Last posted
Total of 1000 posts
มึงลงนิยายช่วงกี่โมงกัน คนอ่านเยอะมะ
มีใครเป็นเหมือนกูบ้างจะแต่งฟิคทีกูต้องไปหาเพลงมาฟังเพื่อบิ้วต์อารมณ์ตัวเองอ่ะ คือ กูเป็นประเภทถ้าไม่ฟังเพลงจะคิดอะไรไม่ค่อยออกอ่ะ แต่สุดท้ายฟังเพลงเพลิน กูเผลอลุกขึ้นเต้นเฉยเลย กลายเป็นว่ ฟิคกูไปไหนไม่รอดยังเป็นกระดาษหน้าขาวอยู่เลย กูติดหล่มอ่ะ 😂😂😂😂😂😁
กูเศร้ามากว่ะ รู้สึกเครียด ไม่มีแรงบันดาลใจ เหมือนกูต้องเค้นพละกำลังในแต่ละอาทิตย์เพื่อเขียนออกมาให้ทันเส้นตาย เมื่อก่อนกูอัพแทบทุกวันเพราะรู้สึกสนุกในการแต่ง ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้กูแห้งเหือดมาก คนอ่านที่ตามๆก็หายกันไปเยอะไม่รู้เพราะดองไว้รอจบหรือว่าอะไร พอกูเค้นเขียนออกมาทีนึง จาก 10 คนเม้นแต่ก่อนก็เหลือแค่ 2 คน ทั้งๆที่กูมั่นใจว่ากูเขียนสนุกขึ้นกว่าแต่แรกนะ อยากร้องไห้ หมดกำลังใจ
เพื่อนโม่ง เราอยากแปลนิยายเรื่องนึงมากๆ คือมันไม่วายแต่แอบวายชิบหาย อยากหาคนสครีมด้วยอ่านคนเดียวอึดอัดจะแย่ละใจจะแปลก็มี แต่ทว่าแม่งมีคนแปลแบบเก็บตังอยู่ เลยไม่กล้าแปลทับวะ ถ้าเราแปลจะเป็นไรปะ
พวกมึงคิดยังไงกับนักเขียนที่ดราม่าเพราะคนอ่านติเรื่องการใช้คะค่ะในทอร์กวะ
คือนางบอกคนอ่านว่านางลงให้ฟรี ไม่ได้จะตีพิมพ์ ถ้าอยากอ่านแบบใช้ภาษาให้ถูกก็ไปอ่านนส.กระทรวง
กุแบบอ้ากเรียล เขาเตือนด้วยความหวังดีรึเปล่า
ปกติตอนนึง 30-50 เม้นท์ต่อตอนนี่ถือว่าเยอะไหมวะพวกมึง กูเพิ่งลองเขียนอะ
ถามเรื่องเวลาหน่อยจิ พวกมึงคิดว่าเวลาลงนิยายควรลงช่วงไหนถึงจะมีคนเข้ามาอ่านมากหน่อย กุยังเลือกไม่ค่อยถูกอะ
KY ถามหน่อยเวลาเลือกอ่านนิยายนี่
1.มีตัวเลือกประมาณว่าไม่ชอบอ่านนิยายแบบบรรยายบุคคลที่ 1 หรือ 3 กันไหม
2.ปกติชอบอ่านนิยายแบบบทสนทนาเยอะ หรือบรรยายเยอะ
คือตอนนี้กูมีปัญหากับการที่ว่าตัวเองถนัดเขียนบุคคล1 แต่ตัวละครจะเว่นเว้อในหัวมาก แต่พอย้ายไปเขียนแบบบุคคล3 มันก็จะย้ายไปบรรยายอารมณ์ สีหน้า สภาพแวดล้อมเยอะแทนจนบทสนทนาแทบไม่มี
ขอบคุณมากๆทุกคน ปัญหาคือ ตอนนี้กูพล๊อตที่กูพยายามเขียนมันคือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี(มโน)นี่สิ พอเขียนไปมา นี่มันบรรยายเชิงวิชาการนี่หว่า!
แล้วที่บอกว่าเขียน1นี่ไม่ใช่ว่าเก่งนะ แต่ทุกเรื่องที่เขียนจนจบได้คือบุคคล1 บุคคล3นี่เข้าไหดองตลอด เพื่อนกูเลยไล่ให้ไปเขียน1 มันบอกเขียนให้ดียังไงถ้ามึงเขียนไม่จบก็เท่านั้น
เอาวะ!มาลองกันใหม่ ภาวนาให้กูเขียนจนจบด้วยละกันเพื่อนโม่ง
Ky เพื่อนโม่ง กูกับเพื่อนเริ่มแต่งนิยายพร้อมกัน แต่เพื่อนกูแต่งดีกว่า ภาษาบรรยาย พล็อตเรื่องไรดีกว่ากูหมด ส่วนนิยายกูภาษาบรรยายกากๆ เน้นรวบรัดแต่นิยายกูคนอ่านเยอะกว่า เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยชอบอ่านนิยายที่ภาษาสวยๆ คลีนๆ พล็อตแน่นแล้วเหรอวะ พอกูเอานิยายตัวเองไปเทียบกับเพื่อนแล้วรู้สึกอายอ่ะ แต่คนอ่านนิยายกูเยอะกว่าแม่งงงชห
อยากถามเรื่องภาพประกอบนิยายเวลาลงนิยายหน่อย ปกติหาจากไหนกันมั่ง เห็นในดด.มีทั้งรูปจากนิยายตีพิมพํ รูปดาราฯลฯ ส่วนตัวกูไม่อยากใช้รูปดารา แต่ถ้าไม่มีรูปประกอบนี่จะดูไม่ดึงดูดหรือเปล่าอะ ตอนนี้สงสัยมาก
กูคนอ่านผ่านมาตอบ จะบอกว่ามุมมองบุคคลที่1มันอ่านง่ายดีนะ กูไม่ได้เลือกเป็นพิเศษ แต่ถ้าแบบช่วงว่างๆ ระหว่างวันจะหาอะไรอ่านกูก็มักหยิบพวกบุคคลที่1มาอ่านมากกว่าอ่ะ มันย่อยง่าย จุดโฟกัสชัดเจน แต่บุคคลที่1 นี่มันก็มีหลุดอะไรแปลกๆมาเยอะ เช่นนักเขียนตั้งใจจะบรรยายเคะว่าหน้าตาดียังไง สารที่นักอ่านได้รับคือ 1.เคะหน้าตาดี 2.เคะหลงตัวเอง 3.รสนิยมของเคะเอง บางทีเลยออกมาเป็นคาแรกเตอร์แปลกๆซะมาก ส่วนบรรยายบุคคลที่ 3 จะเรียบง่ายกว่า ก็คือบอกหน้าตายังไงก็คืออย่างนั้น ไม่มีของแถมเป็นพวกมุมมองของตัวละครมาด้วยถ้าไม่ตั้งใจใส่ สำหรับกู บรรยายมุมมองที่3เลยต้องอ่านเยอะกว่าถ้าต้องการความหมายที่เท่ากันอ่ะ แต่ที่จริงก็อยู่ที่ลีลาสำนวนการเล่าด้วย บุคคลที่1ต่อให้เขียนไม่ค่อยเก่งก็ยังมีน้ำเสียงอารมณ์ของตัวละครช่วยกระตุ้นให้กูโฟกัสตามสิ่งที่เล่า แต่มุมมองบุคคลที่3 เขียนไม่ดีก็หลับเลย ถ้าเคสแย่มากๆคืออ่านไม่รู้เรื่องเลยก็มี แบบตกลงใครทำอะไรวะ ยิ่งนิยายวายมีแต่ตัวละครชายถ้านักเขียนคลังคำน้อย บรรยายไม่ดีมีสับสนอีกใครเป็นใคร แต่นิยายขึ้นหิ้งกูเกือบทั้งหมดเป็นมุมมองบุคคลที่3นะ แบบถ้าเขียนดีก็โคตรดีไปเลยอ่ะ เวลาบรรยายความรู้สึกอะไรพวกนี้ก็บิ้วได้มากกว่าด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่มึงจะนำเสนออะไรด้วยอ่ะ บุคคลที่1 นี่กูเคยเจอเรื่องที่สิ่งที่ตัวละครเล่าไม่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แบบสามารถโกหกคนอ่าน หรือจงใจข้ามไม่พูดถึงบางเหตุการณ์ ตอนเจอก็ว้าวอยู่นะ ประทับใจ
กูไม่ชอบการรีโพสต์รูปเลย ปกติจะลงรูปที่คนอื่นถ่ายคนอื่นวาดก็ควรขออนุญาติคนทำไหมยิ่งแอบอ้างเป็นอิมเมจตัวละครนิยายตัวเองด้วย ไม่ใช่เห็นทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ตเป็นทรัพย์สินสาธารณะ
มึงลองสังเกต นิยายดังๆ คนอ่านเยอะๆ บรรยายมุมมองที่ 1 ทั้งนั้น น้อยเรื่องที่จะบรรยายมุมมองที่ 3 แต่กูเขียนและอ่านชอบมุมที่ 3 แต่ก็อ่านมุมที่ 1 ได้อย่างที่ >>736 บอก มุมที่ 1 ย่อยง่าย โฟกัสง่ายเพราะมุมเดียว คิดตามกันไปเลย
>>731 กูไม่รู้คำว่าภาษาสวยของมึงคืออะไร คนเราชอบไม่เหมือนกันแต่สมัยนี้ ชอบอะไรที่เข้าใจง่ายไม่ต้องตีความเยอะ แค่ไม่ได้พิมพ์ผิดแทบทุกคำหลายคนก็เรียกว่าภาษาสวยแล้ว ยิ่งพล็อตแน่น แน่นแนวไหน ชวนอ่านยากมั้ย นั่นก็เป็นประเด็น ดูได้จากท็อปเด็กดี ฟีลกู๊ด เสียเป็นส่วนใหญ่
>>731 ภาษากากๆ ที่มึงว่าแค่เข้าใจง่ายไม่มีคำผิดกูก็ว่าโอเคแล้ว ที่มึงบอกว่าเน้นรวบรัดบางทีนิยายมึงอาจจะย่อยง่ายสำหรับคนอ่านก็ได้ เดี๋ยวนี้นักอ่านชอบนิยายที่ย่อยง่ายๆ มากกว่านิยายที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนคิดเยอะ คือถ้าอ่านนิยายแบบนั้นต้องมีเวลาว่างมากๆ ก่อนถึงจะอ่าน แต่นิยายฟีลกู๊ดส่วนใหญ่ที่ติดTop ในดด กูว่ามันย่อยง่ายดีคนเลยอ่านเยอะ ชื่อเรื่องคำโปรยอะไรก็มีส่วนดึงดูดคนอ่านนะ
เขียนมุมมองบุคคลที่หนึ่งสลับกันระหว่างตัวเอกสองตัวก็ได้นะ ก็ได้ความคิดของทั้งสองฝ่ายเหมือนกัน แต่คนเขียนห้ามหลุดคาร์เด็ดขาด กะถ้าสลับระหว่างสองตัวแล้วแยกคาร์ไม่เด็ดขาดนี่จบเห่เลย กูอ่านได้หมดไม่ว่าจะหนึ่งจะสาม บรรยายบุคคลที่สามถ้าใช้มุมมองคาร์ตัวเดียวก็เหมือนหนึ่งนะ จะไม่รู้ความคิดคนอื่นอยู่ดี นิยายไทยกูไม่รู้ว่าเป็นไง แต่ของฝรั่งจะไม่มีการบรรยายเรื่องในหัวคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของมุมมองอะ เขายึดเป็นตัวๆ ไป อย่างดีก็สลับกันตัวละตอน ถ้ารู้ความคิดทุกคนพร้อมกันกูจะเรียกว่ามุมมองพระเจ้า
Ky อยากรู้สาเหตุที่พวกมึงหยุดเขียนว่ะ กูคือตัน และเป็นอยู่ พล็อตไม่ได้ทันแต่ภาษาเขียนไปแล้วแม่งไม่โอเค กูเลยรู้สึกว่าตัวเองตันชิบหายเลยว่ะ
พล็อตไม่ได้ตันสิ โทษๆ
>>750 ต่อให้อีกไม่กี่ปีตลาดวาย แต่ถ้าตอนนี้ฟลุ๊กหาเงินได้ก็กอบโกยไปเยอะๆก่อน บางคนก็คิดแค่นี้นะ แต่ถ้าจะทำอาชีพนักเขียนจริงอะไรก็ต้องเขียนได้ ถึงเวลาเขาฮิตอะไรกันก็ต้องเขียนไปขายตามเขาให้ได้อะ ถึงเห็นนักเขียนทีเดิมเขียนสายอื่นโผล่มาเขียนวายกันเต็มไง ขนาดนักวาดชายบางคนยังเคยโพสเฟสส่วนตัวบอก งานวายมันได้เงินอะฮะ เลยมารับงานวาดปก สรุปว่าอนาคตจะฮิตอะไรไม่รู้ แต่ถ้ามึงจะทำอาชีพนี้ มึงต้องเขียนให้ได้ทุกอย่างตามตลาด
>>750 นด.เหมือนเป็นนักเขียนอย่างเดียวมั้งเคยเห็นทวิตอยู่ แต่เขาเป็นนักเขียนมานานตั้งแต่สมัยนิยายนอมอลอีโมฮิตๆแล้วเปลี่ยนสายมาเรื่อยๆ นักเขียนค่ายนึงก็ออกจากบริษัทมาขายกาแฟพ่วงเขียนนิยาย เท่าที่ดูคือเขียนคู่ไปกับงานก่อน พองานดังสร้างฐานคนอ่านที่มั่นคงได้และเยอะ ออกงานใหม่ก็ยังมีคนซื้อก็พอทำได้นะ แต่ต้องสร้างความพร้อมให้ตัวเองก่อนจริงๆและต้องมั่นใจว่าสามารถเขียนงานได้เรื่อยๆไม่ใช่ออกมาแล้วตันไม่มีอารมณ์เขียน ไม่มีนิยายออกก็ไม่มีรายได้ ทิ้งช่วงนานๆคนอ่านไปอ่านของคนอื่นแล้ว
มม อีกคนไง คนที่ขายได้แม่งก็คือขายได้จริงๆ ติดลมบนไปเลย
กูมองว่าตลาดนิยายวายมันไม่หายไปแบบเหือดแห้งทีเดียวหรอก กูอ่านวายมาตั้งแต่สิบปีก่อน ตอนนี้ก็ยังอ่านแนววายเป็นหลัก ชญ มีอ่านบ้างประปราย
ที่จะเปลี่ยนคือเปลี่ยนแนวว่ะ วายคู่จิ้น วายฟิคนักร้อง วายมหาลัย วายแฟนตาซี วายจีนโบราณ วายระบบ แล้วแต่ว่าเมิงอยากเป็นแบบไหน แบบนดที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามตลาดได้ หรือเขียนแนวที่ตัวเองถนัดยาวไป
>>757 มึงงงง ช่วย-ดู-ข้อ-ความ-ที่-กู-แท็ก-ด้วย! ไม่ใช่สักแต่ไล่
กูไม่ได้เม้าคน แต่ข้างบนถามว่ามีใครเขียนนิยายเป็นอาชีพไหม คิดว่าทำได้มั้ย กูเลยยกกรณีตัวอย่างไปว่า'นักเขียน'ที่ทำเป็นอาชีพประจำก็มี แล้วอธิบายพอสังเขปว่าการออกงานเขาเป็นยังไงโว้ย ถ้าการยกตัวอย่างต้องไปห้องเม้าๆ ข้างบนที่ถามว่าควรแต่งบุรุษแบบไหนเป็นไงคนชอบแบบไหนกันบ้างควรไปชั้นหนังสือเลยไหม
งงเหมือนกันว่าทำไมต้องไล่ไปมู้เม้า ทั้งที่เขาแค่เอ่ยถึงนักเขียนตอบคนที่มาถามเฉยๆไม่ได้เม้าอะไร
กูว่าถ้าเป็นนักเขียนแบบเขียนแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ อยากเขียนอะไรก็เขียน ถ้างั้นไม่น่าจะยึดอาชีพนักเขียนหากินเป็นหลักได้นะ ถ้าจะเลี้ยงชีพด้วยการเขียนมึงต้องอยู่เป็นด้วยอ่ะ มีวินัย ออกงานสม่ำเสมอ ดังพอจะมีฐานแฟน รับงานสั่งเขียนได้(กูทำไม่ได้) ไม่งั้นก็เขียนเป็นงานอดิเรกต่อไปแล้วทำชีพอื่นไปด้วยนั่นแหละ หรือถ้าที่บ้านอุ้มก็อยู่ได้...
กูลองคำนวนจากที่กูเคยตีพิมพ์มา กูไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยการเขียนนิยายอย่างเดียว รายได้หลักยังเป็นงานประจำอยู่
คงเหมือนโม่งคนอื่นๆ ถ้าอยากเขียนอย่างเดียว งานต้องชุกมากๆ และที่บ้านอุ้มไหว
ky หน่อย นข.วายที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย งานมันมีความต่าง หรือได้เปรียบเสียเปรียบกันตรงไหนมั้ยวะ
>>763 ในครส กูว่าต่าง ถ้ามึงอ่านแนวผช เขียน จะสัมผัสได้ ในการบรรยายหรือความคิดตลค จะต่างจาก ผญ เขียนเพราะผญ เขียนมักจะใส่ความคิด ผญ ลงไปในตลค ผช มึงอาจจะเคยเห็นหรือได้ยินที่คนพูดแบบ นอ. นิสัยผญ จัง ประมาณนี้ กูไม่รับผช ที่เขียนวายเพราะเพื่อขายตามตลาดนะ อันนั้นเขาจะให้คิดตลค ออกสาวเหมือนกัน
ต่างมากนะ ต่างตั้งแต่ตรรกะการตัดสินใจ นิสัยของตัวละครเลย
กูไม่ค่อยมีอารมณ์แต่งนิยายเลย พวกมึงบิ้วกันยังไงสะ
>>769 สำหรับกูนะ ฟังเพลง ผ่อนคลายให้มากๆ กลับไปอ่านนิยายตอนเก่าๆให้รู้สึกอินกะเนื้อเรื่อง แล้วก็ค่อยๆเริ่มแต่ง เอาจริงๆต้องบอกตัวเองให้แต่งให้ได้แหละ เพราะไม่อยากทิ้งคนอ่านให้นานๆ กูเคยหายไปนานประมาณสามสี่เดือน เวลาที่เราหยุดแต่งด้วยเหตุผลอะไรก้เหอะ มันก็จะโมเม้นหนึ่งอะที่อยากกลับไปแต่ง ต่อให้ตันๆ แต่มันต้องแต่งให้ได้ มันก็ออกมาดีนะ สปีดการอัปนิยายของกูคือ 4-5วันต่อตอนอะ
กูอ่าน mxm ที่ผชแต่งมีตั้งแต่ฟลัฟเหี้ยๆ โรแมนติก
แมนสุดๆ ยันพอร์นน่ะแหละมึง บางคนแต่งมุ้งมิ้งสวีตหวานแหววเสียจนกูอาย
เวลาลงนิยายแล้วไม่มีใครอ่านมึงท้อกันไหมวะ กูเหมือนจะท้อเลยวะ นิยายกูยังแต่งได้เรื่อยๆนะ นี่ก็แต่งไปเยอะละ แต่กูไม่อยากลงแล้วอะเพราะลงไปก็ไม่มีใครอ่าน ตอนนี้เลยหยุดลงไปสักพักละ นี่กำลังพิมพ์นิยายแล้วดันคิดขึ้นมาว่ากูยิ่งไม่ลงก็ยิ่งไม่มีคนอ่านหรือเปล่าวะ เพราะงั้นกูควรลงนิยายต่อไปทั้งๆที่ไม่มีคนอ่านใช่ไหมวะ สับสนโว้ย TT
>>775 ลงต่อเถอะ ถ้าแต่งจบแล้วลองส่งต้นฉบับให้สนพ.ดู กูก้เคยเป็น แต่มันเหมือนข้ามจุดๆนั้นไปแล้วอะ ความรู้สึกที่คนอ่านน้อย ก็ลงไปจนจบนั่นแหละ แม้ว่าจะมีเฟลๆ เรื่องที่กูแต่งจบบางเรื่องยังได้เม้นแค่100-200 เอง กูก็ลงจนจบ ออกเล่ม แต่งเรื่องใหม่ คนก็อ่านเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นท็อป แต่ก็ทรงๆ (700-800 )มีนักอ่านขาประจำคอยคุยด้วย มันก็โอเคดี กูไม่ได้คาดหวังด้วยแหละ เพราะผ่านจุดที่ว่าคนอ่านน้อยเม้นน้อย (แต่ออกเล่มทุกเรื่องนะ )
ถ้ายังรู้สึกว่าไม่อยากอัปหรือแต่ง ก็ควรหยุดก่อน ไปหาอะไรทำที่สามารถฮีลตัวเองได้ นี่คือวิธีของกูนะ มันใช้ได้ผลอะ
Ky ใครเคยทำมือขายบ้างวะ ขายได้กี่เล่ม เปิดจองนานมั้ย
Ky กูรู้สึกหมดไฟอ่ะ ตอนนี้คือแต่งนิยายให้เสร็จๆ ให้ทันเดดไลน์อย่างเดียว กูแต่งแล้วไม่รู้สึกสนุกไปกับมันเหมือนเมื่อก่อนเลย แต่นักอ่านยังบอกว่าสนุก กูควรทำยังไงดีวะ
มึงต้องเครซี่ ตลค. ของมึงเหมือนมึงเป็นแฟนเกิร์ลเวลาคลั่งนิยาย/การ์ตูน/อนิเมะ ไม่ใช่คนแต่งอ่ะ ถึงมีแรง ทุกวันนี้กูแต่งออกเพราะรู้สึกเหมือนแต่งฟิค ไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน
เวลาพวกมึงทำงานกับสนพ.มึงทำกับที่เดียวเลยมั้ยวะ มึงรู้สึกมั้ยว่าเค้า keep นข.เป็นบางคน โดยเฉพาะคนที่ฐาน fc เยอะ ๆ ทำเงินให้มาก ๆ หรือพวกเด็กใหม่ ๆ
คนที่กูรู้จักไม่ไปทำกับสนพ.อื่นก็เพราะคำนี้ แต่พออยู่ก็เหมือนอยู่ไปงั้น โดนดองไป บอกให้ไปทำกับที่อื่นก็ยังจะเกรงใจเค้า ตอนนี้เด็กใหม่มาแรงกว่า ออกกันให้ลึ่ม นข.ทำเงินก็เอาใจกันชิบห.
เพื่อนกูที่มีแฟนแล้วนางเป็นสาววายนะ เขียนฟิคด้วย บางทีนางบอกเวลาเขียนฉาก nc แต่ไม่มีอารมณ์ บางทีก็ขอมีอะไรกับพี่ผู้ชายที่เป็นแฟนเพื่อบิวท์อารมณ์ ว่าเวลานั้นอิเคะจะรู้สึกยังไงในฉาก nc นั้นๆอ่ะ แบบนางจินตนาการว่าตัวเองเป็นเคะในฟิคแล้วพี่ผู้ชายเป็นเมะในฟิคอ่ะ กูอิจฉาเพื่อนกูขึ้นมาทันทีเลยว่ะ
Ky กูรู้สึกว่างานตัวเองช่วงหลังไม่ค่อยสนุกแล้วว่ะ หมดมุก ไม่มีอารมณ์เขียนต่อ เป๊กมาก แต่มีนักอ่านรอกูอยู่ จะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ จะแต่งต่อก็รู้สึกว่างานที่ออกมาไม่ค่อยดีอ่ะ จะบิ้วให้เหมือนหวีดแฟนฟิคก็หวีดไม่ขึ้น นี่เขาเรียกภาวะหมด passion รึเปล่าวะ 555555 กูไม่รู้จะทำไงแล้ว ฟังเพลง อ่านนิยาย ดูซีรี่ย์ก็แล้วแต่ไม่มีอารมณ์ร่วมกับนิยายตัวเองเลย แต่งต่อได้ แต่รู้สึกไม่สนุกไปกับมันแล้วอ่ะ ; v ;
Ky พวกมึงคิดยังไงกับนข ผญ ที่แทนตัวเองเป็นผช วะ
>>804 ทำไมกูคุ้นๆที่เคสที่มึงบอก55555 ในเล้าใช่มั้ยวะ ที่มีคนจับโป๊ะได้วาเป็นผญ แต่ทำให้คนอื่นคิดว่าเป็นผช เพราะสมัยก่อนนิยาที่ผชแต่งจะมีเอฟตีเยอะ แถมเขียนอะไรเล่าอะไรคนจะเชื่อกันเพราะคิดว่าคนพวกนี้รู้ดี เลยมีนักเขียนประเภทนึงที่ชอบอุปโลกน์ว่าตัวเองเป็นช เพื่อเรียกแฟนคลับและเล่าเรื่องมโนต่างๆ
>>809 เออเกลียดตัวแต่ก็ยังกินไข่
นขบางคนกูอ่านทอล์คตลอด อ่านไปอ่านมาหมั่นใส้เทงานแม่งเลยก็มี หลังๆเลยอ่านทอล์คแค่บางคน
>>810 กูพีคที่บางคนแม่งไปเล่าในบอร์ดปาล์มแล้วโดนแกงค์กระเทยแท้ไล่กลับมาเล้าเป็ด นับถือในความพยายามของชะนีที่จะเป็นเทย และนับถือในเรดาร์ของเหล่าเทย ด่ามาแต่ละดอกเจ็บๆทั้งนั้น กูนี่นั่งเงียบๆดูเขาตีกัน
>>810 ในบอร์ดปาล์มนี่นอกจากไล่กลับเล้าเป็ดแล้วก็มีประโยคนิยายเชิญห้างข้างๆค่ะ5555555 แต่บอร์ดปาล์มเรื่องแฟนผมเป็นพญาครุฑดิมึงสนุกอยู่นะ กูว่าเป็นนิยายสายพระเอกวรรณคดีเรื่องแรกๆของไทย กะเทยรู้อยู่ว่าตอแหลแต่ก็ตามอ่าน สนุกมากแต่จบยังไงกูลืมไปแล้ว
ปล. กูคิดถึงคุณสุรัตน์วีซ่า
อ่านความเห็นพวกมึงแล้วไม่อยากจะเดาว่าใช่ นข เรื่องที่กูอ่านอยู่รึเปล่า 555555 แต่อยากกอดทุกคนรอบวงนะ อย่ากดดันตัวเอง ถ้าคนแต่งไม่สนุกกับมันแล้ว บอกกันตรงๆ กูว่านักอ่านหลายคนเข้าใจเว้ย หยุดไปสร้างแรงบันดาลใจสักพักแล้วหอบเอาความสนุกในการแต่งนิยายกลับมานะ จะได้ไม่เครียด เห็นหลายคนเป็นซึมเศร้ากันเยอะ ไม่รู้ว่าเป็นมาก่อน หรือเพราะเขียนนิยายเลยเป็น กอดๆนะ
ตกลงนี่มันมู้นข.หรือนอ. ที่มันปนกันเพราะไม่แยกนี่แหละ จะถามความเห็นนอ.ก็ไปมู้เม้ามู้อะไรสิ พอมาถามว่าคิดไงกับนข. มันก็กลายเป็นมู้เม้าแล้วรึเปล่า มันเกี่ยวกับงานเขียนตรงไหน?
Ky เพื่อนโม่ง ปกติกูชอบอัพนิยายช่วงเย็นวันศุกร์ ถ้าอัพช่วงนั้นกูได้คอมเม้น70อัพอ่ะ แต่คราวก่อนกูอัพตอนตี3วันจันทร์ คอมเม้นหดเหลือ30 เวลาอัพนิยายมันมีผลต่อยอดคอมเม้นจริงๆ เหรอวะ
>>815 กูมาบอกให้ มันไม่มีอะไรมากนอกจากผช(เขาว่างั้น)ชื่อเก่งตั้งกระทู้ในบอร์ดพูดคุยของเล้าเป็ด เล่าเรื่องเมียบ้างอะไรบ้างเป็นวรรคเป็นเวร แล้วพอมันฮิตขึ้นก็มีอวตารเพื่อนๆและเมียเขามาคุยเล่นกันในบอร์ดให้ชาวเอฟซีกรี้ดกร้าดกันสนุกสนาน ถือเป็นสีสันที่คนลอกเลียนแบบตามมาจนกลายเป็นว่านิยายเรื่องไหนบอกผชเขียนคือมีคนอ่านเยอะ กระทั่งเขาทะเลาะกับผู้มีอิทธิพลของบอร์ด แล้วจากนั้นนั้นก็หายไป จอบอ
กระทู้หน้าควรมี how to ไว้บนหัวกระทู้ดีมั้ย
เช่น อัพนิยายเวลาไหนถึงจะดี , หมดพลังการเขียนนิยายแล้วมีวิธีไหนเยียวยาบ้าง
คือกูสังเกตเห็นว่ามีคำถามพวกนี้หลายครั้งแล้ว
Ky เพื่อนโม่งกูพยายามปูเรื่องให้พระเอกนายเอกรักกัน แต่กูรู้สึกว่าตัวละครแบนมาก ไม่ค่อยมีมิติเลย เรื่องก่อนๆ กูเขียนแนวจิ้นตลอด ไม่เน้นความรัก พอมาจับวายเต็มตัวแล้วรู้สึกเหมือนเจองานช้างเลยว่ะ TT
>>827 มึงต้องค่อยๆ สร้างสถนการณ์ ไม่ต้องมีมิติอะไรมากหรอก เอาแบบที่มึงถนัดนั่นแหละ แต่มึงอาจจะสร้างสถานการณ์ที่ทำให้พระนายแบบประทับใจกันและกันอะไรแบบนี้ก็ได้ บางฉากพระเอกเห็นนายเอกเล่นกับแมวกับหมา ดูรักสตัว์ เออก็เป็นคนอ่อนโยนนี่เลยประทับใจ หรืออาจเป็นช่วยตอนกำลังถูกซ้อม ถูกด่า ลืมกระเป๋าเงินก็ได้ ในความเห็นของกูคือถ้าเกิดความประทับใจสักสองสามครั้ง มันจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีๆ อะมึง ถ้าแบบมันดีมากๆ มันก็จะเริ่มรักกันได้ประมาณนี้อะ มึงไม่ต้องเครียดเว้ย ค่อยๆ เขียนไป บางตัวละครมีมิติมากเกินก็จะอินดี้เกิน คนอ่านเข้าไม่ถึงอีก เอาที่มึงถนัดอะ
พวกมึงเวลาส่งกับงาน สนพ. ต้องแก้กันเยอะไหมวะ เวลากูต้องแก้เนื้อหาเยอะๆ แล้วกูรู้สึกดิ่งลงเลยว่ะ มันเหมือนทำไมเรื่องกูไม่ดีเหรอวะ ต้องแก้ขนาดนั้นเลยเหรอ บก.จะไม่เข้าใจทุกจุดไม่ได้นะเว้ย บางจุดคือกูอ่านแล้วกูเข้าใจ นอ.กูเข้าใจ แต่บก.ไม่เข้าใจอะ กูชอบรวมเล่มเองมากกว่าจริงๆ
กูอยากขายนิยายให้ได้เกิน 100 เล่มอะมึง ความฝันของกู แต่กูแต่งไม่ออกสักที ทำไมนิยายคนดูขายเกินร้อยเล่มง่าย ๆวะ
กูสงสัยว่าคนที่ยอดวิวเป็นแสนๆ เขาขายได้กี่เล่มเวลาเปิดจองหนหนึ่ง
ช่วงนี้นิยายกูคนอ่านหายไปเยอะเลย จากเม้นตอนละร้อยกว่า หดเเหลือ50กว่า เป็นไปได้มั๊ยว่ากูแต่งแย่ลง แอบเครียดว่ะ Orz
กูพูดแค่นี้ กูตอนนึงไม่มีเม้นต์ซักคน กูก็ยังเขียนต่อไป
พวกมึงแต่งนิยายกันแบบไหนวะ ออกมาได้เรื่อยๆ หรือต้องรอเกิดไอเดียผุดแล้วถึงจะแต่งได้
ทั้งนี้ทั้นั้น หมายถึงที่วางพล๊อตไว้อยู่แล้ว
Ky กูอยากรู้ว่าการติด Top 100ในดด มีผลต่อยอดเฟบยอดเม้นยอดวิวนิยายมากขนาดไหน
KY ถ้าอยากลองส่งต้นฉบับนิยายวายในโลกแฟนตาซี บรรยายสไตล์ไลท์โนเวลนี่จะลองส่ง สนพ. ไหนดีคะ
พวกมึงมีใครรู้เรื่องการเสียภาษีนักเขียนบ้างไหม ไม่ว่าจะทำมือหรือออกเล่มกับ สนพ
กูเบื่อตัวเองมาก เรื่องเก่าก็ยังแต่ไม่จบแต่ในหัวเสือกผุดพล็อตใหม่มาอีกเป็นล้านนนนนนนนนนนน
โทษที กูแท็กผิดคน
>>854 โอเค ถ้าจากเสียภาษี ณ ที่จ่าย กูคงต้องไปถาม สนพ ก่อนใช่มั้ย ไม่เห็นเค้าระบุแจ้งมา อีบุคล่ะ กูงงๆ มาก ต้องทำไง
>>852 คือปีนี้เป็นปีแรกที่กูออกจากงานและไม่ได้จ่ายภาษีอะ คราวนี้กูมีหนังสือที่ออกกับสนพ ครั้งแรกมีอีบุคด้วย
เลยสงสัยว่ากูต้องไปจ่ายภาษีใช่มั้ย ตามข้อไหน อย่างเมื่อก่อนกูจ่าย ภงด 90/91 แบบนี้อะ
ขอบคุณมากๆ
ต่อให้หัก ณ ที่จ่ายแล้วก็ต้องไปยื่นนะ เพราะอาจจะเสียเพิ่มหรือได้คืนก็ได้ ไม่ใช่หักแล้วแล้วกัน
ไปขอใปหักภาษีมาแล้วกัน เป็นเอกสารสำหรับยื่น
กูอธิบายเริ่องหักณที่จ่ายนะ เสียณที่จ่ายไม่ได้หมายความว่าจบแล้ว มึงต้องดูรายได้รวมทั้งปีแล้วยื่น เพราะถ้ารายได้มึงไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีหรือมีลดหย่อน มึงจะได้เงินหัก ณ ที่จ่ายคืน
แต่ถ้ามึงมีรายได้อื่นๆ เช่นขายของ เงินเดือน ฐานภาษีเกิน % หักณทีจ่าย มึงต้องยื่นรวมและอาจเสียเพิ่มตามเกณฑ์มึง เช่น 10-15% ถ้ามึงไม่ยื่น สรรพากรเขาตรวจได้เลยเพราะทางสนพ.ส่งเรื่องอยู่แล้ว
สรุปมึงควรยื่นภาษีด้วยทุกกรณี
กู852เองนะ
ปกติสนพจะมีการหักณ.ที่จ่าย5 ซึ่งมึงต้องเก็บใบกำกับไว้ดีๆ พอถึงเวลาสิ้นปี มึงเอาใบกำกับภาษีไปยื่นกับทางสรรพกร
โดยปกติงานเขียนจะอยู่ในรายได้ประเภทที่3 หรือซื้อขายลิขสิทธิ์ มีอัตราลดหย่อนให้สูงสุดหนึ่งแสน ถ้ารายได้มึงไม่ถึงสามแสน มึงได้เงินคืนแน่นอน อย่าลืมไปสมัครพร้อมเพย์แบบใช้บัตรประชาชนกับทางธนาคารด้วย สรรพกรจะได้คืนเงินที่หักไป5กับมึงได้
กูจำไม่ได้ว่ายื่นภงดไหน ตอนกูกรอกยื่นเลขกำกับภาษีผ่านทางเน็ต มันติ๊กมาให้เลยว่ากูเสียภงดไหนบ้าง
ขอบคุณมากๆ คือกูมีสองที่ ยอดไม่ถึงแสน ที่แรก หลักร้อย จากอีบุ๊ค ทางสนพ ส่งใบเสร็จมา แต่ไม่มีการหัก ณ ที่จ่าย ตรงนี้กูต้องขอ สนพ ใหม่ไหม หรือยื่นไปตามปกติ
ส่วน สนพ ที่สอง ส่งเมลมาบอกกูเฉยๆ ว่าโอนเงินให้เท่านั้น ตอนนี้กูเมลไปขอรายละเอียดเค้าแล้ว รอคำตอบต่อไป
มึงกูถามหน่อย สมมุติเปิดจองแล้วมีพวกร้านค้ามาขอไปนี่เขาคิด 15% จากราคาปก ถือว่าเป็นราคาปกติป่ะ
นิยายแปลออกรัวๆ lc รัวๆ นข วายแต่ง ถ้าไม่มีชื่ออยู่แล้ว คงอยู่อยากที่จะผงาด กูเห็นท็อปใน ดด ก็ นข มีชื่อที่ติดตลาดอยู่แล้ว วนๆกัน โดนวายแปลเบียดอีก เห็นแล้วท้อแท้ คนหวีดนิยายแปลมากกว่านิยายแต่งกัน
กูว่าสำนวนแปลกับแต่งมันต่างกันเยอะนะ การที่สนพออกแปลเยอะจนคนอ่านแต่งน้อยลงก็แสดงว่าคนอ่านคนนั้นชอบแปลมากกว่าแต่งพอมีทางเลือกเลยอ่านแต่งมากกว่า ไม่ได้ไร้ทางเลือกแบบสมัยก่อนที่มีอะไรก็กิน
ถามหน่อยนะ ปกติที่พวกมึงเขียนนิยายเล่มหนึ่ง สมมติเล่มเดียวจบจะประมาณกี่หน้าอะ แล้วแต่ละบทมีกี่หน้า กี่คำ คืออยากรู้ว่าจำนวนหน้าน้อย เยอะ มีผลกับการอ่านนิยายในเว็บไหมอะ แบบไหนที่ชอบมากกว่ากัน
กูไม่คิดว่าหนังสือแปลฮิตกว่าเป็นเพราะสำนวนนะ สำนวนนักแปลไม่ได้ดีทุกคน บางเล่มโดนบ่นจะตายชักว่าแปลเห่ย และสำนวนนักเขียนไทยก็ไม่ได้เหมือนกันหมดทุกคนด้วย ที่นิยายแปลฮิตก็เป็นช่วง ๆ นึง เดี๋ยวมันก็ผ่านไปฮิตอย่างอื่น นิยายแต่งก็ออกเรื่อย ๆ ไม่ใช่ไม่มีออกรวมเล่มแล้ว
กูไม่เรียกว่าโดนเบียดเบียนนะ กูเรียกว่าการแข่งขันมันสูง ใครจะมาเริ่มต้นช่วงนี้ก็ยากหน่อย นข.ที่ดังอยู่แล้วเขาก็มีช่วงเวลาที่สร้างชื่อเสียงมาเหมือนกัน
>>882 หมายถึงสำนวนกว้างๆบรรยากาศโดยส่วนใหญ่น่ะ
เช่น สรรพนามส่วนใหญ่ไทยจะใช้บุรุษที่1กัน แต่แปลส่วนใหญ่เป็นบุรุษที่สาม หรือแนวความคิด สิ่งที่ต้องการสื่อถ้าอ่านงานของทางเอเชียกับทางตะวันตกจะเห็นความต่างค่อนข้างมาก แต่ละประเทศมันมีเอกลักษณ์ของมันเองว่ะ เหมือนเวลาดูหนังต่อให้ไม่นับหน้าตานักแสดง แต่เนื้อเรื่อง จังหวะของบทก็ทำให้พอเดาได้แล้วว่าเป็นของชาติไหน ไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เมกา ไม่เกี่ยวกับว่าหนังเรื่องนั้นดีหรือไม่ดีสนุกหรือไม่สนุก
กูว่านักเขียนที่ดังตอนนี้ก็มาจากการสั่งสมชื่อเสียงเมื่อก่อนเหมือนกัน มีความยากที่ต่างกันตามยุคสมัย สมัยนี้คนเขียนเยอะเกินทำให้เด่นออกมายาก สมัยก่อนคนเขียนน้อยแต่คนอ่านก็น้อยด้วยเทียบกับปัจจุบัน
>>883 แตงค์มาก งั้นคงประมาณ 150 หน้าแบบไม่เคาะสินะ กูจะพยายามให้มันไปถึง ปกติเวลากูเขียนกูติดแบบ บรรยายเท่าที่จำเป็นอะ กูยังงงเลยว่าคนอื่นเขาเขียนได้ยังไงยาวเหยียด แค่ตัวเอกกูคุยกันเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพล็อตกูยังไม่ค่อยอยากเอามาใส่เลย 55555
>>884 เออ พูดเรื่องสำนวน กูแต่งบุรุษที่ 3 แล้วแนวเรื่องเป็นแบบ เรื่อยๆ อะมึง คิดว่าจะมีคนอ่านมะ คือมันเรื่อยๆ มากจนไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยอะ 55555 บรรยายความรู้สึกกูยังไม่ค่อยบรรยายเลย อยากให้คนอ่านคิดกันเอาเองเงี้ย
>>885 อินเตอร์เน็ตมันกว้างใหญ่ การที่คนอ่านกับคนเขียนเจอกันได้คือพรหมลิขิตว่ะมึง ตราบใดที่รสนิยมเดียวกันเจอกันได้ก็มีคนอ่าน แต่ถ้าไม่เจอกันก็หงอยต่อไป
แต่ความเห็นกูนะ ปกติถ้ากูอ่านแนวเรื่อยๆกูก็อ่านเพื่อเสพบรรยากาศ ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแต่พอมึงไม่บรรยายความรู้สึกอีก ก็ต้องดูว่ามึงตั้งใจให้คนอ่านสนุกกับอะไร มีอะไรเป็นจุดขาย
>>889 ช่วงแรกมึงไม่ค่อยมีฉากต่อสู้แต่ช่วงหลังพอมีฉากต่อสู้เยอะๆคนเลยหายใช่มั้ย เพราะคนที่ชอบฉากต่อสู้เยอะๆหนีไปอ่านเรื่องอื่นเพราะช่วงแรกไม่มีฉากต่อสู้ที่พวกเขาอยากได้มั้ง ส่วนพวกที่อยู่มาจนถึงตอนท้ายโอเคกับเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยมีฉากต่อสู้ พอหลังๆมาเยอะก็เลยหนีบ้าง ส่วนคนพวกแรกก็อ่านไม่ถึงช่วงที่ต่อสู้เยอะ หรืออีกประเด็นคือฉากต่อสู้ไม่มีอะไรให้เม้น สู้กันคนนั้นชนะ จบ
กูขอถามได้ไหมว่าวายแฟนซีกับรักเซตติ้งแฟนซีมันต่างกันยังไง....
>>897 เปล่า โฆษณากับกูคนเดียว กูแค่อยากอ่านเฉยๆ ขอโทษที่พิมพ์ชวนเข้าใจผิด
>>898 สำหรับกู วายแฟนตาซี คือวายที่ดำเนินเรื่องเหมือนนิยายแฟนตาซีปกติเน้นต่อสู้ผจญภัยดราม่าการเมืองอะไรก็ว่าไปแต่ตัวเอกดันชอบผู้ชายด้วยกัน อารมณ์นิยายเอนเธอร์ที่รักกันจริงไม่ใช่แค่จิ้น ส่วนรักเซ็ตติ้งแฟนตาซี แกนเรื่องคือความรัก เน้นความรักเป็นหลัก แม้โลกที่ดำเนินเรื่องจะไม่ใช่โลกปกติหรือโลกปกติแต่มีสัตว์ประหลาด เวทมนตร์
>>898 เน้นรักเดินเรื่อง กับเน้นเนื้อเรื่งรักเป็นแต่ส่วนประกอบ
ยกตัวอย่าง นารูโตะ วันพีซงี้ แฮรี่พอตเตอร์ แนวนอมอล เน้นเนื้อเรื่อง รักมีคู่ตอนจบได้ แต่มันไม่ใช่การ์ตูนรักแบบโชโจมังงะ รักแฟนตาซีวายคือแนวโชโจเซ็ตติ้งแฟนตาซี แนวแฟนตาซีวายคือ แฟนตาซีที่คู่หลักเป็นชายชายอะ แต่เนื้อเรื่องมันจะเยอะกว่าไม่เน้นรักมาก ปูถึงคนรอบๆตัว
มีวายแฟนตาซีเรื่องไหนแนะนำบ้าง ตอนนี้ที่ชอบๆอยู่มีแค่ 3 เรื่องเอง อันนึงยังไม่จบ นข เขียนยืด อีกอันจบแล้ว และอีกอันเน้นพร
ซึ่งวายแฟนตาศีอะเขียนยาก เพราะนักอ่านมักจะเรียกร้องหาแต่พระนาย ติว่ารักน้อยไป โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่าเขากำลังยัดเยียดรักแฟนตาซีมาใส่นิยายแฟนตาซี
คนเขียนวายแฟนตาซีไม่ค่อยมีคนอ่าน คนอ่านวายแฟนตาซีไม่ค่อยมีเรื่องอ่าน ประเด็นคือไม่มีกรมจัดหานิยายเหมือนกรมจัดหางาน ผู้ขาดแคลนทั้งสองฝั่งเลยไม่ได้เจอกัน หมวดนิยายวายก็รวมหลายแนวจนคุ้ยยาก
พอเห็นภาพละ ของกูถ้ามีปัญญาเขียนจบก็น่าจะจัดเป็นวายแฟนซี และปัญหาเหมือนกับที่พวกมึงพูดมาเลย
ตรงกูไม่รู้จะเอาเรื่องความรักไปโผล่ส่วนไหน ไอ้สัสมีแต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ตัวพระนางเลย
จนกูจะโยนมันไปเป็นนิยายแฟนซีไม่มีความรักละเนี่ย
นิยายขาประจำที่แนะนำวนกัน ทำไมกูนึกออกเลยวะว่ามีเรื่องไหนบ้าง ถถถถถถถถ ขาดแคลนจังโว้ย
กูรู้สึกว่ามู้นี้คึกคักกว่าที่คิดไว้อ่ะ แปปเดียว900กว่าแล้ว แม้ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามวน กับศาลาคนเศร้าอ่านะ 😂
กูพยายามจะแชร์ความแหวกที่เคยพบเจอ จะได้ไม่เป็นศาลาคนเศร้า พวกมึงเคยเจอนอ.มาถามอะไรแปลก ๆ มั้ยวะ เช่น เวลาเขียนฉากเข้าพระเข้านาย (แค่เข้าพระเข้านายนะมึง ไม่ใช่ nc) ไม่รู้สึกแปลก ๆ หรือจั๊กจี้บ้างเหรอ หรือแบบถามว่ามึงเป็นหญิงหรือชาย ทั้งที่กูก็โชว์ความสาววายชิบหาย เหลือแค่โชว์บัตรปชช. หรือมาถามเกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้งของสนพ. แถมอะไร ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมแพง ทำไมๆๆๆๆ กูจะรู้มั้ยยยยยย มึงเอาเบอร์มั้ย กูจดให้
แนะนำนิยายกูหน่อย
กูชอบเขียนแนวเมะตัวเล็กเคะตัวใหญ่ๆอะ ละมันจะมีพวกนักอ่านบางคนเม้นซะเหมือนกูกำลังฝืนกฎธรรมชาติ กูแบบ...
เออ แต่นิยายวายกุแทบไม่เคยเห็นแนวต้องเดาพระเอกเลยวะ ชายหญิงมีเยอะนะ จนสงครามเรือตีกัยมันส์หยด ลุ้นกันชิหาย แต่วายแทบหาไม่เจออะ มีแต่แบบล๊อกคู่แต่ต้น
ปรึกษาหน่อยดิ พวกมึงทำยังไงให้คนเข้าอ่านนิยายวะ คือกูไม่แน่ใจว่าคนอื่นเขามีโปรโมทอะไรเยอะไหมหรือเขียนๆลงไปคนก็มาอ่านเอง แนวที่กูเขียนมันไม่ใช่แนวคนนิยมด้วย
>>922 กูเคยเจอนิยายที่คนจิ้นผิดโพเยอะมาก ถ้าคนเขียนไม่ซีเรียสก็จะพูดเป็นนัยๆในทอล์กหรือทวิตไป ก็ลดความพลิกตลบในใจคนอ่านได้ระดับนึงนะ ให้มีเวลาทำใจก่อนเจอฉาก แต่ถ้ามันมีผลกับเรื่องก็ปล่อยเลยตามเลยไปเถอะ
>>924 กูเจอนะ แต่ไผๆมาๆจากที่จะเชียร์ใครให้ได้กับนายเอกดี ใจกูกลับผิดผีจับตัวเต็งพระเอกมาได้กันเองในใจซะงั้น
KY คิดเห็นยังไงถ้าเขียนนิยายแฟนตาซีที่คู่หลักเป็น NL และให้คู่รองเป็น BL
คนอ่าน NL จะยี้ตอนถึงบทของ BL มั้ย
คนอ่าน BL จะอ่านโดยรวมรึเปล่าเพราะไม่ใช่บทหลัก
กูไม่ยี้นะ กูอ่านได้หมดอยู่แล้ว นักอ่านของกูหลายคนก็ไม่อ่านวายแต่อ่านนิยาย BL ของกูได้เลย กูแนะนำว่าอย่าเขียนติดเรตก็พอ ถ้าไม่ติดเรตแถมยังเป็นคู่รอง นักอ่านผู้ชายยังอ่านได้เลยมึง แต่มึงอย่ามุ่งทำยอดกับนักอ่านสายวายเพราะมันเน้นแฟนตาซีใช่มะ มันคนละสายกัน
Ky เขียนฉากต่อสู้ยังไงให้สนุกไม่ให้นักอ่านอ่านข้าวะ
ไม่ค่อยมีอารมณ์จะเขียนนิยายเลย
Ky เวลายอดเฟบลดพวกมึงรู้สึกยังไงวะ กูเห็นแล้วห่อเหี่ยวชหิไม่มีกำลังใจแต่งต่อเลย TT
มึง กูอยากได้เทมเพลตเวลาจัดหน้าในเวิร์ดอ่ะ เทมเพลตปกอะไรประมาณนี้ แบบต้องเว้นยังไง เผื่อยังไง เรียงหน้ายังไง กูอยากทำหนังสือเอง มีใครพอจะแขวนลอยๆ ให้กูได้บ้างมั้ยยยย พลีสสสส
กู 945 คิดซะว่ากูไม่ได้ขอก็แล้ว ขอบคุณมาก
กูเคยจัดเอง ลำบากเหลือเกิน ตรวจแล้วตรวจอีก จ้างเอาดีกว่า
กูเคยจัดเอง ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น แต่ใช้เวลานาน ทางที่ดีมึงลองปรึกษาโรงพิมพ์ดูนะ
ขอบคุณทุกคนมาก
มึงว่าจองกับ readawrite นี่ยากป่ะ กูไม่เห็นค่อยเห็นใช้กัน
ถามหน่อยสิ อยากรู้ว่าเดี๋ยวนี้ ถ้าแต่งนิยายส่งสนพ.เลยโดยตรง แบบไม่เคยลงเน็ตมาก่อน จะมีสิทธิ์ได้ตีพิมพ์ไหมอ่ะ หรือโอกาสจะน้อยกว่าลงเน็ตมาก่อนปะ
Ky ขอนิยามคำว่านิยายฟีลกู้ดหน่อย มันเป็นนิยายแนวไหนอ่ะ แบบอ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ เนื้อความสัมพันธ์พระนาย โครงเรื่องคือยุคปัจจุบันแนวมหาลัย แนววัยทำงานงี้ป่ะ
มึง ๆ ถ้าเป็นพวกมึง มึงจะทำไงวะ สมมติมึงลงนิยาย 8 เว็บ ในนั้นมีเว็บนึงแม่งมีกฎห้ามลบ มีอีก 7 เว็บสามารถปิดตอนได้ แล้วมีสนพ.มาติดต่อซื้องานมึงไปพิมพ์ เงื่อนไขคือต้องลบนิยายหรือปิดตอน เพราะมีผลกับการเลือกซื้อนิยาย แต่ๆๆๆๆ คนที่ตามอ่านงานมึงทำให้มึงรู้สึกว่าพวกเค้าเกลียดนข.ที่ปิดตอนหรือลบนิยายมาก
แต่งจบแล้วลงในเล้าเป็ดแจ้งลบจะโดนไรมั้ย
Ky ลงนิยายจบแล้ว ยอดเฟบลดฮวบๆ นี่ปกติปะวะ
กู 963 ขอบใจพวกมึงมากที่ตอบ สนพ.เค้าบอกกูว่าคนอ่านฟรีแล้วไม่ซื้อ แต่กูกลัวโมฯ เว็บนึงด่า กลัวคนอ่านด่าซ้ำ จริงอย่างพวกมึงว่า กูจะเอาตังค์มาแ-กข้าวหนือแคร์ความรู้สึกคนอื่น
Ky เพื่อนโม่ง นักอ่านถามว่านิยายกูฮาเร็มมั๊ย พอกูบอกว่ามีพระเอกคนเดียว นักอ่านคนนั้นก็หายสาบสูญไปจากนิยายกูเลยว่ะ กูทำผิดอะไร Orz
กูมาถามต่อจากมู้นักเม้า ปกตินิยายทำมือพิมพ์กับโรงพิมพ์ไหนกันอ่ะ กูอยากพิมพ์นิยายขายเองไม่ส่งสนพ แล้ว มีโรงพิมพ์ดีๆ แนะนำกูบ้างมั๊ย
Ky เม้นบนๆ ที่บอกว่าวันจันทร์-ศุกร์คนอ่านนิยายเยอะกว่า แต่ทำไมกูรู้สึกว่าเสาร์อาทิตย์คนอ่านเยอะกว่าวะ
กูที่เคยมาถามเรื่องโรงพิมพ์เมื่อต้นๆ มู้
กูลิสต์รายชื่อโรงพิมพ์ที่กูไปตามส่องมาให้เลยแล้วกัน
Impress
Fastbook
The white page
Neo digital (ยังไม่เคยคุยด้วย)
Purinto
วัชรินทร์ (มีขั้นต่ำ 300 เล่ม)
ทุกโรงพิมพ์(ถ้ากูจำไม่ผิด)สามารถพิมพ์ออกเซ็ตได้ ราคาแตกต่างกันไป เช่น ของแถมพวกโปสการ์ด ที่คั่น กระดาษปก และเทคนิคพิเศษอื่นๆ
กูขอบ่นประสบการณ์กูให้ฟังด้วยเลยแล้วกัน
หาโรงพิมพ์ ก่อนคำนึงถึงราคา มึงหาโรงพิมพ์ที่คุยกับมึงรู้เรื่องก่อนนะ ไม่งั้นมึงจะปวดหัว
กูไปงม ถามๆ มาหลายที่ บางที่ตอบปัดๆ บางที่อธิบายดี บางที่บอกแต่ว่าแพงมาก แต่ไม่บอกราคา ดังนั้น กูแนะนำว่า จะพิมพ์อะไร มึงจดสเปคมาเลย
ขนาดหนังสือ
จำนวนหน้าสี
จำนวนหน้าขาวดำ
มีพินอัพมั้ย
กระดาษปกใช้กระดาษอะไร
เคลือบหรือเปล่า
และพิมพ์จำนวนกี่เล่ม
ใช้เทคนิคพิเศษที่หน้าปกหรือเปล่า (เทคนิคพิเศษคือ พวกสปอต uv / ปั้มฟลอยด์ / ปั้มนูน หาดูรูปตัวอย่างว่าอย่างไหนเรียกอะไรที่วัชรินทร์ ชัดดี)
สุดท้ายมึงไปดูตามนข.ที่เล่มเค้าดีๆ ไปส่องกล่องว่าใช้โรงพิมพ์ไหน แล้วมึงค่อยตัดสินใจ บางที่มีรับทำเล่มตัวอย่างด้วย พวกมึงลองดูแล้วกัน
สำหรับกู ถ้าเป็นมิตรหน่อยก็อิมเพรส ราคาโอเค เดี๋ยวนี้สีไม่ค่อยเพี้ยนแล้ว แต่บางทีก็งงๆมึนๆ
ถ้าจะทำเทคนิคพิเศษต่างๆต้องถามดีๆว่าตอนรีปรินท์ราคาเท่าไหร่
Ky ปกติพวกมึงจ้างนักวาดปกใบ้งบปกละเท่าไหร่ 3,000 - 10,000 ใช่ราคามาตรฐานมั๊ย
อยากจ้าง แต่กลัวไม่คุ้มคนจองนี่ดิ
พวกมึง อยากถามหน่อยว่าถ้ากูจะตีพิมพ์นิยายแต่พิมพ์ไซส์ B6 นี่มันจะโอเคป่าววะ เนื้อหาแนวฟีลกู้ด ไม่ยาวมาก เล่มเล็กๆ แบบนี้จะมีคนซื้อป่าว หรือว่าต้อง A5 เท่านั้น
B6 ก็ไม่ได้แย่ เล่มกะทัดรัดดี
ปิดยอดให้ มู้นี้คนเยอะกว่าที่คิดนะ 555555
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.