Fanboi Channel

[รวมมิตรโม่เซียง] เม้าท์เรื่อง ปรมาจารย์, ตัวร้าย​อย่างข้า, เทียน​กวาน​ ฯลฯ​ เล่มที่​ 11 [นิยาย อนิเม ดราม่า ละคร สปอย]

Last posted

Total of 1000 posts

164 Nameless Fanboi Posted ID:4zedP/NsG3

ขอ ky สปอยเทียนกวานต่อนะ

ต่อจาก >>148 เทียนกวาน Part.15
.
.
.
.
.
หลังจากเดินกันมานานพวกเขาก็เจอกับลมที่รุนแรงกว่าปรกติ หลังจากที่ทุกคนเข้ามาอยู่ในระยะที่พอได้ยินเสียงกัน เซี่ยเหลียนก็เอ่ยว่าพายุนี้อาจเป็นฝีมือของปีศาจ ควรไปตั้งหลักกันใหม่ก่อน แต่ฝูเหยาไม่เห็นด้วย และคิดว่าหากอีกฝ่ายต้องการหยุดยั้งพวกตนไว้ สิ่งที่ควรทำก็คือการเดินไปต่อ ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะสรุปกันได้ก็มีลมหมุนพัดหอบเซี่ยเหลียนลอยขึ้นไปในอากาศ

เซี่ยเหลียนสั่งให้รั่วเย่ยึดสิ่งที่แข็งแรงไว้ แต่สิ่งที่ผ้าแพรขาวรัดไว้กลับเป็นซานหลาง และก่อนที่เขาจะทันสั่งให้มันหาที่ยึดใหม่ เด็กหนุ่มก็ถูกพัดปลิวลอยขึ้นมาอยู่กลางอากาศกับเขาเสียแล้ว ซานหลางไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจใดๆ ทั้งสิ้น จนเซี่ยเหลียนอดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจงใจปล่อยตัวเองลอยขึ้นมาด้วยหรือเปล่า ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเข้าไปจับตัวอีกฝ่ายไว้ แล้วสั่งให้รั่วเย่หาอย่างอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ และคราวนี้ผ้าแพรก็ไปรัดแขนของหนานเฟิงกับฝูเหยา

ทั้งสองพยายามช่วยดึงเซี่ยเหลียน แต่ลมกลับพัดรุนแรงขึ้นอีกจนทั้งคู่ลอยขึ้นมาด้วย เซี่ยเหลียนสั่งให้รั่วเย่หาของยึดอีกครั้ง คราวนี้เหมือนแพรขาวจะหาสิ่งสมควรใช้เป็นหลักได้แล้ว เมื่อทั้ง 4 ดึงตัวลงมาก็เห็นว่ารั่วเย่มัดอยู่กับหินก้อนยักษ์ซึ่งด้านหนึ่งมีช่องว่างพอให้คนรอดผ่าน มันคือสิ่งที่ชาวปั้นเยวี่ยสร้างไว้เพื่อหลบพายุทะเลทราย แล้วเซี่ยเหลียนก็เดินนำทุกคนเข้าไปข้างในซึ่งถูกเจาะเป็นโพรง

ทุกคนไอสำลักทรายที่เผลอกลืนเข้าไป พลางเอาทรายออกจากเสื้อผ้า มีเพียงซานหลางที่เหมือนจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดที่ปัดทรายออกจากเสื้อไม่กี่ครั้ง เซี่ยเหลียนถามหนานเฟิงกับฝูเหยาว่าทำไมเมื่อครู่ไม่ใช้คาถาทำให้ตัวหนัก แต่ทั้งสองก็ตอบว่าพวกเขาใช้มันแล้วแต่ก็ยังสู้แรงพายุนั่นไม่ได้ ทั้งฝูเหยายังอ้างว่าที่แห่งนี้อยู่ไกลจากเขตแดนของแม่ทัพของพวกตน พลังทิพย์ของพวกเขาจึงไม่แข็งแกร่งนัก พอเห็นทั้งสองมีท่าทีหงุดหงิดอย่างนั้นเซี่ยเหลียนจึงเอ่ยขอบคุณพวกเขาที่มาช่วยงาน

ทั้ง 4 ตั้งใจจะนั่งหลบอยู่ในนี้จนกว่าพายุทรายจะสงบ เซี่ยเหลียนหันไปถามเพศของราชครูปั้นเยวี่ยจากซานหลาง เมื่อรู้ว่าเป็นผู้หญิง เขาก็นึกสงสัยสตรีชุดขาวที่เห็นก่อนหน้านี้ ฝูเหยาตั้งข้อสันนิษฐานว่าถ้าเป็นเช่นนั้นคนแต่งชุดสีดำก็อาจเป็นราชครูฟางซินที่เป็นนักพรตมารอีกคน แต่เซี่ยเหลียนแย้งว่าไม่มีทางเป็นเช่นนั้นเพราะเขาเคยได้ยินเรื่องราวของราชครูฟางซินมาก่อน อีกทั้งช่วงเวลาการมีตัวตนอยู่ของนักพรตมารทั้ง 2 ก็ห่างกันเป็น 100 ปี

ตอนนั้นเองซานหลางก็ชี้ว่าหินที่เซี่ยเหลียนนั่งทับอยู่มีตัวอักษรเขียนไว้ เมื่อหนานเฟิงใช้พลังทิพย์จุดไฟจึงเห็นว่ามันเป็นอักษรของชาวปั้นเยวี่ย พอเห็นเซี่ยเหลียนพยายามอ่านฝูเหยาเลยจุดไฟขึ้นมาอีกคนพร้อมถามว่าเขาอ่านออกหรือ เซี่ยเหลียนจึงเล่าว่าความจริงช่วงหนึ่งก่อนที่จะมีนักพรตมาร เขาเคยเก็บขยะอยู่ที่แคว้นปั้นเยวี่ยมาก่อน แล้วเขาก็อ่านคำแรกบนหินก่อนนั้นออกมาได้ว่า “แม่ทัพ” แต่ก่อนที่เขาได้อ่านคำต่อไปออก แสงไฟก็สาดให้เห็นใบหน้ารางๆ ของมนุษย์แฝงอยู่ในความมืดด้านหน้าเขา
.
.
.
.
.

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.