สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>815 เทียนกวาน Part.52
.
.
.
.
.
อาณาจักรเซียนเล่อกำลังคึกคัก ผู้คนเต็มท้องถนนมุ่งหน้ามายังพระราชวังเพื่อเข้าร่วมเทศกาลซ่างหยวน ซึ่งจะมีการแสดงการต่อสู้ระหว่างเทพสงครามกับปีศาจร้าย ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว มีเพียงองค์ชายรัชทายาทที่รับบทแสดงเป็นเทพสงครามที่หายตัวไป มู่ฉิงผู้รับบทเป็นปีศาจเอ่ยว่าเซี่ยเหลียนฝากมาบอกว่าให้ทำตามกำหนดการณ์เดิมได้เลย ทำเอาราชครูซึ่งเป็นผู้ดูแลการแสดงแทบของขึ้น ทางราชวงศ์เองก็ส่งเฟิงซิ่นมาสอบถามว่าทำไมยังไม่เริ่มเดินขบวนอีก เมื่อราชครูถามว่าเห็นเซี่ยเหลียนหรือไม่ เฟิงซิ่นก็หันไปมองมู่ฉิงอย่างไม่พอใจ แต่ก็บอกให้ผู้อาวุโสว่าเริ่มงานได้เลย เซี่ยเหลียนมาร่วมงานทันแน่ ราชครูจึงจำใจประกาศเริ่มการแสดงและจัดขบวนออกไป มู่ฉิงถือดาบโค้งยาวแสดงบทผีร้ายอาละวาด แต่คนส่วนมากอยากเห็นการแสดงเทพปราบปีศาจมากกว่าจึงเริ่มโวยวายกัน รวมไปถึงเจ้าชายฉีหรงผู้โอชิเจ้าชายรัชทายาทที่ไม่พอใจจนหยิบข้าวของมาขว้างปา ทำให้ราชินีต้องสั่งให้คนมาหยุดหลานไว้ ขณะที่สีหน้าของเชื้อพรวงศ์เครียดขึ้นเรื่อยๆ เสียงเชียร์โห่ร้องก็ดังขึ้นจากฝูงชน
ร่างของชายใส่ชุดขาวสวมหน้ากากสีทอง มือถือกระบี่คนหนึ่งกระโดดจากหอคอยป้อมปราการลงมายังเวที ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับได้เห็นเทพเซียนตัวจริงกระโดดลงมาจากฟากฟ้า เสียงปรบมือและเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นดังกระหึ่ม ในที่สุดเซมบัตสึองค์ชายรัชทายาทก็ปรากฏตัว ราชาถึงกับหันไปชมราชครูที่ออกแบบการแสดงได้ตื่นเต้นยิ่งนัก แต่อีกฝ่ายก็บอกว่านี่เป็นความคิดของเซี่ยเหลียน และเอ่ยชมความสามารถของลูกศิษย์ให้ราชากับราชินีฟัง
เซี่ยเหลียนรู้สึกได้ว่ามู่ฉิงใช้แรงโจมตีมากกว่าตอนที่ซ้อม ทำให้เขาต้องเอาจริงมากขึ้นจนการแสดงยิ่งดุเดือดเรียกเสียงเชียร์ได้มากขึ้น แต่ในตอนที่เขากำลังจะโจมตีปิดฉากปีศาจร้าย จู่ๆ ก็มีเสียงหวีดร้องดังขึ้น เมื่อเขาหันไปก็เห็นเงาคนกำลังร่วงหล่นลงมาจากกำแพง โดยไม่ต้องคิดเขาก็รีบกระโดดไปรับร่างนั้นไว้ก่อนจะกระแทกพื้น ในอ้อมกอดของเขาคือเด็กชายอายุราว 7-8 ขวบคนหนึ่งซึ่งที่ศีรษะมีผ้าพันแผลสกปรกพันอยู่ อีกฝ่ายจ้องมองชายที่ช่วยชีวิตตนไว้ตาไม่กระพริบ และในตอนที่เซี่ยเหลียนเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นว่าหน้ากากทองของเขาหล่นอยู่บนพื้น เหตุการณ์นอกสคริปที่เกิดขึ้นทำเอาทุกคนชอค แต่เซี่ยเหลียนก็พลิกสถานการณ์หันไปชี้กระบี่ไปทางมู่ฉิง ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจจึงกระโดดลงมารับบทผีชั่วพยายามฆ่าเด็กในอ้อมแขนของเทพ ก่อนค่อยๆ เนียนพากันเคลื่อนกลับขึ้นไปบนเวที และมู่ฉิงก็อาศัยจังหวะหนึ่งช่วยหยิบหน้ากากของเซี่ยเหลียนขึ้นมาด้วย
เซี่ยเหลียนแกล้งเนียนทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่เด็กชายร้องด้วยความกลัว เขาก็กระชับอีกฝ่ายพร้อมปลอบว่าไม่ต้องกลัว เขาส่งซิกให้มู่ฉิง แล้วพวกเขาก็โจมตีจบการแสดงเทพปราบปีศาจได้ตามบทที่วางไว้แต่ต้น ทำเอาคนดูปลาบปลื้มประทับใจพากันดันทหารป้องกันเพื่อเข้าใกล้องค์ชายรัชทายาท คณะแสดงรีบกลับเข้าเขตราชวังแล้วปิดประตูกันผู้คนไว้ เซี่ยเหลียนถอดเสื้อหนาหลายชั้นออกอย่างโล่งอก ลืมไปสนิทว่ายังอุ้มเด็กชายไว้จนเฟิงซิ่นร้องถาม เซี่ยเหลียนหันไปสอบถามเด็กชายหลายประโยค แต่อีกฝ่ายก็ยังหวาดกลัวจนพูดอะไรไม่ออก เขาลูบหัวเด็กชาย ก่อนเรียกให้เฟิงซิ่นพาอีกฝ่ายไปให้คนดูแลต่อ แต่ตอนที่เขาส่งเด็กชายให้เฟิงซิ่นอุ้ม เด็กชายกลับเกาะเสื้อเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ทำเอาทุกคนหัวเราะด้วยความเอ็นดู แต่สุดท้ายเด็กชายก็ยอมปล่อยมือ ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องมาทางเซี่ยเหลียนราวกับต้องมนต์ ก่อนจากไปเฟิงซิ่นก็ไม่ลืมบอกให้เซี่ยเหลียนรีบไปพบราชครู เพราะอีกฝ่ายดูโกรธมาก
เซี่ยเหลียน มู่ฉิง กับเฟิงซิ่น เดินทางมายังศาลาหลวง ไม่นานนักราชครู กับรองราชครูทั้ง 3 คน ก็เดินเข้ามา ราชครูต่อว่าลูกศิษย์ที่ทำเรื่องนอกบท ที่สำคัญยังทำหน้ากากหลุดระหว่างการแสดงอันเป็นลางร้าย ทำให้ประวัติศาสตร์ของเซียนเล่อต้องมัวหมอง แต่เซี่ยเหลียนแย้งอาจารย์ว่าถ้าปล่อยให้เด็กชายตกกำแพงลงมาตายจะเป็นเรื่องอัปมงคลมากกว่า ท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองของลูกศิษย์ ทำให้ราชครูทั้งรู้สึกโกรธและภูมิใจในคราวเดียว ก่อนเปลี่ยนไปต่อว่าเรื่องที่เซี่ยเหลียนทำนอกบทไปกระโดดจากหอคอยโดยไม่แจ้งก่อน เซี่ยเหลียนบอกว่าอีกฝ่ายอนุญาติเขาแล้วไม่ใช่หรือ แต่เมื่อเห็นราชครูทั้ง 4 คนไม่รู้เรื่อง เขาก็หันไปหามู่ฉิง เพราะอีกฝ่ายคือคนที่เขาฝากเรื่องไปขออนุญาติจากราชครูตั้งแต่เมื่อวาน
.
.
.
.
.