Ky เล่ห์รักประมุขมารสนุกปะ กูเห็นมีแต่คนอวย
Last posted
Total of 1000 posts
Ky เล่ห์รักประมุขมารสนุกปะ กูเห็นมีแต่คนอวย
ซื่อจื่อง่ายๆ ก็คือผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจากพ่อ พ่อเป็นไรลูกจะได้เป็นอันนั้น ถ้าจะให้แปลว่ารัฐทายาท พ่อจะเป็นอ๋องเป็นโหวก็ได้แต่ต้องมีที่ดินศักดินา ซื่อจื่อถึงแปลว่ารัฐทายาทได้ ส่วนถ้าพ่อเป็นอ๋องเป็นโหวแต่ชื่อ(อันนี้จะยุคหลังๆ ละเพราะมันจะมีช่วงตัดทอนอำนาจอยู่) ซื่อจื่อในบริบทนี้ก็แปลว่ารัฐทายาทไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีที่ดินให้ปกครองต่อ มันเป็นคำที่ไม่มีความหมายในไทยจริงๆ อะ จำแบบทับศัพท์เลยก็ดี
ส่วนรัฐน่าจะคือที่ดินศักดินานั่นแหละ (ขอใช้น่าจะเพราะกูไม่รู้บริบทต้นฉบับ) ภาษาจีนเต็มๆ คือจู่โหวกั๋ว/เลี่ยกั๋ว พอเรียกแต่ชื่อมันเป็น XXกั๋ว บางเรื่องเลยอาจแปลมาเป็นแคว้น และเพราะเป็นแคว้นที่อยู่ใต้การปกครองของแคว้นอีกทีอะ บางเรื่องเขาเลยอาจใช้รัฐมาแทนป้องกันการสับสน
>>819 กูเห็นด้วยกะมึงนะ ที่ซีรี่ย์ทับศัพท์เยอะส่วนหนึ่งมันมาจากต้องพูดให้ตรงปากตัวละครด้วย แต่ในนิยายกูก็อยากให้แปลคำอะไรที่แปลได้ให้หมด บางคำแปลมาดีเห็นปึบแล้วเก็ตเลยว่าแปลว่าไร ไม่ต้องมานั่งจำทับศัพท์ให้ปวดบาล เว้นคำไหนแปลไม่ได้กูก็ขอสนพ.มรึงอย่าดันทุรังแปลเลย
>>839 ส่วนตัวกูเฉยๆ แต่เป็นมันเป็นพล็อตคนไทยชอบ ไม่แปลกมั้งที่จะอวยๆกัน
>>837 สปอยล์นกอ้วน
.
.
.
.
.
- ไม่ได้มีแต่ประเด็นนี้ มีเรื่องกระดานดาราด้วยเพราะพอเริ่มรักนายเอก พระเอกก็จะเริ่มคุมกระดานไม่ได้เพราะมีความรู้สึกมีความรักแล้ว (เพราะคนควบคุมกระดานดาราต้องไม่มีหัวใจไร้ความรู้สึก) ก็ต้องหาวิธีคุมกระดานดาราใหม่ไม่งั้นเดี๋ยวจะเกิดภัยพิบัติ แล้วก็มีเรื่องบุญคุณความแค้นกับพวกดาวบริวารที่ลงไปเกิดกันชาติแรก มีคนทรยศแอบปล่อยข่าวเรื่องที่พระเอกคุมกระดานดาราไม่อยู่ทำให้พวกมารปีศาจเตรียมลุกฮือ
- ก็ขายความนุ่มฟูแหละ เอาจริงๆเนื้อเรื่องมันก็แอบดราม่าอยู่นะ แต่มันถูกความนุ่มฟูของนายเอกมาเบรคช่วยบังไง เราเลยมองข้ามๆขำๆไป
- สีขนนายเอกเดิมไม่ใช่สีขาวแต่เป็นสีทองผสมแดง(มั้ง กูจำเป๊ะๆไม่ได้แต่ก็ราวๆนี้)) แต่ถือว่าเป็นสีที่โชคดีมากอะ พอมอบสีขนให้ต่อมาขนเลยค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาว
- ส่วนเรื่องต้นฉบับกูไม่รู้ว่ะ แต่เห็นส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้นะแล้วแต่ที่ดีลกันไว้กับต้นทาง บางทีต้นฉบับมี 4 พอแปลไทยแล้วจำนวนเล่มมากว่าเดิมก็เห็นมีอยู่บ่อยๆนะ
.
.
.
.
.
Ky หน่อย มีใครรู้ข่าว earth online มั้งไหม จำได้ว่าเขาบอกมีสนพ.lcแล้ว แต่จนถึงตอนนี้กูยังไม่เห็นแม้แต่เงา กูอยากอ่านอะ กูชอบแนวนี้ นายเอกไม่โง่ไม่ง่อย และสกิลกวนตีนชิบ
กลับกันกับกูเลย กูเพิ่งอ่านนกอ้วนจบ ความรู้สึกค้างๆ คาๆ ยังไงก็ไม่รู้ เส้นเรื่องความรักราบเรียบมากอาจเพราะพระเอกฮีไร้ใจอะเนอะ ส่วนพาร์ทอดีต อดีตย้อนอดีตไปอีก 5555 กูไม่ชอบการเล่าย้อนกลับไปกลับมามากนักเพราะนับๆ ดูเหมือนบทสองบทก็ย้อนอดีตสลับกันไปมา มันเลยทำให้ขยี้ไม่สุด แบบมันได้อีกสิ ได้อีก และวนไปอย่างนี้ตั้งแต่เล่มหนึ่งสอง หลายคนอาจจะชอบการเล่าเรื่องแบบนี้ แต่ส่วนตัวกูไม่โอเค ส่วนเล่มสามก็ว่าเรื่องเริ่มยืดละ ปมอดีตของแก๊งเทพกูเข้าไม่ถึงแฮะ ไม่ค่อยอินเท่าไร สรุปว่าน่าจะเพราะเรื่องมันฟีลกู๊ดด้วยมั้ง กูก็ไม่ได้อยากหาความเข้มข้นอะไรนะ แต่มันครึ่งๆ กลางๆ ชอบกล
ส่วนการแบ่งเล่ม ถ้าแบ่งและจัดหน้าดีๆ สองเล่มก็จบได้ เห็นโม่งบนๆ บ่นอยู่ซึ่งกูอ่านเองแล้วก็เห็นด้วย
งานอาร์ตไม่ได้ประทับใจอะไรค่อนข้างรกเพราะยิบย่อย
โดยรวมอ่านได้ จำได้แค่ความนุ่มๆ ฟูๆ กับพาร์ทอดีตจริงๆ ของทั้งสองคน นอกนั้นเลือนรางและหยิบยกมาเล่าไม่ถูก 5555 ก็ไม่ได้แย่นะแต่คงไม่หยิบมาอ่านอีกในปีสองปีนี้
คะแนนรวม การแปล/เนื้อเรื่อง 7.5/10
อาร์ต/การจัดหน้า/ราคา 6/10
>>825 ดูเหมือนจะเป็นคำสมาธิที่นักแปลประดิษฐ์ขึ้นเอง ซึ่งเก่งมาก กูชอบ แต่เคยมีคนใช้รัฐทายาทแล้วโดนด่าไง หาว่าพิมพ์ผิด ต้องเป็นรัชทายาทต่างหาก นักแปลบางคนเลยทับศัพท์แล้วเชิงอรรถแม่ง จบๆ
อีกอย่างซื่อจื่อมันไม่ได้หมายความว่ารัฐทายาทเสมอไปด้วยแหละ อ๋องบางคนไม่ได้ปกครองรัฐ ทายาทเขาก็เป็นแค่ทายาทสืบตำแหน่งเฉยๆ อันนี้บางคนก็ปสดจะให้เขาแปลว่ารัฐทายาท หาว่าไม่รู้จักคำนี้ล่ะสิถึงได้ทับศัพท์ กูเห็นดราม่าแล้วปวดกบาลแทนนักแปล
ถ้าปัญหามากนัก กูอยากแนะนำให้กลับไปแปลคำว่าซื่อจื่อเป็นท่านอ๋องน้อยแบบสมัยเปาบุ้นจิ้น จะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป
เคยเห็นคนแปลซื่อจื่อว่า คุณชายผู้สืบทอด แล้วต่อด้วยยศพ่อ
พูดถึงเกอเกอแม่งยังไงก็ควรแปลจริงๆ กุว่าลวด.เขาติดมาจากต้นฉบับนั่นล่ะ เพราะพระเอกเรียกนายเอกแต่เกอเกอเขาคงชอบ คำว่าซือจุนก็ด้วย ตอนเขาไปแปลตัวร้ายฯ เขายังทับศัพท์ซือจุนเลย แล้วกลายเป็นทำเอาคนอื่นติดคำว่าซือจุนไป จนตอนฮัสกี้ลงตัวอย่างอ่านตอนแรกๆ แล้วใช้คำว่าอาจารย์ คนไปเรียกร้องจะเอาซือจุนเต็มเลย มีไปอ้างว่าเรื่องตัวร้ายฯ ยังใช้ซือจุนเลย แถมยังเข้ากับเนื้อเรื่อง ดูบาปกว่าคำว่าอาจารย์(???)
บอกตามตรงว่ากุก็ชอบคำว่าซือจุนนะ แต่ก็ไม่ติดอะไรถ้าจะใช้คำว่าอาจารย์ เพราะเจอจนชิน ไปๆ มาๆ กุนับถือโรสที่ออกมาตอบว่าไม่เปลี่ยนด้วยซ้ำ โรสบอกประมานว่าพอลองเทียบทั้งสองคำแล้วบริบทหลังๆ มันจะไม่เข้ากัน เพราะใช้คำว่าศิษย์ก็ต้องคู่กับอาจารย์ ไม่ใช่ศิษย์กับซือจุน กุอ่านล่ะสะใจชะมัด ฮ่าๆๆ
ส่วนนึงที่คนมาติดคำทับศัพท์กับคำง่อยๆ แบบซือจุน/เกอๆ จนต้องออกมาโวยวาย ก็เพราะพวกนักแปลพวกนี้นี่แหละ ที่พยายามจะทำให้คนเห็นจนชิน จนเลิกบ่นไปเอง
พูดถึงตำแหน่งนิด กุสงสัยว่า แคว้นของเซี่ยเหลียนก็ล่มสลายไปแล้ว ทำไมถึงควรจะต้องเรียกเจ้าตัวว่าไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยด้วย ในเมื่อไม่มีแคว้น/เมือง/ประเทศให้ปกครองแล้ว จะมาเป็นไท่จื่อแค่ในนามก็ได้เหรอวะ
>>853 จริง สำหรับกู คำว่าซือจุน มันเป็นคำเรียกแทนอาจารย์แบบน่ารักๆของคนไทย
แล้วถ้าบริบทมันเศร้าเลย ถ้าใช้คำว่าซือจุน มันจะเศร้าได้เหมือนแปลว่า อาจารย์ไหม
เหมือนคำว่า เกอเกอ ก็แทนคำว่าพี่ชายแบบเรียกให้น่ารักๆของคนไทย
แล้วถ้าประโยคเศร้า แปลว่าเกอเกอ มันก็ไม่เข้าปะ
เหมือนที่กูยกตัวอย่างอะ ข้าไม่คู่ควรเป็นพี่ชายเจ้า กับ ข้าไม่คู่ควรเป็นเกอเกอของเจ้า
ใช้คำว่าพี่ชาย มันดึงอารมณ์ซึ้งได้มากกว่าเยอะเลย เกอเกอโคตรจะไม่เข้ากัน
เพราะยังไงคนไทยก็เข้าถึงคำศัพท์ไทยๆได้มากกว่าการทับศัพท์อยู่แล้ว
>>853 กูอ่านเลยเล่มไทยไปนิดหน่อย เดาว่าเรียกตามตำแหน่งตอนตายอะ เลยติดมาจนชิน อย่างหล่างเชียนชิวคนก็เรียกไท่จื่อ แต่บางทีก็เรียกด้วยตำแหน่งใหม่ นี่คิดว่าเพื่อจะได้ระบุตัวง่ายๆ มั้ง(ในช่วงยังไม่ได้รับตำแหน่งใหม่อะ) พูดปุ๊บอ๋อปั๊บว่าใครมาจากไหน อย่างจวินอู่คือเรียกเซี่ยเหลียนว่าเซียนเล่อเลย
>>856 ขอบคุณเพื่อนโม่ง แปลว่าถ้าเปลี่ยนยศ คนอื่นก็จะเปลี่ยนคำเรียกเหรอ ว่าแต่ทำไมจวิ้นอู๋ถึงเรียกจากชื่อประเทศเลยล่ะ ไม่แปลกๆ เหรอวะ จริงๆ ยศใกล้กัน (หรือสูงกว่า?) ก็น่าจะเรียกชื่อตรงๆ ก็ได้มั้ง ไม่น่าจะเสียมารยาทอะไร
>>858 สงสัยว่าตอนมึงอ่านไม่งงเหรอวะ เพราะในเรื่องก็มีแต่พวกศิษย์กับพระเอกที่เรียกซือจุน นอกนั้นก็เรียกชื่อ เสิ่นชิงชิว เจ้ายอดเขาเสิ่น ไม่ก็เสี่ยวจิ่ว กันไม่ใช่เหรอวะ ในบทบรรยายมันก็ใช้คำว่าเสิ่นชิงชิวตลอดนะ
>>859 กูตามมาจาก ปรมจ อะ
แล้วรู้มาว่า คนจีนจะมีหลายชื่อ ชื่อหลักชื่อรอง ไรงี้
เลยคิดว่า ซือจุน คือหนึ่งในชื่อหลายๆชื่อของนายเอก 5555555555555
เวลาเรียก ซือจุนๆๆๆ คิดว่าเรียก ชื่อตลอด
เป็นปัญหาของกูเอง ที่ไม่เคยเรียนจีน แล้วแยกไม่ออกระหว่างชื่อ กับคำทับศัพท์ เพราะแม่งเป็นภาษาจีนเหมือนกัน
อันนี้แล้วแต่คนมองว่าจะมองแบบซีเรียสมั้ย
ถ้าจะมองให้ซีเรียส การใช้คำทับศัพท์แล้วให้คนอ่านเข้าใจเนื้อหาผิด มันก็เป็นการสื่อสารที่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จนักให้ความคิดกูนะ
แต่คงมีกูคนเดียว หรือมีไม่กี่คนที่เข้าใจผิดตอนที่อ่าน
>>858 ไม่ มึงไม่โง่ และไม่ใช่มึงคนเดียวที่เป็นกูและเพื่อนกูและคนพึ่งเข้าด้อมอีกหลายๆคนเป็น ปกติกูอ่านLNไม่เคยเจอทับศัพท์คำอะไรแบบนี้จากฝั่งเกาะ พอมาเจอทับซึนจุนแปลว่าอาจารย์แล้วเลิ่กลั่กสัส
>>860 กูก็เข้าใจว่าเป็นฉายา ไม่ก็เป็นชื่อเล่นที่ศิษย์ใช้เรียกเล่นๆอะไรแบบนี้ ไม่เคยเอ๊ะใจว่า ซืนจุน = อาจารย์ เพราะในเรื่องคำว่า อาจารย์อา เจ้าสำนัก ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง ศิษย์ทั้งหลายยังแปลกันปกติเลย กูเลยไม่คิดว่าอยู่ๆนักแปลจะโดดมาทับซืนจุนคำเดียว เอาจริงๆถ้ากูไม่ตามด้อมปรมจ. กูคงยังเข้าใจซือจุนแบบผิดๆต่อไปอีกนาน
กูเข้าใจแหละ ที่เพื่อนกุแต่ละคนมันชอบบอกวายจีนเข้ายากมันเป็นแบบนี้เองสินะ… ทับซือจุน เกอเกอ แล้วบอกได้อรรถรสกว่าแปลอาจารย์ พี่ชาย กูก็พึ่งเจอในด้อมนี้ด้อมแรกแฮะ
>>861 กุขำมึง5555555 แต่กุก็เข้าใจฟีลนะ แรกๆ กุก็งงว่าพวกมึงจะมีหลายชื่ออะไรนักหนาเนี่ย เรียกยิบเรียกย่อยไปหมด จำยากโว้ย
>>864 ไม่เป็นไรมึง ขอบคุณมาก
>>865 เออเนี่ย อย่างที่กุบอกเลย คือลวด.เขาคงชอบอ่ะ เขาเลยทับซือจุนมาคำเดียว (และคำว่าเกอเกอ) เพราะคำอื่นก็ยังใช้ ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง อาจารย์อา เนี่ยทีงี้มึงไม่ทับศัพท์บ้างอ่ะ คำว่าศิษย์พี่ (ซือซยง) ศิษย์น้อง (ซือตี่) หรือจะคำว่าอาจารย์อามันก็มีให้ทับถ้าจะทับ ศิษย์พี่เจ้าสำนักก็ทับได้ โดดมาทับแค่คำว่าซือจุนคำเดียวแบบงงๆ ว่าแล้วก็นึกถึงตอนโรสบอกไม่เปลี่ยนเพราะไม่เข้าคู่ ซือจุน-ศิษย์ก็ดูทะแม่งจริงๆ สรุปมาแปลเพราะอยากใช้คำที่ตัวเองชอบหรือแปลเพราะอยากให้คนอ่านรู้เรื่องกันแน่ล่ะนั่น
ky แป๊บ ทซ lc หวานใจในหนังสยองขวัญมาแล้ว คงมีอะไรให้อ่านเบาๆอีกเรื่อง
กูก็เข้าใจแบบข้างบน แบบศักดินา ที่ดินลอย ของจริงอาจจะมีหรือไม่มี
ตอนสวรรค์ทดลองอ่าน กูไม่ชอบที่รัชทายาทยังทับศัพท์ไม่สม่ำเสมอ บางคนรัชทายาท บางคนไท่จื่อ เล่มจริงแก้ยัง
สวรรค์ในเล่มหน้าแนะนำตัวละคร กูยังเห็นใช้ ‘องค์ไท่จื่อ’ อยู่เลย คือไงฟะ
ถาม มีพีเรียดไทยแฟนตาซีเรื่องไหนบ้างที่ภาษาสวยๆแบบ แก้วอสุรา ปิตุครรภ์ นานาวลี
ขอถาม เห็นโม่งห้องนี้เคยบ่นเรื่องละประธาน ปกติถ้าไม่ใช้เยอะเกิน หรือเป็นกริยาที่ประหลาดจริงๆ กุไม่สะดุดเลย
Ex. “ชายหนุ่มพูดแค่นั้นแล้วเดินจากมา จินตนาการภาพใบหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่ายได้แม้จะไม่ได้หันไปมอง” อย่างนี้ ถ้าจะเขียนแบบไม่ละก็จะได้ว่า “ชายหนุ่มพูดแค่นั้นแล้วเดินจากมา เขาสามารถจินตนาการภาพใบหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่ายได้แม้จะไม่ได้หันไปมอง”
กุกลับรู้สึกว่าอย่างแรกออกจะสมูธกว่าด้วยซ้ำ พวกมึงว่าไง อยากรู้ความเห็น
>>881 การละประธานมันเป็นเรื่องปกติของนิยายอยู่แล้วปะวะ จะนิยายไทย ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น ไงๆมันก็มีการละประธานอะมึง เป็นเรื่องของสำนวน ถ้าเติมประธานเข้าไปหมดนี่กูว่าเป็นแบบเรียนภาษาไทยแล้วแหละ ไม่ใช่นิยายหรอก แต่บางคนชอบจับผิดจนประสาทแดกไง อยากให้คนเห็นว่าตัวเองเก่งเลยเที่ยวชี้ว่าคนนั้นคนนี้เขียนผิด ลืมมองไปว่านิยายมันเป็นบันเทิงคดี เขียนยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละถ้าคนอ่านเข้าใจและสื่อความหมายถูกต้อง
ละประธานในความหมายของกูคือ การขึ้นต้นด้วยคำกริยาเหมือนประโยคคำสั่ง
ตัวอย่างที่มึงยกมาไม่ใช่ละประธานในความคิดกู
>>883 ถ้าเป็นอะไรแบบ “เดินไปตามทาง ชายหนุ่มปล่อยความคิดให้ล่องลอย” กูว่ามันมาจากนิยายฝรั่ง หลังๆจีนก็รับมา มันเลยดูใช้กันเยอะขึ้น ส่วนตัวกูไม่ติดอะไร ใครจะแปลว่า “ระหว่างเดินไปตามทาง ชายหนุ่มก็ปล่อยความคิดให้ล่องลอย” กูก็ชอบเหมือนกัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับประโยคเดียวว่ะ มันต้องดูว่าจังหวะการเขียนมันเนียนต่อกันไปทั้งเรื่องรึเปล่า ทำให้กูอินไปกับอารมณ์ของเรื่องได้มั้ย ถ้าเขียนแบบมีประธาน-กริยาตลอดเรื่อง แต่สำนวนจืดชืดฉิบหายเป็นนิยายตามเน็ตที่เด็กม.สองหัดเขียน กูก็เท
>>885 เอ้อ อันนี้ก็อยากตบบ่ามึงนะ
กูไม่ค่อยเจออะไรแบบนั้นเท่าไหร่ ที่กูเจอจะแบบ “เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวมรกตเชิดหน้าหนี” “คนผมสีม่วงหัวเราะแหะๆ” “คนตัวเล็กส่ายหน้าดิก” คือมันมีประธาน แต่กูจำไม่ได้ว่าอีประธานคนนี้มันเป็นใคร ใครตาเขียวใครผมม่วงใครตัวเล็กวะ แล้วแม่งเป็นนิยายแฟนตาซีมีหลายเผ่า
>>881 ที่เขาบ่นกันไม่ใช่แบบนี้ ตัวอย่างที่ยกมาเป็นเรื่องปกติของภาษาไทยที่เน้นกริยาเรียงต่อกัน และนิยมความกระชับ
ซึ่งถ้าละแล้วความหมายไม่เปลี่ยน และสื่อความชัดเจน สามารถทำได้อยู่แล้ว
ที่เขาบ่นกันคือกรณีเปิดย่อหน้ามาด้วยการละประธาน และกว่าจะเห็นประธานก็ผ่านไปแล้ว 4-5 ประโยค
เช่น สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่น ก่อนนิ่งงัน ละมือจากการทำงานหลังเหลือบเห็นข้อความที่แจ้งเตือน
เหม่อมองออกหน้าต่าง ดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา ผ่านไปหลายอึดใจ
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนข่มอารมณ์และตั้งต้นลงมือทำงานใหม่อีกครั้ง
ซึ่ง เอาจริงๆ ถ้าจงใจบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่ง (ฉัน) หรือบุคคลที่สามแบบจำกัด (limited third-person point of view) ของตัวละครตัวเดียวไปเลย มันก็ทำได้แหละ แต่ถ้าใช้มุมมองพระเจ้า หรือสลับจากอยู่ในหัวละครตัวนั้นบ้าง ตัวนี้บ้าง
คนอ่านต้องอาศัยสติและความตั้งใจเยอะมากว่า
เอ๊ะ ตอนนี้เรากำลังอยู่กับใครนะ ใครเป็นคนทำกริยานี้ เพราะไม่มีประธานคอยช่วยกำกับ
ถ้าละประธานแล้วเรียงกริยา, กรรมต่อกันยาว ๆ แต่ประธานเป็นคนเดียวทำทั้งหมดกุยังรับได้นะ แต่วันก่อนไปอ่าน Time Mover เจอการเรียงกริยา, กรรมยาว ๆ แล้วละประธานในย่อหน้าที่มีประธานสองคน ตึ้บเลย ใครทำอะไรนะ
time mover ที่เป็นนิยายเกาหลีปะ
ไวยากรณ์เกาหลีเค้าละประธานเหมือนญี่ปุ่นหรือเปล่าวะมึง
เป็นไปได้มั้ยว่า ต้นฉบับเค้าละประธานมา แล้วคนแปลคนไทย ไม่ได้ใส่ประธานไปให้เพื่อทำให้มันเป็นประโยคภาษาไทยมากขึ้น
อันนี้กูเดานะ
กูขอรบกวนถามหน่อย การเว้นประโยคแบบนี้มันโอเคใช่ไหมวะ พอดีดี๋ยวนี้กูอ่านเจอแต่เว้นวรรคแบบนี้เลยสงสัยว่ามันเป็นปกติหรือเปล่า
- เขาส่ายศีรษะ นั่งลงข้างๆ กล่าวว่า
- วันนี้ไม่ว่าง มีเรื่องต้องทำไม่น้อย ท่านไปยกชามาให้ข้าสักถ้วยก็พอ
- เป็นเสียงของคนผู้นั้น เขาเลิกคิ้ว วางของลง
ลุกไปเปิดประตู
คือบางอันกูก็รู้สึกว่าไม่เห็นต้องเว้นวรรคเลย เอาจับมาเรียงต่อกันก็ได้
>>892 กูพูดถึงตัวอย่างที่ >>881 ยกมามั้ยล่ะ แล้วกูก็ไม่ได้หายไปไหน คุยกับคนถัดมาแล้วจ้าว่าเขาหมายถึงอะไร คุยจบก่อนมึงจะเสนอหน้ามาอีก อ่านดีๆอย่าให้ความกระเหี้ยนกระหือรืออยากจับผิดชาวบ้านมาเบียดเนื้อที่สมองเนอะ เดี๋ยวคนเขารู้ว่าไอคิวไม่สูง
>>898 มันเป็นจังหวะของเรื่องด้วย ทุกครั้งที่เว้น กริยาก็จะเปลี่ยนไป แบบนี้กูว่าอ่านไม่เหนื่อยนะ บางทีมันไม่จำเป็นต้องเว้นก็จริง แต่ถ้าเว้นแล้วอ่านง่ายขึ้น ทำไมจะไม่เว้นอะ จะทำให้เป็นประโยคความซ้อนทำไม
กูว่าภาษาไทยมันมีจังหวะจะโคน (จริงๆ ก็มีทุกภาษาแหละ แต่จังหวะต่างกัน)
และส่วนมาก คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเว้นวรรคหายใจตามการพูด ซึ่งคนเราบางทีก็พูดไป หยุดคิดไป
บางครั้ง เลยส่งผลให้การแปลติดขัดตาม ยิ่งพอมีประเด็นจังหวะของภาษาต้นทางอีก
ส่วนประโยคที่ยกมา กูว่าเว้นวรรคอย่างนั้นก็อ่านเข้าใจอยู่หรอก
แต่บางคนอาจจะติงว่าพออ่านในใจ เสียงมันจะสะดุดๆ
มันก็มีวิธีร้อยประโยคหลายแบบนะ จะเว้นวรรค หรือบางทีจะอาศัยเติมคำช่วยก็ได้
เช่น เขาส่ายศีรษะ ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ และกล่าวว่า
เป็นเสียงของคนผู้นั้น เขาเลิกคิ้วก่อนวางของลงแล้วจึงลุกไปเปิดประตู
Ky เพิ่งลุยอ่านม.ซอมบี้เล่ม 3 จบ รอบนี้ทิ้งช่วงจากตอนหนังสือออกไปนาน มารีวิวต่อจากเล่ม 1/2 นะ ก่อนเริ่ม แนะนำว่าอย่าทิ้งช่วงอ่านเลย รอครบอ่านทีเดียวก็ได้ กูที่อยากลองเล่มแรกเพื่อดูว่าจะโอเคไหมมันเลยลองต่อมาเรื่อยๆ น่ะ จุดสปอย
.
.
.
.
เล่มนี้เรื่องยังวนอยู่ในรั้วม. เหมือนเคย แต่ท้ายเล่มจะออกไปละนะ ^^ โชคดีที่เล่มนี้มีแผนที่มาให้ด้วย กูต้องการมากมึง มันช่วยได้เยอะจริงๆ เรื่องเล่าต่อจากเล่มก่อนที่มาตึกฟิสิกส์เพื่อหาวิทยุ แล้วนายเอกกับเด็กฟิสิกส์ติดอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน เพราะไฟดับ เล่มนี้มีเฉลยอยู่ว่าเพราะอะไรไฟดับ อีเวง 5555 สถานการณ์ติดลิฟต์ พระเอกมาช่วยแงะลิฟต์ โคตรประทับใจเลิฟไลน์ มันแบบเหมือนจะตื่นเต้นไปด้วย(ก็นะ ซอมบี้รายล้อมอยู่) แล้วแบบพระเอกนายเอกก็ยังทะเลาะลุ่มๆ ดอนๆ อยู่แต่ทั้งคู่เชื่อใจกันและกันมาก พอออกจากลิฟต์มาเจอกันก็จูบกันโลด สงสารเพื่อนคณะฟิสิกส์! แต่แบบเหตุการณ์เป็นตายทำให้เห็นความสำคัญของกันและกันมากขึ้น ไปค้นหาวิทยุจากห้องของอ. กูว่าเล่มนี้เห็นการพัฒนาของนายเอกชัดเจน คือเป็นคนเก่งมีความสามารถแต่มันต้องผ่านการขัดเกลาจริงๆ นะ ชอบนายเอกเล่มนี้มาก และชอบความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ ทุกคนเลย จากเล่มสองที่ตอนวิ่งมาตึกฟิ เพื่อนๆ ต้องหยุดล่อซอมบี้ให้จุดละคนสองคน คนละตึกคนละที่ แบบกระจายตัวกัน เล่มนี้เขียนถึงพาร์ทเอาตัวรอดของเพื่อนๆ แต่ละจุดเยอะมาก มันแบบ ฮือ ร่วมเป็นร่วมตายกันมาขนาดนี้แล้วอะ กว่าจะรวบรวมกันเป็นกลุ่มก้อนได้อีก แต่สุดท้ายก็ได้วิทยุมานะ แล้วก็พากันกลับโรงอาหารฐานมั่น แต่ว่าตอนกลับถึงโรงอาหาร ทีมที่อยู่ที่นั่นรับเด็กใหม่เข้ามาเป็นนศ.เคมี/วิศวะ ด้วยกลัวซ้ำรอยเดิมเลยแบบขู่ วางตัวมีอำนาจแต่แรก ตรงนี้คือเข้าใจเลยมึง ใครจะไปอยากเจอแบบตอนโดนยึดซุปเปอร์วะ ต้องจำฝังใจมากแน่ แต่พวกเด็กเคมีนี่แหละต้นเหตุไฟดับ นางทำระเบิดบึ้มๆ หนีพวกซอมบี้มา ละมันไประเบิดตรงที่จ่ายไฟมั้งไฟเลยดับหมด พวกนี้คนดี อาจเพราะทีมโรงอาหารใช้กลยุทธ์พระเดชและพระคุณตั้งแต่แรกเริ่มอะ พอพวกเอาวิทยุ ทีมนายเอกพระเอกกลับมาก็นะ คนเพียบ เลยต้องมีคิดแล้วว่าอาจจะต้องย้ายถิ่นกันเพราะกลัวเสบียงไม่พอ แต่ก็แค่คิดหาหนทางยังไม่ได้รีบร้อนอะไร พวกที่ไปเอาวิทยุด้วยกันเกิดป่วย ป่วยหนักด้วยสามสี่คนแหนะ ไม่มียาเลยต้องออกเดินทางไปรพ.อีกครั้ง เหมือนเคย เจอทั้งซอมบี้บุกทั้งยังต้องหาทางเอายา โชคดีฮีพระเอกเก่ง แต่กูว่ามันเป็นยาสามัญพื้นฐานที่ทุกคนน่าจะรู้ชื่ออยู่แล้วนะ แต่ในสายตานายเอกพระเอกคือเดอะเบสอะ น่ารักดี มีฉากที่ทำให้พระเอกระเบิดอารมณ์ด้วย ดุด่านายเอกเหมือนสมัยก่อนเลิกกัน จริงๆ เพราะห่วงมาก แต่ใช้คำพูดไม่ดี พอมารอบนี้เหมือนตกตะกอนได้อะ มีแวบคิดถึงที่รูมเมทนายเอกเคยบอกว่าพระเอกนิสัยเสียยังไง พอแว่บคิดได้จากที่ด่าไฟลุกก็มอดดับ กลายเป็นบอกเสียงอ่อนไปแทนว่าเป็นแบบนี้ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังฮีปวดใจนะ พอกลับมาที่โรงอาหารอีกครั้งรอบนี้เจอศึกหนัก มีพวกรอดชีวิตอีกทีม สามสิบกว่าคนกรูกันเข้ามาในโรงอาหาร ทั้งเตะต่อย ทุบตู้เย็น เอามีดจะแทงแก๊งพระนายเพราะหิวและคลั่งจนขาดสติ ตอนกูอ่านยังนึกว่าแม่มม อีหรอบเดิมแน่ แต่ไม่ใช่แฮะ พระเอกทั้งขู่ทั้งต่อยตีกลับ เหตการณ์สงบแล้วแหละ แต่ต้องมาคิดจริงจังละว่าจะออกไปหาเสบียง/ย้ายถิ่นกันยังไง ตอนนี้ทีมมีทั้งหมดตั้งห้าสิบกว่าชีวิต เล่มก่อนรูมเมทนายเอกบอกว่ามีรถ ทุกคนเลยว่าจะขับรถฝ่าออกไปนอกม. เพราะในวิทยุมีประกาศจากรบ ว่าจะมีจุดหย่อนอาหารในเขตชุมชน มีการพยายามให้ความช่วยเหลือ บลาๆ เลยเป็นเหตุที่ทำให้ต้องการออกไปกัน ทีนี้ทุกคนคิดหนักว่าจะขนกันยังไง รถ 1 คัน คนห้าสิบคน แต่พวกที่มาใหม่ ไม่ใช่แก๊งเดิมตัดสินใจไม่ไป มีเหตุผลอยู่ พวกพระนายก็เคารพการตัดสินใจและเตรียมออกเดินทาง มีกันทั้งหมด 14 คนเหมือนอย่างเคย รถ 2 คันพอ ศึกษาการจั๊มแบตต่อไฟเพื่อสตาร์ทรถไปก่อนแล้วนะ แต่เล่มนี้จบตอนเดินทางไปลานจอดรถ ระหว่างทางผ่านสนามกีฬาซากศพเกลื่อนเลย ทุกคนคิดแบบสมรภูมิรบแน่ๆ แต่จริงๆ คือซอมบี้ที่จำศีล ใช้การนอนต่อต้านความหนาว ฉากนี้ร้องเห้หนักมาก คือทั้งลานมีแต่ซอมบี้ หนีตายของแท้เลย ลุ้นโคตร หนีถึงขนาดซุกตัวไปอยู่ในกองซากศพจริงๆ เพื่อให้กลิ่นศพ/กลิ่นซอมบี้กลบกลิ่นมนุษย์ของตนเอง แต่ในความตึงเครียดยังมีฉากที่ทำให้ขัน เบรคอารมณ์ได้โคตรดี ชอบฉากเอาไม้กั้นกระโดดรั้วมาใช้ ชอบการส่งไม้ต่อกัน เอ็งวิ่งไปนะ ข้าหนีไปนอนในกองศพก่อน มันขำและน่ารักไปในเวลาเดียวกัน มาลุ้นเล่มจบว่าจะหนีออกไปอะไรกันยังไง กูขอบคุณแผนที่จริงๆ ช่วยได้มาก
.
.
.
.
เรื่องยังน่าลุ้น แนะนำๆๆๆๆๆ ให้รอออกครบและอ่านทีเดียว ตลคเยอะ จำชื่อยาก ทิ้งช่วงนาน = ตายสนิท ที่มารีวิวนี่จำชื่อแต่ละคนนอกจากพระนายกับพวกเด่นๆ ได้แค่ไม่กี่คนอะ และกูยังติดปัญหาเริ่องบทกวี กาพย์กลอนเหมือนเคย เข้าไม่ถึง พวกพรรณาความเป็นชาติ/ประวัติศาสตร์จีนนี่แหละเข้าไม่ถึงจริงๆ
แอบเห็น warning เตือนหลังเล่ม อย่างน้อยก็ขอบคุณที่สนพ.รับฟัง
เล่ม 4 อยากให้แยกขายกับ box ไม่ใช่สาย box แต่เก็บพวกจิบิอะไรงี้ 555 เป็นคนอยู่ยากอะกู หวังว่าเล่ม 4 จะมาเร็วๆ โดยรวมกูถือเป็นนิยายที่ชอบอีกเรื่องนะ จากคนที่ไม่เคยคิดอ่านแนวซอมบี้มาก่อน ความสัมพันธ์พระนายและเพื่อนๆ คือดีมากๆ เล่มสองว่าเรื่องยืดไปหน่อย แต่พอเล่มสามก็ไม่ติดใจตรงนี้อะ ตอนแรกคิดว่ามันจะวิ่งอะไรกันวะตั้งสี่เล่ม 5555
>>911 จริงๆแล้วภาษาจีนก็มีคำเชื่อมแหละ แต่ไม่นิยมใช้ เพราะคนจีนจะมองว่ามันเยิ่นเย้อ ถ้าใครเขียนให้กระชับได้ถึงจะถือว่าเก่ง ส่วนใหญ่แล้วจะถือกันว่ายิ่งใช้ตัวอักษรน้อยมากแต่สื่อความได้เยอะมากก็ยิ่งเก่งมาก ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับนักแปลแหละ ว่าจะเกลาให้เป็นไทยหรือจะใช้สำนวนแบบจีน มันก็มีเอกลักษณ์ของมันทั้งสองแบบนะกูว่า
มีใครดำน้ำโหย่วซูจนจบแล้วปะ อยากรู้ว่ามันมีกี่ arc แล้วกี่ arc ที่จบแฮปปี้ แบบเหนเล่ม 4 เพิ่ง 3 arc เองแบบยังไม่จบด้วย
แอบรู้สึกว่าเรื่องนี้ขายแพงอะ แบบรู้สึกว่าสี่ห้าเล่มจบก็น่าจะได้มั้ง จากจำนวนหน้าต่อเล่มอะนะ
>>914 สงสัยว่าถ้าเติมคำเชื่อมเข้าไปเองให้ดูสละสลวย แต่ถ้ามันไม่ตรงกับความต้องการของผู้แต่งล่ะ หรือถ้าเติมเองแล้วมันทำให้ความหมายที่ออริจินอลต้องการจะสื่อเพี้ยนไปล่ะ แบบนั้นไม่น่าจะเวิร์คนะกุว่า คนเขียนบางคนอาจจะชอบสไตล์นี้ อยากเขียนแบบนี้ กุว่าคนแปลมีหน้าที่แค่ถ่ายทอดมั้งว่าเขาเขียนมาแบบนี้ด้วยสไตล์นี้ ไม่น่าไปเปลี่ยนหรือเติมอะไรงานเขานะ
>>917 ขอแบ่งเป็นสองส่วนนะ ถ้าแบบบรรยายสนทนาปกติ คือจีนมันละก็จริง แต่กูตอนอ่านอะรู้สึกว่าคำเชื่อมมันก็อยู่ในนั้นนะแค่ไม่ได้เขียนให้เห็นจะๆ สำหรับกูกูโอเคทั้งสองแบบ อีกแบบที่ว่ายิ่งกระชับยิ่งสวยอันนี้ส่วนใหญ่จะเจอน้อย จะเจอในเวลาพรรณนาอะไรสักอย่างเพ้อๆ สวยๆ หน่อย ตอนกูอ่านมันจะเด่นกว่าบรรยายปกติอะ กูว่านักแปลเขาคงรู้อยู่แล้วมั้งว่าตรงไหนควรเติมไม่ควรเติม
ส่วนเรื่องสำนวนนักเขียน ถ้าแปลเป็นไทยแล้วทำใจเลยว่าเจือด้วยสำนวนนักแปลอยู่ละ มันเป็นปัญหาระหว่างภาษา ถ้าเอาตรงนักเขียนมากๆ แบบเรียงตามเป๊ะๆ วรรคเป๊ะๆ อาจกลายเป็นแบบเรื่องที่บ่นกันว่าแปลทื่อก็ได้ กูเคยไปเทียบเรื่องที่คนชมว่าแปลลื่นเพราะสงสัยอะ เห็นแต่คนแหกเรื่องที่แปลทื่อ เขาก็เติมอยู่ (ในกรอบต้นฉบับนะ) แต่ใดๆ มันก็ไม่ได้กลืนหมด สไตล์การเขียนของนักเขียนมันอยู่ในการดำเนินเรื่องนั่นแหละ
>>917 มึง การแปลมันต้องผ่านการตีความหลายอย่างมาก มันช่วยไม่ได้หรอกที่มันจะมีการปรับหรือเติมคำเชื่อมเพื่อให้อ่านได้ลื่นไหลในภาษาปลายทาง มันเป็นแบบนี้กันทุกภาษาแหละ เอาง่ายๆมึงลองไปดูงานแปลชั้นครูที่ใครๆก็ยกย่องแบบกามนิตดูสิ แปลเวอร์เกินต้นฉบับไปไกลชิบหาย ภาษาต้นฉบับอย่างเพลน แปลไทยออกมาเว่อวัง แต่คนไทยชื่นชมเป็นงานชั้นครู ถ้ามึงจะบอกว่าการแปลที่นักแปลแต่งเติม=งานแปลที่ไม่ดี งานแปลชั้นครูโดนปัดตกกันระนาวเลยนะ คือถ้ามึงอยากได้แบบมีความเป็นนักเขียน 100% โดยไม่มีการตีความของนักแปลเจือปนเลยแม้แต่ 1% ทางเดียวที่มึงทำได้คืออ่านภาษาต้นฉบับเท่านั้น
กูว่างานแปลแม่งละเอียดอ่อนมากเลย
ปัญหามันคือความต่างกันของภาษาและวัฒนธรรม
กูไม่รู้ภาษาจีนอะ ว่าภาษาจีนเป็นยังไง
แต่ภาษาไทย กูว่าเป็นภาษาที่มีคำเชื่อมที่หลากหลาย เท่าที่กูสังเกต
นิยายแปลที่ได้รับคำชมว่าแปลดี คือนิยายที่มีทำเชื่อมที่ลื่นไหล คล้ายภาษาไทย
หรือมีลักษณะต่างๆที่ใกล้เคียงกับภาษาไทย ถึงจะโดนชมว่าแปลดี
บางทีกูว่านักแปล ต้องชั่งน้ำหนักเอาว่า จะเอียงไปทางให้ใกล้เคียงต้นฉบับ หรือจะแปลให้เอียงไปทางลักษณะของภาษาไทยมากกว่า
ยากนะ
>>920 กุยังไม่ได้พูดสักคำเลยว่า งานที่นักแปลแต่งเติม = งานแปลที่ไม่ดี มึงอ่านข้อความกุดีๆ ก่อนมั้ย กุก็สงสัยไงว่าถ้านักแปลเติมคำเพิ่มลงไปเอง มันจะเวิร์คเหรอ มันจะขัดกับความต้องการของคนแต่งหรือเปล่าถ้าเติมแล้วความหมายเพี้ยน แล้วก็พูดถึงหน้าที่ของคนแปล(ในความเห็นกุ) อย่ามายัดเยียดคำพูดอื่นให้กุสิ
>>921 งานที่คำเชื่อมน้อยใกล้เคียงกับต้นฉบับแต่ลื่นไหลก็มีนะ ลื่นด้วยจังหวะและการใช้คำล้วนๆ แต่เหมือนนักอ่านวายจะไม่ค่อยอ่านแนวนั้นกัน ส่วนใหญ่ชอบสำนวนแบบไทยๆมากกว่า แต่พวกนิยายชญหรือกำลังภายในนี่หลากหลายมาก มีทุกแบบ แล้วก็มีคนชมทุกแบบด้วย ไม่ได้ชมแต่แบบที่คำเชื่อมเยอะหรอก ถ้ามึงสนใจก็ลองหาๆดู มีสนุกๆหลายเรื่องเลย
>>925 แล้วตรงไหนที่กุบอกว่าไม่ดี? อันนั้นคือความเห็นในมุมหน้าที่ของนักแปลที่กุว่าไม่น่าทำต่างหาก
กุไม่คิดเลยว่ากุจะต้องมาทำแบบนี้
[สงสัยว่าถ้าเติมคำเชื่อมเข้าไปเองให้ดูสละสลวย แต่ถ้ามันไม่ตรงกับความต้องการของผู้แต่งล่ะ หรือถ้าเติมเองแล้วมันทำให้ความหมายที่ออริจินอลต้องการจะสื่อเพี้ยนไปล่ะ แบบนั้นไม่น่าจะเวิร์คนะกุว่า] -> ประโยคคำถามของกุ "สงสัยว่า"
[คนเขียนบางคนอาจจะชอบสไตล์นี้ อยากเขียนแบบนี้ "กุว่า" คนแปลมีหน้าที่แค่ถ่ายทอดมั้งว่าเขาเขียนมาแบบนี้ด้วยสไตล์นี้ ไม่น่าไปเปลี่ยนหรือเติมอะไรงานเขานะ] -> ความเห็นกุในหน้าที่ของคนแปล มีคำว่า "กุว่า" ที่บ่งชี้ถึงความเห็นกุ / และคำว่า ไม่น่าก็ไม่ได้ ≠ ห้าม ป่ะวะ เพราะสำหรับกุคำว่า ไม่น่า มันยังเข้าข่าย maybe เช่น ไม่น่าจะทำแบบนี้ มันไม่ใช่ ห้าม ที่เป็น cannot เลยนะ
แล้วเนี่ย ที่กุแย้งคือ แล้วมันตรงไหนล่ะที่กุบอก "งานที่นักแปลแต่งเติม = งานแปลที่ไม่ดี"
ส่วนโม่งคนอื่น เรื่องใส่คำเพิ่ม/เชื่อมในงานแปลกุเข้าใจไอเดียตั้งแต่ >>918 แล้ว แต่ขอบคุณที่ช่วยอธิบายเพิ่ม
>>931 กูไม่ใช่คู่กรณีมึงนะ แต่กูเองก็คิดว่าควรปรับแต่งให้น้อยที่สุดเหมือนกัน อย่างแรกคือยิ่งปรับเยอะก็ยิ่งมีอารมณ์ของคนแปลใส่เข้าไปเยอะ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เจตนาของนักเขียนก็ได้ อย่างที่สอง อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ คือกูรู้สึกว่านักแปลบางคนแต่งเติมเข้าไปแล้วภาษามันไม่ได้สวยขึ้นอะ มันดูรุงรัง
แต่ถ้านักแปลเก่ง แปลยังไงก็เพราะนะ อย่างประโยค Where you tend a rose, my lad, a tristle cannot grow. คุณเนื่องน้อย ศรัทธา แปลไว้ว่า "ที่ใดที่เจ้าฟูมฟักกุหลาบ ที่นั้นพงหนามย่อมมิอาจเติบโต" กูชอบมาก ทั้งที่มีทั้งส่วนที่ตัดทิ้งแล้วก็ส่วนที่เกินระดับคำมา แต่โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกัน อันนี้กูยอม แปลอะไรกูก็จะตามอ่าน
การแปลมันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องตายตัวอะ ที่สำคัญที่สุดคือความหมายต้องถูก ใจความต้องครบ อ่านรู้เรื่องในฐานะภาษาไทย แค่ข้อนี้นักแปลวายจีนหลายคนยังทำไม่ได้เลย
ขอถามหน่อยเพื่อนโม่ง พอดีกูไปอ่านเรื่องฮิต เรื่องเขาชื่ออันวา ยอดอ่านเขาเยอะมากยอดเฟบก็เยอะมากจนกูว้าวเลย ทีนี้กูเลยสงสัยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงคนอ่านเยอะขนาดนี้วะ มันต่างกับเรื่องอื่นๆยังไงเหรอ ไม่เข้าใจ
>>936 อ๋อ โหขยันโปรโมทแล้วยอดคนอ่านเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ทึ่งแฮะ คือกูแค่ข้องใจอ่ะ กูเคยอ่านตอนเขาลงแรกๆ กูก็เฉยๆ พอมาตอนนี้คือยอดอลังการมากกูเลยสงสัยว่าเพราะอะไรเรื่องนี้คนถึงอ่านเยอะขนาดนี้เลย หลายคนชอบพระเอกมาก แต่กูอ่านแล้วไม่รู้สึกไรเลย แบบเออก็ดีแหละ เขียนเล่าได้บรรยากาศเรื่อยๆดี แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะปังได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันเลยลองมาถามในโม่งดู แต่อ่านเมนท์กับรีวิวมีแต่คนชอบความสัมพันพระนาย กับ nc แซ่บมาก กูไม่เคยอ่านตอน nc เลยไม่รู้ว่าดียังไง ตอนนี้โคตรอยากรู้ว่ามันสนุกมากเลยเหรอ กูควรซื้อมาลองอ่านดีมั้ยวะ
กุว่าชอบคนไทยชอบเนื้อเรื่องแบบนี้ดูอย่างเรื่องNeverthelessดิ ขนาดยังไม่มีซับคนไทยดูสดติดเทรนทวิตอันดับ1ทุกวันที่ออน ติดจนเป็นเทรนติดจนฮิต แต่เกาหลีที่เป็นประเทศที่สร้างเรตติ้งยังไม่ถึง1%คนเกาหลีแทบไม่ดู
>>936 ถ้าตามอ่านจะรู้ว่านิสัยอัพหลอกอ่ะ เรียกงี้มะ เพราะจะชอบอัพสปอยในตอนสั้นๆเรียกยอดเม้นก่อน จากนั้นค่อยอัพแบบซอยถี่ๆ ทีละ10% 20% กระแสเลยไม่ขาด เพราะนักอ่านจะชอบตามนข.ที่มีอัพเดต คนไม่ลืมเนื้อเรื่องแล้วตี้ซี้ขาอวยตามกลุ่มตามทวิต เรื่องเลยดังแค่นั้นเอง เพราะนิยายส่วนใหญ่ดังได้เพราะแอคดังๆอวยสังเกตดู ตามอ่านแต่แรกกูเฉยๆ ไม่ชอบนิสัยอัพหลอกเลยรำคานเลิกอ่านไป ที่ติดลมบนในชาร์ตแม่งมีแต่อัพทีละน้อยๆทั้ง นั้นเลย
>>934 กูว่าวายจีนนี่ดูไทยที่สุดในหมวดหมู่นิยายจีนแปลไทยแล้วนะมึง ชญบางเล่มติดกลิ่นจิ๊กโฉ่วหนักกว่าเยอะ แต่กูว่าที่มันอ่านไม่รู้เรื่องเพราะบางคนใช้คำไม่เก่งมากกว่า กูเจอคำว่า “ไล่ตาอ่านหนังสือ” แล้วโคตรงง เคยเจอแต่ “กวาดตา” กับ “ไล่สายตา” เหมือนเคยคนแปลเคยอ่านแค่นิยายในเน็ตที่ไม่มีบก.อะมึง แต่ไม่เคยอ่านนิยายไทยของพวก ก. สุรางคนางค์ ว ณ ประมวลมารค ว วินิจฉัยกุล ประภัสสร เสวิกุล กิ่งฉัตร ภัสรสา ฯลฯ แล้วก็คงจะรีบพิมพ์รีบขายไง บก.แก้ไม่ไหวก็ปล่อยหลุดๆมา
>>946 คนนี้กูไม่รู้นิสัยตอนอัพ แต่กูก็เกลียดพวกอัพหลอก ลำใยโคตรแม่ หลายคนมึงดังติดล้านวิวแล้วยังอัพหลอกปล่อยแต่สปอยไม่ก็ลงทีละนิดแบบคนเยี่ยวไม่สุด แล้วยังเสร่อลงท้ายว่าช่วยทวิตช่วยหวีดนิยายเราเยอะๆนะคะ อีห่า มึงลงให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก่อนเหอะ เป็นนักเขียนหรือนักตอดวะ ตอดยอดวิวเก่งโคตรแม่ กดเข้าไปเจออย่างงี้ทีไรแม่งเหมือนเห็นคนอ่านเป็นควายให้หลอกกดเข้าไป
>>952 จริง ตอนกุเรียนแปลภาษาปลายทางสำคัญมาก แบบกุอ่านต้นทางแล้วเข้าใจ แต่แม่งจะแปลเป็นไทยให้มันสมูธยังไงดีวะ อาจารย์กุเคยบอกว่าให้อ่านภาษาปลายทางเยอะ ๆ เพิ่มคลังศัพท์
>>949 ไม่เชิงวัฒนธรรมนิยายไทยหรอก มันเป็นเรื่องปกติของการจะขายสินค้าอะไรสักอย่างอะ ถ้าไม่ให้คนดังโปรโมทก็จะไม่มีคนเห็น ไม่มีคนซื้อ ช่วยไม่ได้จริง ๆ อย่างเวลากุหานิยายอ่านก็ตามมาจากรีวิวทวิตไม่ก็ฟังปากต่อปากทั้งนั้นแหละ เพราะหาในแอปเอาเองมันยากมากที่จะเจอเรื่องถูกใจ ถ้าเจอนักเขียนเขียนดีถูกจริตสักคนแทบจะเกาะขาเขาไปตลอดชีวิตอะ พวกเรื่องติดท๊อปก็ไม่ค่อยใช่แนวกุ
แบบนี้ต้องเรียกว่านักแปลไม่เก่งภาษาไทย หรือบก.ไม่เก่งภาษาไทยวะ
สรุปโทษครูภาษาไทย 5555
(กูอยากกลับไปตั้งใจเรียนภาษาไทยจัง เพิ่งรู้ว่ามีความสำคัญกับการอ่านนิยายขนาดนี้)
จริงๆไม่อยากโทษนักแปลหรือบก.ตรงจุดนี้เท่าไร เพราะกูเองก็ไม่ค่อยเก่งภาษาไทย
งานเขียนแม่งวัดความสามารถด้านภาษาจริงๆ
ตอนกูสอบ ดันไปเน้นแต่เรื่องจำชื่อตัวละครในวรรณคดีไทย
จริงๆจะแปลติดกลิ่นนมกลิ่นเนยกลิ่นจิ๊กโฉ่วซูชิอะไรมานี่กูไม่ว่าเลยนะ เข้าใจว่าตอนที่แปลมันต้องได้รับอิทธิพลจากต้นฉบับแหละ กูขอแค่อ่านรู้เรื่อง ไหลลื่น ใช้คำแบบมาตรฐานนิยายตีพิมพ์ก็พอใจแล้ว แต่สำนวนเหมือนเด็กมอต้นหัดแต่งนิยายอย่าง “ไล่ตา” นี่ไม่เอาเด้อ
มีบก.ก็เหมือนไม่มีอะมึง ตรวจคำผิดก็เหมือนกัน กูว่าจริงๆอาจไม่มีด้วยซ้ำ พูดถึงหลายที่เลยแหละ
>>960 หรืออ่านวรรณกรรมร่วมสมัยที่แปลและเรียบเรียงดีๆก็ได้ คือควรอ่านอะไรที่มันมีมาตรฐานเอาไว้เป็นมาตรฐานตัวเองน่ะ แล้วเวลาใช้งานจะไปปรับเป็นแนววัยรุ่นจ๋า แนวหละหลวมก็แล้วแต่สไตล์งานอีกที
แต่เดี๋ยวนี้หนังสือนิยายแบบฟาสต์ฟู้ด นิยายประโลมโลก หลายๆที่ทำได้แค่แทบไม่ต่างหรือดีกว่านิยายตามเน็ตนิดเดียวเอง
นักแปลที่แปลดีๆส่วนใหญ่ใจรักการอ่านอยู่แล้ว อ่านนิยายบ่อยๆสะสมศัพท์ใช้คำถูกกับบริบท ส่วนที่ออกมาไม่ดีเลือกใช้คำแปลกๆส่วนตัวคิดว่า ไลฟ์สไตล์เดิมอาจไม่ได้อ่านนิยายมากพอควร แต่แปลเพราะเป็นงานได้เงินเลยขาดประสบการณ์คำไทยตรงนี้ต่างจากนักแปลที่เดิมทำตัวเป็นนักอ่านอยู่แล้ว
นิยายแปลลงแอพแบบไม่ตีพิมพ์ขายนี่คำผิดเยอะเป็นพิเศษสังเกตได้ มีทุกเรื่อง คำผิด คำซํ้า พิมพ์สลับ มาหมด แล้วถ้าไม่มีคนทักก็ไม่แก้ด้วย ยังกับไม่มีคนตรวจเช็คก่อนลงยังไงยังงั้น
มันจะมีช่วงนึงที่คนโวยถี่ๆหน่อยว่าทำไมนิยายถึงเขียนผิด แปลผิด หรือใช้คำแปลกๆไม่คุ้น แต่พอเข้าไปอ่าน คำที่โดนโวยคือ กัน(ที่แปลว่าฉัน) ทว่า กอปร สลายโต๋ๆ ล่าสุดเห็นแวบๆ แม้แต่คำว่าบานปลายก็ต้องมีเชิงอรรถกันแล้วว่ะ กูตึ้บ กูไม่แน่ใจว่ากูควรสงสารนักเขียนนักแปลหรือโมโหที่งานยุคนี้มันหย่อนมาตรฐานลงจนคนไม่รู้จักคำพวกนี้ดี หรือกูควรปลง
เป็นเพราะเดี๋ยวนี้นิยายออกเยอะการแข่งขันสูงหรือไงวะ คุณภาพการแปลเลยยิ่งดรอปลงเรื่อยๆ
>>967 ภัยความมั่น สมัยก่อนเจอคำแปลกก็หาความหมาย ถามคนอื่น เปิดพจนานุกรม ไม่ได้คิดทันทีว่าผิด กอปร กูงงมาก ไม่เรียนวิชาภาษาไทยเหรอ วรรณคดีในแบบเรียนก็มีบ่อยนะ ส่วนคำแสลงแบบสลาบโต๋ก็ผ่านมาไม่นานอ่ะ ถ้าถามสักหน่อยก็น่าจะรู้ แต่จะว่าไงได้ ขนาดเลียแผลยังไม่รู้จัก แถมทำตัวเป็นนางสอนอีก
>>966 กูอ่านนิยายที่ขายรายตอนในเว็บ ฟชล กูอยากจะร้อง สะกดทุกตอน ย้ำ มีทุกตอน ตอนละมากละน้อย แล้วชื่อตัวละครนะสะกดไม่เหมือนกัน เดี๋ยวก็สะกดด้วยตัว ว ตัว ง วรรรณยุกต์ก็เปลี่ยนไปมา สงสัยว่าทำไมไม่มีใครตรวจก่อนลง คือแต่ละตอนก็ไม่ได้จะยาวอะไรมากมาย อ่านแป๊บเดียวก็เห็นแล้วว่ามันมีคำผิดเยอะมาก จ่ายเงินซื้อแล้วได้แต่เนื้อหาไม่ตรวจทานแบบนี้โคตรอารมณ์เสีย
กุว่านักแปลที่แปลดีๆภาษาสวยๆมักเป็นนักแปลมีอายุ แบบ 30+ อะ พวกนักแปลเด็กๆอาจจะยังชั่วโมงบินต่ำ+ไม่ทันอ่านหนังสือของนักเขียนรุ่นเก่าๆที่ภาษาสละสลวยกว่า เลยแปลออกมาทื่อๆไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนนะ นักแปลแก่ๆแปลห่วยแตกก็มี นักแปลเด็กฝีมือดีก็คงมี
กูว่าโดยภาพรวม สกิลภาษาไทยของคนไทยสมัยใหม่ดรอปลงกว่าสมัยเก่า
ไม่ใช่แค่นักแปลหรือฝั่งบก.
นักแต่งนิยายคนไทยโดยทั่วไป ก็ใช้คำผิดกันเยอะ มีทั้งสะกดผิด และใช้คำผิดบริบท
กูไม่ใช่คนเก่งภาษาไทย บางทีอ่านนิยายในรอร ยังเจอคำผิดเยอะมาก เป็นคำผิดที่ไม่ได้เกิดจากการพิมพ์ผิด
แต่เป็นคำผิด ที่ใช้ผิดจริงๆเช่น ร ล น่า หน้า เกียจ เกลียด
คำพวกนี้เจอบ่อยกว่าสมัยที่อ่านนิยายเมื่อ 10 ปีที่แล้วเยอะเลย
แปลเว็บเขาถือว่าเขากลับมาแก้ได้ตลอดเวลาปะ เลยเน้นเร็วไว้ก่อน แต่ปกติงานแบบนี้กูไม่ซื้อนะ ถ้าจะจ่ายแล้วกูยอมจ่ายแพงกว่าแต่ขอของมีคุณภาพ กูจะได้กลับมาอ่านได้บ่อยๆ
ky ชั่วประกายหินเหล็กไฟคืออะไรวะ กูนึกถึงหน้าพี่โป่งร้องเพลงนางแมวทุกครั้งเลย
หินเหล็กไฟเป็นคำแปลไทยของ flint stone
อันนี้กูก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแปลงี้ เป็นหินที่ใช้จุดไฟสมัยก่อน
ก็คงเป็นชั่วพริบตาที่ตีหินให้เกิดประกายไฟแหละ
แต่เออ พอภาษาไทยมันมีวงหิน เหล็ก ไฟ หัวทุกคนเลยคิดไปในทางนั้นโดยอัตโนมัติ 5555
ราชบัณฑิตใช้ว่าหินเหล็กไฟแหละ แต่ดูเหมือนพวกช่างเจียรที่ใช้หินนี่จริงๆเขาจะเรียกว่าหินไฟ ซึ่งว่าไปแล้วกูสงสัย ถ้ามีคนใช้คำว่าหินไฟแทนหินเหล็กไฟ จะดราม่ามั้ยวะ
พูดถึงปกคู่แล้วปกคู่เล่มสาม หวานใจหนังสยองขวัญ เหมือนคนจะชอบกันเยอะ แต่กูเห็นปกสามแล้วคิดหนักกว่าตอนเห็นปกหนึ่งอีกว่ะ คือกูไม่ชอบสไตล์เคะชนเคะ กูคงเป็นคนส่วนน้อย ดีใจกับคนที่ชอบนะ ส่วนกูขอกลับไปคิดต่อก่อน ความอยากได้ลดลงนิสสนึง
>>986 พูดแทนคนอื่นไม่ได้ แต่เป็นกู กูก็ไม่ติดใจนะ
คำคำนึง มันแปลได้หลายอย่างอะ
ราชบัณฑิตก็มีบัญญัติศัพท์หลายครั้งที่ทำให้คนในวงการจริงๆ เขาขมวดคิ้วเพราะความหมายมันไม่ได้
ดังนั้น ถ้าเราคิดว่าคำแปลนั้นสื่อความชัดกว่า ตรงกว่า ตราบใดที่ไม่ใช่แปลผิดแบบผิดไปเลย กูว่าก็ใช้ได้อะ
อันนี้ก็อาจจะต้องไปเช็กด้วยว่า โอเค วงการช่างใช้อย่างนี้ แล้ววงวิชาการที่พูดถึงในเชิงประวัติศาสตร์ใช้ว่าไงด้วย
เพราะบางที ต่างวงการก็เรียกต่างกัน เช่น วงการเดินป่าอาจจะเรียกหินจุดไฟงี้
หวานใจ เหตุผลเหี้ยมากบอกเลย เรียกว่าเหยียดได้เลยนะ แต่งหญิงแล้วยังไง?คำตอบที่ได้คือ ไปพักเหอะ
อยากอ่านสปินออฟ yes or no เล่ม off air แปลไทย ชาตินี้จะได้อ่านมั้ยน้อ ไหนจะเล่มของซาคาเอะซังอีก เซ็งๆๆ
>>995 ไม่รู้ดอกบัวได้ LC มาไหมนะ เพราตอนเล่มทัตสึกิ นางแอลซีมาพร้อมเล่มหลัก แต่เล่มของซาคาเอะ+Spinoff ตอนนัตจังออกกูก็ไปถามมารอบหนึ่ง เขาบอกกำลังพิจารณาหรือเสนอเรื่องนี่แหละ ผ่านมาปีหนึ่งแล้วยังไม่ประกาศก็ไม่รู้ว่าไม่ได้ซื้อมาหรือซื้อมาแล้วแต่แปลอยู่ค่อยประกาศตอนจะออกเล่มเพราะกลัวคนหาว่าดอง
Ky ลิ่วเหยาแปลแย่ขนาดไหนว่ะ คนถึงอยากให้แปลใหม่ กูไม่เคยอ่านแต่อยากเผือก เห็นโม่งเข้ามาสับกันหลายทีเหมือนกันว่าสำนวนบ้ง แปลนมเนย คือไงว่ะ ขอตัวอย่างสักประโยคไว้เป็นกรณีศึกษา
Ky คนวังหลวงหลอกข้าน่าตำมากปะ
>>998 กุกะลังจะเข้ามาถามเลย ว่าอะไรกดดันกุหลาบจนยอมแปลใหม่หมด ทั้งๆที่เข็นพิมพ์ 2 ออกมาแล้วด้วย เจตนาไม่ได้กะแก้หรือเต็มใจแก้แน่นอน
ว่าแต่บ้านเรามีเคสแบบนี้บ่อยมั้ยวะ รู้สึกเหมือนนานแสนนานจะได้ยินสักเคส ที่แปลพลาดจนต้องเรียกคืนพิมพ์ใหม่ เห็นส่วนมากโดนแหกไม่กี่จุดก็เบลอๆไป รอแก้พิมพ์ 2 หรือขายหมดค่อยเปลี่ยนคนแปล
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.