Last posted
Total of 1000 posts
>>884 การบอกว่าต้องเขียนให้มีฉากสังคมไม่ยอมรับ ต้องโดนดูถูกเหยียดหยาม=ไม่โรแมนติไซส์ กูก็คิดนะว่าไอ้การที่ถูกดูถูกเหยียดหยาม ข้ามผ่านความลำบากมากมาย สุดท้ายพบรักแท้ที่คู่ควร นี่โคตรจะโรแมนติไซส์เลย5555555 กูคิดว่างาน taboo จุดขายของมันคือการเล่นกับศีลธรรมในใจคนอยู่แล้ว อาจจะเป็นศีลธรรมของตัวละครเอง หรือ conflict ในใจคนอ่าน ไอ้ incest อะไรต่างๆ ที่สังคมไม่ยอมรับ บางทีก็เป็นเหมือนอุปสรรคในเรื่องที่ตัวเอกต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนจะไปถึงจุดนั้นด้วยซ้ำ
แล้วเห็นข้างบนพูดถึงโลลิตา จริงๆ โลลิตานี่ก็เล่าจากมุมมองพระเอก ถ้าจำไม่ผิดมันก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองทำผิดอะไรด้วยนะ ออกจะบอกว่าตัวเองน่าสงสาร โทษเด็ก โทษแม่เด็กล้วนๆ แต่โทนเสียงมันออกมาครีปปี้ แล้วมันก็มีนิยายอีกมากที่เล่าจากมุมมองตัวเอกที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ อย่างนี้จะทำไงอ่ะ ถ้าคนอ่านแยกแยะเองไม่ได้ก็จะฉอดนักเขียนไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอ มึงเขียนมาให้ถูกด่าเอง งี้เหรอ
ประเด็นวางร้าน เขาก็หมายถึงให้จัดเรท แบ่งโซน เพื่อไม่ได้ให้เด็กเข้าถึงได้มั้ย แต่มึงบอกว่าต้องเขียนบอกว่าไม่ดีเพื่อไม่ให้เด็กเข้าถึงด้วย ซึ่งถ้าในโซนนิ่งก็แล้ว ตรวจอายุก็แล้ว มันจะมีเด็กที่ไหนเข้าไปซื้อได้ล่ะ
ถ้าหมายถึงที่บ้าน หรือจะรู้ได้ไงว่าจะไม่ถึงมือเด็ก นี่ก็เกินความรับผิดชอบของนักเขียนจริงๆ นั่นแหละ มันไม่ใช่งานที่มีเป้าหมายเป็นเด็กตั้งแต่แรกแล้วอะ
เมื่อความรักเป็นสิ่งสวยงามบริสุทธิ์ เราห้ามได้ด้วยเหรอ แต่ก็อย่างที่กุบอกว่าไม่ใช่ norm ของสังคมถ้าจะเขียนก็ต้องมีคนด่าอยู่แล้ว ไม่รู้มึงนับถือซรัทธาในสิ่งไหนนะ แต่ความคิดมึงบางทีก็งงอ่ะ
ล่าสุดมีนักศีลธรรมตั้งแท็กแบนสนพ 7 คนสู้ๆนะค่ะ แยกโลดนิยายกับอาชญากรรมจริงๆออกเมื่อไหร่ค่อยมาเอดูเขตใหม่ ไม่ต้องยกตนข่มท่านว่าสูงด้วยอีดอก
>>891 ทำไมกุคิดว่าของจริงมันไม่ได้สวยงามบริสุทธิ์อะไรหรอก แม่งเจือใคร่ทั้งนั้นล่ะ เราถึงต้องมาหาความสวยงามจากนิยายกันไง ที่มึงบอกว่าสวยงามบริสุทธิ์ มันก็คือการโรมานติไซส์ให้เกินจริงทั้งนั้น กุถึงคิดว่าพวกที่เสพนิยายรักแต่บอกว่าห้ามโรมานติไซส์ นี่แม่งโคตรย้อนแย้ง
อยากอ่านแบบไม่โรมานซ์ โน่นบันทึกชีวิตภรรยาข้ามแดน แต่งกะฝรั่งเพราะเงินกะความจำเป็น ฝรั่งอยากได้คนดูแลกะคนไว้เย ผญ. อยากได้ที่พึ่งพิงทางการเงิน อยู่ๆกันไปเผอิญผช นิสัยไม่แย่ ผจญความต่างวัฒนธรรม อยู่กันได้ด้วยดีแต่ก็ดีงั้นๆ ไม่ได้รักไรลึกซึ้งปานกลืนกิน นิยายสไตล์เรียลไลฟ์แบบนี้มึงสนใจจะอ่านจริงๆเหรอ มันก็มีเวลาที่อยากเสพแนวนั้นแต่กูก็บอกได้เลยว่ามึงจะไม่ได้ความฟินแบบทุกวันนี้หรอก
งั่นหนังบู๊ฮอลลีวูดระดับโลกที่ตัวเองเป็นแก๊งค์โจร ไปปล้นธนาคารต่างๆ ของโบราณ จบด้วยการหนีตำรวจแล้วไปใช่เงินอย่างมีความสุขจัดปาร์ตี้ที่ทะเลในตอนจบ โรแมนติไซส์พอมั้ย ทำไมไม่มีใครมาตั้งคำถามบ้าง
>>890 เขาบอกแค่ว่ามันเป็นยุคอียิปต์โบราณ วัฒนธรรมมันคือแต่งงานกันเองรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ ผลพวงคือน้องชายนางเอกไม่แข็งแรง ป่วยตายตั้งแต่สิบกว่าขวบ แต่บังเอิญชายสามอ้างไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงคือวัฒนธรรมจีนไม่ได้สนับสนุนการแต่งกันเอง ต้องหาเหตุผลใหม่ เท่านี้เลย
บางคนก็นึกว่าไม่โรแมนติไซส์คือนึกว่าต้องหาดราม่าให้ตัวเอก ต้องแต่งให้คนไม่ยอมรับนู่นนี่แล้วค่อยรักกันตอนจบเนอะ คิดไปเองทั้งนั้น แล้วก็มาด่ากู ประสาทแดก
ดราม่าแล้วรักกันอยู่ด้วยกันตอนจบน่ะเขาเรียกว่าโรแมนติก
โรแมนติไซส์=ทำให้บางสิ่งดูดีกว่าที่เป็นจริง
โรแมนติไซส์≠ทำให้โรแมนติก
กูอ่านอชสมาตั้งแต่มันเพิ่งลงเว็บ เคยโดเนทให้กำลังใจ แต่เท่าที่กูจำได้ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ไม่มีตรงไหนบอกว่าอินเซสเป็นสิ่งผิดในโลกจริงๆ ตัวเรื่องปล่อยเบลอเหมือนเป็นของปกติ ซึ่งการเขียนให้เรื่องผิดปกติเป็นเรื่องประหนึ่งปกตินี่แหละที่เข้าข่ายโรแมนติไซส์
อ้อ นอร์มอลไลซ์ แปลว่า “ทำให้กลับเป็นปกติ” นะ เผื่อใครอ่อนภาษาอังกฤษ
สิ่งที่กูคิดคือ น่าจะเพิ่มเนื้อหาตรงนี้ซักย่อหน้า อธิบายว่า “ในโลกจริงมันไม่ใช่นะ” แต่นี่คือโลกที่คนเขาไม่ถือสาตรงนี้ เขารับได้ แค่นี้เท่านั้นเอง แล้วก็บอกแบบนี้มาตั้งแต่ต้น ไม่เคยพูดเลยว่าให้เขียนแบบถูกศีลธรรมหรือต้องมีดราม่ามาขัดขวางตัวละคร ที่ด่าๆเนี่ย ด่ากูหรือด่าจินตนาการตัวเอง หรือจริงๆก็เข้าใจ แต่ไม่อยากให้ในเรื่องมีแม้แต่คำว่า “อินเซสมันผิด” กันแน่ล่ะ
>>905 ต้องการคุยอะไรล่ะ กูไม่เห็นประเด็นของมึงเลย มึงบอกกูว่า “การทำให้มันซาบซึ้ง ทำให้รู้สึกว่าคู่ควรความพยายาม ทำให้รู้สึกสวยงามเกินจริง นี่ก็เป็นการโรแมนติไซส์เหมือนกันจ้ะ คนพูดกันไปเยอะแล้ว” เออ แล้วไงอีก กูเคยพูดอะไรแย้งประโยคนี้เหรอมึงถึงบอกกูว่าคนพูดกันไปเยอะแล้ว จะให้กูคุยกับมึงว่ายังไง
มันมีนิยายเรื่องไหนไม่โรแมนติไซส์อะไรสักอย่างด้วยเหรอ
ไม่ใช่ 910 แต่ก่อนว่าใครตอแหลต้องกลับขึ้นไปอ่านบ้างนะว่าพ่นอะไรไว้บ้าง อธิบายยาวยืดแต่ใจความก็คือตามนั้นเลยอะ ไม่ใช่มาเลี่ยงบาลีว่าไม่ได้พูด ตอแหล
กูเกิดความสงสัยนิดหน่อยตรงที่ว่าต้นเรื่องที่ฉอดเสือกชอบนิยายแนว Rape แล้วก็จบดีโดยที่ก่อนหน้านั้นมีการปรับความเข้าใจกัน (ถือว่าไม่โรแมนติไซส์ใช่ไหมนะ???)
ในส่วนขององค์ชายสามเท่าที่กูสกิมมาและคุยกับเพื่อนที่ได้อ่าน มันก็ไม่ได้เชิดชูว่า Incest ถูกต้อง เพราะตัวเอกก็เครียดกับเรื่องแบบนี้เหมือนกัน แถมคนรอบตัวตัวเอก(แม่พี่ใหญ่)ก็ดูจะไม่ได้รับกับเรื่องแบบนี้ได้เต็มที่ด้วย คือมันเป็นการจำใจยอมรับนะในความเห็นกู
แต่ถ้าหากคนบอกว่า องค์ชายสามเป็นนิยายที่มีเนื้อหา Incest+ตัวเอกไม่สบายใจกับความสัมพันธ์ แม่ของหนึ่งในพระเอก(คนนอก)จำใจยอมรับ(=ไม่เห็นด้วยเต็ม 100) แต่จบ Happy End = โรแมนติไซส์
ดังนั้นเรื่องนั้นที่ต้นเรื่องดราม่าอ่านที่มีฉาก Rape+ปรับความเข้าใจ แต่จบดี = เรียกว่าอะไร? โรแมนติไซส์รึเปล่า? หรือแค่ปรับความเข้าใจกันแล้วก็ถืว่าไม่โรแมนติไซส์? ถ้างั้นความรู้สึกไม่สบายใจของตัวเอกและความจำใจยอมรับของแม่พี่ใหญ่ของเรื่ององค์ชายสามคืออะไร?
หากวิเคราะห์โดยที่พื้นฐานของการ Rape และ Incest นั้นขัดต่อศีลธรรมกับความดีงามของ norm ณ ปัจจุบัน (ปล. Rape เป็นอาชญากรรมที่มีโทษทางกฎหมาย ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ในขณะที่ Incest ขึ้นอยู่กับปัจจัยของเรื่อง Consent / Power Dynamic / Grooming* (*ซึ่งหัวข้อนี้ต่อยอดไปประเด็น Pedo ได้ แต่กูเกรงว่าถ้าพิมพ์ถึงมันจะยาวเกินไป) หากตัดปัจจัยเหล่านั้น (Consent / Power Dynamic / Grooming) ออกแล้วก็จะเหลือแค่คนสองคน (ชญ./ญญ./ชช.) ที่มีสายเลือดเดียวกันแต่รักกันฉันชู้สาวโดยที่มี Consent ทั้งสองฝ่าย นอกนั้นจะเป็นเรื่องของกรณีเด็ก(กรณีท้องได้)ที่เกิดมาผิดปกติ และเรื่องของศีลธรรมที่เป็นข้อกังขาในสังคม ณ ปัจจุบัน)
ดังนั้นกูอยากจะขอสรุปดราม่าที่มีทั้งหมดก็คือ : บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานว่าคนคนนั้นชอบเรื่องไหนเท่านั้นแหละ เพราะขอแค่เป็นเรื่องที่ตัวเองชอบ ทุกอย่างต่อให้จะเห้ ต่อให้จะมี TW ที่อุจาดขนาดไหนก็รับได้หมดนั่นแหละ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่ไม่มีคำว่า 'เป็นกลาง' อย่าง 'เที่ยงตรง' อยู่ในจิตใจอยู่แล้ว
ปล. เหยื่อของเรื่อง Incest Rape การถูกนอกใจ การถูกหลอกหลวง การถูกเล่นกับความรู้สึกเพื่อความสนุกสนาน/เพื่อบรรลุเป้าหมายของใครสักคน (aka พวกพระเอกเจ้าชู้ เพลย์บอย พระเอกเลว ๆ เล่นกับความรู้สึกนายเอก/นางเอกเพื่อทำให้ตนบรรลุเป้าหมายบางประการ) ฯลฯ มีความบอบช้ำทางจิตใจที่รุนแรงเท่ากันในระดับแผลใจ(Trauma)แน่นอน ดังนั้นหากพูดว่าการอ่าน/เขียน Incest + สอดแทรกการตระหนักรู้ (อาจจะในตัวเนื้อหานิยายหรือไม่ก็ Talk ของนักเขียน) แต่จบ Happy End เป็นการไม่เห็นใจต่อเหยื่อ งั้นในทางกลับกัน การเขียน Rape การถูกนอกใจ การถูกหลอกหลวง การถูกเล่นกับความรู้สึกเพื่อความสนุกสนาน/เพื่อบรรลุเป้าหมายของใครสักคน + สอดแทรกการตระหนักรู้ (อาจจะในตัวเนื้อหานิยายหรือไม่ก็ Talk ของนักเขียน) แต่จบดีก็เป็นการ 'ไม่เห็นใจ' เหยื่อเฉกเช่นเดียวกันกับกรณีของ Incest
(บรรทัดฐานของแต่ละหัวข้อที่กูเสนอ คือบรรทัดฐานที่ว่ามีเหยื่อเกิดขึ้นจริง ๆ เหมือนกันทั้งหมด แต่จะมี Rape ที่จะแตกแยกออกมาจากพวกหน่อยตรงที่มันผิดกฎหมายและมีโทษอย่างเห็นได้ชัด)
ดังนั้นหากประเด็นของเรื่อง Incest นำไปสู่การยุติการเผยแพร่สื่อทุกประเภททั้งบนดินและใต้ดิน คำถามก็คือ : นิยายที่มีฉาก Rape การถูกนอกใจ การถูกหลอกหลวง การถูกเล่นกับความรู้สึกเพื่อความสนุกสนาน/เพื่อบรรลุเป้าหมายของใครสักคน ก็สมควรที่จะไม่ได้รับการเผยแพร่ด้วยใช่หรือไม่?
กูแค่สงสัย อยากจะให้โม่งออกความเห็นกันอย่างสุภาพกับประเด็นนี้ เพราะมันเป็นเคสที่น่าสนใจสำหรับกู และกูก็ไม่ได้สนับสนุนเรื่องของ Incest Rape การถูกนอกใจ การถูกหลอกหลวง การถูกเล่นกับความรู้สึกเพื่อความสนุกสนาน/เพื่อบรรลุเป้าหมายของใครสักคนในชีวิตจริง กลับกันเมื่อกูรับรู้ถึงข่าวแบบนั้น กูก็เกิดเป็นความขยะแขยงขั้นสุดในจิตใจและอยากจะสาปส่งคนทำด้วยซ้ำ แน่นอนว่าที่กูคิดแบบนั้นเพราะกูแยกแยะเรื่องของนิยายและความเป็นจริงได้ และกูมีวิจารณญาณพอสมควร
>>903 "ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ไม่มีตรงไหนบอกว่าอินเซสเป็นสิ่งผิดในโลกจริงๆ ตัวเรื่องปล่อยเบลอเหมือนเป็นของปกติ"
ประโยคนี่แหละ ทำให้บางคน (ไม่รู้ส่วนใหญ่มั้ย) รับไม่ได้กับประเด็นของเรื่องนี้
ซึ่งเรื่อง incest แม่ง sensitive มาก
กูยกตัวอย่างนิยายคินดะอิจิ จำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน
มันมีคดี ผู้ชายกับผู้หญิงรักกัน มีอะไรกัน แล้วมารู้ทีหลังว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน แล้วฝ่ายหญิงฆ่าตัวตาย
ถ้ามันเป็นแบบคินดะอิจิ คือคนทั่วไปยอมรับได้ไง เนื่องจากมันไม่ขัดกับการรับรู้ในสังคมเท่าไหร่
พอมันเป็นนิยายที่ happy ending แบบอุปสรรคน้อย คนเลยรับไม่ได้
ถ้าสมมติแต่งให้องค์ชายสาม เจออุปสรรค์เยอะๆ หนักๆ คนอาจจะรับได้มากกว่านี้รึเปล่า หรือก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากไม่ฟังเหตุผลก็ไม่รู้
>>911 มึง เอางี้นะ ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าไอ้คำเตือนแนวที่มึงบอกมันไม่มีนะ หลายสนพ. หลายเล่มส่วนมาก จะมีจั่วหัวไว้หน้าแรกๆอยู่แล้วว่า "นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องแต่ง (ถ้าแฟนตาซีหน่อยอาจมีคำว่าจากจินตนาการของผู้เขียน)ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ ความจริง" กันอยู่แล้วนะ คำถามคือมึงจะให้เพิ่มเคสทริกเกอร์อื่นๆอีกเป็นรายทริกเกอร์เพื่อเตือนสติเด็กใช่ไหม
ขนาดไอ้อันแรกที่กูยกมายังไม่มีใครสนใจเลย แล้วพอมึงเอามาใส่เตือนเด็กมันต้องเน้นขนาดไหน และหนังสือที่ไม่ได้ผลิตมาเพื่อให้เด็กเข้าถึง ทริกเกอร์มันย่อมเพียบอยู่แล้ว มันต้องเตือนขนาดไหนถึงจะรั้งสติเด็กอยู่ แปะเต็มหน้าเหมือนเชิงอรรถเจ้หลินเลยไหม หรือแค่หน้าแรกแบบข้างบน อันนี้คือความพอดีในทางเชิงปฎิบัติที่จำต้องถกนะมึง ถ้าแปะทุกจุดทุกชนิดทริกเกอร์ มันเหมาะมั้ย แปะหน้าแรกเด็กมันจะรู้มั้ยว่ามึงห้ามอันไหน ยังไม่รวมอันแรกที่กูยกมามึงคิดว่ามันได้ผลมั้ย อันนั้นคือมีมานานแล้วนะ
ใดๆคือคำเตือนพวกนี้มันรั้งสติเด็กไม่ได้ เพราะวุฒิภาวะมันยังไม่ถึงตั้งแต่ต้น ถ้ามึงเป็นคนที่ยกเคสพี่ชายข้างบ้านเมื่อวานขึ้นมา เด็กมีแนวโน้มเชื่อฟังคนใกล้ตัวมากกว่าตัวอักษรที่เขียนแบบทางการไร้อารมณ์อยู่แล้ว ทางที่ดีคือหาทางไม่ให้เข้าถึงก่อนวัย ถ้าเข้าถึงแล้วมันหลุด ก็แก้เคสบายเคสไป อันนี้กรรมใครกรรมมันแล้ว เพราะมึงวางกฎดียังไงมันห็แค่ตาข่าย เคสลอดแหโดยคนชั่วๆมันต้องมีบ้างแหละ
ไม่อย่างงั้นก็เหลือแค่ทางปิดกั้นกำจัดสื่อพวกนี้ออกไปอย่างสมบูรณ์ห้ามมีห้ามเกิด มึงห้ามพวกผญ.ที่ต้องการระบายด้านมืดไหวมั้ยละ อีสียังกั้น bl เข้าประเทศมันไม่ไหวเลยนะ หลายๆคห.ที่มีเหตุผลอาจจะแค่อยากบอกว่า คิดว่ามันน่าจะทำได้ยากและน่าจะไม่ได้ผลดีเท่าไหร่แค่นั้นแหละมึง
>>914 กูว่ามันมีประเด็นที่ยังเจออุปสรรคไม่มากพอ
สำหรับกูเนี่ย มัน happy ending ได้ แต่อุปสรรคต้องเยอะมาก จนคนอ่านสงสาร
แบบ ถ้ามันเจอหนักขนาดนี้แล้วยังรักกัน ก็ให้มันรักกันไปเหอะ กูทนไม่ไหวแล้ว
เช่น ความรักเปิดเผย คนทั้งแผ่นดินรับไม่ได้ พอ นอ ต้องสละราชสมบัติ เป็นสามัญชน หลบหน้าผู้คน แต่รักกัน
อันนี้คนจะรับได้มากกว่า
แต่ถ้าอุปสรรคน้อย คนจะรู้สึกว่า อะไรวะ โดนแค่นี้เองเหรอ น้อยไปหน่อยมั้ย ดูไม่สาสมกับการผิดศีลธรรมมากเท่าที่ควร ไรงี้
คือมันดูไม่เป็น โรมิโอกับจูเลียต พออะ ถ้าจะเล่นประเด็นศีลธรรม ต้องดราม่าเยอะๆ คนถึงจะยอมรับได้
ถ้าดราม่าน้อย มันจะรู้สึกขัดหน่อยๆ
อ้าว ตกลงในเรื่องมันไม่มีบอกว่าผิดเหรอ กุสงสัยเฉยๆนะ เพราะเห็นมีคนบอกว่าตัวละครก็รู้สึกผิดกับความสัมพันธ์แบบนี้
มึงกูสงสัย
1.พี่น้องจริงๆพ่อและ/หรือแม่เดียวกัน (หรือสายเลือดชิดอื่นๆ (เช่นพ่อลูกแท้ๆ) โตมาด้วยกัน
2.พี่น้อง พ่อลูก คนละสายเลือด แต่โตมาใกล้ชิด เลี้ยงดูมาด้วย status ครอบครัว เช่น adopted
3.สายเลือดเดียวกัน แต่ไม่ได้โตมาด้วยกัน เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน รู้ความจริงภายหลัง
4.ร่างกายเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือด แต่จิตใจเป็นคนอื่น (เช่นนิยายสิงร่างคนอื่น หรือทะลุมิติ)
5.ร่างกายไม่เกี่ยวกันทางสายเลือด แต่วิญญาณใช่ เช่น ข้อ4สิงร่าง เพียงแต่กลับกัน
พวกโม่งจัดอันไหนเป็นอินเซส อันไหนไม่เป็น
ส่วนตัวกูจัดว่าเป็นทั้งหมด กูไม่อ่านทั้งหมด แต่กูไม่สนว่าใครจะเขียนนะ
องค์ชายสามเทียบกับแนว incest อื่นหนิ อุปสรรค์น้อยมาก ไม่ต้องอะไรหรอเทียบกับรัชทายาทของเฟิ่งนงที่โม่งเคยยกมาไม่ได้ถึงครึ่งอุปสรรคของเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ตัวแปรโคตรเหมือนกัน ทั้งชิงบัลลังก์ ทั้ง incest แต่เรื่องนั้นกว่าจะรักกันได้ก็ลากเลือดปางตายกันทั้งคู่
ความเห็นกูต่อประเด็น incest ในนิยายนะ
กูแบ่งเป็น 2 แบบ
incest แบบ pwp อันนั้นไม่ต้องการเหตุผล คนเงี่ยนจะเยกัน ไม่ต้องมีอะไรซัพพอร์ตก็ได้ กูอ่านเพื่อความเงี่ยน
incest แบบนิยายปกติ
กูว่ามันแต่งได้ แต่ต้องมีดราม่ารองรับเยอะๆ เพื่อบิ้วคนอ่านให้สงสารและเห็นใจ
ถ้ามันดราม่า มันจะมีทางให้คนยอมรับได้มากกว่า
เช่น พอ นอ รักกัน แต่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นพี่น้อง มารู้ทีหลัง แต่เลิกไม่ได้
ความแตก คนไม่ยอมรับ พอ นอ โดนทรมานสารพัด โดนเฆี่ยน ตี เสื่อมเสียชื่อเสียง โดนปาหิน
ผ่านอุปสรรคมาเยอะมาก จนคนอ่านนอนร้องไห้น้ำตาไหล สุดท้ายรักกัน happy ending อันนั้นกูว่ามี % ยอมรับได้เยอะหน่อย
แต่ถ้าอุปสรรคมันน้อย ดราม่ามันน้อย คนจะรู้สึกว่ามันไม่พอ มันดูขัดมากไปหน่อย ดูคล้ายๆแนว pwp มากไป
นิยายไม่จำเป็นต้องทำตามขนบ ถ้าอยากทำตามศีลธรรม มีศีลสมาธิปัญญา อย่าอ่านเลยนิยาย เชิญไปอยู่ในโลก 1984 ตำรวจความคิด
>>924 ใช่ กูเคยอ่านรัชทายาท กูรับได้กับ incest ในรัชทายาท
เพราะรู้สึกว่า มันสาสม มันโดนการลงโทษอะไรบ้าง กว่าจะรักกันได้
มึงอาจจะมองว่ามัน romanticize หรือไม่ก็ได้
แต่กูรู้สึกว่า ถ้าโดนลงโทษมาก แล้วสุดท้ายยืนยันจะรักกัน ก็ปล่อยไปให้ ให้เค้าได้รักกันเหอะ อย่าทรมานเค้าอีกเลย
กูเลยคิดว่า ผิดศีลธรรมได้ แต่ต้องทำให้คนอ่านสงสารและเห็นใจ
อะไรประมาณนี้อะ
>>914 ความเห็นกูคือใช่ ถ้าแบนก็แบนหมด ถ้าไม่แบนก็ไม่หมด แต่กูไปทางแค่จัดระเบียบการเข้าถึง แปะtwก็พอแล้ว
กูคือคนบนๆที่โพสว่างงทวิตเตี้ยนที่สองมาตรฐานกับเรื่องนี้ ฟินกับเรปโคดเยอะ แต่หยี๋กะอินเซส ทั้งที่ความเห็นกูคือเรปผิดกว่าอย่างชัดเจน (เช่นอินเซสชช.โตแล้วconsentทั้งคู่ผิดประเด็นไหนอีก ไม่มีทายาท ไม่กรูมมิ่ง ไม่เปโด) สุดท้ายมันเป็นที่คนส่วนมากได้รับคำสอนฝังหัวมาว่าผิดแต่ไม่เคยตั้งคำถามอะว่าผิดยังไง แต่เรปเห็นกันในละครหลังข่าวแต่เด็กเลยกลายเป็นเฉยๆฟินกันได้
คหกุอาจเป็น unpopular opinion แต่ส่วนตัวกุมองว่าคนเขียนอยากเขียนไรเขียนเลย ไม่ควรมีใครไปปิดกั้นว่าแนวนั้นแนวนี้ไม่ควรเขียน แต่ขณะเดียวกันคนอ่านก็มีสิทธิ์วิจารณ์ว่ะ แต่ควรวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่มาแนว "ฉอด" ถ้าไม่โอเคกับอินเซสก็วิจารณ์ไปว่าอินเซสมันไม่ดียังไง ในเรื่องมันนอมัลไลซ์มั้ย ยังไง ซึ่งตอนนี้มันไม่มีใครวิจารณ์แบบนั้นอ่ะ ฝ่ายที่เข้าข้างงานเขียนหลายๆคนก็เลยทำเหมือนงานเขียนพวกนี้แตะต้องไม่ได้ไปด้วย แบบดีเฟนด์ว่างานเขียนก็คืองานเขียน ไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน (ซึ่งกูไม่เห็นด้วยนะ อ่านแล้วไม่ชอบก็วิจารณ์ได้ งานเขียนไม่จำเป็นต้องชมอย่างเดียว) มันเหมือนยิ่งเถียงกันก็ยิ่งสุดโต่งทั้งสองฝ่ายไปแล้วอ่ะ แต่อันนี้กุหมายถึงพวกดีเฟนด์แบบสุดโต่งเหมือนห้ามแตะต้องไรงี้นะ ไม่ได้หมายถึงคนที่ด่าพวกไม่ชอบอินเซสแล้วแหก tw มาอ่าน
คิดสภาพเอานิยายแนวๆนี้มาตีพิมพ์บนบก ถ้าวางขายในร้านหนังสือมันฝากหิ้วได้อยู่แล้ว ขนาดกูยังเคยเจอเด็กม.ต้นมาขอฝากหิ้วนิยาย 20+ เลย555 ยิ่งเอาลงออนไลน์นะ บางที่ซื้อ-ขายไม่ตรวจอายุผู้ซื้อด้วยซ้ำ เจอยังงี้พวกมึงจะป้องกันกันอย่างไงเอ่ย? ของบางอย่างอย่าเอาขึ้นบกไปตีพิมพ์เลย ถ้ามันจะมีผลเสียมากกว่าผลดี
>>927 ถ้าเอากรณีแค่ว่าดราม่ามากพอไหมถ้ามากพอแล้วสุดท้ายจบเรื่องถึงคู่กันเป็น incest คนจะโอเคมาตัดสินเป็นเกณฑ์เรื่อง มันจะกลายเป็นสองมาตรฐานมาก กูเข้าใจที่มึงสื่อนะ ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นคนเอาเกณฑ์นี้มาตัดสิน กูแค่บอกว่าสมมติใช้เกณฑ์นี้จริงๆมันก็ไม่ได้อะ เพราะบางคนเขาก็มองว่าตัวละครก็รู้สึกผิด ไม่ได้คิดว่ามันถูกมันก็สื่อในตัวมันเองแล้ว ปัญหามันเลยอยู่ที่ว่าถ้าอยากจะแบนก็ต้องแบนหมด แล้วเลยมีคนตั้งคำถามด้วยว่าแบบนี้กรณีพระเอกขึ้นอย่างหงส์ทำตัวโบ้ๆเรป สุดท้ายโดนลงโทษแต่กลับตัวกลับใจกลายเป็นหมาได้กลับมารักกับนายเอก ทำไมคนถึงไม่ค่อยโวยวายเป็นประเด็นขนาดนั้นทั้งๆที่มันก็คือ rape to love จะเรื่องดราม่ายังไงสุดท้ายมันก็รักกับคนที่เรปตัวเอง เคยทำ toxic กับตัวเอขนาดนั้นอะ
>>932 กูเข้าใจมึง และขอบคุณที่มึงเข้าใจกู
กูรู้สึกเหมือนกันในประเด็น rape to love
สารภาพนะ กูอ่าน
กูรู้สึกว่า คนรับ rape to love ได้ ถ้าพระเอกขึ้นอย่างหงส์ลงอย่างหมา คือมึงทำเลวได้ แต่ถ้ามึงโดนกรรมที่ได้ก่อไว้จนสาสม
กูจะยอมให้อภัยมึง และยอมรับให้มึงได้รักกับลูกกู (กูเป็นมัมหมี ลูกก็คือนายเอก)
แต่ถ้ามึง rape มึงทำเลว แล้วมึงไม่กลับใจ ไม่ได้รับกรรมที่ก่อไว้ กูจะรับไม่ได้ขึ้นมาทันที
กูว่าประเด็นคนรับได้กับรับไม่ได้ มันอยู่ที่ควรน่าสงสาร
ถ้าเขียนให้น่าสงสาร คนจะรับได้
แต่ถ้าไม่น่าสงสาร คนจะเฉยๆ หรืออาจจะรับไม่ได้ก็ได้
incest ก็เหมือนกัน
ถ้าแต่งให้คนสงสาร คนจะเข้าข้าง ปล่อยให้เค้ารักกันเหอะ อย่าด่าลูกกู ลูกกูทรมานมามากพอแล้ว ปล่อยให้เค้ารักกัน
แต่ถ้าคนไม่สงสาร มันก็จะไม่มีมัมหมีคอยปกป้อง
อันนี้คือไม่ได้ยึดตามหลักการอะไรเลย ขึ้นกับอารมณ์คนอ่าน
ตรงกันข้ามรัชทายาทดันเป็นแนวอินเซสที่กุไม่ชอบรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะความสัมพันธ์ในเรื่องมันเริ่มจากการบีบบังคับ นายเอกไม่มีทางเลือก สุดท้ายยอม ตกหลุมรัก ขาดกันไม่ได้ จบท้ายที่แฮปปี้เอนด์ดิ้ง เป็นขนบนิยายอินเซสแบบที่กุไม่เคยจะชอบเรื่องไหนมาแนวทางนี้กุอ่านไม่จะจบ ตรงข้ามกุโอเคกับอินเซสที่ตัวละครมันยินยอมพร้อมใจ รู้ว่าบาป รู้ว่าคนไม่มีทางยอมรับ แต่เต็มใจจะเลือกทางนี้เอง ต่อให้ไม่มีดราม่าอุปสรรคลากเลือดแบบยิ่งใหญ่อลังการ แต่กุอ่านแล้วสบายใจไม่อึดอัดจิตตกแบบแรก
ส่วนองค์ชายสามฯกุอ่านไม่จบเพราะไม่โอเคกับการทรีตตัวละครหญิงในเรื่องของนข. เลยโนคอมเม้น
>>936 แนวนี้ฝั่งชญมีมานานแล้ว ละครไทยที่สาววายชอบด่ากันก็แนวนี้ทั้งนั้น พระเอกเหี้ยตามง้อนางเอกที่ท้องแล้วหนี กุเจอในละครไทยมายี่สิบสามสิบปีละ แต่วายเพิ่งมาฮิตกันช่วงที่เริ่มฮิตนายเอกท้องได้ พอมาฮิตในฝั่งวายมันก็เลยมาแนวเดียวกับชญตรงที่พระเอกต้องเป็นคนง้อ มันเป็น trope น้ำเน่าคลาสสิกอ่ะ
กูรู้สมัยเรียนกูเปรตมาเยอะ555 วิธีหาช่องใช้ทริกต่างๆทำมาเยอะ
กูคือ >>914 กูกลับไปย้อนอ่านที่พวกมึงถกกันอีกครั้ง กูก็เกิดข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งว่า :
'ถ้า' งานเขียนผิดศีลธรรม(กูไม่พิมพ์ซ้ำนะ แต่ในคห. 914 กูยกตัวอย่างไว้แล้วพอสมควร) สามารถเขียนได้ สามารถขายได้แต่ต้องมีการตรวจอายุและจำกัดการเข้าถึงอย่างเข้มงวด เอาลงดินแบบที่มดชิดที่สุด ปัญหาถัดมาที่ต้องเจอแน่นอนก็คือ : เด็กน้อยไม่มีวิจารณญาณ มีแต่ความกระสันอยากจะอ่านจนหาวิธีอย่างการ เอาบัตรปชช.คนอื่น/ฝากหิ้ว/ซื้อออนไลน์ ไปซื้อมาอ่านจนได้
กูค้นพบว่าวิธีการแก้ปัญหานี้(การจำกัดอายุ)มีช่องโหว่ กูเลยคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่ว่าปัญหานั้นจะถูกแก้ด้วยวิธีไหน มันก็ยังคงมีช่องโหว่เสมอ (อาจจะมีวิธีแก้แบบไม่มีช่องโหว่ แต่ในที่นี้กูไม่ได้พูดถึงการแบนห้ามเขียน เพราะไม่งั้นงานนิยาย ละคร มังงะ และสื่อต่าง ๆ (ไม่รวมแค่วาย) ในตลาดจะต้องหายไปประมาณ 70% แน่นอน ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่านิยายแปล(และสื่อต่าง ๆ )จากประเทศอื่น ๆ ก็ต้องระงับการซื้อลิขสิทธ์และล้มเลิกการตีพิมพ์ไปพอสมควร)
ดังนั้นสิ่งที่กูอยากจะถามอีกครั้งในคห.นี้ก็คือ : ใครเป็นคนรับผิดชอบในการอุดช่องโหว่เหล่านั้น?
1. ผู้มีคุณวุฒิที่สามารถเผยแพร่แนวความคิดการแยกแยะและใช้วิจารณญาณกับสื่อ (เช่นผู้ปกครอง ครู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
2. ติด TW และชี้แจงเกี่ยวกับเนื้อหาโดยนักเขียน (แต่นักเขียนมีคนเดียว การแก้ปัญหาแบบนี้จึงมักจะอยู่ในรูปแบบประชาสัมพันธ์และการชี้แจงท้ายตอนหรือไม่ก็สอดแทรกความตระหนักรู้เข้าไปในเนื้อหา แต่ก็นั่นแหละ เพราะนักเขียนมีคนเดียว ประกอบกับมีนักอ่านบางประเภทที่ไม่อ่านรายละเอียดหนังสือ เช่นท้ายปก และคำนำ รวมถึงไม่อ่านทอล์คท้ายตอนของนักเขียนด้วย นั่นจึงเป็นการอุดช่องโหว่ที่ไม่เต็มร้อยเท่าไร แต่ถ้าพูดถึงผลส่วนใหญ่ก็ถือว่าได้ผลที่ดี...ถ้าคนที่ได้รับสารพอมีสติปัญญาในการขบคิดหน่อย)
3. ตัวนักอ่าน (กลุ่มคนที่ทำให้เกิดปัญหาโดยตรง)
ซึ่งข้อ 3 มันจะเป็นปัญหาต่อไปว่า จะทำยังไงให้คนกลุ่มนี้ตระหนักรู้ได้? และคำตอบก็จะไปสอดคล้องกับคนกลุ่มที่ 1
ที่กูพิมพ์ทั้งหมดเพื่อจะออกความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้คือทุกคนต่างทำเท่าที่ตัวเองรับผิดชอบได้เถอะ ไม่โบ้ยให้ใครคนใดคนหนึ่งรับผิดไปเต็ม ๆ แต่ช่วยกันหารก็พอแล้ว การผลักภาระไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีไม่ว่ากับเรื่องไหน นักเขียนก็ติด TW และเตือนให้นักอ่านตระหนักรู้เสมอทุกครั้งที่เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความผิดศีลธรรมปรากฏ นักอ่านก็กุมวิจารณญาณของตัวเองแน่น ๆ ตอนอ่าน ท่องในใจตอนอ่านไปได้ทุก ๆ 1 นาทีว่า 'นี่คือนิยาย นี่คือเรื่องในจินตนาการ'
ในส่วนของคนที่มันจะรั้นให้เขียนต่อแบบไม่สนใจผลกระทบต่อเหยื่อ หรือรั้นให้เลิกเขียนแบบไม่สนใจความหลากหลายของเนื้อหาแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นก็ปล่อยมันไปเถอะ คุยกันคนละภาษาแล้วล่ะ
กูงงทำไมคนฉอดแนวนี้ แต่ไม่มีใครไปฉอดอิพระเอกคลั่งรักไร้สติที่เหี้ยกับคนทั้งโลกดีกับเธอคนเดียวบ้างวะ พระเอกบางเรื่องนิร้ายกว่าตัวร้ายอีกกูเคยเจอแม่งสั่งให้องค์รักษ์รุมโทรมตัวละครหญิงเงี้ย เสือกมีแต่คนอ่านบอกฟินนน กูอยากถามจะตายว่ามึงบ้ากันปะ
มีคนยกตัวอย่าง incest ของเฟิ่งน่ง กุบอกเลยว่า รัชทายาทของเฟิ่งน่งนี่บ้งกว่าองค์ชายสามเยอะมาก แค่เริ่มเรื่องก็เป็นเรื่องการบังคับขืนใจแล้วจ้า และเป็นตัวอย่างนิยายที่ใช้อำนาจไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน กุรู้สึกว่าออกแนวคนที่ทำดีกับนายเอกเหลืออยู่ไม่กี่คนด้วย เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดบนพื้นฐานจิตใจที่ไม่ปกติเลย สำหรับกูเรื่องนี้ unhealthy relationship ว่ะ
แต่กุก็อ่านและซื้อเก็บนะ ตอนอ่านคือรู้ แยกแยะได้ว่ามันผิด กูว่านี่คือ common sense ที่คนอ่านนิยายทั่วไปมีนะ
แล้วทำไมเรื่องพวกนี้ถึงไปอยู่บนพื้นฐานของความน่าสงสารไปได้ล่ะเนี่ย
อันนี้แอบสงสัย คือโลกความจริงในปัจจุบันก็ยังมีบางชนเผ่าที่มีการร่วมเพศในครอบครัว แบบนี้ชาวทวิตจะตามไปชี้หน้าด่าเขาด้วยไหมว่าผิดศีลธรรม
อาจจะคนละเรื่องแต่เห็นพวกมึงฉอดเลืองนี้กันแล้วกูคิดถึงกรณีคุณแม่วัยใสเลย คือในเรื่องมีอุปสรรคมีคนไม่ยอมรับนะแต่มันน้อยกว่าความเป็นจริงมากจนคนอ่านแถมไม่รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคอะ กูว่ามันคล้ายกับองค์ชายสามที่เป็นเรื่องผิด มีคนไม่ยอมรับ มีอุปสรรคแต่ดันน้อยกว่าความเป็นจริงทำให้ประเด็นแรงๆแบบนี้ดูซอร์ฟลงจนคนไม่เห็นถึงความอันตรายของประเด็นนี้ว่ะ คือถ้าโตๆกันแล้วแยกแยะเป็นก็ดีแหละ พอคนที่แยกแยะไม่ได้มาอ่านสิถึงมีผลเสีย กูจำได้เลยหลังจากคุณแม่ไว้ใจออกมาเด็กท้องก่อนแต่แม่งยกให้เรื่องนี้เป็นไอดอล มองว่าท้องก่อนแต่งเป็นเรื่องไม่ผิดทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ กลายเป็นปัญหาสังคมไปอีกหนึ่งแทน กูเลยคิดว่าจริงแล้วข้ออย่างนี้ถ้าจะเขียนจะเล่นกันความเขียนให้เห็นของผลกระทบจริงๆที่ไม่ปรับให้ซอร์ฟลงดีกว่ารึป่าว ให้รู้จริงๆว่าประเด็นนี้คือเรื่องที่ผิดไม่ได้ทำให้ประเด็นมันดูโลกสวยจนคนบ้างกลุ่มเข้าใจผิดแล้วพาสังคมเดือดร้อน
กูอาจสื่อสารไม่ดีมากนะ แต่คิดจริงๆถ้าจะเขียนแนวนี้ไว้บนดินควรเล่นประเด็นให้แรงถึงผลเสียที่ตามมามากกว่านี้
ถกกันได้ยาวมากกกกกกกก 300++เม้น
>>916 ส่วนตัวกู กูอยากให้มีอย่างน้อยสักหนึ่งย่อหน้าในเนื้อเรื่อง ในตัวเนื้อเรื่องนิยายเลยนะ ที่อธิบายว่าอินเซสมันไม่ปกติยังไง และทำไมอินเซสในเรื่องนี้ถึงรับได้
แค่ย่อหน้าเดียวในเรื่องเท่านั้นเองที่กูอยากได้ และแค่อยากได้ด้วยนะ ไม่ได้ไปคาดคั้นว่าต้องมีให้ได้ แค่ถ้ามี กูคิดว่ามันอาจจะป้องกันการฉอดได้บ้าง
กูรู้และกูเข้าใจว่าติด tw แล้ว พยายามแล้ว ทั้งนักเขียนและสนพไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลย แต่เอาเข้าจริง tw มันเป็นแค่การเตือนเฉยๆว่าในเรื่องนี้คุณจะได้พบกับอะไรบ้าง
อาจจะมีคนบอกว่าแค่ติด tw เป็นการเตือนก็เหมือนบอกแล้วไงว่าผิด อันนี้สรุปแบบนั้นไม่ได้ เพราะ tw นี่มันรวมเนื้อหาลามกอนาจาร ความตายของตัวละครด้วย ซึ่งสองอย่างนี้ไม่ได้เป็นความผิดอะไร และในบางกรณี ตัว incest เองก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เลยว่าผิดจริงๆมั้ย ถ้าตัดประเด็นเรื่องยีน เรื่องศีลธรรม และเรื่องกรูมมิ่งออกไป ถ้าสองคนรักกันจริง incest จะยังเป็นความผิดรึเปล่า
สำหรับกู กูมองในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าความสัมพันธ์อาจจะตั้งอยู่บนพื้นฐานอำนาจที่ไม่เท่ากัน เลยอยากให้ใส่ลงไปในเนื้อเรื่องด้วย เพื่อประโยชน์ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเด็กมาอ่าน หรือผู้ใหญ่อ่านแล้วถือเป็นข้ออ้างให้ตัวเองไปล่อลวงเด็กก็ตาม มันอาจจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้ แต่กูมองว่ามีดีกว่าไม่มี ทั้งเพื่อชื่อเสียงของตัวนักเขียนเองและคนอ่าน
>>944 ถ้ามองประเด็นหลักเป็นเยาวชนนะ สื่อทำหน้าที่ตัวเองคือแปะป้ายแจ้งตามความเหมาะสมก็พอแล้ว ไม่ใช่หน้าที่สื่อที่จะต้องมาทำหน้าที่สอนใจเด็กหรือกังวลว่าอุ๊ยเดี๋ยวมีเด็กหลงมานะปรับเนื้อหาดีกว่า ทั้งที่ก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเค้าและได้แปะป้ายเตือนระดับเรตติ้งแล้ว เพราะสุดท้ายหน้าที่หลักคือพ่อแม่ผู้ปกครองอยู่ดีนะ มู้บนๆมีคนมาโพสว่าเป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายต้องยื่นมือมาช่วยดูแลเพราะพ่อแม่ก็ต้องทำงานไม่ว่างมาดู แต่กูว่ามันเป็นแก่นของปัญหาเลยวะ จะโยนปัญหาให้แต่ผู้ผลิตแก้ที่ปลายน้ำไม่ได้
ยกตัวอย่างอ้อมๆประชดเล็กๆ ถ้าเป็นเด็กเล็กมากๆพร้อมจะหยิบทุกอย่างเข้าปากหมดแม้แต่ฝาขวดน้ำหรือเหรียญบาท หน่วยงานใดๆต้องแปะป้ายบนฝาขวดน้ำด้วยหรือเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่ต้องดูแลและสอนลูกว่าสิ่งนี้เอาเข้าปากไม่ได้อะ
กลับมาถ้าเป็นเคสที่ถกกันอยู่ว่ากลัวเรื่องเยาวชนจะเข้าใจผิดเรียนรู้ผิดๆจากสื่อ คือต่อให้พยายามทำให้มันเข้าถึงยากยังไง ถ้าเด็กมันมีใจดื้ออยากท้าทายอยากลองไปแล้วมันจะไปหาทางมาได้อยู่ดีวะ กูเลยเห็นเป็นหน้าที่ผู้ปกครองที่ต้องสอนเรื่องว่าเด็กควรจะเลือกเชื่ออะไรไม่เชื่ออะไร อะไรที่ควรลองหรือเข้าถึงได้ในวัยไหนด้วย ถ้าเด็กมันอยากลองเหล้า ต่อให้หาซื้อยากถ้าพี่ข้างบ้านมาชวนมันก็ไปลองอยู่ดี ถ้าเด็กอยากอ่านr18 ก็ไปเอาบัตรพ่อแม่มาสมัครอยู่ดี
เออ เอาจริงที่ตบตีกันในทวิตมีถกกันไหมว่าอินเซสผิดศีลธรรมยังไง หรือแค่ไฝว้กันเรื่องนิยายอย่างเดียว ไล่ดูเห็นมีแต่บอกอินเซสผิดมาก รับไม่ได้ แต่ไม่มีคนบอกว่าผิดยังไงเลย
ตอนนี้กูอยากให้ สนพ เวลาออกนิยายออกทีเดียวครบชุดว่ะ กลัวโดนดราม่ากลางทางแล้วต้องหยุดขายแบบไม่จบ เห้อม
>>962 ผู้ปกครองทิพย์กันทั้งนั้น ถ้าไม่สอนแล้วเน้นห้ามเน้นปิด สุดท้ายฉุดไม่อยู่หรอก ขนาดเมื่อก่อนพวกโซเชียลอะไรเข้าถึงยาก กูยังลองอ่านไทยเซ็กสตอรี่ครั้งแรกตอน ม.2 ดูหนังโป๊เรื่องแรกตอน ม.4 แต่กูทำครั้งเดียวนะ ไม่ใช่แนวว่ะ มันrealไปออกแนวขยะแขยงอ่ะ เลยกลับมาสายการ์ตูน สายฟิคชั่นต่อ ตอนนั้นก็มีให้อ่านวายไม่มาก พวกวายลิขสิทธิ์นี่ไม่มีเลยมั้ง นิยายก็ยังไม่ค่อยมี แต่ฟิคชั่นเจป๊อปเจร็อคจะเยอะหน่อย
เมื่อก่อนยังห้ามไม่อยู่ ตอนนี้เด็กๆเข้าโซเชียลเก่งกว่ากูอีก จากที่พวกมึงทำมันจะไม่overprotectiveเหรอวะ กูกลัวว่าจากที่คิดว่าดีจะกลายเป็นร้ายแทน
>>964 ชญเค้าจะกลัวทายาทมีปัญหาสุขภาพที่เกิดจากเรื่องเลือดชิด แล้วถ้าเกิดขึ้นในบ้านกับผู้เยาว์มันก็เหมือนเคสเปโดกรูมมิ่งนะ
ส่วน ชชหรือญญ กูพยายามหาคำตอบมาตั้งแต่มีเรื่องแล้วว่า ชชหรือญญ โตแล้ว คอนเซนทั้งคู่ผิดยังไง คือพื้นฐานกูไม่ได้สายนี้หรือสนับสนุนนะ แต่กูรำคาญแอคฉอดศีลธรรม 55
กูเปิดใจไล่อ่านในนี้หรือไปฟังสเปซเมื่อวานเผื่อจะเจอว่าผิดยังไงในแง่ที่กูคาดไม่ถึง สุดท้ายไม่มีคำตอบเลยว่าผิดยังไงวะ ในสเปซมีคนถามด้วยว่าชชผิดไหมก็ไม่ได้มีทายาท คนที่ออกปากด่าก่อนหน้าเงียบไปเลยเพราะตอบไม่ได้จนต้องไปถามฝั่งวิชาการ ฝั่งวิชาการก็ตอบได้แค่กรณีเด็กซึ่งมันเปโดกรูมมิ่งไง
เอาจริงนะ กุคิดว่าเด็กๆ ประเทศเรามีคุณภาพกว่าที่คิดนะ ดูจากการแสดงออกหลายๆ อย่าง (แน่นอนว่ามันมีเด็กบ้งด้วย แต่ยุคไหนสมัยไหนมันก็มี) ประเด็นเรื่อง incest กุคิดว่าที่มันลุกลามขึ้นก็เพราะเด็กเขารู้อยู่ว่ามันผิด เขาแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี แล้วมันเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมเรื่องผิดๆไม่ดีพวกนี้มันถึงมาอยู่ในนิยายได้ แต่ถ้ามองรอบตัวมากขึ้นเขาจะรู้ว่าเรื่องไม่ดีพวกนี้จริงๆมันมีอยู่ในสื่อรอบตัวทั้งหมดนะ ไม่ใช่แค่นิยายเรื่องเดียว เปิดละคร 1 เรื่องก็ต้องเจอ เดินเข้าโรงหนัง 1 รอบก็ต้องเจอ แต่ขอแค่คนแยกแยะได้มีมากกว่าคนแยกแยะไม่ได้ เหมือนที่เขาเองก็แยกแยะได้ว่ามันผิด มันก็ไม่มีทางนอมอลไลซ์สังคมได้แล้ว สิ่งที่กลัวกันอยู่ตอนนี้มันคือการกลัวเกินไปรึเปล่า พวกมึงอาจจะคิดว่ากูโลกสวยเกินไป แต่กูคิดว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตอนนี้ส่วนใหญาไม่ได้เกิดจากการเลียนแบบนิยายที่เป็นตัวอักษรยาวๆแบบนี้หรอก บอกว่าคนเลียนแบบหนังหรือซีรี่ส์ยังง่ายกว่าด้วยซ้ำ
กูสนับสนุกเรื่อง rate , tw , ทำเป็นแถบคาดหนังสือ , หรือจะเพิ่มหน้าคำอธิบายเพิ่มเติม , หรือใส่ไว้ในทอล์กนักเขียนนะ สนับสนุนเรื่องการตรวจบัตรก่อนซื้อ จะห้ามเอาลงเชลฟ์กลางร้าน จัดโซนเฉพาะ อะไรก็ว่าไป ให้มันดูเข้าถึงยากขึ้นซะหน่อย อันนี้ถ้าทำได้ก็ดี แต่กูว่าสำหรับคนที่คิดว่ามันต้องใส่ใต้ดิน หรือต้องห้ามเขียน หรือไปเขียนในซอกหลืบ อันนี้กูรู้สึกว่ามันเกินไปว่ะ
KY นักเขียนนิยายวายในทวิตที่ยอดฟอลเยอะๆ นี่ประมาณไหนถือว่าเยอะวะ? หรือเอาที่เยอะที่สุดที่พวกมึงเคยเห็นก็ได้ หรือเอายอดไลก์เพจก็ได้ (เฉพาะสายวายนะ/หรือจะเขียนชายหญิงด้วยก็ได้แต่เขียนวายด้วย) กุอยากรู้อะ หรือเกณฑ์พวกมึงเท่าไรอัพถึงจะถือว่าเยอะ??
ชช กูว่ามันผิดในแง่ความเชื่อในสังคม
สังคมเชื่อกันมาเป็นร้อยๆปี ว่ามีสัมพันธ์ในครอบครัวเดียวกันมันบาป
อารมณ์คล้ายๆ เรื่องอื่นที่ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ผิดหลักศาสนา
สรุป ความคิดกู ชช มันผิด เพราะมันขัดกับความเชื่อของสังคม ที่ฝังรากลึก จนลืมตั้งคำถามว่าผิดยังไง
>>969 กุจำได้ว่าได้คำตอบจากในโม่งซักห้องนี้แหละว่าอินเซสต่อให้ไปไม่ทายาทและต่างฝ่ายต่างยินยอมพร้อมใจ ก็ไม่ควรทำให้เป็นเรื่องปกติเพราะสถาบันครอบครัวจะล่มสลาย พี่น้องต้องมาระแวงกันว่าจะถูกพี่น้องตัวเองมองเกินเลยรึเปล่า แล้วถ้าไม่สมหวังคนนึงรักคนนึงไม่รักจะมองหน้ากันติดกลับมาเป็นครอบครัวปกติเหมือนเดิมได้มั้ย
ซึ่งกุโอเคกับคำตอบนี้นะไม่ควรมองเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรตีตราดราม่าไปเผือกด่าในกรณีที่คู่อินเซสนั้นเขาต่างฝ่ายต่างเต็มใจที่จะเลือกทางนี้ และป้องกันไม่มีลูก/หามีลูกไม่ได้
อินเซส ไม่ว่าเพศอะไร
มันถูกสอนกันมาเป็นร้อยๆปี ว่าผิด
ผิดโดยอัตโนมัติ ถามใคร ใครก็ต้องบอกว่ามันผิด
ผิดแบบไม่ต้องการเหตุผลด้วย เพราะมันผิด (กำปั้นทุบดินมะ)
ถึงขนาดมีคำพูดด่าคนผิดอินเซสเลยว่า
มีแต่สัตว์เท่านั้นแหละ ที่สมสู่กันเองในสายเลือดเดียวกัน
แล้วแนวคิดนี้มันเปลี่ยนยากด้วย ไม่เหมือน lgbt
เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมเห็นพ้องต้องกันว่ามันผิด มันเลยเป็นแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงยาก
แม้จะเป็นในกรณีพี่ชายน้องชายที่ท้องไม่ได้ก็ตาม
>>971 กูเดาเพิ่มนะ หลักศาสนาหรือความเชื่อสมัยก่อนมันมาเพื่อรักษาความมั่นคงของสังคมอะ และคนมีหน้าที่ต้องผลิตทายาทให้ตระกูลหรือสังคม
ชช เมื่อก่อนหลายที่ผิดเพราะเค้าคิดว่าธรรมชาติคนต้องผลิตทายาท อินเซสอาจทำให้มีทายาทที่ไม่สมบูรณ์หรือทำให้ทายาทนับลำดับญาติไม่ได้ พอทายาทนับลำดับญาติไม่ได้ก็มีผลกะเรื่องลำดับในตระกูล มรดก ไรงี้
พอเกิดปัญหานี้ สังคมเลยศีลธรรมว่าสิ่งนี้ผิดห้ามทำ
มีคนสอนไว้ อย่าเชื่อในสิ่งที่เล่าต่อๆกันมา ต้องหัดสงสัย หัดตั้งคำถาม แต่พอถามไม่มีใครตอบได้เลย แย่จัง
>>976 อันนี้กุนึงถึงกรณีที่พี่น้องหรือพ่อลูก/แม่ลูกต่างเพศต้องระวังเรื่องการวางตัวกันอยู่แล้วอะ เช่น ไม่นอนแหกแข้งแหกขาโชว์คนในบ้านหรือพอโตหน่อยก็เลิกอาบน้ำด้วยกันงี้ คหสต ต่อให้เป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องระวังเรื่องทางเพศ สนิทใจกันไม่ได้เต็มร้อยอยู่แล้ว อันนี้เรื่องมองเกินเลยนะ ส่วนเรื่องถ้าไม่สมหวังในรักแล้วจะมองหน้ากันไม่ติดนี่เหมือนความรักในกลุ่มเพื่อนสนิทเลยนะ แบบกระอักกระอ่วน แต่ไม่ได้ถึงขึ้นผิดศีลธรรมปะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สมมติถ้าอินเซสกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมกุก็คงรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน แต่หาเหตุผลไม่ได้นะ 5555
จริงๆของพวกนี้คำตอบง่ายๆก็แค่ สังคมกำหนดไว้แบบนั้นแค่นั้นจริงๆ ในอียิปต์มันเคยมีความเชื่อรักษาเลือด อินเชสกลายเป็นไม่ใช่เรื่องผิด
ในอดีตมีความเชื่อ/จารีตบัดซบ ที่ให้คนรุ่นเรากลับไปฟัง/รับรู้แล้วจะรับไม่ได้เยอะมากนะ ถ้าเป็นสายฉอดแม่งไม่รู้จะดีใจจนตัวสั่นมั้ย มีเรื่องให้ฉอดคว้าแสงเยอะเลย
>>976 เห็นด้วยเรื่องเซฟสเปซในบ้าน บ้านควรเป็นที่ที่สบายใจอ่ะ ไม่ควรต้องมานั่งกังวลว่าจะถูกละเมิดมั้ย คิดว่าที่อินเซสไม่ควรปกติในสังคม เพราะมันนำไปสู่การ grooming/sexual abuse ได้ง่ายนี่แหละ (พูดถึงแนวโน้มที่จะเกิดนะ ไอ้ที่เกิดการกระทำไปแล้วอ่ะผิดเต็มๆ)
ขนาดอินเซสไม่ปกติ พ่อแม่พี่ป้าน้าอายังไม่ค่อยเคารพสิทธิเด็กกันเลยมึง5555
มันไม่ย้อนแย้งกับประเด็นตอนนี้เหรอวะ ที่แต่ละคนอยากจะพัฒนาวงการ งี้กุบอกว่าวงการนิยายมันก็แลบนี้มานานแล้วอ่ะ มีเรื่องผิดศีลธรรม มีเรื่องไม่ดี แต่เขาก็ทำกันมานานแบ้ว อยู่ๆ จะมาตั้งคำถาม มาเอะใจอะไรกันทำไมอ่ะ จะมาให้ติด tw ติดเรททำไมอ่ะ สังคมนิยายเมื่อก่อนไม่เห็นต้องมีอะไรแบบนี้เลย
>>983 กูมองว่าที่โม่งมีสติคุยๆกันมาด้านบนเป็นร้อยๆเมนต์ เขาก็ไม่ได้มองว่าอินเซสมันควรถูกมองว่าปกติหรอก แต่เขามองว่าถ้านิยายมันขายในที่ๆสมควรขาย (ซึ่งอันนี้คุยๆกันไปเยอะเลย) มีการติดแทค จัดเรท จำกัดการเข้าถึงแล้ว มันไม่ควรโทษนิยาย ด่าคนเขียนว่าเขียนได้ไงสนับสนุนเรื่องแบบนี้เหรอ เพราะนิยายมันก็มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอะ แต่นักฉอดในนกฟ้าไม่เข้าใจไม่เอาอะไรทั้งนั้น ฉอดอย่างเดียวว่าผิด ทำไมถึงรับกันได้ล่ะ ทำไมสนับสนุนเรื่องแบบนี้ พวกแกคือพวกคุณภาพต่ำที่ถูกสื่ออินเซสล้างสมอง แบบไปไกลมากกกก คือ ถ้าใช้ตรรกะนี้ นิยายเรื่องไหนมีฉากไม่เหมาะสม เช่นพระเอกข่มขืนนางเอก คือต้องโดนประนามเอาลงใต้ดิน เลิกเขียนเหมือนกัน เพราะคนเขียนไม่เห็นใจเหยื่อเรปเหรอสนับสนุนเรปเหรอถึงเขียนออกมา คือกูเข้าใจว่าหลายคนที่ฉอดอินเซสไม่โอเคกับเรปก็เยอะ แต่เอเนอจี้ตอนฉอดคนละเรื่อง เผลอๆก็แค่ไม่ชอบก็เลี่ยงอ่านเอา
>>982 มึงก็ตั้งคำถามได้ แต่มึงจะเอาอะไรวัดความถูกต้องล่ะ มันไม่ใช่ 1+1 เท่ากับ 2 เห็นเป็นชิ้นเป็นอันนี่ มันก็ขึ้นกับว่าคนส่วนมากเชื่อว่าอะไรถูกมันก็เทไปทางนั้นจากนั้นก็มีการลงโทษทางสังคมตามมาขึ้นกับว่าคนในสังคมนั้นๆจะต่อต้านมันร้ายแรงแค่ไหน ถ้ามีคนตั้งคำถามมากๆ รู้สึกว่ามันน่าจะไม่ถูก พอผ่านไปสักพักมันก็เปลี่ยน นี่แหละธรรมชาติของความเชื่อที่เถียงกันจนนูกลงก็ไม่จบล่ะ
ความวายที่เราชอบก็แพทเทรินแบบนี้แหละ ตอนนี้มันถึงพอจะขึ้นบนดินได้ไง เพราะคนที่คิดตั้งคำถามและตอบว่าไม่ผิดมันมากขึ้นไง
โดยส่วนตัวกูไม่ได้สนับสนุน อินเชส และไม่คิดว่าควรปลูกฝังสนับสนุนเด็กให้เห็นว่าปกตินะ เอาลงใต้ดิน เอาห่างๆเด็กน่ะดีแล้ว กุมองพี่น้องกูแล้วก็ไม่รู้จะไปเอาความหื่นมาจากไหน ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวสักนิด จริงๆมันสปาร์คค่อนข้างยากนะ แม้แต่ธรรมชาติก็ยังมีกลไกกันอินเชสในระดับนึง
คือถ้ามึงจะถกว่าทำไมผิด คำตอบที่กูคิดออกมันก็มีแค่นั้นจริงๆ
>>985 กูเข้าใจว่ามันควรจะตั้งคำถามได้
แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่แบบนั้น
การตั้งคำถาม หรือเรียกร้องแนวคิดอะไรสักอย่าง มันต้องมีแนวร่วมที่คิดเหมือนกันมากพอ
หมายถึงถ้ามึงตั้งคำถาม มันต้องมีคนเห็นด้วยกับมึงระดับหนึ่ง
แต่ประเด็น incest เนี่ย แค่คุยกันในวงสาววาย อายุใกล้เคียงกัน มันยังมีคนไม่เห็นด้วยเต็มไปหมด
ไม่ต้องนึกถึงการตั้งคำถามนี้ในวงกว้างเลย
แค่วัยรุ่นยังไม่เห็นด้วย นับประสาอะไรกับการขยายวงไปที่ผู้ใหญ่
ลองยิงคำถามนี้ ในวงผู้ใหญ่อายุ 40-60 ดู
มีแต่จะเรียกมึงไปปรับทัศนคติ ว่ามึงคิดแบบนี้ได้ยังไง
>>987 กูเข้าใจๆ แต่เห็นคุยในแง่โลกจริงว่าผิดตรงไหนนอกจากกรูมมิ่งเปโด หรือเสี่ยงโรคทางพันธุกรรม เลยคิดว่ามันมีแนวโน้มสุ่มเสี่ยงอยู่เหมือนกัน กูไม่คิดว่าคนเขียนหรืออ่านนิยายประเภทนี้เห็นเป็นเรื่องปกติหรือสนับสนุนหรอก เพราะมันผิดในโลกจริง มันเลยให้ความรู้สึกแบบที่นิยายปกติให้ไม่ได้ อ่านเพื่อความบันเทิงกันเฉยๆ อยู่แล้ว
กูอยู่ในกลุ่มจ๊อกจ๊อกกะเทย
เคยมีอยู่ช่วงนึง กะเทยโพสกันขำๆ
ว่ามีอะไรกับพระสงฆ์ดีมั้ย คนมาคอมเม้นเฮฮา ขำๆ กันเต็มไปหมด ก็เอาเลยสิคะ นส อย่าไปกลัว
โพสต่อมา มีอะไรกับพี่ชายดีมั้ย เริ่มมีคนไม่ขำ
พอโพสว่า มีอะไรกับพ่อตัวเองดีมั้ย เท่านั้นแหละ กะเทยด่าเพียบ บาปจะกินหัวมึง มึงทำแบบนี้ได้ยังไง
นี่แหละ ความเชื่อของคนในสังคม
มีอะไรกับพระ ยังไม่บาปเท่ามีอะไรกับพ่อตัวเอง
เออจริงนะ พวกเรื่องที่พระเอกเป็นพระนี่กรี๊ดกันจัง บาปแต่ฟิน ไม่มีคนออกมาฉอดเลย แล้วก็ดูไม่ใช่นิกายที่มีลูกมีเมียได้ด้วยนะ มาตรฐานแปลก ๆ
>>970 รู้ว่าผิดจากการคิดเองเออเองใช่มั้ยมึง สุดยอดวะ แล้วมันจะพิสูจน์ยังไงวะว่าความคิดนี้มันถูก หรือคิดว่ามันผิดมันต้องผิด คิดว่ามันถูกมันต้องถูก บรรทัดฐานสังคมวัดจากความคิดคนกลุ่มหนึ่งหรอวะ ไม่คิดว่าทำแบบนี้สักวันความคิดมันจะไปทำร้ายใคร หรือบูลลี่ใครบ้างหรือวะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.