Last posted
Total of 1000 posts
พึ่งได้อ่านล่าทรยศ ทำไมกูชอบคู่จางซือเจียสุดเลยว่ะ มันรู้สึกเหงาๆ โหวงๆ ตอนอ่าน หรือเพราะกูอ่านตอนกูดาวน์จากที่ทำงาน เลยอินเป็นพิเศษ 55555
ใครมีนิยายแนว sentinel verse แนะนำบ้าง
ลองหาๆดูแทบไม่มีเลย
อ่าน captive prince แล้วชอบว่ะ อยากอ่านแนวยุโรปย้อนยุคแบบยุคกลางลงไปอีก พอจะมีให้อ่านมั้ยวะ
>>494 อ่ะกูขุดให้ https://fanboi.ch/801/13443/302-/
การอ่านวายจีนเยอะๆทำให้บาร์ต่ำลงจริงๆมึง เพราะวายจีนมันมีแนวทางการแปลที่แปลกประหลาดอะ ชอบทับศัพท์ไม่ชอบให้แปล ชอบไวยากรณ์จีนๆเน้นศัพท์สวยๆ ไม่ชอบสำนวนแบบไทย บางคนสำนวนแข็งมากแทบจะถอดจากจีนมาแบบคำต่อคำ คนอ่านดันชอบ แต่พอเป็นนนิยายแนวอื่นที่ทำแบบเดียวกันจะโดนด่านะว่าแปลตรงเกิน กูเป็นคนอ่านนิยายหลายแนว บอกเลยว่าวายจีนอ่ะแปลแย่สุดแล้ว แม้แต่เรื่องที่คนอวยกันว่าแปลดีมันก็ยังมีอะไรแปร่งๆเต็มไปหมด ค่ายที่แปลดีจริงๆก็ดันเป็นค่ายเล็กที่ไม่ค่อยแมสอีก
ลืม ที่กูอยากบอกคือ ถ้ามึงอ่านวายจีนกันได้ มึงก็อ่านแคปทีฟปรินซ์ได้ กูไม่ได้อ่านนะแต่เท่าที่ไปดูที่เทียบมา บอกเลยว่าแบบนี้ถือว่าดีแล้วนะเมื่อเทียบกับวายจีนบางเรื่องที่อวยๆกัน มีเรื่องนึงคนอวยกับฉิบหาย แต่กูเทียบกับต้นฉบับแล้วเจอจุดผิดยิบย่อยเยอะมาก แต่ไม่อยากพูดชื่อ ติ่งเยอะ ของแรง 55555555555
แปลจีนแบบถอดมาคำต่อคำนี่กูโอเคนะ ตราบใดที่ยังใช้คำถูก พวกสำนวนแบบกำลังภายในอะ แบบ ไหนเลยจะคาด ยิ่งมายิ่งมาก มิได้ด้อยกว่าเท่าใด อะไรเงี้ย แต่แปลแบบคำต่อคำที่กูอิหยังวะคือ เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง เขาเกาๆหัว เขาเตะๆถีบๆศัตรู พวกนี้กูสะดุดและงุนงง
>>502 เช่นไงอ่ะ กูเก็ตว่าพวกแปลตรงเกินก็มีนะ แต่บางทีมันอาจจะเป็นโวหารหรือสำนวนเก่าไรงี้
กูเห็นบางเรื่องใช้ว่า บนโต๊ะจัดวางไว้ด้วย...บลาๆๆ... ตอนแรกก็ชะงักเหมือนกัน แต่พออ่านหนังสือไปเยอะๆเข้า ปรากฏว่าเป็นสำนวนเก่าว่ะ หลังๆเลยไม่ค่อยกล้าวิจารณ์อะไรพวกนี้เท่าไหร่
ky เพื่อนโม่งพวก ebook ของอวว.นี่มีช่วงลดราคาบ้างไหม แล้วลดสูงสุดกี่ % เหรอ อยากสอย psychic แต่รอจนออกครบไม่ก็จะรอตอนลดแล้วค่อยกด
>>505 อันนี้มันคือสำนวนการเล่าเรื่องปะวะ ส่วนตัวกูไม่มีปัญหาอะไรกับมันนะ กูเห็นเขาใช้กันมานานมากแล้ว เป็นสำนวนฝรั่ง ไม่ใช่สำนวนไทย แล้วก็ไม่ใช่สำนวนจีนด้วย ทั้งไทยทั้งจีนรับฝรั่งมาอีกที ไม่รู้ว่ะ แต่กูมองว่าอันนี้ไม่ได้แปลห่วยหรือแปลแย่หรืออะไร แค่นักแปลพยายามรักษาโวหารของนักเขียนเอาไว้เฉยๆ
>>506 มันขึ้นอยู่กับว่ามึงแปลอะไร แล้วแปลให้ใครอ่าน ถ้าแปลสารคดีให้อาจารย์อ่านแล้วเขาต้องการแบบถูกไวยากรณ์เป๊ะๆ อารมณ์ไม่เน้น เน้นความถูกต้องอย่างเดียว ก็ต้องทำให้มันเป็นไวยากรณ์ไทยแบบทางการแหละ แต่นิยายไม่ใช่งานวรรณกรรมที่เขียนด้วยภาษาทางการ มันใช้ภาษาได้ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับกันเอง ไม่เป็นทางการ กึ่งทางการ ทางการ หรือพิธีการ มันจับยัดลงในนิยายได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าจังหวะกับบรรยากาศของเรื่องมันเป็นแบบไหน และกูมองว่าถ้าน้อย อินทนนท์กับพนมเทียนเขียนว่า "ท้องฟ้าดารดาษด้วยดวงดาว" ได้งานแปลก็ควรจะใช้ว่า "บนโต๊ะวางไว้ด้วยแจกันดอกไม้" ได้เหมือนกัน
มึงว่าพนมเทียนหรืออาจารย์มึงเขียนนิยายเก่งกว่ากันอะ เป็นกูกูเชื่อนักเขียนนะเออ
ขยายความนิดนึง ที่ว่ารักษาโวหารฟังไม่ขึ้น คือนักเขียนเขาเขียนด้วยโครงสร้างประโยคแบบภาษาเขา (อิ๊ง จีน หรืออะไรก็ตามที่เอาคำขยายขึ้นต้น) แล้วมันออกมาเป็นธรรมชาติในภาษาเขา ถ้านักแปลไทยจะแปลตรงๆแบบเอาคำขยายขึ้นต้นเพียงเพราะ "อยากรักษาโวหารนักเขียน" มันก็พิลึกนะ เพราะในภาษาต้นทางมันธรรมชาติ แต่ภาษาปลายทางมันออกมาไม่เป็นธรรมชาติ มองในแง่นึงมันกลายเป็นทำให้โวหารนักเขียนดูไม่เป็นธรรมชาติไปเลยนะ การทำแบบนี้มัน "รักษาโวหาร" ได้ตรงไหน?
>>510 >>511 มึงต้องเข้าใจก่อนว่านิยายไม่ใช่ความเรียงที่ต้องการความถูกต้องของหลักภาษา นิยายสามารถใช้ภาษาระดับไหนก็ได้เพื่อความบันเทิง เพื่อสื่ออารมณ์ เพราะฉะนั้นนักเขียนจะเขียนยังไงก็ได้เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของเขา เพื่อเล่าเรื่องของเขา การที่นักแปลแปลตามลำดับการเล่าเรื่องเพื่อรักษาอารมณ์นั้นๆ เขาเรียกว่ารักษาโวหารของนักเขียน
eg: ระหว่าง
“อย่างเงียบงัน เวลาค่อยๆไหลผ่านไป
อย่างเงียบงัน พวกเขาแยกห่างกันทีละน้อย
อย่างเงียบงัน โชคชะตาบิดผันให้ผู้คนต้องแยกจาก”
กับ
“เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
พวกเขาแยกห่างกันทีละน้อยอย่างเงียบงัน
ผู้คนต้องแยกจากกันเพราะโชคชะตาบิดผันอย่างเงียบงัน”
อันนี้เห็นยังว่ามันเป็นโวหารยังไง
การเอาคำว่า “อย่างเงียบงัน” ขึ้น มันมีเอฟเฟกต์ต่อคนอ่าน เพราะมันเน้นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ความเงียบจะเด่นในย่อหน้านี้ เด่นพอๆกับการกระทำของตัวละคร การเอาคำว่าความเงียบงันไปต่อท้ายจะทำให้ความเงียบเด่นไม่เท่าที่นักเขียนต้องการสื่อ
ยิ่งแปลจีนยิ่งชัด หลักภาษาจีนไม่ได้เอาคำขยายขึ้นก่อน แต่ถ้านักเขียนเอาขึ้นก่อนด้วยจุดประสงค์บางอย่าง มันก็ควรจะตามนั้น ไม่ใช่ไปแก้ให้ถูกหลักภาษาโดยไม่สนอารมณ์ที่นักเขียนต้องการสื่อ แบบนั้นเรียกว่าแปลทื่อ ให้แปลอะไรก็จะออกมาเหมือนๆกันหมดทุกสำนวน จะแปลสามก๊กหรือแปลนิยายตลกก็ออกมาอย่างเดียวกัน การแปลโดยที่ไม่สนใจอารมณ์ของต้นฉบับนี่ กูเรียกแปลห่วย
>>512 ขออีกนิด คิดว่าคำว่าแปลห่วยอาจจะแรงไปสำหรับกรณีนี้ ขอโทษด้วย แต่สิ่งที่กูอยากสื่อคือนักแปลคนไหนที่แปลโดยสนแค่หลักภาษาปลายทาง ไม่สนใจน้ำเสียงของคนเขียนเลย อันนี้กูว่าไม่ถูก มันควรจะบาลานซ์กัน ส่วนตัวกู กูมองว่าถ้าเล่าตามนักเขียนได้โดยที่มันยังรู้เรื่องอยู่ ก็ควรจะตามต้นฉบับ เอาไว้แปร่งมากๆไม่ไหวแล้ว ต้องเรียงใหม่ หรือเรียงใหม่มันจะสื่ออารมณ์คนเขียนในภาษาปลายทางมากกว่าภาษาต้นทาง อันนี้ค่อยเปลี่ยนก็ได้ แต่จากตัวอย่างที่ยกมามันตามเขาได้ไง ดีไม่ดีตามเขานั่นแหละได้อารมณ์กว่า
>>512 "นิยายไม่ใช่ความเรียงที่ต้องการความถูกต้องของหลักภาษา" ก็จริง นิยายเป็นบันเทิงคดี สิ่งสำคัญคือต้องแปลออกมาให้ตรงกับธรรมชาติของภาษาปลายทางมากที่สุด เรื่องอารมณ์ที่มึงบอกมันเป็นปัจเจกมากๆ มึงรู้สึกมันเอฟเฟกต์มึง แต่คนอื่นอาจจะรู้สึกรำคาญความผิดธรรมชาติจนโดน distract ไปจากเนื้อหาก็ได้
>>512 คนที่อยากได้อารมณ์ต้นฉบับเป๊ะแบบเรียงคำตรงกันขนาดนั้นก็ควรไปอ่านต้นฉบับ มึงชอบแบบนี้แต่คนที่แปลให้เข้ากับภาษาไทยมันก็ไม่ใช่การแปลที่ไม่ดี ว่ากันจริงๆสำนวนแปลส่วนใหญ่ที่ได้รับเสียงชื่นชมคือสำนวนแปลที่ปรับเป็นภาษาไทยอย่างเป็นธรรมชาติทั้งนั้น ไม่งั้นมึงลองยกตัวอย่างเรื่องที่แปลแบบที่มึงว่าแล้วคนชื่นชมกันเยอะๆมาสิ มันมีด้วยเรอะ
จากที่กูเรียนแปลมา คือจริงๆการแปลมันมีทั้งแปลแบบเน้นเก็บความเป็นต้นฉบับไว้กะ domesticate จนดูไม่เหมือนเป็นหนังสือแปลอะแหละ แต่ประเด็นคือมันใช้กับการแปลตัวบทคนละแบบกัน ถ้าสำหรับกู อาจารย์กู และเพื่อนๆกูที่เรียนแปลมาด้วยกันอะ พวกกูจะรู้สึกว่าเรื่องทำเนียบศัพท์ก็เรื่องนึง แต่ไวยากรณ์ไม่ควรพลาดว่ะ แบบจะทับศัพท์ไม่ทับศัพท์มันเป็นช้อยส์ของนักแปลกะบก. แต่ฉบับแปลอะไวยากรณ์ควรถูกหลักภาษาไทย เว้นแต่ว่าคนแปลเห็นแล้วว่ามันควรจะแปลให้ไม่ถูกหลักไวยากรณ์เพื่อให้เกิดเอฟเฟ็คต์อะไรบางอย่างแบบที่โม่งข้างบนบอก การแปลมันบอกยากว่าสไตล์การแปลแบบไหนผิดแบบไหนถูก ลางเนื้อชอบลางยา แต่ที่ผิดแบบรับไม่ได้คือแปลผิดความหมาย ผิดบริบท นักแปลแปลผิดไม่พอบก.ปล่อยผ่านด้วยอิเหี้ย
ก็เนี่ย เพราะอ่านกันแต่นิยายวายแปลแย่ๆไง บาร์เลยต่ำกันขนาดนี้ 55555555555
>>514 สิ่งสำคัญของนิยายแปลไม่ใช่การแปลออกมาให้ตรงกับธรรมชาติของภาษาปลายทางมากที่สุด แต่ต้องให้คนอ่านเข้าใจตรงกับสารของผู้เขียนที่สุดต่างหาก การแปลให้ตรงธรรมชาติภาษาปลายทางอาจทำให้คนอ่านเข้าใจง่าย แต่ถ้าเข้าใจไม่ตรงกับต้นทาง มันก็ไม่ถูก และอย่างที่มึงบอก ความรู้สึกเป็นเรื่องปัจเจก มึงอาจจะรำคาญความผิดธรรมชาติของภาษา แต่บางคนอาจจะอ่านมาเยอะจนนิยามความเป็น “ธรรมชาติ” ของเขากว้างมากๆ และไม่รำคาญอะไรเลยก็ได้
>>515 กูขอยกตัวอย่างงานของนักแปลที่เลิกแปลไปแล้วละกัน จะได้ไม่กระทบใคร ไม่มีใครได้ใครเสียเนอะ
มึงลองอ่านมังกรหยกฉบับจำลอง พิศนาคะ กับมังกรเจ้ายุทธจักรฉบับ ว ณ เมืองลุง ดู
ฉบับคุณจำลองคือฉบับที่ใช้ภาษาไทยถูกต้องมาก ฉบับของคุณ ว คือฉบับที่เกือบจะถอดต้นฉบับจีนมาคำต่อคำ ทั้งสองฉบับได้รับการยกย่องว่าดีทั้งคู่ คนในแวดวงกำลังภายในเขาก็ชื่นชมกันมาก แต่ฉบับไหนเห็นตัวตนของคนเขียนเด่นชัดกว่า มึงอ่านเอง ตัดสินเองเถอะ
อันนี้ถามเป็นความรู้หน่อยนะ กุไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสำนวนภาษาอื่น ว่ามันไม่ควรใช้ยังไงอะ เช่นใช้ passive voice นี่ก็จะโดนหาว่านมเนยใช่มะ แต่กูว่ามันก็คือความสวยงามของภาษา ใช้ในงานวรรณกรรม เขียนนิยายก็ถือเป็นตัวเลือกนึงให้มันสละสลวยเฉย ๆ คือมันไม่ควรเรอะ //แต่ใด ๆ กูก็ยังมองว่าการเอา อย่าง...ขึ้นต้นมันค่อนข้างแปลกในสายตากูอยู่ดีนะ คงเพราะไม่ค่อยเจอมั้ง 5555
>>520 passive voice ฝรั่งใช้ปกติ คนไทยไม่ชอบเพราะถ้าแปลแบบ ถูก___ มักจะมีความหมายด้านลบ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง นมเนยมันคือการใช้ศัพท์ฟุ้งๆ บรรยายเว่อๆ หรือบางครั้งการแปลแบบใส่รสชาติกูก็มองว่าคือนมเนย ซึ่งกูมองว่าการแปลนมเนยอะ ถ้าแปลออกมาแล้วสไตล์คนเขียนไม่หายนี่ไม่เป็นปัญหา คือถ้านักเขียนบางคนเขาเขียนสไตล์ตรงไปตรงมา ใช้คำสั้นๆง่ายๆ ประโยคสั้นๆ ใช้คุณศัพท์ไม่เยอะ มึงจะไปแปลแบบนมเนยมันก็แปลกใช่ปะ
ส่วนเรื่องบางเรื่องที่แปลจนเนียนเหมือนเป็นนิยายไทยแล้วคนชมว่าดีมันก็มี (เช่นอิ "อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่..." นั่นอะ)
ส่วนการเอา อย่าง.... ขึ้นก่อน อันนี้กูไม่เห็นต้นฉบับเลยไม่รู้ว่าทำไมคนแปลเลือกแปลแบบนี้ แต่สำนวนอังกิดจัดๆ
>>520 อ้อ อีกเรื่อง นิยายที่ภาษานมเนยอ่านแล้วสวยจริง แต่ถ้านมเนยเกินจำเป็นก็เหมือนมึงแดกทั้งชานม เค้ก ชีส และเอวี่ติงสิ่งอย่างที่มันหวานเลี่ยนอะ สุดท้ายมันก็จะดูเยอะเกิน เยอะไปก็ดูฟุ่มเฟือย ดูรุงรัง ดูอยากให้พารากราฟมันยาวๆเหมือนคนขยันบรรยาย ดังนั้นถ้าในแง่การเขียน นมเนยได้แต่อย่าเยอะ ส่วนการแปลต้องมาดูปัจจัยหลายอย่างควบคู่กันไป
>>512 กุชอบการยกตัวอย่างมึง ความหลากหลายของการเรียงคำแต่ยังคงสื่อความเข้าใจนี่แหละ ทำให้งานเขียนมีความหลากหลายทางอรรถรสมากขึ้น ในแบบเดียวกันกุก็เลยไม่รังเกียจทั้งสำนวนเนยนม โชยุ และสารพัดด้วย
แต่งานแปลวายตอนนี้แค่เรียงแปลกหน่อยนักวิจารณ์ทวิตเตี้ยนก็เอาไปรวบเป็นแปลห่วยแปลไม่รู้เรื่องไปหมดแล้ว กุเศร้า (แม้ว่าฝีมือนักแปลเองเลเวลจะไม่โปรด้วยก็เหอะ)
ใครจะชอบแบบคงภาษาต้นทางไว้ก็เรื่องของมึง แต่ไปหาว่านักแปลที่เขาแปลให้เป็นภาษาไทยเป็นธรรมชาติที่สุดแปลไม่ดี สู้คนรักษาโครงสร้างแบบต้นทางไม่ได้ ไม่รักษาโวหารของต้นฉบับ อันนี้ก็ไม่ใช่แล้ว วิธีการแปลมันมีหลายแบบ คนที่แปลแบบคงตามต้นทางไว้ไม่ผิด คนที่เลือกปรับให้มันไทยแต่ใจความยังอยู่ครบก็ไม่ผิด มันไม่มีแบบไหนดีกว่ากันทั้งนั้นแหละเว้ย เพราะสุดท้าย "ดี" "ไม่ดี" มันก็คือรสนิยมของคน จุดสำคัญคือ ถูกความหมาย ใจความครบ อ่านรู้เรื่อง แค่นี้แหละ ใดๆคือถ้าอยากเสพตัวตนของนักเขียน มึงควรอ่านต้นฉบับ เพราะการแปลมันเกิด lost in translation ได้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่จะมาจี้ๆๆให้นักแปลแปลเรียงคำตามต้นฉบับ แล้วก็บ่นว่าคนไม่เรียงตามต้นฉบับแปลห่วย ( >>512 ถึงมึงจะแก้ทีหลังว่าแปลห่วยแรงไป แต่ในใจมึงก็คิดแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ) การไม่เรียงคำตามต้นฉบับไม่ได้แปลว่านักแปลไม่ใส่ใจอารมณ์ต้นฉบับเด้ออ น้ำเสียงหรืออารมณ์มันไม่ได้มาจากการเรียงลำดับคำอย่างเดียวซะหน่อย
เรื่องไหนกูอ่านแล้วอินกูถือว่าแปลดีหมดอะ บางเรื่องเรียงคำไม่ถูกไวยากรณ์เลย แต่กูหัวเราะกับมุกทุกมุก และพอพลิกหน้าถัดไป กูร้องไห้กับแค่ประโยคเรียบๆธรรมดาสองประโยค แบบนี้กูนับถือนะว่าแปลดี ไม่ต้องจับตำราหลักภาษาไทยก็ได้ จับใจกูก็พอ
>>527 การเรียงโครงสร้างคำตามต้นฉบับมันไม่เท่ากับการรักษาอารมณ์ของต้นฉบับไง แต่ 512 พูดเหมือนการเรียงตามต้นฉบับ=การรักษาอารมณ์ ส่วนคนที่ไปสลับโครงสร้างของต้นฉบับ=แปลห่วย ซึ่งการแปลมันตัดสินกันตื้นๆแบบนี้ไม่ได้ สมมติกูอ่านนิยายภาษาอังกฤษที่แปล slowly, he walked to the door เป็น "อย่างช้าๆ เขาเดินไปที่ประตู" แบบนี้กูก็ไม่คิดว่านักแปลรักษาอารมณ์ของต้นฉบับไว้นะ กูมองว่าแปลเหมือนเครื่องจักรมากกว่า ตัวตนของคนเขียนสำคัญน่ะใช่ แต่ไม่สำคัญเท่าการแปลให้คนอ่านภาษาปลายทางอ่านได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดหรอก คนอ่านต้องการเสพเนื้อหา ไม่ได้ต้องการเสพตัวตนคนเขียน สิ่งสำคัญคือความถูกต้องและอรรถรส ตัวตนนักเขียนหายไปบ้างไม่ได้แปลว่าการแปลนั้นเป็นการแปลที่แย่ ไม่งั้นกามนิตจะมีคนชื่นชมมาถึงทุกวันนี้เรอะ แปลใส่อรรถรสเกินต้นฉบับซะขนาดนั้น
อนึ่ง กูมองว่าถ้ายกประโยคเดียวมาลอยๆมันบอกยากอ่ะว่าห่วยไม่ห่วย การแปลมันต้องดูทั้งโทนเรื่อง บริบทแวดล้อม การเรียงแบบเอาคำขยายขึ้นก่อนมันอาจจะเวิร์คในบางกรณีก็ได้ แต่ถ้าทั้งเล่มเจอแต่ประโยคที่ไม่เป็นภาษาไทยรัวๆก็ไม่ไหวนะ แบบนั้นไม่ต้องใช้นักแปลหรอก มึงกูเกิ้ลทรานเอาก็ได้
>>528 กูว่า >>512 มันไม่ได้คิดงั้นนะ มึงดูที่มันยกตัวอย่างดิ มันเป็นพรรณนาโวหารที่เอาส่วนขยายขึ้นแล้วดีกว่าเรียงตามไวยากรณ์เห็นๆ แล้วมันก็บอกอยู่ว่าภาษาจีนไม่มีธรรมเนียมขึ้นต้นด้วยส่วนขยาย ถ้านักเขียนเอาส่วนขยายขึ้น มันก็น่าจะมีเหตุผลของนักเขียน ถึงภาษาอังกฤษก็เหอะ ถ้ามันมาแบบ Slowly, he walked to the door. กูก็คิดว่ามันน่าจะมีเหตุผลเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่การพรรณาแนวนี้ที่กูเจอ บริบทมันน่าจะเป็นอะไรน่าอึดอัดอย่างมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่อีกฟากของประตู หรือตัวละครกำลังหนีอะไรอยู่เลยไม่อยากส่งเสียง เขาเลยเดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ เน้นว่าอย่างช้า นักเขียนก็เลยเอา slowly ขึ้น กูว่ากรณีนี้จะแปลว่า “อย่างเชื่องช้า เขาเดินไปที่ประตู / และอย่างเชื่องช้า เขาก็เดินไปทางประตู” มันก็ไม่ผิดอะไร
ที่เขาเถียงกันเรื่องนี้มันไม่ได้มาจาก >>510 >>511 ฟันธงว่าแปลตรงตามที่เขาเขียนมามัน “แปลทื่อ” “ไม่เป็นธรรมชาติ” “อ้างว่ารักษาโวหารฟังไม่ขึ้น” เหรอวะ >>512 มันเลยยกตัวอย่างนี่ไงว่าบางทีมันต้องแปลตรงๆตามนั้นเพื่อรักษาสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อจริงๆ แถมดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเขียนด้วยสำนวนไทยๆอีก หรือถ้าไงมึงลองเรียบเรียงไอ้ท่อนที่มันยกตัวอย่างแบบถูกไวยากรณ์เป๊ะให้ได้อารมณ์แบบที่มันเขียนดิ
>>528 เอาจริงๆมันเป็นศาสตร์เป็นศิลป์ เป็นประสบการณ์ของทั้งคนเขียน(งานไทย) แปลคน และอ่านด้วยนะ
ถ้างานแปล ในเคส 512 คือคนแปลก็ต้องอ่านเข้าใจก่อนใช่มั้ย ว่าประโยคไหนคือเรียงมาเพราะอารมณ์งานเขียน อันไหนเรียงมาเพราะไวยากรณ์มันต่าง แล้วเลือกปรับต่างกันไป ตามความเข้าใจที่มีต่อเนื้อความนั้นๆ ไม่ใช่ว่าต้องเอาให้ตรงหลักไทยเป๊ะทุกอย่าง หรือแปลตามคำต่อคำทุกอย่าง ถ้าเอาเป๊ะอรรสรสแบบที่ยกตัวอย่างจะเสียไป
ปัญหาคือมันต้องมีพื้นที่ให้คนเขียน/คนแปลสร้างสรรงานบ้าง มีบางจุดไม่ดีไม่เหมาะเพราะไม่ตรงใจได้บ้าง ไม่ตรงหลักภาษาบ้าง ขอแค่ยังสื่อความได้ถูก ทุกอย่างก็ไม่ใช่ความผิดอ่ะ
สมัยนี้คาดโทษตามรสนิยมตัวเองกันมากไปหน่อยนึง
กูนึกถึงตอนที่มีคนบอกว่า น นพรัตน์ กับ อ สายสุวรรณ แปลห่วยแปลทื่อเลยอะ คือมันไม่ได้ห่วย มันเป็นสำนวนของเขา มันมีจังหวะบางอย่างที่เหมาะกับงานชิ้นนั้นๆ
>>531 จริงมึง สำหรับกูแปลเหี้ยคือแปลผิดเยอะ ผิดมาก ผิดแบบให้อภัยไม่ได้ แต่แปลแย่ (เฉพาะในคห.กู) คือแปลแล้วอ่านสะดุด แบบ ฮึ??? ทั้งที่ต้นฉบับอาจจะไม่ได้กะให้เราไปอ่านตรงจุดนั้นแล้วชะงักเหมือนพวกนิยายที่ต้องการแฝงความ anti colonization ตั่งต่าง อย่างเช่น เกิดใหม่เหมือนเดิมฯ ที่กูอ่านแล้วเกาหัวบ่อยมาก หรือถ้านิยายแปลอิ้ง-ไทยคือกูจะไม่ชอบเรื่องที่แปลแล้วแบบ อ่านไทยกูรู้เลยอะว่าต้นฉบับเขาเขียนว่าไร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื่องสำนวน/idiom
คือถ้าคนเขียนย้ำบางสิ่งมาแบบ 512 เขียนอะเรื่องความช้าแถมย้ำมาติดๆกันหลายประโยค แปลแบบนั้นก็ ok แล้วไม่ทื่อเลย เรียกได้ว่าเข้าใจถึงแก่นที่จะสื่อไม่แปลแบบตัดทอนมันไป ถ้ามีการถ่ายทำเป็นซีรีย์จังหวะของท่อนนั้นมันอาจจะโดนแปลงเป็นการถ่ายภาพ slow ด้วยซ้ำ
มันอยู่ที่โทนเรื่องด้วยแหละ ถ้าแนวปจบวัยทำงาน จะใช้สำนวนแปลกประหลาดตามต้นฉบับไปหมดก็พิลึกนะ ถึงจะบอกว่าต้นฉบับมาอย่างนี้ก็เถอะ คนอ่านไม่ได้ไปรับรู้ต้นฉบับด้วยนี่หว่า แปลตรงตามต้นฉบับเป๊ะๆๆหมดมันก็ไม่มีกึ๋นเด้อ
อยากได้โวหารเป๊ะๆ เนื้อความครบทุกเม็ดตามต้นฉบับก็ต้องอ่านต้นฉบับ เพราะการแปลเป็นภาษาปลายทางการปรับสำนวนเป็นสิ่งจำเป็น ถามจริงถ้าต้นฉบับเขียน just a piece of cake คุณจะแปลตรงตัวมั้ยล่ะ ก็แค่เค้กชิ้นนึงน่ะ
>>536 มึง มันมีคนอ่านบางคนชอบให้แปลตรงเลเวลนั้นจริงๆเว้ย 555555 ภาษาอังกฤษอาจจะไม่มี แต่กูเคยเจอคนอ่านวายจีนนี่แหละ นางอ่านเรื่องไหนสักเรื่องกูจำไม่ได้ละ แล้วก็บ่นๆๆว่าทำไมปรับสำนวนจีนเป็นไทย ทำไมไม่แปลตามจีนแล้วฟุตโน้ตเอา แปลไม่ดีเลย ไม่ชอบ บลาๆๆ กูเกาหัวแกร่กเลย
กูคิดว่าสิ่งที่ทำได้อย่างนึงคือชมนิยายเรื่องที่แปลดีออกสื่อเยอะๆ อ่ะ เพราะกูคิดว่าตอนนี้เรื่องที่ดังหรือเรื่องที่คนชมสำนวนมันกลายเป็นคนกำหนดทิศทางการแปลไปแล้ว เช่นเรื่องทับศัพท์ไรงี้ แบบสำนวนที่นักอ่านกลุ่มไหนเสียงดัง ก็อาจเป็นผลให้สำนักพิมพ์เลือกจะปรับไปแนวนั้น เพราะขายได้เงิน สนพ เองก็แฮปปี้มีความสุข ทำแบบนี้ต่อไปอีกบลาๆ
>>536 พูดถึง just a piece of cake แล้วกูนึกได้
สมัยเรียนแปลมันมีอยู่ตัวอย่างนึง เหตุการณ์เกิดในร้านเบเกอรี่ He said it's just a piece of cake and did grab a piece of cake. หรืออะไรประมาณนี้แหละ กูก็จำไม่ค่อยได้ละ แต่มันเป็นการเล่นคำราวๆเนี้ย
มันคนที่เปลี่ยนร้านเบเกอรี่เป็นร้านขายผลไม้แล้วแปลว่า "เขาบอกว่าของกล้วยๆ แล้วคว้ากล้วยไปใบหนึ่ง"
มีคนแปลว่า "เขาบอกว่ามันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แล้วคว้าเค้กไปชิ้นหนึ่ง"
แล้วก็มีคนแปลว่า "เขาบอกว่ามันง่ายพอๆกับตักเค้กเข้าปาก แล้วคว้าเค้กไปชิ้นหนึ่งจริงๆ"
ทีนี้ตามความเห็นของพวกมึง มันควรแปลยังไง
กูไม่ได้คิดว่านิยายแปลต้องเก็บทุกอย่างของต้นฉบับไว้หรอกนะ เก็บได้ก็เก็บ สุดมือนักก็เชิงอรรถเอา แค่อยากบอกว่าบางที เน้น บางทีนะบางที คนแปลเขามองว่าควรเก็บ ถ้ามันไม่ถึงขั้นอ่านไม่รู้เรื่อง ก็เว้นที่ให้เขาได้รังสรรค์งานแปลของเขาบ้าง
เคยทำงานเกี่ยวกับการแปลนิยายแล้วเถียงกันเรื่องแปลนี่แหละ สุดท้ายเป็นเรื่องของรสนิยมและเซ้นส์จริงๆ
อย่าง >>540 ถ้ากูเป็นไทป์ชอบโลคัลไลซ์จัดๆ แล้วร้านนี้มันมาแค่ฉากนี้ไม่มีผลกับสตอรี่ใดๆต่อ กูอาจจะเปลี่ยนเป็นร้านผลไม้กับกล้วยแบบแรก
แต่ถ้ามีผลกูคงไปแนวแบบที่ 3
ส่วนคู่ดีเบทกูชอบแบบผสมเข้าไป ถ้ากรณีนี้เขาคงแปลประมาณ ในร้านเบอเกอรี่ เขาบอกว่าง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แล้วหยิบเค้กกล้วยไปชิ้นหนึ่ง (ซึ่งกูว่ามันฝืน แต่ยังพอเห็นภาพ)
Ky อ่านจอมมารจบละ ชอบมากกว่าที่คิดไว้ เดี๋ยวหาเวลามารีวิว
>>535 มึงทำกูนึกถึงสนพ.แห่งที่ราบภาคกลางเลย ปรับโทนตามคนอ่าน ไม่ต้องสนต้นฉบับ กุว่าไม่ได้เด้อ อาจจะมีlocalized ได้บ้าง อย่างพวกมุขหรือสำนวน (เช่นสำนวนเค้กรีบน อันนี้จะแปลเค้กแล้วโน้ตว่าเป็นสำนวนของชาตินั้นแปลว่างี้ๆหรือจะใส่กล้วยไปเลยไม่โน้ตเพราะไม่มีอะไรขัดกับบริบทก่อนหน้ากูก็โอเคหมดนะ) แต่มึงจะปรับน้ำปลา จนจากชนชั้นกลางพอมีจะกินกลายเป็นชาวบ้านตามตลาดเพราะกลุ่มคนอ่านคือชาวตลาดอันนี้กูว่าไม่เหมาะอ่ะมึง ดังนั้นถ้าสำนวนต้นทางประหลาด คนแปลอ่านแล้วในหัวแม่งก็รับรู้เป็นความปรัหล่ด มันก็ควรสื่อความประหลาดอาร์ตๆออกมาน่ะถูกแล้วนะ
ที่จริงในจอมมารฯมีสิ่งที่ขัดใจกูอย่างหนึ่งคือการทับศัพท์คำเรียกแทนตัวของพระเอก ถ้าไม่ใช้ทับศัพท์แล้วแปลไปเลยมันควรใช้คำว่าอะไรวะมึง แปลมาทั้งหมดยันชื่ออาวุธดันมาทับศัพท์คำเรียกแทนตัวพระเอก
>>547 นึกถึงสนพนั้นเหมือนกันเลย กะปิน้ำปลาจัดๆ แซ่บจริง แต่เหมือนกินยำขนมจีบ มีความเอ๊ะๆตลอดเวลา
ไอ้การแปลให้เป็นไทยๆเนี่ย บางทีมันก็เวิร์ค แต่บางทีมันไม่เวิร์ค บางคนพยายามจะให้เป็นไทยมากจนลืมไปว่าต้นฉบับต้องการสื่ออะไรกันแน่ นิยายเรื่องนึงบรรยายตัวละครหญิงไว้ว่า "สวยแต่รูปจูบไม่หอม" แต่ความจริงต้นฉบับใช้ว่า "สาวทรงแจกัน" ทีนี้สาวทรงแจกันของจีนมันคล้ายๆสาวผมบลอนด์ของฝรั่ง คือถ้านิยายฝรั่งบอกว่านางเอกหน้าหวาน ตาคม อกอึ๋ม และผมบลอนด์ แบบเน้นว่าบลอนด์ มันจะมาแนวๆเหยียดหน่อยๆว่าโง่ อีสาวทรงแจกันนี่ก็เหมือนกัน คนแปลเลยเอาเลย แปลสาวทรงแจกันว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอม แต่ความจริงตัวบริบทมันไม่ได้เน้น มันพูดซื่อๆว่านางเอกสวยอึ๋ม คือแปลได้มากสุดก็ "เป็นสาวทรงนาฬิกาทราย" อะไรเงี้ย แต่ด้วยความพยายามจะแปลให้เป็นไทยมากจนเกินไป น้ำหนักคำมันก็เลยล้ำหน้าต้นฉบับ คนอ่านสองประเทศเข้าใจกันไปคนละทาง ซึ่งกูมองว่าแบบนี้ไม่ดีนะ แต่ใครจะมองว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการอ่านภาษาปลายทางได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าเนื้อหาจะผิดก็ตาม ก็แล้วแต่เด้อจ้า~
>>553 "การแปลให้เป็นไทยๆเนี่ย บางทีมันก็เวิร์ค แต่บางทีมันไม่เวิร์ค" อันนี้แหละสรุปง่ายๆ จบ 55555555 คือสุดท้ายมันก็อยู่ที่ฝีมือของคนแปลแหละว่าจะหาบาลานซ์เจอมั้ย เวลาจะแปลมันก็ต้องคิดจากปัจจัยหลายๆอย่างอะ จะบอกว่า "การแปลเป็นไทยไม่ดี" "การแปลตรงตามต้นฉบับไม่ดี" มันก็ไม่ใช่หลักการที่ใช้ได้กับทุกกรณีทั้งนั้น แต่สิ่งนึงที่ทุกคนเห็นตรงกันคือความหมายต้องถูก กูยังไม่เห็นใครบอกนะว่าปรับแล้วความหมายผิดไม่เป็นไร การปรับเป็นไทยไม่ได้แปลว่าจะทำให้ความหมายผิดไปด้วย ส่วนสนพกะปิน้ำปลาที่มึงว่ามาอ่ะมันปรับจนเหมือนแต่งใหม่แล้ว 55555555
>>547 >>556 กูไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องแคร์ต้นฉบับ กูพูดตอนไหนว่าต้นฉบับไม่สำคัญ???? ที่กูอยากบอกคือ "ใช้สำนวนแปลกประหลาดตามต้นฉบับไปหมดก็พิลึก" เพราะธรรมชาติของภาษาแต่ละภาษามันไม่เหมือนกัน แปลแบบถอดคำต่อคำมันก็เหมือนมึงแคร์ต้นฉบับแต่ไม่แคร์คนอ่านเลย มึงต้องแคร์ทั้งสองทาง ไอ้ความหมายน่ะมันต้องถูกอยู่แล้ว
>>559 ถ้ามึงเห็นต้นฉบับ มึงจะมีคำแปลที่ดีที่สุดในเวอร์ชั่นของมึง ซึ่งมันอาจจะไม่เหมือนที่นักแปลแปลออกมา งานแปลร้อยทั้งร้อยถ้ามึงเอามาเทียบต้นฉบับแบบประโยคต่อประโยค รับรองว่าไม่มีเรื่องไหนหรอกที่เรียงคำตรงตามต้นฉบับเป๊ะๆๆหมดทั้งเล่ม เพราะทำแบบนั้นมันจะไม่เป็นธรรมชาติ แต่นักอ่านที่มาเอามานั่งเทียบแบบประโยคต่อประโยคแบบนั้นอะมันมีน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย นักอ่านส่วนใหญ่อ่านแค่ภาษาไทย เพราะงั้นถ้าภาษาไทยออกมาไม่เป็นธรรมชาติ สักแต่จะเรียงตามต้นทางจนภาษาไทยแข็งทื่อเป็นหิน สุดท้ายนักแปลนั่นแหละคือคนที่จะโดนด่าว่าแปลไม่ดี ต่อให้อ้างว่าแปลออกมาแบบนี้เพราะยึดต้นฉบับก็ไม่ช่วยอะไร ยกตัวอย่างทไวไลท์เล่ม 1 แปลไทยก็ได้อะ ถ้าเอาไปเทียบกับต้นฉบับจะพบว่าแทบจะแปลมาแบบคำต่อคำเลย เก็บกระทั่งเครื่องหมาย , เป๊ะๆ แต่สุดท้ายกระแสกลับออกมาแง่ลบมากกว่า เพราะอ่านแล้วมันไม่เข้ากับเรื่อง ไม่ใช่ภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติ
>>562 กูพิมพ์ไม่เคลียร์ด้วยแหละ กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ที่กูบอกว่า "คนอ่านไม่ได้ไปรับรู้ต้นฉบับด้วยนี่หว่า" กูนึกถึงกรณีที่แปลออกมาตรงตามต้นฉบับตรงๆซื่อๆจนมันแข็งโป๊กน่ะ กรณีแบบนี้ต่อให้อ้างต้นฉบับ คนอ่านก็ไม่คล้อยตามอยู่ดี นักแปลคนที่กูยกตัวอย่างน่ะโดนอย่างบ่อยเลย เคยมีคนยกมาเทียบแบบประโยคต่อประโยคว่าแปลเป๊ะมากๆ แต่ดันแปลตรงตามต้นฉบับเกินไป (เป๊ะระดับที่แปล holy shit ว่า อุจจาระเทวา) จนมันออกมาแปร่งปร่าไปหมด
>>563 มึ้งงงงง อุจจาระเทวานี่ไม่เรียกเป๊ะ เรียกแปลผิด 555555555 คืองี้ ถ้าเราเห็นพ้องต้องกันว่าความถูกต้องของความหมายต้องมาก่อนเนี่ย เราตัดไอ้พวกนี้ออกไปได้เลย กูนึกว่าที่เถียงๆกันอยู่คือระดับสำนวนนมเนยแบบ “อย่างเชื่องช้า เขาเดินไปที่ประตู” อะไรงี้ซะอีก ซึ่งกูมองว่าจะรักษาโวหารนักเขียนหรือจะแปลแบบไทยๆก็ถูกทั้งคู่ แต่ถ้านักเขียนเอาส่วนขยายขึ้นเพื่อต้องการเน้น แล้วนักแปลเอาส่วนขยายขึ้นด้วย ก็ไม่ควรจะไปด่าว่าเขาแปลทื่อเท่านั้นเอง เหมือนเนื้อเพลง “ดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทราย ต้นไม้ใหญ่” อะ มันบรรยายถึงบ้านในความทรงจำใช่มั้ย จะบอกว่าเขียนเนื้อเพลงแบบนี้ไม่ถูกธรรมชาติของภาษา ภาษาต้องมีประธาน กริยา กรรม ควรจะแต่งว่า “ในบ้านมีดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทราย ต้นไม้ใหญ่” มันก็อิหยัง
>>564 สิ่งที่มึงบอกอะกูเห็นด้วย แต่ขอรีรัน >>512 นิด "ถ้านักเขียนเอาขึ้นก่อนด้วยจุดประสงค์บางอย่าง มันก็ควรจะตามนั้น ไม่ใช่ไปแก้ให้ถูกหลักภาษาโดยไม่สนอารมณ์ที่นักเขียนต้องการสื่อ แบบนั้นเรียกว่าแปลทื่อ" ยกมาให้เห็นว่าข้างบนมันมีคนด่าแบบนี้อยู่ ไม่ใช่แค่แบบที่มึงพูดถึง กรณีนี้คือด่าคนแปลที่สลับโครงสร้างว่าแปลทื่อแปลห่วยนะ ไม่ใช่ด่าคนแปลตรงตามต้นฉบับว่าแปลห่วย กูมองว่านักแปลที่ปรับโครงสร้างภาษาให้เป็นไทยโดยไม่เรียงคำตามต้นฉบับก็ไม่ควรโดนด่าแบบนี้เหมือนกัน อนึ่ง ภาษาจีนเป็นไงกูไม่รู้นะ แต่ขอพูดถึงบลีช (มังงะ) ที่คนชอบอวยกัน ถ้าเทียบกับญปจะรู้ว่านักแปลปรับโครงสร้างเป็นไทยเยอะมาก หลายๆประโยคที่คนชอบกันก็ไม่ได้เรียงตามต้นฉบับ แต่คนส่วนใหญ่ก็ชื่นชม แปลว่าการสลับโครงสร้างจากต้นทางมันไม่ได้ทำลายมู้ดเลย กลับกันแล้วถ้ามันเป็นภาษาไทยที่สละสลวย มันจะได้อารมณ์กินใจคนอ่านมากกว่าด้วยซ้ำ
>>567 มันไม่ใช่แปลเป๊ะมึง มันคือแปลผิด holy sh*t , holy cow มันคือคำอุทาน แบบ เช้ด เน้ดแม่ พ่อมึง อะไรแบบนี้ จะแปลตรงๆไม่ได้ อันนี้คือไม่รู้ว่าคนแปลไม่รู้หรือยังไง เพราะคำก็ไม่ได้ยาก หรืออย่างเวลาคนอังกฤษชอบใช้คำว่า bloody hell , bloody โน่นนั่นนี่ มันก็ไม่ได้แปลว่าอะไรสักอย่างโชกเลือด เคสนี้แม่งคือนักแปลไม่แตกฉาน แล้วบก.ก็เสือกไม่แตกฉานด้วยอีกคน
>>570 กู เพิ่งมาเห็น กูใช้คำผิดเอง ตอนพิมพ์หางตากูมันไปเห็นคำว่าเป๊ะที่ท้ายประโยคมึง 5555555555 แต่ก็นั่นแหละมึง คือกูจะบอกว่ามันเอามาเทียบกันยาก กรณีอิ๊งอันเนี้ยมันผิดจริงๆ ความหมายแบบ word-for-word มันอาจไม่ผิด แต่มันผิดบริบท เพราะต้นฉบับไม่ได้ใช้ในบริบทนี้ มึงเก็ทปะ แบบ ต้นฉบับเขาไม่ได้จะพูดว่าขี้วัวเป็นของสูงอะ มันกำลังอุทานอยู่อะ หรือต่อให้จะสื่อว่าอีอุจจาระเทวาเนี่ยเป็นคำอุทานนะ กูถามจริง ประเทศไทยใครอุทานกันแบบนี้
เอนี่เวย์ กรณีของจีนนี่กูไม่รู้เพราะกูเองก็ไม่ได้รู้ภาษาจีน เดาว่ากรณีนี้ถึงแปลแบบ word-for-word มาตรงๆเลยแต่มันก็ยังเข้าใจได้ว่าเป็นคำด่างี้มั้ง? แล้วเรื่องของวัฒนธรรมก็อาจจะมีส่วนด้วย ไม่รู้นะ แต่กูรู้สึกว่าถ้าแปลจากจีนอะ บางทีอ่านแล้วมันก็เก็ทแม้ว่าอาจจะไม่ใช่สำนวนที่ exist ในภาษาไทย แต่ฝั่งตะวันตกมันอาจจะไม่สามารถเก็ทได้ขนาดนั้นมั้ง เดา
>>571 นั่นสิ กูก็คิดว่าสุดท้ายมันก็อยู่ที่ความเคยชินของคนอ่านมากกว่าจะมีวิธีไหนพูดได้เต็มปากว่าถูกต้องอะ
>>572 ดูเหมือนมึงจะเข้าใจกูผิดอยู่ 55555 ขอโทษที่พิมพ์ไม่เคลียร์ กูไม่ได้จะบอกว่าโฮลี่ชิทสามารถแปลอย่างนั้นได้ กูเห็นด้วยว่ามันผิดมหันต์ แต่สิ่งที่กูไม่เข้าใจน่ะคือ แล้วทำไมพอมันเป็นแปลจีน มันกลับไม่ผิดร้ายแรงเท่าอิ๊ง? พอยท์ของกูอยู่ตรงนี้น่ะ
>>573 อ่อ ถ้าแบบนั้น เดานะ เดา แบบขีดเส้นใต้แรงๆ กูมองว่าเพราะมันเข้าใจได้ แบบ ไอ้ลูกเต่าเงี้ย กูเคยเจอครั้งแรกตอนอ่านนายน้อยมั้ง อ่านปุ๊บก็เก็ทเลยว่าเป็นคำด่า หนึ่งคือน่าจะเพราะความเคยชินอย่างว่า สองคือมันมีคำอย่าง ไอ้ลูกหมา ที่นิยายบางเรื่องมันก็ใช้เป็นคำด่าด้วย แล้วเหมือนสมองแม่งตีความหมายไปโดยอัตโนมัติอะ รวมกับบริบทที่แวดล้อมด้วย มันเลยไม่มีปัญหา กูเลยเดาว่าวัฒนธรรมร่วมแม่งมีส่วน แต่ก็นั่นแหละ เดาล้วนๆ
>>566 อันนี้กูกลับเห็นด้วยกับ >>512 นะ เพราะก่อนหน้านั้นคือ >>510 กับ >>511 ที่บอกว่าการแปลโดยไม่กลับสำนวนเป็นไทยคือแปลทื่อ ส่วนการอ้างว่าแปลคงสำนวนต้นฉบับเพราะต้องการรักษาโวหารมัน "ฟังไม่ขึ้น" ก็คือไม่ว่าคนเขียนต้องการจะสื่ออารมณ์แบบไหนก็ไม่สนใจ ต้องแปลเป็นแบบไทยๆเท่านั้นปะ กูอ่านแล้วตีความได้แบบนี้ ทีนี้ >>512 เลยบอกว่าการแปลเป็นไทยๆโดยไม่สนอารมณ์ของต้นฉบับต่างหากที่แปลทื่อ พร้อมยกตัวอย่าง บลาๆๆ
ส่วน >>573 กำลังภายในแปลคำด่ามาตรงๆนี่กูคิดว่าเพราะนิยายจีนยุคแรกๆที่แปลมาคือนิยายกำลังภายใน แล้วมันเป็นพีเรียด คงไม่สามารถแปลไอ้ลูกเต่าว่าไอ้เหี้ยหรืออีลูกกะxรี่ได้ ก็เลยต้องแปลตรงๆตามนั้นแล้วเชิงอรรถเอา แล้วมันก็เลยเป็นธรรมเนียมแปลจีนต่อๆมาว่า เออ แปลตรงตัวตามชาวบ้านเค้าดีกว่า ถ้าผิดก็จะได้ผิดด้วยกัน อะไรงี้ แต่นิยายจีนเซ็ตติ้งปัจจุบันมีคนแปล "สวมหมวกเขียว" ว่า "สวมเขา" แปล "ลูกเต่า" เป็น "ไอ้เลว" อยู่นะ
การแปลมันไม่มีวิธีที่ถูกต้องตายตัวแบบเอามาเถียงกันได้อยู่แล้วป่ะว่าวิธีนี้ถูกวิธีนี้ผิด (หมายถึงแง่สำนวนโวหารนะ ไม่ต้องมาบิดสารกูล่ะว่ากูไม่แคร์ต้นฉบับ) เอาวิธีมาเถียงกันไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เพราะสุดท้ายถ้ายกตัวอย่างงานแปลที่คนชมว่าดีกันขึ้นมาจริงๆ มันก็มีคนใช้ทั้งสองวิธีที่ถกกันอยู่นั่นแหละ สุดท้ายจะใช้วิธีไหนมันก็ขึ้นอยู่กับโทนเรื่อง บริบทแวดล้อม กลุ่มคนอ่าน ฯลฯ คนที่ดันทุรังว่าการแปลต้องใช้วิธีใดวิธีนึงตลอดไปอ่ะไม่มีทางเป็นนักแปลที่ดีได้แน่นอน
>>576 ปัญหาตอนนี้มันไม่ใช่ที่นักแปลป่ะ มันเป็นกุรู้นักวิจารณ์ตั่งต่างต่างหาก ที่พยายามจะยึดหลักใดหลักหนึ่ง(ซึ่งจริงๆแล้วสรุปได้ความว่าหลักกู) ที่ชอบออกมาวิจารณ์เหมือนจะจับมือนักแปลพิมพ์แปลเองด้วยนิยามสั้นๆ ซึ่งหลายครั้งเล่นเอาคนแปลที่ดีหรือที่พอจะเข็นได้(หมายถึงงานพอไหวแต่ขาดประสบการณ์กับชั่วโมงบิน)ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปเลย
กูสงสัย ไอ้เคสแปลที่ยกตัวอย่างกันมาเนี่ย Slowly, he walked to the door. อ่ะ มันเน้น slowly ไม่ใช่เหรอวะ คืออิ slowly ขยายทั้งประโยค ไม่ได้ขยายแค่ walked เพราะปกติถ้าไม่เน้นเขาก็เขียน He walked to the door slowly. กันนะ ส่วนใหญ่เคสเอาคำขยายไว้ข้างหน้าในภาษาอังกฤษเนี่ย ถ้ามันไม่เน้นส่วนขยาย มันก็จะเป็นประโยคที่มี compliment ยาวหน่อย อย่าง Slowly, he walked to the door and looked into the keyhole. อะไรเงี้ย ไม่ใช่เหรอวะ แปลแบบเอาส่วนขยายขึ้นก็น่าจะถูกนะ แล้วทำไมในกรณีนี้บางคนถึงมองว่าการแปลแบบเอาส่วนขยายขึ้นถึงผิดอะ กูไม่ได้กวนตีนนะ เพิ่งมาเห็นแล้วสงสัยเฉยๆ หรือถ้ากูเข้าใจอะไรผิดไปก็ช่วยอธิบายให้กูฟังที
>>579 เพราะมันเป็นวิธีการเน้นของภาษาอังกฤษ แต่ภาษาไทยมันไม่ได้เน้นกันด้วยวิธีนี้ แต่ละภาษามันมีธรรมชาติที่ไม่เหมือนกัน การเอาส่วนขยายขึ้นก่อนมันอาจจะไม่ "ผิด" แต่มันไม่เป็นธรรมชาติในภาษาไทย จะมีคนที่อ่านแล้วบอกว่าไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ก็ไม่แปลกหรอก คนอ่านแสดงความเห็นได้อยู่แล้วนะว่าไม่ชอบการแปลแบบนี้ แค่ต้องแยกให้ออกระหว่าง ไม่ถูกต้อง กับ ไม่ถูกใจ เท่านั้นเอง
>>579 หืมมมม กูเห็นนักเขียนหลายๆคนก็ไม่ได้ใช้เพื่อเน้นเป็นพิเศษนี่ บางคนเขียนประโยคขึ้นต้นด้วย adverb แบบนี้แทบทุกหน้าเลย ถ้าแปลเป็นไทยแล้วเอา อย่าง ขึ้นต้นรัวๆทุกย่อหน้าแม่งประดักประเดิดตายชัก นักเขียนบางคนก็แค่ชอบประโยคแบบนี้เลยชอบเขียนแบบนี้เฉยๆอะ จริงๆถ้ามีประโยคสองประโยคจากทั้งเล่มกูรับได้นะ แต่อย่างที่ว่า ถ้าเจอแบบนี้ทุกหน้าตอนอ่านแปลไทยกูก็ขอบายว่ะ ประโยคแบบนี้อ่านอิ๊งมันไม่ขัดตา แต่พออ่านไทยแล้วมันขัดตา ซึ่งกูคงไม่ออกมาด่าหรอกว่าแปลห่วยหรือแปลผิด เพราะใช่ นักแปลจะแปลแบบนั้นก็ได้ ไม่ผิด ย้ำ กูไม่ได้จะบอกว่านักแปลผิด แต่ถ้ากูไม่ชอบ กูก็แค่จำชื่อนักแปลแล้วไม่ซื้องานนักแปลคนนี้อีก กูซื้อแปลไทยกูก็อยากอ่านอะไรที่มันแปลออกมาเป็นภาษาไทยที่สละสลวยเป็นธรรมชาติ แค่นี้
>>580 >>581 ไม่ๆ คือกูเข้าใจว่ามันไม่ใช่ธรรมชาติของภาษาไทย แต่เอาแค่ประโยคนี้ไง ประโยคอื่นก็ไปวิเคราะห์กับประโยคอื่นอีกที Slowly, he walked to the door. น่ะ ที่กูบอกว่ามันเน้นเพราะในประโยคนี้ Slowly ขยาย he walked to the door ทั้งก้อน เวลาอ่านออกเสียงจะยิ่งชัดเลยว่า Slowly มันเน้น เพราะมันจะมีจังหวะหยุดใช่ปะ แล้วทำไมกรณีนี้ถึงมองว่ามันควรจะแปล "เขาเดินไปที่ประตูอย่างเชื่องช้า" ไม่ใช่ "อย่างเชื่องช้า เขาเดินไปที่ประตู" ล่ะ ไม่เข้าใจ เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติของภาษาไทยอย่างเดียวเหรอ หรือจริงๆแล้วมันมีอะไรอย่างอื่น
กูขอโทษที่ซอกแซกนะ แต่กูไม่ได้เรียนโรงเรียนไทย ไม่ค่อยเข้าใจแกรมม่าร์ไทย แกรมม่าร์ไทยมันเน้นแม้ว่าส่วนขยายจะอยู่ข้างหลังอะไรงี้เหรอ
>>582 อ้อ ถ้ามึงไม่ได้เรียนไทยมา กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันละ เพราะเหมือนมึงยึดอิ๊งเป็นหลักแล้วมองว่าไทยต้องแปลตามอิ๊งถึงจะถูก แต่กูอะมองไทยเป็นหลักและคิดว่าในเมื่อแปลเป็นภาษาไทยมา มึงก็ควรแปลให้คนไทยอ่านได้ลื่นไหลที่สุด ไม่ใช่อ่านปุ๊บแปลกลับในหัวเป็นอิ๊งได้เลย
>>582 อีกนิด ที่มึงบอกว่าออกเสียงจะยิ่งเห็นชัดอะ กรณีนี้ภาษาไทยถ้าจะเน้น เขาก็จะเน้นกันว่า เขาเดินไปที่ประตู อย่างเชื่องช้า แบบนี้ ธรรมชาติของภาษาไทยคือเอาคำขยายไว้ข้างหลัง เวลาเน้นก็เน้นกันข้างหลัง ซึ่งถ้าจะเอาให้ถูกต้องเป็นธรรมชาติแบบคนไทยอ่านแล้วไม่สะดุด มึงก็ต้องเอาไว้ข้างหลัง แต่ๆๆ มึงอาจจะมีคำถามตามมาอีกว่า แล้วมันจำเป็นต้องถูกต้องตามไวยากรณ์เป๊ะขนาดนั้นมั้ย?? คำตอบคือไม่เว้ย มึงจะแปลตามต้นฉบับแล้วออกมาเป็นภาษาไทยที่ไม่เป็นธรรมชาติก็ได้ แต่ถ้ามีคนบอกว่า แบบนี้มันไม่เป็นธรรมชาติของภาษาไทยมันก็เป็น fact นะ ทีนี้มันก็จะขึ้นอยู่กับคนอ่านแต่ละคนแล้วว่ารับได้หรือไม่ได้ เอาจริงๆทุกคนแม่งมีสำนวนแปลแบบที่ไม่ชอบกันทั้งนั้นแหละ มันไม่มีสำนวนแปลที่ทุกคนชอบกันเป็นสากลเหมือนกันอยู่แล้ว
เหมือนเป็นโม่งที่ไร้ความละเอียดอ่อนเลย อ่านแล้วไม่เห็นต่างทั้งความหมายความรู้สึก อย่างช้า ๆ ยังไงก็คือช้า ๆ อย่างช้า ๆ มันขยายการเดินของเขาอ่ะ
ประตูมันไม่ช้าอยู่แล้ว มันช้าที่การเดิน
นี่เลยงงมาสามวันละ~~
>>588 มึงต้องเข้าใจก่อนว่าภาษาไทยมันไม่เหมือนภาษาอังกฤษ นี่มึงถามเหมือนมึงมองภาษาอังกฤษเป็นหลักแล้วเอาไทยไปเทียบ ภาษาไทยปกติตามหลักแล้วใช้เครื่องหมายวรรคตอนน้อยมาก เครื่องหมาย ... ในภาษาไทยมันก็มีฟังค์ชั่นของมัน https://th.wikipedia.org/wiki/จุดไข่ปลา นักเขียนจะใส่ก็ได้ถ้าชอบหรืออยากใส่ ใส่ไปก็ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว แต่โดยพื้นฐานในภาษาไทยมันไม่ใช่ของที่ต้องใส่ ขนาดเครื่องหมาย ? บางสำนักพิมพ์ยังมีหลักว่าให้ตัดทิ้งเลยเพราะภาษาไทยปกติไม่ใส่กัน
>>592 อ๋อ อันนี้กูตอบได้ จริงๆไม่ค่อยมีใครใช้หรอก ประโยคแบบนี้น่ะ ถ้าใช้มันจะต้องเน้นจริงๆว่าช้าๆเลยนะ จังหวะนี้ต้องช้าแล้ว มีบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจของตัวละครแล้ว เพราะมันขยาย he ด้วยไง ไม่ใช่แค่ walked เขาไม่ได้แค่เดินช้าอย่างเดียว แต่ตัว he เองก็ตั้งใจที่เดินช้าด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่ใช่เดินช้าเฉยๆแบบไม่มีเหตุผลอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่า He walked slowly to the door. จะไม่มีเหตุผลเสมอไปนะ อาจมีก็ได้
อีกอย่างนึงคือมันมักจะเป็นประโยคที่ขยายเยอะ "อย่างเชื่องช้า เขาเดินไปที่ประตูและมองเข้าไปในรูกุญแจ" เพราะทุกอย่างนั่นจะช้าทั้งหมด ไม่ใช่แค่เดินช้า แต่ท่าตอนมองเข้าไปในรูกุญแจก็ช้า จะไปขยายหลังกริยาทีละตัวมันก็แปลกๆ เลยเอามาไว้ข้างหน้าเลย
>>579 มันไม่ได้ผิดอะไรเลยอะ อยู่ที่รสนิยมคนเฉยๆ ที่ถกๆกันนี่ก็แค่ชอบกันไปคนละแบบ งานศิลปะวรรณกรรมอะไม่ใช่งานเขียนตำราพจนานุกรมมันดิ้นได้อยู่แล้ว อย่างกุถ้าเจอ slowly อยู่หน้าอยู่แค่ประโยคเดียวก็จะแปลไปอยู่ข้างหลังแบบไม่คิดมาก แต่ถ้าเค้าใส่ย้ำๆมาอยู่หน้าติดกันสามสี่ประโยคกุจะเริ่มเอ๊ะแล้วว่าต้องทำอะไรกับเวลาในประโยคกลุ่มนี้ ไม่ได้ทื่อๆแปลตามหลักภาษาศาตร์ไปตรงๆ
>>596 อันนี้เข้าใจนะ ถ้าบอกว่าทำกริยามากกว่า 1 อย่างอย่างช้า ๆ ในทุกกริยา แต่ถ้ากริยาเดียว ทำไมเอาไปไว้ข้างหน้าให้มันแปร่ง //กลอกตาคิดเป็นวันที่สาม
แล้วถ้าใช้เป็น เขาค่อย ๆ เดินไปที่ประตู มองเข้าไปในรูกุญแจอย่างเชื่องช้า คือมันก็ช้า และไม่ต้องเชื่องช้าหน้าประโยค
ตอนนี้รู้สึกเหมือนทุกคนยึดติดกับคำ ในต้นฉบับใช้ช้า/slow ก็ต้องแปลว่าช้า คือ มันใช้คำอื่นได้ด้วยหรือเปล่า
เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีคนยกตัวอย่าง a piece of cake ปลอกกล้วยเข้าปาก ที่ล้วนแปลว่า เรื่องง่าย ๆ ถ้ากรณีเค้กกับกล้วยมันไม่เข้ากับบริบทจริง ๆ ทำไมไม่ใช้คำว่า ง่าย ๆ ง่ายดาย ไม่ยาก ไรงี้
>>594>>595 กูก็ไม่ได้อังกฤษจ๋าขนาดนั้น 555555 กูก็เทียบภาษาไทยกับภาษาไทยนี่แหละ กูเคยอ่านงานของหลายคน แก้วเก้า พนมเทียน ประภัสสร เสวิกุล นมส เท่าที่สรุปได้คือ นิยายยุคเก่าๆจะเว้นวรรคถี่กว่ายุคนี้ นิยายยุคนี้บางเรื่องกูเห็นเขียนติดๆกันสองบรรทัดละ ไม่เว้นให้กูซักที บางทีกูหาประธานไม่เจอไง ใครแม่งทำอะไรนะ
>>597 หมายถึงแบบ ถ้าประโยคเดียว ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าโยก adv มาข้างหน้าเพื่ออะไร ก็ย้ายไปไว้ข้างหลังตอนแปลได้อย่างปลอดภัยใช่ปะ แต่ไม่ย้ายก็ได้ถ้าชอบแบบนี้ ประมาณนี้ปะ ขอบคุณจ้า~
KY มีเวลาว่างมารีวิวจอมมารละ ส่วนตัวอ่านจบเล่ม 1 แล้วดีกว่าที่คิดไว้ ตอนอ่านตัวอย่างในเว็บมันมีความกาวๆ กับขายขำอยู่เยอะ แต่พอได้เล่มมาจริงๆ เนื้อหาในเล่มมีความจริงจังกับเหตุผลที่รองรับค่อนข้างสมเหตุสมผลใช้ได้ แต่เนื้อเรื่องไม่หนักมากนะ จะมุกตลกมีแทรกไว้อยู่ตลอด ข้างล่างจะเป็นรีวิวปนสปอยแล้ว กุขอใส่จุดนะ
.
.
.
.
.
.
.
เนื้อเรื่องย่อๆ นะ
จอมมารไปได้นิยายเล่มหนึ่ง เนื้อหาในนิยาย คือนางเอกเทพอาวุโส พลัง op มาก ส่วนพระเอกเป็นเทพที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน ตอนนางเอกต้องผ่านด่านเคราะห์มาจุติที่โลกมนุษย์ พระเอกมันเข้าไปยุ่งตอนนั้นพอดี สรุปจุติที่โลกมนุษย์ทั้งคู่ มาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกัน นางเอกพระเอกจะเป็นแนวรักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่อิพระเอกมันเหี้ย ไปมีอะไรกับคนโน้นคนนี้บ้าง นางเอกก็ตามหึงหวง มีการเข้าใจผิด การทะเลาะ การทำร้ายร่างกายกันตามสไตล์นิยายน้ำเน่าอะ ส่วนจอมมาร บทเฮียเป็นพระรองที่ดีต่อนางเอกมาก โผล่มาคอยช่วยเหลือนางเอกตลอด แต่นั่นแหละ นางไม่เอา ปักใจรักพระเอก ถึงแม้บักห่านั่นจะทำเหี้ยกับตัวเองแค่ไหนก็ตาม บทเฮียแกตายประมาณกลางเรื่อง แต่ยังไม่รู้ว่าตายเพราะอะไรนะ ในนิยายจะประมาณนี้ พอเฮียได้นิยายมาก็ปิดด่านเข้าไปอ่านอยู่ 7 วัน😂 แล้วฟีลคนอินนิยายอะ อ่านไปสงสัยไป ทำไมนางเอกมันโง่จังวะ ผู้ชายดีๆ มีไม่เลือก แล้วตัวเองในนิยายคืออะไร แบบกุไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ๆ 5555555 สุดท้ายเฮียแกก็สรุปว่าที่ได้นิยายเล่มนี้มา น่าจะต้องเกิดอะไรบางอย่างในอนาคตแน่ ก็ลุยกันซักตั้งอะ ตัดสินใจไปเจอนางเอก สรุปไปเจอ ปรากฎว่า ประมาณสามร้อยปีก่อน ช่วงนางเอกเป็นเทพ เคยชี้นำมรรคาให้จอมมาร นางเอกจะกึ่งๆ เป็นอาจารย์ของเฮีย กลายเป็นจะไปด่าก็ไม่ได้ ได้แต่แอบแซะในใจ เขาเคยมีบุญคุณกับเรา 555555 เลยกลายต้องหาหนทางให้นางเอกเข้ามรรคาไร้รัก บรรลุเป็นเซียนกลับไปร่างเทพ เพื่อใช้หนี้บุญคุณ เฮียแกเลยหาวิธีพยายามให้นางเอกตาสว่าง ตัดใจจากพระเอกซักที แต่มันไม่ง่ายอะ 😔 ควบคู่เนื้อเรื่องในนิยายที่เดินไปเรื่อยๆ นะ เรื่องนี้จะ time skip บ่อย 6 เดือนบ้าง 10 ปีบ้าง เพราะเส้นเรื่องนิยายมันอยู่ที่นางเอก ช่วงไหนนางไม่มีบท ก็สคริปแม่งเลย อย่างช่วงสงครามพรรคมารกับธรรมะ ตีกันเป็น 10 ปี แต่นางเอกอยู่แนวหลัง เป็นฝ่ายพยาบาล ไม่มีบทบาท ก็จะข้ามไปช่วงจบสงครามเลย จริงๆ ช่วงจบสงครามจะต้องเป็นการเจอกันครั้งแรกของจอมมารกับนางเอก เฮียจะได้รับบาดเจ็บหนักเพราะโดนยำมาจากฝ่ายธรรมมะ แล้วได้นางเอกช่วยไว้ มีบุญคุณรอบก่อน มาเจอบุญคุณช่วยชีวิต จากนั้นก็ตุ้มกลายเป็นด่านเคราะห์รัก เฮียแกรู้จากนิยายก็เลี่ยงดิ บอกน้องอินว่าตัวเองเจ็บหนักแน่ๆ ให้น้องมาช่วยแทนนางเอก 🌚🌝 เล่มแรกคสพ.สองคนนี้ slow burn จัดๆ นาย-บ่าว zone มาก ใกล้จบเล่มเพิ่งกระดึ้บออกมานิดเดียว มีพาร์ทย้อนอดีตของทั้งคู่นิดหน่อย คู่นี้จะออกแนวคู่ชีวิตที่รู้ใจกันมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่ารักกัน 😂 เออสกินชิพน้อยในน้อยนะ แทบจะเป็นนิยายมิตรภาพลูกผู้ชายแล้ว รออ่านต่อเล่ม 2-3 ว่าเป็นยังไงต่อ น้องอินโป๊ะหลายรอบแล้วว่าชอบจอมมาร แต่ฝั่งเฮียแกยังไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าอยากดูแลน้องอินให้ดีกว่าเดิม หาของวิเศษมาเสริมพลังให้น้องบ้าง นั่งเฝ้าน้องฝึกวิชาบ้าง 🌚🌝
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
กุชอบที่เล่มแรก ตลค.ผู้หญิงมีบทเด่นเยอะมาก เรื่องนี้น่าจะเป็นวายเรื่องแรกของกุเลย ที่ตลค.ผู้หญิงมีบทเด่นขนาดนี้ (ไม่รู้นะว่าอีก 2 เล่มที่เหลือจะเป็นแบบนี้ป่าว)
เล่ม 1 จะมีตลค. เด่นๆ อยู่ 5 คนนะ จอมมาร, น้องอิน(นายเอก), เจ๊ซู, เจ๊ฉิว, นางเอก คือบทเด่นเป็นผู้หญิงไปแล้ว 3 แล้วเคมีนางเอกกับ 2 เจ๊นี้เข้ากันดีจัดๆ 😂 เดี๋ยวกอดเดี๋ยวอุ้มบ้าง จนกุลุ้นให้นางเอกปลูกทุ่งลิลลี่แล้ว 5555
กุเมนจอมมารนะ จะอวยเฮียแกเยอะหน่อย คือหล่อเท่เลย แบบหล่อมาจากอินเนอร์เลย นิสัยการกระทำ คำพูดคำจาคือหล่อไปหมด เฮียแกจะออกแนวนิ่งๆ แต่มีแอบตบมุกกับแดกจุดบ่อย ถึงบอกว่าอยู่ฝั่งมาร เอาจริงก็เป็นคนดีคนนึงเลย แล้วกุขำเฮียแกปลงกับนางเอกมาก พยายามจะให้นางเลิกรักพระเอกไง น้องมันยังปักใจรักโงหัวไม่ขึ้น จนแบบ เออ ช่างแม่งเถอะ 555555 โมเม้นจอมมารกับนางเอกจะมีแต่โมเม้นเหี้ยๆ อะ 55555 น้องเจอจอมมารทีไร มีแต่เรื่องเจ็บตัว เดี๋ยวเกือบหนาวตายบ้าง เดี๋ยวโดนจับโยนบ้าง โดนผลักตกหน้าผาบ้าง นางเอก = กระสอบทราย แย่จัดๆ 55555
น้องอิน นายเอกของเรื่อง มีความยันแล้วยึดติดกับจอมมารมาก หลังจอมมารตาย น้องเสียสติกลายเป็นบ้าไปเลย น้องมีความภักดีต่อจอมมารมากอะ แบบถวายชีวิตให้เลย อะไรที่จอมมารว่าดีน้องก็ว่าดี 55555
พูดถึงนางเอกของเรื่องบ้าง น้องน่ารักปนซื่อบื้อ 55555 ซึ่งเฮียแกใช้จุดนี้แหละดอยเอาของวิเศษจากนางเอกไปเปย์น้องอิน 55555 (คือของวิเศษในเรื่องจะเป็นโชคชะตาของนางเอก โดยน้องจะเสี่ยงตายเอามาเพื่อช่วยพระเอกในนิยาย ตอนนี้จอมมารดอยไป 2 ชิ้นละ😌) ตอนนี้หงุดหงิดน้องอย่างเดียว คือ น้องมันไม่ตัดใจจากพระเอกซักที 5555555 กุรอน้องเบิกเนตรอยู่ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อ่านตอนนี้รส. แปลกๆ เหมือนนางเอกติดบัคให้รักพระเอกอะ
พระเอกในนิยาย = ขยะเปียก, ตัวประกอบ แต่เดี๋ยวมีบทแน่ๆ 😔
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เนื้อเรื่อง : 8/10 ดำเนินเรื่องเร็วนะ มุกตลกมีแทรกตลอด แต่บทจริงจังก็มีนะ เนื้อเรื่องไม่เบาโหวง มีความสมเหตุสมผล ตลค. มีคาแรคเตอร์ชัดเจนทุกคน แล้วทุกคนมีความปั่นอยู่ในตัว 5555 กุติดอย่างเดียวตรง time skip บางทีต้องอ่านซ้ำ แบบ อ่อ skip ไปแล้ว อย่างตรงพาร์ทที่พรรคมารกับธรรมะตีกัน มันรวบรัดไปเยอะอะ เริ่มบทมาตีกัน บทถัดไปตีกันจบแล้ว 👁👄👁
การแปล/พรูฟ : 8/10 แปลรู้เรื่อง มุกตลกก็แปลออกมาดี ไม่ติดขัด ทับศัพท์มีนิดหน่อย ไม่เยอะ (แต่จอมมารจะแทนตัวเองว่าเปิ่นจุนนะ) คำผิดในเรื่อง กุหาไม่เจอนะ (กุสายอ่านกวาด+อ่านเร็ว บางทีเลยไม่ได้โฟกัสอะ) ที่เจอจังๆ คือคำโปรยปกหลังที่พิมพ์ว่าน้องอินเป็นผู้คุมกฎฝ่ายขวา จริงๆน้องเป็นฝ่ายซ้าย (อันนี้ตอนได้เล่มมา กุก็ไม่รู้ ไม่ได้สังเกต มารู้ตอนเข้าแท็กนิยาย)
ปก/เล่ม/งานอาร์ต : 9/10 ปกสวย งานของจารย์ ฉางหยางอลังการอยู่ แต่สีปกทึบไป หยิบอ่านช่วงกลางคืน กุแทบมองไม่เห็นหน้าจอมมาร 😌 มันทึบกว่าในรูปที่โปรโมทอีก จิบิน่ารัก การ์ดใสก็สวย ลายไม่ซ้ำกันด้วย คหสต. ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกุไหม กุว่าฉางหยางวาด ตลค.หน้าเหมือนกันอะ เห็นจอมมาร แล้วกุนึกถึงน้องปิงเห ยิ่งเห็นภาพ box ยิ่งเหมือน 😂
ขอจบการรีวิวเท่านี้ ถ้าได้เล่ม 2-3 มา เดี๋ยวมารีวิวต่อให้ละกัน
.
.
.
.
.
.
.
น้องในความคิดมึงหรือน้องในเรื่องด้วยวะ กูว่าแนวนี้ส่วนใหญ่นายเอกแม่งจะน้องงเลยไม่อยากอ่านเท่าไหร่
Ky เพื่อนโม่ง งานหนังสือคราวนี้กูขอลอกลิสต์หนังสือหน่อยได้บ่ กูรู้สึกไร้จุดหมายมากเพราะส่วนมากช่วงนี้กูพรีอย่างเดียว แต่กูก็กลัวพลาดว่ะ กะจะไปเก็บตกเอาในงาน
ทำไมอยู่ๆบุปผาคืนเมืองแมส สนพ.ถึงกับออกมาโพสต์ อนาคตจะเป็นของแรร์ไหมวะ ไหนมีใครสนใจรีวิวให้กุบ้าง
ของฝานลั่วถูกจริตกูทุกเรื่อง แต่ไม่แมสสักเรื่องฮือออออออออออออออT_T โม่งมาช่วยขายหน่อย ขาประจำไปไหนแล้ว
ผู้ช่วยสถาปนิกนี่นายเอกแมวๆโวยวายๆหน่อยปะ
ถ้าใช่ มีเรื่องไหนนายเอกแง้วๆแบบนี้อีกมั้ยวะ ขายกูหน่อย ขอบใจ
พูดถึงผู้ช่วยสถปน ขอพูด unpopular opinion หน่อย กูน่าจะเป็นคนส่วนน้อยที่ไม่ชอบเรื่องการทำงานในเรื่อง รู้สึกพวกตัวเอกมีพริวิลเลจในระดับนึง (อันนี้ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก แต่มันก็ไม่ได้อินสไปร์อะไรเท่าที่คนอวยๆกัน) ไม่ชอบการวางตัวในที่ทำงานของกู้เซียว ไม่ชอบที่สุดท้ายพระเอกก็แค่ปั้นนายเอกให้เป็นแบบที่ตัวเองต้องการ คือกูอะชอบนิยายเรื่องนี้นะ ตอนอ่านมันอ่านสนุกดี กูชอบเล่มแรกมากกกก ชอบความรักความสัมพันธ์ แต่เล่มหลังๆกูใช้เวลาอ่านนานมาก เห็นคนอวยเรื่องงานกันเยอะๆแล้วกูรู้สึกว่ามันไม่ได้ดีขนาดนั้น มันมีอะไรแปลกๆเยอะมาก กูว่าแนวคิดมันเหมือนพวกไลฟ์โค้ชอะ ถ้ากูอ่านสมัยเพิ่งจบใหม่หรือยังเรียนอยู่อาจจะชอบ แต่พอทำงานมานานๆมาอ่านอะไรแบบนี้กูกลับรู้สึกว่ามันโลกสวยเกินแฮะ
>>624 ต้องย้อนไปอ่านรีวิวช่วงที่ออกมาใหม่ๆมั้งมึง เพราะมันบูมช่วงนั้น คนที่มาอวยการทำงานแม่งได้ทำงานจริงกันสักกี่คน เคยเห็นน่าจะในโม่งที่วิเคราะห์เรื่องการทำงานด้วยนะไม่ก็ในเว็บรีวิวmiไรสักอย่างกูอ่านรีวิวหลายที่ไปหน่อย ลืม พอเล่มหลังๆก็มีประเด็น ผิดหวังกันตรึม กระแสคนอวยเริ่มหายละ แต่ก็เบลอๆไปถือว่าอ่านจบจะเห็นเลยว่าไม่ค่อยมีคนมาคุย นอกจากบอกชอบเพราะเป็นเรื่องแนวทำงานที่หาอ่านยากอะ
>>625 กูส่องในนกฟ้ายังเห็นขยันอวยขยันขายกันอยู่เลยมึง 555555 เดี๋ยวกูลองไปค้นโม่งเก่าๆดูบ้างดีกว่า ค้นรีวิวที่อื่นเจอคนอวยเยอะๆเดี๋ยวกูเผลอมองบน 5555555 แต่วายแนวทำงานหายากจริงๆแหละ อาจจะเพราะมันมีน้อยเลยไม่ค่อยมีตัวเปรียบเทียบด้วยมั้ง พอมีเรื่องที่เล่าเรื่องงานเยอะๆคนก็อวยกันแล้ว
วายทำงานที่เขียนเรื่องทำงานดีจริงๆกูยกให้เจ๋งพัทกับ yes or no สองเรื่องนี้เขียนเรื่องทำงานเรียลมาก ตัวละครเก่งแบบไม่แบน มีมิติ ส่วนสถาปนิกกูเทไปตั้งแต่เล่มสาม ปจบยังไม่ได้อ่านเล่มจบเลย
>>622 จริงๆเรื่องมันตามขนบแนวโรมานซ์ในที่ทำงานอยู่นะ ตามที่มึงบอกนั่นแหละ เด็กใหม่ไร้ประสบการณ์ แต่มีพระเอกในฝันประคองพาไป ได้รับพรีวิลเลจแต่ก็ใช้ความพยายามส่วนตัวด้วย สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จยืนอยู่บนยอดเคียงข้างคนรัก ถ้าถามฟีลทำงานตรงมั้ยกุก็ว่าตรง แต่มันก็พลัสความพาฝัน ดีเกินจริงแบบนิยายเข้าไปด้วย ยกเว้นดีเทลเฉพาะของวิชาชีพสถาปนิกอันนี้กุก็ไม่รู้ตรงมั้ยกูไม่ได้ทำงานข้องแวะสายนั้น โดยรวมคือมันไม่แปลกถ้าจะมีจุดไม่ทัชใจมึงแหละ บางคนชอบมากก็อวยเว่อร์วังไป กุก็โดนมาหลายเรื่อง อวยเว่อร์จนกุรู้สึกไม่อยากอ่านไปเลยทั้งๆที่ถ้าไม่อ่านรีวิวอวยกูก็จะสนุกกะเนื้อเรื่องได้มากกว่านั้น 555
มึง กูเพิ่งขุดสารบัญชุมนุมปิศาจออกมาจากกองดอง ยังอ่านเล่มแรกไม่จบแต่เรดาร์กูกระตุก
ขุ่นพ่อฉงหมิงจะตุยเย่มั้ยจะได้เกียมใจก่อน นิยายแนวนี้คือตัวละครที่กูปักธงไม่ค่อยจะรอดชีวิตเท่าไหร่
>>622 กูว่าคนที่อวยเรื่องการทำงานอาจจะยังไม่ได้ทำงานปะ การทำงานในสายตาเค้าก็จะเป็นฟีลนึง แต่ในสายตาคนที่หลังขดหลังแข็งเจียนจะต้องผ่าตัดรักษากระดูกทับเส้นประสาท มันก็อาจจะเป็นอีกฟีลนึง รายละเอียดในการทำงานก็ไม่เหมือนกันอีก หลังๆกูเลิกเชื่อรีวิวแล้วว่ะ อ่านพอเป็นแนวทางแล้วไปอ่านตัวอย่างเลย สารภาพตรงนี้ว่าเจ็บช้ำกับรีวิวมากมาก ไอ้ที่บอกว่าสนุกๆ ซื้อมาอ่านแล้วไม่สนุกนี่ยังพอทนนะ แต่บางเรื่องรีวิวมาเหี้ยมาก แปลห่วย เรื่องแย่ ไม่รู้เรื่อง นี่นั่นโน่นจนไม่ซื้อ มาเจออีกทีว่าสนุกแต่ราคาพุ่งไปถึงสวรรค์แล้วนี่กูแค้นใจ
สถาปนิกตอนออกมาใหม่ๆโม่งก็อวยกันเยอะนะ มีแต่คนหวีดกู้เซียว 55555555 แต่หลังๆมีโม่งเข้ามาบ่นกันเรื่อยๆ มีทั้งประเด็นทำงาน เหยียดญี่ปุ่น (กูเคยเห็นคนบ่นเรื่องเหยียดเพศด้วย ไม่แน่ใจว่าเห็นจากในโม่งหรือในไหน) ใดๆคือกูก็คิดเหมือนกันว่าเรื่องนี้โดน overrated เกินจริงไปมากกกก กูเข้าใจนะว่าคนที่อ่านแล้วชอบก็คงอยากอวย อยากป้ายยา แต่ตัวเนื้อหามันไม่ได้ดีขนาดที่อวยกัน จุดบ้งจุดเอ๊ะๆเต็มไปหมดถ้ามึงตั้งใจอ่านดีๆแล้วคิดสักหน่อย แต่ถ้าอยากอ่านเอาฟินเฉยๆก็ไม่ผิดแหละ
บุปwาคืนเมืองกระแสดี จนตอนนี้สนพ.มีแพลนรีปรินท์เรื่องนี้ลงงานหนังสือแล้วนะ ถ้ายังหาซื้อไม่ได้หรือเจอร้านอัพก็รอกันหน่อย เดือนหน้าก็งานหนังสือแล้ว
พูดไปแล้วอิจฉา พอหนังสือมีกระแสของเริ่มขาด สนพ.ก็จัดแพลนรีปรินท์ให้เลย ส่วนกุนี่รอsาชันคืนบัลลังก์ของมีดีมาตั้งนาน ไม่รู้ชาติไหนจะรีปรินท์
คนสื่อวิญญาณภาค2มีหวังไหมวะ หรือโดนสนพเล็กๆนั้นแย่งlcไปแล้ว
ผช.สถปน. กูเห็นตอนออกเล่มแรกๆมีแอคเซเลปอวยเยอะนะ ตอนแรกนึกว่าเพราะมันไม่ใช่ปกการ์ตูนมั้ง เลยดูมีสมองดีถ้าจะเอามาอวยแล้วชูประเด็นสายอาชีพเรียลๆ จนเห็นแอครีวิวนิยายชญ.ยังเอามาอวย กูเลยเดาว่าสนพ.คงจ้างแล้วแหละ
>>637 คนบ่นใต้โพสในกลุ่มรีวิวนิยายที่ดังๆนั้นที่ชอบมีดราม่าก็มีตั้งเยอะนะมึง กูว่ามึงน่าจะเหมารวมคนที่มารีวิวว่าถูกใจบางเรื่องว่าอวยหมดนะ
แปลกใจทำไมไม่ค่อยมีคนพูดถึงเนื้อเรื่องช่วงหลังบ้าง พอเล่มหลังออก ตอนที่เห็นผ่านๆตามีแต่คนพูดถึงแค่อยากได้ปกนิยายแบบนั้นบ้าง
ขอบ่นบุปผา เฮงซวยมาก สนพบอกเติมสต็อดตอนสองทุ่ม กุก็รีเว็บตอนสองทุ่มแม่งขึ้นเว็บปิด รีอีกรอบถึงกดได้ พอจะจ่ายตังเสือกขึ้นว่าหมด เหี้ยไรเนี่ย หมดทั้งบ็อกทั้งหนังสือเลย มันมีใครปั่นปะ ปั่นจนกุอยากได้ อุปทานหมู่เหรอไอ้สัส
>>636 กูเห็นกรุ๊ปในเฟสก็คนอวยเยอะนะมึง ทั้งเซเลปไม่เซเลป ถ้ามีคนขอให้แนะนำแนวปปจ ต้องมีสักสองสามคอมเม้นที่เป็นเรื่องนี้อ่ะ คิดว่าเพราะมันเป็นแนวที่แปลจีนปปจที่ไม่ค่อยมีมั้ง ในไทยก็ไฮป์สถาปัตอยู่ คนอวยก็ชอบเน้นที่มันทำงานเรียล ชีวิตวัยทำงานจริงๆ แต่กูอ่านแล้วไม่อินทั้งที่ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกันไม่อินกับนายเอกบ้านรวยแต่ก็ยังบ่นชีวิตได้ขนาดนั้น ไม่อินกับพระเอกลำเอียงแต่พยายามจะบอกว่ามันไม่ผิด หนึ่งเล่มสองมันยังดี แต่เล่มสามเล่มสี่อ่านไปอึดอัดไป บนบกไม่ค่อยรีวิวแง่ลบกับเรื่องที่มีเซเลปเคยอวยหรอก
คุณผู้ช่วยเนี่ยนะคนอวยไม่เยอะ??? มึงเคยกูเกิ้ลหารีวิวรึเปล่าเนี่ย 555555 ถ้าไม่เคยมึงลองไปเสิร์ชเลย รีวิวขึ้นมาพรึ่บพั่บ สิบรีวิวอวยไปแล้วเก้า คนที่อวยก็ไม่ได้มีแค่เซเลบนี่ มึงไปดูในเว็บนายอินทร์สิ คนที่มารีวิวก็คนอ่านทั่วไปทั้งนั้น มีแต่คนมาอวยๆๆๆ เล่าชีวิตทำงานได้ดีมากค่ะๆๆๆ ขนาดใน goodread รีวิวที่กดคะแนนให้แค่สองดาวเพราะเหยียดเพศก็ยังอวยเรื่องทำงานเลย บอกว่ามีแต่เซเลบอวยนี่ไม่ใช่ละ
กูลืมอีกเว็บนึง ใน meb ก็มีแต่คนอวยเว่อวัง คนรีวิวเยอะด้วย บอกว่ามีแต่เซเลบทวิตอวยนี่กูเถียงขาดใจเลย
Ky มึง มีใครพรีร่วมราคะไหมวะ(ชื่อนี้มั้ยนะกูว่ากูลืม…จำได้ว่าราคะๆสักอย่าง) เห็นว่าจัดส่งเดือนนี้แต่ดูเงียบๆเลยว่ะ กูอยากอ่านต่อแล้วเนี่ยย ค้างชิหั่ย
>>649 ไหนๆแล้วขอเม้าหน่อย เพราะกุไปดำจีนอาร์คทดลองที่สนพไม่ได้lcมา อ่านแล้วกุพูดได้แค่ว่ามันคือpwpของนิยายจีนดีๆนี่เอง พลอตอย่าได้ถามหา มึงซื้อเพื่ออ่านฉากเยเท่านั้น แต่นักเขียนก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีนะ ฉากเยดีจริง เหมาะกับสายหื่นที่ไม่ซีเรื่องrape noncon แต่กุไม่ได้ดำภาคจบเลยไม่รู้พลอตมาหนักตอนนั้นไหม แต่อาร์คทดลองงานนี่ขายพอร์นแบบจัดๆ อ่านแล้วสยิวสัส kinkเฉพาะทางโคตรๆ อ่านแล้วจะเข้าใจที่คนเขียนไม่ขายlcเลย อาร์คทดลองนี่ไต้หวันก็ไม่มีเป็นเล่มขายนะ คนเขียนเอาลงแค่ในเว็บ ไทยเลยไม่ได้มาด้วย ที่ได้ตอนพิเศษเพิ่มจากไต้หวันนีาก็อภิสิทธิ์พอสมควรแล้ว
มีโม่งรีวิวจอมมารไปแระกุขอรีวิวคู่แฝดอาภัพของท่านจอมมารละกัน
My five element are short of you
สำหรับกุคือหนุกนะ recommend! เป็นแนวผีสาง ไสยศาสตร์จีนที่วางพลอตได้น่าสนใจดี คือไม่ใช่แค่ มีคนจ้าง เจอเคส สืบ ปิดเคส ไปเรื่อยๆ แต่มีการสร้างสถานการณ์เปิดเคสได้แปลกใหม่ดี รวมถึงการตีความวิชาลึกลับจีนที่กูรู้สึกว่ามันผสมๆหลายสายออกมาได้แปลกใหม่อยู่บ้าง (จากประสบการอ่านิยายแนวนี้ของกูซึ่งก็ไม่มากเท่าไหร่นะ) ความสยองให้ระดับกลางค่อนไปทางสูง แม้จะเป็นผีๆศพๆ มีซีนสะดุ้งบ้าง ไฟท์กะผีบ้าง แต่เพราะคาร์สายฮากะมุขที่อัดมา รวมถึงการเล่าที่ไม่ขยี้ความสยองทำให้เลเวลความสยองซอฟท์ลงเยอะ
เคมีพระนายก็น่ารัก พระเอกตาบอด(รึเปล่า? กุอ่านเนื้อเรื่องเข้าใจว่าบอด แต่ตรงแนะนำมีเขียนว่าแค่ชอบหลับตา? แต่กุยังหาฉากพี่ลืมตามองเต็มๆไม่เจอเลยนะ) เป็นนายท่านเหมือนจะสายคูลแต่ความจริงโคตรขี้แกล้ง หลอกนายเอกกะลูกศิษย์ไปตีกะผีแล้วพี่แกยืนดูเฉยเพราะจริงๆใส่เกราะไปให้แล้วแต่ไม่บอกหรอก ให้แก๊งเด็กน้อย? วิ่งสู้ฟัดกะผีนานสองนาน รอใกล้จบเรื่องค่อยโผล่ 555 ส่วนนายเอกนี่เป็นเคะไทป์หมาเล็กซื่อบื้อตัวนึงที่หาความอายุ 28 จากภายในไม่เจอเล้ย แต่กูก็ชอบคาร์ติงต๊องแพ้อะไรฟูๆนี่นะ แค่ลืมไปว่าเคย 28 ก็ได้อยู่
ช่วงแรกๆที่อ่านมันจะมีความรู้สึกกระตุกๆ เหมือนจะไม่ลื่น ขัดๆแปลกๆได้บ้างเพราะคนเขียนเปิดเรื่องได้ดูปุ๊บปั๊บ สไตล์ตื่นมาเกิดใหม่ก็อ้อเหรอ ตามนี้ละกัน อารมณ์นั้น บวกกับวิธีดำเนินเรื่องที่ใส่ดีเทลชนิดแบบ พระเอกรู้ คนเขียนรู้ นายเอกรู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่กูคนอ่านไม่รู้เลย ไปเฉลยเอาหลังๆนะคนอ่าน เดียว(น่าจะ)บอกอีกที ปมในเรื่องก็จะออกแนวนี้ด้วยนะ คือจบเคสแล้วเรามาเคลียร์กันอีกที รวมถึงเซตติ้งโลกหรือสังคมวงการเฟิงสุ่ยที่บอกมาแบบแทรกดีเทลทีละนิด แต่ถ้าผ่านไปถึงช่วงเปิดปมหลักที่ตามหาคนที่เล่นงานนายเอกแล้วคือกูอ่านติดเลยรวดเดียวจบเล่ม 2
ดังนั้นใครชอบแนวไสยศาสตร์ สืบค้นสาเหตุเรื่องลึกลับ มาตำกันฮะมุง รอบจองกะลังถูกเลหลังราคาดีงาม ไปเก็บกันได้ตามกรุ๊ปเฟสนะเพื่อนโมง
ข้อเสียในความเห็นตามรสนิยมกู
-ด้วยวิธีเล่าแบบที่บอกจนจบเล่ม 2 กูยังไม่เข้าใจเลยว่าพระเอกมันไปสนใจนายเอกแง่นั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไง แต่คือเริ่มเปย์และทรีตนายเอกพิเศษมากตั้งแต่ช่วงแรกๆเลยนะ แต่บางทีท้ายเรื่องอาจมีคำตอบ
-ทอล์กท้ายตอนส่อบนเตียงเกือบทุกตอน คืออ่านไม่กี่ทอล์กมันก็แซวสนุกๆอ่ะนะ แต่เล่นมีเกือบทุกตอนในตอนที่คสพ.ในเนื้อเรื่องยังไปไม่ถึงไหนเลย บวกกับเหตุผลข้างบนคือกุยังไม่เข้าใจว่ารักกันตอนไหน มันเลยคิลมูดยังไงชอบกล
-ค่านิยมแบบสังคมนิยมจีนบางอย่างที่กูเข้าไม่ถึง และการอวยสังคมนิยมจีนที่แทรกมาเยอะมาก
ต่อ re ล่าง **
เนื้อเรื่องคร่าวๆ
นายเอก อายุ 28 โจวเจียอวี๋โดนรถชนตายแล้วโดนอีกาสามขาชื่อ จี้ปา (ที่พ้องเสียงกับค.ว.ย) ที่ไม่รู้ว่าไปหลงอะไรพระเอก หลินจู๋สุ่ย ลากมาเข้าร่างใหม่ของนักต้มตุ๋นชื่อเดียวกันเพื่อให้ช่วยพระเอกที่น่าจะมีเคราะห์อะไรสักอย่างที่น่าจะร้ายแรงอยู่ให้ผ่านเคราะห์ไปได้ (เหมือนจะเทพแต่จริงๆอีกานี่แม่งพึ่งไม่ค่อยได้นะ)
พระเอกเป็นปรมาจารย์ระดับเทพ เมพสุดๆของวงการเฟิงสุ่ยเลย ก็จะประมาณ ชินแส หมอผี ประมาณนี้ของทางจีน นายเอกโผล่มาก็ตอนร่างนี้กำลังโดนพระเอกเอาลูกศิษย์ครอบกระสอบเอาตัวมารุบตื๊บเพราะไปทำชั่วมา อีกนิดก็จะถ่วงซีเมนต์อยู่แล้วพอดี ช่วงที่มาเข้าร่างสลึมสลือปางตายพระเอกก็ถามว่าเห็นปราณมงคลมั้ย นายเอกบอกเห็น พระเอกเลยเปลี่ยนใจโยนเข้าฮาเรม เอ้ย บ้านพักศิษย์ ไปรักษาตัวแทนที่จะเอาไปฝังดิน
จากนั้นนายเอกก็อาศัยในบ้านพระเอกให้เค้าเลี้ยงดู เรียนวิชาเหมือนเป็นศิษย์ พระเอกก็คอยสอนวิชา คอยพาไปทำเรื่องนั่นนี่ในวงการกับพระเอกไป ระหว่างนั้นเรากะนายเอกก็จะเปิดโลกผีสาง วงการไสยศาสตร์จีนที่มีดีเทลเฉพาะตัวไปด้วยกันนี่แหละ
ศิษย์พระเอกมีสี่คน ตอนแรกนายเอกจะได้เจอแค่ 3 เป็นก๊วนโจ๊กนิสัยขาดๆเกินๆที่โดนนายเอกตกเพราะทำอาหารได้ (อีสี่ตัวนี้คือทำอาหารกากมากแล้วก็ต้องทนกินอาหารกากๆที่ตัวเองทำกันมานาน55) ช่วงแรกๆนี่นายเอกจะเป็นคู่ตบมุขกับเสิ่นอี้ฉยง(นายช๊อกโกแลตบนปกเล่ม 3) พระเอกก็ผลุบๆโผล่ๆมาในบ้านพักศิษย์เป็นระยะๆ จนกระทั่งมีคนมาไหว้วานให้ช่วยแก้เรื่องผีๆ เหมือนเป็น intro คอร์สทั้งนายเอกและคนอ่านให้รู้จักวงการก่อน
พอจบเคสแรกก็กลายเป็นเวทีประลองเฟิงสุ่ยไป(อันนี้กุว่าแปลกดี) พระเอกก็โยนนายเอกเป็นตัวแทนการประลองเฉย การแข่งขันมี 4 ปีครั้ง การแข่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยแต่สามในสี่คือลักษณะประมาณสืบสวนเคสผีๆสางๆหาสาเหตุ เนื้อเรื่องช่วงนี้ก็จะเริ่มค่อยๆโยงกับปมหลักที่นายเอกเริ่มถูกผีเล็งฆ่าหรือเล่นงานเพราะร่างมีความพิเศษแล้ว พอจบการประลองก็เริ่มมีสารพัดผีมารังควานนายเอกแบบกะเล่นให้ตายแล้ว จากตรงนี้ก็เหมือนจะเริ่มเข้าปมหลักที่พระเอกไล่ล่าจัดการต้นตอที่รังควานนายเอกล่ะ ตัดจบเล่ม 2 ได้ไม่แขวนคนอ่านเท่าไหร่นะ อย่างน้อยกูก็ไม่ได้ลงแดงขนาดนั้น
>>653 มึงที่ท่านหลินสนใจน้องปลามันก้ใบ้จนไม่รู้จะใบ้ยังไงแล้ว
1 ท่านหลินเป็นจีหยาง น้องปลาจีหยิน และน้องปลาเห็นปราณมงคลทอง (ท่านหลินให้ความสนใจพิเศษน้อยคนจะมีได้)
2 ท่านหลินทำนายว่าจะมีศิษย์แค่สี่คน เลยตั้งชื่อคนโตเลข4 ไล่คนสุดท้องเลข 1 และท่านหลินไม่เคยให้น้องปลากราบไว้รับศิษย์ นั่นเพราะรู้อยู่แล้วว่าน้องปลาจะไม่ลูกศิษย์ตนเอง แต่เป็น เมีย ในอนาคต
3 ยิ่งยืนยันตรงนี้ที่คุยกับเพื่อนที่เป็นพระ แซวว่าท่านหลินทำนายผิด ไหนว่าจะรับศิษย์สี่คนไง น้องปลามาคนที่ห้าได้ไงไรงี้ ท่านหลินก้บอกว่าไม่ทำนายผิด ไม่กี่ปีก้รู้เอง
สรุปง่าย ที่ท่านหลิน ดีต่อน้องปลาพิเศษ เพราะจีบว่าที่เมียให้อนาคต ไงล่ะ
ส่วนน้องปลาเกย์ตั้งแต่แรก เจอคนสเปก ทั้งสองเลยจูนกันง่ายๆๆๆ
>>657 เพจบอกว่าเป็นตอนพิเศษเฉพาะของไต้หวัน แต่นักเขียนขอมอบให้ไทยด้วย แปลง่ายๆคือตอนพิเศษเฉพาะไต้หวันเช่นงานแต่งในตัวร้ายอย่างข้า แต่สนพบิดสู้มาได้(กุไม่คิดว่านักเขียนจะบอกว่าอยากให้ไทยได้ตอนพิเศษด้วยจริงๆหรอก) แบบเดียวกับตอนพิเศษปรมจที่เบเกอรี่ไปซื้อมาทีหลัง
>>657 เออะ มึงถามจำนวนตอนนี่หว่า โทษที อันนี้กุก็ไม่รู้เรื่องกัน ตามซื้อแต่แบบเว็บมันก็ไม่มีตอนพิเศษลงซะด้วย เพจลง "ต้นสังกัด" (ไม่ใช่นักเขียน ซอรี่) มอบให้เพิ่มอีก "1 ตอน" ..กุว่าน่าจะไม่ครบไหมวะ เลยใส่จำนวนตอนมาด้วย แต่ตอนเล่มออกอาจจะมีคนเทียบให้ก็ได้ เห็นแอคดังเคยรีวิวเรื่องนี้ตั้งแต่สองปีที่แล้ว
>>656 ไอ้จุดนั้นน่ะกูเข้าใจ แต่ที่กุไม่เข้าใจคือ มันเปลี่ยนจากสนใจคุณสมบัติเป็น love interest ตอนไหน
จากที่กุอ่านกุว่าไอ้ร่างจี๋อินนี่จริงๆ ร่างเดิมไม่น่าจะมีคุณสมบัตินี้มั้ย น่าจะเพิ่งมีตอนนายเอกมาเข้าร่างนี่แหละ ไม่งั้นท่านหลินน่าจะรู้ตั้งแต่คลุมกระสอบมาแล้วป่ะ คนในวงการมองก็น่าจะรู้ หรือน่าจะโดนผีคาบไปนานแล้วถ้าคุณสมบัติมันติดกับร่างเดิม แล้วกุก็ไม่รู้ว่าพระเอกแม่งรู้ตอนไหนถึงเปลี่ยนจากรังเกียจจะเชือด มาสนใจ มาหมายตาตามจีบ ต่อให้ทำนายได้ว่าไอ้นี่น่าจะเมียในอนาคตก็เต๊อะ เหมือนมันข้ามมาเลยดื้อๆอ่ะ พอดีกุเป็นพวกไม่ค่อยอินกะรักแรกพบด้วยแหละ กุว่ามันเป็นเทคนิคการเล่าเรื่องเขาแต่พอปนกะท้ายบทด้วยมัน แต่กุว่าเล่มหลังๆน่าจะมีเล่าแหละ
พลังรีวิวมั้ยอ่ะ บุปผาคืนเมืองแบบบ็อกเซ็ทแอพส้ม ราคาดีดไปที่สองพันอัพแล้ว กลายเป็นของแรร์ชั่วข้ามคืน โชคดีจริงๆที่กุละเลิกสะสมบ็อกแล้ว รอรีปรินท์แบบเล่มก็พอ
>>662 ที่พูดเชือดแรกๆ อันนั้นแกล้งเเหย่ กูว่ารู้ตั้งแต่ตอนที่ย้ายมาว่ะ จากที่ให้ตีกระสอบ ก้หยุดแล้วทดสอบมองเห็นอะไร แต่ก็พยายามนิ่ง ทดสอบดูว่าที่เมียก่อน
ทำนายรู้ว่าคนนี้จะมา พวกนิสัยยังไงก้ต้องศึกษา พอเห็นมีโอเคก้ แล้วดูภูมิใจเลยรุกหนักขึ้นจีบหนักขึ้น แหย่หนักขึ้นเท่านั้นเอง
เลิกปั่นได้ยัง
กูทันอ่านตัวอย่างอีร่วมราคะแล้วแบบงงว่าเรื่องมันจะไปทางไหนได้ อ่านละปวดหัวในความสัมพันธ์ ฉากเยดูทรมานมากกว่าจะขายฟิน สรุปนายเอกมีทั้งกีทั้งกวยสินะ แล้วสาววายอ่านจะไม่มองเป็นนอร์มอลเหรอ งง
สงสัยว่าขอบเขตของคำว่า pwp มันอยู่ตรงไหน อย่างสมบัติผลัดกันชมนี่เรียกว่า pwp ได้เหรอ มันก็มีเนื้อเรื่องนะ หรืออย่างนิยายของลิลิธอะ ทุกเรื่องก็มีเนื่อเรื่องปะ
(ไม่ได้ว่านะ แบบแค่สงสัยเฉยๆ ว่า without plot ต้องไม่มีพลอตจริงๆเลยมั้ย)
มึงๆ แปลเกาหลีเรื่อง Memory of the day นี่น่าเก็บไหมวะ กูลองอ่านตย.ก็น่าสนอยู่ เพราะกูชอบแนวพระเอกไทป์ประมาณนี้อยู่ละ แต่เห็นมัน 4 เล่มจบ นี่เพิ่งออกแค่ 2 เล่มเอง แถมออกกับมด.ด้วย ไม่ใช่อะไรกูกลัวโดนดอง เนื้อเรื่องมันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆไหมวะหรือว่าเป็นการแก้เครียดแทนนอ.ไปจนจบ บอกตามตรงตย.ที่สนพ.ลงไว้ไม่ได้ช่วยอะไรกูเล้ย
มีใครรู้เนื้อเรื่องมิติลับชั่วข้ามคืนปะ น่าตำมั้ย คือเห็นแนวเรื่องแล้วสนๆอยู่
โอเคตะกี้มีตยพอดีเลยไปอ่านกูตำและ55555
เพื่อนโม่ง พอรีวิวเรื่องคุณนางพาร์ทไทม์คร่าวๆได้ไหมวะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ทำไมเรื่องใหม่ของ มด. แพงจังอะ กุดูจำนวนหน้าได้ที่ไหนบ้าง ในเว็บไม่มีบอก นี่ตั้งงบไว้ว่าเล่มละไม่เกิน 400 สรุปไม่มีเล่มไหนต่ำกว่า 400 เลย 55555 จะร้อง สงสารกระเป๋าตังค์
>>681
นางนวล เล่ม1: 424 หน้า
นางนวล เล่ม2: 416 หน้า
มิติลับ เล่ม1: 504 หน้า
หมวกเขียว เล่ม1: 496 หน้า
*ข้อมูลข้างต้นคลาดเคลื่อนได้มากนะ ถ้าเล่นทวิตถามแอดมินก็ได้มั้ง เห็นช่วงนี้ขยันตอบอยู่
และระวังอย่าบ่นว่าแพง จะมีโม่งผู้หวังดีแนะนำว่า ‘ถ้าแพงก็ไม่ต้องซื้อ รอลดราคาเอา’ หรือไม่ก็โม่งที่บอกว่า ‘หนังสือก็ราคานี้ไม่แพงเลย สนพ.มีค่าใช้จ่ายเยอะแยะ ถ้ามีวิธีทำให้หนังสือราคาถูกก็บอกมา บลาๆๆ’ กุเตือนนะเพราะกุเคยเจอมาก่อน 5555555
ใจเย็นค่าพี่ หนุแค่มาเตือนโม่งว่าอย่าบ่นว่าหนังสือแพง เพราะจะเจอพี่สาวชาวโม่งมาบอกงี้ๆนะ แค่นี้เองค่าพี่ หนุมาเล่นโม่งก็เพราะคุยเรื่องอื่นที่ที่อื่นคุยไม่สะดวกได้ ไม่ได้ต้องการใครมาเห็นด้วยค่า ที่หนุเคยบ่นว่าแพงแล้วเจอพี่ทั้งหลายบอกว่าไม่แพงหนุก็ไม่ได้แทงย้อนอะไรนี่ค่ะ รับทราบและรับฟังเช่นกัน ที่โผล่มาเมนท์เพราะคิดว่าเดี๋ยวโม่งจะเจอเหมือนกันเลยเตือนก่อนแค่นั้นเอง พี่สาวไม่ต้องหัวร้อนค่า
มีใครอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาวจบเล่ม1ไปแล้วบ้างส่วนกูทดลองอ่านไป 11 บท รู้สึกว่ามันดีจังวะ น่าติดตามกดสั่งไปแล้วด้วย ใครอ่านแล้วจะสปอยล์ก็ได้นะส่วนตัวชอบนักเขียนคนนี้ตั้งแต่รัศกกับพันสารทแล้ว
โม่งมีนิยายวายที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลกที่ไม่ใช่ซอมบี้หรือตัวประหลาดแนะนำไหมอ่ะ อยู่ดีๆก็อยากอ่านแนวนี้ 55555
มาขายเห็ดจ้า กูขายเห็ดน้อยจนเห็ดขึ้นหัวแล้ว เห็ดน้อยขาวๆอวบๆก็ยังไม่มา T=T ใครดองวะไอ้สัส มีนาแล้วเมื่อไหร่จะมีเห็ด กูสาปแช่งจนไม่รู้จะสาปยังไง ถ้าหนังสือออกมาไม่ดีกูจะเผาพริกเผาเห็ดสาปแช่งมันยันชั่วโคตร
>>691 กุเคยอ่านเรื่องนี้ 天灾末世行 แนวภัยพิบัติอะ วันดีคืนดีอุณหภูมิไป 50-60 องศา ผ่านไปสักพักหนาว -50 งี้ มีเจอน้ำท่วมฉับพลัน ไฟไหม้ แผ่นดินไหว มีโรคระบาดตามมา ฯลฯ แต่เน้นบรรยายชีวิตประจำวัน เอาตัวรอดไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรลุ้นระทึกมาก (แต่ก็หดหู่อยู่แหละ) พระเอกตัวเอกรักกันดีเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน ตัวเอกตายแล้วย้อนเวลากลับมาเลยรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า มีมิติเก็บของ ส่วนพระเอก op มาก 5555 ถ้าชอบแนวเส้นเรื่องไปเร็วๆ ไม่น่าเวิค เรื่องนี้แม่งเอื่อยมาก เรื่อยเปื่อยสัสๆ เน้นเผือกเรื่องชาวบ้านเป็นหลัก เช่น อิป้าข้างบ้านตอนนี้เป็นยังไง ลุงแก่ห้องใกล้ๆ เอาตัวรอดยังไง ไรงี้อ่ะมึง แต่กุชอบอยู่นะ นานๆ ทีจะเจอแนววันสิ้นโลกที่เป็นภัยธรรมชาติงี้อะ
สรุปคือเป็นแนววันสิ้นโลก ที่ sol เพราะตัวเอกซู พระเอกเก่งเทพ แต่อยู่กันแบบสงบสุขเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากว่ามีพลังพิเศษ ชีวิตเดลี่ไลฟ์คือปลูกผักทำอาหาร สานสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ไม่ก็ไปเป็นอาสาสมัครช่วยผู้ประสบภัย
มีออนไลน์ แปลอิงค์ แต่เป็นนอร์มอลอะ แนวอัพเกรดบังเกอร์วันสิ้นโลก ทุกอาทิตย์จะเจอภัยพิบัติเรื่อยๆ แบบอาทิตย์แรกเจอน้ำท่วมใหญ่
อาทิตย์ถัดมาเป็นฝนกรด อีกอาทิตย์เป็นหนาวติดลบสามสิบ
อยากอ่านเรื่องที่พระเอกมาแนวอีเหยียนอะ เบื่อแล้วพระเอกเย็นชา พระเอกโกลเด้น พระเอกพูดน้อยแต่อบอุ่นนะ อยากอ่านพระเอกกวนตีน นายเอกแบบพี่เจียงกูก็ชอบ นายเอกที่เป็นผัวกูแม้จะเป็นเมียอีเหยียน มีอีกมั้ยพระ-นายแนวนี้ กูเบื่อสายน้อง TT
มีใครอ่าน color rush ไหม อยากได้รีวิวแบบจริงใจ
กุอ่านสวนสัตว์แล้วเจอประโยคแปลกๆ อ่านแล้วใจความขัดๆชอบกลๆ ต้องวนมาคิด หลายจุดเลย แต่ไม่มีใครดราม่างานแปลเรื่องนี้เลยเหรอวะ
แต่ใดๆอ่านมา 3 เล่ม กุว่าสวนสัตว์ตรงเทสกุมากกว่าขุนนาง คนเขียนเก่งตรงเขียนความไม่มีอะไรให้มันมีอะไรได้เนี่ยแหละ แต่ในขณะเดียวกันถ้าธีมเรื่องไม่ตรงสเปคเราก็คือจบว่ะ คนเขียนเหมือนมีซัมติงกะวัดและแพนด้านะ
มีใครได้อ่านเรื่องที่ออกกับสนพ.นาฬิกาทรายรอบนี้มั่ง อยากรู้ว่าเรื่องไหนน่าสอยมั่ง เห็นมีหลายเรื่องหลายแนวเปย์หมดไม่ไหว
มังกรไร้แขนงานอาร์ทดีจังว่ะ เพราะไม่ต้องเสียค่าแปลหรอว่ะเลยเอาเงินทุ่มงานอาร์ทได้ สวยจนอิจ งานดีกว่าฮัสกี้ปกบัตรปชช.อีก จิบิก็น่ารักมาเป็นคู่ตุนาหงัน แอบเสียดายฮัสกี้เลยลายเส้นปกสวยอยู่ แต่เจอบรีฟประหยัดงบ 555
โม่งรอเห็ดน้อยมึงอยู่ไหนนนน เห็ดมาแล้วววว 😭😭
สำหรับLCมาหลายเรื่องกุไม่แปลกใจนะ ในจจ.แม่งขึ้นชื่อกุหลาบLCไปโคตรเยอะ
กฎรักพันธะเลือดเป็นไงบ้าง มีใครรีวิวให้ได้บ้าง กุเข้าแท็กเจอแต่หวีดปกสวย ของแถมสวย กระดาษสวย อยากรู้เนื้อเรื่องอะ เดี๋ยวนี้สายสะสมเยอะกว่าสายอ่านสินะ
>>725 สนุกเกินคาดสำหรับกูนะ อาจเพราะกูชอบอะไรแบบนี้ด้วย คือนายเอกก็แรง พระเอกก็แรง อ่านแล้วมันสูสีกันดี แล้วเรื่องก็ค่อนข้างเครียดและมี TW พอสมควร (มีฉากฆ่าตัวตาย) คือเรื่องมันเข้มข้นกว่าที่กูคิดเพราะตอนแรกนึกว่าแนวเบาๆ ทำพันธะสัญญากันแล้วจบไป แต่คือมีเขียนละเอียดเลยว่าฝ่ายที่ไม่ยินยอมรู้สึกยังไง ฝ่ายที่ต้องปรับตัวรู้สึกยังไง ลงความรู้สึกดีมาก อ่านแล้วอิน ฉากบู๊สนุก เนื้อเรื่องมีปมให้ติดตาม อ่านจบแล้วอยากอ่านเล่มต่อมาก เล่มสองอยู่ไหนน กำลังค้างเลยพลีสสส
ตามหานิยายแปลจีน ช่วยหน่อยดิ จำดีเทลไม่ค่อยได้เลยไม่รู้จะเสิร์ชยังไง เรื่องประมาณนอ.น่าจะเป็นทายาทเทพเกษตรหรือซัมติงฟื้นขึ้นมาบนต้นไม้(?) มีนกมาบอกต้องปลูกผักอะไรประมาณนี้อ่ะ มีมิติพิเศษปลูกผักอร่อย จำไม่ค่อยได้ ในคำโปรยบอกเก็บไข่ได้ ซึ่งเหมือนจะเป็นพอ.มั้ง แต่ตอนกูอ่านยังอ่านไม่ถึง เลยงงๆ เพราะพอ.ปรากฎตัวตั้งแต่แรกๆ เป็นเพื่อนบ้าน นอ.ทำกับข้าวให้กิน เลยไม่รู้ว่าไปทำท่าไหนกลายเป็นไข่ ประมาณนี้ มีฉากเอาแตงกวาไปขายในโรงเรียน ซึ่งแตงกวาในโลกนี้ถูกเคลมว่าไม่อร่อย แต่ของนอ.อร่อยขายดี มีดาราเอามาพอกหน้า หน้าก็ดีเลยแมส ใครผ่านมาช่วยบอกบุญหน่อย พอดีกูอ่านคำโปรย i love farming แล้วเกิดนึกถึงเรื่องนี้แต่ดันจำชื่อไม่ได้ ค้างคาชิบหาย
กูไปส่องแอคคนที่ทวีตละสรุปอ่านแค่ตอนแรกตามแปลเถื่อนคงเลยคิดว่างั้น จากตอนที่น้องเห็ดคิดไม่ออกว่าตัวเองเป็นสัตว์หรือเป็นพืชอะ มีการแนะนำเพื่อนต่อว่าใจฟูมาก กูละกุมขมับ
แต่อาร์ตผิดหวังหน่อย แต่กูต้องซื้อละวะT_T ขอบคุณคนที่แนะนำอิ้งด้วยนะตอนนั้น เห็นว่าตอนนี้ติดท็อปขายดีด้วย
เห็ดน้อย ถ้าฉากในเรื่องตามปกไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ กูจำได้เลือนรางว่าถ้ำน้องอยู่ถัดจากป่าอันตรายสักอย่างเลยคิดภาพเป็นพวกถ้ำป่าดิบชื้นไรงั้น แต่ทำไมปกเป็นที่ราบวะ หรือกูจำผิด
กุกะจะผ่านเห็ดเพราะโปรยมาแนวนุ่มฟู มุแง้ นี่แหละ พอมึงบอกมืดมนจนหยดสุดท้าย กุคือมา! จดลงลิส!
กฎรักพันธะเลือดกุยังดองอยู่เลย แต่กุหวังความนอนคอนนี่แหละเลยกดมา แสดงว่าไม่ผิดหวัง จบเล่มค้างชิมิ งั้นกุดองต่อไป สามเล่มจบหรือเปล่านะ แต่ค่ายนี่ไม่น่าจะดองกุนานนะ
>>736 ดิสโทเปียอ่ะเพื่อนโม่ง เรื่องย่อมันแค่เห็ดน้อยสปอร์หายไปตามเอาจากพันเอก แต่มันไม่นุ่มฟู
.
.
สปอยล์บางส่วนนะ
พื้นเรื่องคือวันสิ้นโลกที่สุด ๆ อ่ะ พันเอกคือถูกฝึกมาให้มองออกว่าใครติดเชื้อและมีโอกาสกลายพันธุ์และให้ลงมือฆ่าได้เลย เป็นที่รังเกียจของทุกคนเพราะหลายครั้งที่ฆ่าคนถูกฆ่าดูปกติ เห็ดน้อยถูกพันเอกหมายหัว พันเอกรู้สึกว่าเห็ดน้อยไม่ปกติแต่ก็มองไม่ออก มีการกลายพันธุ์และสังหารหมู่ในฐาน มีฐานที่มั่นถูกทำลายต้องอพยพ มีออกไปข้างนอกเจอการรวมกลุ่มของผู้รอดชีวิตที่สุดท้ายแล้วไม่รอด บรรยายได้หดหู่มากอยู่ สรุปคือสายนุ่มฟูแบบเราอ่านละปวดใจน้ำตาไหลเป็นปี๊บ ได้เว้นวรรคแค่ช่วงแรก ๆ ในฐานเอง ละใกล้จบยิ่งพีค บ้าบอ QAQ
กูดูทรงแล้วคนน่าจะโดนหลอกจากประโยค น้องไปตามหาสปอร์ตัวเองจากพระเอกสุดละ555555 ต้องมีเรื่องป่วงๆน้องเข้าใจผิดน่ารักจังอะไรแบบนี้
กูบนไว้ก็ต้องไปแก้บนละเพื่อนโม่ง กูขอโทษที่จะสาปด้วยพริกด้วยเห็ด
โม่งไหนบอกประกาศLCประมาณเดือนมีนา มึงนาตาชาใช่ไหมบอกมา
อี้เหรินเป่ยเรื่องไหนดราม่าน้อยสุด ตอนนี้กุมีม้า ลู่เหริน ฤาบุรุษ เรียงจากดราม่าน้อยไปมากให้หน่อย ผัวเหี้ยน้อยไปผัวเหี้ยมาก
>>743 คหสต.
ความเป็นสัตว์เลื้อยคลานของพอ. ม้า > ฤา > ลู่
ความดราม่า (ตามนิสัยนอ.เป็นหลัก สำหรับกูถ้ามันปลงได้ก็จะไม่ค่อยม่า) ม้า > ฤา > ลู่
(โปรดสังเกตว่าลู่อยู่ห่าง เพราะม้ากับฤากูว่าใกล้เคียงกัน ลู่เบาสุด)
รวมๆกูว่าฤากำลังดี ส่วนม้ามันม่าแบบที่กูอ่านไปยกมือลูบหน้าไป อิห่าน่าด่าทั้งผัวทั้งเมีย
เอ้า กูเคาะ space bar ให้ลู่อยู่ห่างเป็นโยชน์ กดส่งแล้วเสือกไม่ห่าง
มีม้าไว้ประดับชั้นหนังสือของโม่งผู้ไม่อ่านดราม่า อีกสองเลยไม่มี พยัคฆ์ก้ออี้เหรินเป่ยป่ะนะ?
ศัสตราอสูร ตอนเล่มแรกกุก็นึกว่าแนวชีวิตบัดซบ ไล่สู้กันตามแก้แค้นอะไรแบบนี้ อ่านไปอ่านมากลายเป็นแนวผจญภัยธรรมชาติ สร้างบ้านแปงเมือง สงครามชนเผ่าเฉยเลย ซึ่งก็ดี กุชอบแนวๆนี้อยู่ แต่หาไม่ค่อยได้ ให้อารมณ์ยุคชนเผ่าชาวป่าแบบไม่มุ้งมิ้ง เลี้ยงสามียุคหินมันมุ้งมิ้งไปหน่อย ส่วนbannish ของอี้ กุว่าคงไม่มีใครเอามาแล้วมั้ง ยาวแถมยังมีช่วงที่เนื้อเรื่องดูออกทะเลผิดฟีลไปช่วงนึงใหญ่ๆด้วย
พระเอกนี่คาร์พลิกสามตลบ จากโกลเด้น ไปเป็นแมวเจ้าเล่ห์มีบาดแผลนี่กุเข้าใจ แต่ตอนแรกนึกว่าจะยังเหลือความใจอ่อนให้คนใกล้ตัวให้เค้าตัดสินใจตรงไปตรงมาบ้างนี่แม่งเปล่าเลย ลังเลแป๊บเดียวก็ตัดใจหลอกต้อนนายเอกทำเมียปั๊บ อารมณ์เหมือนเฒ่าหัวงูล่อลวงเด็กชอบกล แต่กุไม่ทริกเกอร์อะไรนะ ยังไงนายเอกมันก็โตแล้ว แค่มันโตมาแบบไม่ประสาเฉยๆ
งานหนังสือรอบนี้มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษบ้างไหมเพื่อนโม่ง แชร์ชอปปิ้งลิสกูหน่อย ปล.กูสายวายแปล
มีใครดำน้ำโอตาคุมาจบบ้างแล้วปะ มันเอื่อยแบบนี้ตลอดเจ็ดเล่มเลยไหมวะ กูอ่านวางอ่านวาง ไม่มีอะไรพีคเลย สโลว์ไลฟ์เกิน
ขอถามหน่อย งนสปกติวันไหนคนน้อยบ้างอ่ะ อยากไปแต่ก็กลัวติด;-; จันทร์-ศุกร์ตอนกลางวัน ปกติวันไหนน้อยสุด หรือพอๆกัน
อ่านจอมมารก็อยากรู้ ทำไมกูรู้สึกพล็อตเหมือนอยากยัดอะไรก็ยัดวะ 😂 จับๆวางๆมาสามสี่วันแล้ว
>>755 เออ เป็นการตบตีกันของมุมมอง แนวคิด และสันดานดิบของคาร์ จบแบบขนๆปนหวาน ทิ้งฟีลขุ่นๆในอารมณ์สไตล์พีต้า
กุล่ะชอบน้องฉางอัน ยิ่งอ่านยิ่งแมน เท่ห์สมเป็นนายเอกพีต้า แต่น่าเอ็นดูจนอยากเอามาฟัด กุละชอบความเหมือนถูกหลอกแต่งงานแล้วยังไปหาของมาหมั้นเค้าอย่างเปิดเผยตามธรรมเนียมอีก 😂
แต่กุอึดอัดช่วงที่ปิดบังกันไปมาตอนเล่ม 3 มากๆ นี่อ่านจนจบก็ยังไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ ว่าน้องจะปิดพี่อี๋ไปทำไม คือ กุว่าถ้าไม่ปิดหวาอี๋น่าจะมีข้อมูลไว้วางแผนได้ดีกว่านี้ คือเห็นเหตุผลตามเนื้อเรื่องได้บ้าง แต่รู้สึกมันไม่สุดง่ะ
>>762 กุอ่านจนเริ่มลืมๆและ จำได้ว่ามันก็ยังอยู่บนโครงเรื่องหลัก คืออีตาจอมมารตื่นรู้บนเส้นทางชีวิตอยู่นี่หว่า โดยรวมจุดหลักตรงนี้ยังน่าสนใจสำหรับกุอยู่นะ
มึง กูอ่านหมวกเขียวแล้วงงๆว่ะ พิวริตันคืออะไรวะ โลกหนึ่งมันเซ็ทติ้งอะไรกันแน่ กูรู้แค่ว่าผช.แต่งงานด้วยกันไม่ใช่เรื่องแปลกในโลกนี้แค่นั้น หรือกูอ่านข้ามไปเองวะ
ปกฟ้ามีชิงช้าสวรรค์ไลน์อัพของ ซบ นี่เห็นคนลุ้นเอิร์ธอิสออนไลน์ เรื่องนี้มันมีชิงช้าสวรรค์เหรอ?
กุไม่ใช่ฟุ แต่ช่วงนี้หันมาอ่านแฟนตาซี BL เพราะพล็อตน่าสนใจ แต่กุมีปัญหากับคำว่าผัวๆ เมียๆ มาก มันต้องกำหนดตำแหน่งบนเตียงกันขนาดนั้นเลยเหรอ บนผัวล่างเมีย
บางเรื่องอย่างเรื่องตัวร้ายอย่างข้ากุก็ว่ามันสลับโพได้ ผลัดๆ กันไปงี้ แต่คนเขียนไม่สลับ กุเลยนึกสงสัยว่าคนอ่านอย่างพวกมึงซีเรียสกับโพขนาดนั้นจริงมั้ย
กุเดาว่าอาจมีกลุ่มเล็กๆ ที่ซีเรียสเรื่องการสลับโพ คนเขียนเลยไม่ให้สลับเพื่อลดปัญหาขัดแย้งไรงี้ หรือกุเดาผิด? คนอ่านส่วนใหญ่ซีเรียสกันจริงๆ??
>>774 สาววายสายเอเชียซีเรียสนะ ยกพวกตีกันเพราะชิปคนละโพเป็นเรื่องปกติ คนที่รับสลับได้ก็จะเป็นอีกทาร์เกตกรุ๊ปนึง ถ้าพลิกเป็นปลาปิ้งต้องเป็นสาย mm ที่รากวัฒนธรรมเบี่ยงมาจากgaylit ถือว่าชxช พื้นชทั้งคู่ มีดุ้นมีนิสัยช. จะผลัดกันเสียบเพื่อความเท่าเทียมมันก็เรื่องปกติ แต่ตอนหลังที่วายเอเชียแพร่ไปกุก็เห็นสายตต.นิยมฟิกโพกันมากขึ้นนะ
กูไม่ค่อยชอบวายไทยหลายเรื่องเพราะย้ำแต่คำว่าผัวๆ เมียๆ นี่แหละ ไม่ได้กะให้สลับโพหรืออะไรนะ แต่เหมือนหมกมุ่นกับคำนี้มาก เหมือนกลัวคนอ่านไม่รู้โพ
+กูไม่ได้หวังสลับโพ แต่แม่งเน้นผัวๆเมียๆอยู่ได้ อย่างนิยายจีนกูยังเห็นใช้คำว่าสามีสามีไรงี้อยู่เลย ทำไมนักเขียนคนไทยเหยียดเก่งจังวะ อยากแต่งชช.แต่แม่งเหมือนแค่ผู้หญิงมีกล้วย ไม่แปลกใจทำไมนักเขียนไทยหลายตัวเอางานชญที่ตัวเองเคยเขียนลักไก่มาเปลี่ยนชื่อให้เป็นชชง่อยๆก็ดัง
>>757 โม่งอสูร เลาคือโม่งอ่อนไหวนะ พอดีเสี่ยงโควิดถูกสั่งหยุดงานเลยอ่านจบแล้วสามเล่มรวดเลย เพื่อนโม่ง เลาร้องไห้ตอนแรกที่น้อนฉางอันหอบผ้าขึ้นไปนอนหลังคา ละก้อร้องอีกทีตอนพิเศษสอง ระหว่างทางเฉยมากกกกก
คนตายเป็นเบือจิง แต่มันแบบ อืม ก็คงประมาณนี้ ยิ่งอิลต. ตายคือ ส ม ค ว ร แอบคิดตั้งแต่แรก ๆ ว่าน้อนฉางอันไม่ควรเล้ยยยย
เศร้าใจพ่อแม่หยวนเหอมากเลย
กับชอบตอนสงครามมากแบบ บรรยายดีมากกกกก เหมือนได้ตามติดไปดูด้วยเลย ฮือออ คนเขียนเก่งก็คือเขียนเก่งงงง
เรื่องฟิกซ์โพนี่คัลเจอร์เอเชียจริงๆ ฝรั่งก็มีฟิกซ์โพบ้างแต่น้อยอะ มีเอเชียนี่แหละชอบฟิกซ์โพ ไม่ชอบสลับ กูก็คนนึง 5555555 แต่กูไม่ชอบการเรียกกันผัวๆเมียๆเหมือนกัน ไม่ชอบทั้งคำว่าผัวเมียและการทรีตฝ่ายรับ=ภรรยา ไม่ใช่แค่วายไทยหรอก วายจีนก็เห็นเรียกฝ่ายรับว่าภรรยากันทั้งนั้น
ถ้าคู่ชิปกูจะไม่สับโพ เพราะส่วนใหญ่สับทีเสะกูก็กลายเป็นตะเล็กตะน้อยทันทีกูรับไม่ไหว กูชอบเสะผัว เคะผัว
แต่ถ้างานเขียนออริมึงสับไปเถอะ กูอร่อย สับกันวันเว้นวันกูชอบ แต่แม่งไม่ค่อยมีให้กูอ่านจนต้องดั้นด้นไปอ่านmmอยู่ดี
>>788 มันไม่ใช่คนเขียนไร้ฝีมือ มันแค่สาววายฝั่งเอเชียยังติดการวางนายเอกใส่แทนโรลผญ. แบบเบสิคก็เหมือนที่มึงเห็นออกมาในลักษณะนางเอกมีดุ้น หรือมังงะวายญป.ที่แค่มองหน้าปกก็บอกโพได้เลย ตะเรกตะน้อย งามหยดย้อย บรรยายงามกว่าผญ.อะไรแบบนั้น คนเขียนก็เขียนตามรสนิยมตัวเองกะคนอ่านส่วนใหญ่ (อย่างที่ข้างบนบอกนิยายนอร์มอลนางเอกน่ารำคาญชิบเอามาเปลี่ยนแค่เพศไม่เปลี่ยนอย่างอื่นเลยยังขายได้ มึงคิดว่ายังไงล่ะ คนเขียนก็ไม่อ่านวายด้วยนะเอามาแปลงหวังตลาดเฉยๆ)
เอาจริงๆมันก็รสนิยม ไม่ใช่ความผิดที่ชอบแบบนั้น พอๆกับที่นายเอกเป็นสาวสองไปเลย แต่ขอโทษมันไม่ตรงเทสกุ กุเลยช่วงชอบนายเอกสาวน้อยมาไกลมากแล้ว ทุกวันนี้เจอคาร์แบบนั้นจะรำมากจนต้องวาง ตอนนี้กุอ่านวายเพราะต้องการชายนิสัยชายรักกัน แม้กูจะฟิกโพอยู่แต่กุก็โอเคกับการสลับถ้าเคมีในเรื่องมันให้ ยังดีตอนนี้มีให้เลือกอ่านครบทุกแบบ ไทยหายากก็ไปหางานต่างประเทศอ่านเอาได้
>>790 บวกโม่งนี้ ส่วนมากหลายคนติดภาพจำว่ารับ=ต้องน่ารักนุ่มๆตัวเร้ก รับบทของผู้หญิง
ซึ่งโท่งบนพูดไว้หมดล่ะ แต่กุไม่ชอบบางคนที่ทำตัวประมาณว่าการที่ตัวเองไม่แดกรับสาว รับนุ่มนิ่มคือการตื่นรู้(สไตล์ทวิตเตี้ยน) คนที่ชอบมึงมันยังจมปลัก ชายเป็นใหฯ่ นู่นนี่ ซึ่งกุมองว่าตรงนี้เป็นรสนิยมมากกว่าป่ะวะ จะเอามาทับกันเพื่อ 5555
กูขอนอกเรื่องนิดนึง ไหนๆก็เข้าเรื่องนี้กันละ พูดถึงเรื่องสลับโพแล้วกูก็แบบ เรื่องนี้คือสาววายหาเถียงกันมาตลอดเลยนะ ทั้งที่ชีวิตจริงๆแล้วคู่เกย์เขาไม่ได้เอามาเป็นบรรทัดฐานในการเลือกคบกันเลยสักนิด ไอ้เรื่องที่สาววายบางคนซีเรียสกันเรื่องนี้กูไม่ติดหรอก เพราะรสนิยมใครก็รสนิยมมัน แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นว่ารับก็คือรับ รุกก็คือรุก ห้ามสลับ ห้ามโน่นนี่นั่นเลย ส่วนมากชอบติดภาพจำกันว่ารับต้องงั้น รุกต้องงี้กันไปเองมากกว่า
>>794 เออ คือกุเข้าใจที่ >>793 พูดนะ แต่มึงก็เหมารวมเกินไปนิด ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่ฟิกโพ
ส่วนตัวกุสลับโพได้ แต่บางคู่ชิปก็ฟิกโพ คือมึงต้องเข้าใจก่อนว่านั่นเป็นรสนิยมในการชิปของกุ ในชีวิตจริงกุเข้าใจเรื่องการฟิกไม่ฟิกโพของคนในชีวิตจริง
กุอ่ะโอเคกับทั้งสองฝั่งงที่ฟิกหรือแดก สลับแต่บางคนแม่งก็ทำตัวเหมือนคนที่สลับโพมันเหนือกว่าชาวบ้านเฉย
>>795 เออจริงๆมันก็แค่นี้อะ แค่ทำความเข้าใจว่าสังคมมันมีคนหลากหลาย มีทั้งคนฟิกโพไม่ฟิกโพ ทั้งในชีวิตจริงและในการอ่านนิยาย แล้วก็เคารพความแตกต่างของกันและกัน แค่นี้เอง ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่ฟิก เสพรีบะได้ ก็เที่ยวไปเบะปากใส่คนที่ฟิก ยกตนว่าเลิศเลอกว่า แบบนี้อะแปลก
ขอแหวกประเด็น สหายโม่งช่วยแนะนำนิยายแฟนตาซี วันสิ้นโลก อาร์ค ฯลฯ เมะสวยเมะน้องแต่นิสัยไม่ต้องออกสาวก็ได้ให้หน่อย ช่วงนี้หาเสพยากมาก
ในที่สุดก็มาแล้วฆ่าหมกป่า นิยายรายปี
วางแผงงานหนังสือเลย สะดวกดีไม่ต้องพรีด้วย แต่ถ้าทำทันวางงานนส. ทำไมไม่ทำพรีหรือออกเล่มก่อนหน้านี้ว่ะ กุจะได้สั่งพร้อมสวรรค์4 ไม่ต้องมาเสียค่าส่งซ้ำซ้อน ทั้งที่นส.ออกช่วงเดียวกันเนี้ย
กุกลัวการจัดคิวงนสที่สุดแล้วเห็นแถวงานซีคิวละคนบ่นเยอะไม่มีระเบียบจัดการแย่ รอดูวันแรกๆถ้าคนล้นระบบเข้างานแย่คงได้เปลี่ยนไปซื้อออนไลแทน
กุมาหมวดนี้ถูกไหมวะ หรือต้องไปNetwatch
นักเขียนที่เขียนนกทรเขาเป็นไรอ่ะ มีใครไปด่าอะไรเขาเหรอ เห็นว่าซึมเศร้าตั้งแต่เรื่องก่อนจนหยุดอัพ
งานนส.เล็งอะไรไว้กันบ้างวะ กูสามารถดูรวมรายการหนังสือออกใหม่ของทุกสนพ.ได้ที่ไหนมั่ง
Ky เพื่อนโม่งช่วยแนะนำวายแนวแฟนตาซีลงดันตีม่อน ปราบจอมมาร หรืออาร์คสนุกๆเนื้อเรื่องแปลกๆให้กูที ช่วงนี้กูเล่มเอียดจีนโบราณละ จะเป็นนิยายแปลหรือไทยแต่งกูได้หมด
>>810 ยุคนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว ส่วนตัวกูรอได้นะเพราะกูก็เป็นคนยุคก่อน 555555 แต่ยุคนี้อะไรๆมันก็ต้องเร็ว คนสมัยนี้เลยความอดทนน้อยลงอะ นิยายเว็บลงตอนใหม่กันทุกสัปดาห์ บางเรื่องมีตอนใหม่วันเว้นวัน นิยายแปลเองก็หันมารีบทำเวลา ออกเล่มใหม่กันแบบทิ้งห่างกันไม่กี่เดือน นิยายที่กว่าจะมีเล่มใหม่มาต้องรอเป็นปีมันเลยถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ
ทางเลือกเยอะ เมิงไม่ออกสักทีก็ไปอ่านเรื่องอื่นแทน ไม่เหมือนสมัยก่อน นิยายมีแทบนับนิ้วได้ เดี๋ยวนี้จะนับจำนวนสนพ ยังนับไม่ถูกเลย
เคยอ่านที่คนเทียบม่านฮวาเกาหลี/จีนกับ มังงะญป ทำไมของเกาออกได้ทุกอาทิตย์แถมได้รูปสี ของญปนี่เข็นแล้วเข็นอีกบางเรื่องก็ดองลากยาวรายเดือนไปรายปี
กุว่าส่วนนึงน่าจะชินกับนิยายออนไลน์ที่ปกติจะลงอาทิตย์ละตอน(โดยเฉพาะนข.หน้าใหม่ที่ต้องการยอดเยอะๆ) กับอย่างโม่งบนบอกคือมีทางเลือกเยอะ รอจนลืมไปอ่านอีกเรื่องงี้ ระหว่างรอไปอ่านเรื่องอื่นปุ๊ปเท แถมราคาก็แรงกันใช่ย่อย จะให้ตามที5-6เรื่องกระเป๋าก็แห้ง บางคนเลยต้องตัดเรื่องที่จะตามออก สรุปตัดเรื่องที่ออกช้ากว่าออก
แต่ส่วนตัวกุเฉยๆว่ะ อ่านพวกไลท์โนเวลแล้วมีสิทธิโดนลอยแพกลางทางน่ากลัวกว่า 55555555
เอาจริงๆสมัยก่อนก็ไม่ใช่ว่าอยากรอแบบปีละเล่มนะ แต่ไม่มีทางเลือกไง 555
แต่เด็กสมัยนี้ใจร้อน+ออกสื่อง่าย หยิบมือถือกดพิมพ์ๆด่าๆกดโพสท์อีกรอบก็ลอยไปถึงสนพ.แล้ว เลยดูว่าทานไม่ได้มั้ง เอาจริงถ้าสนพกับเรืีองมันแข็งพอ จะออกรายปีบ่นยังไงก็ยังขายได้อยู่
แต่ถ้าเนื้อหาไม่แข็งพอ ออกช้านิดนี่แม่งโดนกลืนหายจริงๆ คือหนังสือเยอะมากเดี๋ยวนี้ สมัยก่อนกดทุกเล่ม มีปีละไม่กี่เล่ม ซื้ออ่านซ้ำๆได้หลายรอบ ทุกวันนี้อ่านครั้งเดียวแค่เรื่องที่คัดมาแล้วยังล้างกองดองจะไม่ทันแล้วเลย จนแทบจะอ่านรอบเดียวปล่อยไม่เสียดายแล้วเพราะรู้สึกว่ายังไงก็ต้องมีใหม่กว่า ว๊าวกว่ามาเรื่อยๆอ่ะ
พวกมึง มัธยมซานไห่ กับ วัตถุโบราณลงเขา นี่ น่าสอยมั้ยวะมึง ขอรีวิวหรือความเห็นคนอ่านตัวอย่างหรือเคยดำน้ำแล้วประกอบการตัดสินใจหน่อย
>>817 อ่านแค่ตัวอย่างที่ลงไว้ ไม่รู้ต่อไปจะยังไงแต่สายแฟนตาซี ขายขำ น่าจะชอบ
มธย. นี่เซตติ้งปิศาจและคนอยู่ร่วมกัน มีองค์กรต่าง ๆ ดูแลฟิลแฮร์รี่ นอ. ย้ายมาใหม่ พอ. นึกว่านอ. เป็นปิศาจต้นไม้เพราะบังเอิญเจอบัตรประจำตัวใบนึงตกอยู่ เลยพยายามดูแลแบบตลก ๆ ละผ่านไป 10 ตอนฮีถึงได้รู้ว่าบัตรนั่นเป็นของคนอื่น พอ. คือจินตนาการสูงส่งมาเองตลอดสิบตอน ขำมาก ตอนนี้อยากรู้ว่านอ. ที่องค์กรยังเข้าใจว่าเป็นมะนุด ฮีเป็นอะไรกันแน่
ไอเทมลงเขานั่น ปิศาจน้อยเข้าร่างคนอื่น แต่เหมือนน้องมีชีวิตอยู่แต่บนเขาที่แบบล้าหลังไปเปนร้อย ๆๆๆ ปี อ่านแล้วแอบเอาใจช่วยให้น้องเรียนรู้โลกมะนุดปจบ. ส่วนพอ... ถูกน้องง่ำแขนไปตั้งแต่เจอกัน พอ. ดูเอ็นดูน้องมากนะ ลุ้นเลยว่าหลายเล่มจะแผ่วไหม
นิยายบางเรื่องจะ 3 ปีแล้ว นอกจากปกกับจำนวนเล่ม(3 เล่มจบ) ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย รอจนลืมไป 4 รอบแล้วครับ
อ่านกฎรักพันธะเลือดจบแล้ว
ไม่รู้จะรีวิวยังไงดี กุสปอยเล่ม 1 เลยแล้วกัน ถูกใจก็ไปตามกันนะ โดยส่วนตัวกุว่าสนุก แนะนำแหละ แต่ทริกเกอร์เยอะ แนะนำสำหรับคนชอบ abo แบบดั้งเดิม
.
.
.
.
.
เซตติ้งเป็นดวงดาวผสม abo แบบปรับแต่งแล้ว ดาวเทียนซู่เป็นดาวที่ไม่มีการเกิดและการสืบพันธ์ ใช้ระบบวิญญาณเวียนว่าย ตายแล้วสร้างร่างใหม่แล้วตื่นเลย พอตื่นก็จะถูกสุ่มส่งไปวิทยาลัย ซึ่งจะได้รับการปกป้องอย่างดีและจะไม่รู้อะไรเลยก่อนเวลาอันควรรู้ คู่เอกเป็นหัวกะทิของรุ่นที่ฝีมือสูสีแข่งกันมาตลอด กัดกันมาแบบฟีลนารุโตะ ในเรื่องเริ่มที่ชั้นปีที่สิบ ซึ่งเป็นระยะที่มีการตื่นตัวทางเพศและจะต้องเริ่มหาคู่ ซึ่งการจับคู่นี้ก็คือระบบพันธะเลือดที่จะสร้างนายและทาสพันธะขึ้นมา อารมณ์omgvดั้งเดิมเลย คือนายพันธะควบคุมได้ทุกอย่างตั้งแต่ร่างกายจิตใจ ไปจนกระทั่งสิทธิทางกฎหมาย ทางมหาลัยก็อธิบายระบบหาคู่ให้นักเรียนซะสวยงาม นักเรียนก็เริ่มจับคู่ไปลงทะเบียนเตรียมจับคู่ที่เรียกว่าพิธีบรรลุนิติภาวะกันโดยไม่ได้รู้เลยว่าสัญชาตญาณของเผ่าพันธ์ที่รร.ไม่ได้บอกกำลังจะพาความฉิบหายมาให้
เพื่อนซี้นายเอกเอกซึ่งรักกันมาสามปี จนตกลงปลงใจกันแล้วว่าใครจะเป็นนาย ใครจะเป็นทาส ก็จับมือเข้าพิธีกันไป ปรากฎว่าสัญชาตญาณแม่งไม่ยอม ความจริงที่รร.ไม่บอกคือเวลาที่จะทำพันธะมันจะต้องกัดที่หน้าอกเอาเลือดหัวใจเพื่อสร้างพันธะ ตอนนั้นคือโดยสัญชาตญาณของชาวเทียนซู่มันควบคุมไม่ได้ คู่รักจะบ้าคลั่งและต้องสู้กันแบบไร้สติเพื่อแย่งกันเป็นนาย ผลคือผิงจงที่เป็นคนใจเย็นและตกลงว่าจะเป็นทาสดันชนะ ด้วยสัญชาตญาณและนิสัยของหลันเฉิงเพื่อนอีกคน บวกกับความบัดซบของระบบฮอร์โมนตามธรรมชาติที่เซตไว้ หลันเฉิงคือรับไม่ได้ที่ตัวเองกลายเป็นทาสพันธะจนเป็นบ้าไปโดดตึกตั้งใจตาย ตัวผิงจงคือรักคนรักมากจนใช้อำนาจนายพันธะไปควบคุมคนรักตัวเองไม่ได้ สุดท้ายเลยใช้ความสามารถอันหนึ่งของนายพันธะตายแทนหลันเฉิงไป
ความบัดซบยังไม่หยุดเพราะการเติบโตของชาวเทียนซู่นี่จะแบ่งเป็นระยะ จากเยาวว์วัยพอจับคู่สร้างพันธะแล้วถึงจะเข้าระยะเติบโตอีกที ซึ่งถ้าคู่ตายระยะนี่มันจะหยุดพัฒนาโดยสมบูรณ์ จากนั้นระบบฮอร์โมนที่ผูกนายพันธะกับทาสจะเล่นงานจิตใจอย่างหนัก ทาสพันธะคืออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย ก็จะถูกเอาไปรักษาในศูนย์ควบคุมโรค(จิตเภท) และเพราะพันธะมันยกเลิกไม่ได้ ไม่มีทางยกเลิก ผลก็คือจะโดนอารมณ์เล่นงานทั้งวันทั้งคืนจนกว่าจะตาย จากเหตุการณ์นี้นร.ก็ช๊อคเลื่อนการจับคู่ออกไปหลายคน
นายเอกกับพระเอกเองก็เข้าสู่ระยะตื่นตัวแล้ว แต่นายเอกคือคาร์ใสๆดื้อๆ ตื่นตัวแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว พอรู้สึกตัวก็ไม่ไปปรึกษาหมอ ไปแอบฟังครึ่งๆกลางๆว่าถ้าเข้าสู่ระยะแล้วจะไม่ได้ออกไปฝึกภาคสนาม หลิงเซียวนายเอกคืออยากไปฝึกมาก เลยแอบปิดบังไม่บอกหมอเพื่อจะได้ไปฝึก ในระหว่างการฝึกก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ดันไปเจอสัตว์ร้ายในตำนานเข้า ถ้ำถล่มจนทางออกไม่มี ตอนนั้นคือพระเอกอิ๋งเฟิงโยนนายเอกออกไปกะสู้แบบยอมตายกับสัตว์ประหลาดแล้ว แต่ตัวนายเอกมียาโดปที่อยู่ในขั้นตอนการวิจัยซึ่งแอบไปลักออกมาจากศูนย์ในช่วงต้นๆเรื่องอยู่ เลยอัดยาโดปเข้าไปเพื่อฆ่าสัตว์ประหลาด แต่ยานี่มันมีผลข้างเคียงให้คลั่งจนเข้าสู่สภาพที่พร้อมเข้าพิธีบรรลุนิติภาวะ รวมกับแผนร้ายของเพื่อนอีกคนที่อยากได้พระเอกอิ๋งเฟิงมาตลอดจนไปเอายาปลุกมาสลับกับยาระงับผสมโรงเข้าไป บวกสภาพสะบักสะบอมจากสัตว์ประหลาดอยู่แล้วสุดท้ายนายเอกแพ้ โดนพระเอกงับอกและจัดกันไปยกนึง (แบบที่แค่หาทางเสียบยังต้องอาศัยสัญชาตบอก มหาลัยเค้าเลี้ยงมาใสแป๋วจริงๆนะ) กลายเป็นคู่พันธะกับแบบ fuck or die
.....ต่อ re ล่าง
ต่อ
.
.
.
.
.
หลังเสร็จพระเอกนั่งปลงโลก เพราะพระเอกมีความหวังว่าจะจับคู่กับคนรักในชาติก่อนและไม่ได้อยากผูกพันธะกับนายเอกเลย แต่หลังจากผูกไปแล้วคือย้อนกลับไม่ได้แล้ว ทั้งคู่ไม่มีใครรับได้ บวกกับผลเล่นงานทางจิตวิทยาของนายและทาสพันธะเล่นเอาสะบักสะบอมมากๆ นายเอกทรมานสัดๆเพราะพระเอกแม่งไม่สนใจ แต่ด้วยอารมณ์ก็คือทดลองใช้กำลังบังคับนายเอกทุกแบบ ตัวนายเอกก็ดื้อเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้รักกัน และนายเอกเป็นคนหยิ่งทระนง ดื้อแบบยอมตายอยู่ด้วยแล้วเลยไปกันใหญ่ ตรงนี้กุอยากตบหัวพระเอกสัดๆ รู้สึกอยากเห็นมันโบ้มาก แต่สุดท้ายก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากันนะ ตอนจบเล่มคือมีแนวโน้มที่ดีแล้วแบบที่ สามารถจัดกัน คืนละ 7 ยกได้น่ะนะ = ="
ที่เล่ามานอกจากนั้นคนเขียนยังผูกปมของระบบพันธะเลือดไว้อีกว่าแต่เดิมโดยพื้นฐานระบบการแต่งงานไม่ใช่แบบนี้ รวมถึงปริศนาขององค์กรที่ต้องการเปลี่ยนแปลงต่อต้านสัญชาตญาณนี้ที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังอีก ซึ่งก็น่าสนใจติดตามต่อว่ามันเกิดอะไรและสาเหตุคืออะไร
ตัวเรื่องเองด้วยความที่ต้องใช้พื้นที่เกริ่นระบบ เลยทำให้เรื่องช่วงแรกเหตุการณ์ดูยัดๆแบบฝืนๆ กับผลกระแทกทางอารมณ์ที่บรรยายแล้วยังสร้างอิมแพคให้กุไม่ค่อยถึงเท่าไหร่ เหมือนมีความพยายามทำให้แรงผ่านการตีตราในบางจุดอ่ะ แต่โดยรวมก็ไม่ขัดจนทำให้เอ๊ะ
งานเล่มปกวิ้งวับดี สวยสัด แต่กุซวยเจอตัวหนังสือหมึกจางเป็นจุดเล็กๆหลายจุด มีจุดหนึ่งจางหายไปทั้งคำ แค่กุเดาได้ว่าคำว่าอะไร พวกมึงรับกันได้ไหมวะ คือหนังสือกุกูเก็บสักพักก็มีปล่อยต่อแน่เพราะชั้นเต็ม ที่จำกัด เรื่องนี้ก็มีอีบุคด้วย กลัวเวลาขายต่อต้องมาแจ้งจุดจางอ่ะ เลยคิดอยู่ว่าควรถามเคลมดีไหม
เพิ่มว่าฟีลอวกาศ ดวงดาว แต่ชื่อจีนทั้งหมดนี่มันให้ฟีลแปลกใหม่พิลึกๆดีนะ = w =
สนพนี้นับถือมากแย่งของซืออู่มาได้เรื่องหนึ่ง ทำเงินเรื่องเดียวของสนพละมั้งตอนนี้ กูก็ยังคงรอคนสื่อวิญญาณ2ต่อไป o[--[
>>821 >>822 ขอบคุณที่มาแชร์รีวิว เรื่องไซไฟจังวะ ซับซ้อนกว่าที่กูคิดเยอะมาก ขนาดเรื่องย่อยังย่อยตามไม่ทัน ปกติชอบนะ แต่สงสัยต้องผ่านก่อน สมองไม่รับเรื่องซับซ้อนเลยกูตอนนี้
เรื่องจุดจางเป็นกูเคลมว่ะ ถ้าจะเก็บคงไม่เคลม แต่ถ้าจะขายชัวร์ก็อย่างที่มึงบอกแหละว่าต้องเสียเวลาแจ้งลูกค้าก่อน นอกจากมึงจะขายถูกกว่าราคาปกมาก ๆ แล้วติดยันต์ไปว่า "สภาพอ่าน ไม่กริบ ขอคนที่รับได้"
>>824-826 เดี๋ยวกุไปนับจุดจางดูอีกทีดีกว่า เผื่อจะรวบรวมไปถามเคลม มันจางไม่ทั้งตัวอ่ะ ไม่ถี่ขนาดทุก 1-2 หน้า แต่สิบจุดอาจจะถึง
เรื่องซับซ้อนก็เพราะเซตติ้งด้วย ที่กุสปอยมาคือเน้นเลิฟไลน์ และไม่ลงคอนฟลิคด้านอารมณ์ จริงๆพวกปมกลุ่มวิจัยใต้ดิน ปริศนาชาติก่อน จุดใบ้ปมเหตุการณ์อื่นๆ ยังมีทิ้งไว้อีกเยอะมาก
>>827
.
.
.
.
.
กูว่าใช่ 99% เรื่องยังไม่เฉลย พระนายเองก็ไม่คิดว่าตัวเองใช่ แต่มีhint เล็กๆในเล่มนี้แล้ว ซึ่งก็ยังไม่ได้บอกอีกเหมือนกันว่าทำไมพระเอกถึงมีของที่บอกใบ้ชิ้นนี้และเชื่อว่ามันคือของคนรักชาติก่อน เพราะปกติเวลาเกิดใหม่มันจะรีเซตหมดเลยทั้งความทรงจำ รูปร่างหน้าตาและบุคลิกอ่ะ
.
.
.
.
.
พี่น้องร่วมสาบานน่าอ่านมั้ยเพื่อนโม่ง
มึง หลังม่านนี่ต่างจากเวอร์ชั่นซีรี่ย์มากมั้ยวะ กูหมายถึงในแง่ของคสพ.ตัวละคร อุปนิสัย กูเหมือนเคยเห็นคนรีวิวแวบๆว่าภัทรมันไปหมั้นกับผญ.หลังจากเลิกกับปราณเพราะครอบครัว เขาเล่าเรื่องนี้เจาะลึกมั้ย คือกูอะดูซีรี่ย์แล้วชอบมากเลยอยากอ่านนิยาย แต่ประเด็นคือตามสไตล์ผกก.ที่เขาเอามาแค่โครงเรื่องแล้วแต่งใหม่ อย่างนิทานพันดาวงี้ ตอนนี้กูสองจิตสองใจ
อาย เมื่อกี้ไปผิดมู้ ก๊อปมาวางมู้ที่ถูกแล้วนะ
ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว รีวิวนางนวลไม่หวนคืนหน่อย
อ่านไปช่วงแรกนี่ฟีล ผีเน่าโลงผุคนเลี้ยงม้าลอยมาเลยว่ะ โรคจิตทั้งพระนาย(จิตในแง่จิตเวชจริงๆเลยนะ) ซาดิสกะมาโซมาเจอกัน แต่อ่านไปนานๆมันจะเบาลง มีครส.ต่อกันแบบมีที่มาที่ไปหน่อย ไม่ขนาดคนเลี้ยงม้าที่อยู่ๆก็พลิกกลับแบบฟีลหักกลางกะทันหัน ใครชอบโทนเรื่องหม่นๆ รับความโรคจิตแบบเลือดสาดได้ มาทางนี้ได้เลย ไปลองตย.กันได้ สำหรับกุโยนขึ้นชั้นได้เพราะอีมด.ไม่มีอีบุค
ชอบที่วางคาร์ตลค.ให้มีมุมที่ไปสุดทั้งสองทาง อย่างตัวแม่นายเอก บทซึ้งคือซึ้งเลยนะ รักลูกมากๆอ่านแล้วน้ำตาจะไหล แต่พอพลิกอีกด้านกลายเป็นแม่งเลวใจดำได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน
เป็นเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่ 1 ได้สนุกดี นายเอกจิกกัดตัวเองเก่ง แสบพอตัว รู้หมดคิดได้แต่ก็ยังทำ ปมค่อยๆคลี่คลายผ่านเหตุการณ์ปัจจุบัน+แฟลชแบคทีละจุดๆ พามึงไปเข้าใจความหิมะขั้วโลกของพระเอกทีละหน่อย
(สปอยแบบไม่สปอย:>ซึ่งจริงๆมันไม่ได้เย็นชาขนาดนั้นนะ มีความโรมานซ์แทรกพอควรเลย เอาจริงๆพระเอกมันลงให้นายเอกมาตลอดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่จากมุมมองนายเอกและความจิตที่ฉาบทับมันทำให้มองไม่เห็นในตอนนั้น บางครั้งการเข้าใจก็เหมือนหมอกพรางตาที่ต้องรอให้ปัจจัยถึงพร้อมถึงจะเห็นได้ชัด ดังนั้นพระเอกก็เริ่ดๆเชิดๆจิตๆไปจนจบฮ่ะ)
จุดน่าสนใจอีกอย่างคือด้วยความอาชีพพระเอกเป็นทนายเลยมีการใส่ความขัดแย้งและความไม่เป็นธรรมของกฎหมายและระบบยุติธรรม เมื่อเทียบกับความรู้สึกของผู้เสียหายเข้าไปด้วย เช่นปมพ่อนายเอกโดนรถทับตายแต่สุดท้ายได้เงินชดเชยแค่สองแสนหยวน จนแม่นายเอกต้องลำบากลำบนเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวเหมือนพ่อตายฟรี หรือมุมมองจนท.ในระบบที่ไปซ้ำเติมผู้เสียหายมากกว่าจะช่วย ก็ถือว่าเป็นนิยายที่มีอะไรมากกว่าแค่เลิฟไลน์เรื่องนึงนะ
ขอแหวกมาถาม นิยายระบบ arc นอกจากพลีชีพกับจอมมารมีเรื่องไหนเด็ดๆอีกบ้าง
ปกตินิยายวายจีนถ้าเค้าประกาศ LC แล้วอีกประมาณกี่เดือนกี่ปีมันถึงจะออกว่ะ เอาแบบกรณีสำนีกพิมพ์ไม่ดอง เฉลี่ยๆ ให้กุหน่อย กุรองานหวายซ่างเล่มอีหานเยว่กับน้องฉู่ฉืออยู่ อยากอ่านใจจะขาเ
แล้วกูก็กดซื้อนางนวลจนได้...o[--[คิดมาทั้งวัน
>>846 อยู่ที่สนพ.เลยอ่ะอันนี้ ขนาดสนพ.เดียวกันแต่คนล่ะเครือยังไม่เหมือนกันเลย อย่างกุหลาบประกาศLCเชิญร่ำสุราแล้ว ตอนนี้เพิ่งเริ่มกระบวนการเองมั้ง ในขณะที่ยามเช้าเครือเดียวกับกุหลาบ ประกาศLCชญ.เรื่องนึง ช่วงเดียวกับเชิญร่ำสุรานี่แหล่ะ ตอนนี้เรื่องนี้มีทดลองอ่านและเตรียมวางขายแล้ว
บางสนพ.ประกาศLCดักแปลเถื่อนแต่กว่าจะปล่อยเล่มคือนานมาก เช่น หย่าฝันไปเถอะ
บางสนพ.ประกาศLCปุ๊บเตรียมพรีออเดอร์เลยก็มี เช่น โคมสะท้อนดอกท้อ
แต่ฉู่ฉือยังไม่ประกาศใช่มั้ยว่าใครได้ไป ถ้าสนพ.ไม่ใหญ่กุว่ารอไม่นานนะ ยิ่งนข.ดังด้วย แต่ถ้าไปอยู่กุหลาบกุว่ารอยาวเลย เอฟเก่งมาก นิยายรอคิวบาน
ถ้าไม่ดีโดนเซเลปสาปส่งแน่ๆ แค่ตอนประกาศLCแม่งก็สาปส่งกันละ ไม่อยากคิด555555555555555เละ
คนแปลเชิญร่ำไม่ใช่คนแปลหมอหญิงเหรอ เขาแปล 12 ชั่วยามด้วย กูเห็นแต่คนอวยไม่เจอคนด่านะหรือกูเล่นนกฟ้าคนล่ะเซิฟกับมึงวะ
เชิญร่ำทำไมดังจังวะ เห็นขึ้นเทรนไทยเลยวันประกาศ LC
เชิญร่ำกุไม่แน่ใจแรงอวยเลย กุไม่ชอบแนวการเมืองจีน กลัวเหมือนตอนปรมจ เซเลปคนนี้ก็อวยเยอะมาก แต่ออกมากุอ่านก็เฉยๆ เลยคิดว่าจะรอรีวิวจากคนอื่นๆบ้าง แต่ถ้าเสียงดีหลายๆคนแบบฮัสกี้คงซื้อ
กูได้อ่านนางนวลแล้ว โอโห้ใจกู เหมือนสูบบุหรี่ที่มีรสขมแต่หลงมัวเมาหยุดไม่ได้
หลงสาบเสือนี่อุปาทานหมู่ป่ะวะ กูอ่านแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีม้ากมากกกกก แบบที่ในกลุ่มพูดๆกันขนาดนั้นอ่ะ
เชิญร่ำสุรานี่มีม่านฮวาหรือจะทำซีรีส์บ้างมั้ยอะ ใครรู้บ้าง
เมื่อกี้ผิดมู้โทษคับ ถามใหม่
ใครแนะนำกูทีได้ไม กูอยากได้เรื่องที่พระเอกเลยรับมาก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนมารุกกับนายเอก ไม่ก็แนวทะลุมิติเปลี่ยนนายเอกนิยายเป็นพระเอก อารมณ์พี่อวี้อะ กูว่ามันน่าสนใจดีกูได้ทุกเซตติ้ง จะโอเมก้าจับกดเบต้า/อัลฟ่าก็ได้ จริงๆกูชอบแนวๆพระเอกโดนrapeรับมาก่อนค่อยมารุกกับนายเอก หรือโอเมก้าที่ฝืนอาการฮีทเปลี่ยนมารุก กูว่าแนวนี้แม่งน่าตื่นเต้นดี ปกติเจอแต่นายเอกโดนrapeกูอยากอ่านพระเอกโดนมั้งอารมณ์ประมาณฝ่ายรับที่เปลี่ยนมารุก
>>873 มึงงงง แนะนำเรื่องนี้เลย mistakenly saving the villain มีคนเคยแปลเถื่อนในรอร.ชื่อ บทสรุปเมื่อผมพลาดไปช่วยตัวร้าย พระเอกเคยเป็นนายบำเรอในนิยายมาก่อน นายเอกเป็นหมอ ช่วยผิดคนไปช่วยพระเอก อีพระเอกยันแตกมาก ตอนนี้ปิดตอนไปแล้วเพราะมีลิขสิทธิ์ รอเล่มออก สนุก กุแนะนำมาก
>>876 ใช่เรย รู้สึกว่าใบไม้โชคดีจะได้ไป จริงมึง555555 แปลไม่ถูกใจท่าน ๆ ทั้งหลายแบบตอนลงเถื่อนเดี๋ยวโดนสาปส่ง แต่กุว่าอาจจะไม่มีปัญหาอะไรมากเพราะสนพ.น่าจะงานโอเคพอสมควร รอดู ใด ๆ ก็ตามกุชอบพล็อต ไม่ได้กลวงขนาดนั้น บวกพระเอกเทินรุกหลังจากเป็นนายบำเรอคือ เออมันแส้บมันดี แต่โคมนะ5555555
ky ขอรีวิวมหาลัยซอมบี้จากคนไม่ชอบซอมบี้หน่อย กูเห็นคนบอกสนุกมาก แต่กูไม่ชอบที่บรรยายแบบชิ้นเนื้อแบบซอมบี้น่ากลัวๆอะ
>>886 ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของสนพ.หรอกโม่ง แต่เราว่าเค้าแปลพี่อวี้ได้รสชาติกว่า (เทียบกับไลฟ์จอเงิน เทียบกับไลฟ์ลูกสัตว์) ก็เลยชอบมากกว่า ไอ้เดบิวต์นั่นเราไม่ได้อ่านแปลเถื่อนแต่ซื้อนะ (แปลเถื่อนงั้น ๆ อ่านอิงก์เองฟิลดีกว่า และคาดหวังกับแปลไทยนะ)
>>888 เราสายนู่มมมมฟูววววอ่ะเพื่อนโม่ง ไม่มีแนะนำหรอก ซอรี่นะ 😉
>>891 จากต้นมู้ที่หา เมะที่เคยรับ+ทะลุมิตินิยาย ใช่ป่ะ เมะที่อีโวจากเคะยังพอหาได้นะ แต่พอบวกพลอตทะลุนิยายด้วยนี่นึกไม่ออกเลยว่ะ
>>889 กุเฉยๆกับแนวซอมบี้ แต่ในคห.กูเรื่องนี้มันบรรยายไม่แหวะนะ มึงอ่านแบบไม่ต้องพยายามไปจิ้นคิดภาพตาม ขนาดซีนมุดในกองศพซอมบี้อารมณ์จากตัวอักษรในหัวกุคือเหมือนตัวเอกมุดในกองหุ่นโชว์เสื้อมากกว่า หรือเลือดซอมบี้ไหลเลอะก็เหมือนเปื้อนโคลนน่ะ -_-
สีใครอ่านชีวิตนี้ขาดเทอไม่ได้ของสนพไอริสมั้ยอยากได้รีวิวกุอ่านนตยละชอบอยู่
วันนี้มีใครไปงานหนังสือแล้วบ้าง ขอรีวิวหน่อยจิ 🙏 มีนัดรับเทียนกวานไว้แต่เห็นรูปของวันนี้คนเยอะมาก บูธเล็กกว่าเวลาออกที่ศสรก ไหม เห็นพื้นที่มันโล่งๆอะ แต่แบบคนกระจุกแค่ที่บูธไหม กำลังชั่งใจว่าจะเสียค่าไปรฯ รอเอาหลังงานดีกว่าไหม กลัวโควิด + รอบนี้ไม่ได้ซื้ออะไรมาก ไปอย่างมากก็แค่เดินงาน บวกซื้อยิบย่อยตามแต่ละบูธ
ปล. พรุ่งนี้น่าจะคนเยอะกว่าวันนี้ไหมนะเพราะมันเต็มวัน อย่างวันนี้มันแน่นเพราะเข้าได้แค่ช่วงเย็นป่าว ถามเยอะหน่อยเพราะกูไม่เคยไปที่สถานีบางซื่อเลย เดินยากไหมไรงี้ ไม่เคยไปคือไม่เคยไป ไม่เคยผ่าน ไม่เคยโผล่ไปที่บางซื่อเลยนะ 5555 ทั้งชีวิตเดินแค่ศสรก กับเมืองทอง ^^' ขอบใจเพื่อนโม่งที่มารีวิวล่วงหน้านะ
อยากรู้ด้วยคน กูเข้ากทม.ได้แค่สองวันคือพรุ่งนี้เต็มวันกับจันทร์บ่าย
ใครไปงานวันนี้ช่วยแชร์ความเห็นทีว่าคนแน่นมั้ยวะ แล้วคิดว่าพรุ่งนี้กูควรไปหรือจะยกไปจันทร์บ่ายดี ขอบคุณมั่กๆ
เห็นรูปแล้วสยองอยู่นะ มันแน่นปาย
กุว่าไปวันธรรมดากลางวันน่าจะเซฟกว่าว่ะ
ใครเจออะไรถูกเลือดสาดแชร์ที ปกติก็เดินหาเองไม่ค่อยเจออ่ะ กุเองก็กะจะรีบไปรีบกลับ คงไม่ได้ทอดน่องเหมือนปีที่ไม่มีโควิด
>>903 เหมือนคุ้นๆมีโม่งรีวิวแล้วมั้ย แต่โดยส่วนตัวกูชอบนะ เหมือนบันทึกชีวิตนักปราบผีมือใหม่กิ๊ง เรื่องผีๆในนี้กุว่าก็ครีเอตดีเหมือนไสยศาสตร์จีนผสมๆแฟนตาซี (มีกุมารทองไทยด้วยนะ) รู้สึกมีความต่างจากแนวนี้ที่กูเคยอ่านหน่อยๆ
>>903 กุเข้ามาเชียร์อีกคน ชอบมาก ๆๆ สองเล่มแรกเลิฟไลน์ยังไม่ชัดแบบคห.บนจริง แต่สนุกมากตรงปริศนาแต่ละคดี กุว่าเค้าเขียนฉากหลอนปูมาดีสัส ใส่มุกตลกแทรกเป็นระยะทำให้ไม่ได้น่ากลัวสุดขนาดนั้น ถ้ามึงสายกลัวผีแต่ชอบหาทำอ่านเรื่องผีน่าจะรัก เพราะกุว่าจังหวะที่เค้าใส่มามันลดความน่ากลัวได้ดีมาก5555 แต่ละคดีก็เฉลยความลึกลับได้โอเคนะ ไม่ติดขัดอะไรขนาดนั้น ยังมีที่งงบ้างแต่สำหรับกุปล่อยผ่านได้ คาร์พระเอกท่านหลินยังไม่ค่อยมีอะไร สไตล์นิ่งขรึม ชอบมาผีเข้าตอนทอล์คท้ายตอน เอะอะจับ yes อิเหี้ย555555 ส่วนนายเอกตลกชิบหาย มีความซู สำหรับกุไม่ได้ซูจนอ่านไม่สนุก เพราะน้องมันไม่รู้เรื่องห่าไรเลยมาเข้าร่างคนอื่น ให้มันซูหน่อยเถอะเดี๋ยวอยู่ไม่ถึงจบเล่ม 5 สุดท้ายคือแปลดีแล้วก็ปกสวยมึง กุชอบ555555โถ
งานหนังสือวันนี้คนเยอะเหี้ย บูธเซ้นส์ก็เล็กมาก มีที่ให้หยิบซื้อหนังสือใหม่เล็กกระจึ๋งนึง พื้นที่นัดรับของยังใหญ่กว่า ขนาดกูไปช่วงที่ฟ้ามืดแล้วคนเริ่มซาๆแล้วแถวรอคิวจ่ายตังค์ก็ยังยาวอยู่เลย ไม่แนะนำให้มาพรุ่งนี้เลยจริงๆว่ะ สภาพบูธพรุ่งนี้แม่งต้องน่าสยองมากแน่ๆ มาวันธรรมดาเหอะ
รีวิวเพิ่มเติม บูธเซ้นส์อยู่ติดกับบันไดเลื่อนที่ขึ้นไปชั้นลอยฟ้าที่เป็นโซนคุญี่ปุ่น เหมือนจะมีพวกสนพ.ที่ขายการ์ตูนวายตั้งบูธอยู่แถวนั้นด้วย แต่สภาพชั้นลอยฟ้าแม่งสยองมาก แถวโคตรล้นยาวเฟื้อยชนกันหมดจนกูไม่ซื้อแม่งเลย
Ky ถามในนี้หน่อย มีใครเคยสั่งหนังสือผ่าน inwshop ของ bookfair ไหม กูจะสั่งของมด. เห็นมีส่วนลดของงานอยู่ แล้วของพรีเมี่ยมมันได้เหมือนกันไหมอะ จากลิ้งค์ของบฟ. มันก็ขึ้นว่าสั่งกับร้าน siamintershop อะ ฝากความหวังไว้กับโม่งผู้รู้นะ 🙏
>>915 มึงหมายถึงสั่งผ่านเว็บ bookfairใช่ไหม มันเหมือนกับช่องทางรวมลิ้งค์แต่ละร้านเอาไว้อะ สรุปคือมึงสั่งกับร้านในinwshopอยู่ดี กูดูคร่าวๆแล้วรายการมันตรงกับในเว็บ siamintershop หมดเลยนะ ถ้ามึงหมายถึงพรีเมี่ยมรอบพรีมันก็มีแค่สินค้าพรี หรือหมายถึงพรีเมี่ยมพวกที่คั่นโปสการ์ดที่จะมีในหนังสือปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าหมายถึงพรีเมี่ยมที่ได้ตอนซื้อสินค้าครบราคา ไม่มีโปรโมชั่นนี้นะ กูจำได้ว่าเหมือนหมดไปเมื่อ10มีนาแล้วยังไม่มีต่อ
โม่งร่วมรสราคะอยู่ไหนนนน มึง มีคนได้เล่มแล้ว เลอค่ามาก แต่กูยังไม่ได้😥 อยากอ่าน อยากหวีด
>>918 ช้าไปแล้ว แต่กุจะบอกว่ากุสั่งประจำถ้าซื้อเวลาพรีได้ของเหมือนกัน เหมือนรวมหน้าเวบมาแต่โค้ดกับโปร ระบบการชำระเงินแยกกัน ถ้าหน้าเวบสยัมมีโปรลดราคา จะใช้โค้ดของlnwสยัมกับtbf ไม่ได้ กุกดที่tbf เพราะมันจ่ายบัตรตรงได้ไม่มีค่าธรรมเนียม paypal และมีส่วนลดบ่อยๆอยู่ช่วงนึง อาจลดไม่เท่าอีปี้ แต่คุ้มอยู่
จะกดโค้ด 100 ให้ไปแย่งตอนเที่ยงคืนนะมึง ไม่งั้นหมด
ปล. ถ้ามึงรีวิวหลังซื้อมันจะมีเทพคอยน์ให้เก็บเอาไปลดราคาร้านที่ใช้lnwpay ได้ คุ้นๆว่า animeg หรือ zenzhu หรือค่ายไหนสักค่าย มีร้านบน lnw ที่ใช้ lnwpay อยู่เพราะกุเคยค้นวิธีใช้อีเหรียญนี่อยู่
กูอ่านนางนวลจบละ ฟีลไม่สุดสำหรับสายดราม่าอย่างกู เล่มแรกเดอะเบส กูว่าเขาเขียนดีนะ อยากลองอ่านงานอื่นของเขาอีก กูชอบพระเอกสัส555 พระเอกเรื่องอื่นผีบ้าเวลานายเอกมีร่องรอยคนอื่น เรื่องนี้บอกประมาณอย่ามาใกล้กู รอให้รอยหายก่อน5555555555555
กูว่าพระเอกเป็นพี่ชายที่ดีมากเลยนะ กูไม่เห็นเขาจะเหี้ยตรงไหนเลยไม่ว่าจะในบริบทไหน โลกใจร้ายกับเขามาก
*กูขอเตือนหน่อยเรื่องนี้มีการทำร้ายสัตว์/ฆ่าสัตว์
กูอ่านถึงแล้วช็อคมาก เป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้T_T ฆ่าคนก็ฆ่าไปแต่มาฆ่าสัตว์กูรับไม่ดั้ยยย
ky เห็นสนพ.ไดฟุกุแยกสนพ.ใหม่ออกมาออกวายโดยเฉพาะเลย เป็นวายญี่ปุ่น ไม่รู้มีใครอ่านบ้างมั้ย (โม่งวายญี่ปุ่นยังหลงเหลือมั้ยวะ สูญพันธุ์ไปหมดยัง 555555) ถ้ามีใครอ่านแล้วช่วยมารีวิวหน่อยจะขอบคุณมาก
เพิ่งรู้ว่าอวว.เคยถือlcองครักษ์เสื้อแพรมาก่อน แล้วยังไงเทอ่อ สุดท้ายนกย่างเลยได้ไป เสียดายเลยวะ ถ้าอยู่อวว.การแปลกับราคาน่าจะโอเคกว่านี้ และคงไม่เทคนอ่านขนาดนี้มั้ย กับเนื้อหาสำคัญที่หายไปแล้วบอกจะแก้ในพิมพ์2 คนซื้อพิมพ์1เคลมได้ แต่จนตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แววพิมพ์2เลย
ร่วมรสราคะสมชื่อเรื่องเหี้ยๆ กูอยากรู้คนแปลได้ค่าจ้างเท่าไร มึงสุ่มเปิดหน้าสักห้าครั้งยังไงก็ต้องเจอหน้าเรทสักครั้งว่ะ สหายโม่ง3> มึงอ่านยัง กูว่าตอนพิเศษเหมือนเฉลยพระเอกภาคสองกลายๆ
>>929 กูๆๆๆๆๆ กูว่านข.เฉลยพระเอกมาตั้งแต่แรกแล้วนะมึง สังเกตได้จาก
.
.
.
.
.
.
เวลาเฉินม่อร่วมรักกับหลิวซื่อ คือการบรรยายละเอียดชัดเจน ในขณะที่อีกสองคนไม่ได้ละเอียดขนาดหลายหน้าเท่าอะ แค่แบบผ่านๆให้รู้ว่าจึ้กไปแล้วแค่นั้น กูยังคิดในใจเลยว่าหลิวซื่อลูกรักนักเขียนแน่ๆ แล้วก็พวกคำที่แม้แต่หลิวจื้อยังไม่พูดแต่หลิวซื่อพูดอะ ตอนนั้นเฉินม่อมีแอบรู้สึกตื้นๆในใจด้วย กูว่านข.ปูพรมสร้างกลิ่นปักธงไว้ที่หลิวซื่อแต่แรกๆแล้วล่ะ แต่ที่กูติดอยู่นิดๆคือ ทำไม % ความรู้สึกดีที่หลิวซื่อมีให้เฉินม่อน้อยกว่าหลิวหลิงกู่อีกวะ ทั้งที่ตอนกูอ่าน กูรู้สึกได้เลยว่านางรักเฉินม่อมากอะ รักจนยอมได้ทุกอย่าง แต่ตอนจบเกม % กลับน้อยกว่าคนพ่ออีก
>>931
.
.
.
.
.
ความรู้สึกพ่อมันโดนยาด้วยเลยพุ่งปรี๊ด กูให้เหตุผลนี้ผ่านนะ จริงๆกูคือคนที่ตามอ่านเว็บก่อนเพราะรอเล่มไม่ไหว ฉากพ่อโดนตัดเว้ยมึง ตอนที่ฉุดเฉินม่อไปอยู่บ้านกลางป่า ความจริงดุกว่านั้นมาก แต่นักเขียนตัดฉับYY ไม่ใช่พระเอกก็งี้แหละพ่อ แล้วหลิวซื่ออ่ะ55555555 กูมันคนชอบมวยรอง กูขมคสพรัชทายาทกับหลิวซื่อมากกว่าอีก จบสวยและขมมาก วาระสุดท้ายของรัชทายาทอย่างน้อยก็ยังจากไปแบบรู้ว่าความรู้สึกส่งไปถึง หวังว่าภาคสองจะให้บทเท่ๆหลิวซื่ออีก เอาให้กูลืมรัชทายาทไปเลยXD
อีกอย่างคือกูขำบทแปลxxxมากมึง555555555 งูหลามตัวเขื่อง มังกรยักษ์ โพรงนารี ถ้ำดอกไม้ ฯ บางอันอ่านรู้สึกภาษาสวย บางอันอ่านแล้วขำ หมดมู้ดหื่นเลย5555555 ต้นทางเขาเปรียบเปรยแบบนี้จริงเหรออิเหี้ย55555 กูอ่านch>enแบบยังไม่ผ่านการรีไรท์มา มันก็แปลแบบc*ck meatมาให้ มาเจองูหลามกุตกใจเอามือทาบอก แต่ชมสนพอีกอย่างคือไพ่ให้ความรู้สึกพรีเมียมดีมาก มีวิงค์ๆ
.
.
.
.
>>932
.
.
.
.
.
เชี่ยย ทำไมนักเขียนทำงี้อีกแล้ว เหมือนตอนโลกทดลองแรกๆก็ตัดฉับต้องไปหาอ่านเอาเหมือนกันใช่มั้ยวะ กูจำได้ว่ามีให้อ่านอยู่ แต่สนพ.ไม่ได้รับมาแปล(?)
เอาจริงๆ เรื่องรัชทายาททำกูเขวไปนิดเลยนะ แอบคิดว่าหรือจริงๆ เพราะเสน่ห์ของตัวเอกเฉินม่อวะเลยทำให้หลิวซื่อหันไปรักเฉินม่อแทน เพราะดูนางก็ทำเพื่อรัชทายาทมาตลอดอ่ะ ขนาดสุดท้ายเกือบตายก็เพราะช่วยรัชทายาทสืบเรื่ององค์สี่ ตอนรัชทายาทขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วตุยไปต่อหน้าอย่างโล่งใจที่รู้ว่าความรู้สึกไปถึงหลิวซื่อแล้ว จากนั้นหลิวซื่อกลับไปจึ้กจึ๋ยเฉินม่ออย่างรุนแรงแถมยังพูดเหมือนบรรลุแล้วอีกว่าต้องมีอำนาจเท่านั้นถึงจะทำให้เฉินม่อมีความสุขได้ เหมือนเพราะตอนรัชทายาทไร้อำนาจช่วงหนึ่งเลยทำให้โดนยาพิษจากองค์สี่ เพราะไร้อำนาจปกป้องรัชทายาทเลยต้องตายอ่ะ แต่มันเป็นชั่วแว้บนะมึง แต่กูก็ไม่แน่ใจอะไรแล้วทั้งนั้นอะ รออ่านภาคสองอย่างเดียวเลย เฉลยกูทีเถอะ ตัดฉับแบบค้างคาชิบหายไม่แง้มเคลียร์ให้กูเลยสักปม
กูเห็นด้วยเรื่องคำแทนดุ้น แต่ก็ว่านักแปลเขาเก่งจังวะ 5555555 สรรหาคำแปลมาแทบไม่ซ้ำเอาซะกูเห็นภาพตาม อารมณ์กูคล้ายมึงเลย ไม่ทันได้หื่นกูขำซะก่อน
Ky หน่อยพวกมึง ลิโป้ นี่ 3p หรอว่ะ
>>933
.
.
.
.
ฉากพ่อโดนตัดมีแต่เด็ดๆ ฉากใช้พู่กันลูกปัด สารพัดความโรคจิตของพ่อหายไปเยอะมาก ...เพราะในเว็บมีฉากที่นางเอาน้ำxxxเฉินม่อมาวาดรูปด้วยมึง... ในบรรดาผัวสามคนพ่อพิสดารสุดแล้ว กับจะมีฉากพ่อบอกให้เสี่ยวม่อไม่ต้องใส่ชั้นในเวลาเดินเจอกันในบ้านจะได้จับทำสะดวก(หลังจากกลับจากบ้านกลางป่าอะ) บรรยายเกือบๆที่ให้หลิวซื่อ นักเขียนเลยต้องตัดออกมั้งเดี๋ยวนักอ่านสับสนใครเป็นพระเอก5555
เรื่องรัชทายาทมันอึกที่ใจกูเหลือหลาย รัชทายาทขอแค่เป็นคำขอจากหลิวซื่อถึงกลับยอมโดนคนประนามนินทา และทั้งที่รู้ว่าหลิวซื่อชอบใครแต่ก็ไม่ถามไรออกแนวยอมรับแบบก็คิดไว้แล้วด้วย ที่สำคัญห่วงสุดท้ายในชีวิตฮีคืออยากรู้ว่าหลิวซื่อรับรู้ความรู้สึกของตัวเองไหม กูแพ้คสพแบบนี้😭😭😭😭
จริงมึงๆๆ กูก็รู้สึกฉากนางกลับมาหลังรัชทายาทตายแล้วพูดแบบนั้นใส่เฉินม่อมันแปลก นางกำลังคิดถึงเรื่องรัชทายาทแหละ แต่หลิวซื่อไม่ได้รักรัชทายาทแบบนั้นแน่เพราะนางรักเฉินม่อจะเป็นจะตาย แต่รัชทายาทก็คงเป็นคนสำคัญมากๆคนหนึ่งของนางอ่ะ ถ้าตลคมีคนเล่นอยู่เบื้องหลังจริงก็อาจจะimplyคสพในโลกจริงมั้ง กูไม่ได้ดำภาคสองมา ยาวเกิน ทั้งหมดนี่กุอาจจะกาวไปเองก็ได้ ดังนั้นเรามานั่งรอภาคสองปลายปีกันเถอะสหายโม่ง
.
.
.
.
.
.
>>934 มันมี 2 เรื่อง เรื่องที่อยู่กับสนพ.รอฉันเข้าไปเถอะ นี่ของเฟยเทียนแค่ 2p อีกเรื่องนี่จำไม่ได้ว่าของใครชื่ออะไร เป็น 3p ลิโป้ กะตลค.สามก๊กอีกคนซึ่งกูลืมไปแล้วว่าใครกะนายเอก เป็น 3p
ร่วมรสนี่ ชื่อนายเอกคล้ายบันทึกลับเลยว่ะ หลายปั๋วเหมือนกันอีก แล้วซีนที่ตัดนี่คือภาคที่ออกมีฉากโดนตัดจากเวอร์ดิบในเวบเหรอวะ กุนึกว่าแค่ไม่เอาภาคแรกมาเฉยๆ ถ้าใช่ก็แอบเสียดายแฮะ คือกุรู้ว่ามัน darker than black แต่ไหนๆกุก็อ่านทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว จะมืดก็มืดให้สุดทางไปได้เลยตัดออกทำมัยหรือมันไม่ผ่านเซนเซอร์ไต้หวันวะ
ปล.กุยังไม่ได้เล่มเยย
>>938 ตัดจากดิบเว็บ ที่ไม่เอามาคือภาคโลกทดลองซึ่งไต้หวันก็ไม่มีขาย นักเขียนขายแค่ในเว็บ คิดว่าน่าจะไม่ผ่านกองเซ็นเพราะมันดาร์กแบบเหมือนนายเอกเป็นแค่sex object จะว่าไงดีอะแต่โลกทดลองโลกหนึ่งrapeตอนท้องแทบจะมีทุกตอน มีkinkเฉพาะทางหลายอย่างมาก อย่างเอาผักผลไม้ยัดเข้าxxxแล้วกิน ตอนแรกมันคือนิยายใต้ดินพอเอามาขายบนดินเลยต้องตัดเยอะมั้ง จะให้กูรีวิวเรื่องนี้ในแอคจริงก็ไม่กล้าอะเลยมาในโม่งTAT
เอาจริงๆ ร่วมรสนี่ถ้าใครไม่ชอบอ่านแนวนี้แล้วอยากรู้อยากลอง อย่าหาลองหาทำเลยว่ะ ขนาดกูอ่านแนวนี้ได้ไม่ติดเท่าไหร่ยังต้องถอดสมองบ้างขมวดคิ้วบ้างบางฉากเลย
>>655 คิดเหมือนกุเลย /โทษทีดีเลย์มากพึ่งไล่อ่านมู้หลังหายไปนานตาแหก 555 เอาง่ายๆ ในมู้นี้แม่งมีคำว่าเซเลปไปกี่คำละ กุว่าใครจะอวยอะไรมันก็เรื่องของเค้าไหม มึงจะเอามาเป็นประเด็นอะไรกันบ่อยขนาดนี้ ซื้อมาอ่านแล้วไม่ชอบก็ด่าว่าไฮป์เพราะเซเลปอวย คนฟอลเยอะๆพูดถึงเรื่องที่เขาชอบจนแมสก็ด่าว่าแมสเพราะเซเลปอวย แต่ก่อนโม่งไม่เห็นจะหมกมุ่นอะไรกับเซเลปขนาดนี้เลยนี่หว่า ฟอลเยอะฟอลน้อยก็นักอ่านเหมือนกันหมดอ่ะ หมั่นไส้เค้ายังกะเค้าไปจี้ให้มึงต้องจ่ายเงิน กุเห็นทีไรก็งง แล้วในโม่งพวกมึงก็อวยเรื่องที่ชอบกันชิบหายเลยด้วยนะ หมาเกาหลี เยสโนว์ โอ๊ย กุงง
>>941 เดี๋ยวนี้โม่งก็ไม่ค่อยอวยกันเว่อๆแล้ว คนมารีวิวยังไม่ค่อยจะมี เพราะถ้ารีวิวอวยจะชอบมีคนทักว่าม้ารึเปล่า สรุปคือแม้แต่โม่งถ้าอวยเว่อไปก็มีคนเหม็นนะมึง ไม่รอด 555555555555 ตอนอวยหมาเกาหลีแทบวันเว้นวันก็มีคนบ่นรำคาญ หลังจากช่วงนั้นแทบไม่เห็นไฮป์เรื่องใหม่ๆกันอีกเลย เพิ่งมาเห็นโม่งอวยกันเยอะๆอีกทีก็ฮัสกี้อะ
ลิโป้ รออย่างนานอัพเดตล่าสุดบอกกำลังแปลศัพท์ยากมาก กูมองชื่อนักแปลเขาเคยผ่านงานของ อ.เฟยเทียนอย่าง ปราชญ์ฯ มาแล้ว แถมยังจับมาหลายงานอีก ถ้าไม่มีข้ออ้างอะไรก็ไม่ต้องหาข้ออ้างก็ได้ ช้าคือช้าน่ะแหละ 😫
>>945 วิลเดอเนส มีช่วงนึงโม่งอวยกันหนักมาก มันมีโม่งคนนึงมารีวิวแล้วมีคนไปอ่านตามๆกันอะ ช่วงนั้นหลายๆคนกำลังเอียนๆวายจีน และวายเกามันยังไม่ได้ออกมาโครมครามเหมือนตอนนี้เลยป้ายยากันง่ายทั้ง แต่คนไม่ชอบก็มาบอกกันตรงๆนะว่าไม่ชอบ ไม่ได้มีแต่คนอวยอย่างเดียว
>>948 เห็นด้วย ยังไงที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใคร ใครชอบเรื่องไหนก็อวยไปเถอะ เดี๋ยวกลั่นกรองเอง 5555555
ทำไมโคมสะท้อนดอกท้อคนด่าเรื่องการแปลเยอะจัง กุอ่านแล้วก็เฉย ๆ นะ ไม่ได้ว้าวแต่ก็ไม่ได้แย่นี่ ก็อ่านรู้เรื่องดี
>>957 งั้นขอโทษสนพ.ด้วย กุรอออกครบค่อยสอยอีบุคดีก่า (กุคิดว่าสนพ.ออกเล่มแรกน่าจะหิวยอดอยู่ แต่ขอเวลากุหมุนเงินก่องนะ และถ้ามึงจะอ่านก่อนมารีวิวให้กุด้วยก็ได้นะ)
>>959 เรื่องยาวแบบยาวไปมันไม่ค่อยมีใครแปลง่า ยาวแบบจบเป็นเล่มๆกุไม่นับนะ มันพันพลอตไม่ค่อยยุ่งเหยิงถึงใจเท่าไหร่ ยังอารมณ์เดียวกะจบในเล่มอยู่
>>958 กุว่ามีงาน nl อีกน่าจะหลาย เค้าเป็นนักแปลคู่ค่ายของสยัมมิใช่เหรอ เห็นเอามาโปรโมทบ่อยๆ
กูเห็น More Heat Than the Sun ลดราคาแล้วคิดถึง ฮคึกฮือออ ทำไมต้องเทกัน อยากให้มีข้อตกลงถ้าทำไม่หมดโดนปรับ
ดีนะกูอ่านของคนนี้ไม่รู้เรื่องรอดตัวไป แต่ปกสวยฉิบหาย แต่ซื้อมาอ่านไม่รู้เรื่องT_T กูที่เคยถามว่าถ้าอ่านงานนักเขียนคนนี้ไม่รู้เรื่องเรื่องอื่นของคนนี้จะอ่านรู้เรื่องไหม สรุปไปสอยอีกเรื่องมาแล้ว ไม่รอดหมด55555555เก็บพรีเมี่ยมเอา เข็ดแล้ว
>>971 ออกผิดเวลาด้วยมั้ง ตอนนั้นคนส่วนมากรับสลับแบบสลับจริงๆกันไม่ได้เลย แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรวายตต. มันก็ไม่ปังในบ้านเราอยู่แล้วอ่ะ
>>969 นี่แหละ
งานดี -->คนแปลดี
งานเหี้ย-->บก.ห่วย
ทำไมตอนงานดีๆไม่เอ่ยชื่อกุบ้าง /บก.
แต่เอาจริงๆกุไม่ค่อยมีปัญหากับเรื่องที่คนบอกว่าแปลแย่เลย ส่วนใหญ่มันอาจจะมีที่ไม่สละสลวย หรืออ่านติดขัดไปบ้าง แต่มันไม่ได้ถึงกับอ่านไม่รู้เรื่องขนาดที่บ่นๆกันอ่ะ จนกุเลิกสนใจประเด็นนี้แล้ว มาตรฐานกุอาจต่ำไปแล้วละมั้ง
>>972 แต่กูว่าคนอ่านที่ด่าๆส่วนใหญ่เนี่ย ชมบก.แล้วด่านักแปลเยอะนะ ออกมาอ่านลื่นบอกบก.เกลาดี ออกมาตะกุกตะกักบอกความผิดนักแปล มีแค่ติ่งนักแปลไม่กี่คนแหละที่ชมคนแปลไม่ลืมหูลืมตา ฮัสกี้ส่วนใหญ่กูก็เห็นชมบก.กัน นักแปลก็ชมบก.ด้วย น้อยมากเลยที่บอกว่างานแปลดีขึ้นเพราะนักแปลเก็บสกิลมาเยอะขึ้นแล้ว บลาๆๆ มีแต่บอกว่างานเขาดีเพราะได้บก.ดี ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่เรื่องนี้คนให้เครดิตบก.เพียบเลยมึง
แล้วไม่ใช่แค่ฮัสกี้ หลังๆมีหลายเรื่องที่นักแปลโดนมองข้าม มีเรื่องนึงกูว่าแปลดี ใช้คำเรียบๆแต่สวย "วาจาล้ำค่าดั่งทองคำ ไม่นำพาว่าเป็นหรือตาย" "ต่อให้ทะเลตะวันออกแห้งหายกลายเป็นแผ่นดิน กระดูกขาวผุสลายกลายธาตุหมดสิ้น ก็ไม่ตัดพ้อและไม่เสียใจ" เจือกมีคนบอกว่าเรื่องนี้ออกมาดีเพราะบก.เฉยเลย กูว่าไม่มีบก.คนไหนเกลาอะไรได้แบบนี้ว่ะ อย่างมากก็ดูว่ามันอ่านรู้เรื่องมั้ย ใช้คำถูกต้องมั้ย บก.คงไม่มานั่งเรียงประโยคให้คล้องจอง ส่วนขยายมีจำนวนพยางค์เท่ากันหรอก กูว่าฝีมือนักแปลนั่นแหละ กลายเป็นเครดิตบก.ซะงั้น คนชมบก.เยอะจะตาย
>>974-975 น้อยมากอ่ะ ส่วนมากคนก็คิดก่อนแล้วว่างานแปล = นักแปล ถ้าไม่ใช่ว่ามันมีสองงานสามงานที่หักองศาแบบเห็นได้ชัดมาเทียบกัน จะมีสักกี่คนที่คิดถึงบก.ก่อน ถ้าบก.กันความวินาศไว้ได้ดีส่วนมากก็ชมคนแปลไม่พูดถึงบก.กันทั้งนั้น พอมันออกมาไม่ดีค่อยเหวี่ยงหาคนผิด ตอนนั้นบก.ถึงมีโอกาสออกสื่อด้วยการโดนลากมารุมด้วย ก็เข้าใจแหละว่ามันมองยากว่าผลงานใคร ถ้าไม่มีเคสเทียบชัดๆให้เห็นอย่างบางเคสกุยังคิดไม่ถึงเลยว่าบก.ดีๆแม่งจะมีผลต่องานแปลได้มากขนาดนั้น
ที่กูพูดกุไม่ได้เหวี่ยงใส่คนวิจารณ์ กูแค่รู้สึกว่าตำแหน่งบก. มันเป็นพวกที่ทำดีหรือทำเยี่ยมก็แค่เสมอตัวน่ะ แต่จากที่975บอก หรือสมัยนี้จะมีติ่งบก.กันแล้วว่ะ
>>976 >>978 เยส เหรียญทองแดงแหละ
>>977 แต่ก่อนน้อยจริง แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมี กูเคยเห็นทวิตนึงบอกว่าเปิดเจอชื่อบก.แล้วเบาใจ เพราะเจ้านี้งานดี อิเรื่องเหรียญทองแดงนี่แหละ กูงงมาก คือกูเก็ตนะว่าตอนสนพ.เอางานแปลที่ยังไม่ได้เกลาไปลง คนก็มองว่านักแปลแปลไม่ดี แต่ตอนนั้นกูตามอ่านอยู่ กูคิดว่ามันไม่ใช่งานไม่ดีหรอก แค่ยังไม่เข้าที่เข้าทางตรงสองบทแรกว่ะ เหมือนยังไม่ชัวร์ว่าบรรยากาศของเรื่องจะไปแนวไหนอะไรงี้ แต่พอบทที่สามไปมันดีนะ ดีแบบจากสำนวนการเลือกใช้คำเลยอะ ซึ่งมันไม่ใช่ฝีมือบก.แน่ๆ แต่คนก็ชมบก. ไม่เห็นมีใครชมนักแปลเท่าไหร่ เรื่องไหนนักแปลโนเนมๆอะ คนชมบก.กันทั้งนั้นเลยมึง ยิ่งอววนี่กูเห็นคนอวยบก.เพียบ กูคิดว่าบก.ก็ควรได้รับคำชมนะ ไม่ได้จะกันซีนอะไร ชมๆกันไปเหอะ คนทำงานจะได้มีกำลังใจ แต่เดี๋ยวนี้มันชอบมีพวกทำเป็นรู้ดีด่านักแปลว่าจริงๆก็ฝีมือไม่เท่าไหร่ ได้ดีเพราะบก. บก.ขุดงานขึ้นมาจากตาตุ่มจนมาอวดโฉมคู่ควรให้อ่าน ฯลฯ อะไรงี้ กูว่าเกินไป๊ เหมือนนักแปลแค่เขี่ยส่งแล้วที่เหลืองานบก. ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อะ
KY เพิ่งได้อ่านกลิ่นกฤษณาของปี้ลี่ กระดาษลูบแล้วฟินมากกกกกกก เล่มอื่นเค้ากระดาษเดียวกันมั้ย ถ้าใช่จะรีบไปซื้อมาลูบบบบ แล้วกระดาษแบบนี้มันกี่แกรมยังไงเพื่อนโม่งพอรู้มั้ย
Ky วันนี้มารีวิวงานหนังสือ เผื่อยังมีโม่งคนไหนกำลังตัดสินใจว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี กูไปวันธรรมดามานะ
1. กูไม่ได้หลงทาง(อย่างคนอื่นเขา) บูธจัดแปลกจริง แต่มันเป็นโค้งไง มันเว้นตรงทางเข้าออกสถานีไว้ จัดบูธรอบๆ ถ้าเดินถูก มีแปลนในหัวมันก้เดินถูกแหละ แต่ต้องหาเลขบูธเพราะมันเรียงแปลก >> ดังนั้นเรื่องเดิน คือเดินเยอะ เดินไกล แล้วถ้าจะเทียบโปรฯ แต่ละบูธ / นอ งี้ควรทำมาจากบ้านเลย ไม่งั้นเดินไปเดินกลับ ขาลากอะ และนี่คือความพังของกูล้วนๆ 555 แบบเอายอดบูธไหนดี เทียบๆ แต่ละบูธ เอาตรงๆ อย่างแจ่ม นส.ในบูธตัวเอง & นอ. เอามาไม่เหมือนกัน บูธนี้มีเรื่องนี้เล่มนี้ อีกบูธมีอีกเล่ม กู = ขาลาก T_T
2. กูไปวันธรรมดา ตอนเช้า ไปถึงงาน ~10.15 เดินชิลมาก จนเที่ยงคนเริ่มเยอะ บูธฮ็อตๆ เบียดกันพอควร พื้นที่ภายในบูธมันเล็ก คนเลยกระจุก พอช่วงคนเยอะกูก็เผ่นละ >> คนเยอะ โควิดน่ากลัว ไม่มีระบบตรวจอะไรทั้งสิ้น แปะๆ ติกเกอร์เข้าร่วมงานเฉยๆ คนเยอะจริงในบูธ หยิบ/เลือกของไม่ค่อยสะดวก พื้นที่บูธไม่แมตกับจำนวนคน
3. รถเข็นเอามาได้นะ มีจุดรับฝากของเหมือนทุกงานแหละ พอคนเยอะรถของแต่ละคนโคตรเป็นอุปสรรค บางคนเข็นไม่ดูโลกเลยจ้า
4. กูได้หนังสืองอกจากลิส ฟีลโดนเชียร์ 5555 รอบนี้ไม่ค่อยได้วาย (พรีไว้เยอะแล้ว) ในงานเก็บตกไปเรื่อย >> ไม่มีเวลาค้นกอง เดินดูเท่าไร พวกที่ลดเยอะๆ textbook / artbook กูไม่ได้สักเล่มเลย พอเที่ยงคนเยอะ เจอคนกูเผ่น
5. ไปครั้งเดียว ไม่คิดกลับไปที่นี่อีก แม้จะทำแผนทำการบ้านมาดีขนาดไหน บูธไหนหยิบๆ งี้ แต่ด้วยความที่สถานที่มันไม่เหมาะกับการจัดงาน ทำให้เดินท้อ มันไม่เป็นโซน/สัดส่วน แค่เดินก็หมดแรงแล้ว หนังสือ/สนพ.ก็มาน้อยด้วย รู้สึกไม่คุ้มเท่าไร ไปเพราะคิดถึงงานหนังสือล้วนๆ เลย
โดยรวมไม่ประทับใจเท่าไรนะ 55555 รอปลายปีกลับถิ่นศูนย์สิริกิตจ้า
แล้วกูคิดว่าบางคนอาจจะเข้าใจขอบเขตงานของบก.ผิด บก.ไม่ใช่คนเกลางานนะ หน้าที่ของบก.คือหาข้อผิดพลาดแล้วเสนอให้นักเขียนหรือนักแปลแก้ จะแก้หรือไม่แก้ก็ไปตบตีกันอีกที ไม่ใช่บก.ได้งานมาปุ๊บเอามาตบๆเรียบเรียงใหม่แก้สำนวนเขาเหี้ยนเตียน อันนี้ไม่ได้เด้อ ถ้าอยากให้งานชิ้นนั้นเป็นสำนวนของตัวเองบก.ต้องไปเขียนหรือไม่ก็แปลเอง ไม่งั้นมันจะบิดสารเยอะไป บก.ดีๆเขาจะคอยระวังไม่ไปล้ำเส้นตรงนั้น เพราะงั้นถ้าอยากชมบก.ก็ชมที่งานเขาไม่หลุดเหอะ เรื่องการสรรคำเรียงสำนวนเป็นเรื่องของนักแปล
>>987 อันนี้กูเก็ตๆ เดี๋ยวนี้คนชมบก.กันเยอะขึ้นแล้ว แต่ที่ไม่เก็ตคือ >>975 ก่อนหน้าบอกฮัสกี้คนชมเยอะว่าบกดี แล้วมันบอกหลังๆมีหลายเรื่องที่นักแปลโดนมองข้าม เช่นเรื่องเหรียญทองแดงคือฝีมือนักแปลนั่นแหละ กลายเป็นเครดิตบก.ซะงั้น คนชมบก.เยอะจะตาย กูเกาหัวบกคนเพิ่งเริ่มมาชมตอนฮัสกี้นะ ตอนเหรียญทองแดงกูไม่เห็นใครชม
>>989 อันนี้ไม่จริงมึงตอนเรื่องฝ่ารักต่างโลก นักแปลแทบไม่ยอมด้วยซ้ำแต่บกให้แก้ กุละสงสารเขา
>>990 เคสคนแปลฮัสกี้นี่เขาไม่ได้เพิ่งมาชมบก.ตอนฮัสกี้อะมึง เขาชมตั้งแต่ลิ่วเหยาออก กูจำได้ว่าออกช่วงเดียวกับเหรียญทองแดง อาจจะก่อนหน้านิดหน่อยด้วยมั้ง ลงตัวอย่างช่วงเดียวกัน ตอนนั้นคนอ่านแล้วชื่นชมมากกว่าสำนวนดีงั้นงี้ สวยหรูเหมาะสม พรีออเดอร์กันรัวๆ คนแปลเคยแปลพันสารทมาก่อน พันสารทแปลดีมาก เรื่องนี้ก็น่าจะดีด้วย จนกระทั่งได้เล่มแล้วเริ่มมีคนวิจารณ์ว่าอ่านไม่รู้เรื่องอะมึง เท่านั้นแหละคนเฮโลด่าตามกันระนาวว่าอ่านไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แสดงว่าพันสารทนี่ฝีมือบก.เกลาสินะ จริงๆแล้วคนแปลฝีมือไม่เท่าไหร่สินะ บลาๆๆ แล้วนักอ่านวายก็เริ่มกระแสอวยบก. นักแปลโดนด่าหนักมากจนมาถึงฮัสกี้คนก็เพ่งเล็งว่าบก.คือใคร ขอบก.ดีๆ (?) เหมือนนักแปลไม่มีค่าอะไรอะมึง ตอนนั้นกูโคตรสงสาร พอฮัสกี้ออกมาดี แทนที่คนจะชมว่าเออ นักแปลพัฒนานะ ก็ดันไปชมบก.อีกว่างานดีเพราะบก.เก่ง บางคนไม่ให้เครดิตอะไรนักแปลเลย
ส่วนเหรียญทองแดงออกมาไล่ๆกัน ตอนแรกโดนด่าหนักมากจนกูงงว่าด่าอะไรกัน แปลออกจะดี แล้วพอเกลาเสร็จเป็นตัวเล่มออกมาสองบทแรกมันเนียนขึ้น หลายคนก็บอกว่าเป็นความดีความชอบของบก. ต้องชมบก.ที่เกลาออกมา (?) ส่วนบทที่สามสี่ห้าที่มันดีตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็เพราะได้บก.ดีอีกเหมือนกัน (??) แต่สำนวนก็ยังไม่ถูกใจฉันหรอกนะเพราะมันไม่มีบุพบท บก.คงช่วยได้แค่นี้แหละ (???) กูเห็นอวยกันประปรายอยู่ในเด็กดีที่ลงตัวอย่างโน่นน่ะ มึงลองไปอ่านคอมเมนต์ดู บางคอมเมนต์กูก็บันเทิง 55555555 แอคทวิตบางแอคก็ร่วมด้วยช่วยกันอวยบก.แล้วเหยียบนักแปล ประมาณว่าพยายามใช้ศัพท์หรูแต่มือไม่ถึง จนนิยายมันเริ่มแมส มีคนที่ตามมาทีหลังบอกว่าแปลดีอ่านลื่น ไอ้กระแสชมบก.ถึงได้หายๆไป หลังๆไม่ค่อยมีใครพูดถึง
คือสองเรื่องเนี้ย สำนวนมันพีเรียดแท้แบบนิยายสามสิบปีก่อน นักอ่านรุ่นนี้ถ้าไม่อินสำนวนก็ไม่อินเลย ยังด่าอยู่ก็มี ส่วนตัวกูชอบสำนวนแบบนี้อยู่แล้ว แต่หาอ่านโคตรยาก พอมีดราม่ากูเลยจำแม่นมาก
ส่วนฝ่ากฎฯ กูมาตามซื้อทีหลังเลยไม่เห็นดราม่าอะเพื่อนโม่ง เล่ามั้ยๆ แต่คหสตกูคือบก.ไม่ควรก้าวก่ายสำนวนของทั้งนักแปลทั้งนักเขียน บางทีบก.ร้อนวิชามากๆอยากแก้ไปหมด อันนี้ไม่ดี พลาดเอาได้ง่ายๆ
ฮัสกี้ คนแปลแปลดี กูแวะมาคอมเมนต์แค่นี้แหละ ยังไงกูก็ให้เครดิตคนแปลมากกว่า
ฮัสกี้คนชมบก.เยอะเพราะแอดมินกุหลาบเคยตอบทวีตนักอ่านว่าเรื่องนี้ทีมบก.ดูแลอย่างดี บวกกับสำนวนแปลอ่านง่ายลื่นไหลกว่าเรื่องก่อนๆของคนแปลด้วย ลองเทียบกับเรื่องอื่นๆของคนแปลคนนี้ดูจะรู้เลยว่าเชื่อมประโยคได้ดีขึ้นเยอะ งานนี้คนเลยให้เครดิตบก.กันเยอะ มันมาจากหลายๆปัจจัยอะ ถ้าตัวนักแปลไม่มีผลงานมาก่อนเลย กูว่าร้อยทั้งร้อยชมคนแปลกันทั้งนั้นแหละ แต่ส่วนตัวกูว่าตัวนักแปลก็คงปรับปรุงด้วย บก.เกลาด้วย ควรชมทั้งสองทาง เอาจริงๆกูไม่เข้าใจพวกมึงนะว่าจะเถียงกันทำไมว่าควรชมบก.หรือคนแปลมากกว่ากัน 5555555 ชมทั้งคู่ก็ได้นี่
>>994 +1 กูเห็นด้วยมาก ถ้าเราไม่รู้ว่าควรชมใคร ชมทั้งคู่ไปเลย บางคนชมบก.จนกูสงสารนักแปล แต่บางคนก็ชมนักแปลแล้วโยนความผิดพลาดทั้งหมดให้บก. กูว่าเขาก็คงพยายามกันที่สุดแล้วแหละ ทั้งบก.ทั้งนักแปล แต่บางทีปัญหามันก็เกิดจากหลายปัจจัยอะ ที่กูเห็นหลักๆเลยนะ ทุกสนพ.คร่ำครวญว่าคนไม่พอ แล้วบางทีมันไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากจ้างคนเพิ่ม แต่คนเก่งๆสายนี้แม่งน้อยจริง เห็นใจมากๆ
>>994 กูเห็นด้วยกับมึง แต่กูก็เห็นด้วยกับความเห็นบนๆ ที่ว่าสงสารนักแปลนะ
เดี๋ยวนี้อะไรผิดก็โยนขี้ให้นักแปลหมด พออะไรดีก็เอาแต่ชมบก.
วันหลังคนเรียนภาษาก็สมัครเป็นบก.กันหมดเลยดิ ไม่เป็นแล้วนักแปล ทำดีเสมอตัว ทำชั่วโดนด่าเละ บางที ถ้างานมันดีขึ้น ก็ควรจะชมนักแปลด้วยเหมือนกัน ว่าพัฒนาฝีมือ ไม่ใช่เอาแต่ชมบก.
กูอยากให้ทุก สนพ ใส่ใจกับทุกงานมากกว่าที่จะเลือกใส่ใจเป็นหย่อมๆ เรื่องนี้ดังคนรอเยอะจัดทีมงานดูแลเป็นพิเศษ มันไม่ควรเป็นแบบนี้มั้ย
กูคือคนหนึ่งที่กำลังเรียนภาษาอยู่ ด้วยความฝันที่อยากเป็นนักแปลนิยาย เจอคนสมัยนี้ด่านักแปลเยอะๆแล้ว เปลี่ยนความฝันเลย ไม่กล้าแล้วที่จะเป็นนักแปล ไว้แปลเองอ่านเองดีกว่า จะได้ไม่โดนชาวบ้านด่า
กูเคยเจอทวิตนึง เรียนภาษา แต่ชอบวิจารณ์งานแปลแบบ อันนี้แปลเหี้ย อันนั้นแปลห่วย อันโน้นแปลแย่ แล้วไม่ลงรายละเอียดด้วยนะ มีแค่เหี้ย ห่วย แย่ กแค่นี้แหละ แล้วก็ตบท้ายว่า จะพยายามเรียนภาษาต่อไป ประมาณว่าจะได้ไม่ต้องทนกับงานแปลเหี้ยๆแบบนี้อีก กูก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุ ขอให้เจอกับตัวเข้าซักวัน
กุบ่นเรื่องคำแปลเชิญต่ำได้ที่ไหนบ้าง คือทับศัพท์มาเต็มแน่นอีกแล้ว
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.