สปอยเทียนกวานต่อจาก >>793 เทียนกวาน Part.51
.
.
.
.
.
หลิงเหวินบอกว่าหลางเชียนชิวแจ้งว่าเรื่องงานเลี้ยงอาบน้ำมีเบื้องหลัง และเขาจะเคลียร์เรื่องกับเซี่ยเหลียนเอง ทำเอาพวกเทพถึงกับเซ็งเป็ดเพราะอดดูดรามา เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้ว เซี่ยเหลียนจึงเข้าไปขอโทษจวินอู๋ที่สร้างความวุ่นวาย และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จวินอู่กล่าวว่าสุดท้ายสิ่งที่เซี่ยเหลียนพยายามทำก็ไม่ได้ช่วยเหลือใครเลย และถามว่าจะเตรียมเผชิญหน้ากับหลางเชียนชิวอย่างไร แต่เซี่ยเหลียนก็เปลี่ยนหัวข้อถามเรื่องที่หมิงอี้เป็นสายลับในเมืองผี จวินอู๋ยอมรับว่าเขาส่งเทพแห่งดินไปทำอย่างนั้นจริงๆ ทว่านั่นเป็นเพราะฮวาเฉิงเป็นฝ่ายส่งสายลับเข้ามาในสวรรค์ก่อน เซี่ยเหลียนก็คิดอย่างนั้นเพราะอ๋องผีก็ดูรู้เรื่องของเทพมากเกินไป
จวินอู๋กล่าวว่าเขาไม่ว่าอะไรเรื่องที่เซี่ยเหลียนไปเป็นเพื่อนกับอ๋องผี แต่ก็อย่าลืมระวังตัว เพราะอย่างไรเจวี๋ยก็เกิดจากผู้ที่เคยได้รับความทรมานอย่างมาก จะต้องเป็นคนที่น่ากลัวกว่าที่คาดไว้แน่นอน จากนั้นเซี่ยเหลียนจึงขอตัวจากมา ตอนนี้ตำหนักเซียนเล่อของเขาถูกกันไม่ให้ผู้ใดเข้าไปเพื่อตรวจสอบคาถาที่ฮวาเฉิงใช้เข้ามายังสวรรค์ แม้ก่อนหน้านี้ซือชิงเสวียนจะเอ่ยชวนให้เซี่ยเหลียนไปพักที่ตำหนักของเขา แต่ เซี่ยเหลียนก็ตัดสินใจกลับลงไปยังภพมนุษย์ จุดหมายในครั้งนี้คือภูเขาไท่ชางซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางแห่งการบำเพ็ญของอาณาจักเซียนเล่อ
ทุกทิวทัศน์ล้วนเปลี่ยนไปจากเมื่อ 800 ปีก่อน ความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างเหลือเพียงซากปรักหักพัง ถนนที่เคยมีผู้ศรัทธาเดินไม่ขาดสายมีเพียงต้นไม้ปกคลุม เซี่ยเหลียนไต่ขึ้นเขาด้วยกำลังขาของตัวเองพลางใช้กระบี่ฟางซิ่นกรุยทางไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็มาถึงยอดเขา เซี่ยเหลียนกระโดดลงไปบ่อน้ำแห้งขอดแห่งหนึ่ง ใช้มือคลำก้อนอิฐแล้วกดลงเพื่อเปิดทางลับเข้าสู่สุสานลับของราชวงศ์เซียนเล่อ เขาเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่ซึ่งยังตกแต่งไม่เสร็จ ในนั้นมีโลงศพอยู่ 2 โลง และหุ่นฟางองค์รักษ์ตัวหนึ่งซึ่งสวมหน้ากาก มือถือกระบี่ยืนอยู่ใกล้ๆ เหนือฝาโลงมีถาดทองคำที่มีซากผลไม้เหี่ยวแห้งวางอยู่ เซี่ยเหลียนหยิบมันออก และขอโทษบิดามารดาที่คราวนี้เขาลืมนำของไหว้มาด้วย
เซี่ยเหลียนนั่งลงพิงโลงศพของแม่ของเขา เล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าวันนี้เขาได้พบกับฉีหรง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังออกมาจากโลงศพ เซี่ยเหลียนรีบเปิดฝาโลงออกแล้วก็พบว่าข้างในนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งสวมเสื้อของแม่ของเขานอนขดตัวอยู่ เสื้อตัวนั้นถูกถักทอขึ้นมาเป็นพิเศษให้สามารถรักษาสภาพศพได้หลายพันปี แต่ตอนนี้ไม่ปรากฏร่างของสตรีอยู่ในโลงเลย เขารีบอุ้มเด็กชายขึ้นมาถามด้วยความตื่นตระหนกว่าแม่ของเขาหายไปไหน แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว และเมื่อเขายกเด็กชายออกมาผงสีขาวก็หลุดร่วงออกมาจากเสื้อของอีกฝ่าย
เซี่ยเหลียนรู้ทันทีว่านั่นคือขี้เถ้าของมารดา ขณะกำลังตื่นตระหนก จู่ๆ หุ่นฟางตัวนั้นก็พุ่งกระบี่เข้าใส่เขา เขาหักกระบี่ของอีกฝ่ายด้วยมือเปล่า ก่อนเตะท้องและเหยียบร่างนั้นไว้ เมื่อปัดหน้ากากออกก็เห็นว่าข้างในหุ่นเป็นชายนุ่มคนหนึ่ง เขาตะคอกถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร เมื่อเห็นดังนั้นเด็กชายก็ร้องว่าพ่อออกมา ทำให้เซี่ยเหลียนนึกออกว่าทั้งสองอยู่ในกลุ่มมนุษย์ที่ฉีหรงกำลังจะต้มกินในตอนนั้น เขาเดาเรื่องออกทันทีแล้วหันไปรัวหมัดใส่ชายคนนั้น ร้องสั่งให้ฉีหรงออกจากร่าง พร้อมต่อว่าว่าแม่ของเขาดูแลอีกฝ่ายดีไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาทำกับแม่ของเขาเช่นนี้
ฉีหรงที่สิงร่างของชายที่เป็นพ่อเด็กหัวเราะบ้าคลั่ง บอกว่าศพหรือขี้เถ้าจะต่างกันอย่างไร แล้วตอนที่ฆ่าอันเล่อเซี่ยเหลียนไม่นึกถึงแม่บ้างหรือ ที่แม่ของเซี่ยเหลียนเป็นอย่างนี้เป็นความผิดของเซี่ยเหลียนคนเดียว เซี่ยเหลียนกระทืบอีกฝ่ายไปอีกหลายที แต่มันกลับทำให้ฉีหรงยิ่งสะใจที่ญาติผู้พี่เผยธาตุแท้ออกมา เด็กชายเข้ามาพยายามยกเท้าของเซี่ยเหลียนออกเพื่อช่วยพ่อของตน ทำให้เซี่ยเหลียนคิดได้ว่าอย่างไรร่างที่ฉีหรงสิงอยู่ก็เป็นผู้บริสุทธิ์จึงลดแรงกดที่เท้า บอกให้อีกฝ่ายออกจากร่างนั้นอีกครั้ง ทว่าผีเขียวไม่ยอมออก อีกทั้งพูดจาหาเรื่องกวนประสาทเซี่ยเหลียน ท้าทายให้ฆ่าเขาเสีย ส่วนเด็กชายก็กอดขาของเซี่ยเหลียน ขอร้องไม่ให้ฆ่าพ่อของเขา หลังจากฟังคำพูดดูถูกยั่วยุอีกหลายประโยค ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็ทนไม่ไหว แล้วมือของเขาก็ยกฟางซิ่นขึ้นมา
จบอาร์คที่ 1
.
.
.
.
.