สปอยเทียนกวานต่อจาก >>641 เทียนกวาน Part.36
.
.
.
.
.
จู่ๆ ฮวาเฉิงก็ขอตัวไปทำธุระ เซี่ยเหลียนจึงพยายามปรับอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงหลังจากนึกถึงไป๋อู๋เซียง แต่ก็ทำไม่สำเร็จเลยตั้งใจไปเดินหาเด็กชายผ้าพันแผล เมื่อผ่านสวนเขาก็เห็นผู้ตรวจการเมืองคนนั้นผ่านมาพอดี พอนึกถึงคำสาปพันธนาการบนข้อมือของอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนก็อยากคุยด้วย แต่ชายหน้ากากผีกลับมีท่าทางลับๆ ล่อๆ เขาจึงตัดสินใจแอบตามไปเงียบๆ ในที่สุดก็เห็นชายคนนั้นหยุดที่ประตูบานหนึ่งซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม แล้วจู่ๆ ผู้ตรวจการก็หันกลับมา เซี่ยเหลียนเลยขึ้นไปซ่อนตัวบนเพดาน
ผู้ตรวจการเดินไปหยิบลูกเต๋าจากถาดในมือของรูปปั้นหญิงสาวซึ่งอยู่ใกล้ๆ ออกมาทอย เซี่ยเหลียนเห็นว่ามันออกหน้า 6 แต้มทั้งสองลูก แล้วชายชุดดำก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง หลังจากรอพักหนึ่งเซี่ยเหลียนก็กระโดดลงมา แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรดังออกมาจากห้องนั้น พอเขาตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปก็พบว่ามันเป็นห้องนอนเล็กๆ ห้องหนึ่งซึ่งไม่มีที่ใดให้ซ่อนตัวได้ แล้วผู้ตรวจการหายไปไหน เขาเดินไปดูถาดลูกเต๋าที่รูปปั้นพลางคิดว่ามันต้องเป็นกลไกอะไรบางอย่าง หลังจากที่พิจารณาแล้วว่าตัวเองไม่อาจทอยเต๋าให้ได้แต้ม 6 ทั้งสองลูก เซี่ยเหลียนก็เดินกลับไปที่ห้องโถง แต่ระหว่างทางก็พบกับฮวาเฉิงเข้า
ตอนแรกเซี่ยเหลียนจะบอกเรื่องที่เขาเห็นกับอ๋องผี แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองมาสืบเรื่องเจ้าหน้าที่สวรรค์ที่ขอความช่วยเหลือจึงตัดสินใจเงียบไว้ บอกไปเพียงว่าเขาออกมาหาเด็กชายผ้าพันแผล ฮวาเฉิงเอ่ยให้เซี่ยเหลียนรอที่ห้องโถง แล้วเขาจะให้คนไปตามอีกฝ่ายมาให้ เมื่อเซี่ยเหลียนถามถึงธุระที่อ๋องผีไปจัดการมา ฮวาเฉิงก็บอกว่าผีเขียวฉีหรมักแอบมาก่อความวุ่นวายด้วยการเผาจุดนั้นจุดนี้ของเมืองด้วยความอิจฉาเป็นประจำ จากนั้นเขาก็กล่าวว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งอยากให้เซี่ยเหลียนดู
สถานที่ที่ฮวาเฉิงพาเซี่ยเหลียนไปดูคือคลังแสงเก็บอาวุธชั้นเลิศ ทำเอาเซี่ยเหลียนผู้เป็นโอตาคุการต่อสู้ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขารีบเขาไปสำรวจของในห้อง เมื่ออีกฝ่ายถามว่าเขาชอบของพวกนี้หรือไม่ มีชิ้นไหนใช้ได้หรือเปล่า เซี่ยเหลียนก็ตอบทันทีว่าชอบมาก และทุกชิ้นก็ล้วนดีงาม ฮวาเฉิงจึงจะยกอาวุธทุกชิ้นให้เซี่ยเหลียนประหนึ่งอสูรยกห้องสมุดให้โฉมงาม เมื่อเซี่ยเหลียนปฏิเสธอย่างเกรงใจ บอกว่าตนไม่มีที่เก็บของพวกนี้ เขาก็บอกว่าจะมอบคลังแสงห้องนี้ให้อีกฝ่าย อีกทั้งจะคอยดูแลรักษาอาวุธพวกนี้ให้ หากเซี่ยเหลียนมีเวลาว่างก็มาที่นี่ได้
เซี่ยเหลียนนึกขึ้นได้ว่าจวินอู๋เตือนเขาไว้ว่าดาบโค้งเอ้อมิ่งของฮวาเฉิงเป็นอาวุธต้องสาปกระหายเลือด อย่าได้ไปจับโดยเด็ดขาด เซี่ยเหลียนคิดว่านั่นอาจเป็นแค่ข่าวลือ และขออ๋องผีดูอาวุธชิ้นนั้น ฮวาเฉิงจึงเข้ามาใกล้แล้วแนะนำเอ้อมิ่ง ดาบโค้งที่ด้ามจับมีดวงตาซึ่งห้อยอยู่ที่เอวของเขาเล่มนั้น เอ้อมิ่งลืมตาขึ้นมองเซี่ยเหลียน แม้ไม่มีปาก แต่เปลือกตาที่โค้งขึ้นก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกว่ามันกำลังยิ้มให้ เขาจึงเอ่ยทักทาย ส่งผลให้ดวงตาสีแดงกลอกไปมาอย่างมีชีวิตชีวา ฮวาเฉิงอธิบายว่าเอ้อมิ่งชอบเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนจึงบอกไปว่าเขาก็ชอบมันเช่นกัน เอ้อมิ่งกระพริบตาอย่างบ้าคลั่งเพราะอยากให้เซี่ยเหลียนจับ ถึงอ๋องผีจะดุมัน แต่เซี่ยเหลียนก็ยื่นมือไปลูบด้ามจับของมันด้วยความเอ็นดู
หลังจากใช้เวลาในคลังแสงพักหนึ่ง ทั้งสองก็กลับมาที่ห้องโถงซึ่งเด็กชายผ้าพันแผลผู้ได้รับการชำระตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วยืนรออยู่ ท่าทางหวาดกลัวไม่วางใจผู้คนของอีกฝ่ายทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกปวดใจ เขาเข้าไปถามว่าเด็กชายสมัครใจไปบำเพ็ญเพียรกับเขาหรือเปล่า โดยไม่สังเกตเลยว่าฮวาเฉิงมองเด็กชายด้วยสายตาเย็นชา เซี่ยเหลียนบอกเด็กชายว่าในเมื่อจำชื่อตนเองไม่ได้ ก็สมควรมีชื่อใหม่ เด็กชายจึงส่งเสียงออกมาว่าอิ๋ง เมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายคงอยากมีสิ่งรำลึกถึงเสี่ยวอิ๋ง เขาก็เห็นด้วย และในเมื่อเป็นชาวหย่งอันก็น่าใช้แซ่หลาง เด็กชายผ้าพันแผลจึงมีชื่อใหม่ว่าหลางอิ๋ง
งานเลี้ยงต้อนรับแขกเริ่มต้นขึ้น อาหารมากมายถูกยกเข้ามาวางตรงหน้า เมื่อเซี่ยเหลียนมองหลางอิ๋งกินอาหาร ภาพเด็กชายอีกคนที่พันศีรษะด้วยผ้าพันแผล เนื้อตัวมอมแมมสกปรกกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าถาดวางของเซ่นไหว้ก็กลับเข้ามาในความทรงจำ ตอนนั้นเองสตรีชุดผ้าไหมสีม่วงคนหนึ่งก็เข้ามาเสนอรินน้ำให้ เซี่ยเหลียนซึ่งตกอยู่ในห้วงความคิดพยักหน้าไปโดยไม่มอง เมื่อดื่มเข้าไปจึงเพิ่งรู้ว่าเป็นเหล้า เขาหันไปมองหญิงสาวคนนั้นซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของฮวาเฉิง เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยิบตาให้เขาก็ถึงกับสำลักพ่นน้ำพรูดออกมาจากปากโดยไม่ตั้งใจ เพราะอีกฝ่ายคือซือชิงเสวียนเวอร์ชันสาวน้อยนั่นเอง
.
.
.
.
.