สปอยเทียนกวานต่อจาก >>727 เทียนกวาน Part.44
.
.
.
.
.
หลังจากเซี่ยเหลียนพูดจบ จู่ๆ ควันสีแดงก็ระเบิดขึ้นตรงหน้าแล้วหลางเชียนชิวก็กลายเป็นตุ๊กตาล้มลุกซึ่งโยกไปมาอย่างกราดเกรี้ยว เซี่ยเหลียนขอให้ฮวาเฉิงคืนร่างเดิมให้อีกฝ่าย ทว่าอ๋องผีกลับบอกปัด เรียกให้ตามเขาไปและพาหลางเชียนชิวมาด้วย เซี่ยเหลียนถามว่าจะไปที่ไหนแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ ฮวาเฉิงทอยลูกเต๋า จากนั้นก็เดินนำเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง เซี่ยเหลียนอุ้มหลางเชียนชิวขึ้นมา กลับไปเก็บกระบี่ฟางซิ่นมาสะพายบนหลังแล้วเดินตามอ๋องผีไป ทั้งคู่เดินด้วยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเซี่ยเหลียนได้ยินเสียงร้องเพลง และเห็นแสงจางๆ อยู่เบื้องหน้า
ฮวาเฉิงส่งสัญญาณให้เซี่ยเหลียนเงียบ ไม่นานนักก็มีกลุ่มผีชุดเขียวตัวเล็กซึ่งเหนือศีรษะมีลูกไฟวิญญาณสีเดียวกันลอยอยู่เดินผ่านมา เมื่อผีกลุ่มนั้นเดินผ่านไป อ๋องผีก็เดินนำเขาออกมาจากซอกถ้ำที่ซ่อนตัว ทว่าตอนนี้ร่างของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นผีผิวซีดในชุดสีเขียวไม่ต่างจากพวกผีกลุ่มนั้น และการที่ผีตนอื่นไม่มีทีท่าตกใจที่เห็นพวกเขาก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้ว่าฮวาเฉิงได้ใช้พลังเปลี่ยนผิวปลอมให้เขาเช่นกัน แล้วคนตรงหน้าจึงอธิบายว่าเป็นเพราะผีเขียวฉีหรงสั่งให้ลูกน้องของตนต้องแต่งกายแบบนี้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ร่างกายเช่นนี้ลอบเข้าไป
เซี่ยเหลียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าอ๋องผีจะพาเขามายังที่ซ่อนตัวของผีเขียว เขากอดตุ๊กตาหลางเชียวชิวแน่นขึ้น บอกว่าเช่นนั้นก็น่าจะปลดคำสาปให้หลางเชียวชิวก่อน แล้วพวกเขาสองคนค่อยไปด้วยกันต่อ แต่ฮวาเฉิงกลับบอกว่าเขาอยากให้หลางเชียนชิวพบกับใครบางคน แม้จะสงสัย เซี่ยเหลียนก็ไม่ได้ถามต่อ เพราะอย่างไรเขาก็อยากให้ความร่วมมือกับอีกฝ่าย พวกเขาเดินมาถึงลานกว้างภายในถ้ำที่มีผีในชุดเขียวเข้าออกเต็มไปหมด และผีกลุ่มหนึ่งก็กำลังลากมนุษย์เข้ามาภายในถ้ำ แม้การแต่งกายจะต่างกัน แต่ทุกคนล้วนเป็นคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี รวมไปถึงเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเกาะแขนเสื้อของชายที่น่าจะเป็นบิดาไว้แน่น พวกเขาเดินตามผีกลุ่มนั้นไป ก่อนที่ฮวาเฉิงจะเปลี่ยนผิวปลอมของพวกเขาเป็นมนุษย์วัยรุ่นอย่างรวดเร็ว
ไม่มีข่าวว่าในบรรดาเจวี๋ยทั้ง 3 ตน จะมีตนใดกินมนุษย์ หากแต่ฉีหรงกลับมีพฤติกรรมเช่นนั้น การจะเข้าถึงผีเขียวโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวคือการแฝงตัวไปกับอาหาร เซี่ยเหลียนยื่นมือไปจับมือของฮวาเฉิง แม้ตอนแรกอีกฝ่ายจะเหมือนอยากดึงมือออก แต่สุดท้ายก็จับมือเขากลับ เขียนตอบบนมือเซี่ยเหลียนว่าเขาจะปกป้องทุกคนให้ ก่อนจะเพิ่มว่าให้ระวังศีรษะ เมื่อเซี่ยเหลียมองขึ้นไปก็พบศพมนุษย์มากกมายแขวนห้อยหัวอยู่ข้างบน ศพเหล่านั้นมีใบหน้าเหมือนเจ็บปวดทรมาน ทั้งยังมีเกลือทาไว้ตามตัว
พวกเขาเดินมาถึงด้านในสุดของถ้ำที่มีการจัดตกแต่งราวกับงานเลี้ยงฉลอง ที่เหนือโต๊ะยาวมีหม้อเหล็กใบใหญ่ที่สามารถจุคนลงไปมากกว่า 10 คนตั้งอยู่ น้ำที่อยู่ภายในนั้นกำลังเดือดได้ที่ชนิดที่หากใครตกลงไปคงสุกแน่ๆ เมื่อเห็นชะตาที่รออยู่พวกมนุษย์ก็กรีดร้องร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว แม้ปรกติฮวาเฉิงมักมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าปกปิดความรู้สึกที่แท้จริง ทว่าตอนนี้แววตาของอ๋องผีกลับเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรง เมื่อมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปเขาก็เห็นว่าที่หน้าเก้าอี้หรูหรานั้นมีรูปปั้นในท่าคุกเข่า หน้าก้มลงมองพื้นไม่ต่างจากท่าสุนัขยืน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันถูกปั้นขึ้นเพื่อใช้เหยียดหยามบุคคลต้นแบบ และโดยไม่ต้องหันรูปปั้นมา เซี่ยเหลียนก็รู้ว่ามันจะต้องมีใบหน้าเหมือนกันเขาแน่นอน
ในตอนที่อาณาจักรเซียนเล่อล่มสลาย และอารามทั้ง 8000 แห่งของเขาถูกเผาทำลายจนสิ้น พวกชาวบ้านที่เคียดแค้นเซี่ยเหลียนก็เกิดไอเดียสร้างรูปปั้นเขาในเวอร์ชันคุกเข่าสำนึกผิดขึ้นมา มันถูกตั้งไว้ทั่วมุมเมืองเพื่อให้คนได้ถ่มน้ำลายถีบเตะยามเดินผ่าน และบางคนก็ถึงกับสร้างรูปปั้นของเขาไว้เป็นธรณีประตูเพื่อข้ามทุกวัน เซี่ยเหลียนจึงจดจำมันได้เป็นอย่างดี
.
.
.
.
.