>>228 กูไม่คิดงั้นนะ โซเวียตเนี่ยเดิมทีเลนินวางแผนไว้ว่าต้องการไปสายคอมมี่แบบเน้นอุตสาหกรรม ส่วนจีนที่เหมาวาดภาพไว้คือคอมมี่แบบนารวม
แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า
คอมมี่ = คนเท่ากัน เศรษฐกิจสังคมนิยม ทุกคนเป็นลูกจ้างรัฐ แจกคูปองซื้อเนื้อหมูเดือนละสิบใบอะไรก็ว่าไป
ประชาธิปไตย = คนเท่ากัน เศรษฐกิจทุนนิยม ทำได้เท่าไหร่เก็บไว้เองเลยจ้า เป็นเจ้าของกิจการได้ ถ้ามีปัญญาจะซื้อเนื้อหมูไปถมที่ก็แล้วแต่
เพราะงั้นคอมมี่กับประชาธิปไตยคือสิ่งที่ใกล้เคียงกันมาก สิ่งที่ตรงข้ามกับคอมมี่คือทุนนิยมมากกว่า
การที่จีนเปิดให้คนเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้ ปล่อยให้มีแจ๊คหม่า เทนเซนท์ ฯลฯ มันก็ไม่ใช่คอมมี่แล้วแหละ มันไม่มีทางเป็นภาพที่โซเวียตพยายามทำตั้งแต่ตรงนี้แล้ว (อนึ่ง แจ๊คหม่าไม่ใช่คนของพี่สี แกค่อนข้างสนิทสนมกับนักการเมืองฝ่ายเจียงเจ๋อหมิน ซึ่งอยู่คนละสายกับพี่สีเด้อ)
กูว่าสิ่งที่โซเวียตสมัยเลนินพยายามเป็น คือรัฐสวัสดิการแบบประเทศสแกนดิเนเวียปัจจุบันมากกว่า แต่มาตายตรงสตาลินเกิดระแวงขั้วฝ่ายตรงข้ามแล้วยึดอำนาจไปเลย โซเวียตเลยกลายเป็นเผด็จการที่อ้างชื่อคอมมี่ จีนก็เหมือนกัน เพราะงั้นกูว่าจีนในทุกวันนี้คือภาพที่สตาลินพยายามสร้างมากกว่า ไม่ใช่โซเวียตสร้าง ซึ่งสมัยนั้นสตาลินก็ทำสำเร็จนะ แถมยิ่งใหญ่เกรียงไกรและชั่วร้ายกว่าพี่สีตอนนี้เยอะ ครองอำนาจเบ็ดเสร็จจนวันที่ม่องเท่งดับอนาถนั่นแหละ
สงครามทุกครั้งเกิดเพราะเศรษฐกิจตกต่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ที่จีน และเศรษฐกิจก็มีวงจรของมัน ขึ้นแล้วก็ลงเป็นปกติ ถ้าลงแรงๆคนอดอยาก เขาก็ไม่พอใจรัฐบาล รัฐบาลประเทศไหนแดกเยอะหน่อยก็ต้องหาเรื่องทำสงครามกับต่างประเทศเพื่อดึงดูดความสนใจประชาชน ส่วนรัฐบาลประเทศเล็กๆก็ต้องรับมือกับการลุกฮือของประชาชน เป็นงี้ทุกทีแหละ