สปอยเทียนกวานต่อจาก >>733 เทียนกวาน Part.45
.
.
.
.
.
ชายในชุดสีเขียวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมพูดสมน้ำหน้าเผยซู่ที่ถูกเนรเทศจากสวรรค์ด้วยวาจากักขฬะเป็นอย่างมาก เซี่ยเหลียนลอบมองแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ ตอนที่ได้ยินหนานเฟิงเอ่ยชื่อฉีหรงเป็นครั้งแรก เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าผีเขียวจะเป็นฉีหรงคนที่เขารู้จักหรือเปล่า หากแต่พวกผีมีธรรมเนียมในการปกปิดภูมิหลังของตัวเองและมักใช้ชื่อปลอม เขาจึงเปลี่ยนความคิดในภายหลัง แต่จะมีฉีหรงคนอื่นที่ชื่นชอบรูปปั้นเจ้าชายรัชทายาทคุกเข่าอีกหรือ แถมอีกฝ่ายยังมีเสียงที่ฟังคุ้นหูอีกต่างหาก
เมื่อฟังสิ่งที่ลูกน้องฉีหรงพูดแล้ว เซี่ยเหลียนจึงได้รู้ว่าหลังจากก่อความวุ่นวายในเมืองผีจนถูกฮวาเฉิงจัดการ พวกผีเขียวก็กำลังจะเตรียมบุกอีกระลอกทว่ากลับเจอเผยซู่เข้าเสียก่อน แม้จะไร้พลังทิพย์แม่ทัพเผยน้อยก็ยังสามารถจัดการพวกของผีเขียวได้ทั้งหมด ฉีหรงสบถด่าเผยซู่และเผยหมิงแล้วยังลามไปยังถึงจวินอู๋ หลิงเหวิน หลางเชียนชิว เฉวียนอี้เจิน เทพแห่งน้ำ แถมยังด่าเทพแห่งลมว่าเป็นหญิงชั่วช้า ท่าทางไม่ได้รู้ว่าความจริงซือชิงเสวียนเป็นผู้ชาย ก่อนจะด่าฮวาเฉิงกับธาราทมิฬล่มเรือที่ดูถูกเขา สุดท้ายผีเขียวก็หันไปถามความคืบหน้าในการทำงานของลูกน้อง ปรากฏว่าเขาคือผู้ที่ปล่อยข่าวลือว่าเผยหมิงพยายามหาทางกำจัดเฉวียนอี้เจินเพื่อเอาตำแหน่งให้เผยซู่ แถมเป็นคนจุดชนวนให้ผู้ศรัทธาของทั้งสองฝั่งตีกันด้วย ไม่น่าแปลกเลยที่เจ้าหน้าที่สวรรค์ต่างบอกว่าผีเขียวมีพลังไม่มากแต่ชอบสร้างปัญหาไม่หยุด
เซี่ยเหลียนดึงแขนห้ามฮวาเฉิงไว้ขณะที่ฟังฉีหรงสั่งงานลูกน้องต่อ แล้วผีเขียวก็หันมาเอาเท้าพาดบนรูปปั้นของเซี่ยเหลียนดั่งเป็นที่รองเท้า พอเห็นดังนั้นพวกลูกน้องผีจึงหันมาเลือกอาหารจากกลุ่มมนุษย์ที่พามาให้เจ้านาย เด็กชายที่เซี่ยเหลียนเห็นก่อนหน้านี้กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เมื่อพวกผีสังเกตเห็นเขาก็จะพาออกไป ทว่าอ๋องผีกลับเดินหน้าออกไปอย่างเอื่อยเฉื่อย บอกให้ฉีหรงให้ความเคารพเชื้อพระวงศ์ของเซียนเล่อมากกว่านี้ ได้ยินดังนั้นผีเขียวก็ตกใจว่ายังมีผู้รู้จักเซียนเล่อ พอคิดไปว่าอีกฝ่ายอาจเป็นราชวงศ์ที่เหลือรอดเลยถามคนตรงหน้าว่าสืบเชื้อสายมาจากเจ้าคนใด ฮวาเฉิงตอบไปว่าเป็นเจ้าชายอันเล่อ
ตุ๊กตาหลางเชียนชิวกระตุกตกใจ เซี่ยเหลียนเข้าใจดีว่าที่อดีตลูกศิษย์มีปฏิกิริยาเช่นนั้นเป็นเพราะเจ้าชายอันเล่อกับหลางเชียนชิวเคยเป็นเพื่อนกัน อีกด้านหนึ่งฉีหรงกลับหัวเราะลั่นบอกว่าฮวาเฉิงโกหกเขา เนื่องจากเจ้าชายอันเล่อผู้เป็นทายาทคนสุดท้ายของราชวงศ์เซียนเล่อตายไปโดยไร้ผู้สืบทอด อ๋องผีจึงถามว่าอันเล่อตายได้อย่างไร แต่ผีเขียวก็ตะโกนสั่งลูกน้องให้จัดการกับเขา ทว่าพริบตาเดียวฮวาเฉิงก็ไปปรากฏตัวด้านหลังฉีหรง แล้วจับหัวของอีกฝ่ายกระแทกจนจมลงไปในพื้น ภาพที่เห็นทำเอาทั้งคนทั้งผีกรีดร้องวิ่งหนีเอาตัวรอด แม้เซี่ยเหลียนจะตะโกนห้ามเพราะเกรงว่าพวกมนุษย์จะหนีไปเจอผีตนอื่นในถ้ำฆ่า แต่ก็ไม่มีใครฟังเสียงของเขา อ๋องผีดึงหัวของผีเขียวขึ้นมาด้วยใบหน้าดุร้ายพร้อมหัวเราะเสียงดัง เซี่ยเหลียนที่กำลังใช้รั่วเย่จัดการพวกผีซึ่งพยายามจับมนุษย์ไว้หันมาเรียกฮวาเฉิง แต่อีกฝ่ายก็ยังจับฉีหรงทุ่มจนร่างนั้นจมกองเลือด หน้ากากของผีเขียวแตกร้าว เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งล่างที่ดูเหมือนเซี่ยเหลียนมาก ทว่าเมื่อหน้ากากแตกจนเห็นใบหน้าทั้งหมดจึงได้รู้ว่าทั้งสองไม่ได้เหมือนกัน
ฮวาเฉิงกลับร่างเดิมของตน และแม้ฉีหรงจะไม่เคยพบกับอ๋องผีตรงๆ เขาก็รู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ชายเสื้อแดงยังคงถามผีเขียวว่าเจ้าชายอันเล่อตายได้อย่างไร ขณะนั้นเองเซี่ยเหลียนก็รีบร้องเรียกอีกฝ่ายพร้อมวิ่งเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ พยายามลูบหลังปลอบให้ใจเย็นลงด้วยวิธีเดียวกับที่พ่อแม่เคยทำกับเขาตอนเด็กๆ ในที่สุดอ๋องผีก็สงบ แต่เมื่อเขายื่นมือมาตบบ่าเซี่ยเหลียนเบาๆ เซี่ยเหลียนก็พบว่าตอนนี้เขาไม่สามารถขยับร่างกายหรือเปล่งเสียงได้เลย ฉีหรงสบถด่าฮวาเฉิงไม่หยุด แล้วฮวาเฉิงก็ถามคำถามเดิมอีก และเมื่อถูกอ๋องผีจับกระแทกพื้นอีก 2 ครั้ง ในที่สุดผีเขียวก็แหกปากร้องบอกว่าอันเล่อตายเพราะถูกหลางเชียนชิวฆ่า
.
.
.
.
.