สปอยเทียนกวานต่อจาก >>767 เทียนกวาน Part.49
.
.
.
.
.
เมื่อมองไปยังรูปปั้นที่ฉีหรงทำ เซี่ยเหลียนก็คิดว่าฉีหรงพูดถูกว่าเขาเป็นคนล้มเหลว แต่ฮวาเฉิงก็บอกว่าอย่าเชื่อคำพูดของขยะไร้ค่าอย่างผีเขียว จากนั้นเซี่ยเหลียนก็นึกถึงหลางเชียนชิว ตอนที่ได้เจอกันบนสวรรค์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเป็นคนตรงไปตรงมาและยังชอบคงแอบหลับระหว่างประชุมไม่ต่างจากในอดีต เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ทว่าหลังจากนี้ไม่รู้หลางเชียนชิวจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า แล้วสุดท้ายอีกฝ่ายจะสะสางเรื่องกับเขาอย่างไร เซี่ยเหลียนลุกขึ้นเดินไปที่รูปปั้นของเขาซึ่งมีใบหน้าโศกเศร้าน้ำตาอาบแก้ม เขาวางมือลงบนศีรษะของมันแล้วปล่อยพลังทำลาย เมื่อเขาหันกลับมาหาฮวาเฉิง บนใบหน้าก็กลับไปมีรอยยิ้มใจดีเหมือนเดิม แล้วเขาก็ชวนอ๋องผีสำรวจถ้ำว่ายังมีมนุษย์ถูกนำมาขังไว้อีกหรือไม่
เซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงจับลูกน้องของฉีหรงให้มานำทางไปปลดปล่อยมนุษย์ที่ถูกนำมาเก็บไว้เป็นเสบียง ระหว่างนั้นเซี่ยเหลียนก็ถามอ๋องผีว่ารู้ได้อย่างไรว่าผีเขียวอยู่เบื้องหลังงานเลี้ยงอาบเลือด ฮวาเฉิงจึงอธิบายว่าฉีหรงเป็นคนเซียนเล่อ มีความแค้นต่อหย่งอันมาก และยังยั่วยุก่อเรื่องเก่ง การลอบสังหารราชวงศ์หย่งอันส่วนมากล้วนเป็นแผนของเขา และเหตุการณ์งานเลี้ยงอาบเลือดก็ดูเป็นสไตล์ของผีเขียว ถึงอย่างนั้นตอนแรกเขาก็นึกว่าราชครูฟางซิ่นเป็นลูกน้องของฉีหรง แต่เมื่อหลางเชียนชิวกล่าวว่าเซี่ยเหลียนคืออาจารย์ของตน บวกกับการที่อันเล่อตายอย่างน่าสงสัย แต่กลับไม่มีชาวเซียนเล่อคนอื่นได้รับผลกระทบ ก็ทำให้เขาสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ยาก
แม้จะไม่ได้อยู่บนสวรรค์ แต่อ๋องผีกลับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนภพเทพ อีกทั้งยังรู้ความสัมพันธ์ของเซี่ยเหลียนกับฉีหรงเป็นอย่างดี เซี่ยเหลียนเปลี่ยนไปถามว่าแล้วทำไมถึงรู้ว่าคนคิดแผนร้ายคือฉีหรง ไม่ใช่เขา ฮวาเฉิงจึงตอบว่าเขาแค่เชื่อว่าเซี่ยเหลียนจะไม่ทำเช่นนั้น ทว่าเซี่ยเหลียนกลับบอกอ๋องผีไปว่าอย่ามองว่าคนอื่นสมบูรณ์แบบ เพราะสิ่งที่ได้เห็นในตัวคนๆ นั้นอาจเป็นแค่ด้านเดียว หากต่อมาได้รู้ว่าคนๆ นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแล้วจะทำให้ผิดหวังเอาได้ ถึงอย่างนั้นอ๋องผีก็เอ่ยว่าเขาไม่สนว่าคนอื่นจะผิดหวังหรือเปล่า เพราะสำหรับคนบางคน แค่การที่ใครคนหนึ่งมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ก็เป็นความหวังแล้ว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เซี่ยเหลียนก็ถามว่าอีกฝ่ายคือใครกันแน่ พวกเขาเคยพบกันมาก่อนใช่หรือไม่ ฮวาเฉิงรู้เรื่องราวของเขามากมาย ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักของเขาในอดีต ต้องรู้จักมานานมาก อาจเป็นก่อนที่เขาจะได้ขึ้นสวรรค์ครั้งแรกด้วยซ้ำ แต่เขาจำไม่ได้ว่าได้พบกับคนที่มีลักษณะเหมือนอ๋องผีเมื่อไร ทว่าอ๋องผีกลับไม่เอ่ยอะไรและยกยิ้มขึ้นเท่านั้น เซี่ยเหลียนจึงไม่เซ้าซี้เอาคำตอบ อย่างไรพวกผีก็มักปกปิดความเป็นมาของตนไม่เหมือนผีจิตไม่ปรกติอย่างฉีหรง ขณะที่เขาเอ่ยขอโทษที่เสียมรรยาท ทั้งสองก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมา เมื่อฟังดีๆ จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือซือชิงเสวียนที่เปลี่ยนร่างเป็นสตรีเพื่อเพิ่มค่า Luck ให้ตัวเองสามารถทอยลูกเต๋าได้แต้มที่ถูกต้อง เซี่ยเหลียนเลยรีบตะโกนเรียก
ตาของเทพแห่งลมเป็นประกาย เธอรีบร้องเรียกให้ใครอีกคนตามมา แต่เมื่อหันไปเห็นฮวาเฉิงก็ถึงกับหน้าเจื่อน รีบถอยไปตั้งหลักพร้อมหยิบพัดออกมา จากนั้นเมื่อเฟิงซิ่นตามมาสมทบ เขาก็รีบง้างธนูไปทางอ๋องผีพร้อมบอกให้เซี่ยเหลียนมาอยู่ข้างพวกเขา แต่เซี่ยเหลียนกล่าวให้ทุกคนค่อยๆ คุยกันพร้อมเดินไปบังหน้าให้ฮวาเฉิง โดยไม่คาดคิด จู่ๆ อ๋องผีก็จับตัวเขาดึงไปด้านหลัง ซือชิงเสวียนจึงรีบตะโกนบอกให้ฮวาเฉิงอย่าเพิ่งใจร้อน เรื่องไฟไหม้ที่อนุสรณ์สุขาวดีเป็นอุบัติเหตุ ถ้าไม่พอใจสวรรค์จะชดใช้ค่าเสียหายให้ ปล่อยเซี่ยเหลียนแล้วมาคุยกันดีๆ ดีกว่า อ๋องผีตอบกลับไปว่าจวินอู๋แอบส่งสายลับมาสืบเรื่องในเมืองของเขา จึงไม่มีอะไรต้องคุย แล้วเซี่ยเหลียนจึงสังเกตได้ว่าเทพแห่งลมรู้ดีว่าฮวาเฉิงไม่ได้ประสงค์ร้าย เพียงแต่ช่วยทำให้เรื่องราวดูเหมือนอ๋องผีต้องการแก้แค้นจึงมาจับตัวเซี่ยเหลียนไป ไม่เช่นนั้นสวรรค์อาจกล่าวหาได้ว่าเซี่ยเหลียนคิดหลบหนีคดี ส่วนฮวาเฉิงก็แค่ให้ความร่วมมือกับแผนของอีกฝ่าย เขาจึงบอกให้ทุกคนเลิกเล่นละคร ทว่าเมื่อซือชิงเสวียนหันไปบอกให้เฟิงซิ่นลดอาวุธลง เฟิงซิ่นกลับไม่ยอมทำตาม
.
.
.
.
.