อันนี้กูเขียนจาก นิยายที่กูเคยอ่านเจอมานะ กูว่ามันแทรกข้อมูลทางจิตวิทยามาดี ละกูมาทำความเข้าใจในแบบของกู
ความเป็นสัตว์ป่าในตัวนั้น ปรารถนาที่จะถูกผสมโดยคู่ที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่จะหาได้ เป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ แม้จะผ่านความศิวิไลซ์มาหลายร้อยปี
ในอาณาจักรสัตว์ การข่มขืนเป็นเรื่องที่พบได้โดยทั่วไป เช่น โลมา เป็ดแมลลาร์ด ลิงอุรังอุตัง
แต่สำหรับมนุษย์ มันป่าเถื่อนและหยาบคาย
นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า การข่มขืนเป็นการปรับตัวทางพฤติกรรม
เพื่อประโยชน์ด้านพันธุกรรม เพื่อให้ตัวเมียที่แม้จะไม่ยินยอม ถูกผสมโดยตัวผู้ที่แข็งแรงที่สุด
มันป่าเถื่อน โหดร้าย แต่มันคือธรรมชาติ
การข่มขืนเกิดขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสการอยู่รอดของสปีชี่ส์
แต่มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ มนุษย์มี เจตจำนงค์เสรี สังคมประนามการข่มขืนว่าเป็นอาชญากรรม เป็นการกระทำที่ลดความมีสติปัญญาลงไปเป็นสัตว์
กระนั้น การเพ้อฝันถึงการข่มขืน และเป็นเรื่องกระตุ้นเร้าอารมณ์ทางเพศ ก็ยังพบได้ทั่วไปในมนุษย์ และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
หากการข่มขืนถูกกระทำโดยเพศชายที่บกพร่องหรือขาดแคลน ไม่ว่าทางกายภาพ อารมณ์ สติปัญญา
ก็จะไม่เป็นที่ต้องการของเพศเมียในสปีชี่ส์ของตน
แต่หากถูกกระทำโดยเพศชายที่มีรูปลักษณ์งดงาม แข็งแกร่ง เหนือกว่าเพศผู้ตัวอื่น
ก็จะเป็นที่ต้องการของเพศเมีย ในจินตนาการเพ้อฝันเรื่องการข่มขืน
แก่นของความเพ้อฝันเรื่องนี้ จะมุ่งไปที่ เพศชายที่น่าปรารถนา น่าได้มาเป็นคู่ครอง
การเพ้อว่าถูกครอบครองโดยเพศผู้แบบนี้
เป็นแนวคิด ของการที่ตัวเมียอยากเป็นที่ปรารถนา ของเพศผู้ที่แข็งแรงสวยงาม ดังที่ตนต้องการ
เพศเมียเกิดราคะเพราะต้องการเป็นที่ปรารถนา ถึงแม้มันจะเกือบเป็นความบ้าคลั่งในฝั่งของเพศผู้
แต่โดยสัญชาตญาณเพศเมีย อยากเข้าคู่และถูกคุ้มครองโดยคู่ที่แข็งแรง
แนวคิดที่ถูกกระทำชำเราโดยคู่ครองที่น่าปรารถนา ที่แข็งแกร่งกว่า หวงแหนและใส่ใจ
แก่นของความเพ้อฝันเรื่องการข่มขืน เป็นการแสดงออกถึงสัญชาตญาณทางเพศในทางจิตวิทยาที่หยั่งรากลึกมาตามธรรมชาติ
แต่สำหรับสังคมมนุษย์ จะถูกกรอบของศีลธรรมกดไว้ว่าเป็นอาชญากรรมต่ำช้า เพราะมนุษย์มีระดับมโนธรรม สติปัญญาสูงกว่าสัตว์
การข่มขืนในสังคมมนุษย์ไม่ควรเกิดขึ้นและยอมรับไม่ได้
แต่ยังพบเห็นอยู่ทั่วไปในงานวรรณกรรมต่างๆ เพื่อเติมเต็มความต้องการของสัญชาตญาณตามธรรมชาติลึกๆของมนุษย์