ยวกับเรื่องปืน เลยพอถามมันได้ ไปๆมาๆ ก็ชักรู้สึกสนุกกับพวกเรื่องปืนว่ะ แมร่งมีอะไรน่าติดตามเยอะดี
อือ เห็นด้วย เจองานแปลเกี่ยวกับดนตรี
จากตอนแรกไม่เคยรู้ว่าแซ็กซ์ ทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบ้า โอโบ และ ฯลฯ มันต่างกันยังไง
บันไดเสียงคืออะไร หนึ่งห้องดนตรีคืออะไร แปลไปแปลมามันก็ได้ความรู้ติดหัวขึ้นเรื่อยๆ
...ถ้าคนเขียนมันไม่หลอกกูอ่ะนะ
ลึงหน่อยดิ
https://www.facebook.com/jln.polaris?fref=ts
ไล่อ่านดูแล้วกัน
http://pantip.com/topic/32755852
派遣
は けん [0] 【派遣】
( 名 ) スル
任務を負わせて,他の場所に行かせること。
ถูกส่งไปประจำ ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ ที่บริษัทเรา เวลาผู้บริหารญี่ปุ่นถูกส่งมาทำงานในไทย เค้าก็เรียก派遣นะ
ก็ยังได้เงินเดือนเท่ากับตอนอยู่ญี่ปุ่นตามปกติ แค่มาวางโครงสร้างการบริหารในไทย 3-5 ปีอะไรก็ว่าไป
เข้าใจนะว่ามาอยู่ไทยเป็นการชั่วคราว แต่มันใช่เหรอว่ากลายเป็นลูกจ้างชั่วคราวไปเลยเหรอ?
ความรู้สึกเรา ลูกจ้างชั่วคราว มันคือคนที่ไม่ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำของบ.นั้นๆ มีสิทธิตกงานได้ง่ายๆ ทุกเมื่อ
แต่คนที่ถูกส่งไปประจำที่อื่น ยังไงก็เป็นลูกจ้างประจำ เป็น正社員แค่อาจจะถูกส่งไปสาขาโน้นสาขานี้เท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ
ไม่เคยดูเรื่องที่รีวิว แต่ 派遣 ถ้าใช้ด้วยตัวมันเองตรงๆ จะหมายถึงส่งไปทำงานต่างสถานที่ตามที่บอกนั่นแหละ
แต่เวลาใช้ว่า 派遣社員 มันจะซับซ้อนขึ้นนิดนึง ญี่ปุ่นมีบริษัทประเภท 人材派遣会社 เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ส่งออกพนักงานอย่างเดียว
พนักงานที่อยู่ในบริษัทพวกนี้จะรับเงินจาก 派遣会社 แล้วจะมีสถานะเป็นพนักงานชั่วคราวของบริษัทที่ถูกส่งไป
เพราะงั้นแปลว่าพนักงานชั่วคราวไปก็ไม่ผิดนะ
ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยดูเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวอันไหนก็ OK นะ แต่ต้องดูบริบทด้วย
ไอ้ประตูน้ำมันเคยบ่นกันประมาณชาติเศษในตุรกีแล้วนิ เพิ่งมาบอกหรือไงวะ ว่าแต่หมึกแดงมันหมายความว่าไงวะ กูไม่เคยได้ยิน
กูว่าแม่งก็เหมือนพันธมิตรแหล่ะ พากย์นอกบท มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ ถ้าเล่นมุขไม่เก่งก็โดนด่าซวยไป ถ้ามุขแพรวพราวคนก็สรรเสริญ แต่ความผิดไม่ได้ร้ายแรงเท่าพวกแปลดำน้ำเลย คุยกันว่าไม่เอาแบบนี้นะ คนดูไม่ชอบ แค่นั้นก็จบ ไม่เหมือนพวกโง่ญี่ปุ่นแปลดำน้ำ อันนั้นปรับปรุงยาก คงต้องไปเรียนยุ่นใหม่หมด
กุรู่สึกว่าทำไมคนแปลมักโดนเล่นงานเรื่องเล็กน้อยตลอด เช่น มุขนอกบท การใช้สรรพนาม การถอดชื่อคาตาคานะ ทีไอ้พวกแปลมั่วแปลขาดๆเกินๆด้นสดดำน้ำไวยากรณ์ทำให้เนื้อเรื่องเสียหายที่บ่นกับชิบหายในมู้ไลท์โนเวลแม่งไม่ยักมีใครสับ สงสัยอยู่ที่ดวงมากกว่ามั้ง 55 ดวงดีรอดลอยหน้าลอยตาในวงการต่อไป ดวงซวยไม่ได้แปลผิดแค่แปลไม่ถูกใจโดนด่ายันโคตร
>>45 แต่ถ้านอกบทแบบเคนชินล่าสุดก็ควรโดนสรรเสริญอะนะ ส่วนเรื่องดำน้ำนี่บอกยากวะ ถ้าคนอ่านรู้ภาษาญี่ปุ่นกันก็ไปอ่านต้นฉบับกันหมดแล้ว ไม่ตัองมาลุ้นว่าเรื่องไหนแปลเป็นไง อีกอย่างสับหนังสือเทียบต้นฉบับแม่งลำบากนะโว้ย เสียเวลาทำมาหากิน แต่ก็เห็นคนด่ากันอยู่นะอย่างซับเมะโรสช่วงนั้นที่แปลแบบดำน้ำกระจายก็สวดกันแหลกอยู่(ทำไมมันไม่ด่าไอ้lnของfpมั่งวะ แค่หน้าแรกก็กระจายแล้ว) ส่วนถอดชื่อล่าสุดกูขึ้นไอ้deregaติดblacklistไปเรียบร้อยแล้ววะ ตั้งแต่แทนสรรพนามตนเองว่าข้าเจ้ากูอ่านแล้วรำคาญสัส อยากถีบปากมันชิบหาย แล้วก็ทวิตแบบไร้มารยาทโคตรๆ ชื่อคาตาคานะแม่งก็โคตรจูนิเบียว บางชื่อใช้รากภาษาอะไรก็ไม่รู้อยู่ที่คนเขียนมโนล้วนๆ ไม่ได้ชัดแบบที่จอมเวทมนตร์ดำกาลูที่sicแปลอันนั้นนี่สมควรด่า
อยู่ที่ติ่งเรื่องนั้นด้วย ถ้าเยอะอย่างไอ้ข้าเจ้านี่พิมพ์ผิดตัวเดียวคงโดนบอกให้ปิดสนพ. แต่ถ้าไม่มีติ่งเดนตายแปลผิดบ้างถูกบ้างคนก็มองข้าม เพราะไม่ใช่เรื่องที่ชอบ
ไอ้ข้าเจ้ามันตั้งตัวเองเป็นคัมภีร์โวคัลลอย ผิดไปจากกู มึงตายสถานเดียว
แดกโอโล่กูซะเถอะ ไอ้ข้าเจ้า
ไว้ว่างๆ เดี๋ยวเอาที่จับผิดไนท์เมจิคทำต่ออีกซักครึ่งบทแล้วไปโพสดูมั่งละกัน
แต่มองว่าถ้ามันไม่ใช่จุด error ที่เข้าใจง่ายๆ มันไม่น่าจะมีใครสนหรอก
เคนชินทำไมวะ ไม่ได้ตามข่าว มีอะไรๆ
พันธมิตรแมร่งไม่ควรจะพากย์หนังอื่นนอกจากหนังผีกับหนังตลกว่ะ กูว่านะ
ก็เหมือนตอน Battle Royal หนังแม่งซีเรียสฆ่ากันตาย พากย์ซะกลายเป็นหนังตลก
เห็นพันธมิตรเคยบอกว่าพากย์ตามคนจ้างงาน ถ้าคนจ้างอยากให้มีการพากย์นอกบทให้มันตลก ไม่เครียดเกินไป ก็ต้องทำตามทั้งที่ไม่อยากทำ เห็นว่าสมัยแบทเทิ่ลรอยัลนี่ไม่อยากจะนอกบทกัน แต่คนจ้างเขาเขาว่ามาเลยไม่กล้าขัด
ฟังแล้วก็ไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่า รึว่าเป็นแค่ข้อแก้ตัว ส่วนตัวว่ามันก็ผสมกันทั้งสองอย่างนั่นแหละ ถึงคนจ้างจะไม่สั่ง ยังไงก็มีพากย์แบบเลอะเทอะปนอยู่ดี แต่งานนี้คนแปลบทไม่เกี่ยวละนะ เพราะแปลบทหนังผิดก็ว่ากันไป งานนี้ความผิดที่ทำให้เรื่องพังมันอยู่ที่ทีมพากย์
กูอยากรู้อย่างไอ้เคนชินล่าสุดนี่โดนทางบริษัทบังคับให้พากย์เอาฮารึป่าววะ อย่างbattle royaleก็เหมือนโดนบีบเหมือนกัน เจ้าตัวมาประกาศเองเลย กูเคยดูold boyของเกาหลีที่พันธมิตรพากย์ก็ซีเรียสนะ ไม่พากย์นอกบทด้วย
สงสัยว่าระดับพันธมิตรยังต้องมาโดนบังคับเรื่องแบบนี้อีกเหรอ ทางทีมเองก็น่าจะตัดสินใจได้นะว่าหนังเรื่องนี้จะพากย์แบบไหน ส่วนคนจ้างก็น่าจะไว้ใจให้ทีมงานจัดการกันเองแล้วรึเปล่า?
ไหนว่า Battle Royale ทีมงานบอกเองไงวะ ว่ากลัวจะเครียดเลยพากย์ฮาๆ เอาจริงๆ คนสั่งงานนี่ควายมากเลยนะ เหมือนมึงจะขายขนมหวาน แต่มึงกลัววหวานไป มึงเลยโรยเกลือลงไปแทน
Battle Royal นี่กูพอเข้าใจนะ คือหนังมันขายความรุนแรง แต่ก็ไม่อยากเป็นจำเลยสังคม
แต่ Kenshin นี่กูว่ามันไม่ควรจะขำเลยนะ
คงไม่มีใครสั่งหรอก พันธมิตรแม่งKYด้วยตัวเองทั้งนั้นแหละ กูเชื่อ และกูไม่เคยชอบดูหนังพากย์โดยพันธมิตรเลยซักเรื่องนอกจากหนังจีน...
กูก็เคยแปลบทหนังโรงนะ กูจัดเต็ม ตั้งใจทำอย่างดี พอไปดูในโรงถึงกับหงายเงิบ เพราะบทโดนแปลงตรึม หนังมันเป็นหนังพีเรียด กูก็แปลแบบโบราณๆ แต่พอฉายมีคำพวก แจ่ม เดี๋ยวจัดเต็ม อะไรพวกนี้เพียบ กูเกือบน้ำตาไหลกลางโรง....
กูยังจำสาวน้อยต่อยหนักที่พันธมิตรพากย์ได้เลย
ซับก็ขึ้นว่า'งั้นครูฆ่าตัวตายดีกว่า' พันธมิตรพากย์เหลือแค่ 'งั้นครูลาออกดีกว่า'...
สาวน้อยต่อยหนักของไทก้าเป็นเรื่องที่ต้นฉบับตลก และพอพันธมิตรเอามาพากย์ให้ตลกกลายเป็นไม่ตลก ฝืด แป้กไปเลย...
เข้าสมการ ลบ*ลบ=บวก ไม่ขำเลยไอ้สัด
หนังพันธมิตรพากย์ที่กูชอบที่สุดคือทุกเรื่องที่โจวซิงฉือเล่น... เคยไปดูแบบต้นฉบับมา ฮากริบเลย
ไม่มั่นใจว่าถามถูกที่รึเปล่า
แต่เวลาเล่นเกมเซิฟยุ่นแล้วการบอกว่าตัวเองเป็นไกจินเสียมารยาทรึเปล่า คืออีกฝั่งทักว่ากู copy paste word น่ะ
มันก็แล้วแต่ว่าเกมที่มึงเล่นมันจะเคยมีไกจินไปทำเรื่องอื้อฉาวให้เขาเกลียดกันมาก่อนรึเปล่าน่ะนะ
ถ้าเขาทักแล้วไม่ตอบ กลับจะเป็นการยอมรับว่าเอ็งเป็นพวกไกจิน copy paste คำอ่ะสิ
ยังไงก็ไม่ทันแล้วล่ะ เพราะฝั่งนั้นโอะยาซึมึไปแล้ว 555555+
แต่กูว่าไม่น่าห่วงหรอกเพราะมันเป็น mobage แชทแบบปาร์ตี้น่ะ ซึ่งปกติก็มีคนทักอรุณสวัสดิ์ สวัสดียามบ่ายตามเรื่อยเก็บ talk event ไปเรื่อยแบบกูเหมือนกัน แต่มีคนทักกูจึงชะงักไปนิด
ขุดกระทู้หน่อยนะ คือกูเคยแปลมังกะสมัยนานมาแล้วตอนยังเรียนอยู่ให้สนพ.นึง ตอนนั้นได้ราคาสิบห้าบาท แล้วก็เลิกลามานานมากแล้ว ตอนนี้พอมีเวลาว่าง เพื่อนมาช่วยไปแปลอีก มันบอกว่าราคาอยู่ที่ 15 บาทเท่ากับเมื่อสิบปีก่อนเปี๊ยบ กูอยากรู้ว่านี่กูโดนกดราคา หรือว่าราคาตลาดมันเท่านี้จริงๆ วะ
เคยแปลเมื่อราว10-15ปีก่อนก็หน้าละสิบบาทเหมือนกัน
เท่านั้นจริงๆ บางทีต่ำกว่านั้นด้วย บางที15บาทแบบหน้าว่างไม่นับให้ด้วย ก็ลองคิดดูละกันว่าทำไมแม่งเป็นงานที่หาคนทำดีๆ ยากเหลือเกิน
แลกกับความเสียวไงมึง เงินน้อยต้องรับงานเยอะ เล่มนึงให้เวลากับมันน้อยมาก
วันดีคืนดีถ้ามึงหาข้อมูลพลาด หรือถอดชื่อไม่ตรงใจ จะมีคุมาตั้งกระทู้สับละเอียด หน้าบางทนไม่ได้ บก.ก็ต้องมาคอยตามล้างตามเช็ดหาคนมาแทน หาไม่ทันใจเจอด่าว่าดอง ออกช้ากระแสตกอีก
สำนักพิมพ์การ์ตูนอื่นๆ ยังหน้าละ 15 บาทกันอยู่เหรอวะเนี่ย นึกว่าขึ้นกันหมดแล้ว
สมควรที่งานแปลจะได้คุณภาพระดับเด็กหัดแปล ขนาด VBK ที่เคยเอกอุ มาตอนนี้เละเทะไปหมด
>>78 มึงบ้าป่าววะ เวลาพิมพ์หนังสือเขาพิมพ์กันแค่เล่มเดียวรึไงวะ ต้นทุนต่างๆอย่างค่าlc ค่าพิมพ์ กระดาษ ค่าแปล+ปรูฟเอยมันก็คือตัวเลขที่คงตัววะ(อาจเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์สนพ.)แล้วหารเฉลี่ยจำนวนเล่มเป็นต้นทุนต่อเล่ม ซึ่งถ้าขายดีก็คุ้มทุน+มีกำไรแล้วแต่การตลาดกับกระแส
สำหรับมนุษย์บางจำพวกที่โง่เรื่องต้นทุน มันคิดว่าหนังสือแปลเสร็จพิิมพ์เสร็จก็เทเลพอร์ทมาอยู่ที่แผงร้านเลยนะเว้ย
>>80 คงที่ป๊ะมึงดิ ค่า LC แปรผันต่อเล่มต่อราคาหน้าปกเว้ย ยิ่งปกแพงยิ่งต้องจ่ายหนัก ค่ากระดาษขึ้นกับโรงงานกระดาษเว้ยแต่ละเดือนมันไม่เท่ากัน ส่วนค่าพิมพ์กูบอกให้ว่า 5 ปีนี้ขึ้นมา 10 % เว้ย อานิสงค์จากค่าแรง 300 บาทนั่นไง ส่วน GP ให้ร้าน เมื่อห้าปีก่อนให้ร้านยี่ปั้ว 25 % ตอนนี้ให้ร้านยี่ปั้ว 35-45% ไปแล้วโว้ย มึงคิดว่ามีอะไรคงที่บ้างวะ
โม่งมโนมันชักเยอะจนกูชักไม่รู้จะเชื่อใครแล้วว่ะ - -
>>74 ค่าแปลการ์ตูนมันเฮงซวยมากอ่ะ บ่องตง เรตเบสิค10กว่าปีก่อนที่กูเคยแปลก็15บาท หลังจากเลิกแปล 10ปีต่อมาแมร่งก็ยังอยู่ที่15บาท อันนี้คอนเฟิร์ม เพื่อนสนิทกูที่แปลอยู่บอกมา อ่ะนะ ค่าแรงขั้นต่ำก็300บาทแล้ว แมร่งหัดให้เพิ่มเป็น20-25บ้างก็ได้มันจะอะไรมากมายวะ หัดดูเงินเฟ้อบ้างดิ -*- (อันนี้ยังไม่ได้รวมถึง+ค่าความยากของเรื่องที่แปล) มิหนำซ้ำค่าแปลของพวกมือเก๋ากับเด็กหัดแปลก็ยังเท่ากัน!! อันนี้กองบก.เอาส้นตรีนอะไรคิดก็ไม่ทราบ มือเก๋าที่แปลเก่งๆเลิกแปลไปเยอะละ ถึงมีเหลือก็น้อยว่ะกูมั่นใจ ส่วนใหญ่จะเหลือแต่เด็กเห่อหมอยกากๆเข้ามาทำงาน แปลไม่รอดก็ทิ้งขี้ไว้ให้คนอื่นแปลต่อ ระดับของงานแปลมันถึงเจริญลงฮวบๆไง
ใครมีลูกมีหลาน ถ้ามันเก่งเรื่องภาษาญี่ปุ่น แล้วมึงไม่อยากให้พวกมันลำบาก(เว้นแต่จะบ้านรวยมิลเลียนแนร์) สอนให้ขึ้นใจไปเลยก็ได้นะว่า "อย่าแปลการ์ตูนหาแดก"
>>90 มันก็แล้วแต่สนพ.อีกนี่มึง ว่าข้างบนมันเห็นค่านักแปลมั้ย
อ่ะ ถ้าบูมกับวิบูลย์น่ะให้ตามความยากง่าย(โดยเฉพาะถ้าแม่งหาคนมาทำไม่ได้) แต่สยามให้เท่ากันทุกเล่ม ส่วนทางนิยายกูรู้แค่บางสนพ.ให้ตามความยากง่าย ซึ่งกูมองว่ามันแล้วแต่คนข้างบนจริง ๆ เพราะต่อให้บก.ไปคุยหรือพูดปากเปียกยังไงแต่ข้างบนไม่อนุมัติจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย บก.ก็ได้แต่เบิกตามที่ข้างบนตั้งกฎมา จะเอาเงินเดือนตัวเองมาจ่ายนักแปลเหรอ
มึงเอานักแปลไปเทียบกับนักบอลไม่ได้หรอกว่ะ แล้วก็นะ มึงก็เห็นโม่งทั้งหลายบอกแล้วนี่ว่าเพราะงั้นนักแปลดี ๆ ถึงไปทำล่ามกันหมดเพราะเงินมันดีกว่า กูว่าโรนัลโด้ก็คงไม่เตะให้สโมสรอาทิตย์ละ 80 ปอนด์หรอก คนที่เค้าเก่งมีทางเลือกเยอะเค้าก็เลือกไปเส้นทางที่รายได้เยอะกว่าอยู่แล้ว
>>91 กูก็ไม่ได้บอกให้บก.มันควักเนื้อนี่หว่า ปกติก็มีงบค่าแปลในแต่ละเดือนอยู่แล้ว สมมตินะ เบื้องบนมันให้งบค่าแปลมึงต่อเดือนมึงมาก้อนนึง หน้าที่ของบก.ที่ดีก็คือ กระจายงบตามผลงานของนักแปลไม่ใช่รึ ไอ้ตัวไหนแปลเหี้ยก็คัดมันออกไปซะ หรือถ้าจำใจต้องจ้างก็ให้มันเรตน้อยที่สุด ไม่ต้องไปปรับเพิ่ม มันจะได้สำเหนียกตัวเอง ไปอัพเลเวลมาใหม่ หรือไม่ก็ไสหัวไปซะ ส่วนไอ้คนแปลดีๆจนการ์ตูนดังเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท มึงก็เพิ่มเรตให้มันสูงกว่าพวกกากๆสักนิดหน่อย ก็ดูไม่น่าเกลียดแล้ว ความสัมพันธ์จะได้ดีขึ้นอีกสักคืบ อือ กูจะอธิบายยังไงดีล่ะ ไม่ใช่ครูซะด้วย.....พูดง่ายๆว่าบริษัทคนไทยก็งี้แหละว่ะ ใครอยากมีอันจะกินด้วยภาษาญี่ปุ่น หาแดกกับไอ้ยุ่นโดยตรงดีที่สุด ใจไม่รักการ์ตูน+บ้านไม่รวยพออยู่ไม่ได้หรอก
กูเริ่มเข้าใจแล้วแหละว่าค่าแปลแม่งเศษตังค์ชัดๆเมื่อเทียบกับการลงแรง เรต15บาท200หน้าเฉลี่ยรวม3000บาทต่อหนังสือ1เล่ม ส่วนเงินที่เหลือยัดกับค่าพิมพ์และอื่นๆ แต่ทำไมต้นทุนอื่นๆขึ้นได้แล้วค่าแปลนี่มันเท่าเดิมแม่งประหลาดชะมัด
>>92 เรื่องงบนี่กูไม่รู้ว่ะว่าเค้าจ่ายกันอย่างนั้น ถ้าปรกติเค้าได้เป็นงบก้อนแล้วบก.จัดสรรเองได้กูก็ขอโทษด้วยที่โง่ แต่ปรกติเท่าที่กูเคยทำด้วยมากูก็เห็นแต่บก.บอกว่าถ้าจะขึ้นคือต้องขอคุยกับหัวหน้า ถ้าหัวหน้าไม่เซเยสก็อดไป แต่บางสนพ.ก็กำหนดมาตายตัวว่าให้แค่เท่านี้ บก.ทำไรไม่ได้ได้แต่เบิกให้นักแปลตามจำนวนหน้าและเล่มที่ส่ง
กูเลยเรียนหลักการวิทยาศาสตร์มาแบบโง่ๆว่า action=reaction แต่แม่งคงเอามาใช้ไม่ได้กับแวดวงแปลการ์ตูน คือมึงทุ่ม200มึงก็มีโอกาสสูงที่จะได้กลับมาแค่100 หรือต่อให้มึงทุ่มไป50มึงก็ยังมีโอกาสที่จะได้กลับมา100อยู่ดี ไอ้เหี้ย นี่มันคอมมิวนิสต์ชัดๆ -*-
>>97 เกี่ยวกับค่าแปลของบงกชที่ต่ำเตี้ยที่สุด
ในฐานะของคนที่เคยมีประสบการณ์แปลให้ที่นั่น(แต่ตอนนี้เลิกไปแล้ว)
กูมีคห.ว่าเพราะบงกชมันถือว่ามีต้นฉบับเยอะ บวกกับพวกรู้ญี่ปุ่นงูๆปลาๆมักคิดว่าโชโจมังงะแปลง่าย
ทำให้มีคนแห่ไปสมัครแปลไม่ขาดสายมันเลยคิดว่ามีตัวเลือกเยอะ
ถึงได้ยังกล้ากดราคาค่าแปล+ให้นักแปลดั้นด้นเข้าไปรับงานถึงสำนักพิมพ์ที่อยู่โคตรไกล
แต่ทำไมกูรู้สึกว่าบงกชมันงานแปลดีกว่าวิบูรณ์หรือสยามอีกวะ
ยุคที่มีอินเตอร์เน็ตกับไปรษณีย์ด่วนแบบนี้ ไหงยังต้องให้เข้าไปรับส่งงานถึงที่อีกวะ ไม่เข้าใจ
>>106 กุยอมรับเลยว่ากุเข้าข่ายนักแปลงี่เง่าบ้าพลังนี่แหละ ที่ยังทำอยู่นี่คือใจรักล้วนๆ คือพอได้งานแล้วมันก็ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุดเพื่อตัวผลงาน & ความฟินของตัวเอง บอกเลยว่าต่อให้ สนพ เกิดลดค่าแปลขึ้นมา กุกะอีกหลายๆ คนก็ยังจำใจทำว่ะ เพราะไม่อยากให้นักแปลกากๆ ที่ไหนไม่รู้มารับช่วงต่อ
เพราะมีคนแบบกุอยู่เยอะล่ะมั้ง สนพ เลยยังปฎิบัติกับนักแปลแบบนี้ได้ ww
สัดเอ๊ย เมื่อไร แมร่งจะมีสหกรณ์....เอ๊ย สหภาพแรงงานนักแปลการ์ตูน&นิยายญี่ปุ่นวะ -*-
สิ่งพิมพ์เมืองไทยมันโตยากว่ะเพราะมีมาเฟียในระบบที่เรียกว่าสายส่งอยู่
ยกเว้นสำนักพิมพ์ทุกที่มันจะมีสายส่งเป็นของตัวเอง
อยากได้ไรมึงต้องทำเอง ตั้งกิลด์เองเลย ถ้ามันให้ประโยชน์กันทุกฝ่ายใครจะค้าน
มันจะเวิร์คปะถ้ามีอะไรคืนให้สนพ.บ้าง เช่นรับประกันว่านักแปลในสังกัดสหภาพจะไม่ทิ้งงานหรือจัดหานักแปลมาแทนให้ได้
>>112 มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว เมืองไทยนี่ไม่รู้เป็นเหี้ยไร เห็นคนอื่นได้ดีเป็นไม่ได้ ความอิจฉาครอบงำตลอด รับรองตั้งกิลด์มาไม่ทันไร ไม่นานก็กิลด์แตก เพราะคนกันเองนี่แหละ แต่กูเห็นด้วยกับมึงที่ว่า กิลด์ควรจะรับรองคุณภาพนักแปลในกิลด์ให้กับสำนักพิมพ์ แต่สำนักพิมพ์จะสนใจคุณภาพในงานแปล มากกว่าการจ่ายค่าแปลถูกๆรึวะ???
ตราบใดที่ยังมีคนยอมรับคึณภาพห่วยๆและตัังหน้าตั้งตาบูชาแท้จะโดนด่าอย่างตอนdamare kuzu พวกมึงยังหวังให้สนพ.มันปรับตัวอีกเหรอวะ ในเมื่อมีพวกสวะที่เขาขี้เขาเยี่ยวให้แดกก็ยังแดกแถมสำนึกบุญคุณด้วย ฝันไปเหอะ
ถ้าสนพ.ไม่ปรับตัว มันก็ต้องขึ้นราคาหนังสืออยู่ร่ำไป แล้วก็เป็นลูปวงจรอุบาทว์
ขึ้นราคา-->ขายไม่ออก-->ลดพิมพ์-->ต้นทุนต่อเล่มสูง-->ขึ้นราคา-->ขายไม่ออก-->ไปต่อได้สักพักนึง ก่อนจะเลิกทำในที่สุด
ครั้นจะหาแดกบนอีบุ้ค ここはタイだぞ!!とってもタイ的なタイ!!กูขอเอาหัวปู่คินดะอิจิเป็นเดิมพันอีกครั้ง จิตสำนึกแบบประเทศห่านี่ อีบุ้คไม่ได้เกิดในเร็วๆนี้หรอก โน่น รอลุ้นอีกสัก20-30ปี ให้คนgenนี้มันตายห่าหมดก่อนค่อยมาว่ากัน
วงการโม่งแม่งงดงามสัสๆ
ไม่รู้กุคิดไปเองรึเปล่า พวกซื้อเยอะๆเนี่ยไม่ค่อยบ่น ไม่เลือกค่ายด้วยออกก็ซื้อ
ยกเว้นเหี้ยจริงๆอย่างแปลผิด หน้าขาดถึงบ่นทีนึง
พวกบ่นเยอะๆ จุกจิก นู่นนี่นั่น แม่งไม่ค่อยได้ซื้อหรอก
ถามอะไรหน่อยจิ ถ้าดูจากคันจิ 脚คือขา 足คือเท้าเสมอไปเลยรึเปล่า หรือว่าคนญี่ปุ่นก็ใช้มั่วๆไม่แน่นอน อ่านการ์ตูนเรื่องนึง พระเอกมันบอกว่าตัวเองเป็น脚フェチคนเขียนใช้คันจิตัวนี้เลย แต่ทำไมมันเลียแต่เท้าวะ เข้าใจนะว่าเวลาพูดมันออกเสียงเหมือนกันแยกไม่ออกหรอก แต่งงว่าทำไมคนเขียนใช้คันจิตัวนั้น
>>126 นั่นน่ะสิ บางทีพูดแบบนี้มันก็เหมือนบอกว่าพวกอ่านเถื่อนในเน็ตไม่ผิด ผิดที่สำนักพิมพ์นั่นแหละที่ไม่ยอมปรับตัวให้พวกอ่านเถื่อนมันหันมาซื้ออ่าน
ซึ่งกูว่ามันไม่ใช่ยังไงไม่รู้สิ... แต่ส่วนตัวกไม่ค่อยพอใจเหมือนกันที่คนไม่อ่านสแกนแบบกูต้องรับเคราะห์ซื้อหนังสือแพงขึ้นเพราะสำนักพิมพ์ต้องเอาตังค์ไปโปะรายได้ที่เสียไปจากพวกอ่านเถื่อน(ปะวะ?)
เจออย่างนี้เพลียไหมเพื่อนโม่ง http://pantip.com/topic/32895218
อ่านแล้วรู้สึกว่าคนแปลไม่แน่นไวยากรณ์ไม่พอยังไม่ค่อยแม่นเรื่องคำศัพท์ด้วย ดูเรียงรูปประโยคผิดเยอะมาก
เบลดแดนซ์ได้อ่านไปถึงแค่เล่มสอง (ฉบับญี่ปุ่น) แต่รู้สึกว่าเป็นนิยายที่ไวยากรณ์ง่ายมาก เพราะคนเขียนไม่ค่อย 装飾 ประโยคเท่าไหร่
ถ้าแค่
อันนี้ถือว่าแฟร์ดี เพราะมีต้นฉบับมาเทียบ แต่บางอันก็จุกจิกไปหน่อย
ทำมองข้ามเรื่องชื่อเรียกคำเฉพาะอะไรไป ก็ยังมีผิดเรื่องไวยากรณ์กับความหมายอยู่ดี ไม่ใช่ข้อสองข้อ หลายจุดด้วย
จับผิดแบบนี้ กูถือว่ารู้จริงว่ะ
แล้วมันไม่ใช่เพี้ยนนิดหน่อยนะ บางอันนี่ประธานกับกรรมกลับที่กันเลย
บางอันก็ไม่น่าติ เพราะมันเป็นสิทธิ์ในการเลือกใช้คำของคนแปล แต่เห็นด้วยว่าไอ้คนแปลแม่งรั่วในหลายๆจุด ต้องฝึกวรยุทธอีกเยอะ
เพื่อนโม่ง ถามไรหน่อยดิ
ในเทพปกรณัมนอร์ส มันมียักษ์ที่แปลงเป็นเหยี่ยวชื่อ フレースヴェルグ เนี่ย
ภาษาไทยมันใช้ชื่อว่าอะไรเหรอ
ชื่อนอร์สตัวที่เขียนประหลาดๆนี่เป็นปัญหากับการอ่านจริงๆ
ชื่อไอ้ตัวนี้กูไม่เคยเห็นใครสะกดภาษาไทยเลยนะ คงไม่กล้าว่ะ
ส่วนตัวกูอ่าน ฮ-แรส-เวลก์
ไอ้กระทู้เบลดแดนซ์ทำไมกูรู้สึกว่าพวกแนะนำให้จขกท.สมัครไปแปลแม่งประชดวะ
ถ้ามันเก่งและว่างขนาดมานั่งไล่อ่านบรรดทัดต่อบรรทัดมันก็น่าจะไปเป็นนักแปลเลยนี้หว่า เสียดายความสามารถจะตาย คนแปลดีๆยิ่งหายากๆอยู่
ไม่รู้ดิ กูคงเข็ดจากกระทู้ไอ้ derega มั้งที่ใครๆก็ไล่แม่งไปสมัคร
มึงไม่ต้องไปทะเลาะกับพวกเก่งอังกฤษหรอก ก็แม่งไม่ใช่ภาษาอังกฤษแต่แรกอยู่แล้ว หุๆ
フリスベルグ นี้มันหุ่น Zegapain นี้หว่า
ดูชื่อคนแปลเบลดแดนซ์เทียบกับเล่ม 1 แล้วเป็นคนละคนกันด้วย
มีอีกกระทู้นึงด้วยนะ
http://pantip.com/topic/32896758
แต่อันนี้กูว่าบางจุดพลาดตรงพิสูจน์อักษรมากกว่าแต่เรียกย่อโรงเรียนนี่จริงเหรอวะ
แบล็คลิสต์แมร่ง
กูสงสัยมานานแล้ว สนพ ไลท์โนเวลเวลารับสมัครนักแปลไม่มีการทดสอบอะไรเลยเหรอวะ
บางคนตอนทดสอบกับแปลจริงออกมาคนละเรื่อง บางคนแปลลื่นและเนียนมากตอนแรกๆ ทางกอง บก. เลยไว้ใจให้คนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเช็ค (ดูแต่ภาษาไทย) เพราะคนตรวจงานมีไม่พอ ไปๆ มาๆ แม่งแปลผิดแบบเนียนๆ หมดเลย
เออ เห็นพูดถึงเรื่องชื่อคนสลับแล้วนึกขึ้นได้
ว่าจริงๆแล้วควรจะแปลเอานามสกุลขึ้นก่อนตามแบบญี่ปุ่นหรือควรจะแปลเอาชื่อขึ้นก่อนตามแบบคนไทยกันแน่
ถ้าเป็นกู กูถือว่าในเรื่องมันเป็นคนญี่ปุ่นคุยกัน ก็ให้มันเรียกกันแบบคนญี่ปุ่นว่ะ
จริงๆ บางจังหวะกูก็มีความรู้สึกขัดๆ กับการแปล xxซัง = คุณxx เหมือนกันนะ โดยเฉพาะในบริบทที่พวกเด็กมัธยมหรือประถมแบบคุณหนูๆ มันเรียกกัน
อยากตัดทิ้งไม่ก็ลงท้ายด้วย -ซัง ทับศัพท์ไปเลย ถ้าเคร่งครัดมาก ชิซูกะก็จะเรียกโนบิตะว่าคุณโนบิตะจริงๆ นะเว้ย หรือพวกมึงว่าไง ?
พูดถึงเขียนชื่อเป็น ชื่อ-นามสกุล ไม่ใช่ นามสกุล-ชื่อ แล้ว เร็วๆ นี้ก็เจอมาเรื่องนึงนะ
ไอ้ผู้กล้าตบมุกกับจอมมารตกรักอะไรของ DEX นี่แหละ
มันมียกเว้นที่ผู้เขียนๆมาให้สลับ อย่างเช้นให้ฝรั่งเรียกชื่อก็มักเอาชื่อแล้วค่อยนามสกุล จีนเองถ้าเป็นคนฮ่องกงก็จะมีชื่อฝรั่ง อย่างแจคกี้ ชาน โทนี่ เหมา
กันดั้มไง ชื่อขึ้นก่อนนามสกุล แต่อันนั้นเป็นมาตั้งแต่ต้นฉบับ...
เออ งั้นอย่างถ้าอย่างเกม sister princess (เก่าชิบหาย) เวลาน้องสาวมันเรียกพี่ชาย จะแปลให้ได้หลากหลายยังไงมั่งวะ "พี่" "พี่คะ" "พี่จ๋า" "คุงพี่" (ฮินาโกะ) "ท่านพี่" "อาเฮีย" หมดปัญญาแหล่ว...
ยังไงก็ไม่เห็นด้วยที่จะตัดไอ้คำลงท้ายอย่างพวก ซัง จัง อะไรพวกนี้ออก ถ้าไม่ทับศัพท์ก็ใส่ไปสิ อย่าอ้างเลยว่าคำพวกนี้ไม่มีในไทย แปลให้เข้าใจบริบทอะไรพวกนี้ยาก ตัดคำออกดูยังไงก็ไม่เคารพงานต้นฉบับ อย่างโดราเอมอนฉบับพิมพ์ครั้งแรกยังใส่"ซัง"ให้โนบิตะบ้าง ถึงจะขาดๆหายๆก็เถอะ แต่พอมาพิมพ์ใหม่นี่หายเกลี้ยง แต่ไจแอนท์กับซึเนะโอะยังมีใส่"ซัง"ให้อยู่ เอาอะไรเป็นมาตรฐาน แถมฉบับแปลใหม่นี่ไม่ค่อยชอบสำนวนเลย ใช้คำว่าแกเยอะเกินควร แปลไทยบ้านเราชอบตัดคำพวกนี้ออกอยู่เรื่อย เคยได้ยินว่าคนตัดคำพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกฝ่ายเรียบเรียงหรือยังไงนี่แหละ
ยังไงกูก็คิดว่า แปล ซัง=คุณ มันก็เหมาะแล้วอยู่ดีว่ะ แต่ตัดไปเลยก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน
คือคำว่าซังใช้คำว่าคุณได้ตรงบริบทปกติที่สุดแล้ว ไม่ค่อยคิดว่าคำนี้จำเป็นต้องทับศัพท์
ส่วน-คุง -จัง พวกนี้ ก็ทับๆไปเถอะ คนอ่านคงเข้าใจบริบทกันอยู่แล้ว คำแปลที่เหมาะสมก็ลำบาก (จะให้แปลเป็น "หนู"หมดก็ยังไงอยู่)
แล้วอย่างคำเรียกอื่นๆอย่าง -ซามะ -โดโนะ อะไรพวกนี้ที่แปลว่า "ท่าน" กูว่ามันก็ตรงดีแล้ว ถ้าแปลทับศัพย์นี่คงไม่ดีม้าง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้แปลน่ะนะ สำหรับกูคนที่แปลคำทับศัพท์ได้เหี้ยสัดๆเลยคือข้าวปั้นคุงของเนชั่น... มา โอฮาโย ซาโยนาระ โกเมนนาไซ พ่อมึงสิ คำแค่นี้แปลสิวะ
ซามะ กับ ซัง กูโอเคคำแปลมากกว่าคำทับซับนะ
ทับศัพท์พิมผิด
ซามะ - ท่าน
โดโนะ - นายท่าน , ท่าน.........ขอรับ
เอ่อกูขอถามพวกมึงหน่อยอย่างในกรณีที่ผู้หญิงพูดแทนตัวเองว่า "โบคุ" มันสมควรต้องแปลว่า "ผม"
เสมอไปหรือเปล่าวะ บางทีลักษณะของผู้หญิงที่พูดแม่งผู้หญิงจ๋าเลย แต่มาพูดแทนว่าผม กูว่าแม่งไม่เข้าท่าเลย
ใช้คำเลี่ยงว่า ชั้น หรือ เรา อะไรก็ว่ากันไป แต่ท่าเป็นผู้หญิงลักษณะทอมๆ หน่อย ถ้าพูดว่าผมก็พอยอมรับได้นะ
อย่างเรื่องแฟนกำมะลอของ Luckpim นางเอกแม่งพูดขัดกับบุคลิกชิบหาย กูอ่านไปเซ็งไป
นักแปลบางคนมันคิดแค่ว่าเก่งภาษาที่2ก็เป็นนักแปลได้ แต่จริงๆแล้วมันต้องเก่งภาษาที่1ให้พอๆกันหรือมากกว่ามันถึงจะแปลได้งาม บางคนแปลจนหมอยหงอกแล้วยังไม่เข้าใจเลยมั้ง
*โบขุโกะ
>>189 ไม่มีคำไหนสมควรแปลว่าคำไหนเสมอไปทั้งนั้นแหละ มันต้องดูบริบทแล้วใช้วิจารณญาณตัดสินใจเอาเองทั้งนั้น ถ้ามึงเสือกตัดสินใจไม่ถูกจริตคนส่วนใหญ่มึงก็รับกรรมโดนด่าไป ถึงมึงตัดสินใจถูกจริตคนส่วนใหญ่มึงก็ได้รับการสรรเสริญ สรุปว่าอยู่ที่วิจารณญาณของมึงและดวงว่าจะแปลถูกใจคนอ่านรึเปล่า
คนแปลไม่จำเป็นต้องเอาใจคนอ่านทุกกระเบียดนิ้วว่ะ ถ้าตัวเองแปลถูกต้องแล้วจริงๆ ที่เหลือมันอยู่ที่วิจารณญาณในการใช้คำเท่านั้นแหละ
>>193 ใช่ ถ้าตั้งใจแล้วทำดีแล้วก็ทำต่อไป แต่ยังไงก็ต้องยอมโดนด่าบ้าง เพราะไม่มีทางที่ใครจะทำงานออกมาได้ถูกใจคนทั้งโลกอยู่แล้ว แต่ถ้าจุดไหนที่ผิดจริงหรือมันแย่จริง หรือถ้ากระแสคนอ่านส่วนใหญ่ไม่ชอบจริงๆ ก็ควรจะพิจารณาตัวเองบ้างว่าควรปรับปรุงมั้ย บางคนแม่งก็อีโก้จัดจนแม่งชักแยกไม่ออกกลายเป็นใครมาด่าไม่ได้กูแน่กูเจ๋งกระจอกอย่างพวกมึงไม่มีสิทธิมาด่ากู ดามาเระคุสึwww
กูกลัวชื่อตัวเองโผล่มากระทู้ไลท์โนเวลในนี้ว่ะ จะชมหรือด่าก็ไม่เอาทั้งนั้น.... ขอทำงานกลางๆ ไปเรื่อยๆ ละกัน
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.