>>682 ต่อ
- - เออว่ะ กูลืมตอนท้ายเรื่องไปเลย
จริงๆ กูอยากให้คนเขียนกลับมา Rewrite อีกรอบว่ะ กูอยากให้เขียนถึงเพื่อนเต๋อให้ครบทั้งห้อง (มี 35 หรือ 36 คนเนี่ยแหละ) กูคิดว่ามันเจอพวกมีพลังพิเศษเร็วไปว่ะ กลับมาเขียนบรรยายจากที่ย่อไว้ให้ครบ อยากให้เพิ่มประเด็นกับเนื้อเรื่องมากกว่านี้ (นึกไม่ออกว่าจะเพิ่มอะไรแต่อ่านจนจบแล้วยังรู้สึกว่ามันขาดๆ ไปนิด) แต่พูดถึงมุกตลกเรื่องนี้ แม่งขำตกเก้าอี้หลายฉากมากๆ แต่กูฮาทุกครั้งที่ทวดนนท์โผล่ แถมความสามารถคุณทวดแนวดีด้วย
กูลองจิ้นพล็อตกากๆ ตามเม้นบนๆ มันบ่นกัน เนื้อหาน่าจะประมาณ เต๋อ กลายเป็นเคะหน้าหวาน ตัวเล็ก บอบบาง นิสัยดาวพระศุกร์ บ้านจน ตอนแรกก็โดนรุมแกล้ง (ไม่แรงเท่าของจริง) สักพักหนุ่มๆ ในห้อง (ก็ไอ้พวกผู้ชายที่มีบททั้งหลาย) เริ่มเห็นความดีงามกับความสวยของนายเอกเลยหลงรักและแย่งกัน กลายเป็นฮาเร็ม แต่ไม้หนุ่มหล่อขรึมเป็นตัวจริง (เย็ดเปิดซิงนายเอก) แต่น้ำหวานที่เป็นดาวโรงเรียนก็ชอบไม้เหมือนกันเลยรวมแก๊งสาวๆ แกล้งใส่ร้ายเต๋อ สุดท้ายความจริงเฉลยว่าจริงๆ แล้วนายเอกเป็นทายาทของตระกูล (จำชื่อไม่ได้) รวยเป็นหมื่นล้าน ได้เจอกับธนิกญาติผู้อ่อนโยน ใจดีทำตัวสนิทกับเต๋อมากจนไม้หึงบ่อยๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็ตามนั้น น้ำหวานแค้นที่นายเอกรวยและได้ไมัไปเลยวางแผนฆ่า ไม้มาช่วยไว้ได้ ตำรวจมาจับน้ำหวานที่ตอนหลังกลายเป็นบ้าไปอยู่ศรีธัญญา แล้วเต๋อกับไม้ก็หนีไปเดทกันสองคน เย็ดกัน บอกรักกัน อวสาน (เหมือนกูเขียนพล็อตละครไทยเลยว่ะ)
- - ที่ว่าคนวิจารณ์อันนี้ใช่ป่ะ copy เขามาบางส่วน (สปอยแน่นอน) ถ้าใช่กูก็ว่าเป๊ะเหมือนกันนะ ถึงดึงดูดกูให้อ่านนิยายจิตป่วยอย่างนี้ได้จนจบ
"โดยรวมๆ ผมว่าคุณผู้แต่งเล่นกับคนอ่านเรื่องแรงขับทางเพศ สัญชาตญาณแฝงมนุษย์ที่สะใจในการทำลายล้าง และความสุขจากการเฝ้าดูหรือแอบมอง
เช่นตัวละครบางตัวเป็นคนสติดีๆ ภาพพจน์ดี แต่กลับลุกขึ้นมาทำบ้าๆ บอๆ จนตัวเองเสื่อมเสีย (แถมคนรอบข้างยังกระหน่ำซ้ำเติมอีก)
ภาพพจน์ตัวละครหลายตัวเป็นสัญลักษณ์แห่งความขาวบริสุทธิ์ เช่น นักต่อสู้สิทธิเด็กและสตรี สูตินารีแพทย์ เด็กกำพร้า แม่ชี คุณก็เอามาปู้ยี้ปูยำจนน่าขำปนอนาถ นี่ก็ใช้หลักสัญชาตญาณทำลายเช่นกัน
สนองด้านมืดให้ผู้อ่านเกิดความพอใจว่า สิ่งที่คนเชื่อว่าสูงส่งไร้มลทิน จริงๆ แล้วก็มีจุดอ่อนไม่ได้ดีไปกว่าเราหรอก หลักเดียวกับหนังเขย่าขวัญให้ตัวตลกหรือนางพยาบาลเป็นฆาตกรโรคจิต เพราะมีภาพพจน์เป็นผู้มอบความรัก เป็นคนใจดี สิ่งที่มีภาพพจน์สูงส่งเมื่อถูกดึงลงมาให้อยู่ในที่ต่ำจะดูแย่ดูทุเรศกว่าคนธรรมดาหลายเท่า กลายเป็นเรื่องน่าสนุกสะใจที่ได้ดึงฟ้าลงต่ำสนองสัญชาตญาณทำลายล้าง
นอกจากนั้นคุณยังให้ผู้อ่านเสพความสุขความตื่นเต้นได้ถ้ำมองพฤติกรรมสัปดนหลุดโลกหรือความโชคร้ายของตัวละคร เช่นฉากแม่ค้าลุกขึ้นถ่ายหนักกลางร้านจนผู้คนแตกตื่น นี่ก็คล้ายกับเราแอบขำอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นคนตกบันไดเลื่อนหรือเดินชนประตู
-อีกประเด็นที่พอจับได้คือคุณเล่นให้ผู้อ่านมีความสุขกับ Sense of Superiority คือความสุขที่ได้อยู่เหนือผู้อื่น คุณจึงกำหนดตัวละครให้มีอำนาจเหนือมนุษย์แต่อาศัยอยู่ในสังคมมนุษย์ (เปรียบเทียบกับผู้ด้อยกว่า เพื่อขับให้ตัวเองเด่นและอยู่สูงกว่าคนอื่น) ไม่ใช่ให้ผู้มีพลังต่อสู้กันเปรี้ยงปร้างเหมือนการ์ตูนแนวเหนือมนุษย์ทั่วไป
คล้ายๆ คนรวยขับรถสปอร์ทผ่านย่านชนชั้นกลางหรือคนจนจะรู้สึกว่าอีโก้พองตัวมีความสุขที่คนอื่นมองเรา
ลึกๆ แล้วคนส่วนใหญ่มีสำนึกของความอยากเป็นอภิสิทธิ์ชนอยู่ด้วยกันทั้งนั้นครับ การตลาดต่างๆ จึงมักเอาเรื่องอภิสิทธิ์ต่างๆ มาล่อตาล่อใจ หรูกว่าคนอื่น ดีกว่าคนอื่น พิเศษกว่าคนอื่น
ตัวอย่างเช่นฉากที่เอ่ยถึงการประยุกต์ใช้พลังรูปแบบต่างๆ เต๋อสร้างฐานะ-ล้างแค้นผ่านการสะกดจิตคน ณัฐทำนายหวยทำนายหุ้นได้ โดยรวมๆ ตัวละครผู้มีพลังอยู่ในฐานะได้เปรียบกว่ามนุษย์เดินดินไม่ทางหนึ่งก็ทางใด
ฉากธนิกเล่นงานคนนอกอำนาจกฎหมายก็ทำนองคล้ายกัน ตอนจบยิ่งชัดมาก มีคนชี้หน้าด่าฉอดๆๆๆ เจอธนิกกระดิกมือนิดเดียวสมองกระจุย ถ้าใครเคยถูกด่ากราดในชีวิตจริงมาก่อน ฉากนี้คงสะใจเสียจนอยากเป็นธนิกซะเอง
-สรุปมนุษย์เราลึกๆ แล้วมีสัญชาตญาณของการทำลายอยู่ในตัวครับ ไม่ว่าจะทำลายคนที่เกลียดขี้หน้าหรือมีความสุขที่เห็นผู้อื่นถูกทำลาย อยากได้ดิบได้ดี อยากเด่นกว่าคนอื่น นิยายนี้สนองตัณหาด้านนั้น ใครว่าเป็นนิยายอีโรติก ผมว่าถูกครึ่งเดียวครับ ยังไม่โดนซะทีเดียว น่าจะเรียกว่าสนองด้านมืดกับกิเลสที่คนเราขาดหายไปและทำไม่ได้ในชีวิตจริง"
ปล ปรัชญาช่างกลข้างบลกูขุดให้นะไม่ได้เขียนเอง