มาสปอยเทียนกวานต่อนะ
ต่อจาก >>164 เทียนกวาน Part.16
.
.
.
.
.
เสียงกรีดร้องดังมาจากใบหน้านั้น ก่อนที่หนานเฟิงจะเร่งไฟในมือจนแสงสาดไปทั่วถ้ำ ปรากฏให้เห็นว่ามีผู้ที่หลบอยู่ในความมืดถึง 7-8 คน ต่างกำลังนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อถูกตะคอกถามว่าเป็นใคร ชายที่อายุมากที่สุดในกลุ่มจึงตอบว่าพวกเขาเป็นพ่อค้าธรรมดาที่เข้ามาหลบพายุในนี้ หนานเฟิงถามต่อว่าเหตุใดเมื่อครู่พวกเขาต้องซ่อนตัว ตอนนั้นชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งก็ตะโกนด้วยความไม่พอใจว่าพวกตนไม่ได้ตั้งใจหลบซ่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกเซี่ยเหลียนที่จู่ๆ ก็เข้ามาในถ้ำเป็นคนดีหรือคนเลว อีกทั้ง 4 หนุ่มยังพากันคุยเรื่องทหารปั้นเยวี่ย แถมยังจุดไฟจากมือได้อีก พวกเขาย่อมไม่กล้าส่งเสียงอะไรอยู่แล้ว
เซี่ยเหลียนพยายามบอกให้ทุกคนใจเย็น อธิบายว่าพวกตนเป็นนักพรตธรรมดาที่พอใช้วิชาได้นิดหน่อย และบังเอิญเข้ามาหลบพายุทรายเหมือนกัน เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนจึงเริ่มผ่อนคลายลง แต่ซานหลางก็จุดประเด็นขึ้นมาว่าในเมื่อมีข่าวคนหายที่เส้นทางปั้นเยวี่ยลือกันให้แซ่ด อีกฝ่ายจะเป็นพ่อค้าธรรมดาตามที่พูดจริงอย่างนั้นหรือ แต่พ่อค้าอาวุโสก็กล่าวว่าข่าวลือนั่นไม่เป็นความจริงเสียทีเดียว ก่อนหน้านี้มีคณะเดินทางหลายคณะที่สามารถเดินทางผ่านเส้นทางปั้นเยวี่ยได้โดยไม่ได้รับอันตราย เพียงแต่ต้องหาผู้นำทางผู้ชำนาญพื้นที่ให้มานำทางให้ ซึ่งอาเจาที่พาพวกเขามาหลบพายุทรายที่นี่ก็คือคนๆ นั้นนั่นเอง
อาเจาเป็นชายหนุ่มอายุราว 20 ปีซึ่งมีท่าทางน่าเชื่อถือคนหนึ่ง กลุ่มพ่อค้าดูมีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะเดินทางกันได้โดยสวัสดิภาพ แต่เซี่ยเหลียนก็หันไปบอกหนานเฟิงกับฝูเหยาว่าก่อนไปซากเมืองปั้นเยวี่ย พวกเขาจะต้องทำให้แน่ใจว่าพวกพ่อค้าจะปลอดภัยจริงๆ เสียก่อน จากนั้นเขาก็อ่านอักษรบนหินก้อนนั้นอีกครั้ง แต่ช่วงที่เขาเคยอาศัยในแคว้นปั้นเยวี่ยก็ผ่านมา 200 ปีแล้ว ทำให้เขาจำวิธีการอ่านไม่ค่อยได้ ทว่าตอนนั้นเองเสียงของซานหลางก็ดังขึ้นว่า สุสานของแม่ทัพ
เซี่ยเหลียนหันไปถามเด็กหนุ่มว่ารู้อักษรปั้นเยวี่ยด้วยหรือ อีกฝ่ายตอบว่าพอรู้แค่นิดหน่อย ถึงเซี่ยเหลียนจะไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไร ก่อนเรียกให้ซานหลางมาช่วยกันอ่านอักษรนั้นด้วยกัน หลังจากใช้เวลาสักพักเขาก็พอแกะข้อความได้ว่ามันเป็นจารึกสดุดีถึงแม่ทัพคนหนึ่งของแคว้นหย่งอัน หรืออันที่จริงอีกฝ่ายเป็นแค่หัวหน้ากองเท่านั้นเนื่องจากเขาถูกลดขั้นลงเรื่อยๆ จนแทบไร้ยศศักดิ์ ดูไปก็คล้ายกับชีวิตของเซี่ยเหลียนเสียจริง
แม่ทัพคนนี้ถูกลขั้นเนื่องจากไม่ยอมเอาชนะในการต่อสู้ เขาอาจคอยปกป้องไม่ให้ชาวปั้นเยวี่ยทำร้ายประชาชนฝั่งของตน แต่ขณะเดียวกันก็คอยกันไม่ให้คนของตัวเองไปเข่นฆ่าประชาชนของอีกฝ่ายด้วย เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็เริ่มแสดงความคิดเห็นต่อแม่ทัพผู้นี้ ส่วนมากต่างเห็นพ้องว่าเขาเป็นคนดี ช่วยเหลือชีวิตผู้คน ซึ่งนั่นก็ทำให้เซี่ยเหลียนอดยิ้มไม่ได้ อาเจาแสดงความเห็นว่าในช่วงนั้นปั้นเยวี่ย และหย่งอันมีความสัมพันธ์ที่แย่มาก การที่แม่ทัพคนนี้ถูกลงโทษเพียงแค่ลดขั้นนับว่าเป็นโทษสถานเบามาก กระนั้นฝูเหยากลับบอกว่าในเมื่อเป็นทหารก็ต้องปกป้องบ้านเมืองและทำลายศัตรู ไม่อย่างนั้นผู้ติดตามมีแต่จะเสื่อมศรัทธา ศัตรูก็คงคิดว่าเขาช่างโง่เง่า สุดท้ายก็จะไม่มีผู้ใดคิดขอบคุณ และหากไม่ตายในสนามรบก็คงตายเพราะฝีมือคนของตัวเองเป็นแน่
คำพูดของเขาช่างฟังดูมีเหตุผล แต่มันก็ทำให้ทุกคนเงียบเสียงไป เซี่ยเหลียนเลยทำลายความเงียบโดยการเล่าต่อว่าแม่ทัพผู้นี้ตายในสนามรบจริง ในศึกษาสุดท้ายเชือกรองเท้าของเขาหลุดก็เลยถูกเหยียบตายโดยทั้งฝ่ายตัวเองและศัตรูที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่ พอได้ยินดังนั้นกลุ่มพ่อค้าที่หลงนึกว่าเรื่องราวจะต้องโคตรอีพิคก็ปล่อยก๊ากกันทั้งคณะ
.
.
.
.
.