Romanticize ไม่เกี่ยวว่าเฉพาะกับรสนิยมหรือศีลธรรม ไม่เกี่ยวกับความชอบส่วนตัวของคนตัดสินคนใดคนหนึ่ง นิยายทุกเรื่องมันมีความromantizice ความรักให้สวยงามกว่าปกติเป็นฐานอยู่แล้ว ไม่งั้นมันจะเรียกนิยายรักว่านิยายโรมานซ์เหรอมึง ที่เหลือมันขึ้นกับว่ามึงชอบ มึงรับได้มึงก็จะออกมาดีเฟนท์ มนุษย์เราก็งี้แหละมึง ไอ้ที่บอกว่าได้รับบทเรียนนะ มีลงโทษนะ เสียใจกับสิ่งที่เกิดนะ คำถามคือลงโทษแค่ไหนถึงแรงพอ เสียใจง้อสามบรรทัดคืนดีกัน ติดคุกสามปีมีนายเอกเฝ้ารองี้เหรอ ถ้าถามกูหลายๆเรื่องแม่งลงโทษได้เบาหวิวชิบ
และถ้ามึงจะยึดโลกจริง ไม่โรมานซ์เลย โลกจริงแม่งเหี้ยได้มากกว่านิยายอีก ถ้าไม่โรมานซ์เลยนิยายมึงเป็นได้แค่บันทึกชีวิตบัดซบประจำวันเท่านั้นล่ะ ชีวิตยังไงที่มึงเถียงกันมันก็แค่ความพยายามยัดอุดมคติของตัวเองใส่นิยาย พยายามดีเฟนท์ว่าทำไมอุดมคติกูถึงถูกต้องเท่านั้นแหละ
ฮัสกี้เนื้อหาคือแรงนั่นแหละ ทริกเกอร์เป็นหางว่าว เล่มแรกคนค้าทาสเอาเด็กมาทำจนพิการแม่งก็ไม่เห็นบทลงโทษจะแรงอะไร มีประเด็นยิบย่อยในองค์ประกอบหมิ่นเหม่ศีลธรรมเยอะ มันเป็นนิยายที่อ่านสนุกและเนื้อเรื่องเข้ม แต่มึงก็ยอมรับเถอะว่ามันไม่ใช่นิยายแสนดีในอุดมคติอะไร เป็นนิยาย 18+ที่ต้องจำกัดอายุ โรมานิไซส์คสพ. ต้องใช้วิจารณญาณอ่ะถูกแล้ว ถ้ามึงซัพพอร์ตแนวคิดสายฉอดทวิตที่อยากในนิยายมีแต่เรื่องดีงาม แน่นอนมาตรฐานนี้ฮัสกี้มึงก็ต้องถูกเก็บลงดินด้วย
อย่าลืมว่าครั้งนึงรักร่วมเพศก็เคยเป็นสิ่งที่คนถือว่าผิดศีลธรรมมาก่อนเหมือนกัน(แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังมีคนเชื่อแบบนั้น) มาตรฐานศีลธรรมมนุษย์แม่งก็เคลื่อนได้เหมือนความลำเอียงในตัวนี่แหละ