>>398 กูไม่เคยใช้คำว่า “ห้าม” เลยจ้ะ กูพูดแค่ว่า “อย่าใช้จะดีกว่า” ทั้งเพื่อนักวาดและตัวมึงเอง จะรับฟังหรือไม่รับฟัง ที่จริงก็เป็นสิทธิ์ของพวกมึง แต่ถ้ามึงรับฟัง กูก็ขอบคุณมาก รับฟังแล้วจะตัดสินใจยังไงก็สิทธิ์ของมึงอีกแหละ ถือว่ากูพูดในฐานะคนชอบงานศิลปะแล้วกัน
จริงๆคำพวกนี้ถ้ามึงมั่นใจว่าใช้ไม่ผิดก็ใช้ไปเหอะ แต่ถ้าไม่มั่นใจ มึงลองวิจารณ์เป็นส่วนๆไหม คิดว่าตัวละครผอมไป คิดว่าหัวเล็กไป คิดว่าตัวยาวเกินไป คิดว่าลายเส้นตรงนี้มีขีดเยอะไป หรือสีอ่อนไป มองไม่ชัด รู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ รู้สึกว่าของที่กองอยู่บนโต๊ะฉากหลังรก รู้สึกว่าต้นไม้เยอะไป รู้สึกว่าตัวละครกลืนไปกับฉากหลัง เกือบหาไม่เจอ ฯลฯ หลากหลายมาก มึงลองดู นอกจากมึงจะมองภาพได้ละเอียดขึ้น รู้จักรสนิยมตัวเองดีขึ้น คนวาดก็จะรู้ด้วยว่าจุดไหนที่มันยังปรับได้
หรือถ้ามึงขี้เกียจพิจารณา แค่รู้สึกว่าภาพมันแปลกๆนะ มึงลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดู ว่าถ้าเป็นมึงมาเห็นคนพูดถึงงานมึงแบบนี้มึงชอบมั้ย รู้สึกยังไง เท่านี้เลย คือกูน่ะรู้สึกว่าถ้ามีความเมตตาให้คนที่เรากำลังวิจารณ์บ้าง ต่อให้มึงจะใช้ศัพท์วิชาการหรือพูดผิดหลักยังไงมันก็ยังคุยกันได้ แต่การจั่วหัวว่า "มีใครรู้สึกเหมือนกูบ้างมั้ยว่างานนี้ไม่ดี" แล้วจี้ศัพท์วิชาการมารัวๆ แบบนี้มันโจมตีแล้ว ไม่ใช่วิจารณ์ ที่กูบอกว่าอย่าใช้ศัพท์วิชาการโดยที่ไม่รู้จริงจะดีกว่าก็คือในกรณีนี้ เพราะเวลาพูดถึงงานชิ้นไหนในแง่ไม่ดี คนเราจะเผลอข้ามเส้นจากวิจารณ์ไปเป็นโจมตีได้ง่ายๆโดยไม่รู้ตัวเลย ถ้าโจมตีแล้วมึงเป็นฝ่ายถูกมึงก็แค่สะใจ แต่ถ้าโจมตีแบบผิดๆ นักวาดก็เสีย ตัวมึงก็เสีย